ติดตามสถานะการณ์

ในเฟสนี้บอกว่า CME. จะมีผลกับโลกประมาณวันที่ 21 สิงหาคม 2556 น่ะครับ

Space Weather Trackers
Good late evening everyone!


Finally! Solar activity above the R1 radio blackout levels!

The attached picture shows all the details including GOES X-ray chart, LASCO C2 imagery of the CME, and SDO's view of the flare from its AIA 193 and 131 channels.

Sunspot Region 1818 erupted today with a powerful long duration M3.3-class flare which peaked at 1824 UT keeping X-ray levels in the M-class range for almost three hours straight.

This flare had an associated ten-flare (or in otherwords, it was a radio-loud flare) of 150 sfu, as well as Type II (speed of ~1400 km/s) and IV radio sweeps.

This implied a coronal mass ejection along with it, and sure enough LASCO popped up with images of a dense CME mainly travelling to the southwest of Earth, but may have an Earth directed component.

More when CME models from Goddard and NOAA are released.

All geomagnetic activity has been quiet due to a very a weak IMF strength, despite solar wind speeds still remaining just above 600 km/s from the large northern hemisphere coronal hole that made its pass by several days ago.

A trans-equatorial coronal hole has also made its way near center disc and should make its effects known sometime around August 21st.

Current Values:
Solar Wind Speed: 606 km/s
Solar Wind Density: 1.0 p/cm^3
IMF Strength (Bt): 3.3 nT
Bz: 3.1 nT (North)

Current Estimated Kp for 0000 - 0300 UT: 1 (Very Quiet)

"Space Weather Message Code: SUM10R
Serial Number: 588
Issue Time: 2013 Aug 17 1947 UTC
SUMMARY: 10cm Radio Burst
Begin Time: 2013 Aug 17 1908 UTC
Maximum Time: 2013 Aug 17 1915 UTC
End Time: 2013 Aug 17 1933 UTC
Duration: 25 minutes
Peak Flux: 150 sfu
Latest Penticton Noon Flux: 120 sfu
Description: A 10cm radio burst indicates that the electromagnetic burst associated with a solar flare at the 10cm wavelength was double or greater than the initial 10cm radio background. This can be indicative of significant radio noise in association with a solar flare. This noise is generally short-lived but can cause interference for sensitive receivers including radar, GPS, and satellite communications.

Space Weather Message Code: ALTTP2
Serial Number: 865
Issue Time: 2013 Aug 17 1932 UTC
ALERT: Type II Radio Emission
Begin Time: 2013 Aug 17 1856 UTC
Estimated Velocity: 1399 km/s
Description: Type II emissions occur in association with eruptions on the sun and typically indicate a coronal mass ejection is associated with a flare event."

 

Mr.Vop's Blog
Love is not about who you live with … It's about who you can't live without
TAGGED WITH INTERPLANETARY MAGNETIC FIELD

ศัพท์แสงเกี่ยวกับดวงอาทิตย์ สำหรับการติดตามรายงานภัยพิบัติต่างๆ
Sunspotจุดมืด (จุดดับ:ชื่อเดิม) บนดวงอาทิตย์

จุดมืดบนดวงอาทิตย์ อยู่ที่ผิวของดวงอาทิตย์หรือชั้นบรรยากาศโฟโตสเฟียร์ เกิดเป็นครั้งคราว และปรากฏตัวเป็นกลุ่ม (เรียกว่า sunspot group หรือ active region) จุดมืดเคลื่อนที่ตามที่ดวงอาทิตย์หมุนรอบตัวเอง ทำให้เราทราบว่าดวงอาทิตย์หมุนรอบหนึ่งทุกๆ 27 วัน อุณหภูมิบนพื้นผิวลดลง อุณหภูมิที่ศูนย์กลางของจุดเหล่านี้จะประมาณ 4000 K จำนวนจุดมืดบนดวงอาทิตย์ เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องในวัฏจักร 11 ปี (sunspot cycle หรือ solar cycle) โดยมีจำนวนมากที่สุด (solar maximum) เมื่อปี 2544 รอบหนึ่ง จุดมืดเกิดจากสนามแม่เหล็กสูงที่โพล่ออกมาจากผิวดวงอาทิตย์ ทำให้ปรากฏการณ์การปะทุ (solar flare) และพายุสุริยะที่รุนแรง เกิดจากบริเวณจุดมืดเสมอ สภาพอวกาศจึงตามวัฏจักร 11 ปีนั้นเช่นกัน

Solar Flare การประทุที่ดวงอาทิตย์

เป็นการระเบิดรุนแรงบนชั้นโครโมสเฟียร์ เกิดขึ้นบริเวณที่มีจุดมืด ซึ่งเป็นบริเวณที่เป็นขั้วของสนามแม่เหล็กแบบสองขั้ว Solar Flare ให้พลังงานสูงมาก (ประมาณว่าเท่ากับระเบิดไฮโดรเจนขนาด 100 เมกกะตันจำนวน 1 ล้านลูกรวมกัน) เนื่องจาก Solar Flare มีพลังงานสูงมาก การส่งพลังงานออกมามักอยู่ในย่านความถี่ของ UV และรังสี X จึงสังเกตได้ยากภายใต้ย่านความถี่ของแสงขาว แต่เห็นได้ชัดเจนในย่านความยาวคลื่นที่ได้กล่าวมาแล้ว อุณหภูมิของ Solar Flare จะสูงหลายล้านเคลวิน และส่งอนุภาคประจุไฟฟ้าที่มีพลังงานสูงกว่าปรกติออกมาอย่างมากมาย เกิดเป็นลมสุริยะที่มีกำลังแรงผิดปรกติ จนสามารถเรียกได้ว่าเป็นพายุสุริยะ (Solar Storm)

