จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    คุณ therd 2499 คุณอาจจะเมื่อยกับงานของคุณ ในช่วงนี้ก็อาจทําให้คุณหายใจสั้น หรือติดขัดหรือเคร่งจนเกินไปก็เป็นไปได้... เพราะถ้าเรามึน มึนในที่นี่ก็คงเป็นเหมือนคนที่คิดอะไรไม่ค่อยออกใช่ไหม? แต่ให้คุณพยายามทําความรู้สึกกับลมหายใจ ของคุณอยู่เสมอ และให้ทําใจเป็นกลางๆนะค่ะ ให้ปรับอารมณ์ไม่ตึง ไม่เคร่งจนเกินไป

    เพราะถ้าเราทําอะไรแล้วหวังผลไว้มาก แล้วถ้าไม่ได้ดังใจหมายก็อาจกลายเป็นความเครียดมาทดแทนก็ได้ และการที่เราจะทําให้อารมณ์กลับมาตั้งมั่นก็ต้องมีสติรู้อยู่กับกาย หรือในอารมณ์ที่เกิดขึ้น ให้คุณสังเกตุอารมณ์ภายในจิต ว่าขณะนี้คิดเรื่องอะไร? แล้วได้ผลเป็นเช่นไร? ถ้าอึดอัดก็ปรับอารมณ์ตนลงได้ ด้วยทําจิตให้นิ่ง แล้วอยู่กับลมหายใจ หรือใช้คําบริกรรม "พุทธโธ" ก็ได้ค่ะ สาธุ ขอตอบตามความเข้าใจ และหวังว่าคงไม่เป็นการล่วงเกินนะค่ะ เพราะไหนๆก็เข้ามาเรียนกับพวกเราแล้ว ถือว่าช่วยกันคนละนิดละหน่อย เพื่อความหลุดพ้น...
     
  2. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    ประโยคนี้ก็ "ธรรมทาน" น่ะจ๊ะ


    ก่อนอื่นขอขมาครูขอให้ครูอโหสิกรรมให้ผมด้วยครับผมเคยคิดไม่ดีประมาณว่าครูกรูเก่งไหม ถ้าไม่เก่งสอนกรูไม่ได้นะเว้ยกูพิมพ์โกหกครูจะรู้ไหมว่ะ(ลองของ)

    ขอกราบขอขมาครับครุผมเจ๋งจริง (ตรงนี้ให้ท่านผู้อ่านไปเว้นวรรคกันเอาเองน่ะจ๊ะ..อิๆๆ)


    นี้เป็นส่วนหนึ่งจากการบ้านของลูกศิษย์ส่งเข้ามาฉบับล่าสุดค่ะ...ขอทุกท่านได้โปรดโมทนาบุญกับท่านผู้นี้ด้วยเถิด...ที่ท่านได้กลับลำเรือทัน..ก่อนที่เรือท่านจะติดเกาะทอดสมออยู่กลางทะเลอันอ้างว้างและโดดเดี่ยว...ครูเสียเวลาไม่เท่าไรหรอกค่ะ เพราะมันแค่เด้งเดียว...แต่คนที่เสียหลายเด้ง เด้ง นี้ซิ...จะเป็นใครล่ะค่ะ...ครูเกษอโหสิกรรมและยกโทษให้ทุกอย่างค่ะ (ทั้งๆ ที่ตรูไม่รู้เรื่องอะไรเลย..555) เพราะไม่มีสิ่งใดที่จะมาต้านทานพลังแห่งความเมตตาอันบริสุทธิ์ของครูผู้ให้ได้...ต่อไปก็อย่าทำตัวเป็นม้าพยศที่ชอบวิ่งออกนอกลู่นอกทางอีก..เพราะคนที่ติดก็คือ จิตของคุณเอง...ระวัง..อย่าเป็นนายพราน ที่หลงติดกับดักที่วางไว้เองน่ะจ๊ะ...(โธ้ โธ๊ โธ๋...คิดได้ยังไงเนี่ย..ถ้าทำจริงน่ะ แค่ศีลห้าก็ไม่ผ่านแล้วพ่อคู๊ณณ..แล้วจิตมันจะไปต่อได้ยังไงหล่ะ )rabbit_run_awayrabbit_run_awayrabbit_run_away

    ปล.คุณพี่ลินดา...ถึงบางอ้อก็คราวนี้เอง..ว่าทำไมถึงเหลือแต่ศรีษะที่ยังไม่มีผ้าพันแผล..555...pig_ballet
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 23 ตุลาคม 2013
  3. iamprateep

    iamprateep เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    448
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,685
    ผมอนุโมทนาด้วยครับ ...

