พระทำขนมปังขายเพื่อสร้างเมรุ เรื่องดีๆ ที่อยากเผยแพร่(ไม่แน่ใจว่ามีใครลงไปหรือยัง)

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย สังขารไม่เที่ยง, 28 กรกฎาคม 2013.

  1. สังขารไม่เที่ยง

    สังขารไม่เที่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,943
    ค่าพลัง:
    +24,697
    พระทำขนมปังขายเพื่อสร้างเมรุ เรื่องดีๆ ที่อยากเผยแพร่



    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า พระสงฆ์วัดโพธิ์ญาณ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.พิษณุโลก ทำกิจกรรมสร้างสรรค์ช่วยกันผลิตขนมปังจำหน่ายให้แก่คนที่มาให้ทานเลี้ยงอาหารปลา บริเวณวังปลาหน้าวัด จึงเดินทางไปตรวจสอบบริเวณริมฟุตบาทริมแม่น้ำน่าน หน้าวัดโพธิ์ญาณ พบพระสงฆ์ 4-5 รูปช่วยกันตวงแป้ง เนยและไข่ไก่ลงไปในเครื่องตี เพื่อทำขนมปัง ก่อนนำไปอบและจำหน่ายให้ประชาชนที่ส่วนใหญ่นำไปโยนให้ปลากินที่วังปลา หน้าแม่น้ำน่าน

    พระครูสุนทรโรจนคุณ เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ญาณ เปิดเผยว่า ทางวัดทำวังปลามาประมาณ 5 ปีแล้ว เนื่องจากมีประชาชนชอบมามาทำบุญที่วัดและมักให้อาหารปลา โดยจัดเป็นเขตอภัยทาน พร้อมสร้างแพให้อาหารปลา และจัดหาอาหารเม็ดและขนมปังมาจำหน่าย แต่ช่วงแรกร้านทำขนมปังไม่สามารถนำขนมปังมาส่งให้ทางวัดได้ จึงมีแนวคิดว่าจะผลิตขนมปัง เพื่อจำหน่ายเอง ปรึกษากับพระลูกวัดที่มีความสามารถในการทำอาหารและขนมปัง ก่อนตัดสินใจไซื้อเครื่องอบขนมปังมาตั้งแต่ต้นปี 2555 จนถึงปัจจุบัน

    เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ญาณ กล่าวอีกว่า การให้พระลูกวัดทำขนมปัง เพื่อหารายได้สร้างเมรุไร้มลพิษนั้น ถือว่าไม่ผิดกิจของสงฆ์ มีการแบ่งเวลาในการปฏิบัติธรรมที่ดี ถือว่าเป็นกิจกรรมดีๆ ของพระภิกษุสงฆ์
    ที่มา: "พระ"เมืองพิษณุโลกทำ"ขนมปัง"ขาย หารายได้สร้างเมรุ แจงไม่ผิดกิจของสงฆ์ : มติชนออนไลน์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. makigochan

    makigochan ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    6,247
    ค่าพลัง:
    +68,059
    อนุโมทนาสาธุ เป็นอย่างสูงกับพระคุณเจ้าวัดโพธิ์ญาณค่ะ
     
  3. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ทำขนมเเล้วเอาไปเลี้ยงปลาเลย นั่นล่ะดูดีน่า โมทนาสาธุ
    บวชเเล้วต้องมาปั้นขนมแล้วต้องมาขายอีก !!!!

    หาทุนสร้างเมรเผาศพชาวบ้าน คนในชุมชนของวัดคิดยังไงปล่อย
    ให้พระให้เจ้ามานั่งทำขนมขายหาทุนสร้างเมรเผาศพชาวบ้าน
    มองยังไงก็ไม่เป็นกุศล!!!!
     
  4. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    ถ้ามีบัญชีธนาคารของวัด ให้เราสามารถโอนปัจจัยไปร่วมบุญด้วยคงจะดีไม่น้อยนะคะ
     
  5. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    เราก็สละทรัพย์ช่วยทำทานประเภทนี้เสมอ
    โดยเฉพาะในวัดที่ห่างไกลก็โอนเข้าบัญชี
    ผ่านทางบัญชีในนามเจ้าอาวาสที่ระบุมาใน
    กระทู้ชวนบริจาคสร้างอะไรต่อมิอะไรเช่น
    สร้างห้องน้ำ กุฏิสงฆ์ ทางขึ้นวัด ขุดสระ
    สร้างพระพุทธรูปองค์ปฐม เป็นต้น

    มีบัญชีแจ้งมาก็สละทรัพย์ช่วยได้อีก
    แต่การพาพระลูกวัดเมคมันนี่กันเอง
    ทำให้ชาวบ้านเสียเครดิตว่าไม่แก้ปัญหา
    ให้แก่วัดวาในชุมชน ชาวบ้านต้องไม่วางเฉย
    แม้จะต้องใช้เวลานานเเค่ไหนก็รวบรวมกันไป
    เสร็จเมื่อไรก็เมื่อนั้น!!!!
     