Interplanetary Magnetic Field (IMF) สนามแม่เหล็กระหว่างดาวเคราะห์

ดวงอาทิตย์ของเราประกอบไปด้วยพลาสมาร้อนและสนามแม่เหล็กเป็นวงเข้าและออกตามผิวของดวงอาทิตย์ บางแห่งบนผิวดวงอาทิตย์แรง พลาสมาจะถูกกักไว้ในสนามแม่เหล็กวงปิด แต่ถ้าหากว่าความดันของพลาสมาแรงกว่าแรงแม่เหล็ก สนามแม่เหล็กอ่อนจะถูกดึงออกมาพร้อมพลาสมา พลาสมาที่ไหลออกจากดวงอาทิตย์เรียกว่า “ลมสุริยะ” และเราเรียกสนามแม่เหล็กที่ถูกลากออกมาว่า “สนามแม่เหล็กระหว่างดาวเคราะห์”

เนื่องจากดวงอาทิตย์มีการหมุนรอบตัวเองทุกๆ 27 วัน ทำให้สนามแม่เหล็กระหว่างดาวเคราะห์มีลักษณะเป็นรูปเกลียวก้นหอย (Archemedian spiral) เสมือนกับลำน้ำจากเครื่องฉีดน้ำที่หมุนรอบตัวเอง บวกกับการที่ลมสุริยะมีความแปรปรวน (turbulent) อยู่ตลอดเวลาจึงทำให้สนามแม่เหล็กมีลักษณะแปรปรวนตามไปด้วย รูปข้างล่างแสดงถึงโครงสร้างของสนามแม่เหล็กระหว่างดาวเคราะห์และลมสุริยะ

Cosmic Rays รังสีคอสมิก

เป็นอนุภาคพลังงานสูงจากอวกาศภายนอกโลก ที่มีพลังงานในระดับ 103 – 1020 eV โดยอนุภาคเหล่านี้ เป็นอนุภาคที่มีประจุหรือเป็นกลางทางไฟฟ้าก็ได้ เช่น อิเล็กตรอน โปรตอน ไฮโดรเจน อัลฟา นิวคลีออนของทุกธาตุ

แหล่งกำเนิดของรังสีคอสมิกนี้มีด้วยกันหลายแหล่ง และทำให้เกิดพลังงานที่ต่างๆ กันออกไป เช่น ที่ดวงอาทิตย์ ซูเปอร์โนวา หลุมดำ ฯลฯ

โดยรังสีคอสมิกจะมีผลต่อโลกโดยตรง เช่น การเกิดอันตรายต่อดาวเทียมและมนุษย์ในอวกาศ การเกิดการเตือนรังสีในเครื่องบินโดยสาร การเกิดแสงเหนือแสงใต้ การเกิดกระแสไฟฟ้าขัดข้องในหม้อแปลงโรงผลิตไฟฟ้าในบางประเทศ ผลกระทบต่อโลกเหล่านี้เป็นผลที่เรียกรวมๆ ว่า สภาพอวกาศ (space whether)

Coronal Mass Ejection (CME) การปล่อยก้อนมวลจากดวงอาทิตย์

เป็นปรากฏการณ์ที่ดวงอาทิตย์มีการปลดปล่อยมวลออกมา อนุภาคไฟฟ้าพลังงานสูงจะถูกปลดปล่อยออกมาด้วความเร็วสูงนับพันกิโลเมตรต่อวินาที ปรากฏการณ์ coronal mass ejection นี้มักจะเกิดร่วมกับ solar flare หรือ prominence (เป็นปรากฏการณ์คล้ายเปลวไฟบนดวงอาทิตย์) แต่ในบางครั้งอาจจะเกิด coronal mass ejection ขึ้นเดี่ยวๆ โดยไม่เกิด solar flare หรือ prominence ขึ้นด้วยก็ได้

สำหรับสาเหตุของ CME นั้นยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่มีบาง model ที่สามารถจะอธิบายปรากฏการณ์นี้ได้ดีพอสมควร เริ่มจาก สนามแม่เหล็กแบบคู่ขั้วจาก sunspot ขยายตัวออกไปใน corona จากนั้นสนามแม่เหล็กทั้งสองขั้วจะเคลื่อนเข้าหากันอีกครั้ง จุดที่สนามแม่เหล็กเคลื่อนเข้าหากันจะค่อยๆ ลอยสูงขึ้นและขับให้มวลส่วนหนึ่งของดวงอาทิตย์หลุดออกมาด้วย

Solar Wind ลมสุริยะ

มีกำเนิดมาจากส่วนที่เป็น corona ของดวงอาทิตย์ โดย corona จะเป็นส่วนที่มีอุณหภูมิสูงมาก ทำให้ corona เองค่อยๆ ขยายตัวออกเรื่อยๆ จนในที่สุดอนุภาคต่างๆ ที่อยู่ใน corona ก็จะหลุดพ้นออกมาจากแรงดึงดูดของดวงอาทิตย์ เกิดเป็นกระแสธารของอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าไหลออกจากดวงอาทิตย์ เรียกว่า ลมสุริยะ (solar wind)

