สงสัยเรื่องพระอนาคามี ครับ ใครเชี่ยวชาญช่วยตอบทีครับ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย bankzar, 21 มิถุนายน 2013.

  1. Ron_

    Ron_ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    568
    ค่าพลัง:
    +1,284
    เพิ่มเติมนิดนึงครับ

    พระอนาคามีนั้นถ้ายังไม่จบอรหันต์ก็จะไปเกิดบนพรหมโลก ไม่เกิดในมนุษย์โลก อันนี้เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้ว

    แต่พระพรหมอนาคามี นั้น สามารถที่จะกลับมาเยี่ยมเยียนโลกมนุษย์ในฐานะพรหมเพื่อเตือนสติ หรืออนุเคราะห์คนรู้จักก็ได้

    เช่น ฆฏิการพรหม มาอนุเคราะห์ ถวายบาตร จีวร และอัฐบริขาร แก่เจ้าชายสิตธัตถะ ตอนเสด็จออกบวช

    พระอนาคามีที่มาเตือน พาหิยะ ทารุจีริยะ ว่า ยังไม่ใช่พระอรหันต์ให้ไปหาพระพุทธเจ้า

    พระอนาคามี มาเตือน พระโกกาลิกะ (เพื่อน เทวทัต) เรื่องอย่าคิดไม่ดีกับพระสารีบุตร

    เป็นต้น
     
  2. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    การมายังโลกมนุษย์นั้นเพื่อสงเคราะห์ เพื่อการกระทำความดีนั้น ไม่ใช่แค่เหล่าอรูปพรหม มหาพรหมเท่านั้น แต่จิตทุกดวงในสวรรค์ทุกชั้นภพย่อมกระทำได้ แม้กระทั้งเทพในชั้นนรกภูมิ หรือบาดาลภิภพ ก็สามารถกระทำได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่บารมีของท่าน ความพร้อมของท่าน ตามเหตุปัจจัยเกื้อหนุน ตามบุญกุศลที่สัมพันธ์กัน ให้ร่วมกันสร้างความดี สร้างบารมีครับ สาธุ
     
  3. Ron_

    Ron_ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    568
    ค่าพลัง:
    +1,284
    เพิ่มเติมพระพุทธพจน์ครับ

    [๑๘๗] ดูกรสารีบุตร มีสมณพราหมณ์พวกหนึ่ง มีวาทะอย่างนี้ มีทิฏฐิอย่างนี้ว่า ความหมดจดย่อมมีได้ด้วยสังสารวัฏ ดูกรสารีบุตร ก็สังสารวัฏที่เราไม่เคยท่องเที่ยวไป โดยกาล ยืดยาวช้านานนี้ เว้นแต่เทวโลกชั้นสุทธาวาส เป็นสิ่งที่หาไม่ได้ง่ายนัก ดูกรสารีบุตร ถ้าเรา พึงท่องเที่ยวไปในเทวโลกชั้นสุทธาวาส เราก็จะไม่พึงมาสู่โลกนี้อีก.             
     [๑๘๘] ดูกรสารีบุตร มีสมณพราหมณ์พวกหนึ่ง มีวาทะอย่างนี้ มีทิฏฐิอย่างนี้ว่า ความ บริสุทธิ์ย่อมมีได้ด้วยอุบัติ ดูกรสารีบุตร ความอุบัติที่เราไม่เคยเข้าถึงแล้ว โดยกาลยืดยาวช้านาน นี้ เว้นจากเทวโลกชั้นสุทธาวาส เป็นของหาไม่ได้ง่ายนัก ดูกรสารีบุตร ถ้าเราพึงอุบัติในเทวโลก ชั้นสุทธาวาส เราก็ไม่พึงมาสู่โลกนี้อีก.              
    [๑๘๙] ดูกรสารีบุตร มีสมณพราหมณ์พวกหนึ่ง มีวาทะอย่างนี้ มีทิฏฐิอย่างนี้ว่า ความหมดจดย่อมมีได้ด้วยอาวาส ดูกรสารีบุตร ก็อาวาสที่เราไม่เคยอยู่อาศัยแล้ว โดยกาลยืด ยาวช้านานนี้ เว้นจากเทวโลกชั้นสุทธาวาส เป็นของหาไม่ได้ง่ายนัก ดูกรสารีบุตร ถ้าเราพึงอยู่ อาศัยในเทวโลกชั้นสุทธาวาส เราก็ไม่พึงมาสู่โลกนี้อีก.
    http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/sutta_item.php?book=12&item=187#187

    ส่วนอรูปพรหมนั้น ไม่สามารถกลับมาโลกมนุษย์ในฐานะพรหมได้เลย เพราะไม่มีรูป อย่าว่าแต่มาหา คนรู้จักในโลกมนุษย์เลย

    ขนาดพระพุทธเจ้าจะไปโปรด ถึงในภูมินั้น ยังไม่สามารถทำได้เลย
    ดังนั้นถ้ายังไม่เคยศึกษาวิปัสสนา แล้วดันไปอยู่ในภพนั้น ก็เรียกได้ว่าโชคร้ายสุดๆ เพราะหมดโอกาสฟังธรรม

    แต่ถ้าใครเคยศึกษาวิปัสสนามาก่อน เมื่อไปอยู่ภพนั้น ก็สามารถพิจารณาขันธ์ 4 เป็นไตรลักษณ์ เดินวิปัสสนาในภพนั้นต่อจนบรรลุธรรมได้
     
  4. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ความจริงยังมีอยู่ว่า แม้ความเป็นอรูปพรหม เพราะด้วยอาศัย
    สมาธิฌาณ ของจิต ก็ดี หรือเพราะด้วยจิตที่ทรงอารมณ์หรือนิสัยแห่งความเป็นอริยะบุคคลก็ดี