  6. naron

    naron เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2009
    โพสต์:
    2,515
    ค่าพลัง:
    +3,573
    สาธุบุญกับทุกๆองคืครับ แต่มะช่ายหน้าที่ท่านครับ หน้าที่ท่านคือปฏิบัติเรื่องก่อสร้างเป็นเรื่องของโยม
     
  7. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ภิกษุเป็นผู้ไม่มีอาชีพ ไม่หาเลี้ยงชีพด้วยเงิน เป็นผู้ขอจากชาวบ้าน ถ้ามีจริยวัตรดีเดี๋ยวก็มีชาวบ้านมาบำรุงเอง การมาประกอบอาชีพเช่นนี้ มันอาบัติทุกกฏ
     
  8. เพชรกร

    เพชรกร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    290
    ค่าพลัง:
    +1,254
    เอาเวลาไปปฎิบัติธรรมจะดีกว่านะครับ บวชเเล้วควรปฎิบัติธรรมให้ได้มรรคผลดีกว่า เรื่องของโลกก็ปล่อยให้ไปตามกรรม ถ้าคิดว่าทิ้งเรื่องทางโลกไม่ได้ก็ไม่ควรบวชให้เสียเวลา บางอย่างจะเป็นบาปโดยไม่รุ้ตัวเพราะศึกษาไม่ถึง
    ถ้าทิ้งทางโลกไม่ได้ก็อย่าบวชไปช่วยเหลือทางโลกจะดีกว่า
     
  9. สังขารไม่เที่ยง

    สังขารไม่เที่ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    5,943
    ค่าพลัง:
    +24,697
    น่าเห็นใจ...ทุกฝ่ายนะคะ....ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย....ไม่สามารถเรียกศรัทธาให้กลับคืนมาได้...เป็นขาลงของพุทธศาสนาซะแล้ว....น่าเศร้าใจ....
     
  10. Artorius

    Artorius เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2012
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +313
    เห้อ... อนิจจัง ทุกสิ่งล้วนไม่เที่ยงจริงๆ
     
  11. น้องจุ๊บ

    น้องจุ๊บ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    603
    ค่าพลัง:
    +1,303
    เรื่องนี้บอกได้คำเดียว น่าเห็นใจพระคุณท่าน
     
  12. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,947
    วัดใกล้ๆ ไม่มีเมรุเลยหรือคะ
    จริงๆ แล้วถ้าวัดใกล้เคียงกัน การสร้างเมรุก็น่าจะไม่ต้องรีบ ควรใช้การเรี่ยไรบอกบุญดีกว่า
    หน้าที่ของสงฆคือการปฏิบัติธรรมสืบทอดอายุพระพุทธศาสนา
     
  13. หาจนเจอ

    หาจนเจอ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +158
    [​IMG]
    กองฟอน
     
  14. apiraks

    apiraks เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    115
    ค่าพลัง:
    +508
    ผู้ใดบวชในพระศาสนานี้ไม่ประกอบตนไว้โดยชอบ
    เป็นผู้มีศีลขาด อาศัยอเนสนาการแสวงหาที่ไม่สมควร ๒๑ อย่างเลี้ยงชีวิต คือ
    ๑ ให้ไม้ไผ่ ๒ ให้ใบไม้ ๓ ให้ดอกไม้ ๔ ให้ผลไม้ ๕ ให้ไม่ชำระฟัน ๖
    ให้น้ำล้างหน้า ๗ ให้น้ำอาบ ๘ ให้ผงทาตัว ๙ ให้ดินถูตัว ๑๐ ประจบ ๑๑
    พูดจริงปนเท็จ ๑๒ เลี้ยงลูกให้เขา ๑๓ รับใช้คฤหัสถ์ ๑๔ ทำตัวเป็นหมอ
    ๑๕ ทำตัวเป็นทูต ๑๖ รับส่งข่าวคฤหัสถ์ ๑๗ ให้ข้าวของหวังผลตอบแทน ๑๘
    แลกเปลี่ยน ๑๙ เป็นหมอดูพื้นที่ ๒๐ เป็นหมอดูฤกษ์ ๒๑ เป็นหมอดูลักษณะ.