    การละการวางมานะทิฏฐิได้"เป็นกุศลยิ่ง"
    ผู้เดินทางตรงย่อมไม่เสียเวลานาน
    ผู้ฉลาดในธรรม ย่อมใช้เวลาที่มีจำกัด ในชีวิตที่เหลืออยู่ เดินไปในเส้นทางสายตรงด้วยความมุ่งมั่น
    นี้ย่อมแสดงออกถึงปัญญาที่แจ่มใสขึ้น สว่างไสวขึ้น ของตัวท่านผู้ปฏิบัติเองครับ
    การยอมรับความจริงตามความเป็นจริง ย่อมสามารถเข้าถึงความเป็นจริงสูงสุดได้ในไม่ช้า
    คงคล้ายบุคคลผู้มีตาดี พิจารณาทิศทางไปโดยรอบ เห็นแสงแก้วแสงทองสว่างไสวอยู่เบื้องหน้า
    หากตัดสินใจเดินทางไปในทิศนั้นๆไม่หยุดยั้ง ย่อมถึงเมืองแก้วอันเป็นที่มาแห่งแสงแก้วแสงทองนั้นแน่นอนเลยทีเดียว ...


    ... "สาธุ สาธุ สาธุ" ...

    ... ^^ ...
     
  4. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    -เราเคยถามตัวเองบ้างหรือเปล่าว่า-

    ...จุดหมายปลายทางที่แท้จริงของชีวิตอยู่ที่ไหน...

    -ตราบใดที่ยังตอบปัญหานี้ไม่ได้ ตราบนั้นเราจะต้องดำเนินชีวิตด้วยความลังเล-

    ...ไร้จุดหมายเหมือนคนเดินในที่มืด...ไม่เห็นอันตรายแม้ตั้งอยู่เฉพาะหน้า...

    ...เหมือนนกที่บินวนอยู่ในมหาสมุทรเพราะหาฝั่งไม่พบ...

    -การปฏิบัติวิปัสสนาในแนวสติปัฏฐาน ๔ เราจะได้คำตอบ...

    ...พระธรรมคำสอนของ พระธรรมมังคลาจารย์ วิ. (หลวงปู่ทอง สิริมังคโล)

    ...กราบนมัสการหลวงปู่เจ้าค่ะ กราบ กราบ กราบ...



     
  5. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]

    ปิยมหาราช รำลึก

    เสกสยามสร้างเกราะเหมาะสมัย
    หลากเล่ห์ในเทวเนตรแจ้งเหตุผล
    ทรงนำชัยนำชาติหยัดสากล
    "ปิยกมล" แห่งราษฏร์นิรันดร์เทอญ


    (สัจภูมิ ละออ-ร้อยกรอง)

    ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม
    ข้าพระพุทธเจ้า สมาคมจิตเกาะพระ
     
  6. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    [​IMG]

    สติ กับ จิต

    การอบรมจิต จงใช้ปัญญาพิจารณาด้วยดีในอาการของธรรมทุกแง่ (อาการของจิต) ซึ่งเกิดขึ้นจากจิต ความสัมผัสรับรู้ในขณะที่อารมณ์มากระทบจิต ไม่ให้พลั้งเผลอและนอนใจในอารมณ์ นั้นแลเรียกว่า ความเพียร ดีชั่ว สุขทุกข์ เศร้าหมอง ผ่องใส จงตามรู้ด้วยปัญญาแล้วปล่อยไว้ตามสภาพ ไม่ยึดถือและสำคัญว่าเป็นตน สิ่งใดที่ปรากฏขึ้นจงกำหนดรู้ อย่าถือเอาแม้แต่อย่างเดียว รู้ชั่วปล่อยชั่ว กลับมาหลงดี ถือสิ่งที่ดีว่าเป็นตน นี้ก็ชื่อว่าหลง จงระวังการมีสติหรือเผลอสติในขณะๆ นั้นๆ อย่าตามกังวล เป็นความผิดทั้งนั้น จงกำหนดเฉพาะหน้า พิจารณาเฉพาะหน้า

    กายมีอยู่ จิตมีอยู่ ชื่อว่าธรรมมีอยู่ อย่าหลงธรรมว่ามีนอกไปจากกายกับจิต ไตรลักษณ์หรือสติปัญญาก็ต้องมีอยู่ในสถานที่แห่งเดียวกัน จงพิจารณาในจุดที่บอกนั้น แม้ที่สุดทำผู้รู้หรือสติให้รู้อยู่ในวงกายตลอด โดยไม่เจาะจงในกายส่วนใดส่วนหนึ่งก็ถูก ข้อสำคัญให้จิตตั้งอยู่ในกาย อย่าใช้ความอยากเลยเหตุผลที่ตนกำลังทำอยู่ก็แล้วกัน การทำถูกจุดผลจะค่อยเกิดเอง ไม่มีใครแต่งหรือบังคับ อย่าส่งจิตไปตามอดีตที่ล่วงแล้ว ไม่มีประโยชน์แม้แต่น้อย

