ติดตามสถานการณ์ "ซีเรีย" สงครามจะขยายขอบเขตหรือไม่???

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย จริง?หรือ?, 28 สิงหาคม 2013.

  1. ตุ้มโฮม

    ตุ้มโฮม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2012
    โพสต์:
    168
    ค่าพลัง:
    +497
    กลุ่มหัวรุนแรงในอิรักขู่โจมตีสหรัฐหากเดินหน้าถล่มซีเรีย
    (วันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม 2556 เวลา 12:02 น.)

    สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงแบกแดด ประเทศอิรัก เมื่อวันที่ 31 ส.ค.ว่า กลุ่มหัวรุนแรงชาวชีอะห์นอิรัก เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า จะโจมตีผลประโยชน์ของสหรัฐในอิรัก และในภูมิภาคหากสหรัฐปฏิบัติการโจมตีซีเรีย หลังจากประธานาธิบดีบารัค โอบามา แถลงเมื่อวานนี้เช่นกันว่า สหรัฐจะยังคงเดินหน้าแผนการตอบโต้การใช้อาวุธเคมีในซีเรีย โดยโฆษกของกลุ่มหัวรุนแรงที่มีชื่อว่า “อัล-นูจาบา” ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ โดยไม่ได้ให้รายละเอียดว่า ผลประโยชน์และสถานที่สำคัญทั้งหลายทั้งปวงของสหรัฐ ในอิรักและภูมิภาคจะตกเป็นเป้าหมายของกลุ่มหัวรุนแรง หากสหรัฐยืนยันที่จะโจมตีซีเรีย

    กลุ่มหัวรุนแรงอัล-นูจาบา เป็นกลุ่มหนึ่ง ซึ่งรวมทั้งกลุ่มหัวรุนแรงชีอะห์ชาวอิรัก ที่เคลื่อนไหวอยู่ทั่วซีเรีย ประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับทหารที่จงรักภักดีต่อประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ของซีเรีย ซึ่งผู้นำซีเรียเป็นชาวมุสลิม “อะลาไวท์” ซึ่งเป็นนิกายย่อยของชาวชีอะห์ โดยกลุ่มหัวรุนแรงกลุ่มนี้ ก็จะประกอบด้วยนักรบจากกลุ่มหัวรุนแรง “อาซาอิบ อัล-ฮัค” และกลุ่ม “คาตาอิบ เฮซบอลลาห์ และกลุ่มหัวรุนแรงกองทัพเมห์ดี ของนายมุคตาดา อัล-ซาร์ด นักการศาสนาชาวชีอะห์ที่ต่อต้านสหรัฐ ซึ่งส่วนใหญ่ถูกยุบไป หลังจากพ่ายแพ้สงครามให้กับกองทัพอิรักและสหรัฐในปี 2551

    ทั้งนี้ ส่งครามซีเรีย ถือเป็นปัญหานโยบายต่างประเทศที่ละเอียดอ่อนสำหรับผู้นำชีอะห์ของอิรัก เนื่องจากอิรักอยู่ติดกับอิหร่าน ซึ่งเป็นพันธมิตรของประธานาธิบดีอัสซาด แต่ยืนยันที่จะไม่เลือกข้าง ขณะที่ความขัดแย้งในซีเรียขยายวงกว้างสร้างความแตกแยกอย่างร้าวลึกระหว่างชาวชีอะห์และสุหนี่ในภูมิภาค

    กลุ่มหัวรุนแรงชาวชีอะห์ ขู่ที่จะโจมตีผลประโยชน์ของสหรัฐในอิรักในเดือนกันยายน ปีที่แล้ว กรณีภาพยนตร์ล้อเลียนพระศาสนามูฮัมหมัด ซึ่งจุดชนวนให้เกิดการประท้วงในลิเบีย อียิปต์และเยเมน

    กลุ่มหัวรุนแรงในอิรักขู่โจมตีสหรัฐหากเดินหน้าถล่มซีเรีย | เดลินิวส์
     
  2. ตุ้มโฮม

    ตุ้มโฮม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2012
    โพสต์:
    168
    ค่าพลัง:
    +497
    ตอ.กลางอึมครึมหนักหลังเจ้าหน้าที่ "ยูเอ็น" ออกจากซีเรีย
    (วันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม 2556 เวลา 11:26 น.)

    บรรยากาศในภูมิภาคอาหรับเต็มไปด้วยความหวั่นเกรงและอึมครึมอย่างหนัก เนื่องจากประชาชนหวาดกลัวเรื่องการโจมตีทางทหารของสหรัฐต่อซีเรีย หลังทีมงานของสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) ชุดสุดท้ายเดินทางออกจากกรุงดามัสกัสแล้ว
    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย เมื่อวันที่ 31 ส.ค. ว่าคณะผู้ตรวจสอบด้านอาวุธเคมีของสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) ชุดสุดท้ายเดินทางออกจากซีเรียแล้ว ท่ามกลางความหวั่นเกรงของชาวซีเรีย และบรรยากาศแห่งความหวาดหวั่นเกี่ยวกับปฏิบัติการโจมตีทางทหารของสหรัฐ ที่ปกคลุมไปทั่วทั้งตะวันออกกลาง

    เจ้าหน้าที่ของยูเอ็นชุดสุดท้ายจำนวน 13 คน รวมถึงนายอาเค เซลสตรอม ชาวสวีดิช ซึ่งเป็นหัวหน้าทีม เดินทางออกจากโรงแรมในกรุงดามัสกัสแล้ว โดยใช้รถยนต์ติดตราสัญลักษณ์ยูเอ็นทั้งหมด 7 คัน

    การเดินทางออกนอกซีเรียของคณะผู้เชี่ยวชาญของยูเอ็น สร้างความหวั่นเกรงไปทั่วทั้งภูมิภาค เกี่ยวกับปฏิบัติการเปิดฉากโจมตีทางทหารของสหรัฐ แม้ประธานาธิบดีบารัค โอบามา จะกล่าวด้วยตัวเองว่า กำลังพิจารณาการใช้ภารกิจใน "วงแคบ" ก็ตาม ขณะที่นายจอห์น แคร์รี รมว.กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นจะไม่มีทาง "ซ้ำรอย" เหตุการณ์ในอิรักเมื่อ 10 ปีก่อน

    เมื่อวันศุกร์ รัฐบาลสหรัฐเผยแพร่รายงานของหน่วยข่าวกรองที่ระบุว่า รัฐบาลซีเรียภายใต้การนำของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด เป็นผู้ใช้อาวุธเคมีเข่นฆ่าประชาชน 1,429 ศพ รวมถึงเด็ก 426 ศพ เมื่อวันที่ 21 ส.ค. จาก "หลักฐาน" ที่ว่า

    - เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพซีเรียเดินทางลงสำรวจพื้นที่เกิดเหตุ 3 วันก่อนมีการโจมตีด้วยอาวุธเคมี
    - ภาพถ่ายดาวเทียมแสดงให้เห็นว่า จรวดบรรจุแก๊สพิษถูกยิงออกมาจากฐานที่มั่นของกองกำลังฝ่ายรัฐบาล 90 นาทีก่อนจะมีรายงานเรื่องการโจมตีด้วยอาวุธเคมีออกมา
    - หน่วยข่าวกรองสามารถดักสัญญาณโทรศัพท์ ซึ่งเป็นการสื่อสารระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลดามัสกัส เกี่ยวกับ "คำยืนยัน" เรื่องการใช้อาวุธเคมี และความกังวลเรื่องการเดินทางเข้ามาในซีเรียของเจ้าหน้าที่ยูเอ็น

    แม้บรรยากาศทั้งในซีเรียและประเทศเพื่อนบ้านจะยังเป็นไปอย่างสงบ แต่มีรายงานว่า ทางการเลบานอนสั่งยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยทั่วประเทศแล้ว โดยเฉพาะตามแนวชายแดนที่ติดกับซีเรีย ขณะที่ทางการอิสราเอลยืนกรานขอปกป้องอธิปไตยของตัวเอง ส่วนประชาชนยังคงเร่งหาซื้อหน้ากากป้องกันแก๊สพิษ เนื่องจากเชื่อกันว่า อิสราเอลจะได้รับผลกระทบมากที่สุด หากมีการโจมตีเกิดขึ้นจริง

    รัฐบาลอิรักรายงานว่า ตลอดทั้งสัปดาห์นี้มีชาวซีเรียลี้ภัยข้ามพรมแดนมาแล้วกว่า 30,000 คน ทางการประกาศยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยทั่วประเทศเช่นกัน ด้วยความหวั่นเกรงเกี่ยวกับสถานการณ์ที่อาจรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากเหตุการณ์ภายในอิรักเองก็ยังไม่นิ่งพอ

    http://www.dailynews.co.th/world/229832
     
  3. ตุ้มโฮม

    ตุ้มโฮม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2012
    โพสต์:
    168
    ค่าพลัง:
    +497
    ความเคลื่อนไหวล่าสุดของประชาคมโลกต่อวิกฤตการณ์ในซีเรีย
    (วันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม 2556 เวลา 13:14 น.)

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย เมื่อวันที่ 31 ส.ค. สรุปความเคลื่อนไหวและการแสดงท่าทีที่น่าสนใจของประชาคมโลกต่อวิกฤตการณ์ในซีเรีย หลังรัฐบาลสหรัฐเผยหลักฐานของตัวเองซึ่งบ่งชี้ว่า ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด คือผู้อยู่เบื้องหลังการใช้อาวุธเคมี เมื่อกลางเดือนส.ค. และทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 1,400 ศพ

    สหประชาชาติ ( ยูเอ็น )
    คณะผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธเคมีของยูเอ็นที่เหลืออยู่อีก 13 คน เดินทางออกจากซีเรียทางรถยนต์ เพื่อข้ามพรมแดนไปยังเลบานอน ขณะที่นายบัน คี-มูน เลขาธิการยูเอ็น กล่าวว่า ผลการตรวจสอบ "อย่างเป็นทางการ" อาจต้องรอนานถึง 2 สัปดาห์

    เยอรมนี
    นายกุยโด เวสเทอเวลเลอ รมว.กระทรวงการต่างประเทศเยอรมนี แถลงว่า รัฐบาลเบอร์ลินจะไม่ขอเข้าร่วมภารกิจทางทหารใดๆในซีเรีย

    อิสราเอล
    นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล สั่งให้มีการติดตั้งระบบป้องกันภัยทางอากาศและขีปนาวุธรอบกรุงเทลอาวีฟ

    อิตาลี
    นางเอ็มมา โบนินโน รมว.กระทรวงการต่างประเทศอิตาลี กล่าวว่า ปฏิบัติการโจมตีทางทหารของสหรัฐในซีเรียคือการ "เติมเชื้อไฟ" ให้สถานการณ์ยิ่งย่ำแย่ลงไปอีก

    ตุรกี
    นายอาห์เหม็ด ดาวูโตกลู รมว.กระทรวงการต่างประเทศตุรกี เผยรายงานจากหน่วยข่าวกรองของอังการา ที่ระบุว่าฝ่ายรัฐบาลซีเรียคือผู้อยู่เบื้องหลังการใช้อาวุธเคมี

