ปิดประมูลวัชระบัว ๒ องค์ หน้า ๖๖๑ ,ธรรมะจากพระอาทิพุทธะ หน้า ๖๕๙ ค่ะ

..ขออนุโมทนาบุญกับท่าน widya ด้วยค่ะ...

วันนี้ 06:30 PM
sun2555 ขอร่วมบุญประมูลจักรแก้วปราชญ์วิสุทธิ์ 6500 บาท ครับ
---------------------------------------
วันนี้ 06:30 PM widya ร่วมบุญประมูลเพื่องานกฐินและงานบุญต่างๆ ด้วยนะครับ

๑.จักรแก้วสุทธิวงศา 6,616.16 บาท

๒.จักรแก้วศศิมานรินทร์ 5,616.16 บาท

๓.จักรแก้วปราชญ์วิสุทธิ์ 6,616.16 บาท

ขออนุโมทนาบุญอันเป็นมหากุศลกับทุกท่านที่ร่วมประมูลและร่วมเชียรด้วยครับ

ขออนุโมทนาบุญอันเป็นมหากุศลกับทุกท่านที่เป็นเจ้าของจักรแก้วล่วงหน้านะครับ

--------------------------------------------
วันนี้ 06:30 PM

sereenon จักรปราชญ์วิสุทธิ์ 6,219 บาท

_______________________________________________

ก่อนอื่นขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านที่ร่วมประมูลในครั้งนี้ค่ะ ทุกอย่างมีเหตุมีปัจจัยค่ะ

กาลนี้ท่าน widya ได้จักรทั้ง ๓ ไปนับตามบุญบารมีแต่กาลก่อนค่ะ

เพื่อสนับสนุนการสร้างทานบารมีของท่าน widya ดิฉันขอนำปัจจัยจากการประมูลครั้ง นอกเหนือจากที่ได้กล่าวมาแล้ว ๓ รายการ จำนวนรายการละ ๕๐๐ บาท ร่วมเป็น ๑๕๐๐ บาท

เพื่อร่วมบุญถวายภัตตาหารเพลแด่พระภิกษุสงฆ์ และชำระหนี้สงฆ์ ณ.วัดเขาวง จ.วันอาทิตย์ที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๖(พรุ่งนี้) ด้วยค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับท่าน widya อีกครั้งค่ะ และขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านที่ติดตามกระทู้นี้ทั้ง ร่วมประมูล และช่วยเชียร์ค่ะ

Numsai

หมายเหตุ ต้องขออภัยทุกท่านที่ไม่ได้แจ้งทุกท่าน เนื่องจากเป็นบุตรชายของผู้ใหญ่ที่นับถือได้อุปสมบทที่วัดนี้ และเจ้าภาพได้เชิญดิฉันไปร่วมงานนี้อีกทีค่ะ

 

ประวัติจักรแก้วสุทธิวงศา(สีขาว)- ศศิมานรินทร์(สีชมพู) ตอนที่ ๑ พระฤาษีมอบจักรแก้วให้..

เดิมทีดิฉันตั้งใจว่า จะนำเสนอประวัติดวงแก้ววัชรพุทธางกูร และดวงแก้วอภิบูรณ์อมรฤทธิ์ รวมทั้งประวัติแก้วจุลจักรพรรดิอีก ๑๐+๔ ดวง

ปรากฏว่า มีจักรแก้วที่ขึ้นมาก่อนเข้าพรรษา เป็นจักรที่มีประวัติต่อเนื่องจากประวัติจักรชุด ๖ องค์ (สรรพญาณฯลฯ) ซึ่งมีประวัติต่อเนื่องกันมา อันเนื่องจากการขยันลงมาจุติเป็นมนุษย์ของท่าน widya (อิอิ) เพื่อสร้างบารมี และสงเคราะห์บริวาร จึงขออนุญาตนำเสนอประวัติชุดนี้ก่อนค่ะ

ต้องกราบขออภัยทุก ๆ ท่านมาในครั้งนี้ด้วยค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