    กระนั้น ธรรมดาอันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ แห่งอรูปพรหม ขึ้นไป เช่นสุทธาวาสเป็นต้นนั้น
    หรือส่วนอื่นๆนั้น ย่อมรู้ว่าแม้ตนไปปราถนากลับมายังโลกมนุษย์อีกก็จริง แต่เพื่อความก้าวหน้าทางจิตและทางธรรมนั้น เหล่าอรูปพรหมทั้งหลาย จึงมีทางไปดังนี้
    1เหล่าอรูปพรหมทั้งหลายจะไปยัง พระอนาคามีผู้เป็นอรูปพรหมด้วยกัน ผู้เคยเป็นพระอริยะสงฆ์ที่ครั้งเมื่อเป็นมนุษย์ เป็นผู้มีที่ปัญญาในทางธรรมมากและได้สั่งสมบารมีมามากแล้ว ย่อมเป็นผู้สามารถบรรลุธรรมสำเร็จเป็นพระอรหันต์ได้โดยง่าย พึงเข้าไปหาเพื่อขอฟังธรรมจากท่าน เพื่อสำเร็จตามท่านไปด้วยกัน ประการหนึ่ง
    2เหล่าอรูปพรหม จะมายัง ดุสิตวิมาน เพราะวิมานชั้นนี้เท่านั้น เทพผู้ป็นนักปราชญ์ บัณฑิต มีพระโพธิสัตว์ผู้ที่สามารถกล่าวแสดงธรรมเพื่อให้จิตบรรลุธรรมในขั้นที่สูงขึ้นไปได้หรือสามารถเรียนรู้การปฏิบัตฺิธรรมได้แม้ความรู้หรือธรรมเหล่านั้น อาจจะไม่สูงสุดเท่ากับพระพุทธเจ้า แต่ก็สามารถรับฟังทำความเข้าใจในพื้นฐานต่างๆ ตลอดจนวิธีปฏิบัติพื้นฐานต่างๆ อันเป็นการนำไปสู่ความก้าวหน้าทางธรรมทางจิตต่อไปได้สำเร็จครับ ซึ่งส่วนที่เหลือนั้นคือเหล่าอรูปพรหมต้องกลับไปเร่งความเพียร ภาวนาทางจิตของตน จนสามารถเข้าสู่ความเป็นพระอรหันต์ได้เองในที่สุดครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มิถุนายน 2013
  5. Ron_

    Ron_ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    568
    ค่าพลัง:
    +1,284
    คุณ tjs ครับ
    พรหมสุทธาวาส เป็นรูปพรหมครับ ไม่ใช่อรูปพรหม
    อรูปพรหม คือ พวกที่ตายขณะอยู่ใน อรูปฌาน เช่น อากาสานัญจายตนะ วิญญาณันจาญตนะ อากิญจันยายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ เมื่อตายไปแล้วก็จะอยู่ในภพ ของอรูปพรหมนั้นๆ

    พวกนี้ไม่มีรูป ไม่สามารถไปหาใครเพื่อฟังธรรมได้

    เช่น อาฬารดาบส กับ อุทกดาบส ขนาดพระพุทธเจ้านึกถึงเป็นคนแรกๆว่าเป็นผู้มีกิเลสเบาบางเมื่อฟังธรรมจะบรรลุธรรมได้ แต่พอรู้ว่าตายไปแล้ว แม้ท่าน อยากจะไปสอนยังสอนไม่ได้เลย
     
  6. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    อรูปพรหมประกอบด้วยชั้นเรียงลำดับขึ้นไปดังนี้

    มะหาพรหมมา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง มะหาพรหมมานัง เทวานัง สัททัง สุตตะวา

    ปะริตตะภา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง ปะริตตาภานัง เทวานัง สัททัง สุตตะวา

    อัปปะมาณาภา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง อัปปะมาณานัง เทวานัง สัททัง สุตตะวา ฯ

    อาภัสสะรา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง อาภัสสะรานัง เทวานัง สัททัง สุตตะวา ฯ

    ปะริตตะสุภา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง ปะริตตะสุภานัง เทวานัง สัททัง สุตตะวา

    อัปปะมาณะสุภา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง อัปปะมาณะสุภานัง เทวานัง สัททัง สุตตะวา ฯ

    สุภะกิณหะกา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง สุภะกิณหะกานัง เทวานัง สัททัง สุตตะวา ฯ

    อสัญญสัตตา เทวา สัททะทะนุสสาเวสุง อะสัญญะสัตตานัง เทวานัง สัททัง สุตตตะวา ฯ

    เวหัปผะลา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง เวหัปผะลานัง เทวานัง สัททัง สุตตะวา ฯ

    อะวิหา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง อะวิหานัง เทวานัง สัททัง สุตตะวา ฯ

    อะตัปปา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง อะตัปปานัง เทวานัง สัททัง สุตตะวา ฯ

    สุทัสสา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง สุทัสสานัง เทวานัง สัททัง สุตตะวา ฯ

    สุทัสสี เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง สุทัสสีนัง เทวานัง สัททัง สุตตะวา ฯ

    อะกะนิฏฐะกา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง

    ==============

    ส่วนที่กล่าวถึงชั้นพรหมสุทธาวาส นั้นแปลว่า อาวาส คือที่อยู่ของผู้บริสุทธิ์ หรือ ที่อยู่อันบริสุทธิ์


    หมายถึงนิวาสภูมิของท่านผู้บริสุทธิ์เหล่านั้น คำว่า ผู้บริสุทธิ์ ในที่นี้หมายเฉพาะพระอนาคามีและพระอรหันต์ คือ พระอริยาบุคคลชั้นอนาคามีในโลกนี้สิ้นชีวิตแล้ว ท่านว่าไปเกิดอยู่ในชั้นสุทธาวาส และจะสำเร็จเป็นพระอรหันต์ นิพพานในชั้นสุทธาวาสนั้น ไม่มีกลับลงมาอีก ท่านจึงว่า สุทธาวาสเป็นที่อยู่ของพระอนาคามีและพระอรหันต์ หมายถึงพระอนาคามีดั่งกล่าวและพระอรหันต์ที่สำเร็จภายหลังจากที่ขึ้นมาเกิดในสวรรค์แล้ว สุทธาวาสนี้มีอยู่ ๕ ชั้น นับต่อจากชั้น ๑๑ เป็นลำดับไปดั่งนี้.