เนื่องจากลมสุริยะเป็นอนุภาคที่มีประจุจึงถูกดักจับให้เคลื่อนที่ไปตามเส้นสนามแม่เหล็กที่ออกมาจากดวงอาทิตย์ สำหรับอัตราเร็วของลมสุริยะนั้นจะขึ้นกับละติจูด (latitude) ที่ลมสุริยะนั้นเกิดขึ้นมา โดยลมสุริยะเกิดที่บริเวณใกล้ๆ ขั้วเหนือและใต้ของดวงอาทิตย์ จะมีอัตราเร็วสูงกว่าลมสุริยะที่เกิดที่บริเวณใกล้ๆ เส้นศูนย์สูตร โดยเฉพาะลมสุริยะที่ออกมาจาก coronal holes (ซึ่งมักจะอยู่บริเวณขั้วของดวงอาทิตย์) จะมีอัตราเร็วและความรุนแรงมากที่สุด โดยเฉลี่ยลมสุริยะจะมีอัตราเร็วเฉลี่ยประมาณ 300 กิโลเมตรต่อวินาที ที่ระยะทางเป็น 30 เท่าของรัศมีดวงอาทิตย์ และเมื่อมาถึงโลกลมสุริยะจะมีอัตราเร็วเฉลี่ยประมาณ 400 กิโลเมตรต่อวินาที

การเร่งอัตราเร็วของลมสุริยะนี้เพิ่งเป็นที่เข้าใจกับเมื่อปี ค.ศ. 1998 นี้เอง เมื่อยานอวกาศโซโฮ (SOHO Spacecraft) และดาวเทียมสปาร์ตัน (Spartan Satellite) ได้ตรวจพบว่าสนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์มีการกระเพื่อมอยู่ตลอดเวลา ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุของการเร่งอัตราเร็วของลมสุริยะก็ได้


มกราคม 6, 2011ฝากความเห็น

 

ปรากฏการณ์ ฟูจิวารา Fujiwhara effect ข้อมูลจาก Mr Vop's Blog

ปรากฏการณ์ ฟูจิวารา Fujiwhara effect คือปรากฏการณ์ที่พายุหมุนเขตร้อน หรือ นอกเขตร้อน 2 ลูก ดึงดูดให้โคจรรอบกันและกัน ลดระยะห่างระหว่างกัน สุดท้ายอาจรวมกัน (Merge) เป็นพายุใหญ่ลูกเดียว บัญัญติโดยนักอุตุนิยมวิทยาชาวญี่ปุ่น Sakuhei Fujiwhara โดยระยะห่างที่จะเกิดปรากฏการณ์นี้ จะแบ่งตามชนิดพายุ กล่าวคือ

พายุหมุนเขตร้อน จะเกิด effect เมื่อเข้าใกล้กันเกินระยะ 1,400 กิโลเมตร
พยุหมุนนอกเขตร้อน จะเกิด effect เมื่อเข้าใกล้กันเกินระยะ 2,000 กิโลเมตร


ตัวอย่างของคู่พายุ ที่เกิดปรากฏการณ์ ฟูจิวารา เช่น

พายุโซนร้อน Yule และ พายุดีเปรสชัน 16W ในปี 1997 (ไดอะแกรมด้านบน)
พายุเฮอริเคน Kirsten และ Ione ในปี 1974
ไต้ฝุ่น Pat และ พายุโซนร้อน Ruth ในปี 1994
ไต้ฝุ่น Nida และ พายุดีเปรสชัน 27W ในปี 1994
ไต้ฝุ่น เทมบิน และ บ่อละเวน ในปี 2012

 

วันที่ 18 สิงหาคม 2556 ข้อมูลเว็บภัยพิบัติ

06:50 TSR คำนวนเส้นทางพายุดีเปรสชันคู่แฝด 12W และ 13W ใหม่ ทั้งคู่อาจแยกห่างกันเเกิน 1,400 กม. จนไม่เกิดปรากฏการณ์ฟูจิวาราขึ้นก็ได้

 

ความจริงหลังกึ่งพุทธกาล แชร์ รูปภาพ ของ ‎علائم آخرالزمان‎
เมื่อวานนี้ เวลา 11:21 น. ·

มันมีอำนาจสั่งการ หลอกลวงคนทั้งโลก ไม่เว้นคนชาติศาสนาใดๆ

มันจะทำหมายสำคัญอันใหญ่และการมหัศจรรย์ ถ้าเป็นไปได้จะล่อลวงแม้ผู้ที่ทรงเลือกสรรให้หลง : มัทธิว 24.27
فضاپیمای بیگانه روشن تر از ماه!
Alien Spacecraft brighter than moon!
21,july,2013
فضاپیمای بیگانه در تاریخ 21 ژوئیه 2013
(حدود دو هفته پیش)
برفراز آسمان پورتوریکو مشاهده شده

گزارشات مختلف پس از آندر سایت های مختلف منتشر شد من جمله سایت گزارشات روزانه بشقاب پرنده ها
در این سایت اسکات سی وارینگ ادعا دارد که این فضاپیما وابسته به نیروی هوایی ایالات متحده در اس ای سی است.اسکات سی وارینگ صاحب دانشگاه ای ال سی در تایوان است
آقای وارینگ بر اساس موقعیت قرارگیری بشقاب پرنده میگوید که مسلما یک ستاره دنباله دار نبوده.
این لینک منتشر شده از گزارشات اسکات سی وارینگ در یوتویب است
[ame=http://www.youtube.com/watch?v=2FGi6jOY5Oc]Meteoro brillante / Bright Meteor (Puerto Rico) - YouTube[/ame]