Numsai
______________________________________________

ขอย้อนไปในก่อนสมัยสมเด็จพระพุทธกัสสปพุทธเจ้าจะบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ มีเมืองหนึ่งนามว่า สาเกตนคร โดยมีพระเจ้าปเสนทิศาทธรรมราชา (ท่าน widya ) เป็นผู้ครองนคร มีพระมเหสีพระนามว่า พระนางจันทมาลีเทวี

พระเจ้าปเสนทิศาท มีพระอนุชาพระองค์เดียว นามว่า “เจ้าชายปศันทราช” (ท่านสิทธิสัตตะ -ชั้นดุสิต) พระเจ้าปเสนทิศาทนั้น ทรงรักใคร่พระอนุชาดุจพระโอรส เนื่องจากมีอายุห่างกันถึง ๑๐ ชันษา ทั้งสองพระองค์ต่างเลี้ยงพระอนุชามาเป็นอย่างดี จึงไม่ปรารถนาจะมีพระโอรส-ธิดา และได้แต่งตั้งให้เจ้าชายปศันทราชเป็นรัชทายาทองค์ต่อมา

เมืองสาเกตนครนี้ เป็นเมืองใหญ่ มีพื้นที่กว้างขวาง แทบจะเรียกว่า เป็นแคว้น ๆ หนึ่งก็ว่าได้ ด้วยผู้ที่เกิดในยุคนี้ล้วนแต่เป็นผู้มีบุญมาเกิด เมืองนี้มหาเศรษฐีถึง ๘ ตระกูลใหญ่ล้วนแต่เป็นผู้มีทรัพย์มาก มีท่านบูรณเศรษฐี สิทธิกะเศรษฐี อมรติโยคเศรษฐี บริจาคเศรษฐี วิณฑกเศรษฐี นางอัจฉิมาเศรษฐี และท่านวิมุตติเศรษฐี

วันหนึ่งพระเจ้าปเสนทิศาทนั้นได้เสด็จประพาสป่า พร้อมกับวรรณะพราหมณ์ ซึ่งเป็นพระสหายกัน ต่อมาได้พบกับพระฤาษีตนหนึ่งนามว่า พระอัสดงฤาษี ทรงมีความเลื่อมใสศรัทธาพระฤาษีผู้เป็นอาจารย์เป็นอย่างยิ่ง

พระอัสดงฤาษีจึงได้ถ่ายทอดวิชาต่าง ๆ จนทั้งสองท่านมีความแตกฉานในทุกสรรพวิชา

_________________________________________

อยู่มาวันหนึ่งพระอัสดงฤาษีได้พาพระเจ้าปเสนทิศาท และวรรณพราหมณ์ไปยังถ้ำปากทางเข้าภพบาดาล สร้างความตื่นเต้นแก่ทั้งสองท่านเป็นอย่างยิ่ง โดยท่านกล่าวว่า จะพาไปกราบพระอาจารย์ของท่าน นามว่า พระเกษรีฤาษี

ครั้นเมื่อไปถึงท่านทั้งสองก็ได้พบพระเกษรีฤาษี รออยู่ก่อนแล้ว พระเกษรีฤาษีได้มอบจักรแก้วคนละ ๑ คู่ โดยกล่าวว่า..

“ท่านทั้งสองเกิดมาเพื่อสร้างบารมี เพราะปรารถนาพระสัมมาสัมโพธิญาณทั้งคู่ จักรแก้วนี้จะช่วยในความคล่องตัวหลาย ๆ เรื่อง จักรคู่แรกของพระเจ้าปเสนทิศาทนั้น จักรสีขาวมีนามว่า “จักรสุทธิวงศา” จักรนี้เกิดแต่สมัยท่านเคยเป็นพญานาคราช นามว่า “สุทธิวงศ์นาคราช” ได้เข้าสมาบัติเป็นเวลา ๖๑ กัป และออกสมาบัติก่อนพระพุทธเจ้าพระนามว่า “พระอัตถทัสสีพุทธเจ้า”

