รวมพระเครื่องและวัตถุมงคล หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา

เป็นบารมีของคุณพี่ณรงค์ครับ ท่านมาโปดแล้ว

 

มีดหลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา พ.ศ.๒๕๓๕

<HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->มีดหลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา ประมาณ พ.ศ.๒๕๓๔-๓๕

- สร้างจากไม้เสากุฏิเดิมหลวงปู่

<!-- / message --><!-- attachments -->
<FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>





</FIELDSET>
ครูเซียน พอจะทราบไหม ครับ ว่าจะบูชาได้ที่ไหน
(good) (good) (good)

 

อีกเนื้อของ สมเด็จองค์ปฐม วัดดอยกวางคำครับ

....เนื้อผงพุทธคุณสีขาว เนื้อนี้สร้างไม่มากครับ.....

 

สติ๊กเกอร์ หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา

สติ๊กเกอร์ หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา

-ยังมีให้บูชาที่วัด แผ่นละ ๕๐ บาท

 

การที่กระผมนำ คำเล่าเรื่องจากบรรดาศิษย์ของหลวงปู่ฯ
ก็เนื่องด้วยว่า อยากให้พวกเราทั้งหลาย ได้รับทราบปฏิปทา
แนวทางการปฏิบัติ ของหลวงปู่ฯ

หากมีข้อผิดพลาดใด ๆ
ก็อาจจะมี อาจะเกิดขึ้น แต่ก็เนื่องจากเจตนาที่ดี ในทางธรรม เท่านั้น
ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง กระผมก็ขอน้อมยอมรับผิด ทั้งสิ้น.

...................................................................................

 

หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนาฯ ได้ทำพิธีพุทธาภิเษกไว้
หลังจากที่ องค์หลวงพ่อฯ มรณภาพไปแล้ว....

บางรุ่น ก็มี "คน" ที่อ้างว่าเป็น "ศิษย์"ของหลวงปู่ฯ
แต่ก็ไม่ได้ผ่านพิธีของท่าน.. ก็มีบ้างเหมือนกัน..

....................................................................................

 

<TABLE class=tborder id=post808857 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>hero_ultra<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_808857", true); </SCRIPT>
สมาชิก

เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 07:25 PM
วันที่สมัคร: Jul 2006
ข้อความ: 84 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 93 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 712 ครั้ง ใน 86 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 96


</TD><TD class=alt1 id=td_post_808857 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->เรื่องธุดงค์..

ครูบาท่านเคยเล่าเรื่องตอนท่านธุดงค์ให้ผมฟังบางเรื่องก็มหัศจรรย์และตื่นเต้น เวลาว่างก็ชอบแอบถามท่านเรื่องที่ท่านไปธุดงค์ บางเรื่องฟังสนุกดี
ก่อนอื่นต้องย้อนกลับไปเรื่องสมัยที่ท่านไปธุดงค์ตามที่ต่างๆก่อน ในหนังสือของวัดมีเขียนไว้ ลอกเอามาประกอบเพื่อความเข้าใจ...