این بشقاب پرنده ها حدود یک هفته قبل از این اتفاق در بیشتر نقاط اقیانوس نزدیک پورتوریکو و دیگر کشورها دیده شدند.وهیچ نشانه ای از ستاره دنباله دار در آن نبوده.
شهاب سنگ ها دنباله ای روشن دارند که قطعات کوچک حدود چند ثانیه پس از آن برق میزنند
ما همچنین گزارشاتی از رویت شهاب سنگ هم
در پورتوریکو و اطرااف داشتیم
حوزه نجومی کارائیب نحوه برخورد این شهاب سنگ ها را توضیح میدهد
در لینک زیر شهاب سنگ آلفا کاپلی کورنید شهاب سنگی بسیار واضح و روشن نشان داده شده.وکاملا مشخص است که این ببشقاب پرنده ها شباهتی به شهاب سنگ نداشته اند
[ame=http://www.youtube.com/watch?v=2FGi6jOY5Oc#at=47]Meteoro brillante / Bright Meteor (Puerto Rico) - YouTube[/ame]

منبع:
Alien spacecraft brighter than moon!

 

ความจริงหลังกึ่งพุทธกาล ได้แชร์ ลิงก์
25 นาทีที่แล้ว ·
สภาพอากาศประหลาดกระแทกเข้ากับโอมานอย่างจังกลางทะเลทราย (พายุทรายและน้ำท่วม)

OMANFreak weather hits Oman’s central desert
Freak weather hits Oman’s central desert | GulfNews.com

เขาใช้คำนี้ครับ the aftermath of freak weather สภาพอากาศที่ประหลาด แสดงให้เห็นว่าเหตุการณ์ในลักษณะนี้มีไม่บ่อยหรือไม่เคยเกิดขึ้นในสภาพแวดล้อมที่เป็นทะเลทราย!

ของแลกแบบนี้มีให้เห็นบ่อยในช่วงปีสองปีมานี้ และคาดว่าจะมีให้เห็นบ่อยขึ้น เป็นสิ่งย้ำเตือนว่าเราอยู่ในยุคของภัยพิบัติตัวจริง..
Freak weather hits Oman’s central desert
m.gulfnews.com

Sandstorms and heavy rain affect traffic
Staff Report
August 17, 2013
Muscat: Parts of Oman’s parched central desert turned into lakes of brown water in the aftermath of freak weather that combined dust squalls with heavy showers over the weekend, various local newspaper reported on Saturday.
Moderate to heavy rain pounded large swathes of the desert heartland of the Sultanate on Friday, hampering traffic along the main Nizwa-Thamrait highway which links the northern and southern halves of the country. There were no reports of any adverse traffic-related incidents, but the Royal Oman Police (ROP) scrambled to place warning signs at key points along the carriageway, as well as boost patrolling for the benefit of motorists heading to and from Salalah, where the popular khareef tourism festival is under way in the south of the country.
On Friday, dust-laden desert winds buffeted villages in the south of Adam district bordering the oil-rich Wusta governorate in the centre of the country. The sandstorm was quickly followed by a downpour that impacted traffic from Adam to Seeh Al Zamayem in the Haima district, the midway point on the main north-south highway.
Outages left a filling station at Ghaba inoperable, resulting in vehicles queuing up for fuel until power was restored some two hours later, reports said.
On Thursday, the coastal district of Mahout was blanketed by a dust storm followed by thundershowers that drenched local villages and towns. The inclement weather brought traffic to a halt along the route linking the North Sharqiya region with Mahout.
According to experts, the freak storms are a spillover from the khareef (monsoon) winds blowing over the southern Dhofar region of the country.

 

ความจริงหลังกึ่งพุทธกาล
15 นาทีที่แล้ว ·

สองเหตุการณ์อุกกาบาตขนาดใหญ่ บอมส์เสียงดังตูมตามที่เมมฟิสเทนเนสซีและวิดีโอที่ยอดเยี่ยมจาก Canberra ออสเตรเลีย
Latest Worldwide Meteor/Meteorite News: Canberra, Australia Bolide Meteor 13AUG2013

วิดีโอ
YouTube

มันเริ่มต้นมาครั้งยิ่งใหญ่แล้วหรืออย่างไรครับพี่น้อง??

 

ทำไมลมหนาวมาเร็วจัง ตอนนี้สังเกตเห็นลม ซึ่งสัมผัสได้ว่าเป็นลมหนาวแน่ๆ ทั้งๆที่ต้นข้าว แทบแห้งตาย น้ำไม่มีเลย ชาวนากระอักเลือดแน่ๆ งานนี้

 

Thursday, 15 August 2013

NSW and Victoria, Australia Meteorites Map
Meteorites Found in New South Wales and Victoria, Australia

Meteorite Maps and Impact Craters - Worldwide: NSW and Victoria, Australia Meteorites Map

 

Phakpurin Pimatukan
9 ชั่วโมงที่แล้ว

เสาหินจอร์เจียเจอมือดีพ่นสีด่า เวอร์ชั่นเต็ม คนที่ทำได้ต้องรู้เรื่องสมาคมลับครบ เลยด่าได้ครบเซ็ตเลย..
The Georgia Guidestones
The Georgia Guidestones
[No doubt the 500,000 million is assorted satanic reptoid halfbreeds and needed slaves. See Denver Airport for a similar in your face.]
whale.to

The Georgia Guidestones
Statues, Memorials The Population Control Agenda by Stanley K. Monteith, M.D.