    และประพฤติอโคจร ๖ คือ ๑ หญิงแพศยา ๒ หญิงหม้าย ๓ หญิงสาวแก่
    ๔ บัณเฑาะก์ ๕ ภิกษุณี ๖ ร้านเหล้า. คลุกคลีกับคฤหัสถ์ คือพระราชา
    อมาตย์ของพระราชา เดียรถีย์ สาวกเดียรถีย์ ด้วยการคลุกคลีอัน ไม่สมควร.
    เสพคบ เข้าใกล้ตระกูลที่ไม่มีศรัทธาปสาทะ ไม่เป็นดั่งบ่อน้ำ ด่าและบริภาษ
    หวังแต่สิ่งที่ไม่มีประโยชน์ไม่เกื้อกูล ไม่ผาสุก ไม่ปลอดโยคะ แก่ภิกษุ ภิกษุณี
    อุบาสก อุบาสิกา ผู้นี้ชื่อว่า ผู้ฉลาดในสิ่งที่ไม่มีประโยชน์.

    อนึ่ง ผู้ใดบวชในพระศาสนานี้ ประกอบตนโดยชอบ ละอเนสนา
    ปรารถนาแต่จะตั้งอยู่ในจตุปาริสุทธิศีล บำเพ็ญปาติโมกขสังวรศีลด้วยศรัทธา
    เป็นสำคัญ บำเพ็ญอินทรียสังวรศีลด้วยสติเป็นสำคัญ บำเพ็ญอาชีวปาริสุทธิศีล
    ด้วยความเพียรเป็นสำคัญ บำเพ็ญการเสพปัจจัยด้วยปัญญาเป็นสำคัญ ผู้นี้
    ชื่อว่า ผู้ฉลาดในประโยชน์.

    อนึ่ง ผู้ใดชำระปาติโมกขสังวรศีล โดยชำระอาบัติ ๗ กอง ชำระ
    อินทรียสังวรศีล โดยไม่ให้อภิชฌาเป็นต้นเกิด ในอารมณ์ที่กระทบในทวาร ๖
    ชำระอาชีวปาริสุทธิศีล โดยเว้นอเนสนา และเสพแต่ปัจจัยที่วิญญูชนสรรเสริญ
    และที่พระพุทธเจ้า สาวกของพระพุทธเจ้าสรรเสริญ ชำระการเสพปัจจัย โดย
    การพิจารณาปัจจัยตามที่กล่าว และชำระสัมปชัญญะ โดยการพิจารณาโดยเป็น
    สาตถกสัมปชัญญะเป็นต้น ในการเปลี่ยนอิริยาบถทั้ง ๔ แม้ผู้นี้ ก็ชื่อว่า ผู้
    ฉลาดในประโยชน์.

    อนึ่ง ผู้ใดรู้ว่า ผ้าสกปรก อาศัยน้ำเค็ม ก็ทำให้สะอาดได้ กระจก
    อาศัยเถ้า ก็ทำให้สะอาดได้ ทองอาศัยเบ้าหลอมก็ทำให้ผ่องแผ้วได้ ฉันใด
    ศีลอาศัยญาณก็ผ่องแผ้วได้ฉันนั้น แล้วชำระด้วยน้ำคือญาณ ก็ทำศีลให้บริสุทธิ์
    ได้ เปรียบเหมือนนกต้อยตีวิดรักษาไข่ เนื้อทรายจามรีรักษาขนหาง นารี
    มีบุตรคนเดียวรักษาบุตรคนเดียวที่น่ารัก บุรุษมีดวงตาข้างเดียวรักษาดวงตา
    ข้างเดียวนั้นไว้ ฉันใด ผู้ไม่ประมาทอย่างเหลือเกิน ก็รักษาศีลขันธ์ของตน
    ฉันนั้น เขาพิจารณาทั้งเย็นเช้า ก็ไม่พบโทษแม้ประมาณน้อย แม้ผู้นี้ ก็ชื่อว่า
    ผู้ฉลาดในประโยชน์.

    อนึ่งเล่า ผู้ใดตั้งอยู่ในศีล ที่ไม่ทำความเดือดร้อน ย่อมประคองปฏิปทา
    เครื่องข่มกิเลส. ครั้นประคองปฏิปทานั้นแล้ว ย่อมทำบริกรรมในกสิณ ครั้น
    ทำบริกรรมในกสิณแล้ว ย่อมยังสมาบัติทั้งหลายให้เกิด แม้ผู้นี้ ก็ชื่อว่า
    ผู้ฉลาดในประโยชน์.


