จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027

    เย่..แม่ต้อยกลับมาแล้วววว...คิดถึงแม่ต้อยน่ะค่ะ...กลับมาพร้อมกับธรรมมะดีๆ ที่ขยันนำมาฝากเสมอ...สาธุค่ะ..:z14
     
  2. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    [​IMG]


    การฝึกซ้อมสมาธิ..ควรหลับตาหรือลืมตาดี ?

    -------------------------------------------------

    ด้านสมาธิก็ซ้อมไว้ให้เป็นปกติ ..เวลาฝึกซ้อมไม่ต้องไปนั่งหลับตา ..หลับตามันไม่เก่ง

    ลืมตาอยู่อย่างนี้แหละ ให้จิตมันทรงสมาธิ ..ลืมตาอยู่อย่างนี้แหละ ให้จิตมันทรงตัว..

    ยอมรับนับถือกฎของธรรมดาและความจริง..

    เห็นอะไรเข้า..ตายหมด ..เห็นคน คนตาย ..เห็นสัตว์ สัตว์ตาย ..เห็นวัตถุธาตุ วัตถุธาตุพัง ..
    แล้วก็นึกถึงว่าเราจะต้องตายเหมือนกัน นี่ต้องถอยหน้า ถอยหลัง จะก้าวไปแต่ข้างหน้าก็ไม่เหลียวหลัง

    ท่านทั้งหลาย ที่ระงับความวุ่นวายของจิตไม่ได้นั่นน่ะ..เขาเรียก
    ------ สีลัพพตปรามาส เป็นผู้ลูบคลำในศีล
    ------ จิตตปรามาส ลูบคลำในสมาธิ
    ------ ปัญญาปรามาส ลูบคลำในวิปัสนาญาณ

    ทำเท่าไรเท่าไร ..ก็ไม่พ้นความวุ่นวายของจิต ..มีอารมณ์หุนหันพลันแล่น โฉงเฉงโวยวาย ..ปราศจากเหตุผล
    คนประเภทนี้ทำกี่แสนกัปป์ก็ลงนรก เพราะสักแต่ว่าปฏิบัติ ..ไม่รู้จักพิจารณาจิตตัวเองว่า..ดีหรือชั่ว


    ----------------------------------------------------------------
    อ้างอิงจาก..หนังสือ E-book ศิวโมกข์ (โอวาทหลวงพ่อเล่ม ๑ ข้อ ๑๔๘/๖๑)
     
  3. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    เหตุที่พระพุทธเจ้าทั้งหลายตรัสรู้ แลสอนธรรมที่แดนมนุษย์

    -พระพุทธเจ้าทั้งหลาย...ท่านก็ตรัสรู้ที่แดนมนุษย์ เพราะแดนมนุษย์ สมบูรณ์

    ด้วย "สัจธรรม" คือ รู้เห็นอย่างชัดๆ...

    "-ทุกขัง อริยสัจจัง" ก็มีอยู่กับกายมนุษย์...มนุษย์รู้เรื่องของความทุกข์นั่นเพราะ

    มนุษย์ฉลาดกว่าสัตว์... "สมุทัย อริยสัจจัง" ก็มีอยู่ภายในใจมนุษย์ "มรรค" คือ ทาง

    ปฏิบัติเพื่อแก้กิเลส...ตัณหา อาสวะ อันเป็นตัวผลิตทุกข์ทั้งมวลมนุษย์ก็ทราบ มรรค

    คืออะไร?...สรุปลงแล้ว คือ ศีล สมาธิ ปัญญา นี่มนุษย์ก็ทราบและปฏิบัติดำเนินได้

    " นิโรธ" ...ความดับทุกข์ มนุษย์ก็ทราบ ไม่ว่า "สัจจะใด" มนุษย์ทราบทั้งสิ้น นอกจาก

    ไม่ทราบวิธธีปฏิบัติ...หรือไม่สนใจปฏิบัติตาม "สัจธรรม" นั้นๆ เท่านั้น จึงสิ้นวิสัย "ธรรม"

    จะช่วยได้...

    ...พระพุทธเจ้าทั้งหลาย...ท่านจึงสอนธรรมในแดนมนุษย์ เพราะเป็นศูนย์กลาง

    -แห่งภพทั้งหลาย...เราเกิดในท่ามกลางแห่งภพแห่งชาติที่สถิตแห่งศาสนาเราควรปฏิบัติ

    ตัวเราให้ถูกตามจุดศูนย์กลางของศาสนา...เพื่อรู้เรื่องของศาสนธรรมซึ่งอยู่ในท่ามกลาง

    หัวใจเรา.....

    ...ธรรมอันประเสริฐก็อยู่ที่นี่...ไม่มีอยู่ในที่อื่นใด...จิตเป็นผู้เอื้อมถึงธรรมและจิต

    เป็นผู้รับรู้ธรรมทั้งหลาย...เรื่องของธรรมแล้ว จะไม่เหนือจากจิตใจซึ่งเป็นภาชนะอัน

    เหมาะสมไปได้เลย...ดี ชั่ว สุข ทุกข์ต่างๆ จิตใจเป็นผู้รับทราบก่อนอื่น จึงควรผลิตสติ

    ปัญญาขึ้นมาให้เฉลียวฉลาดทันกับเหตุการ ซึ่งมาเกี่ยวข้องกับจิตอยู่เสมอในวันหนึ่งๆ...

    คัดจากหนังสืออริยสัจ...หลวงตามหาบัว วัดป่าบ้านตาด จ. อุดรธานี...

    ...น้อมกราบองค์หลวงตามหาบัวด้วยเศียรเก้ลาเจ้าค่ะ กราบ กราบ กราบ...
     
  4. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    (จิต กับ กิเลส)

    จิตนี่ไม่สำคัญหรอก...กิเลสนี่สิสำคัญ แต่ธรรมะสำคัญกว่า เพราะธรรมะปราบกิเลส

    ได้ ธรรมะเป็นผู้ปลดเปลื้อง และเป็นผู้ไถ่บาปให้กับจิต...ศาสนาอื่นสอนว่าผู้ื่อนไถ่บาป

    ให้ได้...แต่ศาสนาพุทธสอนว่าธรรมะเท่านั้นที่จะไถ่บาปให้ได้ ปลดเปลื้องจิตให้หลุดพ้น

    จากความทุกข์หมดได้...หลุดพ้นจากนรกได้ พอบรรลุเป็นพระโสดาบันแล้วถึงแม้จะเคย

    ทำบาปทำกรรมมามากน้อยเพียงไรก็ไม่ต้องไปตกนรกไม่ต้องไปเกิดในอบายอีกต่อไป

    ...เพราะธรรมะนี่เอง ปล่อยวาง...ไม่ยึดไม่ติดกับอะไร...

