พระอริยะบุคคลดูอย่างไร และรู้ได้อย่างไร ว่าใครเป็นพระอริยะบุคคล?

พระอริยะบุคคล ทั้ง ๔ คู่

ดูอย่างไร และรู้ได้อย่างไร ว่าใครเป็นพระอริยะบุคคล?

เอาอะไรมาวัด

 

เข้าท่าๆ

 

ดูจากคำเทศน์

ดูจากการกระทำ

ดูผลของสิ่งที่เกิด


ถ้านึกไม่ออก ก็ลองถามใจตัวเองว่า

พระอรหันต์ หลายๆ รูปในอดีต ที่ผ่านๆมา คุณรู้หรือไม่รู้ ว่า ครูบาอาจารย์ เป็นพระอริยเจ้า

เช่น หลวงปู่มั่น หรือลูกศิษย์หลวงปู่มั่น หลวงปู่ดุลย์ และพระอรหันต์ใน อดีตที่ผ่านมาเป็นต้น

ถ้าดูไม่ออก ก็คงเป็นเรื่องของ ภูมิธรรมส่วนตัวบุคคล ที่ไม่มีปัญญาแยกแยะ

.

 

ผมก็ดู ไม่เป็นเหมือนกัน นะจ๊ะ
แต่ถ้าคนไหน เราอยู่ไกล้แล้ว เบาสบาย โล่ง ปลอดภัย ไว้ใจได้ เชื่อใจได้ นี่ก็ ดีนะจ๊ะ
หรือ เราอยู่กับใครแล้ว อึดอัด ดูน่ากลัว แต่ก็ไม่ไช่ว่า เขาไม่ดีนะจ๊ะ อย่างเช่น เวลาอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ ที่จะจับเรา ไปอาบน้ำถูสบู่ถูขี้ไคล เรารู้ ว่า อากาศมันหนาว เวลาแม่ถูขี้ไคลแล้วเราต้องเจ็บ แน่นอน นี่ก็คือ ความอึดอัดที่เรา สัมผัสได้ แต่ เราก็ ยังรักท่านอยู่ ในใจ นะจ๊ะ

ดังนั้น ความปลอดภัย ความไว้ใจกันได้นี่แหล่ะจ้า ที่ วัดว่า ใครคือคนดี
ลองเอา ความรู้สึกสัมผัส ที่เราเคยมีกับ พ่อแม่ของเรา มาใช้สิจ๊ะ เอามาใช้กับคนอื่นๆ เราจะรู้ว่า เชื่อตนเองได้ นะจ๊ะ

 

อืม ........น่าคิดๆ

 

อืม......... พอได้ๆ

 

พอได้ๆ นี่แปลว่า ผ่าน แปลว่า ใช้ได้ ก็คือ ได้ หรือ ไช่ นั่นเอง นะจ๊ะ
ขอบคุณที่เข้าใจ นะจ๊ะ

 

พอได้ นี้ ดูแนวคิด หรือ คำตอบแล้ว แสดงว่าเริ่มเข้าใจแล้ว

แต่น่าจะมีอะไรที่มากกว่านี้นะ

 

ที่ว่าน่าจะมีอะไรมากกว่านี้ ถ้าคุณรู้ คุณก็บอกมาเลยสิจ๊ะ
เพราะ ผม ไม่รู้อะไรสักเท่าไหร่ นะจ๊ะ

 

ต้องการจะรู้เหรอ? เรียกเราดีๆสิ ถามมาแล้วจะตอบให้

 

เข้าใจเจตนาผมผิดอีกแระ

ก็คุณพูดว่า สิ่งที่ผมพูดมา คำตอบที่ผมตอบมา ต้องมีอะไรมากกว่านั้น
แล้วผมก็ถามคุณว่า คุณรู้หรือ ถ้ารู้ว่า มีอะไรที่มากกว่านั้น ก็บอกออกมา สิจ๊ะ
ผมไม่ได้อยากรู้ ว่าคุณรู้อะไร แต่ที่ถามคือ ถามเพื่อคนอื่นเท่านั้น ว่า คุณรู้อะไรที่มากกว่านั้ ก็ลองบอกออกมา ว่า มันจะตรงกับที่ผม รู้หรือไม่ เท่านั้นเอง นะจ๊ะ

 

อ๋อ ถามเพื่อคนอื่น

คนรู้ธรรม มันก็ธรรมอันเดียวกัน แสดงว่า ยังลังเลในธรรมอยู่

หรือยังสงสัยในธรรมอยู่นั่นเอง

 

งั้น ถ้าคุย คือ ยังสงสัยอยู่ ถ้าไม่คุยคือหมดสงสัย แล้ว งั้นหรือจ๊ะ
แบบนี้จริงหรือจ๊ะ ไม่น่าจะเป็นแบบนี้ นะจ๊ะ

 

พระป่าท่านเช็คกันได้..ไม่ใช่มาตั้งท่าหลอกลวงกัน ต้องดูตอนเผลอ-ตอนอยู่ร่วมกัน ไล่ไปทีละขั้น ศิลก่อน-แล้วตามด้วยปัญญา-คือธุดงควัตร
ดูวัตรปฏิบัติ..อาศัยอยู่ด้วยกันสักระยะหนึ่ง แค่นี้มันบอกได้เลยว่าตัวคุณ คนดูนี่ "รู้แค่ไหน"..
ดูแค่นี้ ศิล-ปัญญา ที่แสดงออกมา เมื่อมีเรื่องต่างๆมาให้ตัดสินใจ มันเห็นแก่ตัวหรือเสียสละ-เอาธรรมหรือเอาอัตตาตัวเอง ตามข้อวัตร นะจ๊ะ(k)

 

งั้นคุณช่วยตอบมาจริงๆ นะจ๊ะ ว่าที่ถามนี่ ถามเพื่อตนเองหรือถามเพื่อคนอื่น จ๊ะ

 

ไม่ควรกล่าวเช่นนั้น

 

อืม....เข้าทีๆ

 

จ้า ไม่ควรอย่างยิ่ง นะจ๊ะ
แล้วที่ควรกล่าวอย่างยิ่ง คือ กล่าวเช่นไหนจ๊ะ

ถ้าคุณจะคุยแบบนี้ ผมจะไม่เข้ามาคุยแล้วนะ เพราะ คุณจะตอบจะพูดอะไร ไม่เคยเอาให้มันจบ ให้เข้าใจไปเลย ต้องคอยให้ถาม ทุกที ผมว่า คุณ ไม่จริงใจ น่ะ
นะจ๊ะ

 

ถ้าเข้าใจว่า ถามเพื่อตนเอง คำตอบ ก็เป็นการถามเพื่อตนเอง

ถ้าเข้าใจว่า ถามเพื่อคนอื่น คำตอบ ก็เป็นถามเพื่อคนอื่น

แล้ว วงกลมจุด เข้าใจอย่างไรล่ะ?นั่นล่ะ คำตอบ

 

ก็แล้วแต่ อยากคุยก็คุย ไม่อยากคุยก็ไม่ต้องคุย อยากทำอะไรก็ตามสบาย

พูดให้คิด สะกิดให้เฉลียว