ปิดประมูลวัชระบัว ๒ องค์ หน้า ๖๖๑ ,ธรรมะจากพระอาทิพุทธะ หน้า ๖๕๙ ค่ะ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Numsai, 21 สิงหาคม 2012.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. sylvenus

    sylvenus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2010
    โพสต์:
    697
    ค่าพลัง:
    +3,283
    ขออนุญาตอัพเดพอีกรอบนะครับ..
    [​IMG]

    โมทนาบุญกับทุกท่านครับ..
     
  2. mooom

    mooom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2010
    โพสต์:
    860
    ค่าพลัง:
    +9,291
    ขอร่วมประมูล ดวงแก้วนวสิทธิ์อมรเทพ 17,400 บาท
    ดวงแก้วนวเกศศุภมงคล 17,400 บาท ครับใกล้เวลา19.59น.แล้วนะครับ
     
  3. วาสุเทพ

    วาสุเทพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +5,174
    ขอร่วมประมูลครับ
    ดวงแก้วนวสิทธิ์อมรเทพ 19,000 บาท
    ดวงแก้วนวเกศศุภมงคล 19,000 บาท
     
  4. mooom

    mooom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2010
    โพสต์:
    860
    ค่าพลัง:
    +9,291
    ขอร่วมประมูล
    ดวงแก้วนวเกศศุภมงคล 19200 บาท
     
  5. วาสุเทพ

    วาสุเทพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +5,174
    ขอร่วมประมูลครับ
    ดวงแก้วนวสิทธิ์อมรเทพ 20,000 บาท
    ดวงแก้วนวเกศศุภมงคล 20,000 บาท
     
  6. widya

    widya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    1,095
    ค่าพลัง:
    +13,214
    ขอแสดงความยินดีและอนุโมทนาบุญกับคุณวาสุเทพด้วยนะครับ

    ที่ได้เป็นเจ้าของดวงแก้วนวสิทธิ์อมรเทพและดวงแก้วนวเกศศุภมงคล


    และขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ร่วมเชียรและร่วมประมูลดวงแก้วด้วยนะครับ
     
  7. am12

    am12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +7,701
    ขอแสดงความยินดีและอนุโมทนาบุญกับคุณวาสุเทพด้วยนะครับ
     
  8. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..ขอแสดงความยินดีกับคุณวาสุเทพด้วยค่ะ..

    วันนี้ 07:59 PM วาสุเทพ ขอร่วมประมูลครับ
    ดวงแก้วนวสิทธิ์อมรเทพ 20,000 บาท
    ดวงแก้วนวเกศศุภมงคล 20,000 บาท



    วันนี้ 07:59 PM
    mooom ขอร่วมประมูล
    ดวงแก้วนวเกศศุภมงคล 19200 บาท

    _____________________________________________

    ก่อนอื่นขออนุโมทนาบุญกับท่าน widya,คุณ mooom ,คุณ am12 และคุณ prapart54 ที่ร่วมประมูลในครั้งนี้ด้วยค่ะ

    และขอแสดงความยินดีกับคุณวาสุเทพด้วยค่ะ ที่ได้เป็นผู้ดูแลดวงแก้วทั้งสองค่ะ

    ขออนุญาตเฉลยนะคะ สำหรับพระนวสิทธิ์ดาบสนั้น ภายหลังได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าพระนามว่า "สมเด็จพระพุทธวิปัสสีพุทธเจ้า" และทรงปรินิพพานนานแล้วค่ะ

    ขอให้เจริญในธรรม และอนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

    Numsai
     
  9. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ประวัติจักรทั้ง ๔ (สรรพญาณฯ-สิริวรินทรา-วาสิทธิจักรฯ) ตอน ๕ ท่านวิมุตติเศรษฐีแต่งงาน

    กล่าวถึงนางอัจฉมา มารดาของอัฒจักรมานพทราบข่าวว่า อัฒจักรมานพต้องการถอนหมั้นนางปัทมรานีนั้น เกิดจากความเสน่หานางนารถลดา จึงส่งให้คนไปตามนางนารถลดา เพื่อมาพบตน เมื่อพบนางนารถลดาแล้ว นางก็ได้ต่อว่านางนารถลดา และไม่ให้มายุ่งกับบุตรชายของตนอีก

    นางนารถลดานั้น เมื่อกลับมายังเรือนเศรษฐี พิจารณาว่า มารดาของอัฒจักรไม่ได้ชอบตน แม้นางจะมีใจกับอัฒจักรเพียงใด ก็ไม่อาจสมหวังในความรักได้ อีกทั้งนางปัทมรานีนั้นเป็นคู่หมั้นหมาย มิควรที่นางจะไปแย่งชิงคนรักของใคร นางจึงตั้งใจจะไม่ติดต่อกับอัฒจักรมานพอีก

    ขณะที่นางนั่งครุ่นคิดอยู่นั้น ท่านวิมุตติเศรษฐีได้ทราบเรื่องราวมาโดยตลอด จึงคิดว่า ควรจะนำเรื่องนี้แจ้งให้อัฒจักรมานพทราบ เมื่อกลับจากค้าขาย

    ครั้นอัฒจักรมานพกลับมาจากค้าขายได้ทราบเรื่องจากบริวารของตน จึงรับรุดไปยังเรือนของวิมุติเศรษฐี เพื่อขอโทษนางนารถลดา นางนารทลดาได้กล่าวว่า..