    ประชุมสงฆ์ทรงสอบถาม
    ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้ารับสั่งให้ประชุมภิกษุสงฆ์ ในเพราะ
    เหตุเป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วทรงสอบถามพระ-
    ฉัพพัคคีย์ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ข่าวว่า พวกเธอถึงการซื้อขายด้วย
    รูปิยะมีประการต่าง ๆ จริงหรือ


    พระฉัพพัคคีย์ทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า

    ทรงติเตียน
    พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงติเตียนว่า ดูก่อนโมฆบุรุษทั้งหลาย การ
    กระทำของพวกเธอนั่น ไม่เหมาะ ไม่สม ไม่ควร ไม่ใช่กิจของ
    สมณะ ใช้ไม่ได้ ไม่ควรทำ ไฉนพวกเธอจึงได้ถึงการซื้อขายด้วย
    รูปิยะมีประการต่าง ๆ เล่า การกระทำของพวกเธอนั่นไม่เป็นไปเพื่อ
    ด้วยความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส หรือเพื่อความเลื่อมใสยิ่ง
    ของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว โดยที่แท้ การกระทำของพวกเธอนั่น เป็น
    ไปเพื่อความไม่เลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส และเพื่อความเป็น
    อย่างอื่นของชนบางพวกที่เลื่อมใสแล้ว

    ทรงบัญญัติสิกขาบท

    ครั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงติเตียนพระฉัพพัคคีย์โดยอเนกปริยาย
    ดังนี้แล้ว ตรัสโทษแห่งความเป็นคนเลี้ยงยาก ความเป็นคนบำรุงยาก
    ควานเป็นคนมักมาก ความเป็นคนไม่สันโดษ ความคลุกคลี ความ
    เกียจคร้าน ตรัสคุณแห่งความเป็นคนเลี้ยงง่าย ความเป็นคนบำรุง
    ง่าย ความมักน้อย ความสันโดษ ความขัดเกลา ความกำจัด อาการ
    ที่น่าเลื่อมใส การไม่สะสม การปรารภความเพียร โดยอเนกปริยาย
    ทรงกระทำธรรมีกถาที่สมควรแก่เรื่องนั้น ที่เหมาะสมแก่เรื่องนั้น แก่
    ภิกษุทั้งหลาย แล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นแล เราจักบัญญัติสิกขาบท
    แก่ภิกษุทั้งหลาย อาศัยอำนาจประโยชน์ ๑๐ ประการ คือ เพื่อความ
    รับว่าดีแห่งสงฆ์ ๑ เพื่อความสำราญแห่งสงฆ์ ๑ เพื่อข่มบุคคลผู้เก้อ-
    ยาก ๑ เพื่ออยู่สำราญแห่งภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รัก เพื่อป้องกันอาสวะ
    อันจะบังเกิดในปัจจุบัน ๑ เพื่อกำจัดอาสวะอันจักบังเกิดในอนาคต ๑
    เพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส ๑ เพื่อความเลื่อมใสยิ่ง
    ของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว ๑ เพื่อความตั้งมั่นเเห่งพระสัทธรรม ๑ เพื่อ
    ถือตามพระวินัย ๑

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดง
    อย่างนี้ ว่าดังนี้:-

    พระบัญญัติ
    อนึ่ง ภิกษุใดถึงความซื้อขายด้วยรูปิยะมีประการต่าง ๆ
    เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์

    วิธีเสียสละของที่ซื้อขายด้วยรูปิยะ
    ภิกษุรูปนั้นพึงเข้าไปหาสงฆ์ ห่มผ้าอุตราสงค์เฉวียงบ่า กราบเท้า
    ภิกษุผู้แก่พรรษากว่า นั่งกระโหย่งเท้าประณมมือ กล่าวอย่างนี้ว่า:-
    ท่านเจ้าข้า ข้าพเจ้าถึงความซื้อขายด้วยรูปิยะมีประการต่าง ๆ
    ของสิ่งนี้ของข้าพเจ้า เป็นของจำจะสละ ข้าพเจ้าสละของสิ่งนี้แก่
    สงฆ์