    อังกฤษ
    อังกฤษประกาศเตือนภัยพลเมืองของตัวเองให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังเลบานอนในระยะนี้ เนื่องจากพบ "ความเสี่ยง" ที่จะเกิดกระแสต่อต้านตะวันตก ขณะที่นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน ประกาศเรียกร้องให้มีการใช้ "มาตรการลงโทษ" อย่างจริงจัง ต่อผู้ที่ใช้อาวุธเคมีเข่นฆ่าประชาชน หลังรัฐบาลเป็นฝ่ายแพ้การหยั่งเสียงในสภาล่าง เพื่อขอความเห็นเรื่องการเข้าร่วมปฏิบัติการทางทหารกับสหรัฐ

    รัสเซีย
    ทางการรัสเซียเตือนสหรัฐว่า หากเป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตีทางทหารต่อซีเรียโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากยูเอ็น นอกจากจะทำให้สถานการณ์เลวร้ายขึ้นกว่าเดิมแล้ว จะส่งผลกระทบต่อโครงสร้างการทำงานของยูเอ็นในเรื่องซีเรียด้วย

    องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ ( นาโต )
    นายแอนเดอร์ส โฟกห์ ราสมุสเซ่น เลขาธิการนาโต กล่าวประณามการใช้อาวุธเคมีและเรียกร้องให้ประชาคมโลก "ลงโทษ" ผู้ก่อเหตุอย่างเหมาะสม แต่กล่าวว่า นาโตจะไม่ขอมีส่วนร่วมในเรื่องใดที่เกี่ยวข้องกับซีเรีย

    ฝรั่งเศส
    ประธานาธิบดีฟรองซัวส์ ออลลองด์ ผู้นำฝรั่งเศส แสดงจุดยืนร่วมเป็นพันธมิตรกับสหรัฐ หากมีการใช้ปฏิบัติการทางทหารในซีเรีย พร้อมกับกล่าวเป็นนัยว่า การโจมตีอาจเกิดขึ้นก่อนการประชุมรัฐสภาฝรั่งเศสนัดพิเศษในวันพุธที่ 4 ก.ย.

    สหรัฐ
    หน่วยข่าวกรองสหรัฐเผยรายงานว่า รัฐบาลซีเรียคือผู้บงการใช้อาวุธเคมีสังหารประชาชนเมื่อวันที่ 21 ส.ค. และทำให้มีผู้เสียชีวิต 1,429 ศพ ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 426 ศพ ขณะที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ กล่าวว่า การใช้อาวุธเคมีในซีเรียถือเป็น "ภัยคุกคาม" นโยบายความมั่นคงของสหรัฐ อย่างไรก็ตาม จะไม่มีการส่งกำลังทหารเข้าไปในซีเรีย แต่รัฐบาลกำลังพิจารณาการโจมตีในวงที่ "จำกัด"

    ส่วนนายจอห์น แคร์รี รมว.กระทรวงการค่างประเทศ กล่าวว่า ปฏิบัติการที่กำลังจะเกิดขึ้น คือ "บทลงโทษ" รัฐบาลซีเรีย และประวัติศาสตร์จะไม่ "ซ้ำรอย" เหมือนสงครามอิรักเมื่อ 10 ปีก่อน

    ในเวลาเดียวกัน มีรายงานการเดินขบวนประท้วงย่อมๆ เพื่อต่อต้านการใช้กำลังทหารต่อซีเรีย ตามเมืองใหญ่หลายแห่งในสหรัฐ ขณะที่ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนของหลายสำนักวิจัย แม้ส่วนใหญ่จะออกมาในรูปแบบของการไม่เห็นด้วย แต่เมื่อเป็นคำถามที่เจาะลึกลงไป เริ่มมีเสียงตอบรับหากเป็นปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ

    ซีเรีย
    รัฐบาลซีเรียออกแถลงการณ์ปฏิเสธรายงานของหน่วยข่าวกรองสหรัฐว่าไม่มีมูลความจริง พร้อมกับยืนกรานจะรอฟังผลการตรวจสอบจากยูเอ็นเท่านั้น ขณะที่อัสซาดยืนยันว่า จะขอตอบโต้จนถึงที่สุด หากสหรัฐเป็นฝ่ายเปิดฉากการโจมตีจริง ส่วนองค์กรสิทธิมนุษยชนรายงานว่า เริ่มมีการปะทะกันระหว่างทหารรัฐบาลกับกลุ่มกบฏในบางพื้นที่ทางตอนเหนือและตะวันตกของประเทศแล้ว

    ความเคลื่อนไหวล่าสุดของประชาคมโลกต่อวิกฤตการณ์ในซีเรีย | เดลินิวส์
     
  4. puvadon777

    puvadon777 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,076
    ค่าพลัง:
    +5,890
    "สถานการณ์ซีเรีย"
    แถลงการณ์ของ ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ที่ทำเนียบขาว 01/09/13 01:15 ET (12:15 AM ไทย)

    PRES OBAMA:“I will seek authorization for use of force from representatives in congress.”

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=49wnVgCGx9U]President Obama Full Statement on US to Take Military Action on Syria 8/31/2013 - YouTube[/ame]
    YouHotNews
     
  5. ตุ้มโฮม

    ตุ้มโฮม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2012
    โพสต์:
    168
    ค่าพลัง:
    +497
    ปูตินตอกโอบามาหน้าหงาย! “กระสันถล่มซีเรีย” จนลืมตัวว่ามี “โนเบลสันติภาพ” ค้ำคอ

    -ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐฯกล่าวในวันเสาร์ (31 ส.ค.) โดยระบุ เขาตัดสินใจแล้วว่า การโจมตีซีเรียเป็นเรื่องที่ “สมควรทำ”เพื่อสั่งสอนรัฐบาลดามัสกัสที่กล้าใช้อาวุธเคมีต่อประชาชนของตัวเอง ขณะที่วลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียออกโรงตอกโอบามาจนหน้าหงาย ชี้ข้อกล่าวหาที่มีการป้ายสีรัฐบาลซีเรียนั้น ถือเป็น “เรื่องไร้สาระอย่างที่สุด” พร้อมจวกโอบามาควรทำตัวให้เหมาะสมกับที่เคยได้รางวัล “โนเบลสาขาสันติภาพ”

    โอบามายืนยันระหว่างกล่าวสุนทรพจน์ที่บริเวณสวน “โรส การ์เดน” ในทำเนียบขาว โดยยืนยันว่า สหรัฐฯควรเปิดการโจมตีต่อซีเรียเพื่อตอบโต้ที่รัฐบาลซีเรียของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด ใช้อาวุธเคมีต่อประชาชนไม่เลือกหน้ารวมถึงผู้หญิงและเด็กในย่านชานกรุงดามัสกัส แต่ยอมรับการใช้ปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐฯต่อซีเรียอาจจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกสภาคองเกรสส์

    ผู้นำสหรัฐฯอ้างว่า มีข้อมูลข่าวกรองที่เชื่อถือได้ซึ่งบ่งชี้ว่า รัฐบาลอัสซาดมีแผนโจมตีพื้นที่แถบชานกรุงดามัสกัสด้วยอาวุธเคมี และการกระทำของรัฐบาลซีเรียส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯรวมถึงชาติพันธมิตรของสหรัฐฯในตะวันออกกลางอย่างอิสราเอล จอร์แดน ตุรกี เลบานอนและอิรัก

    โอบามาซึ่งเพิ่งบีบให้องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) สั่งถอนกำลังเจ้าหน้าที่ทีมตรวจสอบอาวุธเคมีออกจากซีเรียยังอ้างว่าพฤติกรรมของรัฐบาลซีเรีย จะไปกระตุ้นให้เกิดการแข่งขันกันพัฒนาและสะสมอาวุธเคมีทั่วโลก รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดการแพร่กระจายของอาวุธร้ายแรงชนิดนี้ไปยังกลุ่มก่อการร้ายต่างๆ

    ประธานาธิบดีโอบามาซึ่งประกาศให้การสนับสนุนด้านอาวุธแก่ “นักรบฝ่ายกบฏ”ในซีเรียไปก่อนหน้านี้ ยืนยันว่าได้พิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว และเห็นว่าสหรัฐฯจำเป็นต้องใช้ปฏิบัติการทางทหารต่อรัฐบาลซีเรียแบบจำกัดขอบเขต และระยะเวลา แต่จะไม่มีการส่งกำลังบุกซีเรียทางภาคพื้นดิน

    ในอีกด้านหนึ่ง ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินแห่งรัสเซียซึ่งเป็นหนึ่งในพันธมิตรสำคัญที่สุดของระบอบอัสซาด ออกโรงในวันเสาร์ (31) เช่นกัน โดยตอบโต้ข้อกล่าวหาของสหรัฐฯและชาติตะวันตกที่ว่ารัฐบาลซีเรียใช้อาวุธเคมีเข่นฆ่าประชาชนของตัวเอง

    “มันถือเป็นเรื่องไร้สาระอย่างที่สุดที่รัฐบาลซีเรียจะทำเช่นนั้นกับประชาชนของตัวเอง ผมเชื่อเหลือเกินว่า ข้อกล่าวหาเรื่องการใช้อาวุธเคมีถูกใช้เป็นข้ออ้างเพื่อดึงประเทศอื่นโดยเฉพาะสหรัฐฯเข้ามาสู่ความขัดแย้ง ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วปัญหานี้ถือเป็นเรื่องภายในของซีเรีย” ปูตินกล่าว พร้อมเรียกร้องให้บรรดาผู้นำโลกนำปัญหาซีเรียมาหารือกันระหว่างการประชุมกลุ่มจี-20 ที่นครเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์กของรัสเซียในสัปดาห์หน้า

    “ถ้าโอบามามีหลักฐานจริงว่ากองกำลังของอัสซาดใช้อาวุธเคมี แล้วทำไมโอบามาจึงไม่ยอมเปิดเผยหลักฐานนั้นต่อคณะผู้ตรวจสอบของยูเอ็น และทำไมโอบามาจึงบีบให้ผู้เชี่ยวชาญของยูเอ็นต้องรีบเดินทางออกจากซีเรียทั้งที่ยังปฏิบัติภารกิจไม่ลุล่วง” ปูตินตั้งข้อสังเกต พร้อมกล่าวประชดว่า โอบามาควรทำตัวให้เหมาะสมกับการเป็นเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพเมื่อปี 2009

    “โอบามาควรระลึกไว้เสมอว่า ตัวเองคือผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบลสันติภาพ และควรตระหนักว่าการโจมตีของสหรัฐฯจะทำให้มีพลเรือนผู้บริสุทธิ์ชาวซีเรียต้องบาดเจ็บล้มตายอีกเป็นจำนวนมาก” ปูตินกล่าวเสริม..