    “ข้าฯแต่ท่านอัฒจักร ท่านนั้นเป็นผู้มีคุณแก่ข้าพเจ้า ข้าฯเสมือนตายแล้วเกิดใหม่ก็เพราะท่านได้ช่วยชีวิต เรื่องเพียงเล็กน้อยแค่นี้ ข้าฯมิได้ขุ่นใจแก่มารดาของท่านแต่อย่างใด ข้าฯเพียงแต่คิดว่า หากเรายังมีจิตผูกพันเช่นนี้ มารดาของท่านคงไม่เป็นสุข

    ข้าฯ เป็นผู้มีวาสนาน้อย มิคู่ควรแก่ท่าน อีกประการปัทมรานี ขึ้นชื่อว่าเป็นคู่หมายของท่าน ข้าฯมาทีหลังเปรียบเสมือนผู้แย่งชิงคนรักจากนางมิบังควรยิ่ง

    ส่วนท่านหากยังดื้อดึงอยู่ จะขึ้นชื่อว่าเป็นผู้กตัญญูต่อมารดาของท่าน บิดาของท่านได้ล่วงลับไปแล้วคงไม่สบายใจ และมารดาของท่านไม่ต้องเป็นทุกข์เรื่องนี้ ข้าฯขอมีความสัมพันธ์กับท่านเพียงน้องสาว หรือเพื่อนจะได้หรือไม่”


    เมื่ออัฒจักรมานพได้ฟังดังนั้น รู้สึกเหมือนฟ้าผ่ากลางใจ นางนารทลดาได้กล่าวต่อว่า..

    “ข้าฯแต่ท่านผู้มีปัญญา เราอาจจะไม่เคยทำบุญร่วมกันมาแต่กาลก่อน จึงมิอาจครองคู่ได้ในชาตินี้ แม้ข้าฯมีใจต่อท่าน เพียงใดก็ไม่อาจจะทำให้ท่านลุต่อการผิดคำต่อมารดาของท่านได้ นั่นคือความกตัญญูที่ท่านควรตอบแทน

    ภรรยาท่านจะหาดีกว่าข้าฯเท่าใดก็ได้ งามกว่าข้าฯเท่าใดก็ได้ แต่มารดาของท่านที่เฝ้าเลี้ยงดูท่านมาด้วยความรักจนเติบใหญ่นั้นมีเพียงผู้เดียว เราจะสร้างความทุกข์แก่ท่านเลย ข้าฯขออวยพรให้ท่านมีความสุข และขอให้เห็นแก่ความรักของมารดาที่มีต่อบุตรด้วยเถิด”


    อัฒจักรมานพ แม้เป็นบุรุษอาชาไนย รู้สึกถึงความดีของนางนารทลดาจึงได้สติตามที่นางกล่าวไว้ กลับยิ่งทำให้รักนางมากขึ้น แต่ก็ต้องจำใจทำในสิ่งที่ถูกต้อง เขาจึงรับคำของนาง คิดว่า นางคือน้องสาวคนหนึ่งของเขา แม้ใจจะเจ็บปวดเพียงใดก็ตาม

    อัฒจักรมานพนั้น มิต้องการให้นางนารทลดาไปตกสู่มือชายใด จึงได้พบกับวิมุตติเศรษฐี และกล่าวเรื่องสำคัญว่า..

    “สหายรัก ท่านเป็นผู้ที่เราให้ความไว้วางใจมากที่สุด เรื่องของนารทลดานั้น เราได้ตรึกดีแล้วว่า เราควรตัดใจจากนางเสีย เราอาจจะมิได้เป็นคู่กันมาแต่กาลก่อน นางกล่าวว่า เราเปรียบเสมือนผู้ให้ชีวิตใหม่แก่นาง

    ส่วนท่านก็เปรียบเสมือนผู้เลี้ยงดูนาง เราเองมิต้องการให้ชายใดครอบครองนาง ขอท่านจงรับนางเป็นภรรยาเถิด เราจะเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายนางเอง”


    ท่านวิมุตติเศรษฐีนั้น รู้สึกตกใจที่อัฒจักรได้กล่าวเช่นนั้น แต่เมื่ออัฒจักรมานพคะยั้นคะยอจึงตกปากรับคำ จะจัดพิธีแต่งงานกับนางนารทลดาใน ๑ เดือนข้างหน้า

    ฝ่ายอัฒจักรมานพนั้น แม้เจ็บปวดใจแต่คิดว่า ตนได้ทำดีที่สุดแล้ว จึงได้กลับยังเรือนของตน และเก็บตัวเงียบ จนนางอัจฉมาเกิดความทุกข์ร้อนใจ ได้เรียกคนสนิทอัฒจักรมานพมาไต่ถาม แต่คนสนิทมิได้เล่าเรื่องให้ฟัง ภายหลังนางจึงทราบเรื่องทั้งหมดจากอัฒจักรมานพ นางจึงรู้สึกเสียใจในการกระทำของตน ซึ่งเดิมทีคิดว่า นางนารทลดาจะเป็นคนแย่งบุตรชายไปจากนาง กลับเป็นผู้ให้เขารู้สึกผิดชอบชั่วดี จึงกล่าวว่า..