ครูบาออกธุดงค์องค์เดียวตั้งแต่ อายุ12-20ปี เมื่อยังเป็นเณร กลับเข้ามาบวชเป็นพระแล้วออกธุดงค์ไปอีก ตั้งแต่อายุ20-26ปี ระหว่างอายุ 12-15ปีก็ธุดงค์กับครูบาก๋า(ครูบาชัยลังก๋า) ครูบาพรหมจักร(วัดพระพุทธบาทตากผ้า) ติดตามครูบาอาจารย์ไป ท่านเล่าว่า....อยู่ป่าสนุกกว่าอยู่บ้าน ธุดงค์ไปบำเพ็ญองค์เดียว อยู่บ้านกลัวผี อยู่ป่าไม่กลัว ธุดงค์ไปองค์เดียว เข้าบ้านเข้าเมืองกลัวผีสะปะ(เยอะแยะ) เวลากางกลดกางร่มก็อธิษฐานว่า"สัตตา อธิษฐามิ" อยู่ใต้ต้นไม้ก็ไปทักเทวดาต้นไม้ ในถ้ำก็พัก ป่าเปล่าๆก็พัก บ้านก็พัก อยู่ห้างอยู่หอก็อยู่ไป อยู่ร่มไม้เงิบผาเงิบหิน เวลาบิณฑบาตข้าวในป่าบางทีเขา(เทวดา)ก็มาส่งให้ บิณฑบาตตามต้นไม้ก็มี บางทีเอาบาตรห้อยไว้กับกิ่งไม้ ตี4ตี5กลับมานั่งภาวนา บางทีก็หลับยังไม่ตื่นเขาก็มาเรียก บางทีเขาก็มาใส่บาตร เทวดาใส่หรือคนใส่ก็ไม่รู้ ข้าวเทวดาหอมสีแดงๆมีแต่ข้าวเปล่า อาหารไม่มีเหมือนกับข้าวคนแต่อร่อย บางทีก็กินลูกไม้ใบไม้แทนอาหาร ที่กินได้ก็รู้ ที่กินไม่ได้ก็รู้ เคยกินมาก่อน ส่วนใหญ่เอาบาตรแขวนไว้แล้วภาวนาไป ง่วงก็นอนหลับ ตื่นขึ้นมาเขาก็เอาข้าวมาใส่ให้แล้ว ทำสมาธิกลางคืนดี ใจไม่ฟุ้งซ่าน ไม่รู้จะทำอะไร กลางวันคิดมากงานเกิดขึ้น แจ้งมาแอ่ว(เที่ยว)ดูโน่น ดูนี่พิจารณาไป ทุกอย่างเป็นทุกข์ ทุกคนเป็นทุกข์ พิจารณาไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มันก็น่าสนุกน่าดู
<!-- / message --></TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"> <SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("808857")</SCRIPT> </TD><TD class=alt1 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right><!-- controls --><TABLE id=table1 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=left><!-- Start Post Groan Hack --> <!-- End Post Groan Hack --></TD><TD><!-- Start Post Thank You Hack --></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
...................................................................................

 

<TABLE class=tborder id=post808885 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>hero_ultra<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_808885", true); </SCRIPT>
สมาชิก

เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 07:25 PM
วันที่สมัคร: Jul 2006
ข้อความ: 84 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 93 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 712 ครั้ง ใน 86 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 96




</TD><TD class=alt1 id=td_post_808885 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->เมืองลับแล....

กัลยาณมิตรคนนึงที่วัด บอกว่าวันก่อนที่ผมจะเข้าไปวัดมีพวกเมืองลับแลมาถวายผ้าป่าครูบาตอนหัวค่ำ แล้วก็คณะผ้าป่าก็เดินหายไปหลังวัด

วันหลังมีโอกาสถามท่านเรื่องนี้ ถามท่านว่า "ครูบาครับ เมืองลับแลมีจริงไหม "

ครูบาท่านบอก "ตอนนั้น(สมัยหนุ่มๆ)เดินธุดงค์ไป เดินผ่านหมู่บ้าน เห็นรอยพระบาท(พระพุทธบาท)ที่ริมน้ำ พอเดินผ่านหันไปอีกที หมู่บ้านหายไปแล้ว"

ท่านบอกว่า"วันหลังจะไปกราบก็หาไม่เจอ" "รอยพระบาทนี้อยู่ในหมู่บ้านพวกลับแล เค้าดูแลอยู่"

ถามครูบา"ว่าอยู่ที่ไหนครับ"

ท่านชี้นิ้วบอก ไปหลังวัดห้วยต้ม"อยู่ทางโน้น"
<!-- / message -->

</TD></TR></TBODY></TABLE>
...................................................................................

ขออนุญาต เพิ่มเติมข้อความของยอดคุณหมออั๋นฯ สักนิดหนึ่ง....