    คือชั้น. วิหา แปลว่า ไม่ละฐานของตนโดยกาลอันน้อย หรือไม่เสื่อมจากสมบัติของตน


    เป็นภูมิ สุทธาวาส ชั้นต้น


    ชั้น. อตัปปา แปลว่า ไม่สะดุ้งกลัวอะไร หรือ ไม่ทำผู้ใดผู้หนึ่งให้เดือดร้อน เป็นภูมิ สุทธาวาสชั้นสอง


    ชั้น. สุทัสสา แปลว่า ดูงาม คือมีรูปงามน่าดู เป็นภูมิสุทธาวาสชั้นสาม


    ชั้น.สุทัสสี แปลว่า ดูงาม คือมีรูปงามน่าดู เป็นภูมิสุทธาวาสชั้นสี่


    ชั้น.อกนิฏฐา แปลว่าไม่มีเป็นรอง เพราะมีสมบัติอุกกฤษฏ์ เป็นภูมิสุทธาวาสชั้นห้า
    ฉนั้นที่ท่านรณจักรกล่าวว่าไม่ใช่อรูปพรหม นี่หมายความว่าอย่างไรครับ

    ตำว่าอรูปพรหม หรือจิตของอรูปพรหม นี่ท่านก็มีจิตเหมือนจิตทั่วๆไปทุกดวง ที่สามารถรับรู้และเคลื่อนจิตไปได้ ตามที่จิตปราถนา แต่อาศัยว่า ด้วยบารมี ด้วยบุญกุศล ที่สั่งสมมามีมาก การปฏิบัติทางจิตก็กระทำมามากปฏิบัติมามาก จนจิตหลุดพ้นจากความยึดมั่นถือมั่นในรูปภพ หลุดพ้นจากอำนาจของวัตถุธาตุที่เป็นเครื่องยึดมั่น

    อีกอย่าง การไปยังอรูปพรหมมีสองส่วน

    ส่วนหนึ่ง อาศัยเจริญฌาณ5-8แล้วเกิดเสียชีวิตในขณะนั้นเหมือนที่ท่านกล่าวมา อันฌาณ5-8ที่ว่านี้ก็คือ เป็นอรูปาวัจรฌาณ มีที่ไปคืออรูปพรหม เท่านั้นส่วนจะไปชั้นไหนก็อยู่ที่กำลังของระดับอรูปฌาณที่ทำได้ในขณะนั้น

    ส่วนหนึ่ง อาศัยจิตที่ทรงฌาณทรงสมาธิ ทรงสติตลอดเวลา เป็นผู้ตัดละรูปภพได้หมดสิ้นแล้ว หรือกล่าวว่า ไม่ใช่แค่เฉพาะในเวลาที่ท่านทำสมาธิแล้วได้ฌาณ5-8เท่านั้น แต่ในเวลาปกติจิตท่านก็ทรงฌาณ5-8อยู่ด้วยตลอด ข้อนี้เป็นนิสสัยของพระอนาคามีเท่านั้นที่จะสามารถทรงได้

    ฉนั้น ในความเป็นพระอนาคามี ตามที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ถูกต้องแล้ว ท่านมีที่ไปแห่งเดียวคือความเป็นอรูปพรหม อรูปพรหม เท่านั้น แต่อรูปพรหมก็มีหลายชั้น ก็อยู่ที่กำลังจิตของท่านว่าท่านมีกำลังจิตทรงอยู่ด้วยสภาวะใด ตัดละรูปภพได้หมดและรูปนามได้มากน้อยอย่างไร ครับ

    อย่างท่านท้าวมหาพรหมปรเมศวร ที่ท่านเป็นครูอาจารย์ของกระผม ที่ผ่านมาท่านก็สามารถมาแนะนำสั่งสอนพิธีกรรมต่างๆได้ สอนให้กระผมเจริญสมาธิไปสู่ฌาณ5และกำลังฝึกฌาณ6อยู่นี้ก็ด้วยท่านมีเมตตาแนะนำสั่งสอนให้

    การอ่านและศึกษาตำรา เพียงอย่างเดียวไปไม่ใช่สิ่งที่ให้ความกระจ่างแก่เราได้อย่างแท้จริง แต่การปฏิบัติ และผลจากการปฏิบัติเท่านั้นจะเป็นเครื่องรู้แจ้งโดยแท้จริงในสิ่งต่างๆครับ เพราะจิตที่ฝึกมาแล้ว เคลื่อนไปแล้ว ท่องไปแล้วในส่วนหนึ่งของ อรูปพรหมจึงขอกล่าวอย่างนี้ครับสาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มิถุนายน 2013
  7. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    กระผมขอนำคำตอบตัวสีแดงที่ตอบคำถามของ ท่านมะหน่อมาให้อ่านเพื่อประดับความรู้ครับ สาธุ

    เมื่อวานนี้, 01:27 PM #42
    tjs
    สมาชิก

    tjs's Avatar

    วันที่สมัคร: Apr 2012
    สถานที่: เมืองพุทธโสธร
    ข้อความ: 654
    Groans: 13
    Groaned at 25 Times in 18 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 2,003
    ได้รับอนุโมทนา 4,852 ครั้ง ใน 615 โพส
    พลังการให้คะแนน: 323
    tjs has a reputation beyond reputetjs has a reputation beyond reputetjs has a reputation beyond reputetjs has a reputation beyond reputetjs has a reputation beyond reputetjs has a reputation beyond reputetjs has a reputation beyond reputetjs has a reputation beyond reputetjs has a reputation beyond reputetjs has a reputation beyond reputetjs has a reputation beyond repute