    ครั้นสละแล้วพึงแสดงอาบัติ ภิกษุผู้ฉลาด ผู้สามารถ พึงรับอาบัติ
    ถ้าคนทำการวัด หรืออุบาสกเดินมาในสถานที่เสียสละนั้น พึงบอกเขาว่า
    ท่านจงรู้ของสิ่งนี้ ถ้าเขาถามว่า จะให้ผมนำของสิ่งนี้ไปหาอะไรมา อย่า
    บอกว่า จงนำของสิ่งนี้หรือของสิ่งนี้มา ควรบอกแต่ของที่เป็นกัปปิยะ
    เช่นเนยใส น้ำมัน น้ำผึ้ง หรือน้ำอ้อย ถ้าเขานำของสิ่งนั้นไป แลก
    ของที่เป็นกัปปิยะมาถวาย เว้นภิกษุผู้ซื้อขายด้วยรูปิยะ ภิกษุนอกนั้นฉัน
    ได้ทุกรูป ถ้าได้อย่างนี้ นั่นเป็นการดี ถ้าไม่ได้ พึงบอกเขาว่า โปรด
    ช่วยทั้งของสิ่งนี้ ถ้าเขาทิ้งให้ นั่นเป็นการดี ถ้าเขาไม่ทิ้งให้ พึงสมมติ

    ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์ ๕ ให้เป็นผู้ทิ้งรูปิยะ
    องค์ ๕ ของภิกษุผู้ทิ้งรูปิยะ

    องค์ ๕ นั้น คือ ๑. ไม่ถึงความลำเอียงเพราะความชอบพอ
    ๒. ไม่ถึงความลำเอียงเพราะเกลียดชัง ๓. ไม่ถึงความลำเอียงเพราะ
    งมงาย ๔. ไม่ถึงความลำเอียงเพราะกลัว และ ๕. รู้จักว่าทำอย่างไร
    เป็นอันทิ้ง หรือไม่เป็นอันทิ้ง

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็แลสงฆ์พึงสมมติภิกษุนั้น อย่างนี้:-

    วิธีสมมติภิกษุผู้ทิ้งรูปิยะ
    พึงขอภิกษุให้รับตกลงก่อน ครั้นแล้วภิกษุผู้ฉลาด ผู้สามารถ พึง
    ประกาศให้สงฆ์กราบด้วยญัตติทุติยกรรมวาจา ว่าดังนี้:-
    คำสมมติ
    ท่านเจ้าข้า ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ถ้าความพร้อมพรั่งของสงฆ์
    ถึงที่แล้ว สงฆ์พึงสมมติภิกษุมีชื่อนี้ให้เป็นผู้ทิ้งรูปิยะ นี้เป็นญัตติ
    ท่านเจ้าข้า ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า สงฆ์สมมติภิกษุมีชื่อนี้ให้
    เป็นผู้ทิ้งรูปิยะ การสมมติภิกษุมีชื่อนี้ให้เป็นผู้ทิ้งรูปิยะ ชอบแก่ท่าน
    ผู้ใด ท่านผู้นั้นพึงเป็นผู้นิ่ง ไม่ชอบแก่ท่านผู้ใด ท่านผู้นั้นพึงพูด
    ภิกษุมีชื่อนี้ สงฆ์สมมติให้เป็นผู้ทิ้งรูปิยะแล้ว ชอบแก่สงฆ์
    เหตุนั้นจึงนิ่ง ข้าพเจ้าทรงความนี้ไว้ด้วยอย่างนี้

    ภิกษุผู้รับสมมติแล้วนั้น พึงทิ้งอย่าหมายที่ตก ถ้าทิ้งหมายที่ตก
    ต้องอาบัติทุกกฏ


    อ้างอิงจาก : พระไตรปิฎกฉบับมหามกุฎราชวิทยาลัย
    พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 337
    พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ 959
    พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ 939
    พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ 962 - 963


    ขอเจริญในธรรมทุกท่านนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กรกฎาคม 2013
  15. chaokhun

    chaokhun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +5,701
    เจตนาดี ครับ ขนมปังรสพระทำ แต่คิดอีกด้านแล้ว ก็ไม่ใช่กิจของสงฆ์

    พระสงฆ์ควรปฏิบัติธรรม มิใช่มาทำขนมปังขาย เพื่อหาเงินสร้าง เมรุ

    มาคิดอีกมุมหนึ่ง วัดอื่นสร้างพระขาย แต่วัดนี้ทำขนมปังขาย


    ถ้าคิดว่าผิดก็ต้องผิดหมด วัดที่สร้างพระขาย ก็น่าผิดด้วย

    ว่าแต่ ขนมปัง รุ่นรสพระทำ มีราคาส่ง แล้วมีวางตามร้านเบเกอรี่หรือเปล่าครับ หลวงพี่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กรกฎาคม 2013
  16. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,731
    ใจจริงชอบแบบนี้ค่ะ เรียบง่าย และได้คติธรรมเตือนใจดี
    แต่ว่าถ้าเป็นวัดในเมืองอาจไม่สะดวกด้วยประการต่างๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...