    “อัฒจักรเอ๋ย แม่เสียใจที่ทำให้แก้วหลุดลอยไปจากมือเจ้า แม่ขอโทษนะ นำเทียบไปเชิญมาบ้านของเรา เถิด เมื่อเจ้าตัดใจยกนางให้แก่วิมุตติเศรษฐีแล้ว แม่จะรับนางเป็นบุตรบุญธรรมเอง”


    อัฒจักรมานพรู้สึกยินดีที่มารดาของตนเปลี่ยนความรู้สึกที่ไม่ดีต่อนางนารทลดา จึงส่งเทียบไปรับนางมาที่บ้าน นางอัจฉมานั้น ก็กล่าวขอโทษ และได้ทำพิธีรับนางอัจฉมาเป็นบุตรบุญธรรม

    ต่อมาครบ ๑ เดือน วิมุตติเศรษฐีได้สู่ขอนางนารทลดา เพื่อแต่งงานเป็นสามีภรรยา สร้างความปิติแก่นางอัจฉมามาก นางมีบุตรชายเพียงผู้เดียว เมื่อรับนางนารทลดาเป็นบุตรสาว นางจึงรู้สึกมีความสุขมาก

    ภายหลังแต่งงานได้เพียง ๒ เดือน นางนารทลดาก็ตั้งครรภ์ ช่วงนั้นนางอิสรา เป็นญาติฝ่ายมารดาของวิมุตติเศรษฐีได้มาจากต่างเมืองได้มาอยู่ที่เรือน เพื่อเรียนรู้งาน และดูแลนางนารทลดาด้วย ฝ่ายนางนารทลดานั้น แม้แต่งงานแล้ว นางก็แวะเวียนไปดูแลนางอัจฉมา ช่วงนั้นเป็นเวลาที่อัฒจักรมานพไปค้าขายต่างเมืองนานถึง ๓ เดือน
     
  10. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ประวัติจักรทั้ง ๔ (สรรพญาณฯ-สิริวรินทรา-วาสิทธิจักร) ตอน ๖ ถวายทานพระกัสสปพุทธเจ้า

    ต่อมามีพ่อค้าต่างเมืองมาเข้าเฝ้าพระราชาขณะนั้น คือ พระเจ้าปเสนทิศาท เจ้าผู้ครองนครขณะนั้นว่า ขณะนี้ได้มีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นแล้วในโลก พระนามว่า สมเด็จพระพุทธกัสสปพุทธเจ้า ขณะนี้อยู่เมืองกิสินารท ซึ่งไม่ไกลจากเมืองของพระองค์

    พระเจ้าปเสนทิศาท ทรงปิติยินดียิ่งนัก ปรารถนาจะถวายทานแก่พระพุทธเจ้าและพระสาวก ส่งเสนาอำมาตย์ไปยังนครกิสินารท เพื่ออาราธนาองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อถวายทานเป็นเวลา ๑๕ วัน

    เมื่อสมเด็จพระพุทธกัสสปพุทธเจ้ารับอาราธนาแล้ว พระเจ้าปเสนทิศาททรงประกาศให้ชาวเมืองทั้งหลาย เพื่อให้มาร่วมในการถวายทานครั้งนี้ โดยให้เจ้าหน้าที่จัดแบ่งว่า แต่ละวันผู้ใดจะเป็นเจ้าภาพถวายทานในแต่ละวัน

    ท่านวิมุตติเศรษฐีได้ยินก็ปลื้มปิติใจมาก จึงได้รับเป็นเจ้าภาพ ๒ วัน คือวันที่ ๓ และวันที่ ๕ ส่วนที่เหลือพระเจ้าปเสนทิศาท และเศรษฐคนอี่น ๆ เป็นเจ้าภาพ เมื่อนางนารทลดาทราบข่าวก็ปิติใจยิ่งนัก จึงรีบให้คนรับใช้ไปหาเครื่องปรุงอาหารรสเลิศมา เพื่อปรุงภัตตาหารถวายพระพุทธเจ้า และพระสาวกอีก ๒๐,๐๐๐ รูป

    นางนารทลดานั้น เป็นคนฉลาดคิดว่า หากนางเป็นเจ้าภาพแต่เพียงผู้เดียวในการถวายภัตตาหารนั้น ผลแห่งทานบารมีนั้นย่อมเกิดแก่ผู้ให้ นางจึงได้ออกไปชักชวนชาวเมืองแถบละแวกบ้านของนาง เพื่อได้ถวายทานร่วมกัน โดยมีการปรึกษากันว่าอาหารที่นำมาต้องไม่ช้ำกัน
    กาลนั้นมีชาวป่าคนหนึ่ง นามว่า วักกลิ ได้นำรากไม้ที่เป็นยาได้มาจากป่านอกเมืองมามอบให้เพื่อให้ต้มเป็นยาถวายพระพุทธเจ้า เดิมทีเขาต้องการจะนำมาขายในตลาด นางนารทลดาได้รับไว้ และชักชวนชาวป่าผู้นั้นให้พาครอบครัวมาร่วมบุญด้วย ชาวป่านั้นมีความเก้อเขินที่ตนเป็นตนยากจน ไม่มีเสื้อผ้าดี ๆ ใส่

    นางนารถลดานั้นจึงได้นำเสื้อผ้าของตน และท่านวิมุตติเศรษฐีให้แก่ชาวป่าผู้นั้น เพียงพอแก่ครอบครัวของเขามีภรรยา และบุตรอีก ๒ คน เขาได้กล่าวว่า ก่อนวันงานจะหารากไม้ที่เป็นยา และผลไม้ป่า เพื่อนำมาถวายทานในวันนั้นด้วย

    เมื่อถึงเวลาพระเจ้าปเสนทิศาทส่งราชรถไปรับพระพุทธองค์ พระองค์ตรัสว่า..

    “ไม่เป็นไร เราจะมาเอง”

    เวลานั้นทุกคนต่างตั้งแถวเตรียมรับเสด็จสมเด็จพระพุทธกัสสปพุทธเจ้า รอคอยว่า พระองค์จะเสด็จมาทางใด ปรากฏว่า มีเสียงอื้ออึงว่า..