    คัดจากหนังสือกำลังใจ ๓๐ โดย พระจุลนายก (สุชาติ อภิชาโต)

    ...กราบนมัสการ และขอบพระคุณในธรรมะธรรมทานเจ้าค่ะสาธุ...
     
  5. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ลูกขอน้อมกราบแทบพระบาทองค์สมเด็จพระปฐม และท่านพ่อฤาษีด้วยเศียรเก้ลา

    ที่ให้ลูกได้มีวันนี้ เพราะครบรอบแปดเดือนวันนี้ ซึ่งทำให้ชีวิตของลูกนั้นเปลี่ยน

    ไปทุกๆวันตั้งวันที่ ๑๐ พ .ย ๒๐๑๒ จนถึงวันนี้ ลูกได้เข้ามาศึกษาและอ่าน

    ธรรมะฟังธรรมะทุกวันก็เหมือนกับว่าได้ปฏิบัติไปในตัว ได้อ่านธรรมะได้ฟัง

    ธรรมะของหลวงปู่หลวงตา และครูบาอาจารย์ ซึ่งลูกได้รับประโยชน์มาก

    ขอขอบพระคุณทุกๆท่านที่ได้นำธรรมะมาเป็นธรรมทานให้ได้อ่านทุกๆวัน

    ...ขอขอบพระคุณพ่อแม่ ครูอาจารย์ที่อบรมสั่งสอนลูกให้ได้มีสติและปัญญา

    ...ได้มาอ่านมาเขียน เหมือนในขณะนี้ขอน้อม กราบ กราบ กราบเจ้าค่ะ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กรกฎาคม 2013
  6. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    คัดจากหนังสืออริยสัจ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

    ...เราเรียน "อริยสัจ ๔" ในตัวของเรา นี่คือ เรียนเรื่องความเกิดด้วย...

    เรียนเรื่องความแก่ด้วย...เรียนเรื่องความเจ็บไข้ด้วย เรียนความตายด้วย ที่มีอยู่ด้วยกัน

    ในก้อนธาตุอันเดียวนี้ไม่พรากจากกันเลย...เรื่องความเกิดก็ธาตุอันนี้เจริญหรือแก่ มันก็แก่

    ที่นี่. เจ็บมันก็เจ็บที่นี่ส่วนใดส่วนหนึ่งจนได้ เมื่อตายมันก็ตายที่นี่ เราต้องเรียนรู้ที่นี่จะไปรู้ที่

    ไหน...มันต้องเรียนรู้สิ่งที่เกี่ยวข้องกับตนก่อนอื่น...เรียนรอบ เรียนจบ เรียนความเกิดของ

    ตนเอง...ความแก่ ความเจ็บ ความทุกข์ทรมานของตนของตัว เรียนจบความตายของตัว

    แล้วก็ฉลาด คือ ฉลาดทันกับเหตุการณ์ที่มีอยู่รอบตัว...

    ธรรมะขององค์หลวงตามหาบัว ลูกขอน้อมรับพระธรรมคำสั่งสอนขององค์ท่านเพื่อ

    การปฏิบัติของลูกนอมกราบองค์หลวงตามหาบัวด้วยเศียรเก้ลาเจ้าค่ะ กราบ กราบ กราบ
     
  7. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444

    [​IMG]


    พ่อต้องเดิน อีกกี่ก้าว เข้าหาลูก
    เพราะพันผูก เพราะลูกพ่อ หาท้อไม่
    เพราะมันจวน จะค่ำ เห็นรำไร
    กลัวลูกไม่ ทันได้กลับ ต้องลับลา

    เวลาก็ เหลือน้อย หากค่อยก้าว
    ลูกของพ่อ ทุกค่ำเช้า จะเฝ้าหา
    บ้านใกล้พัง ลงน้ำ ตามสัญญา
    หมดเวลา ลูกไม่หมด สลดใจ

    อยากให้ลูก รู้ตัว ชั่วดีหมด
    ไม่เร่าร้อน ไม่รันทด หมดสงสัย
    ชีวิตที่ เหลืออยู่ ดูมันไป
    ทำสิ่งใด ก็หมดยึด ประพฤติธรรม

    ไม่แค่จำ ต้องทำได้ ไม่หมายรู้
    หมดตัวกู หมดที่ใจ ไม่ถลำ
    อะไรเกิด ช่างเถิด อย่าไปจำ
    ยึดพระธรรม องค์สัมมา หาหนทาง

    ถึงพ่อไป ธรรมยังอยู่ คู่กับลูก
    สิ่งที่ถูก จงทำไป ไม่กลับหลัง
    ไม่ลังเล โหยหา พะว้าพะวัง
    จิตจงตั้ง และปักลง ตรงนิพพาน​
    ...