    อ้างอิง:
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ มะหน่อ อ่านข้อความ
    ไปยังไม่ถึงหรือไม่อย่างไรถึงบอกว่าไม่มีอะไร

    ใช่ครับยังไปไม่ถึง ผู้ที่ไปถึงก็วางและว่างแล้วก็หาได้ยาก แม้นหาได้ก็จะกล่าวถามและนำสภาวะของท่านมาตอบให้ฟังครับ

    เพื่อนกัลยาณมิตรท่านอื่นที่ไปถึง
    ไปเจออะไรไหมขอรับ

    ขอนี้ไม่ทราบครับ

    การปล่อยวางดูเหมือนความว่าง
    ตรงนี้ว่างอย่างไร
    มีอยู่ขั้นตอนหนึ่งของการปฏิบัติ
    คือว่างตอนสงบจากฟุ้งซ่าน
    แล้วปิติสุข
    ตรงนี้ว่างมีสติรับรู้อยู่
    ว่าสุขใดเท่าความสงบไม่มี
    ดังนั้นตรงนี้ควบกล้ำกับสามๆสี่ๆหรือไม่

    ว่างเริ่มต้นคือเริ่มว่างเพราะเกิดสมาธิจึงว่างเรียกว่าว่างในสมาธิ ถัดมาก็ว่างในฌาณ ว่างไปเรื่อยๆจนว่างในอุเปกขา ว่างด้วยปัญญาในวิปัสสนา
    จนว่างเป็นที่สุดครับ


    หรืออาจกล่าวได้ว่า มีความว่างในความว่าง เป็นความมี คือมีความว่างเป็นอารมณ์ของจิต เป็นความมีในความไม่มีคือความว่างนั้นเอง

    เหมือนเบื่อโลกอยากบวช
    เมื่อสี่แล้วหลุดไปห้า
    และไม่มาสี่อีกเมื่อได้รับผลของห้า
    แล้วเหมือนหายไป
    หายนานมาก
    แต่บางท่านไม่้เข้าใจว่าผลการปฏิบีติที่ได้หายไป
    เลิกไปเลยก็มีหรือไม่อย่างไร

    ใช่เป็นความมี เป็นผลที่เกิดให้ผลอยู่ภายใน เมื่ออยู่ภายในจึงไม่เห็น ที่ไม่เห็นเพราะจิตอยู่กับปัจจุบัน แต่ถ้าจิตที่ละเอียด มากพอก็จะเห็นทั้งภายในและภายนอกอยู่เนืองๆเสมอเป็นนิจ ตรงนี้ต้องฝึกทำให้เกิดเป็นอุปนิสัย

    การละและปล่อยวางทั้งหมด
    คงละลมหายใจทั้งสองทางคือรูปและอรูป
    แต่หากยังมีลมหายใจอยู่ละไม่หมดหรือไม่อย่างไร
    เพราะยังอยากดื่มน้ำ หิวข้าวอยู่หรือไม่ เป็นอย่างน้อย

    ความละและความมีเป็นเรื่องที่อาศัยจิตเป็นเครื่องดูเครื่องตัด กายขันธ์รูปนามเป็นความมีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ดับไปของมัน เป็นความมีของมันอย่างนั้น แต่จิตอาศัยปัญญาตัดละปล่อยแล้ว จึงไม่ได้สนในในความมี มันจะมีหรือไม่มีจิตมีปัญญารู้แจ้งแล้ว ก็ปล่อยวางด้วยจิตของมันอย่างนั้นเสมอ
    เพราะความที่กายขันธ์มีมันก็ต้องบำรุงบำเรอมันไปตามความเหมาะสมก็เรื่องของมันก็เท่านั้น การที่เป็นอย่างนั้นก็มิได้หมายความว่า จิตจะไปยึดว่า เป็นความมีก็ไม่ใช่แต่มันเป็นแค่หน้าที่ของมันที่ต้องทำไปไม่ได้ยึดติด เพราะจิตมันว่างของมันอยู่ภายในเมื่อว่างแล้วก็ไม่รับอะไรอีกแล้วมันก็เป็นอย่างนี้ของจิตที่อาศัยด้วยความว่าง


    ดังนั้นท่านกล่าวไว้สามทาง
    อย่างแรกที่ท่านกล่าวว่าชั่วคราวเท่านั้นหรือไม่อย่างไร

    ใช่ครับเป็นอย่างนั้น ชั่วคราวย่อมเกิดได้เพราะเหตุปัจจัยสนับสนุนให้จิตวิ่งไปถึงได้อย่างนั้น

    หรือท่านกล่าวว่าไปได้เจ็ดวันตามตำราว่าดังนั้น
    ใครเคยไปมาได้เจ็ดวันท่านอธิบายได้หรือไม่อย่างไรขอรับ
    ว่าตรงนั้นมีสื่ออย่างไรที่จะเอามาอธิบายได้

    ความจริงเจ็ดวันเป็นบัญญัติ แต่ความจริงอาจจะมากกว่านั้นก็อาจเป็นไปได้ตามกำลังของจิตและสติปัญญาและความหนาของกิเลสที่ฉาบทาอยู่ในจิตของแต่ละบุคคล อันไม่มีเครื่องกำหนดชัดเจนซึ่งเป็นไปตามเหตุปัจจัยครับ

    ผมตามตรงนี้อยู่เช่นกันเพื่อ
    มีท่านมายันได้ว่าเป็นอย่างนี้ๆ
    อิงทั้งสามทางคือปฏิบัติ ปริยัติ และปฏิเวธ
    หรือไม่อย่างไร
    หากเอาตำรามากางอย่างเดียว
    ความเชื่อหายไปอีกสองส่วนหรือไม่อย่างไร

