ติดตามสถานการณ์ "ซีเรีย" สงครามจะขยายขอบเขตหรือไม่???

บารัค โอบามาไปยุโรปขอเสียงหนุนถล่มซีเรีย
วันพุธที่ 4 กันยายน 2556 เวลา 11:15 น.



ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐ ออกเดินทางไปยุโรปเพื่อขอเสียงสนับสนุนโจมตีซีเรีย โดยไม่ต้องรอยูเอ็นไฟเขียว


สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐ เมื่อวันที่ 4 ก.ย. ว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ ออกเดินทางไปยุโรปแล้วเมื่อวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น เพื่อแสวงหาการสนับสนุนสำหรับแผนการโจมตีซีเรีย โดยไม่ต้องรอการอนุมัติจากสหประชาชาติ(ยูเอ็น) โดยประธานาธิบดีโอบามามุ่งหน้าสู่สวีเดนเพื่อหารือกับนายกรัฐมนตรีเฟรดริก เรนเฟลด์ต ของสวีเดน ซึ่งแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้บอกว่า โอบามาจะหารือกับผู้นำสวีเดนหลายประเด็นเช่น โลกร้อน, ความร่วมมือด้านการป้องกันและความมั่นคง ตลอดจนการค้าและการพัฒนา รวมทั้งกรณีท้าทายนโยบายต่างประเทศเช่น ซีเรียและอียิปต์ จากนั้นจะต้องเผชิญหน้ากับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ในการประชุมสุดยอดจี20 ที่นครเซนต์ปีเตอร์เบิร์กของรัสเซีย หลังจากการแสวงหาเสียงสนับสนุนในสหรัฐของประธานาธิบดีโอบามามีความคืบหน้า เนื่องจากแกนนำของพรรครีพับลิกันกล่าวสนับสนุนรัฐบาลสหรัฐลงโทษรัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรีย ที่ใช้อาวุธเคมีโจมตีพลเรือนเสียชีวิตกว่า 1,400 คน

ประธานาธิบดีโอบามาจะเดินทางถึงกรุงสตอกโฮล์มของสวีเดนในช่วงเช้าวันพุธตามเวลาท้องถิ่น และในการประชุมจี20 ที่รัสเซีย ประธานาธิบดีโอบามาจะได้พบนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน แห่งอังกฤษเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่รัฐสภากรุงลอนดอนไม่อนุมัติอังกฤษใช้กำลังทหารแทรกแซงปัญหาในซีเรีย นอกจากนี้ ประธานาธิบดีโอบามา ยังจะได้พบประธานาธิบดีฟรังซัวส์ โอลลองด์ ผู้นำฝรั่งเศส ซึ่งประกาศจุดยืนสนับสนุนการโจมตีซีเรียมาตลอด และจะร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับสหรัฐ ขณะที่ วุฒิสภาสหรัฐได้ร่างมาตรการร่วมสองพรรคคือรีพับลิกันและเดโมแครต กำหนดเวลา 90 วันสำหรับปฏิบัติการทางทหารแทรกแซงในซีเรีย และห้ามสหรัฐใช้กองกำลังภาคพื้นดินบุกซีเรียโดยเด็ดขาด



บารัค โอบามาไปยุโรปขอเสียงหนุนถล่มซีเรีย | เดลินิวส์

 

ซีเรียไม่หวั่นโอบามารุกกล่อมนานาชาติหนุนโจมตี กร้าวพร้อมเข้าสู่'สงครามโลกครั้งที่3'!!

http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000111460

 

บันคีมูน ชื่อไม่เป็นศิริมงคล พูดไปไม่มีคนฟัง
ออกมาพูดทำไม ตัวเองก็เป็นใหญ่ในUN
ยังทำได้แค่บ่น
ยังงี้นี่เอง นานาประเทศถึงได้ตีกันเละ
ไร้ความเชื่อถืออยู่ทำไม??ให้ชาวโลกขำ
ลาออกไปเถอะ!!!!