และจักรสีชมพูนามว่า “จักรศศิมานรินทร์” เป็นจักรที่พระมเหสีของพระองค์ได้เสวยพระชาติเป็นนางนาคมาณวิกา ได้อธิษฐานจิตก่อน ยุคพระอัตถทัสสีพุทธเจ้า ๕๑ กัป รายละเอียดจะไม่ขอพูดถึง

หลังจากอธิษฐานจักรแล้ว ได้นำจักรนี้ไปถวายพระอินทร์ กาลนั้นสมเด็จพระพุทธวิปัสสีพุทธเจ้าได้จุติเป็นท้าวสักกเทวราช ได้ให้พร ๘ ประการ คือ

 

ประวัติจักรแก้วสุทธิวงศา(สีขาว)- ศศิมานรินทร์(สีชมพู) ตอนที่ ๒ พร ๘ ประการจากพระอินทร์

ขอกล่าวย้อนเพียงเล็กน้อย สำหรับพญาสุทธิวงศานั้น ปรารถนาที่จะเกิดเป็นมนุษย์ยุคพระอัตถทัสสีพุทธเจ้า จึงตั้งใจว่า ทำหน้าที่ของตนแล้วจะละสังขารต่อไป ส่วนศศิมาภรณ์มาณวิกา ซึ่งบังเอิญออกสมาบัติพร้อมกัน และได้เข้าเฝ้าท้าวสักกเทวราชพร้อมกัน

เมื่อท่านท้าวสักกเทวราชนั้น ได้ตรวจดูด้วยญาณทัสสนะทราบว่า ทั้งสองเคยเป็นคู่กันมาแต่อดีต ท่านทรงตรัสว่า...

“พรทั้ง ๘ ประการนี้ เราขอให้เจ้าทั้งสองพร้อมกัน”

สำหรับพรทั้ง ๘ ประการที่ท้าวสักกเทวราชทรงประทานให้แก่สุทธิวงศ์นาคราชและศศิมาภรณ์มาณวิกา มีดังนี้..

๑.ขอให้สุทธิวงศ์นาคราชสำเร็จความปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าประเภทพิเศษ และขอให้ศศิมาภรณ์มาณวิกาสมความปรารถนาเป็นคู่บารมีพระโพธิสัตว์

๒.ขอให้มีทรัพย์ในการสร้างทานบารมีในทุกภพชาติมิขาด ไม่ว่าจะเกิดในตระกูลใดก็ตาม ทรัพย์จะไม่เคยขาดมือ

๓. ขอให้ทุกชาติที่เกิดเป็นมนุษย์ หรือเป็นพญานาคก็ตามผู้เลิศด้วยวรรณะ และปฏิภาณไหวพริบ เป็นผู้ฉลาดหลักแหลม

๔. ขอให้เป็นผู้ที่มีวาจาอันไพเราะ ส่งผลให้มีผู้ให้ความเคารพเชื่อถือ

๕. ขอให้เป็นผู้ทรงศีลอันบริสุทธิ์ในทุกภพชาติที่เกิดมา

๖. หากกาลใดที่สุทธิวงศ์นาคราช เกิดมาเพื่อบำเพ็ญเนกขัมมบารมี ขอให้ศศิมาภรณ์จงอยู่ให้กำลังใจเบื้องบน อย่าได้ลงไปเกิด เพราะจะขวางในการสร้างบารมีได้

๗. ขอให้เป็นทั้งสอง จงเป็นที่รักของมนุษย์และเทวดา

๘. แม้จะมีการเปลี่ยนภพภูมิไปเกิดเป็นมนุษย์หรือนาคก็ตาม หากปรารถนาให้จักรทั้งสองนี้ปรากฏ ก็จะปรากฏขึ้นตามความปรารถนาของทั้งสองมิแปรเปลี่ยน จนกว่าจะถึงชาติสุดท้าย”


ทั้งสองได้รับพรจากท้าวสักกเทวราชแล้ว ปวงเทพเทวาทั้งหลาย ต่างโมทนาสาธุการ จากนั้นได้นำจักรทั้งสองไปประดิษฐาน ณ.พระมหาเจดีย์จอมมุนีแห่งนาคพิภพ

จากนั้นพญาสุทธิวงศ์นาคราชได้กล่าวแก่ศศิมาภรณ์มาณวิกาว่า....