    คำกลอน ประพันธ์ โดย คุณเงาไม่มีตัวตน....​


    คิดถึงพ่อ

    วันนี้ ขอกล่าวความในใจสักนิดนึง เมื่อได้อ่าน บทประพันธ์ ข้างบนนี้ ...
    ทำให้ถึงกับ กลั้นน้ำตาไม่อยู่ อีกทั้งภาพเก่าๆที่
    ข้าพเจ้าได้เคยประจักษ์กับสายตา ได้นั่งฟังธรรมะที่ท่านเทศน์
    ทั้งที่บ้านสายลม และ ศาลา12 ไร่ในงานกฐิน วัดท่าซุง
    ในเดือน ตุลาคม 2535 ในครั้งที่ท่านมีชีวิตอยู่ (ซึ่งท่านป่วยมากๆ )
    แม้ว่าจะเพียง 3วัน ที่ได้เห็นท่าน ทำบุญกับท่าน
    ในเดือนสุดท้ายของชีวิตท่าน ที่ท่านมีขันธ์ 5 อยู่บนโลกใบนี้ ..
    หลวงพ่อไปตามลูก เพราะ พ่อรู้ว่ากายขันธ์5 ของพ่อจะอยู่อีกไม่นานแล้ว
    พ่อรอลูก ลูกทราบดี ลูกมาเป็นคนสุดท้าย..แล้วพ่อก็ละสังขารจากลูกไป
    เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2535 ลูกทราบข่าวประกาศจากทีวี
    ใจลูกเหมือนจะขาด ร้องไห้ด้วยความรัก อาลัยอาดูร ซึ่งก็ไม่เข้าใจว่า
    ทำไมต้องร้องไห้ขนาดนั้น เพราะเพิ่งจะพบเจอท่าน แค่ 3 ครั้ง 3 วัน
    แต่ก็ทราบว่า ท่านไม่ต้องทนทุกข์ทรมานกับ ขันธ์5นี้อีกต่อไปแล้ว
    ท่านไปสู่ดินแดนอันเป็นบรมสุข บนพระนิพพานแล้ว
    ท่านเคยบอกว่า "ถ้าพ่อสิ้นไป พ่อจะช่วยลูกหลานได้อีกมากมายลูกเอ๋ย...
    อย่ายึดขันธ์5 ของพ่อเลย ขันธ์5 มันเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ..
    มันเป็นธรรมดาของมันอย่างนี้ ..มันไม่เที่ยง ตอนอยู่มันก็เป็นทุกข์
    ในที่สุดมันก็สลายไป..."
    นี่คือส่วนหนึ่ง ของปัจฉิมโอวาทของพ่อ
    ในวันสุดท้าย....ภาพต่างๆเหล่านั้น ยังคงตราตรึงอยู่ในดวงจิต
    ของข้าพเจ้า มิรู้ลืม...

    มาบัดนี้ ลูกคนนี้ได้สำนึกถึง พระคุณของพ่อที่มีมากเหลือล้น หาประมาณมิได้...ลูกขอทดแทนพระคุณพ่อ ...
    ลูกจะทำหน้าที่ พาพี่น้องลูกหลานพ่อ กลับบ้าน พระนิพพานให้มากที่สุด
    ลูกขอเป็นผู้เดินตามรอยเท้าพ่อ
    ลูกรู้ว่าพ่อห่วงใย ลูกหลานมากแค่ไหน ... ไม่ว่าลูกหลานของพ่อ
    อยู่ทีใดในโลกนี้ ขอเพียงพ่อ ไปตาม ไปดีงเขา มาให้ลูก
    ลูกจะพาพวกเขากลับบ้าน และจะทำหน้าที่ถวายงาน ทุกอย่าง
    เกี่ยวกับ " จิตเกาะพระ" ของ สมเด็จพ่อองค์ปฐม และ หลวงพ่อฯ
    ให้เต็มความสามารถให้ดีที่สุด ให้สมกับเป็น " ลูกของพ่อ " ...

    -----------------------------

    ลูกขอน้อมเศียรเกล้า ก้มกราบแทบพระบาท สมเด็จพ่อ และ หลวงพ่อ ผู้มีเมตตาอันหาประมาณมิได้ ...
     
  8. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    46,875
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,043
    ***
    กลับมานะ มาทำให้เราเหมือนดังเดิม เข้ามาเติม เติมใจ กันและกันใหม่... ​
    [/QUOTE]
    **********************************
    Dhammanee
    อ้างอิง:
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ supatorn อ่านข้อความ
    พระอริยสงฆ์ สายหลวงปู่มั่น
    พระอริยสงฆ์ สายหลวงปู่มั่น - YouTube
    ขอให้เจริญในธรรมทุกๆท่านค่ะ

    เย่..แม่ต้อยกลับมาแล้วววว...คิดถึงแม่ต้อยน่ะค่ะ...กลับมาพร้อมกับธรรมมะดีๆ ที่ขยันนำมาฝากเสมอ...สาธุค่ะ..
    **********************************
    ขอบคุณในเมตตาจิตค่ะ
     
  9. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    46,875
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,043
    ธรรมะบันเทิงค่ะ
    พระมหาสมปอง..ขำๆครับ(2)
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=p-bsmDxDwwo&feature=endscreen]พระมหาสมปอง..ขำๆครับ(2) - YouTube[/ame]
     
  10. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    "จิตที่มีอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นอาหาร เป็นจิตที่กำหนดรู้ เมื่อรู้อนิจจัง มันก็ไม่เที่ยง ทุกขัง เป็นทุกข์ อนัตตาก็ไม่ใช่เราแล้ว ดูมันให้ชัด มันไม่เที่ยง มันเป็นทุกข์ มันไม่เป็นแก่นสาร จะเอามันไปทำไม มันไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน ไม่ใช่ของเรา จะไปเอาอะไรกับมัน มันก็หมดตรงนี้

    ถ้าจิตเห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มันก็วาง ไม่เป็นเจ้าของสุข ไม่เป็นเจ้าของทุกข์อีกแล้ว ถ้าเห็นได้ชัดอย่างนี้ มันก็ได้ความเท่านั้นแหละ จะทำอะไรๆ อยู่ก็สบายไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว มีแต่ภาวนาจะเจริญยิ่งขึ้นเท่านั้น"



    หลวงปู่ชา สุภัทโท
     
  11. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด)

    การฝึกตัวให้ดีฝึกอะไรก็สู้ฝึกตัวไม่ได้...ฝึกสิ่งใดก็ตามถ้าไม่ฝึกแล้วไม่ดีเลย

    -ต้องฝึกตัวเป็นของสำคัญมาก...คนเราต้องฝึกตัวให้ดี ความอยากอยากด้วยกันทุกคน

    ...อย่างใดก็เป็นภัย...อย่างใดที่เป็นคุณก็ให้ดำเนินตามความอยากที่เป็นคุณ อย่าไป

    เดินตามรอยแห่งความชั่วช้าลามก มันจะชั่วช้าไปเรื่อยๆ...หาความดีไม่ได้ ตั้งแต่เกดมา

    ก็มาฝึกตน ฝึกให้ดี...การฝึกก็มีหลายขั้นหลายตอน ฆราวาสฝึกตนใส่อรรถใส่ธรรมเป็น

    อย่างหนึ่ง...พระฝึกตนเข้าสู่ธรรมวินัยเป็นเป็นอีกอย่างหนึ่ง เป็นขั้นๆ ตอนๆ ไป ให้เรา

    นำไปฝึก...ในความเป็นฆราวาสก็เป็นเด็กดี เป็นฆราวาสที่ดี ถ้าเป็นพระก็เป็นพระที่ดี

    ...อย่าเป็นพระโกโรโกโส...ใช้ไม่ได้นะ...