 

มันต้องแสดงหลักฐานให้แน่นอนก่อนว่า รัฐบาลซีเรียทำจริง ไม่ใช่คนในรัฐบาลที่ แปรพักต์ทำ หรือแค่คริปเสียง ซึ่งใครก็ทำได้ ถึงจะมีการลงโทษรัฐบาลซีเรีย
ขณะเดียวกัน ต้องประกาศให้เป็นกลางด้วยว่า หากฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรียเป็นผู้กระทำขณะที่ตัวเองเสียเปรียบทางทหาร อเมริกาจะโจมตีฝ่ายต่อต้านด้วยเหมือนกัน ไม่ใช่ประกาศโจมตีฝ่ายเดียว แบบนี่เป็นกลางแบบไหน

 

รอบนี้คงไม่เอาภาคพื้นดินไปบุก

 

ชุมนุมเรือรบในเมดิเตอเรเนียน ข่าวลือว่า "จีน"มาด้วย



Standoff In The Mediterranean: The US vs Russian Navies | Zero Hedge

Submitted by Tyler Durden on 09/05/2013 11:05 -0400

ขอภาวนาให้ต่างคนต่างกลับบ้านด้วยความสงบ "สันติอหิงสา"

 

สหรัฐฯโวยรัสเซียจับคณะมนตรีฯยูเอ็นเป็นตัวประกันในวิกฤตซีเรีย

ทูตสหรัฐฯเมื่อวันพฤหัสบดี(5) กล่าวหารัสเซียจับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ(UNSC)เป็นตัวประกันต่อประเด็นวิกฤตอาวุธเคมีซีเรีย ชี้เป็นไปไม่ได้เลยที่ยูเอ็นเอสซี จะอนุมัติเห็นชอบใช้กำลังทหารกับประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด เพราะมอสโกก็เป็นหนึ่งในชาติที่สามารถใช้สิทธิ์วีโต้มติใดๆก็ตาม ความเห็นล่าสุดที่บ่งชี้ว่าประธานาธิบดีโอบามา พร้อมเปิดฉากถล่มซีเรียโดยไม่ขออาณัติจากยูเอ็น

ด้วยทำเทียบขาวกำลังเดินหน้าผลักดันให้สภาคองเกรสอนุมัติปฏิบัติการโจมตีซีเรีย นางซาแมนธา พาวเวอร์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำสหประชาชาติกล่าวว่าไม่มีทางเลยที่คณะมนตรีความมั่นคงของยูเอนจะอนุมัติการใช้กำลังทหารกับประธานาธิบดีอัสซาด เพราะถูกขัดขวางจากรัสเซีย พร้อมกล่าวหาความพยายามปกป้องนายอัสซาดของรัสเซีย ได้ทำระบบคณะมนตรีความมั่นคงฯซึ่งมีหน้าที่จัดการกับวิกฤตต่างๆของโลกตกอยู่ภายใต้ความตึงเครียด

"แม้จะเห็นได้อย่างโต้งๆว่ามีการทำลายบรรรทัดฐานนานาชาติเกี่ยวกับการใช้อาวุธเคมี แต่รัสเซียยังคงจับคณะมนตรีฯเป็นตัวประกันและเลี่ยงความรับผิดชอบต่อนานาชาติ" พาวเวอร์บอกกับผู้สื่อข่าว

พาวเวอร์ ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งผู้แทนสหรัฐฯประจำสหประชาชาติเมื่อหนึ่งเดือนก่อน บอกต่อว่าระบบคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ซึ่งสมาชิกถาวร 5 ชาติ อันประกอบด้วยรัสเซีย สหรัฐฯ จีน ฝรั่งเศสและอังกฤษ สามารถใช้สิทธิ์วีโต้ได้นั้น ล้มเหลวสำหรับการยื่นมือช่วยเหลือปกป้องประชาชนชาวซีเรีย