“น้องหญิง แม้เราต่างไม่เคยพบกันก่อนหน้านี้ เราเชื่อว่า ญาณทัสสนะของท้าวสักกเทวราชนั้นเที่ยงแท้แน่นอน

เรามิรู้เหตุแห่งอนาคตว่า เป็นเช่นใด ชาตินี้เราจะละสังขารแล้ว กรรมใดที่เราเคยล่วงเกินน้องหญิงมาแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเราขออโหสิกรรมด้วยเถิด และกรรมใดที่น้องหญิงเคยล่วงเกินต่อเรามา เราให้อภัยทุกประการ”

ด้วยบุญกุศลอันทั้งสองเคยกระทำมาแต่กาลก่อน ศศิมาภรณ์มาณวิกานั้น มีจิตอ่อนโยนมีความเคารพต่อพญาสุทธิวงศ์นาคราชอย่างประหลาด นางจึงก้มกราบพระบาทของพญาสุทธิวงศ์นาคราช และกล่าวว่า..

“ข้าฯแต่พญานาคราชผู้เป็นใหญ่ ตัวหม่อมฉันเองจำเดิมแต่ก่อนหน้ามิรู้จักท่านดอก แต่รู้สึกคุ้นเคยกับท่านอย่างประหลาด ในชาตินี้ตัวหม่อมฉันเอง ปรารถนาจะประพฤติพรหมจรรย์ออกบวชจนกว่าจะสิ้นอายุขัย

ผู้ที่เคยรู้จักต่างก็เคลื่อนภพกันหมดแล้ว หม่อมฉันปรารถนาจะสั่งสอนนาคมาณวิกาตนอื่น เพียงแต่สืบทอดวิชานี้ต่อไป ยังมิปรารถนาจะเคลื่อนภพ

ขอให้ชาติต่อไป หากท่านปรารถนาจะสร้างบารมีร่วมกัน หม่อมฉันขอปรารถนาเป็นทาสบาทจาริกาของท่านไปทุกภพชาติไป ขอโมทนาสาธุการในทุกบุญกุศลแห่งท่านบำเพ็ญมาอย่างดีแล้ว

หม่อมฉันมิเคยมีสิ่งใดที่จะขุ่นข้องหมองใจต่อท่าน จึงมิอาจจะอโหสิกรรมต่อท่านได้ อีกทั้งมีจิตใจที่โอนอ่อนผ่อนตามต่อท่านในทุก ๆ ครั้งที่ท่านปรารถนาจะสร้างบารมี กาลนี้สมควรแก่เวลาแล้ว หม่อมฉันขอกราบทูลลา....”


ครั้นแล้ว ศศิมาภรณ์มาณวิกาก็หายตัวไปจากตรงนั้น ในชาตินี้ได้จุติเป็นพระนางจันทมาลีเทวี พระมเหสีของพระองค์

เมื่อพระเจ้าปเสนทิศาทได้ฟังเรื่องราวต่าง ๆ ก็รู้สึกสงสารและเห็นใจพระมเหสีของพระองค์ ทรงคิดว่า..