    ใช่ครับ ที่ตอบว่าใช่เพราะความรู้ใดๆธรรมใดๆ ไม่สามารถชี้ชัดด้วยปริยัติแค่เพียงส่วนเดียว หากจะต้องอาศัยทั้งปฏิบัติเป็นเครื่องกระทำให้เกิดเป็นเครื่องก้าวไป และจะต้องอาศัยปฏิเวธเป็นเครื่องอำนวยผล คือความเจริญที่บังเกิดปรากฏดุจสักขีพยานหรือเงาติดตามไปตลอดชั่วนิรันดร์ครับ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มิถุนายน 2013
  8. Ron_

    Ron_ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    568
    ค่าพลัง:
    +1,284
    อรูปพรหม คือ พรหมที่ไม่มีรูปไงครับ มีขันธ์ 4 ขันธ์ คือ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เท่านั้น

    ที่คุณ tjs ยกมาว่า พรหมสุทธาวาส เป็นส่วนหนึ่งของ อรูปพรหม แต่ในรายละเอียด กลับบอกว่า พรหมสุทธาวาส เช่น ชั้นสุทัสสา มีรูปงาม ถ้อยคำของคุณยังขัดแย้งกันเองเลย

    สัตว์โลกที่เวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ แบ่งตามขันธ์มี 3 จำพวก
    1. พวกที่มี 5 ขันธ์
    2. พวกที่มี 4 ขันธ์ (อากาสานันจา วิญญานันจา อากิญจัญญา เนวสัญญานาสัญญา)
    3. พวกที่มี 1 ขันธ์ (อสัญญีสัตตาพรหม หรือ พรหมลูกฟัก)

    การศึกษาธรรมนั้น นั้นต้อง มีทั้งปริยัติ ปฏิบัติ จึงจะเห็นผลคือ ปฏิเวธ
    ไม่ใช่ เอาแต่ปฏิบัติโดยไม่ดูความเป็นจริงจากทางปริยัติคอยตรวจสอบ

    คุณ tjs เองอย่ามัวแต่ ยึดติดกับนิมิตที่เห็น มากนะครับ มันมีทั้งจริงและไม่จริง

    ซึ่งเครื่องมือตรวจสอบ ก็คือ คำสอนของพระพุทธเจ้าที่บันทึกในพระไตรปิฎก
    ถ้าไม่ตรงกับที่พระพุทธเจ้าสอน ก็อย่าไปหลงยึดว่า ใช่ (แต่ถ้าไม่มีตำรา ก็วางใจกลางๆ มันอาจจะถูก หรือ ผิดก็ได้)
     
  9. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
    คุณ tjs กล่าวขัดแย้งกันเองจริงๆ สุทธาวาสพรหม คือ รูปพรหม มี 5 ชั้น

    คงจะเข้าใจสับสนแปลคำผนวกลงกับคำว่า อะ กะนิฏฐา กับ อะรูป

    และอรูปพรหมไม่ได้มีหลายชั้น มีอยู่เพียง 4 ชั้น(ไม่มากไปกว่า)

    ตรงนี้ดูคุณรณจักร จะมีฐานความรู้ในทางพระพุทธศาสนาแน่นกว่า

    หากคุณtjsเข้าใจถูกต้อง ก็จะไม่กล่าวไปว่า ตามข้อความตัวอักษรสีน้ำเงินที่อ้างอิง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มิถุนายน 2013
  10. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
    ลองศึกษาตรงนี้ดู จะได้เห็นภาพในการแยกแยะได้อย่างชัดเจน
    เพื่อความเข้าใจต่ออนุชนรุ่นหลังในอนาคต หากจะเผยแผ่สิ่งที่ถูกต้อง

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มิถุนายน 2013
  11. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
    [​IMG]
     
  12. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ตำราที่กล่าวอ้างมาไม่ตรงกับของผม ผมไม่ทราบว่าแผนภูมินี้เอามาจากที่ใดแต่ ที่กระผมกล่าว

    กระผมกล่าวตามพระธรรมจักร ที่พระพุทธองค์ตรัสสอนแก่ปัญจวคีทั้ง5ท่าน และขอยืนยันว่า อรูปพรหมในตารางหรือแผนภูมิแท้จริงแล้วไม่มี แต่อรูปพรหมในตารางที่แสดงมานั้นคือเหตุแห่งการปฏิบัติเพื่อให้ได้อรูปพรหม ทั้งหมด จึงไม่ใช่ความเป็นชั้นพรหมที่เข้าใจ เพราะความเข้าถึง อากาสานัญจายตนะก็ดี วิญญานัญจายตนะก็ดี อากิญจัญญายตนะก็ดี เนวสัญญาณายตนะก็ดี เพราะด้วยเหตุนี้แห่งอรูปฌาณนี้เองจึงเข้าถึงอรูปพรหมชั้นต่างๆ และที่สุดแห่งอรูปพรหม คือ อะกะนิฏฐะกา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง เท่านั้น สูงกว่านี้ไม่มีอีกแล้วครับ
    ขออธิบายพระคาถาพระธรรมจักรปัปวัตนสูตรที่ได้อธิบายชั้นภพของสวรรค์มีดังนี้อีกว่า


    1ภุมมานัง เทวานัง สัททัง สุตตะวา

    2จาตุมมะหาราชิกา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง จาตุมมะหาราชิกานัง เทวานัง สัททัง สุตตะวา

    3ตาวะติงสา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง ตาวะติงสานัง เทวานัง สัททัง สุตตะวา

    4ยามา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง ยามานัง เทวานัง สัททัง สุตตะวา

    5ตุสิตา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง ตุสิตานัง เทวานัง สัททัง สุตตะวา


    6นิมมะนะระตี เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง นิมมานะระตีนัง เทวานัง สัททัง สุตตะวา

    7ปะระนิมมิตะวะสะวัตตี เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง ปะระนิมมิตะวะสะวัตตีนัง เทวานัง สัททัง สุตตะวา

    8พรัหมะกายิกา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง พรัหมะกายิกานัง เทวานัง สัททัง สุตตะวา