    ...เทศน์อบรมฆราวาส เมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๓...

    ...น้อมกราบองค์หลวงตาด้วยเศียรเก้ลาเจ้าค่ะ กราบ กราบ กราบ...


     
  12. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937
    [​IMG]


    ...แวะมาเล่าให้อ่าน (แต่ไม่รู้ใครจะคิดยังไง ก็คงได้แต่ปล่อยไปตามโลกธรรม๘)...


    เมื่อคืนก่อนนอนคิด จับร่างกายตัวเอง
    เหนื่อยแสนเหนื่อย แม้แต่ในร่างกายตนเอง
    มันยังอยู่ยาก ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม อยู่ไปเพื่ออะไร


    เห็นความวุ่นวายเกิดขึ้นบนโลกมนุษย์
    ในบ้าน ในครอบครัว ในตัวเอง มันยุ่งเหยิงไปหมด
    จริงอยู่ว่าเรามีสติฝึกรู้ทันสิ่งต่างๆ รอบตัวไม่ให้หลงไปกับมัน
    แต่พอมันเห็นทุกข์นั้นแล้ว มันยิ่งอยากเบือนหน้าหนี ..
    ขอเถิดได้ไหม.. คิดในใจ "ลูกอยากกลับบ้าน"


    ไม่มีวันไหนที่ไม่อยากกลับบ้านพระนิพพาน
    อยู่ที่นี่ไม่มีอะไรดีเลย แม้กระทั่งกายเรา แม้กระทั่งจิตเรา
    มันก็ยังพลอยแต่จะไหลไปเรื่อย (ถ้าเผลอ)
    ตามธรรมชาติที่กายและจิตมาพบกันครึ่งทาง
    (ที่ยังไม่ดีบริสุทธิ์เพราะขันธ์นี่ล่ะตัวนึง)


    หากว่าเราใช้ชีวิตไป ได้ความก้าวหน้าทั้งทางโลก ทางธรรม
    จากสามัญขึ้นสู่จุดสูงสุด เราประสบความสำเร็จในชีวิตทั้งการงานทางโลก ที่ผู้คนอาจนับหน้าถือตา
    และประสบความสำเร็จในทางธรรม ที่เราได้ช่วยเหลือผู้คนทั้งหลาย
    แต่สุดท้าย เราก็ต้องจากโลกนี้ไปอยู่ดี มีแต่ความดีของเราเท่านั้นที่คงอยู่


    ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงต่อไปในชีวิต
    ทั้งอยากช่วยเหลือผู้คนกลับสู่พระนิพพานให้ได้มากที่สุด
    แต่ก็อยากกลับบ้านอยู่ทุกวัน...
    จึงได้อธิษฐานจิตว่า
    "ลูกขอทำหน้าที่เป็นพุทธบุตร พุทธศาสนิกชน
    นำพาผู้คนกลับสู่พระนิพพานให้ได้มากที่สุด
    ตามทางแห่งพระพุทธองค์ มรรค ๘ ประการ ...
    และชาตินี้จะเป็นชาติสุดท้ายของลูก"...
    (จิตมุ่งมั่นไว้ว่าจะเป็นเช่นนี้)


    และอีกมากมายหลายอย่างที่ได้ตั้งจิตกราบเรียนพระไป
    ว่าเราตั้งใจถึงสิ่งใดไว้ กำลังใจของเราเองมันยังขึ้น ยังลงอยู่
    แต่คนที่จะอยู่บนโลกนี้ต่อไปให้ได้ มันก็ต้องอาศัยกำลังใจที่สำคัญนะ
    เพราะเรารู้ทั้งรู้อยู่แล้วว่า
    "พระนิพพานเป็นเช่นไร และดีมากขนาดไหนที่เราควรจะไปอยู่ที่นั่น ไม่กลับมาเกิดอีก"
    เพราะเรารู้ว่าพระนิพพานดีมาก จึงอยากจะกลับบ้านลูกเดียว
    ไม่หันหลังไปมองดูคนอื่นเลย


    เวลาเราเจอคนทุกข์ เจอคนที่จิตใจยังไม่เข้าถึงธรรมะ
    เราได้แต่สงสารและเวทนา แต่จะมีสักกี่ครั้งที่เราได้นำเอาสิ่งที่เราปฏิบัติ
    และเรียนรู้ จนจิตเราดีในระดับนึงนั้น มาช่วยเหลือผู้อื่นได้อีก
    ก็ไม่รู้ว่าโอกาสที่เราจะได้นำธรรมะแห่งพระพุทธองค์
    มาช่วยเหลือจิตใจผู้คนในแบบฆราวาสนั้น จะมีมากน้อยขนาดไหน
    แต่ที่รู้ๆ คือใจเราอยากเห็นผู้คนมีจิตใจที่ดี
    ถึงไปพระนิพพานยังไม่ได้ ได้อยู่สวรรค์ก็ยังดี
    ขอให้จิตใจเขาคนนั้นอยู่เขตดีงามก็พอ


    เราอยู่ตรงนี้ เราอยู่ที่โลก เราทำหน้าที่ของเรา
    "เรา" คือพุทธบุตรแห่งสมเด็จองค์ปฐม และพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ...
    "เราทุกคนคือพุทธบุตร"
    "เราทุกคนคือพุทธศาสนิกชนแห่งพุทธศาสนา"


    จนกว่าเราจะตาย เราไม่รู้หรอกว่าจะต้องเจออะไรบ้าง
    แต่ขอให้เรามีกำลังใจที่ตั้งมั่นต่อพระนิพพาน พระรัตนตรัย
    มีกำลังใจที่จะนำพาจิตตนเข้าถึงพระนิพพานได้ในที่สุด
    และเมื่อถึงเวลา ณ จุดๆ หนึ่งที่เรามีกำลังใจมากพอ
    (เอาจิตตนเองรอดแล้วในระดับนึง)
    ถึงวันนั้นเราอาจจะมีธรรมในจิตมากพอที่จะนำพาผู้คนหันเข้าสู่ทางธรรมได้
    ทั้งนี้ก็เปรียบเสมือนพุทธบูชาเช่นกัน ที่เราได้นำพาผู้คนทั้งหลายกลับสู่บ้านพระนิพพานพร้อมเรา
    ตอบแทนพระพุทธเจ้า ตอบแทนพระรัตนตรัย...