"มติต่างๆที่ถูกเสนอก็ด้วยความหวังว่ามนุษยธรรมและความมั่นคงโดยรวมของเราจะได้รับชัยชนะ" เธอกล่าว "แต่เคราะห์ร้ายที่ในช่วง 2 ปีครึ่งที่ผ่านมา กลไกของระบบซึ่งถูกจัดตั้งขึ้นในปี 1945 เพื่อจัดการกับภัยคุกคามลักษณะนี้ไม่ได้ผลตามวัตถุประสงค์ มันไม่สามารถปกป้องสันติภาพและความมั่นคงของเด็กๆชาวซีเรียหลายร้อยคนที่ถูกแก๊สพิษรมจนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม นอกจากนี้แล้วมันยังไม่สามารถปกป้องเสถียรภาพของภูมิภาคอีกด้วย"



http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9560000112074

 

ตุรกีเพิ่มกำลังทหารตรึงชายแดนรับมือสงครามซีเรียปะทุ
วันศุกร์ที่ 6 กันยายน 2556 เวลา 05:22 น.


ตุรกีเคลื่อนกำลังพลทั้งรถถัง ยานยนต์หุ้มเกาะและทหารเข้าประจำการตามแนวพรมแดนที่ติดกับซีเรียแล้ว เพื่อป้องกันภัยคุกคาม พร้อมตั้งโรงพยาบาลภาคสนามและศูนย์ป้องกันสารเคมี เป็นการเตรียมรับมือสงครามที่จะเกิดขึ้น


สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากนครอิสตันบูล ประเทศตุรกี เมื่อวันที่ 6 ก.ย.ว่า กองทัพตุรกีเคลื่อนรถถังและยานยนต์หุ้มเกราะมุ่งหน้าสู่พรมแดนซีเรียเพื่อตรึงกำลังรักษาความปลอดภัยเมื่อวานนี้ โดยขบวนยานยนต์หุ้มเกราะ เดินทางถึงจังหวัดฮาเตย์ พรมแดนติดกับซีเรียแล้ว ขณะที่ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขตุรกีก็ตั้งโรงพยาบาลภาคสนามขึ้นและศูนย์ชั่วคราวเพื่อทำการรักษาผู้ที่อาจได้รับสารเคมี เพื่อเตรียมพร้อมรับมือผู้ลี้ภัยที่มีความเป็นไปได้ว่าจะทะลักข้ามพรมแดน


รัฐบาลตุรกีแถลงก่อนหน้านี้ว่า ตุรกีพร้อมเข้าร่วมกับนานาชาติในการต่อต้านประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ของซีเรีย แม้ไม่ได้รับไฟเขียวจากสหประชาชาติก็ตาม และได้สั่งให้ทหารเตรียมพร้อมเพื่อป้องกันภัยคุกคามจากซีเรีย แต่รัฐบาลตุรกี ก็ย้ำว่าการแทรกแซงทางทหารของนานาชาติต่อซีเรียนั้น ควรจะมีจุดมุ่งหมายเพื่อยุติการปกครองของประธานาธิบดีอัสซาด


สหรัฐและฝรั่งเศส พันธมิตรสำคัญของตุรกี กล่าวว่า พวกเขาพร้อมเปิดฉากโจมตีซีเรียโดยไม่ต้องผ่านมติความเห็นชอบของคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น เพราะทั้งสองประเทศเชื่อว่า รัสเซียจะใช้สิทธิ์ยับยั้งการการใช้กำลังทหารอย่างแน่นอน