ที่ด้านหลังวัดฯ
กำลังก่อสร้างเจดีย์ปู่แก้วมาเมือง สมเด็จองค์ปฐม พร้อมวิหารแก้ว อยู่ในเวลานี้

ดูรายละเอียดได้ที่....
http://palungjit.org/showthread.php?t=31306&page=37

โดย.. พระคุณเจ้าตุดีฯ ศิษย์ของหลวงปู่ฯ ตั้งแต่เป็นเด็กขโยม(เด็กวัด อยู่แบบต้องโกนหัว) ต่อมาบรรพชาเป็นสามเณร ปฏิบัติดูแลหลวงปู่ฯ และท่านได้สั่งกำชับไว้ ตั้งแต่เป็นสามเณร ว่า....

"ให้อายุ 22 ปี ค่อยอุปสมบทเป็นพระภิกษุ"

เหมือนท่านจะรู้ว่า เมื่อถึงเวลานั้น ท่านก็คงไม่ได้อยู่แล้ว....
ก็เป็นจริงตามนั้น ปี 2543 หลวงปู่ฯ ก็จากไป

สามเณรตุดีฯ ได้อุปสมบทในปี 2544
เป็นพระภิกษุ ชุดแรกที่อุปสมบทในอุโบสถ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม
ซึ่งเป็นวันเดียวกันกับวันที่ตัดลูกนิมิต และฉลองอุโบสถ นั่นเอง

...................................................................................

 

<TABLE class=tborder id=post808930 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>hero_ultra<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_808930", true); </SCRIPT>
สมาชิก

เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 07:25 PM
วันที่สมัคร: Jul 2006
ข้อความ: 84 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 93 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 714 ครั้ง ใน 86 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 96


</TD><TD class=alt1 id=td_post_808930 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->ครูบา บิณฑบาตนอกวัด....

ตอนครูบาท่านอายุมากแล้ว ท่านก็ไม่ได้ออกไปบิณฑบาต แต่ท่านก็จะเอาบาตรวางไว้ที่ศาลาด้านนอกให้พวกคนที่ศรัทธาได้ใส่บาตร

ตอนสายๆพวกลูกศิษย์ก็จะยกบาตรเข้ามาถวายประเคนท่านที่กุฏิ ปกติท่านจะฉันอาหารที่แม่ครัวประจำทำให้ อาหารก็เป็นอาหารง่ายๆพวกผัก จิ้มน้ำพริก ต้มผัก

แต่ที่จะได้ยินอยู่เนืองๆจากคนที่มาที่วัด ว่า เห็นครูบาท่านไปบิณฑบาตตามที่ต่างๆ หลายจังหวัด คนเฒ่าคนแก่บางคน คนรู้จักบางคนที่เล่าให้ผมฟังด้วยความตื่นเต้น เราก็พลอยตื่นเต้นไปกับคนที่เล่าด้วย

คนที่เล่าให้ผมฟังแต่ละคนก็น่าเชื่อถือทั้งนั้น คนที่เล่าให้ผมฟังบอก พวกญาติเค้าและชาวนาแถวนั้นเห็นท่านเดินกลางทุ่งนา บางคนจำท่านได้จะวิ่งตามท่าน เค้าจะเข้าไปไหว้ท่านเห็นท่านมารูปเดียว แต่ท่านเดินหายไปเลย

วันที่พวกชาวบ้านกลุ่มนั้นเจอครูบา จริงๆแล้วท่านอยู่ที่วัด ผมเอาเรื่องนี้มาเล่าให้ท่านฟัง

ท่านก็ไม่พูดอะไร เลยไม่กล้าถามอะไรท่าน
<!-- / message --><!-- edit note --></TD></TR></TBODY></TABLE>
...................................................................................