    (รอยเตอร์/เอพี/เอเอฟพี/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กันยายน 2013
  6. คนเฝ้าดู

    คนเฝ้าดู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +267
    กลุ่มกบฏยอมรับผิดแล้วกรณีการใช้อาวุธเคมี
    กลุ่มติดอาวุธในซีเรียสารภาพกับนักข่าว AP แล้วว่าพวกเขาจัดการผิดพลาดกับอาวุธเคมีที่ซาอุดี ส่งมาให้ จนเกิดเป็นอุบัติเหตุ

    โดย Paul Joseph Watson
    เผยแพร่ใน Infowars.com วันที่ 30 สิงหาคม 2556

    กลุ่มกบฏซีเรียที่อยู่ในเขตฆูเฏาะฮ์ ชานเมืองดามัสกัส ให้การยอมรับสารภาพกับผู้สื่อข่าวที่ชื่อ Dale Gavlak แล้วว่า พวกเขาเป็นผู้รับผิดชอบในเหตุการณ์การใช้อาวุธเคมีที่สื่อตะวันตกเอาไปใช้ ประณามกองกำลังทหารของบัชชาร อัลอะซัด พร้อมทั้งเปิดเผยว่าการบาดเจ็บล้มตายของผู้คนจำนวนมากในเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นผลมาจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากการจัดการผิดพลาดกับอาวุธเคมีเหล่านั้น ที่ทางซาอุดีอาระเบียส่งมาสนับสนุนพวกตน

    “จากการสัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้องหลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นคณะแพทย์ ประชาชนผู้อาศัยในเขตฆูเฏาะฮ์ ตลอดจนนักรบในกลุ่มกบฏและครอบครัวเองของพวกเขา... หลายคนเชื่อว่ากลุ่มกบฏบางคนได้รับอาวุธเคมีมาจากเจ้าชายบันดาร์ บินซุลตาน หัวหน้าหน่วยข่าวกรองของซาอุดี และพวกเขาเป็นตัวการที่ทำให้เกิดการโจมตีด้วยอาวุธแก๊ส (ที่คร่าชีวิตผู้คน)” Gavlak รายงาน

    กลุ่มกบฏบอกแก่ Gavlak ว่า พวกเขาไม่ได้รับฝึกอบรมมาในด้านการใช้อาวุธเคมี หรือไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร พวกเขาคิดว่าอาวุธเหล่านี้ถูกขนส่งมาตั้งแต่ตอนแรกให้แก่ญับฮะฮ์ อัลนุศเราะฮ์ ซึ่งเป็นสาขาย่อยของอัลกออิดะฮ์

    “พวกเราเองก็อยากรู้เกี่ยวกับอาวุธพวกนี้เหมือนกัน แต่โชคร้ายตรงที่นักต่อสู้บางคนจัดการกับอาวุธพวกนี้ไม่ถูกต้อง เลยทำให้เกิดการระเบิดขึ้นมา” นักรบติดอาวุธ ชื่อย่อ J บอกแก่ Gavlak

    คำบอกเล่านี้ได้รับการยืนยันจากการให้สัมภาษณ์ของนักรบหญิงอีกคนหนึ่ง ชื่อย่อ K ซึ่งได้เล่าให้ Gavlak ฟังว่า “พวกเขาไม่ได้บอกเราว่าอาวุธเหล่านี้คืออะไร และจะต้องใช้อย่างไร เราไม่รู้เลยว่ามันคืออาวุธเคมี เราไม่เคยคิดเลยด้วยซ้ำว่ามันจะเป็นอาวุธเคมี”

    อะบูอับดิลมุนอิม พ่อของนักรบในกลุ่มกบฏคนหนึ่ง ได้บอกกับ Gavlak ว่า “ลูกชายของผมมาหาเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว ถามถึงสิ่งที่ผมเข้าใจว่าเป็นอาวุธที่พวกเขาถูกสั่งให้ขนย้าย” เขาบรรยายภาพอาวุธพวกนั้นว่า “มีลักษณะเป็นแท่งๆ” บางส่วนก็ “คล้ายกับขวดแก๊สขนาดมหึมา” ชายคนดังกล่าวเอ่ยชื่อของนักรบชาวซาอุดีที่ส่งมอบอาวุธนี้มาให้ว่าเขาชื่อ อะบูอาอิชะฮ์

    ตามข่าวที่ได้รับจาก [อะบู] อับดุลมุนอิม อาวุธเหล่านั้นเกิดการระเบิดขึ้นในอุโมงค์ ทำให้มีนักรบฝ่ายต่อต้านเสียชีวิตไปถึง 12 คน

    “นักรบมากกว่า 12 คน ที่ถูกสัมภาษณ์ได้ให้ข่าวกับเราว่า พวกเขาได้รับเงินเดือนจากรัฐบาลซาอุดี” Gavlak เขียนไว้ในรายงานข่าวของเขา

    ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง เรื่องนี้จะเป็นการทำลายแผนการของอเมริกาในการเข้าโจมตีซีเรียที่สร้างขึ้น มาบนข้อกล่าวอ้าง “ที่ไม่อาจปฏิเสธได้” ว่า อัลอะซัดอยู่เบื้องหลังการสังหารผู้คนด้วยอาวุธเคมี

    ความน่าเชื่อถือของ Dale Gavlak เป็นสิ่งที่เราต้องทึ่งเลยทีเดียว เขาเป็นผู้สื่อข่าวตะวันออกกลางที่ทำงานให้แก่ Associated Press มาแล้วนับสองทศวรรษ ทำงานให้แก่ National Public Radio (NPR) แล้วยังเขียนบทความลงตีพิมพ์ใน BBC News อีกด้วย

    เว็บไซต์ที่เผยแพร่เรื่องนี้เป็นครั้งแรก คือ Mint Press (ซึ่งขณะนี้เกิดความขัดข้อง อันเนื่องจากมีการเปิดเข้าไปอ่านบทความดังกล่าวในปริมาณมหาศาล) เป็นองค์กรสื่อที่ตั้งขึ้นโดยชอบด้วยกฎหมาย มีสำนักงานประจำอยู่ที่รัฐมิเนโซตา สหรัฐอเมริกา และเมื่อปีกลาย หนังสือพิมพ์มิเนโซตาโพสต์ก็ได้ตีพิมพ์ประวัติความเป็นมาและผลงานของสำนัก ข่าวดังกล่าวเอาไว้

    บทบาทของซาอุดีอาระเบียในการสนับสนุนอาวุธเคมีให้แก่กลุ่มกบฏไม่ใช่เรื่อง ใหม่ที่น่าประหลาดใจแต่อย่างใด เพราะมีกระแสข่าวเล็ดลอดออกมาก่อนหน้านี้แล้วว่า ซาอุดีได้แสดงท่าทีข่มขู่รัสเซียว่าอาจจะมีเหตุก่อการร้ายในงานโอลิมปิกฤดู หนาวที่จะจัดขึ้นในเมืองโซชชิ ปีหน้านี้ ถ้าหากว่ารัสเซียไม่ถอนตัวจากการสนับสนุนประธานาธิบดีซีเรีย

    “ผมรับประกันกับคุณได้ว่าจะปกป้องงานโอลิมปิกฤดูหนาวปีหน้าไม่ให้เกิดเหตุ ไม่คาดฝันอะไรขึ้น (เพราะ) กลุ่มกบฏเชเชนที่ถือเป็นภัยต่อความสงบเรียบร้อยของงานมหกรรมกีฬาดังกล่าว อยู่ภายใต้การควบคุมของเรา” รายงานข่าวหลายชิ้นของหนังสือพิมพ์ Telegraph ระบุคำพูดของเจ้าชายบันดาร์ บินซุลตาน ซึ่งกล่าวกับวะลาดิเมียร์ ปูติน

    รัฐบาลของโอบามาเตรียมความพร้อมที่จะแสดงผลการสืบข่าวในทางลับที่ได้จาก หน่วยข่าวกรองของตน เพื่อนำมาพิสูจน์ให้เห็นว่ากองกำลังของอัลอะซัดอยู่เบื้องหลังการโจมตีด้วย อาวุธเคมีเมื่อสัปดาห์ก่อน แม้ว่าเจ้าหน้าที่อเมริกาเองจะออกมายอมรับกับนิวยอร์กไทมส์แล้วว่า เรื่องดังกล่าว ไม่มี “เบาะแส” ใดๆ ที่สามารถเชื่อมโยงประธานาธิบดีอัลอะซัดกับเหตุการณ์โจมตีที่เกิดขึ้นได้เลย

    เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของสหรัฐอเมริกาได้บอกกับ Associated Press ว่า กระแสข่าวเกี่ยวกับความผิดของอัลอะซัดที่สืบได้ไม่มีเรื่องใดที่จะเป็น “จุดตาย” ให้เขาดิ้นไม่หลุดได้เลย

    ดังที่เราได้รายงานมาก่อนหน้านี้แล้วเมื่อต้นสัปดาห์ว่า หน่วยสืบข่าวลับได้เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวเพียงไม่กี่ชั่วโมง กระทรวงกลาโหมของซีเรียได้โทรศัพท์ไปยังกรมอาวุธเคมีหลายต่อหลายครั้งด้วย ความตื่นตระหนก เพื่อคาดคั้นเอาคำตอบเกี่ยวกับเรื่องอาวุธเคมี ซึ่งเรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้เกิดจากการสั่งการของ กองทัพอัลอะซัดแต่อย่างใด

    อัพเดท : Associated Press ได้ติดต่อมายังเราเพื่อยืนยันว่า Dave Gavlak เป็นผู้สื่อข่าว AP อย่างแน่นอน แต่ทว่ารายงานของเขาเรื่องนี้ไม่ได้ถูกตีพิมพ์ภายใต้ชื่อของสำนักข่าวดัง กล่าว จึงขอชี้แจงในที่นี้ว่า ทางเราไม่ได้กล่าวอ้างว่าข่าวนี้รายงานโดย Associated Press เพียงแต่กล่าวถึง Associated Press ในฐานะต้นสังกัด เพื่อชี้ให้เห็นถึงความน่าเชื่อถือของ Dave Gavlak ที่นอกจากจะเป็นผู้สื่อข่าว AP แล้วยังเขียนข่าวป้อนให้แก่ PBS, BBC และ Salon.com
    *********************
    Paul Joseph Watson เป็นบรรณาธิการและนักเขียนของ Infowars.com and Prison Planet.com.
    เขาเขียนหนังสือชื่อว่า Order Out Of Chaos นอกจากนี้ Watson ยังเป็นผู้จัดรายการ Infowars Nightly News อีกด้วย
    *********************

    ที่มา: » Rebels Admit Responsibility for Chemical Weapons Attack Alex Jones' Infowars: There's a war on for your mind!