    “พระพุทธเจ้าเสด็จแล้ว พระพุทธเจ้าเสด็จแล้ว”

    แล้วชี้ไปที่ท้องฟ้า พระพุทธเจ้าเสด็จมากลางนภากาศ พร้อมพระอัครสาวกทั้ง ๒ พระสาวกรวมทั้งสิ้น ๒๐๐๐๐ รูป บางคนถึงกับร้องไห้โฮที่ได้พบ ปรากฏพระพุทธองค์ได้เสด็จมาตรงหน้านางนารทลดา ขณะนั้นได้ตั้งครรภ์ได้ ๕ เดือน นางรู้สึกปิติยินดีอย่างยิ่ง
    สมเด็จพระพุทธกัสสป ทรงตรัสว่า..


    “ทารกน้อยนี้ ดูแลให้ดีนะ ต่อไปจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน”

    เมื่อวิมุตติเศรษฐี และนางนารทลดาได้ฟังเช่นนั้นต่างก้มกราบพระบาทพระพุทธองค์ด้วยความปิติใจ จากนั้นทุกคนต่างได้ถวายทานด้วยความปิติใจ ต่อมานางนารทลดาได้มองเห็นพระภิกษุองค์สุดท้าย นางก็ตกใจ เมื่อพบว่า พระภิกษุรูปนั้น คือ อดีตอัฒจักรมานพนั่นเอง

    นางร่ำไห้และกล่าวว่า “พระคุณเจ้าเหตุใด พระคุณเจ้าไม่บอกกล่าวแก่มารดาของท่าน เข้าใจว่า พระคุณเจ้าไปทำการค้า เหตุใดท่านไม่ขออนุญาตมารดาของท่านก่อน”

    พระอัฒจักรนั้นมิได้มองหน้านางนารทลดา ได้ก้มหน้าและกล่าวว่า..

    “ภคินี เรานั้นพบหนทางแห่งความสงบแล้ว เราได้สดับรับฟังพระธรรมของพระองค์ จึงมีจิตศรัทธาออกบวช บัดนี้เราเป็นบุตรพระตถาคตแล้ว จิตเราเบิกบานแจ่มใส
    ขอน้องหญิงจงช่วยดูแลมารดาแทนเราด้วยเถิด ก่อนหน้านี้เราเป็นทุกข์เพราะรัก ทุกข์เพราะความพลัดพราก บัดนี้จิตเราคลายทุกข์แล้ว เราจะตั้งใจปฏิบัติตามคำสอนพระตถาคต ขอช่วยบอกมารดาของเราด้วยเถิด”


    นางนารทลดานั้นได้รับคำ พร้อมโมทนาสาธุการกับพระอัฒจักร และกล่าวว่า..

    “ข้าฯแต่พระคุณเจ้า ข้าฯขอโมทนากับท่าน เรื่องของมารดาเป็นหน้าที่ของข้าฯเอง มิต้องเป็นห่วง หากท่านยังอยู่ที่นี่ ข้าฯจะพามารดามากราบ เพื่อโมทนาบุญกับท่าน”


    จากนั้นพระภิกษุใหม่ได้เดินทางไปอย่างสำรวม นางนารทลดาได้นำความไปเล่าสู่วิมุตติเศรษฐีทันที


    ยังมีต่อ...
     
  11. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ประวัติจักรทั้ง ๔ (สรรพญาณฯ-สิริวรินทรา-วาสิทธิจักร) ตอน ๗ พุทธพยากรณ์..

    ในช่วงระหว่างการอาราธนาพระพุทธเจ้า พร้อมพระสาวก เพื่อถวายทานนั้น นางนารทลดาได้สังเกตว่า สถานที่รองรับพระพุทธเจ้า และพระสาวก แม้อยู่ในพระราชวัง แต่ไม่สะดวก และสมควรแก่สมณเพศ นางจึงได้นำความปรึกษากับท่านวิมุตติเศรษฐีว่า

    “ท่านพี่ ที่ดินฝั่งทิศเหนือของพระราชวังนั้น เป็นที่ดินของท่านพี่ขณะนี้ยังไม่ได้ทำอะไร เราควรจะนำที่ดินนี้ สร้างเป็นสถานที่รองรับพระศาสดา และพระสาวกให้เหมาะสมกับสมณะดีหรือไม่คะ”

    ท่านวิมุตติเศรษฐีนั้นเห็นด้วยกับภรรยาทุกประการ จึงได้นำความนี้ไปปรึกษากับพระอัฒจักร พระอัฒจักรจึงได้ให้มารดาของท่านนำทรัพย์ส่วนของท่าน มาให้ ๔๐ โกฏิ เพื่อการสร้างวัด นางอัจฉมานั้นเกิดความปิติใจปรารถนาจะสร้างบุญใหญ่ด้วย จึงได้นำทรัพย์นี้มาสร้างวัด จำนวน ๑๐ โกฏิ

    ส่วนวิมุตติเศรษฐี จึงได้นำความกราบทูลพระเจ้าปเสนทิศาท เรื่องการสร้างวัด เพื่อถวายพระพุทธเจ้า พระเจ้าปเสนทิศาท มีความปิติยินดียิ่ง จึงสละทรัพย์ส่วนพระองค์ร่วมสร้างเช่นกัน และตรัสว่าจะปรึกษากันเรื่องนี้หลังจากสมเด็จพระพุทธกัสสปพุทธเจ้าเสด็จไปแล้ว

    เมื่อครบวันที่ ๑๕ พระพุทธกัสสปพุทธเจ้าทรงได้โมทนาสาธุการ จากนั้นทรงเทศนาเรื่องผลของการถวายทานส่งผลให้เข้าสู่พระนิพพานได้ ทำให้มีผู้บรรลธรรมเป็นพระโสดาบันทันทีนับแสนคน รวมทั้งท่านวิมุตติเศรษฐีด้วย
    ฝ่ายพระเจ้าปเสนทิศาทนั้นเข้าถึงไตรสรณคมน์ สมเด็จพระพุทธกัสสปพุทธเจ้าทรงตรัสว่า..