    "กำลังใจ" หรือ "บารมี" นั้นจึงสำคัญมากๆ
    สำหรับจิตบุญ อย่าให้กำลังใจเราตกหรือลดลงไป
    หมั่นสำรวจจิตใจตนทุกวัน ถ้าไม่สร้างกำลังใจเพิ่มอย่าได้ไปลดเด็ดขาด
    ไม่งั้นเราจะตกอยู่ในกระแสโลกอีกไม่หยุดหย่อน
    ทุกสิ่งอย่างทั้งหลายล้วนประกอบกัน ขาดกัน แยกกันไม่ได้แม้แต่องก์เดียว
    และทุกอย่างนั้นล่ะ มันรวมอยู่ที่จิตเราแล้ว
    ตัวเรารู้ จิตเรารู้ว่าธรรมต่างๆ คือสิ่งใด
    แต่บางทีเราก็ไม่ได้ใส่ใจ หรือเจริญให้ครบองก์ด้วย


    และเราทุกคน ไม่มีใครดีไปกว่าใคร ไม่มีใครรู้มากไปกว่าใคร
    โลกธรรม๘ ไม่มีความหมายสำหรับเรา
    ขอให้เราทุกคนก้าวผ่านไปให้ได้
    ทุกอย่างสำเร็จได้ที่ "จิต" เท่านั้น
    อย่ายึดเขา ยึดเรา ยึดครูบาอาจารย์
    หรือแม้กระทั่งธรรมะ ที่พิจารณาเสร็จแล้วก็ต้องวาง
    ตามกฏไตรลักษณ์อยู่เสมอ...


    "ไตรลักษณ์ คือ ธรรมชาติของการเกิด-ดับ"...


    เกิดและดับ เกิดและดับไม่สิ้นสุดจนวันตาย...



    (จะบอกว่าอธิษฐานบารมีนี่ก็ยังสอบไม่ผ่าน
    อยากช่วยเหลือคนแต่ก็อยากกลับบ้าน กราบขอพระกลับบ้านทู๊กวัน.. ฮ่าๆ
    นี่ล่ะ จิตยังไม่เจริญไตรลักษณ์ขาด
    เห็นไหมๆ คะ?
    เรารู้ดี แต่เราก็ทำไม่ได้ เพราะสติเรายังไม่ดีพอได้ตลอดเวลา...


    และสำหรับเรื่องบารมี ก็คงต้องบอกว่า
    "อย่าลดเด็ดขาด หมั่นสร้างเพิ่มไปเรื่อยๆ ก็พอ แต่อย่าทะเยอทะยานเกินเหตุ"
    เอาแบบสบายๆ มุ่งมั่นและศรัทธาในพระรัตนตรัยต่อไป
    จนวันสุดท้ายของเราก็พอ ..
    ไม่ต้องสนใจว่าเราจะมีกำลังใจอยู่ในระดับไหนค่ะ)
     
  13. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    [​IMG]

    ส่วนหนึ่งในพระธรรมเทศนา ของสมเด็จพระสังฆราช....

    สรณะคือที่พึ่ง

    สรณะนั้น แม้ทั่วไปจะแปลว่าที่พึ่ง แต่ที่จริงมีความหมายเป็นพิเศษ สำหรับผู้นับถือศาสนา สรณะ หมายถึง พระรัตนตรัย คือ

    พระพุทธเจ้า
    พระธรรม
    พระสงฆ์ เท่านั้น

    ไม่ได้หมายถึงที่พึ่งอื่น แม้มารดาบิดา ผู้เป็นที่พึ่งมีพระคุณยิ่งใหญ่ของบุตรธิดาก็ยังไม่ใช่สรณะ ยังเป็นสรณะไม่ได้ สรณะ มีความหมาย

    สูงพ้นความหมายที่พึ่งทั้งปวง สรณะเป็นที่พึ่งที่ไม่มีบกพร่อง ไม่มีผิดพลาดแม้เล็กน้อยเพียงใด เชื่อถือได้ ปฏิบัติตามได้ ถูกต้องงดงาม ทุกประการและทุกกาลเวลา

    จะกล่าวว่า สรณะเป็นอกาลิโก ไม่ประกอบด้วยกาลก็ได้ ก็จริง ก็ถูกต้อง เพราะสรณะคือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์นั้น เป็นสรณะทุกกาล

    ทุกเมื่อ ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่เลือกเวลา ถึงสรณะเมื่อใด ก็ได้รับคุณแห่งสรณะ คือ คุณแห่งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
    เมื่อนั้นเป็นคุณที่บริสุทธิ์แท้จริงปราศจากโทษแม้เล็กน้อยเพียงใด

    การถึงเป็นสรณะ คือการเชื่อและปฏิบัติตามอย่างไม่เคลือบแคลงสงสัย ถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ คือเชื่อพระพุทธเจ้า ปฏิบัติตามที่พระ พุทธเจ้าทรงสอน ที่เป็นพระธรรม โดยผ่านพระสงฆ์ที่อัญเชิญมาปฏิบัติ จนได้รับผลด้วยองค์ท่านเองและอัญเชิญมาสอนต่อ

    ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ จงเป็นผู้ฉลาดสำนึกให้มั่นคงแน่วแน่ว่า ความสำเร็จยิ่งใหญ่ในการเกิดมาเป็นคน คือปฏิบัติได้ผลในพระพุทธศาสนา เป็นผลที่จักปรากฏแก่จิตใจตนเป็นอันดับแรกและจะแผ่ไปถึงผู้อื่นทั้งหลายได้ ด้วย ผลการปฏิบัติพระพุทธศาสนาที่ปรากฏชัดใน ใจผู้ปฏิบัตินั้น มีความสำคัญสูงสุด
    ถ้าหยุดปฏิบัติพระพุทธศาสนาเมื่อไร ก็อย่ามั่นใจว่าจะเป็นคนดี เป็นพระดี เป็นเณรดี แต่จงมั่นใจว่า ถ้าเป็นคนดีไม่ได้ เป็นพระดีไม่ได้ เป็นเณรดีไมได้ ชีวิตก็มีความหมายไม่ได้ เป็นชีวิตที่เสียเปล่า