    กลุ่มกบฏยอมรับผิดแล้วกรณีการใช้อาวุธเคมี
     
  7. ชาน

    ชาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +272
    บทความนี้น่าสนใจครับ ขออนุญาตนำมาลงที่นี่ครับ
    ที่มา:: https://www.facebook.com/photo.php?...41827.141826422680407&type=1&relevant_count=1
    -------------------------------------------
    ซาอุดิฯ โดนดัดหลัง กลายเป็นสิงห์ทะเลทรายลำบาก

    ขณะที่ทั่วโลกยังคุยกันเรื่องอาวุธเคมีที่ฆ่าประชาชนผู้บริสทธิ์ซีเรียไปหลายร้อยศพ และจับตาไปที่สหรัฐฯอเมริกาว่าจะเอายังไงกันแน่ สภาคอนเกรซจะกล้าโหวตส่งกองกำลังทหารเข้าไปถล่มซีเรียเพื่อล้มรัฐบาลAssad หรือเปล่า แต่ไม่ค่อยจะมีคนจะพุ่งเป้าประเด็นไปที่ซาอุดิ อาราเบียมากนัก

    วิกฤติซีเรียแท้ที่จริงแล้วเป็นวิกฤติของซาอุดิฯในภาพที่กว้างกว่า และตอนนี้ซาอุดิฯเป็นสิงห์ทะเลทรายลำบาก โดนดัดหลังซะน่วม

    มีข่าว2ข่าวเกิดขึ้นมาไล่เลี่ยกันที่สะท้อนให้เห็นว่าซาอุดิฯอยู่ในฐานะสิงห์ทะเลทรายลำบาก เข้ามุมอับ เดินไม่เป็นแล้ว

    ข่าวแรกออกมาจาก The Telegraph ของอังกฤษ ซึ่งเมื่อเร็วๆนี้รายงานถึงความพยายามของซาอุดิ อาราเบีย ที่จะกดดันให้รัสเซียอยู่ห่างๆ หรือไม่ต้องมาเกียวข้องกับซีเรีย โดยยื่นข้อเสนอแลกผลประโยชน์ความร่วมมือการผลิตและการดูแลราคาน้ำมันกันระหว่างสองประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายยักษ์ของโลก

    เมื่อเดือนที่แล้ว เจ้าชายซาอุ บันดาร์ บิน สุรต่าน หัวหน้าหน่วยข่าวกรองสืบงานลับของซาอุฯ บินไปพบกับประธานาธิบดี วราดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียที่บ้านตากอากาศส่วนตัวของนายปูตินนอกกรุงมอสโคว์ เจ้าชายบันดาร์ยื่นข้อเสนอแบบทั้งเป็นมิตร และทั้งขู่ให้ปูตินอย่าไปยุ่งหรือให้การสนับสนุนซีเรีย เพราะว่าทางพันธมิตรตะวันตก นำโดยสหรัฐฯและอังกฤษกำลังเตรียมถล่มซีเรียอยู่ โดยที่ทางซาอุดิฯ ก็ต้องการล้มรัฐบาลของนายAssadของซีเรียด้วย

    หมายความว่ายังไงๆ ซีเรียต้องโดนถล่มเพื่อล้มรัฐบาลอัสสาด

    ข้อเสนอของซาอุ คือจะมีความร่วมมือกันระหว่างซาอุและรัสเซียในการปริมาณการผลิตน้ำมันและการกำหนดราคาน้ำมัน เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมันในตลาดโลก เจ้าชายบันดาร์พูดด้วยเสียงหนักแน่น ส่งสัญญานว่าซาอุฯ ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯอเมริกาอย่างเต็มที่ในเรื่องนี้

    ที่น่าสนใจ เจ้าชายบันดาร์ขู่ปูตินว่า ถ้ารัสเซียไม่ให้ความร่วมมือ กลุ่มผู้ก่อการร้ายเชคเช่นChechenอาจจะโจมตีโอลิมปิคฤดูหนาวที่ทางรัสเซียจะเป็นเจ้าภาพจัดปี2014 ก็ได้ "เราให้คำมั่นได้ว่าโอลิมปิคฤดูหนาวของรัสเซียจะได้รับการปกป้อง กลุ่มเชคเช่น ซึ่งเป็นภัยความมั่นคงต่องานโอลิปิคอยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเรา" เจ้าชายบันดาร์กล่าว

    ได้ฟังแค่นี้ ปูตินยั่วเจ้าชายบันดาร์มาก เลือดขึ้นใบหน้าสีซีดๆของเขาจนเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อได้ยินคำขู่อย่างนี้ จะมาลูบคมอดีตหัวหน้าKGBอย่างเขาได้อย่างไร

    ปูตินตอบไปว่า รัสเซียไม่มีอะไรที่จะต้องเกรงกลัวใครในโลกหล้าใบนี้ และเราจะไม่เปลี่ยนจุดยืนในการให้การสนับสนุนซีเรีย ปูตินบอกว่ารัสเซียสนับสนุน Assad ดีกว่าสนุบสนุนพวกกินตับคน liver eaters เพราะมีข่าว
    เผยแพร่ พวกกบฏฆ่าคนในซีเรีย แล้วเอาตับออกมากินกัน

    การประชุมลับสุดยอดระหว่างเจ้าชายบันดาร์กับปูตินกลายเป็นเรื่องไม่ลับทันที เพราะรัสเซียปล่อยข่าวออกมาทางสื่อตัวเองไม่นานคล้อยหลัง แล้วสื่ออื่นๆรวมทั้งThe Telegraphของอังกฤษนำไปเสนอต่อ

    พูดง่ายๆ ปูตินหักหน้าเจ้าชายบันดาร์โดยไม่เกรงใจ ปล่อยข่าวประชุมลับออกมาเลย เพราะไปขู่เรื่องการก่อการร้ายโอลิมปิคฤดูหนาวของรัสเซีย

    ข่าวที่สองที่ดัดหลังเจ้าชายบันดาร์แบบชนิดเกือบจะตอกฝาโลงซาอุดิฯ คือข่าวของ Dale Gavlak นักข่าวของ Mint Press News และ Associated Press) และ Yahya Ababneh ที่รายงานว่า พวกกบฎที่กำลังต่อสู้เพื่อล้มล้างรัฐบาลซีเรียได้รับอาวุธเคมีที่ฆ่าคนตายชีวิตจำนวนมากจากซาอุดี อาราเบีย โดยระบุชัดเจนว่า เจ้าชายเบนดาร์เป็นผู้ส่งมอบอาวุธเคมีให้พวกกบฎใช้ ผ่านกองกำลังนักรบซาอุดิฯที่ปฏิบัติการในซีเรียอยู่

    ปรากฎว่าเว็ปของMint Press Newsล่มไปเลย เพราะมีคนเข้าไปดาวน์โหลดจำนวนมาก เป็นการทำลายความน่าเชื่อถือซาอุดิฯอย่างยากที่จะก้คืนมาได้ เพราะว่าการที่จะให้มหาอำนาจสหรัฐฯเข้ามาแทรกแซง ส่งทหารเข้ามาล้มรัฐบาลAssad ขึ้นอยู่กับหลักฐานของการใช้อาวุธเคมีของรัฐบาลAssadในการฆ่าประชาชน ซึ่งขณะนี้ทางยูเอ็นกำลังรวบรวมอยู่

    ถ้ารัฐบาลAssadไม่ได้ใช้อาวุธเคมี ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ทางสหรัฐฯและพันธมิตรจะเข้าไปถล่มทำลายซีเรียอีกประเทศหนึ่งในตะวันออกกลาง

    อังกฤษเป็นนกรู้เจ้าเล่ห์ นายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอนกระเหี้ยนกระหือมากที่จะทำสงครามกับซีเรียโดยอ้างพันธะทางศีลธรรมเพราะมีข่าวการใช้อาวุธเคมีฆ่าประชาชน แต่ประธานาธิบดีโอบามาไม่เล่นด้วย และเริ่มจะมีความร้าวฉานมากขึ้นในความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและอังกฤษ จึงคงต้องมีการล๊อบบี้ส.ส. สภาคอมมอนกอังกฤษให้โหวตวาระการทำสงครามกับซีเรียตกไป

    คาเมรอนเสียหน้าจนต้องเย็บหลายเข็ม แต่อังกฤษก็ต้องเชฟตัวเองก่อน ยอมเสียหน้า

    โอบามาไม่อยากจะทำสงครามกับซีเรีย เพราะมีแต่เสีย โอกาสชนะยาก ตัวเองจะซวยไปด้วย เพราะหมายความว่าสหรัฐฯต้องเผชิญหน้ากับรัสเซีย และไม่แน่ว่าจะชนะในสงครมตัวแทน ตอนโอบามาถล่มลิเบีย เขายอมทำตามเกมcentral planners กัดดาฟี่ล้มเพราะไม่ได้รับการช่วยเหลือจากรัสเซียและพันธมิตรอื่นอย่างจริงๆจังๆ แต่ตอนนี้เห็นชัดว่า รัสเซียจะไม่ยอมเสียซีเรียโดยเด็ดขาด

    โอบามาเล่นเป็น โยนเผือกร้อนเรื่องซีเรียให้สภาคอนเกรซตัดสินในวันเสาร์เมื่อวานนี้ โดยทำไขสือพูดว่าการใช้อาวุธเคมีในซีเรียเป็นสิ่งที่เขายอมรับไม่ได้ และสหรัฐฯพร้อมโจมตีซีเรีย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับสภาคอนเกรซจะโหวตโอเค หรือไม่โอเค ถ้าไม่โอเค ก็ไม่เปลืองตัว และโอบามาได้พูดเมื่อวันศุกร์ว่า ในกรณีที่จะแทรกแซงในซีเรียทางทหาร จะกระทำอยู่ในขอบเขตและมีระยะเวลาจำกัด และจะไม่ส่งทหารเดินเท้าเข้าไปซีเรีย

    ถ้าคอนเกรซอนุมัติให้โอบามาถล่มซีเรีย ก็ถือว่าเป็นฉันทามติของประเทศและของคนอเมริกันทั้งหมด

    โอบามาพลิ้วตัวเองออกจากมุมอับอย่างงดงาม ในขณะที่คาเมรอนหน้าแตก และทางประธานาธิบดีฝรั่งเศสนายฟรังซัว โอแลงด์กำลังอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้า คายไม่ออก เพราะได้ให้สัมภาษณ์ Le Mondeหลังการโหวตไม่เข้าร่วมสงครามของสภาคอมมอนของอังกฤษว่า ฝรั่งเศสจะเดินหน้าถล่มซีเรีย โดยการตัดสินใจของอังกฤษก็เป็นเรื่องของอังกฤษ โอแลงด์อาจจะมองว่าสหรัฐฯเจอสถานการณ์บังคับให้เข้าสู่สงครามซีเรียอย่างเป็นทางการ แต่มาตอนนี้มันกับตาลปัตร เพราะต้องดูก่อนว่าสภาคอนเกรซของอเมริกาอย่างไรในกรณีซีเรียในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า

    เวลาเรื่องนี้เข้าสภาคอนเกรซ คงต้องวุ่นในการหาหลักฐานอาวุธเคมีว่าใครแน่เป็นผู้จัดหา ใครกันแน่เป็นผู้ใช้ จะมาอ้างง่ายๆเหมือนกับที่บุชกล่าวหาว่าซัดดัม ฮุสเซนมีอาวุธทำลายล้างโคตรๆ แล้วหลังจากถล่มอิรัคแล้ว ฆ่าซัดดัมแล้ว ไม่เจออะไรเลยในทะเลทรายอิรัค

    จริงๆแล้วสงครามซีเรีย ถ้าให้มองในภาพกว้างเป็นความอยู่รอดของซาอุฯในฐานะผู้นำในตะวันออกกลาง โดยมีอังกฤษและสหรัฐฯหนุนหลังมากกว่า ถ้าล้มซีเรียไม่ได้ ซาอุจะลำบากเพราะอิทธิพลของรัสเซียและอิหร่านจะเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ซาอุดิฯกับการ์ต้าที่ผ่านมาจ่ายเงินหนักมากให้กลุ่มกบฏเข้าไปรบเพื่อล้มรัฐบาลAssad จนกระเป๋าแทบฉีก สงครามภายในซีเรียดำเนินมาแล้ว2ปี ก็ล้มไม่ได้ซักที คราวนี้ซาอุฯคงต้องอยากจะดึงมหาอำนาจเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