    “พระเจ้าปเสนทิศาทนั้น ได้ปรารถนาพระสัมมาพุทธเจ้าประเภทพิเศษพระองค์หนึ่งในอนาคตกาล”


    มนุษย์และเทวดาทั้งหลายต่างโมทนาสาธุการกับพระเจ้าปเสนทิศาท ฝ่ายพระเจ้าปเสนทิศาทนั้นเกิดความปิติอย่างแรงกล้า ทรงกล่าวคำสรรเสริญพระพุทธเจ้า และทรงใช้พระขรรค์บั่นพระศอ สิ้นพระชนม์ไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดุสิตในกาลต่อมา
     
  12. วาสุเทพ

    วาสุเทพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +5,174
    โอนเงินแล้วครับ
    เวลาที่สั่งทำรายการ : 27/07/2013 20:15
    บัญชีผู้รับโอน : SCB:pHUTTARA ROJJ A/C No.:0802526472
    จำนวนเงินที่โอน : THB 40,000.00

    ขอเจ้ากรรมนายเวรและผู้มีพระคุณทั้งหลาย จงโมทนา ส่วนกุศลนี้
    ขอผลบุญนี้ จงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าได้ทิพยจักษุญาณ ได้ปฏิสัมภิทาญาณและนิพพานในชาตินี้
    หากข้าพเจ้า ยังไม่ถึงซึ่งพระนิพพานเพียงไร ขอความไม่มี ไม่รู้ ไม่สามารถ จงอย่าได้ปรากฎแก่ข้าพเจ้า นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตราบท้าวเข้าสู่พระนิพพานเทอญ


    ขออนุโมทนาบุญตั้งแต่หน้าแรกจนถึงหน้าสุดท้ายกับทุกๆท่านครับ อ่านตั้ง4วันกว่าจะหมด อ่านจนตาลายมีอาการเบอๆ หุหุ
    คณะนี้กำลังใจในการสร้างทานบารมีสูงยิ่ง สาธุๆๆ
     
  13. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ประวัติจักรทั้ง ๔ (สรรพญาณฯ-สิริวรินทรา-วาสิทธิจักร) ตอน ๘ สร้างวัดพุทธธารามบพิตร

    จากนั้นสมเด็จพระพุทธกัสสปพุทธเจ้าทรงตรัสว่า..

    “ขณะนี้พระเจ้าปเสนทิศาทได้จุติบนวิมานเดิมบนสวรรค์ชั้นดุสิต ทรงปรารถนาพระสัมมาสัมโพธิญาณนานแล้ว ชาติเป็นอีกชาติที่ได้พุทธพยากรณ์จากเรา”

    เมื่อนั้นท่านวิมุตติเศรษฐีได้กราบทูลว่า...

    “ข้าฯแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าฯพระองค์ขอน้อมถวายที่ดินที่ติดกับพระราชวังนี้ สร้างเป็นเสนาสนะ เพื่ออาราธนาพระพุทธเจ้า และพระสาวกมาเพื่อโปรดชาวเมืองนี้ ก่อนที่พระเจ้าปเสนทิศาทจะทรงสวรรคต ข้าฯพระองค์ได้กราบทูลพระองค์เรียบร้อยแล้วพระพุทธเจ้าข้าฯ”

    พระพุทธองค์ทรงนิ่ง เป็นการรับถวาย จากนั้นพระพุทธเจ้าและพระสาวกทั้ง ๒๐๐๐๐ รูปก็เหาะขึ้นกลางอากาศไปยังเขตพุทธาวาส

    เนื่องจากพระเจ้าปเสนทิศาทไม่มีพระโอรส-ธิดา เมื่อทรงสิ้นพระชนม์ พระอนุชาพระนามว่า พระเจ้าปศันทราช จึงขึ้นครองราชย์แทน พระเจ้าปศันทราชนั้น มีพระมเหสีพระนามว่า พระนางจันทมาลย์ มีความสิริโฉมงดงามดุจนางอัปสร
    ขณะนั้นยังมีพระชนมายุเพียง ๑๖ ชันษา ยังไม่มีพระโอรส-ธิดาแต่อย่างใด และทรงดูแลพระมเหสีของพระเจ้าปเสนทิศาทเป็นอย่างดี


    ก่อนพระเจ้าปเสนทิศาทจะสิ้นพระชนม์ทรงมอบหมายเรื่องการสร้างวัดให้พระอนุชาช่วยดูแล เมื่อเสร็จสิ้นงานถวายพระเพลิงพระเจ้าปเสนทิศาทแล้ว พระเจ้าปศันทราชจึงได้เชิญบรรดาเศรษฐีใหญ่ในเมืองนี้ ประชุมกัน เพื่องานสร้างวัด

    มหาเศรษฐีในเมืองนี้มีตระกูลใหญ่อยู่ ๘ ตระกูลมีทรัพย์นับ ๔๖๐ โกฏิ ๒ ตระกูล ในจำนวนนั้นคือตระกูลของท่านวิมุตติเศรษฐี และอัฒจักรมานพ เมื่อประชุมเรียบร้อยแล้ว วางแผนในการบอกบุญแก่ชาวเมืองทั้งหลายให้มาช่วยกันสร้างวัดนี้ให้สำเร็จโดยเร็ว