 

รบกวนถามพี่ๆครับ ตอนนี้ที่วัดท่านยังมีอะไรให้เช่าบูชาบ้างหรือครับ <!-- / message -->

 

เท่าที่ผมได้ไปกราบท่านเมื่อไม่กี่วันนี้รู้สึกว่าจะมีคือเหลืออยู่หลายๆอย่างเช่น
-ล็อคเก๊ต ครูบา บรรจุพระธาตุข้าว จีวร และเส้นเกษา
-พระรอดชานหมากฝังพระธาตุข้าว
-พระผงเกษาพิมพ์พระรอดจุ่มรัก
-ปลาตะเพียนมหาลาภ
-พระผงสี่เหลี่ยมรุ่นแรก(ใหญ่)
-พระบูชานั่งธรรมมาส ปี 37
-พระบูชานั่งฐานเขียง ปี 39
-เหรียญต่ออายุเงินลงยา
-พระผง 400 ชีวิตรุ่นแรก,และ รุ่นสอง
-เหรียญสร้างโรงพยาบาลสงฆ์

และอีกหลายอย่างมากๆที่ทันท่านครูบานะครับ(ขออถัยที่จำชื่อไม่หมดนะครับ)

 

ผมสามารถติดต่อได้จากที่นี่เลยรึเปล่าครับ
ครูบาพรรณ พรหมเสโณ
วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ม.8 ต.นาทราย อ.ลี้จ.ลำพูน 51110หรือที่หลวงพี่สมบัติ จารุธัมโม<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>
<o> หรือ</o>
ท่านมีความประสงค์จะสั่งเช่าบูชาวัตถุมงคลทางไปรษณีย์ ส่งธนาณัติสั่งจ่าย ปณ.ลี้
พระอ่อนแก้ว ชัยยะเสโน วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม เลขที่499 ม.8 ต.นาทราย อ.ลี้ จ.ลำพูน 51110
(ตู้ปณ.19) หรือโทร. สอบถามเพิ่มเติมที่ 0-5359-9020
ขอบคุณมากครับ

 

หลวงพี่สมบัติ จารุธัมโม
วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม
ม.8 ต.นาทราย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน51110
ปณ.ลี้ครับ
หากทำบุญเอาพระบรรจุเจดีย์..ก็ที่หลวงพี่สมบัติแหละครับ
อย่าลืมค่าส่งห้าสิบบาท

 

...................................................................................

โทร. 086-1792652

ครับ.

...................................................................................

 

ท่านครูบาพรรณ กับ ท่านอาจารย์อ่อนแก้ว อย่าไปรบกวนท่านเรื่องวัตถุมงคลเลยครับ เสียเวลาปฏิบัติของท่าน คำว่า"ครูบา" ทางเหนือเค้าจะยกย่องพระที่อาวุโสมากๆ โดยเฉพาะ ครูบาพรรณก็รุ่นอาจารย์องค์หนึ่งของทางเหนือในปัจจุบันแล้วครับ
สนใจ วัตถุมงคลก็ติดต่อกับพระเจ้าหน้าที่ของทางวัด ที่ หลวงอามหาหินให้ไว้

 

ขอบคุณมากๆครับ

 

พระศรีจุฬารัตน์ หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา

พระศรีจุฬารัตน์ หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา

- องค์ขนาดเล็ก แต่พุทธานุภาพ ธัมมานุภาพ สังฆานุภาพไม่เล็ก

 

สี่หูห้าตา

สี่หูห้าตา (พระอินทร์) หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา

- พระอินทร์แปลงเป็นสี่หูห้าตา
- กินถ่านไฟอาหาร ถ่ายเป็นทองคำ
- หลวงปู่สอนให้รักษาพรหมวิหาร ๔ คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

 

<TABLE class=tborder id=post842724 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>hero_ultra<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_842724", true); </SCRIPT>
สมาชิก

เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 07:57 PM
วันที่สมัคร: Jul 2006
ข้อความ: 88 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 152 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 751 ครั้ง ใน 90 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 100


</TD><TD class=alt1 id=td_post_842724 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->we are the vegetarian...