    อาการของจิตทุกอาการที่เกิดขึ้นต้องดับและแปรปรวน อย่าตื่นเงาของจิตตัวเองจะเดือดร้อน ความรู้ว่าเผลอและไม่เผลอเป็นทางที่ถูกต้องแล้ว ความเสื่อมความเจริญเป็นอาการของโลก ให้รู้เท่าผู้รู้ว่าเสื่อมหรือเจริญ นี่แหละเป็นธรรมที่คงที่ ความรับรู้ทุกขณะนี้แลเป็นธรรมยั่งยืน เราเป็นนักปฏิบัติอย่าหลงตามอาการของความเสื่อมความเจริญ จงรู้ตามอาการ จึงจัดว่าเป็นผู้ฉลาดในธรรม ดวงไฟยังมีดอกแสงควันไฟ ต้องแสดงความเกิดความดับจากดวงไฟเป็นธรรมดา จิตยังมีอาการเกิดๆ ดับๆ ซึ่งเกิดจากดวงจิตต้องมีเช่นเดียวกัน ข้อสำคัญอย่าหลงตาม เสื่อมจงรู้ตาม เจริญจงรู้ตาม เผลอหรือไม่เผลอ จงรู้ตามทุกอาการ จึงจัดว่านักค้นคว้าความรู้เท่าในอาการเกิดๆ ดับๆของสิ่งเหล่านี้ด้วยปัญญาเสมอไป นั่นแลจัดว่าเป็นผู้รู้ จะรู้เท่าทันโลกและเรียนรู้โลกจบ จึงจะพบของจริง

    โอวาทธรรมของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
    16 มีนาคม 2503
     
  7. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    คำสอนสมเด็จองค์ปฐม

    จงอย่าลืมว่า เราคือจิต หรือจิตคือเรา จิตเป็นอมตะไม่เคยตาย
    ผู้ตายคือร่างกาย(ขันธ์ ๕) ที่จิตเราอาศัยอยู่ชั่วคราว
    ดังนั้นขันธโลกหรือร่างกาย จึงเป็นมหาสมุทรแห่งธรรม
    เป็นจุดศูนย์กลางแห่งไตรลักษณ์ หรือเป็นตู้พระไตรปิฎก
    ที่จิตเราจะต้องศึกษาหาความจริงให้พบ พบแล้วก็ต้องทำใจให้ยอมรับนับถือด้วย

    เนื่องจากจิตหลงยึดว่าร่างกายนี้ เป็นเรา-เป็นของเรา มานานแสนนาน
    เป็นอสงไขยกัปนับไม่ถ้วน เมื่อจิตมาพบความจริง
    จากพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์แล้ว จะให้ทำใจไม่ให้เผลอ
    ยึด-เกาะ-ติดร่างกายได้ ก็ต้องใช้กำลังใจ และเวลาสักระยะหนึ่งจึงจะทำได้

    ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น
    รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน
     
  8. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ไม่ใช่พระพรหมลิขิตมาขีดให้เราดีบ้าง ชั่วบ้าง

    ...แต่การกระทำของเราขีดตัวเราเอง...

    -ขีดดีก็ได้ดี...ขีดชั่วก็ได้ชั่ว...

    ...พระธรรมสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม) วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี...

    ...กราบนมัสการหลวงปู่เจ้าค่ะ กราบ กราบ กราบ...
     
  9. katoonuk

    katoonuk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2013
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +135
    สวัสดีคะพี่ชาวจิตบุญทุกๆท่าน
    วันนี้เป็นวันดีอีกวันหนึ่ง ของเราชาวไทยๆทุกๆท่าน วันนี้คือวันปิยมหาราช ซึ่งเราชาวไทยทุกๆท่านทราบดีว่า
    ท่านพ่อ เป็นพระมหาบุรุษที่ประกาศให้มีการเลิกทาสเกิดขึ้นในสมัยนั้น วันนี้ตูนน้อยมีจิตระลึกถึงท่าน เลยตั้งใจสวดอิติปิโส วิเสเสอิ 108 จบเพื่อระรึกถึงคุณของท่าน ถึงท่านนั้นมีจิตเมตตามากๆต่อพี่น้องชาวไทยทุกๆท่าน ทำให้หวนคิดถึงท่านพ่อของเรา ,พ่อฤาษีลิงดำ และที่ขาดไม่ได้ก็คือท่านพี่ภูของเจ้าตูนน้อย ท่านทั้งหลายเหล่านี้ ก็พยายามที่จะช่วยเหลือพี่ๆ น้องๆ ชาวไทย หรือเพื่อนมนุษย์รวมเกิดเจ็บตายทั้งหลาย ให้เลิกทาสเช่นกันในยุคนี้ (ทาสในที่นี่ก็คือกิเลส ที่ฝั่งแน่นในจิตของเรา) แต่ท่านพ่อ และท่านพี่ภูท่านมีเมตตา อย่าหาที่เปรีบยไม่ได้ ตูนน้อย ขอขอบคุณท่านพี่ภูอย่่งสูง และตูนน้อยขอกราบแทบท้าวท่านพ่ออย่างท่วมท้น
     