[No doubt the 500,000 million is assorted satanic reptoid halfbreeds and needed slaves. See Denver Airport for a similar in your face.]

Duplessis, Nicolas [2012 Feb] Achieving Satanic Youth through Female Sexual Abuse. Secrets of Hillary Clinton’s Lesbian Blood Rituals. If we look at the Illuminati Commandments or the Georgia Guide Stones in Ga. State, one of the languages inscribed into this Guide Stone is Swahili. Even if we look at replicas of text being created in modern and present day Israel, one will always notice that Swahili is always included among the central languages. Why is this? No one speaks Swahili? No one in America even knows what Swahili sounds like but yet the United States has giant stones, created by their Illuminati Rulers, which talk about wiping out 90% of the world’s population and yet Swahili was an important enough language to include and to be maintained after the supposedly Apocalypse, on these Guide Stones! It is an Illuminati Rule that homage must be paid to the mother tongue and the Illuminati Blood Lines must never forget their origins.

The Georgia Guidestones

The Georgia Guidestones
On one of the highest hilltops in Elbert County, Georgia stands a huge granite monument. Engraved in eight different languages on the four giant stones that support the common capstone are 10 Guides, or commandments. That monument is alternately referred to as The Georgia Guidestones, or the American Stonehenge. Though relatively unknown to most people, it is an important link to the Occult Hierarchy that dominates the world in which we live.
The origin of that strange monument is shrouded in mystery because no one knows the true identity of the man, or men, who commissioned its construction. All that is known for certain is that in June 1979, a well-dressed, articulate stranger visited the office of the Elberton Granite Finishing Company and announced that he wanted to build an edifice to transmit a message to mankind. He identified himself as R. C. Christian, but it soon became apparent that was not his real name. He said that he represented a group of men who wanted to offer direction to humanity, but to date, almost two decades later, no one knows who R. C. Christian really was, or the names of those he represented. Several things are apparent. The messages engraved on the Georgia Guidestones deal with four major fields: (1) Governance and the establishment of a world government, (2) Population and reproduction control, (3) The environment and man's relationship to nature, and (4) Spirituality.

In the public library in Elberton, I found a book written by the man who called himself R.C. Christian. I discovered that the monument he commissioned had been erected in recognition of Thomas Paine and the occult philosophy he espoused. Indeed, the Georgia Guidestones are used for occult ceremonies and mystic celebrations to this very day. Tragically, only one religious leader in the area had the courage to speak out against the American Stonehenge, and he has recently relocated his ministry.

THE MESSAGE OF THE GEORGIA GUIDESTONES
1. Maintain humanity under 500,000,000 in perpetual balance with nature.
2. Guide reproduction wisely - improving fitness and diversity.
3. Unite humanity with a living new language.
4. Rule passion - faith - tradition - and all things with tempered reason.
5. Protect people and nations with fair laws and just courts.
6. Let all nations rule internally resolving external disputes in a world court.
7. Avoid petty laws and useless officials.
8. Balance personal rights with social duties.
9. Prize truth - beauty - love - seeking harmony with the infinite.
10.Be not a cancer on the earth - Leave room for nature - Leave room for nature.

Limiting the population of the earth to 500 million will require the extermination of nine-tenths of the world's people. The American Stonehenge's reference to establishing a world court foreshadows the current move to create an International Criminal Court and a world government. The Guidestones' emphasis on preserving nature anticipates the environmental movement of the 1990s, and the reference to "seeking harmony with the infinite" reflects the current effort to replace Judeo-Christian beliefs with a new spirituality.

The message of the American Stonehenge also foreshadowed the current drive for Sustainable Development. Any time you hear the phrase "Sustainable Development" used, you should substitute the term "socialism" to be able to understand what is intended. Later in this syllabus you will read the full text of the Earth Charter which was compiled under the direction of Mikhail Gorbachev and Maurice Strong. In that document you will find an emphasis on the same basic issues: control of reproduction, world governance, the importance of nature and the environment, and a new spirituality. The similarity between the ideas engraved on the Georgia Guidestones and those espoused in the Earth Charter reflect the common origins of both.

Yoko Ono, the widow of John Lennon, was recently quoted as referring to the American Stonehenge, saying:

"I want people to know about the stones ... We're headed toward a world where we might blow ourselves up and maybe the globe will not exist ... it's a nice time to reaffirm ourselves, knowing all the beautiful things that are in this country and the Georgia Stones symbolize that. " (1)

What is the true significance of the American Stonehenge, and why is its covert message important? Because it confirms the fact that there was a covert group intent on

(1) Dramatically reducing the population of the world.
(2) Promoting environmentalism.
(3) Establishing a world government.
(4) Promoting a new spirituality.

Certainly the group that commissioned the Georgia Guidestones is one of many similar groups working together toward a New World Order, a new world economic system, and a new world spirituality. Behind those groups, however, are dark spiritual forces. Without understanding the nature of those dark forces it is impossible to understand the unfolding of world events.

The fact that most Americans have never heard of the Georgia Guidestones or their message to humanity reflects the degree of control that exists today over what the American people think. We ignore that message at our peril.

Copies are available for researchers from Radio Liberty.