พวกเรา ลูกหลาน ลูกศิษย์ ครูบา เป็น พวก ไม่ทานเนื้อสัตว์ พวกหมู่คนเฒ่าคนแก่ ที่ติดตามมาหลายรุ่นตั้งแต่สมัย ครูบาศรีวิชัย ครูบาขาวปี นำพาพวกลูกศิษย์รุ่นต่อมาไม่ทานเนื้อสัตว์กันไปด้วย หลายร้อยหลายพันคน เป็นหมู่คณะ พวกเราที่ตามครูบาวง ท่านก็นำพวกเรา ไม่ให้ทานเนื้อสัตว์ไปด้วย

ครูบาท่านฉันมังสวิรัติ อย่างจริงจังตั้งแต่อายุ 12ปี ตอนไปอยู่กับครูบาชัยลังก๋า(อาจารย์องค์สำคัญของครูบา) ซึ่งท่านก็ไม่ฉันเนื้อสัตว์เช่นกัน

ถึงแม้ตอนเมื่อครั้งครูบาท่านยังเด็กเล็กสมัยยังไม่ได้บวช ท่านก็มีจิตนิยมในการไม่ทานเนื้อสัตว์ ท่านเล่าว่าท่านจะกินหัวกลอย หัวมัน ผักหญ้า มาตลอด

ท่านให้เหตุผลว่า "สัตว์ทุกตัว มันก็รักชีวิตของมันเหมือนกัน เมื่อเราฆ่ามันตายเพื่อกินเนื้อมัน จิตของมันไปที่สำนักพญายม ก็จะฟ้องร้องว่าคนนั้นฆ่ามันตาย คนนนี้กินเนื้อของมัน (ถึงแม้จะไม่ได้ฆ่า) คนกินก็เป็นจำเลยด้วยก็ย่อมต้องได้รับโทษ(เช่นเดียวกับกฏหมายของบ้านเมือง) แต่จะออกมาในรูปของการเจ็บไข้ได้ป่วย และความไม่สบายต่างๆ ซึ่งเจ้าตัวไม่รู้สึก เห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดา"

ครูบาวงศ์ ท่านได้อบรมพระเณร และชาวกระเหรี่ยงทั้งหลายที่มาอาศัยใบบุญของท่านให้กินมังสวิรัติไปด้วย โดยเฉพาะในบริเวณวัดพระพุทธบาทห้วยต้มถือเป็นพุทธสถานอันศักดิ์สิทธิ์ ที่ปลอดการทานอาหารที่เป็นเนื้อสัตว์มาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว ครูบาท่านสอนว่าการไม่ทานเนื้อสัตว์จะทำให้การปฏิบัติกรรมฐานของเราได้ไวด้วย

พวกลูกศิษย์สายตรง ที่เป็นหมู่คณะของครูบาชัยลังก๋า ครูบาศรีวิชัย ครูบาขาว ครูบาวงศ์ ก็ไม่ทานเนื้อสัตว์ตามรอยอาจารย์ของพวกเรา ชักชวนหมู่คณะญาติพี่น้องเพื่อนฝูงให้ไม่ทานเนื้อสัตว์ไปด้วย ทานเนื้อคนอื่นมาหลายชาติแล้ว เลิกมันเสียในชาตินี้

ค่อยๆเพียรพยายามกันไปตามคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์ของพวกเราไม่ว่าจะครูบาชัยลังก๋า ครูบาศรีวิชัย ครูบาขาวปี ครูบาวงศ์ ท่านก็ไม่ทานเนื้อสัตว์

ตั้งใจกันให้ดี ตามรอยเท้าของครูบาวงศ์ ที่ท่านทำเป็นแบบอย่างเอาไว้
<!-- / message --><!-- edit note --><HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1>
</TD></TR></TBODY></TABLE>
...................................................................................

 

เป็นธรรมดา ที่จะตัด จะละ ย่อมยังทำได้ยาก....
ทั้งนี้ ก็คงต้องเป็นไปตามวาสนา บารมี....

ก็มันยัง อร่อย นี่นา....

...................................................................................

บารมี นี่ องค์หลวงพ่อฯ บอกว่า....
พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสว่า บารมี พึงแปลว่า "กำลังใจ"

...................................................................................