  10. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]

    คำสอน
    สมเด็จองค์ปฐม


    การบวชใจนั้นบวชได้ทุกคน ไม่จำกัดทั้งเพศและวัย
    อายุตั้งแต่ ๗ ขวบ ก็บวชใจได้ทุกคน
    และบวชใจแล้วปฏิบัติตาม ศีล-สมาธิ-ปัญญา
    หากตัดสังโยชน์ ๑๐ ประการได้ขาด ก็เป็นพระอรหันต์ได้
    แต่การบวชกายนั้น มีได้แต่เฉพาะบางคนเท่านั้นที่โอกาสอำนวย


    ธรรมนำไปสู่ความหลุดพ้น เล่ม ๘
    รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน
     
  11. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    เป็นเกียรติเกินพอ More Than Enough Respect (Pen Kiet Kern Por) - YouTube

    เป็นเกียรติเกินพอ

    (ลองมาฟังเพลงธรรมาทานนี้กัน)

    เคยบอกกับพวกเราไปแล้วว่า..นามละเอียดนั้น ตัดยากจริงๆ
    โดยเฉพาะ สังขารขันธ์ของตนเอง

    แต่บางท่าน ตัวสัญญาก็ยังตัดไม่ได้หมดใจ เพราะเหตุใด
    โดยเฉพาะตัวสังขารขันธ์ จะตัดโดยตรงมิได้ คือจะต้องตัดที่ตัววิญญาณขันธ์เท่านั้น
    ส่วนการปฎิบัติ หรือการตัดตัววิญญาณของตนเองนั้นก็คือ ต้องเจริญปัญญาต่อเนื่อง
    โดยเฉพาะทรงเอกัคคตารมณ์เป็นปกติ หรือการสำรวมจิตแบบพระอริยเจ้า
    เพราะจิตใจของเราจะได้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้นไปอีก
    แค่สมาธิธรรมดาๆนั้น ไม่เพียงพอ ไม่มีกำลังใจตัดแน่
    เพราะนามอันละเอียดนี้ เรา(จิต)จะต้องอาศัยตัวปัญญาเข้มข้น

    ในขณะนี้ มีจิตบุญสายตรง..ภูทยานฌาน กำลังปฎิบัติกันอย่างเข้มข้นอยู่ในขณะนี้

    กรุณาโปรดติดตามชมตอนต่อไปฯ

    ขอเป็นกำลังใจสำหรับผู้ที่กำลังจะก้าวข้ามขันธ์๕ของตนเอง
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ยังก้าวข้ามขันธ์๕ ของตนยังไม่ได้

    ***ผู้ที่ตัดหยาบคือรูปได้แล้ว แต่ทำไม ยังตัดละเอียดคือนาม ไม่ได้

    ที่นี่.. มีคำตอบ

    โดยเฉพาะ ผู้ที่กำลังวิ่งตามตัวสังขารของตนเอง
    หรือกำลังไปยึด ไปเกาะ ไปเอากับความรู้สึกนึกคิดมาเป็นตัวเป็นตน หรือเป็นเราเป็นของเราอยู่
    นั่นก็แสดงว่า เรายังต้องรู้สึกว่าตนเองเป็นทุกข์อีกต่อไป
    เพราะยังละนามอันละเอียดของตนยังไม่ได้
    หรือเรียกว่า "คราบมนุษย์" นั่นเอง


    ขออวยพรให้กับผู้ปฎิบัติทุกๆท่าน ปฎิบัติธรรมอันใดก็ตาม ขอให้จิตก้าวข้ามสิ่งต่างๆด้วยสติปัญญา หรือปัญญาญาณของตนด้วยเทอญ
    เพราะถ้าจิตยังไปติดอยู่กับสิ่งใดแล้ว สุดท้ายย่อมหนีไม่พ้นคำว่า เกิดตาย ตายเกิดอีก ไม่รู้กี่ชาติ กี่ภพ
    เพราะฉะนั้น ผู้ที่สามารถออกมาจากตรงนั้นได้ มิใช่เรื่องง่าย แต่สามารถออกด้วยปัญญาญาณ เท่านั้น​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 ตุลาคม 2013
  12. therd2499

    therd2499 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    388
    ค่าพลัง:
    +3,209
    อาการร้อนที่หน้าร้อนตามตัวเหมือนจะไข้แต่ไม่ไข้นี่คือพลังแห่งพุทธะ