    อย่าทำชีวิตอันมีค่านี้ให้เสียเปล่า การได้เกิดเป็นมนุษย์นี้แสนยากและการได้พบพระศาสนาที่สุดประเสริฐ คือพระพุทธศาสนาก็ยิ่งแสน ยาก จงภูมิใจให้อย่างยิ่งทุกเวลา ที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ พบพระพุทธศาสนาแล้ว อย่าให้เสียชาติเปล่า

    พระรัตนตรัยเป็นสรณะที่แท้จริง
    ด้วยมีเหตุผลที่ชัดแจ้ง สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า
    ทรงเป็นองค์หนึ่งแห่งพระรัตนตรัยหรือพระ ไตรรัตนะ แก้ววิเศษสุดสาม องค์นั่นเอง ทรงมีพระปัญญายิ่ง เหนือปัญญาของพรหมเทพและมนุษย์ทั้งหลายทั้งนั้น
    ด้วยเหตุที่ทรงตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณได้ด้วยพระองค์เอง ซึ่งไม่มีพรหมเทพหรือมนุษย์ใดทำได้มาก่อน ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลกเป็นจำนวนไม่น้อย พ้นจากความเวียนว่ายตายเกิด นั่นก็คือได้พ้นจาก ความทุกข์อย่างสิ้นเชิงและเด็ดขาด ได้ทรงมีพระพุทธภาษิตไว้ว่า ความเกิดเป็นทุกข์ และต้นเหตุที่แท้จริงของการได้ทรงตรัสรู้ก็คือ ทรงมีพระมหากรุณาพ้นจะประมาณ เป็นเหตุให้ไม่อาจทรงทนรับรู้ว่า ความเกิดเป็นทุกข์ โดยมิทรงหาทางแก้ไข ทรงยอมรับความทุกข์ยากลำบากลำบนมากมาย เพื่อหา ทางมิให้สัตว์โลกต้องวนเวียน อยู่ในความทุกข์ของความเกิดต่อไป ไม่สิ้นสุด และทรงได้เป็นพระผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ด้วยความสำเร็จที่ ทรงสามารถช่วยให้สัตว์ โลกพ้นความทุกข์ของการเกิดได้จริง

    มีผลปรากฏตั้งแต่ยังมีพระชนมายุสังขารอยู่ และยังสืบมาจนทุกวันนี้ พระธรรมที่ทรงตรัสรู้และทรงประกาศแล้วแก่โลกยังมีผลจริง ช่วยสัตว์โลกให้พ้นทุกข์จาการเกิดอันเป็นเหตุแห่งความทุกข์ได้จริง จึงทรงเป็นสรณะที่แท้จริงองค์แรกในพระรัตนตรัย หรือ พระไตรสรณะ

    พระไตรสรณะ คือที่พึ่งที่ระลึก หรือพระสรณะ ๓ อันหมายจำเพาะเจาะจงแน่นอนทุกยุคทุกสมัย ไม่เปลี่ยนแปลงว่า พระไตรสรณะ หรือ

    พระไตรรัตนะ หรือ พระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ เท่านั้น ไม่มีสรณะ ๔ หรือ สรณะ ๕ สรณะ ๖ ฯลฯ เป็นต้น

    การใช้คำสรณะจึงควรใช้ให้ถูกตามเป็นจริง

    ที่สูงส่งศักดิ์สิทธิ์ ดังที่เห็นชัดอยู่ ไม่มีการกล่าวว่ามารดาบิดาครูอาจารย์หรือบุคคลอื่น

    ที่ครบ ๓ คน ว่าเป็นสรณะ ๓ หรือเป็นไตรสรณะ นี้

    จึงควรเป็นข้อคิดเตือนสติ โดยเฉพาะผู้เป็นพุทธศาสนิก นับถือพุทธศาสนา ในการใช้คำสรณะที่ยิ่งใหญ่นี้ อย่าให้ผิด อย่างให้พร่ำเพรื่อ


    แหล่งที่มา.........เว็บไซต์วัดป่าโนนวิเวกดอทคอม
     
  14. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    " สภาวธรรม"

    -มนุษย์ สัตว์เดรัจฉาน เทวดาอินทร์ พรหม ยม ยักษ์ที่เกิมาตามกฏของบุญ

    ของกรรม แล้วก็จะต้องมีการเกิด การเจ็บ การตายไปโดยธรรมชาติ...อันนี้เรียกว่าสภาว

    ธรรมที่เป็นไปตามกฏของธรรมชาติ...สภาวะอันเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทรงบัญญัติ

    คือ สมาธิ ปัญญานั้น ...เป็นกฏหรือระเบียบ เป็นคำสอนสำหรับกล่อมเกลาสภาวธรรมคือ

    กายกับใจของมนุษย์ให้มีสภาพดียิ่งขึ้น...

    ...คังนั้น หลักการปฏิบัติเพี่อดำเนินเข้าไปสู่ความเป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ

    ซึ่งเรียกว่า...สุปฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า

    เป็นผู้ปฏิบัติดีแล้วนั้นจึงไม่หนีไปจากหลัก ศีล คือ สมาธิ ปัญญา ศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐ ศีล

    ๒๒๗ ศีลแต่ละประเภทแต่ละชั้น แต่ละภูมินั้น ย่อมเป็นกฏอันหนึ่งสำหรับกล่อมเกลา

    สภาวธรรมให้มีสภาวธรรมดีขึ้นและอีกนัยหนึ่ง...การการเป็นผู้มีศีลนั้นเป็นการตัดผลเพิ่ม

    ของบาปกรรมที่มันจะเพิ่มทวีคูณขึ้นทุกที ๆ...

    ...พระธรรมคำสั่งสอนของหลวงพ่อพุธ ฐานิโย...

    ...น้อมกราบนมัสการขอบพระคุณในธรรมะธรรมทานเจ้าค่ะ กราบ กราบ กราย...
     
  15. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937
    ...เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หมูและพี่ newwave1959 ได้ไปกราบพระที่
    วัดแจ้งลำหิน ต.บึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี มาค่ะ
    ภายในวัดมีบรรยากาศค่อนข้างสงบ
    (เพราะไปตอนเย็นจวนจะค่ำแล้ว ฮ่าๆ)
    ภายในศาลามีองค์หลวงพ่อพระพุทธโสธร ประดิษฐานเป็นพระประธาน
    และมีองค์พระพุทธรูป พระอริยสงฆ์อีกหลายองค์ค่ะ


    จุดเด่นของวัดนี้ตั้งแต่แรกเห็นคือยอดมณฑปจตุรมุขที่สูงสง่า
    และบริเวณนี้เป็นชุมชนเก่าซึ่งวัดอยู่ติดกับคลอง
    ก็จะเห็นภาพบ้านเรือนใกล้ริมคลองตลอดฝั่ง


    เราก็ได้อธิษฐานจิตต่อหน้าองค์พระ
    กราบขอขมาพระรัตนตรัย และขอถวายบุญบารมีที่ได้ทำทุกภพชาติแด่พระรัตนตรัย
    พร้อมทั้งแผ่เมตตาให้กับทุกดวงจิตในบริเวณวัด และทั้งสามโลกธาตุค่ะ...