The Age of Reason was a book written by Thomas Paine. Its intent was to destroy the Judeo-Christian beliefs upon which our Republic was founded.

The hole that you see in the stone was drilled in the Center Stone so that the North Star could be visualized through it at any moment. This was one of several requirements stipulated by R.C.Christian for the building of the American Stonehenge and reflects his obsession with the alignment of the stars, the sun, and the moon. Occultists often worship the alignment and movement of heavenly bodies as part of their religious ceremonies
Return to Radio Liberty home page

Oh dear:

 

คุณ mzbot ตอนนี้สภาพอากาศไม่ปรกติอะไรก็เกิดได้ทั้งนั้นน่ะครับ ต้องคอยดูแลสุขภาพให้ดีๆ ด้วยครับ

 

ความจริงหลังกึ่งพุทธกาล
9 นาทีที่แล้ว ·
มีวิดีโอออกใหม่ให้แน่ใจว่าพวกเขาโกหกคนทั้งโลก

เรื่องตลกที่เกิดขึ้นบนเส้นทางไปยังดวงจันทร์
A Funny Thing Happened on the Way to the Moon
[ame=http://www.youtube.com/watch?v=xciCJfbTvE4]A Funny Thing Happened on the Way to the Moon - YouTube[/ame]

วิดีโอนี้จะแสดงความหมาย ในแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนและตัดต่อภาพฉากหลังของนีลอาร์มสตรองในระหว่างเที่ยวบินประวัติศาสตร์ของเขาและ เอ่อ..เดินบนดวงจันทร์

ทุกท่านดูและคิดอย่างไร?

 

ความจริงหลังกึ่งพุทธกาล
5 นาทีที่แล้ว ·

FEMA เตรียมสำหรับสิ่งเลวร้ายที่สุดในภาค 3 - ทำไม? (วิดีโอ)
Wake up America: FEMA Preparing For The Worst In Region 3- Why? (Video)

เป็นโพสใหม่มาให้อ่านอีกแล้วครับ แต่บางข้อมูลเราๆได้เคยอ่านแล้วก่อนหน้า เรื่องที่พวกเขาเตรียมการณ์เหมือน "สิ่งใหญกำลังจะมา"

วิดีโอ
POSSIBLE EMERGENCY ALERT FOR FEMA REGION III
URGENT!!! POSSIBLE EMERGENCY ALERT FOR FEMA REGION III - YouTube

 

ความจริงหลังกึ่งพุทธกาล

ดาวหาง ISON / กาฬโรค /ตัวเลข 333 และ 666

ในปี 1347 ดาวหาง Negra ผ่านมากใกล้กับดาวเคราะห์โลก เกิดของกาฬโรค? ที่เรียกว่า "การตายสีดำ" ได้เริ่มในยุโรป, เอเชียและประเทศจีน
Did a Comet cause the Black Death? - Guerrilla Explorer
ลองบทความภาษาไทยที่ : ‘การตายสีดำ’ การตายสีดำ | Biospray BiosprayPlus

333 ปีต่อมา ดาวหาง 1680 ผ่านเข้ามาใกล้โลก ชื่อของดาวหาง Kirch มันก็กลายเป็นหนึ่งในวัตถุที่สว่างที่สุดในท้องฟ้ายามกลางคืน สามารถมองเห็นได้แม้ในเวลากลางวัน ทำให้มีการตายด้วยโรคระบาดในกรุงเวียนนา
https://cassiopaea.org/forum/index.php?topic=29292.0

333 ปีต่อมาดาวหาง ISON ก็เดินทางมาให้ทุกท่านดูปรากฏการณ์อีกครั้ง

สองวิดีโอด้านล่างว่ากันเรื่องสิ่งที่เกี่ยวกับตัวเลขที่แปลก 333 และครบรอบปีที่ 666

จากดาวหาง Negra ก่อให้เกิดการตายสีดำในปี 1347
และ 333 ปีต่อมา Kirch คือชื่อดาวหางที่ตั้งใหม่ของ Negra หรือไม่?
และ 333 ปีต่อมา ดาวหาง ISON มันจะเป็นดาวหางดวงเดียวกันนี้ เวียนมาในวาระครบรอบ 666 ปี และจะก่อให้เกิดโรคระบาดหรือไม่?
รูปภาพบนไทม์ไลน์ · 9 นาทีที่แล้ว ·
ดูภาพขนาดเต็ม · รายงานรูปภาพ
เลิกถูกใจ·แสดงความคิดเห็น·แชร์·ติดตาม
คุณและอีก 3 คนชอบสิ่งนี้

ความจริงหลังกึ่งพุทธกาล
ALERT Black Death and Comet ISON Connection 333 Year Cycyle - YouTube
ALERT Black Death and Comet ISON Connection 333 Year Cycyle
youtube.com
ถูกใจ · ตอบกลับ · 2 นาทีที่แล้ว

ความจริงหลังกึ่งพุทธกาล
Comet ISON "666 Years" After Comet Negra 1347 "Black Death" - YouTube
Comet ISON "666 Years" After Comet Negra 1347 "Black Death"

 

ความจริงหลังกึ่งพุทธกาล
38 นาทีที่แล้ว ·
รถไฟตกรางซ้ำซาก บางสำนักบอกว่า "มันคือลาง"

โพสเมื่อ 17 สิงหาคม 2013
The Watchman's Cry

เคยว่ากันเมื่อวันก่อนไม่หายข้องใจ เพราะบ้านเราก็เกิดเหมือนกัน

ตกรางอีกแล้ว! รถไฟสายเหนือหลุดรางซ้ำซาก
Local - Manager Online -

 