    ทั้งนี้เกิดจากผู้ที่มีที่ดินใกล้เคียงกับสถานที่สร้างวัด และนำที่นี้มาถวายแด่พระเจ้าปศันทราชเพิ่มเติม ส่วนบางกลุ่มที่มีที่ดินเพียงผืนเดียว ท่านวิมุตติเศรษฐีได้มอบที่ดินแห่งอื่นของท่านแก่บุคคลเหล่านั้นแทน ส่วนผู้ที่ไม่มีที่ดินต่างก็บริจาคทรัพย์ของตนตามกำลัง เพื่อช่วยสร้างวัดนั้น การสร้างวัดนั้นใช้เวลาเพียง ๖ เดือนก็สร้างสำเร็จสามารถรองรับพระพุทธเจ้าและพระสาวกนับแสนรูป

    ครั้นเมื่อสร้างสำเร็จพระเจ้าปศันทราชได้ส่งเสนาบดีไปอาราธนาพระพุทธกัสสปพุทธเจ้า เพื่อรับการถวายอารามนั้น เพื่ออุทิศบุญถวายแด่พระเจ้าปเสนทิศาท และญาติผู้ล่วงลับไปแล้ว

    เมื่อสมเด็จพระพุทธกัสสปพุทธเจ้ามาถึงทรงรับการถวายอารามและให้พระนามวัดนี้ว่า..

    “พุทธธารามบพิตร”

    นับแต่นั้นเป็นต้นมา


    _______________________________________

    เมื่อเจ้าชายสุทธิวงศ์ได้เล่าถึงตอนนี้ พระองค์ได้บอกแก่พระชายาว่า..


    “สำหรับเทพธิดาที่น้องหญิงเห็นนั้น พี่คิดว่าน่าจะเป็นท่านนารทลดา เพราะเคยมีผู้เล่าว่า หลังจากที่สร้างวัดเสร็จนางจะมีความผูกพันธ์กับวัดนี้มาก ไปทำความสะอาดวัดทุกวัน จนนางคลอดบุตรชาย นามว่า “กัณฑกะกุมาร”

    ภายหลังพระอัฒจักรกลับมาจำพรรษาที่วัดนี้ และได้เป็นเจ้าอาวาสที่วัด เมื่อกัณฑกะกุมารโตขึ้น เป็นเด็กที่เฉลียวฉลาดมาก ไปช่วยงานที่วัดทุกวัน จนหลวงพ่อที่วัดท่านสอนวิชาให้ด้วยตนเอง สำเร็จวิชาตอนอายุได้ ๑๐ ขวบ

    ภายหลังพระเจ้าปศันทราชมีพระราชธิดา พระนามว่า “จันทริมา” ไม่มีพระโอรส จึงไม่มีผู้สืบบัลลังก์ เมื่อทรงอายุได้ ๑๖ ชันษา พระเจ้าปศันทราชได้ส่งราชรถ เพื่อหาคู่ ราชรถไปเกยที่เรือนพักผ่อนของกัณฑกะมานพ จากนั้นได้อภิเษกกับเจ้าหญิง และภายหลังได้ขึ้นครองราชย์ และเป็นต้นตระกูลของพี่นับแต่นั้นมา

    เมื่อท่านนารทลดาสิ้นชีวิต มีคนพบนางในอารามหลวงนั้นบ่อย ๆ บางคนถึงกับกลัวไม่กล้าเข้าวัด บางคนเรียกท่านเป็นเทพธิดาประจำวัด พระรูปใดปฏิบัติไม่ดี จะพบท่านนารทลดามาเตือน จนต้องเร่งปฏิบัติ


    ภายหลังพระพุทธเจ้าไม่ค่อยได้เสด็จมา เนื่องจากพระพุทธองค์ทรงชราภาพ มีแต่พระสาวกมาแทน

    เวลาผ่านไปเจ้าอาวาสก็เปลี่ยนไปหลายรูปแล้ว ”
    ทรงตรัสต่อไป
    ว่า...

    “พี่คิดว่า น้องน่าจะพบท่านแล้ว นานแล้วนะนับร้อยปีได้ ที่ท่านไม่ปรากฏให้ใครเห็น ท่านคงดีใจที่จะมีผู้มีบูรณวัดที่ท่านรัก จึงมาปรากฏให้น้องเห็น”
    เมื่อเจ้าหญิงสุชาดาทรงสดับเรียบร้อยแล้ว นางรู้สึกปิติใจจึงตั้งจิตอธิษฐานกับเทพธิดานารทลดาว่า ..

    “ข้าฯแต่เทพธิดาผู้เป็นใหญ่ หากเป็นท่านตามที่เสด็จพี่ได้ตรัสไว้แล้ว ขอให้หม่อมฉันได้พบพระองค์อีกครั้งเถิดเพคะ”


    จากนั้นนางก็เข้าห้องบรรทม


    ขออนุญาตต่อในวันต่อไปค่ะ

    ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

    Numsai
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 กรกฎาคม 2013
  14. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ หากต้องการประวัติเรื่องเกี่ยวกับพระขรรค์หรือดวงแก้วดวงใดที่ลงในกระทู้ กรุณาแจ้ง e-mail มาก็ได้ค่ะ จะส่งเป็น file ให้พิมพ์มาอ่านง่าย ๆ ไม่ต้องอ่านตามกระทู้ เพราะบางครั้งไม่ต่อเนื่องค่ะ