    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]
     
  16. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937
    ...จากนั้นเราไปที่วัดประชุมราษฎร์ ต.บึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี
    ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ใหญ่มาก เปี่ยมด้วยพระเมตตาเป็นอย่างยิ่ง
    บรรยากาศภายในวัดจะต่างจากวัดแจ้งลำหิน แม้อยู่บนถนน (เกือบ) เส้นเดียวกัน
    เพราะห่างกันไม่เท่าไร แต่ที่วัดนี้มีเนื้อที่กว้างขวาง
    มีอาคาร-ศาลามากมาย และมีทั้งรูปปั้นองค์เทพ
    พร้อมทั้งมีที่สำหรับทำบุญต่างๆ เช่น ทำบุญโลงศพ
    ทำบุญถวายกระเบื้อง ทำบุญค่าน้ำค่าไฟ-ชำระหนี้สงฆ์ ฯลฯ


    ซึ่งทั้งสองวัดนี้เราก็ได้ร่วมบริจาคทานด้วยทรัพย์กันจำนวนหนึ่ง พร้อมกับสิ่งที่ขาดไม่ได้คือ
    อธิษฐานจิตขอขมากรรมต่อพระรัตนตรัย และถวายบุญบารมีของเราที่ได้ทำทุกภพชาติแด่พระรัตนตรัย
    ตามที่เราได้ปฏิบัติมาเสมอ และนอกเหนือจากพระพุทธรูป พระบรมสารีริกธาตุ
    รูปปั้นองค์เทพ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายแล้ว
    ยังมีรูปปั้นตัวการ์ตูนน่ารักๆ คอยต้อนรับเหล่าเด็กๆ ที่มาวัดให้ได้เบิกบานกันด้วยค่ะ...




    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กรกฎาคม 2013
  17. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937
    ...ว่าจะโพสท์ตั้งแต่วันอาทิตย์แล้ว แต่ไม่ไหว
    คืนก่อนไปสอบนอนไม่หลับ เช้ามาก็ไปสอบ
    ตอนบ่ายก็ไปทำธุระ ตกเย็นมาพี่ newwave1959
    ชวนทำบุญก็เลยได้นำบุญมาฝากทุกท่านนี่ล่ะค่ะ


    ช่วงนี้อากาศที่กรุงเทพเปลี่ยนแปลงบ่อยมาก
    บางวันมีสามฤดูในวันเดียวกันคือ
    ร้อน ร้อนมาก และร้อนมากๆ... ฮ่าๆ
    อยู่ที่นี่แล้วก็คิดถึงบ้านที่อีสาน
    พื้นที่แถวนั้นมีต้นไม้เยอะกว่าที่นี่มาก อากาศก็ดี พี่ๆ
    จิตบุญทางยุโรปจะคิดถึงบ้านเหมือนหมูไหมนะ? ...คิคิ


    สำหรับช่วงนี้หมูก็จะพยายามงมทำเว็บจิตเกาะพระไปพลางๆ
    กับทำมินิบุคจิตเกาะพระ และจะแวะมาทักทายที่กระทู้บ่อยๆ นะคะ
    ตอนนี้เจ้าของกระทู้ได้ไปปฏิบัติภารกิจที่สำคัญมากอยู่ค่ะ


    สำหรับการทำบุญต้องทำแต่พอดี บุญภายนอกก็ทำ บุญภายในก็ยิ่งต้องทำ
    ทำโดยไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น และที่สำคัญ
    ก่อนทำก็สุขใจ-ขณะทำก็สุขใจ และ หลังทำก็สุขใจค่ะ


    [​IMG]
     
  18. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937
    [​IMG]

    ว่าด้วยเรื่อง "ภัยพิบัติทางใจ" กันสักเล็กน้อย
    ช่วงนี้มีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับพระสงฆ์ในพุทธศาสนาหลายท่าน
    ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งวิกฤตของ "ศรัทธา" ในใจผู้คนว่าควรปฏิบัติเช่นใดต่อไป


    หากไม่นับเรื่องการดำเนินการทางกฏหมายต่างๆ แล้ว
    "แนวทางการปฏิบัติ" หรือ "หลักธรรม" แห่งพระพุทธเจ้านั้นเป็นสิ่งที่ควรยึดถือมากกว่าตัวบุคคล
    โดยเน้นจิตใจเราเป็นสำคัญ
    ปัญหาที่เกิดขึ้นล้วนเป็นธรรมดาของมนุษย์
    แต่ใจเรานั้นล่ะทุกข์ไปกับข่าวหรือเหตุการณ์ต่างๆ หรือไม่
    จิตใจเรามีศีลเป็นเบื้องต้น มีธรรมคอยนำทางหรือไม่นั้น
    ก็ควรจะดูจิตตนเองเป็นหลักจะดีกว่า


    ทั้งนี้ไม่ได้จุดประเด็นที่จะมาพูดเรื่องข่าวพระดังฯ อะไร
    แต่เราทั้งหลายคนรักษาธรรมะในใจตนไว้ให้ได้ก่อนก็จะดีไม่น้อย
    เพราะศาสนาไม่มีวันเสื่อม แต่ผู้คนต่างหากที่เสื่อมจากศาสนา


    นี่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นให้เราหันมาดูแลจิตตนเองมากขึ้นก็ได้
    ว่าตนเตือนตนดีที่สุด
    ตนดูแลจิตตนเองดีที่สุด
    และตนก็รู้จิตตนเองดีที่สุด


    มาสนใจธรรมะที่อยู่ในจิตตนเองดีกว่านะจ้ะ
    พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้และทรงชี้นำทางสว่างเราตั้งมากมาย
    ธรรมใดไม่สำคัญเท่าการที่เข้าใจธรรมชาติในตัวเรานั่นล่ะ
    ระลึกถึงพระพุทธองค์ แล้วจิตเราจะไม่เสื่อมไปจากพุทธศาสนา
    มีศีล มีธรรมนำชีวิต อย่าปล่อยให้จิตหม่นหมอง...นะจ้ะ