    ใช่หรือเปล่าครับแต่เวลาอุทิศบุญแล้วรู้สึกร้อนหน้าร้อนตามตัวน้อยลงครับ

    รบกวนไขข้อกังขาให้ผมด้วยครับ
     
  13. therd2499

    therd2499 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    388
    ค่าพลัง:
    +3,209
    ขอบคุณครับคุณตุนสำหรับคำแนะนำและกำลังใจ

    จะรับไปปฎิบัติเลิกดื้อเดี๋ยวโดนครูเกตดัดนิสัยอีกโดนครุเกตกระทุ้งกิเลส5555

    ใหม่ๆยังลังเลสงสัยมากเดี๋ยวนี้เลิกสงสัยแล้วครับ

    ผมดีใจและโชคดีมากครับที่ได้มาเรียนวิชานี้
     
  14. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ทำงานให้ประสบความสำเร็จ

    ต้องอ่อนน้อมเหมือนคนไทย ตรงเวลาเหมือนฝรั่ง
    ขยันเหมือนคนจีน ทำงานเป็นทีมแบบคนญี่ปุ่น

    แต่ถ้าหากผู้ปฎิบัติอยากบรรลุธรรม

    ต้องคอยหมั่นภาวนา ทำจิตตั้งมั่น ทรงอารมณ์เดียว ก็คือ เอกัคคตารมณ์
    ดั่งพระสุปฎิปันโน คือผู้ปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบ ปฎิบัติตาม..พระตถาคตเจ้า นั้นฯ

    สำหรับทำจิตเกาะพระให้ได้ผลไว ก็คือคอยปฎิบัติตามครูสอน อย่าเดินนอกลู่ อย่าเดินอ้อม
    เพราะผลเสียก็คือเราเอง คือจิตจะช้า หรือไม่เจริญในธรรมเท่าที่ควร
    ให้ปฎิบัตินำความสงสัย อย่าขยันตั้งคำถาม เปลี่ยนพฤติกรรมใหม่ คือ นำจิตไปเกาะพระไวๆ
    จิตเกาะพระดูเหมือนทำง่าย ไม่ต้องมีครูสอนกรูก็ได้ เลยแอบทำ พอจิตแวะข้างทาง ไม่มีครูคอยตบเข้าลู่ พอไปไหนไม่ไกลจึงเลิกเพียรพยายาม..ซะงั้น
    หรือจิตเข้าฌานลึก ถอนฌานไม่เป็น มัวทำงานหาว่าจิตช้า ขับรถตกร่องชนท้ายเกิดอุบัติเหตุ กลับโทษจิตเกาะพระ หาว่าไม่ดี หาโทษตนเองไม่
    เพราะดื้อดึงถือตนมีปัญญา ก็เลยเป็นเหยื่อความโง่ของตนไป เห่อ จิตหน๋อจิต ต่างกันไปวาระกรรมตนเอง
    เผื่อจะพบเจอกับแสงสว่างคงอีกนาน เผื่อจะรู้ว่า..กรูโง่เอง(นี่หว๋า)
    จิตฝึกใหม่ไม่ต่างกับเด็กอนุบาล ชอบซุกซนไปตามอุปนิสัยตน เพื่อจะโตเล่นเอาครูปวดหัวตามๆกัน
    ครูจิตเกาะพระ จะสอนเฉพาะคนที่จิตพร้อม หรือมีกำลังใจอยากปฎิบัติ เท่านั้น
    ครูเดินมรรคแทนไม่ได้ ผู้ปฎิบัติจะต้องนำจิตตนเองมาเดินมรรคเอง เท่านั้น
    อดทนนะลูกหลานเอ๊ย ถ้าปฎิบัติธรรมกันง่าย ป่านนี้ก็คงมีอรหันต์เต็มบ้าน เต็มเมืองไปแล้ว
    พร่ำให้ฟังเฉยๆ จะเข้าใจหรือไม่เข้าใจก้ตาม จะทำตามโดยดีหรือดื้อแพ่ง ก็แต่ตามใจ
    ได้โปรดเห็นใจครูผู้สอนด้วย เพราะครูผู้สอนมิได้หวังผลสิ่งใดๆเลย แม้นคำว่า ขอบคุณ

    อย่าลืม..ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยใจ
     
  15. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    เธอเข้าใจถูกต้องแล้ว
    จิตเธอไวมาก แต่สติยังตามไม่ค่อยทัน ไม่เป็นไร ทำตามที่ครูแนะนำไปเรื่อยๆ