เจ้าหน้าที่ระดับสูงของชาติตะวันตก กล่าวว่า มีสัญญาณหลายอย่างที่แสดงให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลรัสเซียเอง ก็เชื่อว่า ประธานาธิบดีอัสซาดต้องรับผิดชอบสำหรับการใช้อาวุธเคมีโจมตีประชาชน แต่รัสเซียก็ดึงดันที่จะสนับสนุนนายอัสซาด ขณะที่รัสเซียเองดูเหมือนจะไม่แถลงเช่นนี้ในที่สาธารณะ ประเทศตะวันตกหลายชาติ หวังว่า เมื่อการปฏิบัติการทางทหารสิ้นสุดลง รัสเซียจะให้ความร่วมมือมากกว่าในอดีตในการแก้ปัญหาทางการเมือง


ตุรกีเพิ่มกำลังทหารตรึงชายแดนรับมือสงครามซีเรียปะทุ | เดลินิวส์

 

ผู้นำจี-20 เสียงแตก ทูตสหรัฐซัดรัสเซียจับยูเอ็นเป็นตัวประกันถ่วงลงโทษซีเรีย
วันศุกร์ที่ 6 กันยายน 2556 เวลา 07:06 น.





สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากนครเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 6 ก.ย.ว่า บรรดาผู้นำประเทศจี-20 เสียงแตกกรณีซีเรีย สิ้นสุดการประชุมวันแรกที่นครเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก ประเทศรัสเซียเมื่อวานนี้ โดยนายกรัฐมนตรีเอ็นริโก เลตตา ของอิตาลี กล่าวว่า ยืนยันได้เลยว่ามีความคิดเห็นที่แตกแยกระหว่างงานเลี้ยงอาหารค่ำ ขณะที่ ซาแมนธา เพาเวอร์ เอกอัครราชทูตหญิงสหรัฐประจำสหประชาชาติ หรือยูเอ็น แสดงความผิดหวัง พร้อมกล่าวหารัสเซียว่า จับคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นเป็นตัวประกัน ด้วยการขัดขวางมติยูเอ็นซ้ำซาก

เธอกล่าวว่า คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น ไม่ได้อยู่บนแนวทางที่ประสบความสำเร็จมานานแล้วในการลงโทษซีเรียที่ก่ออาชญากรรมสงคราม

รัฐบาลสหรัฐกล่าวหากองทัพประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ของซีเรีย เข่นฆ่าประชาชนด้วยการโจมตีด้วยก๊าซผิดในชานกรุงดามัสกัส เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิต 1,429 ศพ ขณะที่ รัฐบาลอังกฤษ ระบุว่า นักวิทยาศาสตร์ที่ห้องวิจัยปอร์ตัน ดาวน์ พบร่องรอยของการใช้แก็สทำลายระบบประสาทซารินตกค้างอยู่บนเสื้อผ้าและตัวอย่างดิน

แต่นายอัสซาด ประณามกองกำลังกบฏว่าใช้อาวุธเคมีโจมตี ส่วนจีนและรัสเซีย ก็ปฏิเสธที่จะเห็นด้วยกับมติของคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นในการลงโทษซีเรีย โดยสหรัฐและรัสเซีย เพียงไม่กี่ประเทศในที่ประชุมจี-20 ในเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก ที่ยืนยันใช้กำลังทหารในซีเรีย ขณะที่จีนและรัสเซีย ก็ยืนกรานคำเดิมว่า การดำเนินการดังกล่าวโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากยูเอ็น จะเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย

นางเพาเวอร์ แถลงข่าวในนิวยอร์กว่า ทั้ง ๆ ที่มีการทำลายบรรทัดฐานระหว่างประเทศอย่างโจ่งแจ้งจากการใช้อาวุธเคมี แต่รัสเซียก็ยังคงจับคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นเป็นตัวประกัน และบั่นทอนความรับผิดชอบระหว่างประเทศ ด้านประธานาธิบดีบารัค โอบามา ก็กำลังพยายามหาพันธมิตรระหว่างประเทศต่อที่ประชุมผู้นำจี-20 เพื่อสนับสนุนการโจมตีเป้าหมายทางทหารในซีเรีย แต่นายกรัฐมนตรีอิตาลี ระบุในทวิตเตอร์ว่า จี-20 ปิดฉากการหารือกันระหว่างร่วมรับประทานอาหารค่ำ มีความคิดเห็นแตกแยกอย่างหนักเรื่องซีเรีย