    สำหรับดวงแก้วจะจัดส่งในวันจันทร์ ไปรษณีย์ทำการค่ะ

    ขอให้สมความปรารถนาทุกประการค่ะ

    Numsai
     
  15. วาสุเทพ

    วาสุเทพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +5,174
    ได้รับจักรสีชมพู(จักรสิริวรินทรา)แล้วครับ
    สิ่งที่ปรารถนาสมหวัง ให้มากกว่าที่ขอส่งมาพร้อมกับจักร ขอขอบพระคุณในน้ำใจอันงดงาม

    อนุโมทนาบุญกับคุณน้ำใสและทุกๆท่านครับ
     
  16. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,344
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,298
    ขอแสดงความยินดีและอนุโมทนาบุญกับ คุณวาสุเทพ ด้วยนะครับ สาธุ สาธุ
     
  17. Miss Brown

    Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,779
    ค่าพลัง:
    +19,376
    สาธุ สาธุ เจ้าค่ะ โมทนาในธรรมทานอย่างสูงค่ะพี่น้ำใส
    ประวัติตอนนี้ช่วยไขปริศนาและข้อข้องใจที่ติดค้างในใจมานานค่ะ
    ขอท้าวความก่อนนะคะ...


    ย้อนไปประมาณ 2 ปีก่อน ตอนที่เริ่มฝึกมโนมยิทธิใหม่ ๆ
    ตอนนั้นความชัดเจนหรือความแจ่มใส ความมั่นใจในมโนมยิทธิของตนเองนั้นไม่มีเลย
    ขึ้นไปพระนิพพานครั้งแรก ตอนที่ครูฝึกให้เข้าไปที่วิมานของตนเอง
    ตาลก็เห็นวิมานตนเองเป็นเพียงศาลาเรือนไทยหลังเล็ก ๆ ที่มีบริเวณกว้างขวาง...
    ตอนนั้นไม่ได้สำรวจบริเวณ รู้แต่ว่าทำไมขนาดวิมานตัวเองเล็กจัง
    มีพื้นที่แค่พอนั่งได้และมีพุทธรูปหนึ่งองค์ตั้งอยู่เท่านั้น
    ครูฝึกคนแรกในชีวิตก็ตอบคำถามว่า นั่นเป็นเพราะเป็นครั้งแรกที่เราขึ้นไปบนวิมาน
    ให้หมั่นขึ้นมาที่นี่บ่อย ๆ แล้ววิมานจะขยายเอง


    ก็ทำแบบตาบอดคลำช้างไปเรื่อย ๆ
    หลังจากนั้นไม่นานก็ได้ขึ้นไปอีกครั้ง คราวนี้แปลกใจกว่าเดิม
    เพราะเห็นว่าวิมานของตนเองนั้นมีขนาดใหญ่ขึ้นจริง ๆ
    แม้จะยังไม่ได้เป็นวิมานแก้ว (ซึ่งการเห็นนั้นขึ้นอยู่กับความสะอาดของจิต ณ เวลานั้น ๆ ด้วยค่ะ)
    แต่ก็มีอาณาบริเวณใหญ่โตมโหฬาร มีวิมานหนึ่งหลัง และมีวิมานเล็ก ๆ อีกสองสามหลังติด ๆ กัน
    มีน้ำตกใสสะอาดอยู่หน้าวิมาน และน้ำตกนั้นก็ไหลออกมาเป็นลำธารสะอาดสดใส


    ตาลลองสำรวจวิมาน ณ ตอนนั้น เดินไปก็พบทุ่งหญ้า
    มีป่าไม้ มีภูเขาสีเขียวชอุ่มสบายตา ในน้ำมีแสงตกกระทบเป็นประกาย
    อาณาบริเวณนั้นกว้างขวางสุดลูกหูลูกตา เหมือนอุทยานแห่งชาติยังไงอย่างงั้นเลย...เดินดูไปก็สงสัยไป
    ได้ยินเสียงเพื่อนร่วมห้องฝึกตอบเรื่องวิมานแล้วคิดในใจ
    ทำไมของเราไม่เห็นเหมือนคนอื่นเลยหว่า? สงสัยจะอุปทานแล้วล่ะมั้ง
    เมื่อเดินกลับมาที่วิมานอีกรอบ แลเห็นพระองค์หนึ่งสวมจีวรสีส้มสะดุดตา นั่งสมาธิหลับตาอยู่ในวิมาน


    ตาลก้มลงกราบแม้จะไม่ทราบว่าท่านเป็นใคร ทำไมจึงมาอยู่ในวิมานของเราหว่า?
    มีแสงสว่างน้อย ๆ เปล่งประกายออกมารอบตัวของท่าน ผิวพรรณผ่องใส
    ปากสีชมพูระเรื่อย ท่านทรงยิ้มเล็กน้อย และกล่าวว่า
    "จำไม่ได้หรือ...ว่าลูกเคยทำบุญถวายที่ดินเพื่อสร้างวัด"
    ตาลทำหน้างง เหตุเพราะจำไม่ได้จริง ๆ
    หลังจากนั้นก็คิดว่า สงสัยเราจะไปกันใหญ่แล้ว ลงมาดีกว่า
    จึงกราบลาท่านลงมา และเก็บข้อสงสัยนี้เอาไว้กับตัวเองเพียงผู้เดียว ไม่เคยบอกใคร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กรกฎาคม 2013
  18. Miss Brown

    Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,779
    ค่าพลัง:
    +19,376
    เมื่อประมาณต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