    จิตนิ่งมาก หรือเริ่มทรงฌานสูงจะมีพลังจิตสูง
    แต่ถ้าหากมีมากเกินไปก็จะมีผลต่อร่างกาย เช่น อาการร้อนผ่าว ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย
    ถ้ารู้สึกว่ามีมากเกินไป ก็ให้แผ่ออกตามส่วนต่างๆของร่างกายบ้าง
    โดยกำหนด จากส่วนที่รู้สึกว่าร้อนก่อน แล้วแผ่กระจายออกไปทุกส่วนของร่างกาย
    แผ่ออกไปทุกรูขุมขนและออกนอกร่างกายไปเลย
    ถ้าไม่เข้าใจหรือนึกไม่ออก ให้หายใจลึกๆแล้วค่อยๆหายใจยาวๆออกไป สักสองสามครั้ง
    จนรู้สึกว่าสบายใจโล่งใจ เบาใจแล้ว อาการร้อนก็จะคลายลงไปเอง
    การปฎิบัติธรรม พยายามเน้นที่จิตสบาย พยายามตามหาสายกลางของตนเอง
    แต่ถ้าทำไปแล้วรู้สึกอึดอัดหรือไม่สบายใจ นั่นแสดงว่าเราทำผิดทาง จิตคนเรานี่ฝืนไม่ได้
    ห้ามเอาสติบังคับหรือฝืนจิตตนเองเด็ดขาด อย่าขยันไป ตึงเกินไป อันนั้นก็ผิดทาง
    ให้เธอปฎิบัติไปก่อน พอมีอะไรค่อยถาม อย่าพยายามตั้งคำถามก่อนปฎิบัติ
    การปฎิบัติธรรม จะต้องอยู่กับธรรมปัจจุบัน อย่าเป็นลูกอีช่างถาม เดี๋ยวจิตจะติดช้า
    แค่นี้ก่อน เดี๋ยวให้ครูเกษทำหน้าที่ของท่านต่อไป

    บทแนะนำ จิตเกาะพระ

    จิตของคนเรานี้ โดยเฉพาะผู้มาใหม่ ย่อมมีความลังเล ความสงสัย เป็นเรื่องธรรมดา
    มิใช่ ผิดปกติแต่อย่างใด ผู้ปฎิบัติทุกท่าน ไม่มีผู้ใดผิดถูก มีแต่ปรับคอยแก้ไขให้ถูกต้องเท่านั้น

    เพราะฉะนั้น อาการทั้งหลายแหล่ะนั้น เหตุเป็นเพราะจิตยังอยากรู้ อยากเห็นเป็นธรรมดา เป็นธรธรรมชาติของจิตไม่รู้
    ตราบใดยังไม่มีสติปัญญามากพอย่อมมีความลังเล ความสงสัยเป็นธรรมดา
    จิตมีความลังเลสงสัย เพราะจิตยังไม่ยอมปล่อยวาง
    การปล่อยวางเป็นหน้าที่ของจิต มิใช่เราหรือปากพร่ำว่าไป แต่จิตจะปล่อยวางด้วยปัญญา

    ทำไปๆนะครับ ทำจิตเกาะพระลูกเดียว ยิ่งติดสงสัยมาก ถามมาก ใช่ว่าฉลาด
    การปฎิบัติธรรม จะต่างกับการเรียนหนังสือทางโรงเรียน
    แต่จิตเดินมรรคนั้นต้องอาศัยสติปัญญาของตนเองเป็นหลัก สมองไม่ต้อง

    เธอคงลืมคำนี้ไปแล้วกระมัง..สักแต่ว่า..พยายามตัด ละ ทิ้งไว้ชั่วคราวก่อน
    เมื่อไหร่ ถ้าเรามีสมาธิ มีปัญญาเป็นของตน ความลังเล ความสงสัยจะค่อยๆหมดไปเอง
    เพราะธรรมในจิตตนเท่านั้นจะตอบคำถามตนเองดีที่สุด ทำไปๆ เลิกซะนะ ทำไปสงสัยไปเนี๊ย
    ผลเสียมิได้เกิดกับใคร แต่เกิดกับตัวผู้ปฎิบัติเอง อย่าเอาสติห่างจิต พยายามทำให้เป็นหนึ่งเดียว
     
  16. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    ความเกิดเป็นเหตุแห่งทุกข์ทั้งมวล ความจริงนับตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ของมารดา จนวันตกคลอดออกมาเป็นมนุษย์มันเป็นเรื่องของความทุกข์ล้วนๆ ที่เรียกว่าสังขารเริ่มก่อกวนและเริ่มเป็นตัว "อนิจฺจา วต สงฺขารา" ซึ่งแปลได้ ๓ ประเภท

    ๑.สังขารที่ปรุงออกจากใจหนึ่ง คือความคิดที่ทําให้เพลิดเพลิน และเศร้าโศก

    ๒.สังขารที่ประชุมขึ้นมาเป็นร่างกายหนึ่ง คือ ร่างกายที่ทําให้น่ารักน่าสงวนน่าเพลิดเพลิน หลงใหลและคอยก่อกวนให้เราเป็นทุกข์อยู่เรื่อยๆ