    แต่ข่าวสองข่าว เรื่องการขู่ปูตินของเจ้าชายบันดาร์ และข่าวจาก Mint News Serviceที่ออกมาว่าอาวุธเคมีที่ฆ่าคนในซีเรียมาจากหน่วยทหารของเจ้าชายบันดาร์ โดยตรง ทำให้ซาอุดิฯกระอัก ไปไม่ถูก ไม่รู้โดนใครดัดหลัง ทั้งมิตรและศัตรู

    แถมซาอุดิฯโดนรัสเซียขู่กลับว่า ถ้าซีเรียโดนถล่ม ซาอุฯจะโดนถล่มกลับทันทีเป็นประเทศแรก และอิหร่านก็ขู่ว่าอิสราเอลจะโดนถล่มทันทีเหมือนกันในเวลาไล่เลี่ยกัน เพราะก็อยู่เบื้องหลังด้วยกันทั้งหมด

    รัสเซีย จีน อิหร่านกำลังสะยายปีกในตะวันออกกลางแทนอำนาจปัจจุบันคือสหรัฐฯ อังกฤษและซาอุดิฯ รัสเซียคุมพลังงานในยุโรปส่วนมากอยู่แล้วทางตอนเหนือผ่านGasprom ซีเรียเป็นจุดเชื่อมการส่งพลังงานไปยุโรป ต่อท่อจากอิรัคและการ์ต้า ทางตอนใต้ ถ้ารัสเซียยึดซีเรียได้ ยุโรปก็อยู่ในกระเป๋าของปูติน และผู้ปกครองประเทศที่ฝักใฝ่สหรัฐฯ อังกฤษในตะวันออกกลางจะสูญเสียอำนาจ อาจจะวุ่นวายเหมือนอิยิปต์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนเกรงกลัวที่สุด

    ฝรั่งเศสถึงได้ดิ้นออกอาการ โดนเยอรมันขย่มอยู่ข้างบน และเยอรมันมีโอกาสทิ้งยูโรสูงและได้จับมือเป็นพันธมิตรกับรัสเซียเรียบร้อยแล้ว และไม่เอาสหัรฐฯและอังกฤษ ถ้ารัสเซียได้คุมตะวันออกกลางแทนอังกฤษและ สหรัฐฯที่เป็นพันธมิตรกับฝรั่งเศส ฝรั่งเศสก็จะเดี้ยง ไม่มีพลังงานใช้ เกมการต่อรองอำนาจจะหมดไป

    ตอนนี้สหรัฐฯผิดใจกันกับอังกฤษ รีพลับรีกันอาจจะไม่เอาสงครามก็ได้ เพราะการสงครามที่ผ่านมา สหรัฐฯใช้เงิน ใช้ทหารรบ อังกฤษคอยแจม แล้วตักกินสบายมือโดยไม่ต้องลงแรงเท่าใดนักผ่านบริษัทน้ำมัน ระบบการเงินและคุมภูมิศาสตร์การเมืองในกรอบที่ลึกซึ่งกว่า ส่วนสหรัฐฯกำลังย่ำแย่ทางการเงิน ซู้ซี้พิมพ์เงินกระดาษหลอกชาวโลกไปวันๆ ในขณะที่จีน รัสเซีย อินเดียตุนทองเตรียมถล่มระบบเงินกระดาษดอลล่าร์และสร้างระบบการเงินมาตฐานทองคำขึ้นมาแทน แต่อังกฤษไม่ช่วยสหรัฐฯแต่ประการใด ทองคำของสหรัฐฯที่เก็บที่ Fort Knoxก็ไม่รู้ว่าอังกฤษแอบขนไปตั้งแต่เมื่อใด

    ถ้าเกิดต้องก่อสงครามซีเรีย และสงครามยืดเยื้อ การคลังของสหรัฐฯบอกได้ครับเดียวว่าฉิบหายทันที โดนทิ้งบอมบ์บอนด์เทกระจาดจากบริกส์ โดยเฉพาะจีน QE INFINITY ของจริงจะได้เห็น เพราะว่าต้องพิมพ์เงินมารองรับการใช้จ่ายการทหาร และงบที่จะขาดดุลบานปลายหนักจนเกิดเงินเฟ้อกระจุยกระจาย hyperinflation

    งานนี้ตัดสินครับว่าใครจะเป็นมหาอำนาจดูแลโลกเส็งเคร็งใบนี้ต่อไป เพราะผู้ชนะจะเขียนระเบียบอำนาจการเมืองแบะระเบียบการเงินโลกใหม่ ที่แฟนเพจของ Thanong Fanclubนี้ได้อ่านมาตลอดเป็นการปูพื้น เพื่อความเข้าใจของโลกใหม่ หลังการล่มสลายทุนนิยมการเงินและเสรีนิยมประชาธิไตยที่หลอกลวงคนทั้งโลกมานานแสนนานแล้ว

    Thanong
    1/9/2013
     
  8. ตุ้มโฮม

    ตุ้มโฮม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2012
    โพสต์:
    168
    ค่าพลัง:
    +497
    ความจริงค่อยๆโผล่ออกมาเรื่อยๆ..ลัทธิล่าอาณานิคม ยึดครองประเทศอื่น
    หาผลประโยชน์ฯลฯ ยังไม่สูญหายไป เพียงแต่เปลี่ยนรูปแบบให้เนียนขึ้น
    อ้างความชอบธรรม และเมตตาธรรมเพื่อแก้ไขปัญหา เพื่อหาความชอบธรรม
    ที่จะไปรุกรานประเทศอื่น..เพื่อผลประโยชน์ตัวเดียว เหมือนหมาป่าล่าเนื้อ
    หาเหยื่อยแล้วแบ่งกันกิน..

    ดูผลสรุป กรณีอิรัก มีอะไรตามที่อ้างหรือไม่ เข้าไปทำลายประเทศเขา โดย
    ข้ออ้างมีอาวุธอันตราย ประโคมข่าวใหญ่โต และสื่อส่วนใหญ่ในโลกนี้อยู่ภายใต้
    อานัติเขา เขากำหนดทิศทางสื่อได้..ปัจจุบันเป็นอย่างไรครับ..ไม่พบอะไรเลย มีแต่
    การบาดเจ็บล้มตายของชาวอิรัก และทหารที่เข้าร่วมรบ ประชาชนชาวอเมริกา
    ก็ไม่ได้อะไร ต้องรับภาระภาษีที่มากขึ้น ลูกหลานที่ไปเป็นทหารต้องบาดเจ็บล้มตาย..
    ผู้ที่ได้รับประโยชน์คือองค์กรลับที่คุมธุรกิจต่างๆไม่ว่าด้าน อาวุธ ด้านพลังงาน ฯลฯ
    ซึ่งมีอิทธิพลอยู่เบื้องหลัง และคุมทิศทางและนโยบายทั้งหมดของประเทศ

    ความยอกย้อนซ่อนเงื่อน และเล่ห์กลในนโยบายต่างประเทศ ที่สร้างกระแสสงคราม
    ไปทั่วโลก เพื่อสนองกลุ่มองค์กรลับในเครือข่าย ..เรื่องเหล่านี้ยาวมากๆ ยอกย้อนซ่อนเงื่อน
    บางครั้งก็นึกไปไม่ถึงว่ามนุษย์จะทำกันได้ถึงขนาดนี้ ..ข้อมูลเยอะมากไม่สามารถนำมาพูดคุย
    ในที่นี้ได้หมด ..อย่าเพิ่งเชื่อในข่าวต่างๆจากสื่อตะวันตกเสียทุกเรื่อง ให้สังเกตุและพิจารณาดูกันเอง...

    โลกนี้ใกล้ถึงจุดที่จะต้องเปลี่ยนแปลงแล้ว..
     
  9. สิบหก

    สิบหก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    680
    ค่าพลัง:
    +603
    สาเหตุเกิดจากคนในประเทศไม่สามัคคีกัน ......
     
  10. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    สงครามสู้รบในซีเรียคร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 1.1 แสนคน

    [​IMG]

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเบรุต ประเทศเลบานอน เมื่อวันที่ 1 ก.ย.ว่า กลุ่มสังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนซีเรีย เปิดเผยว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตนับตั้งแต่สงครามความขัดแย้งเปิดฉากขึ้นมาในประเทศซีเรีย เมื่อเดือนมี.ค.2554 จนถึงขณะนี้ 29 เดือนแล้ว มีผู้เสียชีวิต 110,371 ศพ แยกเป็นพลเรือน 40,146 คน ซึ่งก็เป็นผู้หญิงเกือบ 4,000 คนและเด็กๆอีกกว่า 5,800 คน

    กลุ่มสังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชน ซึ่งมีเครือข่ายนักเคลื่อนไหว แพทย์ และ นักกฎหมายที่กระจายกำลังอยู่ทั่วประเทศซีเรีย ระบุด้วยว่า นักรบฝ่ายต่อต้านอยู่ในกลุ่มผู้เสียชีวิตด้วย 21,850 ศพ ขณะที่ทหารกองทัพซีเรียก็เสียชีวิต 27,654 คน กลุ่มติดอาวุธสนับสนุนรัฐบาล 17,824 คน และอีก 171 คนเป็นกลุ่มติดอาวุธ เฮซบอลเลาะห์ นอกนั้นก็ยังมีอีก 2,726 คน ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นใคร ตัวเลขดังกล่าวนี้ ตรวจสอบล่าสุดจนถึงวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา

    สงครามความขัดแย้งยิ่งสะท้อนให้เห็นความโหดร้าย เมื่อมีประชาชนถูกฆ่าตายหลายร้อยคน จากการโจมตีด้วยแก๊สพิษ ใกล้กับกรุงดามัสกัสของซีเรีย เมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา ทั้งชาติตะวันตกและชาติอาหรับต่างตำหนิว่าเป็นฝีมือของรัฐบาลซีเรีย แต่รัฐบาลซีเรียของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ได้ปฏิเสธ ขณะที่รัฐบาลสหรัฐของประธานาธิบดีบารัค โอบามา กำลังขอความเห็นชอบจากสภาคองเกรส เพื่อเปิดฉากโจมตีซีเรีย เพื่อเป็นการตอบโต้รัฐบาลซีเรียในเรื่องนี้

    หนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทมส์ รายงานว่า สำนักงานสืบสวนแห่งรัฐบาลสหรัฐได้เสริมกำลังการเฝ้าสอดแนมดูพฤติกรรมของชาวซีเรียที่อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา ก่อนหน้าที่จะมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการโจมตีทางทหารถล่มซีเรีย

    ด้านนายจอห์น แคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ให้สัมภาษณ์ซีเอ็นเอ็นว่า สหรัฐมีข้อพิสูจน์ว่ามีการใช้แก็สพิษซารินโจมตีประชาชนเมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา เพราะได้ตัวอย่างผมและเลือดจากผู้ได้รับพิษในระหว่างการโจมตีดังกล่าว เพื่อนำเสนอเป็นหลักฐาน เสนอต่อที่ประชุมสภาคองเกรส ในการพิจารณาเพื่อขอความเห็นชอบในการโจมตีซีเรีย


    ที่มา สงครามสู้รบในซีเรียคร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 1.1 แสนคน | เดลินิวส์
     
  11. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    สันนิบาตอาหรับวอนยูเอ็นยับยั้งซีเรีย
    วันจันทร์ที่ 2 กันยายน 2556 เวลา 04:23 น.

