มีใครห้ามกามไม่ไหวจนอยากตัดอวัยเพศบ้าง

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย beerdekpee, 31 พฤษภาคม 2013.

  1. blackangel

    blackangel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,750
    ค่าพลัง:
    +1,919
    ไม่ต้องไปตัดหรอกครับ มันเป็นเรื่องของธรรมชาติครับ เรื่องกาม ไรพวกนี้

    ก็เพราะจิตนั้น เป็นสิ่งที่ ดิ้นรน กวัดแกว่ง รักษายาก ห้ามยาก

    ดังนั้นมันเกิดที่จิต ก็ต้องแก้ ที่จิต

    นิยาม 1
    นิยาม 2

     
  2. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    คิดได้ยังไง.....
     
  3. ชุนชิว

    ชุนชิว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    722
    ค่าพลัง:
    +780
    บางคนหำไม่สู้ก็ยังขวนขวายเลย พยายามปลุกแล้วปลุกอีก ตัดมันแล้วจะช่วยอะไรได้ ต้องกำหนดรู้คุณโทษด้วยใจ ด้วยปัญญา ด้วยสติ ว่าเจ้าจะทำให้เราลำบากเพียงไหน คือพิจารณาให้เห็นทุกข์อันจะเกิดจากการเสพกามารมณ์ทั้งหลาย พิจารณาไปเรื่อยๆจนกว่าจะเห็นจริง มันสู้ก็ปล่อยมันสู้ไปอย่าไปตามใจมันก็สิ้นเรื่อง ปลาติดเบ็ดอย่างมากก็ตาย แต่หำติดใจก็หลายชาติกว่าจะหลุด เอาสติเข้าไปรับรู้การกระทำสักวันมันจะหยุดของมันเอง ว่าแต่สังโยชน์ 3 ข้อแรกเบาแล้วหรือจึงมาลุยข้อนี้ สักกายทิฐฐิ วิจิกิจฉา สีลัพตปรามาส ทำได้แล้วหรือ ถ้ายังผมว่าเอา 3 ข้อนี้ก่อนดีกว่านะครับ
     
  4. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    585
    ค่าพลัง:
    +3,151
    อย่าไปโกรธ อย่าไปโทษสิ่งใด แม้แต่ตัวเราเอง

    ให้เข้าใจเสียว่า มันเป็นไปตามธรรมชาติของสัตว์ สัตว์ย่อมต้องมีการผสมพันธุ์ กังวลมากไปกำลังใจจะตก เราจะรู้สึกท้อแท้สิ้นหวัง หรือเบื่อหน่าย แล้วถ้าบังเอิญคืนนี้เราท้อแท้เบื่อหน่ายในสิ่งที่เป็นอยู่พอดี นอนหลับไปแล้วเกิดไม่ตื่น จิตที่กำลังตกอยู่ในห้วงของความทุกข์นั้นก็จะไปสู่ภพภูมิที่ไม่ดี จบในภพนี้แบบไม่ดีเลย แต่ถ้าปล่อยเฉย ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติที่เคยๆเป็นมา เราก็คงจะไม่หลุดพ้นไปจากวัฏสงสารเป็นแน่แท้

    ธรรมชาติหนอธรรมชาติ นี่หรือวัฏสงสาร

    แล้วเราจะทำให้เบาบางได้อย่างไร

    พระพุทธองค์ทรงสอนไว้แล้ว ให้หมั่นทำและระลึกถึงแต่ความดีที่เป็นบุญเป็นกุศล ทาน ศีล ภาวนา ระลึกถึงคุณของ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ทำให้มาก มากขึ้นไป เรายิ่งเห็นกิเลสตัวเองชัดเท่าไหร่และทำให้เราเป็นทุกข์มาก เมื่อบุญกุศลเรายังไม่มีกำลังพอที่จะทำให้เบาบางได้เมื่อระลึกถึง เมื่อกระทำ ก็ให้ทำเพิ่มขึ้นไปอีก เมื่อจิตเราเริ่มมีกำลังเริ่มละเอียดขึ้นไปเรื่อยๆแล้ว สิ่งเหล่านั้นจะเบาบางลง (เหมือนเทสีขาวลงไปในสีดำ ยิ่งเทสีขาวมากเท่าไหร่ สีดำยิ่งเจือจางลงไปเท่านั้น) หรือเหมือนไล่ระดับสมาธิเปรียบกับระดับสวรรค์ จากหยาบไปหาละเอียด ยิ่งละเอียดมากเท่าไหร่ก็จะไกลจากกิเลสอย่างหยาบเท่านั้น แล้วเราจะเห็น ในสภาวะที่มี ไม่มี มีมาก มีน้อย ก็ดูให้ชัดไปเรื่อยๆ (คือการวิปัสนากรรมฐาน)

    ถ้าเราปฏิบัติแล้วติดขัดอะไร ถ้าไม่สามารถที่จะหาครูบาอาจารย์ให้คำปรึกษาได้ ให้ทวนตั้งแต่ต้นใหม่ ทาน ศีล ภาวนา สิ่งใดเราพร่องไป (ข้าพเจ้าก็เคยพลาดมาแล้ว เพราะมัวแต่มองที่จุดหมาย แต่ไม่ได้อยู่กับปัจจุบันโดยแท้จริง)

    พระพุทธองค์ท่านได้วางระบบไว้ให้ดีแล้ว สาธุ

    ขอให้เจริญในธรรมทุกท่านครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กันยายน 2013
  5. phongpeera

    phongpeera เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +138
    อนุโมทนาด้วยครับ ตามนั้น ถ้า จขกท. ทำได้ตามนี้จบครับ
    ตัดให้ตัดที่ใจ ไม่ใช่ตัดที่กาย ... ตัดไม่ถูกที่ถูกทาง ก็ทุกข์ได้ ไม่จบสิ้น
     

แชร์หน้านี้

Loading...