    ๓.สังขารภายนอก อันได้แก่ ทรัพย์สินเงินทอง เป็นต้น ที่ทําให้คนลืมตัวและหยิ่งจนทําให้ลืมความตาย โดยไม่มีวันอิ่มพอ ฉะนั้นท่านจึงสอนให้สํานึกตัวอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้หลงและเพลิดเพลินจนเกินไป สมบัติเงินทองจึงเป็นเครื่องประดับเกียรติ และช่วยบรรเทาทุกข์ในกรณีต่างๆ เมื่อมีมาแล้วควรนํามาใช้ให้เกิดประโยชน์ แก่ตนและผู้เกี่ยวข้อง ไม่ควรกอดและหวงเอาไว้เฉยๆ เหมือนกรวดทราย เวลาตายไปสมบัติต่างๆก็ทิ้งอยู่อย่างนั้น ไม่อาจติดตามไปด้วยพอช่วยบรรเทาทุกข์ได้ในโลกนี้เท่านั้น...สาธุค่ะ

    ที่มา ธรรมะขององค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
    ลูกขอน้อมกราบองค์หลวงตาด้วงยเศียรเกล้าค่ะ
     
  17. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    [​IMG]


    ๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๖
    สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก
    สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่๑๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์...
    สิ้นพระชนม์ เวลา ๑๙.๓๐ น. พระชันษา ๑๐๐ ปี


    ข้าพระพุทธเจ้าเหล่าพสกนิกร สมาคมจิตเกาะพระ
    ขอน้อมจิตก้มกราบ แทบพระบาทสมเด็จพระสังฆราชฯ ด้วยเศียรเกล้า...
    ขอส่งเสด็จ ดวงจิตพระองค์ท่าน ขึ้นสู่แดนเอกันตบรมสุข...พระนิพพาน...
    ด้วยเทอญ กราบ กราบ กราบ

    สมาคมจิตเกาะพระ



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ตุลาคม 2013
  18. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    วิปัสสนา เปรียบได้กับเพชรน้ำเอก

    “วิปัสสนาภาวนานั้น เป็นสุดยอดของการสร้างบุญบารมีโดยแท้จริง
    และการกระทำก็ไม่เหนื่อยยากลำบาก ไม่ต้องแบกหาม ไม่ต้องลงทุนหรือเสียทรัพย์
    แต่อย่างใด แต่ก็ได้กำไรมากที่สุด เมื่อเปรียบเทียบการให้ทาน
    เหมือนกับกรวด และทราย ก็เปรียบวิปัสสนาได้กับเพชรน้ำเอก
    ซึ่งทานย่อมไม่มีทางที่จะเทียบศีล ศีลก็ไม่มีทางที่จะเทียบกับสมาธิ
    และสมาธิก็ไม่มีทางที่จะเทียบกับวิปัสสนา

    แต่ตราบใดที่เราท่านทั้งหลายยังไม่ถึงฝั่งพระนิพพาน ก็ต้องเก็บเล็กผสมน้อย
    โดยทำทุกๆ ทางเพื่อความไม่ประมาท โดยทำทั้งทาน ศีล และภาวนา
    สุดแต่โอกาสจะอำนวยให้ จะถือว่าการเจริญวิปัสสนาภาวนานั้นลงทุนน้อยที่สุด
    แต่ได้กำไรมากที่สุด ก็เลยทำแต่วิปัสสนาอย่างเดียว... โดยไม่ยอมลงทุนทำบุญให้ทานใดๆไว้เลย
    ก็เลยมีแต่ปัญญาอย่างเดียวไม่มีจะกินจะใช้ ก็เห็นจะเจริญวิปัสสนา
    ให้ถึงฝั่งพระนิพพานไปไม่ได้เหมือนกัน

    อนึ่ง พระพุทธองค์ได้ตรัสเอาไว้ว่า "ผู้ใดมีปัญญาพิจารณาจนจิตเห็นความจริงว่า
    ร่างกายนี้เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตน คน สัตว์
    แม้จะนานเพียงชั่วช้างยกหูขึ้นกระดิก ก็ยังดีเสียกว่าผู้ที่มีอายุยืนนานถึง ๑๐๐ ปี
    แต่ไม่มีปัญญาเห็นความเป็นจริงดังกล่าว" กล่าวคือแม้ว่าอายุของผู้นั้นจะยืนยาวมานานเพียงใด
    ก็ย่อมโมฆะเสียเปล่าไปชาติหนึ่ง จัดว่าเป็น "โมฆบุรุษ" คือบุรุษที่สูญเปล่า

    การเจริญสมถะและวิปัสสนาอย่างง่ายๆ ประจำวัน ซึ่งเราควรจะทำให้บ่อยๆ ทำเนืองๆ
    ทำให้มากๆ ทำจนจิตเป็นอารมณ์แนบแน่น ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถใด
    คือไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง หรือนอน ก็คิดและใคร่ครวญถึงความเป็นจริง
    หากทำแล้วพระพุทธองค์ตรัสว่า "จิตของผู้นั้นไม่ห่างจากวิปัสสนา และเป็นผู้ที่ไม่ห่างจากมรรค ผล นิพพาน"



    สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช
     
  19. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ผู้บำเพ็ญเพียร มุ่งดับทุกข์ มิได้แก้ทุกข์

    ...ยิ่งแก้เท่าไร ยิ่งเพิ่มทุกข์ รัดแน่นขึ้นไปเรื่อย ๆ...