    [​IMG]

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ เมื่อวันที่ 2 ก.ย.ว่า ที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของกลุ่มสันนิบาตอาหรับ ออกแถลงการณ์ระบุว่า สันนิบาตอาหรับขอเรียกร้องให้ทั้งองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และ ประชาคมโลก แสดงความรับผิดชอบในกรอบของกฎบัตรสหประชาชาติและ กฎหมายระหว่างประเทศ ด้วยการใช้มาตรการยับยั้งเท่าที่จำเป็น หลังเหตุการณ์โจมตีด้วยอาวุธเคมี ที่เกิดขึ้นใกล้กับกรุงดามัสกัสของซีเรีย เมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา

    ที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศสันนิบาตอาหรับ ระบุว่า รัฐบาลซีเรียต้องเป็นผู้รับผิดชอบการโจมตีด้วยอาวุธเคมี ซึ่งสหรัฐรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคนจากแก๊สพิษซาริน

    ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐ กล่าวว่า จะขอความเห็นชอบจากสภาคองเกรสในปฏิบัติการโจมตีรัฐบาลซีเรีย ส่วนคณะผู้ตรวจสอบอาวุธเคมีแห่งสหประชาชาติ ได้เสร็จสิ้นการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุในประเทศซีเรียแล้ว และยังนำตัวอย่างกลับมาตรวจสอบผลกับห้องทดลองในประเทศในยุโรปอีกด้วย แต่สหประชาชาติไม่ได้เปิดเผยกรอบเวลาการวิเคราะห์ตัวอย่างว่าจะเสร็จสิ้นเมื่อใด

    รัฐมนตรีต่างประเทศสันนิบาตอาหรับ ระบุอีกว่า ผู้รับผิดชอบการโจมตีด้วยแก๊สพิษในประเทศซีเรีย จะต้องถูกนำตัวไปขึ้นศาลระหว่างประเทศ เช่นเดียวกับอาชญากรสงคราม แต่ไม่ได้พูดถึงการโจมตีทางทหาร ตามที่สหรัฐและฝรั่งเศสต้องการให้เกิดขึ้นเพื่อเป็นการลงโทษซีเรีย

    ที่มา สันนิบาตอาหรับวอนยูเอ็นยับยั้งซีเรีย | เดลินิวส์
     
  12. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    สหรัฐยืนยันหลักฐานซีเรียใช้แก๊สซารินโจมตี
    วันจันทร์ที่ 2 กันยายน 2556 เวลา 05:28 น.

    [​IMG]
    สหรัฐเผยผลตรวจตัวอย่างเส้นผมและเลือดในพื้นที่ที่มีการอ้างว่าถูกโจมตีด้วยอาวุธเคมีในซีเรียแล้ว ผลปรากฏเป็นบวก ซึ่งนั่นก็หมายความว่า มีการใช้อาวุธเคมีจริง เพื่อเป็นหลักฐานโน้มน้าวให้รัฐสภาเห็นชอบในการใช้กำลังโจมตีซีเรียตามคำเรียกร้องของโอบามา


    สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐ เมื่อวันที่ 2 ก.ย.ว่า นายจอห์น แคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ แถลงเมื่อวานนี้ว่า ผลการตรวจสอบพบว่า มีการใช้แก๊สทำลายระบบประสาทซาริน ในการโจมตีใกล้กรุงดามัสกัส เมืองหลวงซีเรียเมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ขณะที่เขาต้องการแสดงหลักฐานให้มีน้ำหนักเพื่อโน้มน้าวให้สมาชิกรัฐสภาที่ยังมีข้อสงสัยอยู่ ไฟเขียวให้สหรัฐใช้ปฏิบัติการทางทหารต่อรัฐบาลซีเรีย โดยนายแคร์รีอ้างถึงการก่ออาชญากรรมของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำกองทัพนาซีเยอรมนี, ซัดดัม ฮุสเซน อดีตประธานาธิบดีเผด็จการอิรัก และภัยคุกคามต่ออิสราเอลจากซีเรียและอิหร่าน ที่อาจเกิดขึ้นได้ ในการให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ หนึ่งวันหลังจากประธานาธิบดีบารัค โอบามา ชะลอการใช้กำลังทางทหารในซีเรีย เพื่อขอฉันทานุมัติครั้งแรกจากรัฐสภา ซึ่งต้องทำให้การโจมตีซีเรียที่อาจเกิดขึ้นต้องเลื่อนออกไปอีกอย่างน้อย 9 วัน

    ขณะที่ ซีเรียไม่สนใจเรื่องการเลื่อนการโจมตีของสหรัฐ แต่กล่าวว่า พร้อมรับมือกับการโจมตีใด ๆ ที่จะเกิดขึ้น

    นายแคร์รี กล่าววา ตัวอย่างจากเส้นผมและเลือดที่รวบรวมมาจากที่เกิดเหตุ หลังการโจมตี ผลออกมาเป็นบวก ซึ่งแสดงให้เห็นว่า มีการใช้แก๊สซารินจริง อันจะเป็นหลักฐานในการโน้มน้าวรัฐสภาให้เห็นถึงความโหดร้ายป่าเถื่อนของกองทัพประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด เพื่อให้รัฐสภาเห็นชอบ

    ส่วนสมาชิกรัฐสภาสหรัฐ ก็มีความวิตกกังวลมากขึ้น ไล่ไปตั้งแต่ประสิทธิภาพในการโจมตีอย่างจำกัด, ความเป็นไปได้ของผลพวงอันไม่พึงประสงค์ที่จะตามมาอาจจุดชนวนความขัดแย้งไปทั่วตะวันออกกลาง, การกระทำโดยไม่ได้รับการสนับสนุนจากนานาชาติในวงกว้าง เพื่อแบ่งเบาภาระ และความวิตกกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามของสาธารณชนชาวอเมริกัน

    อย่างไรก็ตาม นายแคร์รีปฏิเสธที่จะบอกว่า ประธานาธิบดีโอบามา จะเดินหน้าใช้ปฏิบัติการทางทหารต่อหรือไม่ หากรัฐสภาปฏิเสธข้อเรียกร้องของประธานาธิบดี ตามรัฐสภาอังกฤษเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่ลงมติคัดค้านบทบาทของอังกฤษในการร่วมมือโจมตีซีเรีย แต่ถ้อยแถลงของประธานาธิบดีโอบามา ในสวนโรส การ์เด้น ทำเนียบขาวเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เขายืนยันว่า ประธานาธิบดีมีสิทธิ์ในการออกคำสั่งได้ด้วยตัวเอง หากเขาเลือกที่จะใช้กำลังทหาร



    ที่มา สหรัฐยืนยันหลักฐานซีเรียใช้แก๊สซารินโจมตี | เดลินิวส์
     
  13. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    สหรัฐส่งเรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอส นิมิตซ์จ่อซีเรียอีกลำ
    วันจันทร์ที่ 2 กันยายน 2556 เวลา 07:03 น.

    [​IMG]
    สหรัฐส่งเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ ยูเอสเอส นิมิตซ์ มุ่งหน้าทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เข้าประจำการในทะเลแดง รอสนับสนุนภารกิจโจมตีซีเรีย ซึ่งต้องรออีกอย่างน้อย 9 วันเพื่อให้รัฐสภาสหรัฐลงมติเห็นชอบ


    สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐ เมื่อวันที่ 2 ก.ย.ว่า เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐ เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า เรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ ยูเอสเอส นิมิตซ์ และกลุ่มเรือรบอื่น ๆ มุ่งหน้าตะวันตกสู่ทะเลแด เพื่อช่วยสนับสนุนภารกิจการโจมตีซีเรียอย่างจำกัดของกองทัพสหรัฐ หากจำเป็น โดยเรือยูเอสเอส นิมิตซ์ พร้อมเรือบริวาร ซึ่งประกอบด้วยเรือพิฆาต 4 ลำ และเรือลาดตระเวน 1 ลำ ไม่ได้รับคำสั่งเจาะจงในเคลื่อนกำลังไปยังฝั่งตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน แต่กำลังมุ่งหน้าไปทางตะวันตกในทะเลอาระเบีย เพื่อเตรียมความพร้อมหากได้รับการร้องขอ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความชัดเจนว่า เรือรบสหรัฐจะเข้าสู่ทะเลแดงเมื่อไหร่

    ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐ ชะลอการโจมตีด้วยขีปนาวุธร่อนจากเรือพิฆาต 5 ลำ ที่ลอยลำเตรียมพร้อมอยู่นอกชายฝั่งซีเรียในนาทีสุดท้าย และหันไปขอให้รัฐสภาลงมติเห็นชอบ ซึ่งต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 9 วัน

    กองทัพเรือสหรัฐเพิ่มเรือรบเข้าประจำการในชายฝั่งด้านตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเป็น 2 เท่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยขณะนี้ มีเรือพิฆาตประจำการอยู่ 5 ลำ พร้อมขีปนาวุธโทมาฮอว์ก รวมกันประมาณ 200 ลูก ปกติแล้ว

    ที่มา สหรัฐส่งเรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอส นิมิตซ์จ่อซีเรียอีกลำ | เดลินิวส์
     
  14. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    ซีเรียยังกร้าวประณามสหรัฐ "ไม่แน่จริง"
    วันจันทร์ที่ 2 กันยายน 2556 เวลา 07:44 น.

    [​IMG]
    รัฐบาลซีเรียยังคงแสดงท่าทีที่ท้าทายต่อสหรัฐ ด้วยการประกาศพร้อมรับมือการโจมตีทุกเมื่อและทุกรูปแบบ หลังวอชิงตันตัดสินใจขอรับการพิจารณาเรื่องการใช้กำลังทางทหารจากสภาคองเกรสก่อน
    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย เมื่อวันที่ 2 ก.ย. ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ผู้นำซีเรีย แถลงเมื่อวันอาทิตย์ หลังประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ ประกาศแผนการโจมตีทางทหารต่อซีเรีย เพื่อเป็น "บทลงโทษ" เรื่องการใช้อาวุธเคมี แต่ขอผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรสก่อน ซึ่งต้องรออีกอย่างน้อย 10 วัน โดยอัสซาดแถลงถึงความพร้อมในการรับมือการรุกรานจาก "ภายนอก" หลังเผชิญกับศึกภายในอยู่ทุกวัน พร้อมกับยืนยันว่า ฝ่ายดามัสกัสจะไม่มีวันเป็นผู้แพ้

    ด้านนายไฟซาล มัคแดด รมช.กระทรวงการต่างประเทศซีเรีย กล่าวเหน็บแนมโอบามาว่า "ขี้ขลาด โลเล สับสน และน่าผิดหวัง" พร้อมกับเรียกร้องให้สมาชิกสภาคองเกรสแสดง "ความเฉลียวฉลาด" ให้โลกเห็น ด้วยการลงมติคัดค้านปฏิบัติการโจมตีทางทหารต่อดามัสกัส

    ขณะที่สำนักข่าวซานาของทางการซีเรีย ซึ่งเป็นผู้เผยแพร่ถ้อยแถลงของอัสซาด รายงานด้วยว่า กองทัพซีเรียสั่งเคลื่อนกำลังพล "จำนวนหนึ่ง" รวมถึงขนย้ายสรรพาวุธมาติดตั้งโดยรอบเขตที่อยู่อาศัยในกรุงดามัสกัส และตามเมืองสำคัญบางแห่งแล้ว

    ความเคลื่อนไหวล่าสุดของรัฐบาลอัสซาดเกิดขึ้นเพียงไม่นานหลังนายจอห์น แคร์รี รมว.กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ออกมาแถลงเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายงานของหน่วยข่าวกรอง ที่นอกจากจะระบุว่า รัฐบาลซีเรียอยู่เบื้องหลังการใช้อาวุธเคมีเมื่อวันที่ 21 ส.ค. แล้ว สารพิษที่ใช้คือแก๊สพิษซาริน ซึ่งมีฤทธิ์ทำลายระบบประสาทอย่างรุนแรง พร้อมกับแสดงความเชื่อมั่นว่า "หลักฐาน" ชิ้นนี้จะสามารถโน้วน้ามใจสภาคองเกรส ให้ลงมติอนุมัติเรื่องการใช้กำลังทหารต่อซีเรียได้

    ส่วนนายบัน คี-มูน เลขาธิการสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) ยังคงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายอยู่ในความสงบ จนกว่ายูเอ็นจะเผยผลการตรวจสอบที่แน่ชัดออกมา แม้อาจต้องใช้เวลานาน 2-3 สัปดาห์ก็ตาม


    ที่มา ซีเรียยังกร้าวประณามสหรัฐ "ไม่แน่จริง" | เดลินิวส์
     
  15. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    ไทยแถลงการณ์ประณามซีเรีย
    วันจันทร์ที่ 2 กันยายน 2556 เวลา 09:57 น.