    [​IMG]
     
  19. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937
    [​IMG]


    มนุษย์เราเกิดมาล้วนก็ต้องเจอการเกิด แก่ เจ็บ ตาย อันเป็นธรรมดาของโลก
    เราเกิดมาในสังคมที่มีปัจจัยสี่ ทั้งเครื่องมือสื่อสาร
    อุปกรณ์อำนวยความสะดวกอีกมากมายในชีวิตประจำวัน
    แต่สิ่งที่ต้องแลกมาด้วยแรงกายและเงิน


    เราต่างขวนขวายและพยายามคว้ามาเป็นของตนให้ได้
    เราเดินไปข้างหน้า เดินไปหาอนาคต
    เราเดินไปหาสิ่งต่างๆ ที่จะทำให้ชีวิตเราดีขึ้น
    เราวางแผนและมองการณ์ไกลสำหรับอนาคตในหลายๆ ปีข้างหน้า
    เราใช้เวลาทั้งชีวิตหาความมั่นคง
    เราใช้เวลาทั้งชีวิตหาใครสักคนที่เราจะอยู่ด้วยไปจนตาย
    เรามองไป...
    เรากำลังเดินไปข้างหน้า...
    เราเฝ้ารอบางอย่าง...


    มองออกไปข้างนอกโดยที่ไม่รู้ว่าอนาคตของเราจะเป็นเช่นไร
    หรือแม้กระทั่งเราเลือกที่จมปลักอยู่กับอดีต
    เราจมอยู่กับความครุ่นคิดไม่รู้จบ
    เราติดอยู่ในวังวนแห่งความทรงจำที่แสนสุขหรือโหดร้าย
    เราจมอยู่กับตัวเอง
    เราจมอยู่กับอดีตที่มีเรากับใครสักคน
    เราคิดถึงวันที่ผ่านมา
    เรามองไม่เห็นอนาคต


    แต่จะมีสักกี่คนที่อยู่กับปัจจุบัน?
    มองดูตัวเองอยู่ปัจจุบันว่าเป็นอย่างไร
    ไม่ใช่แค่การใช้ชีวิต แต่หมายถึง "จิตใจ" ของเรา
    เราต่างมีวันเวลาที่นึกถึงอดีตและอนาคต
    เราเฝ้ามองหาความรัก ความสุข ความสะดวกสบายในชีวิต
    แต่เราให้อะไรกับจิตใจของเราบ้าง?
    เราให้อาหารจิตใจของเราอย่างไรในวันที่มันอยากนู้น อยากนี่ไม่เคยพอ?
    เราไม่เคยพอในความ "อยาก"
    เราอยากจะรู้ เราอยากจะทำ เราอยากจะมี เราอยากจะเป็นสิ่งต่างๆ แต่ไม่เคยพอ



    เมื่อมาถึงจุดๆ หนึ่งในชีวิต เราอาจจะได้ย้อนกลับมาถามตัวเองว่า
    ที่ทำมาทั้งหมดในชีวิตนี้เราทำเพื่ออะไร?
    ในเมื่อตายแล้วก็เอาไปไม่ได้
    สนุกสุดในชีวิต
    ทุกข์สุดในชีวิต
    มีความสุขที่สุดในชีวิต
    ใช้ชีวิตคุ้มค่ามากที่สุดแล้ว
    หรือถึงจุดอิ่มตัวจนตัวเองหมดไฟ หมดกำลังใจในการเดินต่อไปข้างหน้า
    แล้วทุกสิ่งที่ทำไปเรามีความสุขจริงๆ หรือไม่


    ไม่มีใครตอบตนเองได้นอกจากตัวเราเอง
    เรารู้ตัวเราเองดีที่สุด
    อยู่ที่ว่าเราจะยอมรับความจริงหรือหลีกหนีไป
    อย่าปล่อยให้จิตใจตัวเองเหี่ยวเฉาหรือเบิกบานมากเกินไป
    อย่าอยู่กับความมากหรือน้อยจนเกินไป
    อย่าปล่อยให้ร่างกายตัวเองสุขสบายหรือทุกข์เกินไป
    เราควรอยู่กับความพอดี
    ทำทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความพอดีในทางที่ควรจะเป็น


    และหมั่นให้อาหารจิตเสียบ้างเพื่อที่เราจะมีลมหายใจได้อยู่ต่อ
    เพื่อที่จะทำความดีในวันพรุ่งนี้
    นั่นคือการให้จิตเราพักผ่อน
    นั่งสมาธิบ้าง หรือนำจิตระลึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์บ้าง
    หรือผ่อนคลายอารมณ์ด้วยธรรมชาติก็ว่ากันไป
    ให้จิตใจเราได้พักผ่อนในตัวเอง
    หยุดในการวิ่งออกไปข้างหน้า ไปหาโลก ไปหาวัตถุ
    ที่ซื้อด้วยความอยากไม่มีวันสิ้นสุด
    และบางทีเราอาจจะมีคำตอบให้กับตัวเองได้ว่า
    ที่เราเกิดมา เข้าโรงเรียน เรียนหนังสือ เรียนจบก็ได้ทำงาน มีเงิน
    มีบ้าน มีรถ มีครอบครัว จนเราแก่ตัว จนถึงวันสุดท้ายของชีวิต
    ทั้งหมดนี้ เราพยายามมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร?

     
  20. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937
    ...สำหรับวันนี้คงต้องลาด้วยอาหาร เพราะตอนนี้หมูกำลังหิว.. ฮ่าๆ
    ไม่ว่าจิตใจเราจะดีมาก หรือเลวร้ายแค่ไหน แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนมีเหมือนกันคือ
    "ร่างกาย" ที่ยังคงต้องหายใจและกินอาหาร หรือขับถ่ายกันต่อไปอย่างปกติ
    ดูแลจิตใจตนแล้วดูแลกายให้อย่างเหมาะสมด้วยนะคะ
    เพื่อสุขภาพจิตที่ดี และสุขภาพกายที่แข็งแรง พร้อมที่จะทำสิ่งดีๆ ให้กับตนเองและผู้อื่นต่อไปค่ะ...


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...