    9พรัหมะ ปาริสัชชา เทวานัง สัททะมะนุสสาเวสุง พรัหมะปาริสัชชานัง เทวานัง สัททัง สุตตะวา

    10พรัหมะ ปุโรหิตา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง พรัหมะปุโรหิตานัง เทวานัง สัททัง สุตตะวา


    11มะหาพรหมมา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง มะหาพรหมมานัง เทวานัง สัททัง สุตตะวา

    12ปะริตตะภา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง ปะริตตาภานัง เทวานัง สัททัง สุตตะวา

    13อัปปะมาณาภา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง อัปปะมาณานัง เทวานัง สัททัง สุตตะวา ฯ

    14อาภัสสะรา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง อาภัสสะรานัง เทวานัง สัททัง สุตตะวา ฯ

    15ปะริตตะสุภา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง ปะริตตะสุภานัง เทวานัง สัททัง สุตตะวา

    16อัปปะมาณะสุภา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง อัปปะมาณะสุภานัง เทวานัง สัททัง สุตตะวา ฯ

    17สุภะกิณหะกา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง สุภะกิณหะกานัง เทวานัง สัททัง สุตตะวา ฯ

    18อสัญญสัตตา เทวา สัททะทะนุสสาเวสุง อะสัญญะสัตตานัง เทวานัง สัททัง สุตตตะวา ฯ

    19เวหัปผะลา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง เวหัปผะลานัง เทวานัง สัททัง สุตตะวา ฯ

    20อะวิหา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง อะวิหานัง เทวานัง สัททัง สุตตะวา ฯ

    21อะตัปปา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง อะตัปปานัง เทวานัง สัททัง สุตตะวา ฯ

    22สุทัสสา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง สุทัสสานัง เทวานัง สัททัง สุตตะวา ฯ

    23สุทัสสี เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง สุทัสสีนัง เทวานัง สัททัง สุตตะวา ฯ

    24อะกะนิฏฐะกา เทวา สัททะมะนุสสาเวสุง

    ขอแบ่งดังนี้ว่า
    1 ชั้นกามาวจรเทพ คือชั้นที่ใส่ตัวหนังสือสีน้ำตาล ลำดับ1-5
    2 ชั้นรูปาวจรเทพ หรือรูปพรหม หรือ พรหมเทพคือชั้นที่ใส่ตัวหนังสือสีน้ำเงิน ลำดับ6-10 แต่ลำดับที่6-7เป็นกึ่งเทพกึ่งพรหม
    3 ชั้นอรูปาวจรเทพ หรืออรูปพรหม หรือ มหาพรหมเทพคือชั้นที่ใส่ตัวหนังสือสีแดงทั้งหมดคือลำดับที่11-24 เพราะความละเอียดแห่งอรูปพรหมมีมากจึงมีหลายชั้นภูมิครับ

    กระผมกล่าวตามพระคาถาธรรมจักร์ ส่วนที่ท่านนำมาแสดง ตารางนี้นั้นกระผมเห็นมานานแล้วและพิสูจน์ด้วยจิตและอาศัยคำแนะนำจากครูอาจารย์ซึ่งก็ได้ความกระจ่างแจ้งชัดแล้ว ว่าเป็นไปตามพระคาถาตามที่พระพุทธองค์ทรงกล่าวในพระคาถา ส่วนที่ท่านเห็นในแผนผังตารางแสดงนั้น เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เพราะ4ชั้นบนสุดนั้นไม่ใช่ชั้น แต่4ชั้นตรงนั้นในพระไตรปิฏกนั้นหมายถึงวิธีการปฏิบัติอันนำไปสู่ความเป็นอรูปฌาณอันนำไปสู่ความเป็นอรูปพรหม ครับ ขอให้เข้าใจใหม่ให้ถูกต้องด้วยนะครับ สาธุ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มิถุนายน 2013
  13. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
    คุณ tjs ทั้งที่คุณได้บอกไว้แล้วว่า สุทธาวาสคือ รูปพรหม

    ดังข้อความที่โพสบอกไว้ว่า

    แล้วจะเป็นอรูปพรหม ไปได้อย่างไรก็บอกไว้อยู่ว่ามีรูปๆ
    กับทั้งเข้าใจไปอีกว่า พรหมลำดับที่12-25 (โพสที่ 52 ข้างบน) คือ อรูปพรหม ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ขัดแย้งกันเอง

    แสดงว่ายังไม่เข้าใจรายละเอียดชั้นภูมิ ที่แสดงในธรรมจักร
    เพราะเหตุใด ในธรรมจักรจึงไม่กล่าวถึง อสัญญีพรหม และอรูปพรหม4(อากาสานัญจายตนะ-เนวสัญญานาสัญญายตนะ) ฝากให้เป็นปริศนาเป็นการบ้านล่ะกัน

    ปล่อยไก่เป็นเล้าเลย ต้องฝากคุณรณจักรปูพื้นให้ใหม่แล้วล่ะ หาไม่แล้วจะความเข้าใจผิดดังกล่าวจะเป็นภัยเอาได้กับผู้ไม่รู้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มิถุนายน 2013
  14. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    เมื่อไปผนวกกับพระคาถายอดพระกัณฑ์ไตรปิกฏ ก็จะสอดคล้องกันทั้งความมีชั้นภูมิของความเป็น กามาวจร รูปาวจรและอรูปาวจร ทั้งนี้ในพระคาถายอดพระกัณฑ์นั้นในฉบับดั้งเดิมซึ่งกระผมสวดท่องจำได้มานานเกือบ10ปีแล้วนั้นยังกล่าวอธิบายถึงลักษณะของฌาณ1-8ไว้ว่ามีสภาวะการเข้าถึงอย่างไร
    และเมื่อนำ24ชั้น มารวมกับ ชั้น มนุษย์ภูมิ1และ ภิภพภูมิหรือบาดาลภูมิ1 และอบายภูมิ4และนรกภูมิอีก1 รวมแล้วจึงเท่ากับ31ชั้น ครบตามพระคาถาแสดงไว้