“อันสตรีออกเรือนมาหวังจะมีบุตร-ธิดาเป็นผู้สืบทอดตระกูล ความเห็นแก่ตัวของเรารักพระอนุชามาก เพราะขาดพระบิดา-พระมารดาตั้งแต่เยาว์วัย เรามิควรปิดกั้นแก่นางเลย กลับไปนี้เราจะดูแลนางเป็นอย่างดี หากแม้นางปรารถนาจะมีพระโอรส-ธิดาเราจะไม่ขัดข้องแต่ประการใด”

กาลนั้นพระเกษรีฤาษีทรงวารจิตของพระองค์จึงกล่าวว่า

“มหาบพิตร ชาตินี้พระนางมิปรารถนาพระโอรส-ธิดาหรอก ทรงเกิดมาเพื่อสร้างมหาทานบารมีกับพระองค์ และพระอนุชา มิต้องเป็นห่วงเรื่องนั้นหรอก ในกาลเบื้องหน้า จะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นในโลก พระนามว่า “สมเด็จพระพุทธกัสสปพุทธเจ้า”

พระองค์จะมีโอกาสได้สร้างบุญใหญ่กับพระพุทธเจ้าพระองค์นี้ รอฟังข่าวเถิด”

พระเจ้าปเสนทิศาทได้สดับเช่นก็เบาใจ ก้มกราบขอบคุณพระเกษรีฤาษี พร้อมกล่าวว่า ..

“ข้าฯแต่พระอาจารย์ กระผมควรทำอย่างไรดี”

พระเกษรีฤาษีตอบว่า..

“พึงทำหน้าที่ของพระสวามีที่ดี ไม่นอกใจพระนาง แม้มีพระสนมมากมายขอให้มีแต่พระนางเพียงพระองค์เดียว ทำได้หรือไม่ ส่วนเรื่องพระโอรส-พระธิดานั้น พระนางมิปรารถนา หากพระนางปรารถนาจะสร้างบุญใด ขอให้สนับสนุนอย่างเต็มที่”

พระเจ้าปเสนทิศาททรงรับคำ

 

น้ำฝนขอกราบอนุโมทนากับท่านวิทยาด้วยเจ้าค่ะ _/|\_

 

น้ำฝนขอมาปูเสื่อรอฟังเรื่องการสร้างบารมีของท่านวิทยาเป็นคนแรกเลยค่ะ

 

ขอแสดงความยินดีและอนุโมทนาบุญกับท่านวิทยาด้วยครับ คราวนี้ได้จักรครบทั้ง3 เลยครับ

 

กราบอนุโมทนาบุญทั้งหมดทั้งมวลกับท่าน widya ด้วยเจ้าค่ะ

 

แบ่งเสื่อมาให้ phuya นั่งด้วยคนนะคะคุณNamfonBaanfa

 

ขอโมทนาสาธุกับท่านวิทยานะเจ้าคะ
ปาดครั้งเดียว ได้ไปหมดเบยย...
อ๊ะ รออ่านประวัติต่อค่ะ น่าจะเกี่ยวกับหนูด้วยจริงไหมคะ?
พี่น้ำใสเล่าประวัติ มิน่าวันนี้ท่านสิทธิสัตตะยิ้มแปลก ๆ...อิอิ
รออ่านต่อไปค่ะ ...

 

นี้จะเป็นประวัติอย่างสมบูรณ์ในยุคสมเด็จพระพุทธกัสสปพุทธเจ้าที่เคย requested มา อิอิ...

ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

Numsai

 

ประวัติจักรแก้วสุทธิวงศา(สีขาว)- ศศิมานรินทร์(สีชมพู) ตอนที่ ๓ เรื่องของวรรณพราหมณ์..

วรรณพราหมณ์เกิดในตระกูลพราหมณ์มหาศาล เป็นบุตรของวาสกพราหมณ์ และวาสุณีพราหมณี ซึ่งอยู่เมืองตักศิลา เมื่อถึงอายุได้ ๗ ขวบ พราหมณ์ผู้เป็นบิดาได้ส่งไปเรียนกับกสิณพราหมณ์ผู้มีความรู้ และมีชื่อเสียงแห่งเมืองตักศิลา

จึงได้พบกับเจ้าชายปเสนทิศาท วิมุตติกุมาร และอัฒการกุมาร ซึ่งขณะนั้นต่างมีอายุ ๗ ขวบ ทั้งสองเป็นบุตรมหาเศรษฐีจากเมืองสาเกตนครเช่นกัน ต่างเล่าเรียนจบจนการศึกษาเมื่ออายุได้ ๑๖ ปี