เรื่องฟ้าผ่า โรงแยกก๊าซที่ระยองคะ
ประชาชนควรติดตามข่าวและตรวจสอบนะคะ ว่าคือเรื่องจริงหรือไม่
ซึ่งถ้าไม่จริง และ มีกลุ่มคนกลุ่มใดก็ตามที่ต้องการใช้เงินจำนวน มหาศาล
การจะขายก๊าซเพิ่มขึ้น นี่มันยากถ้าไม่มีใครเขาซื้อ-ขายด้วย
แต่ถ้า แอบขายที่หายไป 1ใน4 อาจจะทำง่ายกว่า
แถมได้หาเหตุขึ้นค่าพลังงานได้อีกทอดหนึ่งด้วย
ยิงนัดเดียว ได้สองเด้ง!!

 

ข้อมูลซีไอเอยืนยันเขตหวงห้าม “เอเรีย 51” ไม่ใช่ที่ลงจอดของ “ยูเอฟโอ”
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 17 สิงหาคม 2556 13:34 น.


ป้ายห้ามประชาชนรุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ เอเรีย-51
เอเอฟพี – เอกสารลับของสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (ซีไอเอ) ที่เพิ่งเผยแพร่ ยืนยันการมีอยู่ของพื้นที่หวงห้าม “เอเรีย 51” ในมลรัฐเนวาดา แต่ปฏิเสธทฤษฎีสมคบคิดที่อ้างว่า ฐานทัพลึกลับกลางทะเลทรายแห่งนี้เป็นสถานที่ลงจอดของ “จานบินจากต่างดาว”

ภาพยนตร์แนววิทยาศาสตร์และตำนานยูเอฟโอหลายเรื่องต่างเอ่ยถึง “เอเรีย 51” พื้นที่ลึกลับที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของนครลาสเวกัส ซึ่งว่ากันว่าสหรัฐฯใช้ซุกซ่อนหลักฐานการมาเยือนของสิ่งมีชีวิตจากนอกโลก

อย่างไรก็ตาม เอกสารลับของซีไอเอที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา(15) กลับเอ่ยถึง เอเรีย 51 ว่าเป็นสถานที่ทดสอบเครื่องบินสอดแนม U-2 ของสหรัฐฯในช่วงสงครามเย็นเท่านั้น

ซีไอเอยังไม่กล่าวถึงเหตุยานบินประหลาดตกที่เมืองรอสส์เวลล์ รัฐนิวเม็กซิโก เมื่อปี 1947 ซึ่งบรรดาพวกที่เชื่อเรื่องมนุษย์ต่างดาวชี้ว่า เป็นหลักฐานยูเอฟโอที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ และศพของ “เอเลียน” ถูกสหรัฐฯนำไปซ่อนไว้ภายในฐานทัพเอเรีย 51 แต่จากการตรวจสอบกลับพบว่า สิ่งที่ตกลงมาเป็นเพียงบอลลูนตรวจสภาพอากาศเท่านั้น

ซีไอเอ ระบุว่า ความลับเกี่ยวกับ เอเรีย 51 ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตจากดาวอังคารตามที่ร่ำลือกัน แต่เป็นที่เก็บซ่อน “เครื่องบินสอดแนมรุ่นใหม่” ไม่ให้ล่วงรู้ไปถึงหูสหภาพโซเวียต

U-2 ซึ่งได้ฉายาว่า “Dragon Lady” ถูกออกแบบมาเพื่อใช้จับตาความเคลื่อนไหวของสหภาพโซเวียตจากระดับเพดานบินที่สูงมาก และโครงการพัฒนาอากาศยานชนิดนี้ก็ถือเป็นความลับสุดยอดของรัฐบาลอเมริกัน

ในเดือนเมษายนปี 1955 ซีไอเอ เลือกใช้ทะเลสาบที่เหือดแห้งกลางทะเลทรายเนวาดาเป็นสถานที่ทดสอบเครื่องบินชนิดนี้ โดยมีชื่อปรากฏอยู่ในแผนที่ว่า “เอเรีย 51”

รายงานของซีไอเอ ระบุว่า ในทศวรรษ 1950 เครื่องบินพาณิชย์จะบินอยู่ที่ระดับความสูงประมาณ 10,000-20,000 ฟิต ส่วนเครื่องบินรบ เช่น บี-47 สามารถบินได้สูงเกือบ 40,000 ฟิต ทว่าเครื่องบินสอดแนม U-2 จะปฏิบัติภารกิจจากระดับความสูงเกิน 60,000 ฟิตขึ้นไป ก่อให้เกิดข่าวลือเรื่อง “วัตถุบินปริศนา” ที่มักจะมีคนพบเห็นบนท้องฟ้าเหนือทะเลทรายเนวาดา

กระแสข่าวเรื่องยูเอฟโอส่วนใหญ่จะมาจากกัปตันเครื่องบินพาณิชย์ที่ขึ้นบินในเวลาเย็น และมักเข้าใจผิดเมื่อเห็นแสงสะท้อนจากปีกสีเงินของเครื่องบิน U-2

“ในยุคนั้นยังไม่มีใครเชื่อว่า เครื่องบินที่ควบคุมโดยมนุษย์จะสามารถบินเหนือระดับความสูง 60,000 ฟิตได้ เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงตกใจที่เห็นวัตถุบินอยู่สูงขนาดนั้น” เอกสารฉบับนี้ ระบุ