    ท่าจะเชื่อตารางแผนภูมินั้นหรือท่านจะเชื่อในพระคาถาพระธรรมจักร์ที่พระพุทธองค์ทรงกล่าวประกาศแสดงธรรมครั้งนี้นั้นซึ่งมีความน่าเชื่อถือที่สุด ก็สุดแล้วแต่ท่าน ก็อยู่ที่ท่านจะพิจารณาครับ

    ส่วนการที่กระผมรู้ทางจิตด้วยเพราะการท่องไปส่วนหนึ่งก็ดี การมีครูอาจารย์ท่านสอนแนะนำก็ดี ตรงนี้ไม่ขอกล่าวใดๆเพิ่มครับ

    ให้พิจารณาอีกสักนิดว่า ชั้นพรหมสุทธาวาส ต้องเป็นชั้นอรูปพรหมเพราะเป็นชั้นของพระอนาคามี ไปเสวยทิพย์สมบัติ ซึ่งต้องสอดคล้องกับที่พระพุทธองค์กล่าวไว้ เพราะชั้นสุทธาวาสนี้เป็นที่ของผู้บริสุทธิ์ คือผู้ที่หนีพ้นแล้วในกามาวจรภพ รูปภพ รูปภูมินั้นเอง
    ส่วนที่ท่านกล่าวว่า สัตว์โลกที่เวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ แบ่งตามขันธ์มี 3 จำพวก
    1. พวกที่มี 5 ขันธ์
    2. พวกที่มี 4 ขันธ์ (อากาสานันจา วิญญานันจา อากิญจัญญา เนวสัญญานาสัญญา)
    3. พวกที่มี 1 ขันธ์ (อสัญญีสัตตาพรหม หรือ พรหมลูกฟัก)

    ตรงนี้ขอแย้งว่า ไม่ถูก แต่ที่ถูกคือ
    1. พวกที่มี 5 ขันธ์ [ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณขันธ์] อาศัยอยู่ กามาวจรภูมิและรูปาวจรภูมิ
    2 พวกที่มี 4 ขันธ์ [ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณขันธ์] อาศัยอยู่ อรูปาวจรภูมิ
    3 พวกที่มี 3 ขันธ์ [ สัญญา สังขาร วิญญาณขันธ์] อาศัยอยู่ อรูปาวจรภูมิ
    4 พวกที่มี 2 ขันธ์ [ สังขาร วิญญาณขันธ์] อาศัยอยู่ อรูปาวจรภูมิ
    5 พวกที่มี 1 ขันธ์ [ วิญญาณขันธ์] อาศัยอยู่ อรูปาวจรภูมิ

    แม้เธอดับกามราคะเสียได้ ดับรูปเสียได้ คือกายคือทั้งอายตนะภายในและภายนอกเสียได้ กิเลสอย่างหยาบและปานกลางทั้งหลาย ย่อมดับลงได้ คงเหลือกิเลสอย่างละเอียดคือกืเลสนามภายในที่เธอจะต้องเข้าไปภายในเพื่อดับมันให้ได้ เมื่อเธอดับได้แล้วทั้งภายนอกและภายใน เมื่อนั้นเธอก็ย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้ดับหมดสิ้นแล้วในกิเลส เธอจึงเป็นผู้หลุดพ้นจากกิเลสแล้วนั้นเองครับ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มิถุนายน 2013
  15. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ผมไม่กลัวว่าผิดหรือถูก มันก็แค่ตำรา แต่สักวันผมจะต้องไปให้ถึงที่สุดแห่งอรูปพรหมแล้วค่อยกล่าวสอนได้อย่างเต็มปากครับ แล้วท่านละคิดเหมือนผมหรือเปล่าหรือจะเอาแค่ท่องจำตำราไปวันๆอย่างนั้นเหรอครับ

    ==========

    คำว่าสุทัสสาและสุทัสสี แปลว่ารูปงาม อันนี้แปลตามภาษาไทยแบบง่ายๆ ทีนี้ให้ดูง่ายๆว่า อย่าง
    อภัสสรา นี่ก็งาม งามมากเหมือนกัน ลองคิดดูว่า สุทัสสาและสุทัสสีเป็นชั้นที่อยู่สูงกว่า อาภัสรากี่ชั้น แล้วอย่างนี้ สุทัสสาและสุทัสสีจะงามมากที่สุดขนาดไหน
    แต่ถ้าแปลตามความหมายโดยแท้จริง ของสุทัสสาและสุทัสสี นี้แปลว่างามวิจิตรพิศดาร แบบที่เรียกว่า งามวิจิตรมาก แต่ยังไม่งามเท่ารัตนประกายพฤต
    รัตนประกายพฤตนี้เป็นความงามของพระอรหันต์และพระพุทธเจ้า ซึ่งจะงามวิจิตรมาก เป็นความไม่มีรูปที่พยายามอธิบายให้เห็นภาพก็เท่านั้น คนที่มีปัญญาน้อยกลับไปคิดว่า มีรูปจึงคิดว่าเป็นรูปาวจรภูมิ ก็เลยเข้าใจผิดอยู่อย่างนี้

    กระผมก็ขออธิบายตามภูมิธรรม ภูมิปัญญา ภูมิจิตที่ศึกษามาปฏิบัติมา ครูอาจารย์สั่งสอนมาอย่างนี้ครับ
    ขอเจริญในธรรมครับ สาธุ

     
  16. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    คุณ๑สุรินทร์ คุณรณจักรและหลายๆท่าน ผมรู้จักทุกท่านดี และก็ทราบดีในภูมิธรรมที่ท่านมี ดีพอสมควร เราให้ความเคารพคารวะในธรรมซึ่งกันและกัน