    [​IMG]

    ที่โรงแรมพลาซ่า แอทธินี เมื่อวันที่ 2 ก.ย. นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อวันศุกร์ที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกแถลงการณ์ประณามการใช้อาวุธเคมีในซีเรียอย่างรุนแรงที่สุด เนื่องจากขณะนี้ ปรากฏชัดว่าได้มีการใช้อาวุธเคมีในประเทศซีเรีย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก

    การกระทำเช่นนี้เป็นการละเมิดบรรทัดฐานระหว่างประเทศอย่างชัดแจ้งและเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ “ไทยขอประณามการใช้อาวุธเคมีในซีเรียอย่างรุนแรงที่สุด ทั้งนี้ ประชาคมระหว่างประเทศจะต้องรับรองว่า ผู้ที่กระทำอาชญากรรมที่ชั่วร้ายดังกล่าวจะต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นและได้รับการลงโทษ”


    นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า แถลงการณ์ดังกล่าวถือเป็นการแสดงจุดยืนของประเทศไทยต่อพฤติกรรมของซีเรียให้สังคมโลกได้รับทราบ โดยกลุ่มผู้ที่ใช้อาวุธเคมีทำลายล้างผู้บริสุทธิ์นั้น ประเทศไทยรับไม่ได้ โดยไทยขอให้มีการจับกุมตัวบุคคลเหล่านี้มาลงโทษให้ถึงที่สุด จากนี้ไปต้องรอดูท่าทีของสหรัฐฯ ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งไทยพร้อมปฏิบัติการตามมติของคณะมนตรีความมั่นคงถาวร ขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และคิดว่าจะไม่ส่งผลกระทบกับประเทศไทย



    ที่มา ไทยแถลงการณ์ประณามซีเรีย | เดลินิวส์


    ความคิดเห็นส่วนตัว

    ผมว่าไทยด่วนแถลงเกินไป รอฟังผลจากทาง UN และจากข่าวกรองต่างๆรวมทั้งท่าทีของนานาประเทศน่าจะดีกว่า
    รอเวลา รอความจริง รอหลักฐานอีกหน่อยก็ไม่เห็นจะเสียหายอะไร ด่วนแถลงเอาใจอเมริกาอย่างนี้ ผลร้ายมันจะมากกว่าผลเสีย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 กันยายน 2013
  16. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    ชาวซีเรียเตรียมความพร้อมป้องกันการโจมตีชาติพันธมิตร

    กลุ่มชาวซีเรียได้เตรียมเต็นท์หลายหลัง เอาไว้ในกรุงดามัสกัส เพื่อเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ในนั้น หากสหรัฐฯ เปิดการโจมตีซีเรียขึ้น โดยจะใช้เต็นท์เหล่านี้เป็นโล่มนุษย์ เพื่อปกป้องการโจมตีของสหรัฐฯ โดยโล่มนุษย์จะกระจายอยู่บริเวณสถานที่สำคัญต่างๆ เช่น อาคารโรงไฟฟ้า และสถานีโทรทัศน์ของการ เป็นต้น ชาวซีเรียหลายคนประกาศจะปักหลักอยู่ในกระโจมที่พักเหล่านี้ จนกว่าสหรัฐฯ และชาติตะวันตกจะยกเลิกการโจมตี หลังจนกว่าพวกเขาจะถูกสังหารอยู่ภายในกระโจมเหล่านี้


    ที่มา ผู้จัดการออนไลน์
     
  17. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    ยูนิเซฟขอระดมทุนช่วยเด็กซีเรีย
    วันจันทร์ที่ 2 กันยายน 2556 เวลา 10:26 น.

    [​IMG]
    หลังสงครามยืดเยื้อ ส่งผลให้เด็กนับล้านคนต้องบาดเจ็บล้มตาย และอพยพหนีภัยไปยังค่ายผู้ลี้ภัยตามชายแดน


    วันนี้(2ก.ย.) องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ) ประกาศขอระดมทุนจากประชาชนไทย เพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนแก่เด็กและครอบครัวในประเทศซีเรีย หลังจากสงครามในซีเรียได้ยืดเยื้อเข้าสู่ปีที่สาม และส่งผลให้เด็กนับล้านคนต้องบาดเจ็บหรือล้มตาย โดยขณะนี้มีเด็กถึง 1 ล้าน ที่ต้องอพยพหนีภัยไปยังค่ายผู้ลี้ภัยตามชายแดน

    “เด็กคนที่หนึ่งล้านนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ตัวเลข” นายแอนโทนี่ เลค ผู้อำนวยการบริหารขององค์การยูนิเซฟกล่าว “นี่คือเด็กตัวจริงคนหนึ่งซึ่งต้องพลัดพรากจากบ้าน หรือแม้กระทั่งจากครอบครัว และต้องเผชิญกับความน่ากลัวที่พวกเราอาจเพิ่งเริ่มทำความเข้าใจกับมัน”

    นอกเหนือจากเด็กผู้ลี้ภัยจำนวน 1 ล้านคนแล้ว ข้อมูลจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติ ยังระบุว่ามีเด็กอีกประมาณ 7,000 คนที่ถูกฆ่าตายจากสงครามในซีเรีย นอกจากนี้ ยูนิเซฟและสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) คาดว่ายังมีเด็กอีก 2 ล้านคน ต้องเร่ร่อนอยู่ในซีเรียซึ่งเป็นผลจากความขัดแย้งครั้งนี้

    นายพิชัย ราชภัณฑารี ผู้แทนองค์การยูนิเซฟประจำประเทศไทย กล่าวว่า ยูนิเซฟมีความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือเด็กที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งในครั้งนี้ ยังมีเด็กอีกจำนวนมากที่ยังอยู่ในพื้นที่สงคราม ที่ต้องอยู่อย่างเร่ร่อนภายในประเทศเพราะบ้านเรือนถูกทำลาย หรือต้องหนีข้ามชายแดนไปอาศัยอยู่ที่ค่ายผู้ลี้ภัย โลกไม่สามารถเพิกเฉยต่อสถานการณ์ที่เด็กเหล่านี้ต้องเผชิญได้อีกต่อไป

    ข้อมูลจากยูนิเซฟและยูเอ็นเอชซีอาร์ระบุว่า ประชากรเด็กมีสัดส่วนเป็นครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้ลี้ภัยทั้งหมดที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งในซีเรีย และเป็นเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 11 ปี ถึง 740,000 คน ผู้ลี้ภัยส่วนใหญ่อาศัยอยู่ที่ค่ายผู้ลี้ภัยในประเทศเลบานอน จอร์แดน ตุรกี อิรัก และอียิปต์

    จนถึงปัจจุบัน ยูนิเซฟและหน่วยงานพันธมิตรได้ระดมความช่วยเหลือครั้งใหญ่สำหรับกับเด็กและครอบครัวที่ได้รับผลกระทบ โดยในปีนี้ ได้มีการจัดการฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัดให้แก่เด็กกว่า 1.3 ล้านคน ที่อาศัยอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยและในชุมชนต่างๆ ในประเทศรอบๆ ซีเรีย นอกจากนี้เด็กผู้อพยพเกือบ 167,000 คน ยังได้รับความช่วยเหลือในเรื่องการเยียวยาทางจิตใจ เด็กอีกกว่า 118,000 คน ได้รับการสนับสนุนให้ได้เรียนต่อ และประชากรกว่า 222,000 คน ได้รับแจกน้ำดื่มสะอาด

    อย่างไรก็ตาม ยูนิเซฟกำลังระดมทุนอีกจำนวน 470 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อช่วยเหลือเด็กและครอบครัวที่ประสบภัยทั้งที่อยู่ในประเทศซีเรียและที่อาศัยอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยต่างๆ ตามชายแดน โดยเงินทุนที่ได้จากการบริจาคเหล่านี้จะนำไปช่วยเหลือเด็กและครอบครัวในด้านการจัดหาน้ำสะอาดและสุขอนามัย การศึกษา สาธารณสุขและโภชนาการ และบริการด้านการคุ้มครองเด็ก

    ท่านสามารถบริจาคเงินให้กับยูนิเซฟเพื่อช่วยเหลือเด็กและครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งในซีเรีย โดยการบริจาคออนไลน์ที่ UNICEF - Thailand | Protecting children's rights หรือดาวน์โหลดแบบฟอร์มการบริจาคที่ UNICEF - ยูนิเซฟ ประเทศไทย | พิทักษ์สิทธิเด็กทุกคนในประเทศไทย หรือขอรับแบบฟอร์มการบริจาคจากยูนิเซฟที่หมายเลข 02-356-9299 นอกจากนี้ท่านยังสามารถบริจาคผ่านเคาน์เตอร์ เซอร์วิส ที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นทุกสาขา


    ที่มา ยูนิเซฟขอระดมทุนช่วยเด็กซีเรีย | เดลินิวส์
     
  18. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    สถานการณ์ร้อน “อเมริกา vs. ซีเรีย” ท่าที...ที่คนทั้งโลกจับตามอง!
    วันจันทร์ที่ 2 กันยายน 2556 เวลา 10:35 น.