ผู้นำจี-20 เสียงแตก ทูตสหรัฐซัดรัสเซียจับยูเอ็นเป็นตัวประกันถ่วงลงโทษซีเรีย | เดลินิวส์

 

"อิหร่าน-ฮิซบอลเลาะห์" จวกสหรัฐคือ "ผู้ก่อการร้าย"
วันศุกร์ที่ 6 กันยายน 2556 เวลา 07:32 น.

ผู้นำสูงสุดด้านศาสนาของอิหร่านกล่าวเตือนให้สหรัฐเตรียมพบกับ "ความเจ็บปวด" หากเป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตีทางทหารต่อซีเรีย


สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน เมื่อวันที่ 6 ก.ย. ว่าอยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมนี ผู้นำสูงสุดทางจิตวิญญาณของอิหร่าน กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีในเชิงตั้งคำถามว่า "ใคร" เป็นคนมอบ "สิทธิ์" ให้สหรัฐตั้งตัวเป็น "ตำรวจ" แล้วใช้กำลังลงโทษรัฐบาลซีเรียของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ไม่ว่าผู้นำซีเรียจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการใช้อาวุธเคมีหรือไม่ แต่สหรัฐกำลังจะละเมิดกฎหมายสิทธิมนุษยชนสากล ดังเช่นที่ทำกับอัฟกานิสถาน อิรัก และในเรือนจำบนอ่าวกวนตานาโม ในคิวบา

อยาตอลเลาะห์กล่าวด้วยว่า สหรัฐมีส่วนเกี่ยวข้องกับ "ความผิดพลาด" ทั้งหมดในซีเรีย ดังนั้น หากวอชิงตันเป็นฝ่ายเปิดฉากใช้ความรุนแรง ก็จะต้องยอมรับผลที่จะเกิดขึ้นตามมา ซึ่งแน่นอนว่า ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่

ถ้อยแถลงของผู้นำสูงสุดทางจิตวิญญาณของอิหร่านมีขึ้น ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกับที่กลุ่มนักรบหัวรุนแรงฮิซบอลเลาะห์ ออกแถลงการณ์เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์โจมตีด้วยอาวุธเคมี ที่ชานกรุงดามัสกัส เมื่อวันที่ 21 ส.ค. ระบุว่า สหรัฐคือ "องค์กรก่อการร้าย" ขนาดใหญ่


"อิหร่าน-ฮิซบอลเลาะห์" จวกสหรัฐคือ "ผู้ก่อการร้าย" | เดลินิวส์

 

โหวตบุกซีเรียส่อเค้าล่มหลังสภาคองเกรสมะกันเสียงแตก
วันศุกร์ที่ 6 กันยายน 2556 เวลา 08:01 น.


การลงมติของสภาคองเกรสสหรัฐในสัปดาห์หน้า ว่าด้วยหลักการใช้กำลังทางทหารในวงจำกัดต่อซีเรีย มีแววเกิด "ปัญหา" หลังผลสำรวจความคิดเห็นสมาชิกเบื้องต้นพบว่า ส่วนใหญ่เริ่มเอนเอียงไปทางการออกเสียงคัดค้าน


สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 5 ก.ย. อ้างอิงรายงานจากสำนักข่าว "เดอะ ฮัฟฟิงตัน โพสต์" ระบุผลการสำรวจความคิดเห็นเบื้องต้นของสมาชิกสภาคองเกรสทั้ง 535 คน ด้วยวิธีการสอบถามทั้งทางอีเมล โทรศัพท์ และพูดคุยตัวต่อตัว ซึ่งผลปรากฏว่า แนวโน้มการคัดค้านร่างหลักการเสนอให้มีการใช้กำลังทางทหารต่อซีเรียอยู่ที่ 9 ต่อ 1 แม้ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ ยืนยันว่า จะเป็นปฏิบัติการที่ผ่านการกำหนดกรอบอน่างชัดเจนทั้งระยะเวลาและรูปแบบการโจมตีก็ตาม