เมื่อสำเร็จวิชาแล้วบุตรเศรษฐีทั้งสองคือ วิมุตติมานพ และอัฒการมานพได้กลับเมืองก่อน เนื่องจากต้องไปช่วยกิจการค้าของบิดา ส่วนเจ้าชายปเสนทิศาท ปรารถนาจะท่องเที่ยวไปในเมืองต่าง ๆ เพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์ ทั้งสองจึงได้มาพบกับพระอัสดงฤาษีในที่สุด

 

ขออนุญาตต่อวันพรุ่งนี้ หลังกลับจากถวายเพล วัดเขาวงค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

Numsai

 

ขอแสดงความยินดีและอนุโมทนาบุญกับท่านวิทยาด้วยครับ

ขอให้ท่านมีความสุข และสมหวังทุกประการ

ตลอดจนสามารถสร้างบารมีจนสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าแบบพิเศษได้โดยง่ายครับ สาธุ สาธุ

 

ขอแสดงความยินดีและอนุโมทนาบุญกับท่านวิทยาด้วยครับ

 

จันทรกาล ขอกราบอนุโมทนาบุญอันเป็นมหากุศลกับท่าน widya ทั้งหมดทั้งมวลด้วย เจ้าค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ๊

ตัวเลขประมูล สวยมาก เจ้าค่ะ อิอิ

จันทรกาล

 

น้องตาล เราเอาเสื่อ มาปูนั่งรอ พี่น้ำใสเล่าประวัติต่อนะ......
ขอนั่งใกล้ๆ กับ พี่ phuya และพี่Namfonbaanfaนะจ้า
อยากอ่านเรื่องราวต่อแล้วจ้า........


ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ NamfonBaanfa
น้ำฝนขอมาปูเสื่อรอฟังเรื่องการสร้างบารมีของท่านวิทยาเป็นคนแรกเลยค่ะ
แบ่งเสื่อมาให้ phuya นั่งด้วยคนนะคะคุณNamfonBaanfa



จันทรกาล

 

ผมมาช่วยเกาะชายเสื่อ ฟังพี่น้ำใส เล่าเรื่องต่อด้วยคนนะครับ

 

ยินดีค่ะ น้องธรรมวิวัฒน์ ไม่ต้องเกาะหรอกค่ะ เดียวพี่จะหาเสื่อผืนใหญ่ๆ มาปูไว้นะค่ะ เผื่อ ท่านกลัยาณมิตร ท่านอื่นๆมานั่งฟังด้วยค่ะ อิอิ

จันทรกาล

 

พี่เอ๋... นู๋เอาส้มตำมานั่งในเสื่อรอกินเคล้าเรื่องการบำเพ็ญบารมีของท่านวิทยาตั้งนาน
จนหนอนในปลาร้าหนีไปหมดแย้ว พี่น้ำใสหายไปไหนน้อ?
ส้มตำคลายเครื่องแล้วนะคะ...อิอิ
ว่าแต่ท่านวิทยานี่ขยันเกิด ขยันสร้างบารมีจริง ๆ นะคะเนี่ย อิอิ
ขอโมทนาสาธุบุญด้วยนะเจ้าคะ

 

แซ่บจูงเบยยยยย ส้มตำน้องตาล ปลาร้าก็แซ่บ คือกันเด้อค่ะ......อิอิ วันนี้คงรอพี่น้ำใสมาเล่าต่อไม่ไหวแย้ว ง่วงๆๆ แย้วจ้า

งั้นเรามาร่วม อนุโมทนาบุญอันเป็นมหากุศลกับท่าน widy ที่ท่านขยันสร้างบารมี กันนะค่ะ น้องตาล....
และขอให้ ท่านwidy สำเร็จพระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้าแบบพิเศษได้โดยง่ายนะค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ๊

จันทรกาล