    [​IMG]
    สถานการณ์ “อเมริกา” กับ “ซีเรีย” เริ่มร้อนแรงมากขึ้นไปอีก หลังจาก “ผู้นำสหรัฐ” ออกแถลงการณ์พร้อมบุกซีเรีย ขณะที่ “ผู้นำซีเรีย” ประกาศพร้อมรับมือ


    หลังจากวานนี้ (1 ก.ย.) ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐได้ออกแถลงการณ์ เรื่องขอความเห็นชอบจากสภาคองเกรสก่อนบุกซีเรีย โดยมีใจความสำคัญว่า หลังผ่านการพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว ได้ตัดสินใจให้สหรัฐใช้มาตรการทางทหารต่อรัฐบาลซีเรีย ซึ่งไม่ใช่การแทรกแซงแบบเปิด และจะไม่ส่งกำลังภาคพื้นดินเข้าไปในซีเรีย แต่จะวางแผนใช้วิธีโจมตีแบบจำกัดทั้งระยะเวลาและเป้าหมาย มั่นใจว่าจะสามารถใช้วิธีนี้ควบคุมรัฐบาลอัสซาดให้รับผิดชอบการใช้อาวุธเคมีที่เกิดขึ้นได้ ตลอดจนขัดขวางพฤติกรรมและลดศักยภาพเพื่อไม่ให้มีการก่อเหตุเช่นนี้ขึ้นอีก

    และขณะนี้กองทัพได้เข้าไปประจำการในบริเวณนั้นเรียบร้อยแล้ว ประธานคณะเสนาธิการร่วมรายงานต่อข้าพเจ้าว่า พร้อมเป็นฝ่ายเปิดฉากทุกเมื่อ นอกจากนั้นท่านยังยืนยันด้วยว่าการดำเนินภารกิจไม่ได้ขึ้นอยู่กับเวลา สามารถเกิดขึ้นพรุ่งนี้ สัปดาห์หน้า หรือเดือนหน้าก็ได้ ซึ่งข้าพเจ้ากำลังเตรียมพร้อมที่จะออกคำสั่ง แต่ในฐานะผู้นำประเทศ การตัดสินใจของข้าพเจ้าควรตั้งอยู่บนพื้นฐานที่มาจากความน่าเชื่อถือ ซึ่งมาจากนโยบายความมั่นคงภายใน ข้าพเจ้าตระหนักดีว่า ข้าพเจ้าเป็นประธานาธิบดีแห่งประเทศที่มีรัฐธรรมนูญตามระบบประชาธิปไตยที่เก่าแก่ที่สุด ข้าพเจ้าเชื่อมายาวนานว่า อำนาจของเราไม่ได้มีรากฐานมาจากกำลังทหาร แต่ต้องมาจากพี่น้องประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งกระตุ้นให้ข้าพเจ้าทำการตัดสินใจอีกหนึ่งอย่าง นั่นคือ การขอความเห็นชอบในเรื่องการใช้กำลังทหารจากตัวแทนของชาวอเมริกันทั้งประเทศในสภาคองเกรส

    ภายหลังจากผู้นำสหรัฐ ประกาศแผนการโจมตีทางทหารต่อซีเรีย เพื่อเป็น "บทลงโทษ" เรื่องการใช้อาวุธเคมี โดยรอขอผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรสก่อน ซึ่งต้องรออีกอย่างน้อย 10 วัน วันนี้ (2 ก.ย.) ประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด ผู้นำซีเรีย ได้แถลงถึงความพร้อมในการรับมือการรุกรานจาก "ภายนอก" หลังเผชิญกับศึกภายในอยู่ทุกวัน พร้อมกับยืนยันว่า ฝ่ายดามัสกัสจะไม่มีวันเป็นผู้แพ้

    โดยนายไฟซาล มัคแดด รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศซีเรีย กล่าวเหน็บแนมโอบามาว่า "ขี้ขลาด โลเล สับสน และน่าผิดหวัง" พร้อมกับเรียกร้องให้สมาชิกสภาคองเกรสแสดง "ความเฉลียวฉลาด" ให้โลกเห็น ด้วยการลงมติคัดค้านปฏิบัติการโจมตีทางทหารต่อดามัสกัส

    ขณะที่สำนักข่าวซานาของทางการซีเรีย ซึ่งเป็นผู้เผยแพร่ถ้อยแถลงของอัสซาด รายงานด้วยว่า กองทัพซีเรียสั่งเคลื่อนกำลังพล "จำนวนหนึ่ง" รวมถึงขนย้ายสรรพาวุธมาติดตั้งโดยรอบเขตที่อยู่อาศัยในกรุงดามัสกัส และตามเมืองสำคัญบางแห่งแล้ว

    ระหว่างที่รอความชัดเจน ล่าสุด เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐ เปิดเผยว่า เรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ ยูเอสเอส นิมิตซ์ และกลุ่มเรือรบอื่น ๆ มุ่งหน้าตะวันตกสู่ทะเลแดง เพื่อช่วยสนับสนุนภารกิจการโจมตีซีเรียอย่างจำกัดของกองทัพสหรัฐ หากจำเป็น โดยเรือยูเอสเอส นิมิตซ์ พร้อมเรือบริวาร ซึ่งประกอบด้วยเรือพิฆาต 4 ลำ และเรือลาดตระเวน 1 ลำ ไม่ได้รับคำสั่งเจาะจงในเคลื่อนกำลังไปยังฝั่งตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน แต่กำลังมุ่งหน้าไปทางตะวันตกในทะเลอาระเบีย เพื่อเตรียมความพร้อมหากได้รับการร้องขอ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความชัดเจนว่า เรือรบสหรัฐจะเข้าสู่ทะเลแดงเมื่อไหร่

    ทั้งนี้ตามรายงานข่าว ระบุว่า กองทัพเรือสหรัฐเพิ่มเรือรบเข้าประจำการในชายฝั่งด้านตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเป็น 2 เท่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยขณะนี้ มีเรือพิฆาตประจำการอยู่ 5 ลำ พร้อมขีปนาวุธโทมาฮอว์ก รวมกันประมาณ 200 ลูกปกติแล้ว

    ส่วนนายบัน คี-มูน เลขาธิการสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) ยังคงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายอยู่ในความสงบจนกว่ายูเอ็นจะเผยผลการตรวจสอบที่แน่ชัดออกมา แม้อาจต้องใช้เวลานาน 2-3 สัปดาห์ก็ตาม

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเบรุต ประเทศเลบานอน รายงานว่ากลุ่มสังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนซีเรีย เปิดเผยตัวเลขผู้เสียชีวิตนับตั้งแต่สงครามความขัดแย้งเปิดฉากขึ้นมาในประเทศซีเรีย เมื่อเดือนมี.ค.2554 จนถึงขณะนี้ 29 เดือนแล้ว มีผู้เสียชีวิต 110,371 ศพ แยกเป็นพลเรือน 40,146 คน เป็นผู้หญิงเกือบ 4,000 คนและเด็กๆอีกกว่า 5,800 คน
    สำหรับเหตุการณ์ที่นำมาสู่สถานการณ์ที่ต้องจับตามองครั้งนี้ เกิดขึ้นจากการที่สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย เมื่อวันที่ 21 ส.ค.56 ว่า ชานกรุงดามัสกัส เมืองหลวงซีเรีย โดนโจมตีด้วยอาวุธเคมีทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,300 คนและบาดเจ็บจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็ก โดยจรวดบรรจุอาวุธเคมี ถูกยิงโจมตีเขตโกตา ในช่วงเช้าของวันดังกล่าว ซึ่งภาพที่เผยแพร่ในยูทูบแสดงให้เห็นว่า มีประชาชนจำนวนมากถูกนำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลชั่วคราว และสร้างความตกตะลึงให้กับคนทั้งโลก




    ที่มา สถานการณ์ร้อน “อเมริกา vs. ซีเรีย” ท่าที...ที่คนทั้งโลกจับตามอง! | เดลินิวส์
     
  19. จริง?หรือ?

    จริง?หรือ? เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +7,155
    ทำเนียบขาวเริ่ม "ล็อบบี้" สภาคองเกรสหาเสียงสนับสนุนเรื่องซีเรีย
    วันจันทร์ที่ 2 กันยายน 2556 เวลา 11:28 น.

    [​IMG]
    เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลสหรัฐกำลังวิ่งวุ่นกันอย่างหนัก เพื่อ "ล็อบบี้" ขอเสียงสนับสนุนจากสภาคองเกรสให้ได้มากที่สุด ในเรื่องการเปิดฉากโจมตีทางทหารต่อรัฐบาลซีเรีย
    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 1 ก.ย. ว่าทีมงานของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ เริ่มขั้นตอน "วิ่งเต้น" ขอเสียงสนับสนุนจากสมาชิกสภาคองเกรสให้ได้มากที่สุด เพื่อนำไปสู่การเปิดฉากโจมตีทางหทารใน "วงแคบ" ต่อรัฐบาลซีเรีย

    เพียง 1 วันหลังโอบามาแถลงอย่างเป็นทางการ แสดงความประสงค์ให้สภาคองเกรสอนุมัติปฏิบัติการทางทหารโจมตีฝ่ายรัฐบาลซีเรีย ที่จะมีการจำกัดทั้งเป้าหมายและระยะเวลา นายจอห์น แคร์รี รมว.กระทรวงการต่างประเทศ ปรากฏตัวในรายการโทรทัศน์ตามสถานีชื่อดังของสหรัฐมากถึง 5 รายการภายในวันเดียว เพื่ออธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายงานของหน่วยข่าวกรอง ที่ค้นพบด้วยว่าประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ผู้นำซีเรีย สั่งให้มีการใช้แก๊สพิษซารินสังหารประชาชน 1,429 ศพ เมื่อวันที่ 21 ส.ค.

    นอกจากนี้ แคร์รียังสนทนาทางโทรศัพท์กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทางการซาอุดิอาระเบีย ซึ่งออกมาประกาศแสดงจุดยืนอยู่ฝั่งเดียวกับฝ่ายต่อต้านอัสซาด เพื่อขอฐานเสียงสนับสนุนในระดับนานาชาติ แต่นายกรัฐมนตรีเรย์เซป เทย์ยิป เออร์โดกัน ผู้นำตุรกี กล่าวว่าการใช้กำลังทหารมีแต่จะทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ลง ทางเดียวที่จะยุติทุกอย่างได้ คือการที่อัสซาดต้องลาออกจากตำแหน่ง

    ขณะที่ทีมงานของโอบามาอีกส่วนทยอยนำเสนอรายงานต่อสมาชิกสภาคองเกรสราว 80 คน เพื่อหวังโน้มน้าวใจให้สมาชิกยอมให้ความสนับสนุนต่อปฏิบัติการทางทหารของวอชิงตัน อย่างไรก็ตาม เริ่มเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า เนื้อหาในรายงานยังไม่ลงลึกในรายละเอียดมากพอ ขณะที่ในส่วนของวุฒิสภานั้น ยังไม่เป็นที่แน่นอนว่าสมาชิกผู้ "ทรงอิทธิพล" จากพรรครีพับลิกัน เช่น นายจอห์น แม็คเคน วุฒิสมาชิกรัฐแอริโซนา และนายลินด์ซีย์ เกรแฮม วุฒิสมาชิกรัฐเซาท์แคโรไลนา จะออกเสียงคัดค้านหรือสนับสนุน



    ที่มา ทำเนียบขาวเริ่ม "ล็อบบี้" สภาคองเกรสหาเสียงสนับสนุนเรื่องซีเรีย | เดลินิวส์
     
  20. iamprateep

    iamprateep เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    448
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,685
    ความจริงเป็นเช่นไรไม่ทราบจริงๆ
    แต่เรามาช่วยกันแผ่เมตตากันดีกว่าครับ ใจถึงใจกันนะ อันนี้ดีที่สุด ณ ตอนนี้ ...


    "รักกันใว้เถิด"

    ^_^
    _/\_

    .......... .......... ..........
     

แชร์หน้านี้

Loading...