สมาชิกส่วนใหญ่ที่เผยว่าจะออกเสียงคัดค้านล้วนมาจากพรรครีพับลิกัน ทั้งที่ นายจอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นแกนนำของสำคัญของพรรครีพับลิกัน และนายจอห์น แมคเคน สมาชิกวุฒิสภาพรรคเดียวกันจากรัฐแอริโซนา ออกมาแสดงตัวสนับสนุนอย่างชัดเจน และขอให้สมาชิกที่เหลือปฏิบัติตาม ด้วยเหตุผลที่ว่า หากญัตติดังกล่าวไม่ผ่านความเห็นชอบ เสถียรภาพของประเทศอาจต้อง "สั่นคลอน"

นอกจากนี้ ยังเป็นที่น่าสังเกตด้วยว่า สมาชิกอย่างน้อย 34 คน ซึ่งเคยออกเสียงสนับสนุนให้มีการใช้กำลังทางทหารต่ออิรักเมื่อ 10 ปีก่อน กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า จะลงมติคัดค้านในสัปดาห์หน้า นัยว่าเป็นเพราะประสบการณ์อัน "เลวร้าย" จากในอดีต

ขณะที่ผลสำรวจความคิดเห็นสมาชิกสภาคองเกรสโดยของหนังสือพิมพ์ "เดอะ วอชิงตัน โพสต์" พบว่า สมาชิก 86 คน จะออกเสียงคัดค้านแน่นอน ส่วนอีก 92 คน "อาจ" ออกเสียงคัดค้าน ขณะที่ผู้ออกเสียงสนับสนุน "แน่นอน" มีเพียง 19 คน และยังไม่ตัดสินใจมากถึง 103 คน


โหวตบุกซีเรียส่อเค้าล่มหลังสภาคองเกรสมะกันเสียงแตก | เดลินิวส์

 

สื่อมะกันแฉ "โอบามา" สั่งเพิ่มเป้าโจมตีทางทหารในซีเรีย
วันศุกร์ที่ 6 กันยายน 2556 เวลา 12:36 น.


ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐ ออกคำสั่งให้กระทรวงกลาโหม ( เพนตากอน ) เพิ่มเป้าหมายโจมตีทางทหารในซีเรียเป็นอย่างต่ำ 50 จุดแล้ว


สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 6 ก.ย. อ้างอิงรายงานของหนังสือพิมพ์ "เดอะ นิวยอร์ก ไทม์ส" ซึ่งระบุว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐต้องการความมั่นใจว่า ปฏิบัติการโจมตีทางทหารในวงจำกัดต่อซีเรียจะครอบคลุมเป้าหมายทุกจุด เพื่อลดศักยภาพและขัดขวางการใช้อาวุธเคมีของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดให้ได้มากที่สุด หลังหน่วยข่าวกรองพบความเคลื่อนไหวของทหารฝ่ายรัฐบาลดามัสกัส เกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายกำลังพลและสรรพาวุธที่ใช้ในการยิงอาวุธเคมี

ทั้งนี้ แหล่งข่าวซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงในทำเนียบขาวเผยว่า เพนตากอนเพิ่มการกำหนดเป้าหมายเป็นอย่างน้อย 50 จุดทั่วซีเรีย แต่ไม่รวมคลังเก็บอาวุธเคมี เนื่องจากเพนตากอนประเมินแล้วว่า เสี่ยงที่จะกลายเป็นการกระจายความเสียหายออกสู่วงกว้าง