การที่เราเห็นว่า คนโน้น คนนี้ เขาทำบุญได้มาก ร่ำรวย วาสนา บารมีดีจังเลย

และที่กล่าวกันว่า.. แข่งบุญ แข่งวาสนา แข่งบารมี นี่มันแข่งไม่ได้
อันนี้ ก็คงจะดูกันจาก ผล หรืออานิสงส์ ของแต่ละคนที่ทำไว้แล้วในอดีตชาติ
จึงย่อมที่จะแข่งกันไม่ได้ เพราะว่าจบชาติ สิ้นชาติ ที่ผ่านมา ไปแล้ว

แต่ทว่า แข่งบารมี ในชาติปัจจุบัน นี่ซิ.. ผมว่า มันย่อมที่จะแข่งได้....

เพราะว่า บารมี คือ กำลังใจ....
กำลังใจของใคร ที่ไหนกัน....
ก็ กำลังใจของตัวเราเอง เท่านั้น

ไม่ได้ไปแข่งกับใคร ที่ไหน....
แข่งกับจิตใจ ของตัวเราเอง ว่า....

เราจะสามารถ มีความเพียร ในการละ ความโลภ โกรธ และหลง
ไปจากจิตใจ ของเราได้เพียงใด นั่นเอง

ยกตัวอย่าง เช่น วันนี้ตั้งใจ ตั้งสัจจะ ว่า พรุ่งนี้เช้า จะไปทำบุญ ตักบาตร ที่วัดฯ
ปรากฏว่า พอเช้ารุ่งขึ้น มีฝนตกหนักมาก จะออกจากบ้านก็ลำบาก รถก็ไม่มี
ก็คิดในใจว่า.. ไม่เป็นไร วีนนี้ฝนมันตกหนัก พรุ่งนี้ ค่อยไปก็ได้....
อย่างนี้ ถือว่า บารมี(กำลังใจ) ยังอ่อนอยู่

แต่ถ้าจิตของเรา ฉุกคิดได้ว่า....
พระพุทธเจ้า สอนว่า ไม่พึงประมาท ก็ไม่แน่ว่า วันนี้เราอาจจะตายได้
หากรอถึงพรุ่งนี้ เราก็จะไม่ได้ทำบุญ ตามที่ตั้งใจ ตั้งสัจจะที่ให้ไว้ กับตัวเราเอง

อย่ากระนั้นเลย เราควรจะไปทำบุญ ตักบาตร เสียตั้งแต่วันนี้
ฝนจะตกหนัก ก็ช่าง เราก็ใส่เสื้อคลุมกันฝนไป ถึงจะเปียกก็ช่าง เดี๋ยวก็แห้งได้
อย่างนี้ ถือว่า บารมีเข้มแข็ง กำลังใจดีกว่า....

ดังนั้น ที่ว่าแข่งบารมี นั่น ก็คือ....
นำจิตใจฝ่ายที่ครุ่นคิดถึงแต่ความดี ตั้งใจว่าจะทำทำแต่สิ่งที่ดี ๆ
นำมาแทน นำมาชนะใจฝ่ายเลว ฝ่ายขี้เกีบจ ให้หลีกหนีพ้นไปเสียได้

เป็นการแข่งจิต แข่งใจ ของเราเอง ที่บ้างครั้ง....
1. ก็ขี้เกียจ
2. บางครั้ง ก็เฉย ๆ
3. บางครั้ง ก็อยากทำคุณความดี

หากจิตใจของเรา นำเอาข้อที่ 3 มาแข่ง จนชนะ ข้อที่ 1 และ 2 ได้

เมื่อเราก็แข่งชนะ ใจในฝ่ายที่ครุ่นคิดถึงด้านฝ่ายเลว ฝ่ายขี้เกียจ ได้แล้ว
เราก็ชนะใจตนเอง คุมจิตตนเองให้อยู่ในฝ่ายดี ได้ ในที่สุด

อย่างนี้.. ก็ถือว่า มีบารมีดี คือ กำลังใจดี นั่นเอง
ก็ลองตั้งใจแข่งกันดู นะครับ

หากว่ายังยาก ก็คิดถึงพระพุทธรูป ระลึกถึงพระพุทธเจ้า ครู อาจารย์ ให้บ่อย ๆ

ขอกราบอาราธนาคุณพระฯ ขอความสำเร็จ จงเป็นของพวกเราทั้งหลาย

สาธุ สาธุ สาธุ

....................................................................................