    ผมTPCคือชื่อเก่า ส่วนTJSคือชื่อใหม่ที่ใช้เพราะชื่อเก่าเข้าไปไม่ได้ระบบขัดข้อง

    ผมเคยสนธนาธรรมกับท่านและหลายๆคนในเวปพลังจิตแห่งนี้ เราทั้งหลายก็เหมือนกันคือผู้เวียนว่ายในสังสาระ เราทั้งหลายบล้วนคือพุทธบุตร ปัญญาความรู้ใดๆกระผมจะรับฟังท่านไว้ว่าสิ่งที่ท่านบอกไว้นี้ จะเป็นสัญญาความรู้อย่างหนึ่ง ซึ่งจะต้องพิสูจน์ให้รู้จริงให้ได้ ว่าความรู้เหล่านี้จริงเท็จอย่างไร เพราะสุดท้ายเราก็มีเป้าหมายเหมือนกัน คือพระนิพพาน แม้จะมีหนทางเดินที่แตกต่างกัน ตามที่ตนเลือก แต่สุดท้ายด้วยจิตที่ดีก็ขออำนวยอวยพรให้ทุกท่าน จงเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปเช่นกันครับ สาธุครับ

    ปล......ดีใจมากครับที่ได้ร่วมสนทนาแลกเปลี่ยนธรรมและความรู้กันครับ รู้สึกได้ปัญญาหลายๆอย่างเพิ่มขึ้นมากๆครับ สาธุ
     
  17. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
    ทำไมจึงคิดว่าผู้อื่นเอาตำรามากล่าว จึงเข้าใจไปว่าคนอื่นไม่ปฏิบัติ

    คนปฏิบัติจะต้องกล่าวอะไรที่เกินเลยตำราอย่างนั้นหรือ จึงจะชื่อว่าเป็นนักปฏิบัติ

    การกล่าวพระสัทธรรมที่ผิดเพี้ยน มีผลเป็นอย่างไรตรงนี้เชื่อว่าเข้าใจดี แต่เหตุใดจึงกล่าวว่า
    "ผมไม่กลัวว่าผิดหรือถูก มันก็แค่ตำรา" เช่นกันเป็นเหตุให้คนกดโมทนา ก็สักแต่ว่ากด อย่างนั้นมันจะใช่หรือ

    แต่หากตำรานั้น เป็นปริยัติของผู้ไม่ผ่านการพากเพียรมีผลปฏิบัติ แล้วตำราจะเกิดขึ้นมาได้เช่นไร
    คุณ tjs จะไม่รู้สึกสะทกสะท้าน กับการปฏิรูปสัทธรรมให้ผู้อื่นคล้อยตามหรืออย่างไร
    หรือคุณอาจจะเข้าใจไปว่าตนได้บรรลุธรรมขั้นใดขั้นหนึ่ง ก็เป็นไปได้ จึงไม่สนใจคำทัดทาน

    ผู้ที่ปฏิบัติจนถึงที่สุดแห่งอรูปพรหมในขณะที่ยังเป็นปุถุชน มีตัวอย่าง คือท่านกาฬเทวิลดาบส และท่านอาฬารดาบส อายตยะไม่พร้อม
    จะหยั่งลงสู่พระสัทธรรมในไตรลักษณ์ ยึดติดในสภาวะนั้นๆ เป็นเหตุทำให้ตกสูง เนิ่นนานต่อพระนิพพาน

    แต่การเข้าใจไปว่า สุทธาวาสพรหม(อกนิฏฐา) คือ อรูปพรหม ตรงนี้รับไม่ได้จริงๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มิถุนายน 2013
  18. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
    หรือว่าคุณtjs จะเทียบเคียงสังโยชน์ของพระอรหันต์ ที่ละรูปราคะ อรูปราคะ ได้แล้ว

    จึงเข้าใจไปว่า สุทธาวาสพรหม อกนิฏฐา คือ ที่สุดแห่งอรูปพรหม

    อย่างที่คุณกล่าวตอนต้นนั้นว่า
    แต่พอสักพัก รู้สึกเหมือนเอาไมตรีมากลบเกลื่อน กล่าวให้หลังอีกว่า

     
  19. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    อยู่ที่จิตท่านคิดหรือปรุงแต่ง คิดดีย่อมมีผลดีทั้งปัจจุบัน และอนาคต

    เหมือนท่านหลวงพ่อสดเคยปรารภว่า ท่านสอนเกินพระพุทธเจ้า
    นี่ผมเป็นใคร ขำดีเหมือนกันครับ ขอบคุณที่เตือนสติครับ
    บางทีรู้สึกว่าเวลาโต้แย้งทางธรรมนี่ มันโต้งแย้งกันอย่างหนัก แล้วเวลาที่เราปฏิบัติธรรมเพื้อสู่้กับกิเลสภายในของเรานี่ มันก็ต้องสู้กันหนักหน่วงแบบเอาเป็นเอาตายเหมือนกัน เหมือนหลวงตามหาบัวท่านสอน ก็จริงของท่านครับ
     
  20. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    นี่ผมยังเป็นแค่ฆาราวาส ยังกล่าวแสดงธรรมหลากหลายแง่มุม แบบนี้

    แล้วหากผมเป็นพระสงฆ์นี่ ผมคงต้องระวังให้มาก เพราะหากปฏิบัติยังไม่ได้ไปไม่ถึง ก็จะไม่กล้ากล่าวสอนอะไรใดๆ จนกว่าจะรู้จริงไปถึงจริงก็แค่นั้น

    ผมก็เป็นอย่างนี้แหละครับ ไม่ได้สนใจยึดติดในตัวบุคคนแต่สนใจในธรรมมากที่สุด
    สิ่งที่เราไม่รู้เราก็ยอมรับไม่รู้
    สิ่งที่เรารู้อย่างไรก็ยอมรับว่ารู้แบบนั้น
    ผิดถูกก็ว่ากันไป ทำไปแล้วจักรู้ได้เอง ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...