นอกจากนี้ ทีมงานวางแผนยุทธศาสตร์การโจมตีในซีเรีย นำโดยพลเอกมาร์ติน เดมป์ซีย์ ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมสหรัฐ ยังวางแผนรับมือการตอบโต้ "ทุกรูปแบบ" ของกองทัพซีเรีย รวมถึงการก่อเหตุรุนแรงโดยกลุ่มก่อการร้ายอัล-กออิดะห์ และกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ต่อสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐในตะวันออกกลางด้วย

ข้อมูลดังกล่าวได้รับการเผยแพร่ออกมาในช่วงที่สภาคองเกรสกำลังจะเตรียมพิจารณาร่างหลักการโจมตีทางทหารในวงจำกัดต่อซีเรียของทำเนียบขาว แม้ทีมงานของโอบามาจะประสบความสำเร็จในการ "ล็อบบี้" สมาชิกคนสำคัญ อาทิ นายจอห์น แมคเคน วุฒิสมาชิกรัฐแอริโซนาจากพรรครีพับลิกัน แต่การที่ผลการสำรวจความคิดเห็นสมาชิกสภาคองเกรสจากสำนักข่าวหลายแห่งเริ่มระบุออกมาในแง่ของการลงมติคัดค้านมากกว่าเห็นชอบ กระตุ้นให้ผู้นำสหรัฐยกเลิกกำหนดการเดินทางเยือนนครลอสแองเจลิส เพื่อพบปะสมาชิกสภาคองเกรส และอาจมีการแถลงต่อชาวอเมริกันในอนาคตอันใกล้นี้


http://www.dailynews.co.th/world/231190

 

ซีเรียจะเป็นที่แหล่งทิ้งกากกัมมันตรังสีของสหรัฐ นิติภูมิเคยบอกว่าเด็กอิรัคหลังสงครามเป็นมะเร็งกันมากมาย เพราะกระสุนเจาะเกราะต่างๆที่เอายิงกันเป็นแร่ยูเรเนียมกัมมันตรังสี
นับล้านๆนัดตกเกลื่อนแผ่นดิน

 

“ข่าวกรองตะวันออกกลาง “ ชี้ อัสซาดอาจใช้ “อาวุธชีวภาพ” ทำสงครามกับ “สหรัฐฯ”​

เอเจนซีส์ - วอชิงตันโพสต์รายงานว่า หน่วยงานข่าวกรองในประเทศแถบตะวันออกกลางคาดว่ามีความเป็นไปได้ที่ ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรียจะใช้ “อาวุธชีวภาพ” เพื่อป้องกันการโจมตีจากสหรัฐฯ

ในขณะที่ทั้งโลกกำลังจับจ้องการที่ซีเรียสะสมอาวุธเคมีอยู่นั้น หน่วยงานข่าวกรองของชาติในตะวันออกกลางกลับรู้สึกกังวลมากกว่าถึงอาวุธชีวภาพที่ซีเรียมีอยู่ไว้ในความตรอบครอง อ้างจากวอชิงตันโพสต์

ฮาเฟซ อัล-อัสซาด ที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีซีเรียตั้งแต่ปี 1971-2000และเป็นบิดาของประธานาธิบดีซีเรีย บาชาร์ อัล-อัสซาด เขาเป็นผู้นำการวิจัยอาวุธชีวภาพเข้ามาสู่ซีเรียในขณะที่ยังดำรงตำแหน่งผู้นำของประเทศ และรัฐบาลบุตรชายได้คิดต่อยอดผลิตเป็นอาวุธชีวภาพขึ้น