    ...ทำความดีโดยไม่มีข้อแม้ ไม่มีเงื่อนไข...

    ...ไมีมีต่อรอง...จึงจะเป็นผู้มีบารมี...

    ...พระธรรมคำสอนของหลวงพ่อปาน โสสนันโท วัดบางนมโค...

    ...น้อมกราบหลวงพ่อปานเจ้าค่ะ กราบ กราบ กราบ...
     
  20. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ณ ครั้งพุทธกาล...

    พระพุทธเจ้าเสด็จประทับอยู่กลางป่า ช่วงปลายฝน ต้นหนาว

    มีชายคนหนึ่ง ซึ่งมีอาชีพ เป็นคนเลี้ยงโค(นายโคบาล) ได้มาพบเข้ากับพระพุทธเจ้า
    ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นพระพุทธองค์ จึงเข้าไปถามว่า..

    ขอโทษครับ ท่านเป็นใคร
    พระพุทธเจ้า จึงทรงตรัสตอบว่า เรา..ตถาคต

    นายโคบาลตกใจ บอกว่า คนดังระดับโลก มานั่งอยู่กลางป่าได้อย่างไร
    แล้วพระองค์มีความสุขไหม หนาวขนาดนี้ จีวรก็บางเฉียบ
    พระพุทธองค์ จึงทรงตรัสตอบว่า..
    เธอรู้ไหมในบรรดาคนที่มีความสุขที่สุดในโลก ฉันเป็นหนึ่งในนั้น
    นายโคบาลได้ยินพระดำรัสเช่นนั้น ถึงกับชาและมีความปิติ ด้วยอำนาจของพระพุทธองค์

    พระพุทธองค์ ตรัสถามต่อว่า เธอกำลังทำอะไร
    กระหม่อมฉันตามหาวัว ขอรับ
    วัวกี่ตัว ๑๖ ตัว ขอรับ
    แล้วตอนนี้ วัวอยู่ไหน วัวหายทั้งหมดเลยครับ
    เธอคิดว่า ฉันมีวัวไหม ไม่มี ขอรับ
    คนไม่มีวัวอย่างฉัน มีโอกาสทุกข์ เพราะไม่มีวัวไหม ไม่มี ขอรับ
    เห็นไหมว่า คนมีวัว ทุกข์เพราะวัว คนไม่มีวัว ก็ไม่ทุกข์.

    พระพุทธเจ้า ตรัสถามต่อ
    ในเมืองนี้ ใครมีอำนาจ มีเงินทองมากสุด
    พระเจ้าพิมพิสาร ขอรับ
    พระเจ้าพิมพิสาร มีอำนาจเงินทองที่สุดในเมือง มานั่งเล่นกลางป่าอย่างฉันได้ไหม
    ไม่ได้ ขอรับ
    ก็มีอำนาจ เงินทองขนาดนั้น ทำไมปลีกตัวมานั่งเล่นอย่างฉันไม่ได้ หล่ะ
    ถ้าพระเจ้าพิมพิสาร ออกมานั่งเล่นชายป่า อย่างพระองค์ ก็จะถูกปฏิวัตได้ ขอรับ
    [สมัยก่อนก็มีนะ ปฏิวัติ ส่วนพี่ไทยเราถนัดกว่า เครื่องมือเยอะ]
    เห็นไหม ระหว่างฉันกับพระเจ้าพิมพิสาร ใครมีความสุขกว่ากัน
    พระพุทธองค์สิ ขอรับ.

    พระพุทธศาสนาสอนว่า วิถีแห่งความสุข ไม่ได้อยู่ที่ความมี หรือความจน
    อยู่ที่เรายินดีในสิ่งที่มีพอดี ในสิ่งที่ได้ เท่านี้ก็สุขแล้ว

    Credit: Malinee Page shared Wat Santiwongsaram's photo.

    ภูทยานฌาน
    ก็เป็นหนึ่งในบรรดาคนที่มีความสุขที่สุดในโลก
    (ได้ทีเลยเรา พูดให้คนอิจฉาเล่น..คิคิ)
    รึว่าไงดี คุณลินดา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 ตุลาคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...