    หลังจากได้ร่วมถวายพระบรมสารีริกธาตุและดวงแก้วแด่หลวงตาวัชรชัย ณ วัดเขาวงแล้ว
    จึงขึ้นไปสำรวจวิมานของตนเองที่สวรรค์ชั้นดุสิต ด้วยความอยากรู้ว่าที่วิมานมีอะไรเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมขึ้นมาไหม
    ตอนนั้นเดินชมวิมานกับท่านสิทธิสัตตะอยู่ดี ๆ ท่านก็พาเลี้ยวออกด้านซ้าย
    เห็นเป็นอุทธยานดอกไม้แสนสวย เมื่อเดินเลยอุทธยานดอกไม้ไปแล้ว
    กลับพบกับป่าสดชื่นเขียวชอุ่มแห่งหนึ่งซ่อนตัวในวิมาน
    มีลำธารใสสะอาดไหลคลอเท้า มีหินก้อนใหญ่ตั้งอยู่ริมน้ำ


    จึงจำได้ว่า ตนเองในสมัยที่ยังไม่ได้ฝึกสมาธิ เคยฝันเห็นสถานที่แห่งนี้หนึ่งครั้ง
    ในฝันนั้น เห็นตนเองกำลังนั่งร้องเพลงบนก้อนหินก้อนนั้นอยู่ริมน้ำพลางสางผมยาวอย่างสบายใจ
    มีธารใสไหลเย็นคลออยู่ที่ข้อเท้า ขณะที่รู้สึกเป็นสุขอยู่นั้นก็แลเห็นใบหน้าลึกลับใบหน้าหนึ่งที่กำลังแอบมองอยู่ในหมู่ไม้
    ด้วยความสงสัย จึงติดตามบุรุษในพุ่มไม้ไป จำได้ว่าเข้าไปในป่าลึกนั้นแล้วก็ตื่นขึ้นด้วยจิตใจที่เป็นสุข


    เมื่อท่านสิทธิสัตตะพามาที่ป่าแห่งนี้ จึงเข้าใจว่า ป่าแห่งนี้คือป่าเดียวกับในฝันเมื่อหลายปีก่อน
    "ทำไมบริเวณวิมานกว้างจังคะท่าน หนูไปทำอะไรมาน้อ?"
    ท่านยิ้มแล้วตอบว่า "เธอเคยถวายที่ดินสร้างวัดไง จำไม่ได้หรือ?"
    แล้วท่านยังกล่าวต่อไปอีกว่า
    "ที่ดินที่ถวายสร้างวัดนั้น มีอาณาเขตใหญ่โต มีน้ำตกและลำธาร มีความสวยงามและสงบ
    เธอถวายที่ดินนั้นแด่พระพุทธเจ้าและพระอรหันตสาวกทั้งหลาย
    ผลบุญนั้นทำให้วิมานของเธอมีอาณาบริเวณกว้างขวางและมีความสวยงามและสงบ"
    "น่าประหลาดใจมากค่ะ แล้ววิมานบนพระนิพพานที่มีเหมือนกันนี่เพราะบุญเดียวกันใช่ไหมคะ?"
    ท่านตอบว่าใช่...
    จึงเข้าใจแต่ก็ไม่ได้บอกใครอีกนั่นแหละค่ะ


    เมื่อมาอ่านประวัติตอนนี้จึงได้เข้าใจว่า บุญจากการร่วมถวายที่ดินเพื่อสร้างวัดในประวัตินั้นเองทำให้ได้รับผลบุญเฉกเช่นปัจจุบันนี้

    แต่ตาลไม่ใช่ท่านนารถลดานะคะ อิอิ เดี๋ยวรอท่านนารถลดามาเฉลยตัวเองนะคะ


    บุญกุศลใด ๆ ที่เกิดขึ้นจากการให้ธรรมทานในครั้งนี้
    ลูกขอน้อมถวายแด่สมเด็จพระพุทธกัสสปะมหาบพิตรเจ้าค่ะ
    ผู้ที่ทรงให้ความอนุเคราะห์และเกื้อกูลแก่ลูกเสมอมา ...

    ภายหลังจากนั้น จึงทราบว่า พระที่สวมจีวรสีส้มในวิมานวันนั้น
    คือสมเด็จพระพุทธกัสสปะ พระพุทธเจ้าลำดับที่สาม ในภัทรกัปป์แห่งนี้ค่ะ
     
  19. Phuya

    Phuya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    608
    ค่าพลัง:
    +10,966
    และขอแสดงความยินดีและอนุโมทนาบุญกับคุณวาสุเทพด้วยค่ะ ที่ได้เป็นผู้ดูแล
    ดวงแก้วนวสิทธิ์อมรเทพ และ ดวงแก้วนวเกศศุภมงค


     
  20. Phuya

    Phuya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    608
    ค่าพลัง:
    +10,966
    โครงการ...ฝึกมโนมยิทธิ ที่วัดท่าซุง ครั้งที่ 2
    (อ้างอิงข้อความเดิมหน้า 215)​


    IMG_0992 (480x640) (368x490).jpg

    สำหรับโครงการฝึกโนมยิทธิ ครั้งที่สอง....วันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม 2556 แจ้งรายชื่อเข้ามาได้เลยนะคะ ครั้งนี้จัดรถตู้สองคัน สำหรับคันแรกเต็มแล้วค่ะ
    เหลือที่นั่งอยู่ตอนนี้อีก 12 ที่ *** เปิดรับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนกว่าจะต็มค่ะ

    แจ้งรายชื่อผ่านทางกระทู้นี้ได้เลยนะค่ะ


    ....ว่าแต่คุณpizza4g ยังสนใจที่จะร่วมคณะอยู่ไหมคะ อิอิ
    ....คุณหวงจื้อเซวียน รอบนี้บุญจะหล่นทับอีกไหมคะ
    ....คุณ prapaanpong เราจัดที่นั่งให้คุณแล้วค่ะสองที่ในรถคันแรก

    อนุโมทนาบุญค่ะ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...