นักบินพาณิชย์และชาวบ้านหลายคนได้ส่งจดหมายแจ้งไปยังฐานทัพอากาศในเมืองเดย์ตัน รัฐโอไฮโอ ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบการพบเห็นวัตถุบินประหลาด ทางกองทัพเกรงว่าการมีอยู่ของ U-2 จะรั่วไหลออกไป จึงต้องให้คำอธิบายว่า สิ่งที่เห็นเป็นเพียงปรากฏการณ์ของแสงตามธรรมชาติเท่านั้น

เครื่องบิน U-2 และภารกิจบินสอดแนมอื่นๆ “คือต้นตอของรายงานการพบเห็นยูเอฟโอกว่าครึ่งหนึ่งในทศวรรษ 1950 และเป็นส่วนใหญ่ในทศวรรษ 1960” ซีไอเอ ระบุ

รายงานเรื่อง “สำนักงานข่าวกรองกลางและการสอดแนมเหนือท้องฟ้า: เครื่องบินสอดแนม U-2 และโครงการอ็อกซ์คาร์ต ปี 1954-1974” ความยาว 400 หน้ากระดาษ ถูกนำออกเผยแพร่ต่อสาธารณชน ตามคำร้องว่าด้วยเสรีภาพในการรับรู้ข้อมูลที่มีประชาชนกว่า 2 ล้านคนเข้าชื่อ เมื่อปี 2005

 

รัสเซีย – เหตุน้ำท่วมใหญ่ จากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักนานกว่า 1 เดือน ประชาชนจากเขตอามูร์ ,คาบารอฟส์ก และเขตปกครองตนเองของชาวยิว จำนวนรวมกันกว่า 170,000 คน ต้องถูกสั่งให้อพยพออกนอกพื้นที่ โดยข่าวจากรอยเตอร์ ได้กล่าวถึงน้ำท่วมครั้งนี้ว่าเป็นน้ำท่วมครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 120 ปี ล่าสุดทางการได่ส่งทหารเข้าช่วยเหลือประชาชนแล้ว

 

ไม่เชื่อใจ ปตท. แต่ไหนแต่ไร อย่าลืม ปตท. เอาเปรียบประชาชนคนไทยมากๆๆๆๆๆที่สุด
พวกเอาของหลวงไปทำเงินเข้ากระเป๋าตนเอง ..... เอา ปตท.คืนมาเป็นรัฐวิสาหกิจเหมือนเดิมเถอะ เคยต้านการเอา ปตท.ไปแปรรูป เคยต้านการเอา กฟผ. ไปแปรรูป ไม่เคยต้านการแปรรูปรถไฟ ไม่รู้เมื่อไรจะแปรรูปเสียที อีกอันอยากให้แปรรูป ขสมก. .......

 

ก้องภพ อยู่เย็น
22 นาทีที่แล้ว ใกล้กับ Arlington, VA
วันที่ 17 สิงหาคม เกิดปฏิกริยาดวงอาทิตย์ที่เป็นมุมกว้าง รุนแรงสุดในรอบสองสัปดาห์ โดยมีทิศทางหลักไปทาง - ทิศตะวันตก - และส่งพลังงานแสง X-ray ในระดับสูง ( M3 ) และพบเปลวพลังงานที่ผิวบางส่วนออกไปทางทิศตะวันออกแนวเดียวกับตรงกับโลก นอกจากนั้นในวันที่ 15 สิงหาคม ได้พบปริมาณจุดดับ เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบหนึ่งเดือนก่อนจะลดปริมาณลง

จากการคำนวณพบว่าพลังงานจะเดินทางมาถึงในแนววงโคจรของโลกในวันที่ 19 สิงหาคม เวลา 23 UT +/- 7 ชั่วโมง ผู้ที่สนใจศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างภัยธรรมชาติบนโลกที่มากกว่าปกติกับเหตุการณ์นอกโลกในครั้งนี้ โปรดติดตามสังเกตได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 21 สิงหาคม ครับ

รายละเอียดของเหตุการณ์มีดังนี้
- วิดิโอภาพถ่ายมุมกว้างของดวงอาทิตย์ โดยมองจากโลก CACTUS CME Details
- วิดิโอภาพถ่ายที่ผิวดวงอาทิตย์ที่ความยาวคลื่นต่างๆ
M3.3 Solar Flare - Sunspot 1818 (8/17/2013) - YouTube
- ปริมาณจุดดับที่ดวงอาทิตย์ ESA Daily Sun Spot Number
- โมเดลจำลองการแพร่กระจายของอนุภาค -ในแนวหลัก- http://iswa.gsfc.nasa.gov/IswaSyste...mp=2038-01-23+00:44:00&window=-1&cygnetId=261
- วิดิโอภาพถ่ายมุมกว้างของดวงอาทิตย์ โดยโลกอยู่ทางด้านซ้ายมือของภาพ http://stereo.gsfc.nasa.gov/browse/2013/08/17/ahead_20130817_cor2_512.mpg
- วิดิโอภาพถ่ายมุมกว้างของดวงอาทิตย์ โดยโลกอยู่ทางด้านขวามือของภาพ http://stereo.gsfc.nasa.gov/browse/2013/08/17/behind_20130817_cor2_512.mpg
CACTUS CME Details
sidc.oma.be