มีการเชื่อกันว่ากองกำลังของรัฐบาลอัสซาดนั้นไม่มีคลังอาวุธชีวภาพอยู่ในมือ แต่การข่าวคาดว่าซีเรียสามารถใช้สิ่งที่มีอยู่เพื่อสร้างเป็นอาวุธชีวภาพได้อย่างรวดเร็ว เช่น เชื้อไวรัสCamelpox หรือ ฝีดาษอูฐ และเชื้อไวรัส Cowpox หรือ ฝีดาษวัว ซึ่งอยู่ในตระกูลเดียวกับไข้ทรพิษ และสิ่งนี้ทำให้บรรดาประเทศที่มีชายแดนติดซีเรียทั้ง จอร์แดน อิสราเอล และตุรกีต่างเป็นกังวลใจมากที่มีความเป็นไปได้ว่า อาวุธชีวภาพของซีเรียสามารถถูกปล่อยกระจายออกมาจากหัวรบจรวดมิสไซล์หรือถูกแพร่ออกมาในที่สาธารณะด้วยคนเพียงคนเดียว

“เราต่างวิตกถึงแก๊สซารีน แต่ซีเรียมีอาวุธชีวภาพ และเมื่อเทียบแก็สซารีนกับอาวุธชีวภาพแล้ว มันเทียบกันไม่ได้เลย” เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองตะวันออกกลางเผยกับสื่อสหรัฐฯ “เรารู้ว่าซีเรียมี และประเทศอื่นๆในตะวันออกกลางต่างรู้ดี ส่วนสหรัฐฯรู้ดีที่สุดว่าซีเรียมีไว้ในครอบครอง”

โครงการอาวุธชีวภาพของซีเรียนั้นมีขนาดที่เล็กกว่าแต่มีความก้าวหน้าที่มากกว่าโครงการอาวุธเคมีที่สหรัฐฯมีหลักฐานว่าซีเรียได้ใช้จำนวนนับครั้งไม่ถ้วนในปี 2012

ซึ่งล่าสุดในวันที่ 21 สิงหาคมที่ปรากฏว่ามีการใช้อาวุะเคมีโจมตีกรุงดามัสกัสนั้น เป็นสาเหตุที่ทำให้ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯตัดสินใจโจมตีซีเรียด้วยกำลังทางทหาร โดยล่าสุดในวันอังคาร(3)ที่ผ่านมา สหรัฐฯและอิสราเอลแอบทดสอบยิงจรวดมิสไซล์พิสัยกลางจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

และยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าซีเรียจะสามารถใช้อาวุธชีวภาพโจมตีแบบเดียวกับที่ใช้อาวุธเคมีอย่างได้ทันทีหรือไม่ ซึ่งจากรายงานในปี 2008 ของหน่วยงาน CSIS ที่เป็นหน่วยงานข้อมูลในการทำนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ เผยว่า “คำถามส่วนใหญ่มีขึ้นจากคาดเดาความสามารถของซีเรียในการต่อกรกับสหรัฐฯ” แต่อย่างไรก็ตาม รายงานฉบับนั้นสรุปทิ้งท้ายว่า “มันเป็นการยากที่จะออกแบบหัวรบจรวดมิสไซล์ให้สามารถแพร่กระจายอาวุธชีวภาพได้ แต่ทว่ามันไม่เกินความสามารถของซีเรีย”

<iframe width="420" height="315" src="//www.youtube.com/embed/VUzNVs7dNp4" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>​

http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9560000112371

 

กมธ.วุฒิสภาสหรัฐอนุมัติถล่ม"ซีเรีย" : เนชั่นแชนแนลสถานีข่าว 24 ชม.

 

ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด การออกมายอมรับของฝ่ายกบถ
ในสงครามกลางเมืองซีเรีย
ที่ออกมาบอกว่าเกิดการผิดพลาดใน

เรื่องการใช้อาวุธเคมีที่ได้รับการสนับสนุนจากซาอุดิอาราเบีย
ที่ออกมาเป็นข่าวและเป็นคลิป จึงถูกเมินโดยที่จะเห็นว่า
ไม่มีการหยิบยกการยอมรับจากฝ่ายกบถ
มาอ้างอิงจากทั้ง 3 ฝ่าย
หรือว่าเป็นเพียงแค่ข่าวปล่อยจากฝ่ายรัฐบาลซีเรีย!??!!