" บวชทำไม ? " # หน้าสุดท้าย

ในห้อง 'พระพุทธรูป - วิหารทาน - สิ่งก่อสร้าง' ตั้งกระทู้โดย โยมฝน, 26 ตุลาคม 2011.

  1. โยมฝน

    โยมฝน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,238
    ค่าพลัง:
    +7,780

    นำพระสูตรมาเสนอให้ทราบกัน..
    ในเรื่องการสร้างเหตุ ให้ล่วงพ้นสภาพจากความเป็นหญิง - ได้เกิดเป็นชาย
    และการล่วงพ้นสภาพจากความเป็นชาย - ได้เกิดเป็นหญิงค่ะ



    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]



    [​IMG]


     
  2. โยมฝน

    โยมฝน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,238
    ค่าพลัง:
    +7,780


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]



     
  3. โยมฝน

    โยมฝน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,238
    ค่าพลัง:
    +7,780


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG][​IMG] แจ้งญาติธรรมทุกท่าน [​IMG][​IMG]
    ท่านที่ถามมาว่าเมื่อใดจะเปิดกระทู้การร่วมทำบุญอีก ตอนนนี้ขอแจ้งนะคะว่าเปิดกระทู้แล้ว
    ขอเชิญติดตามรายละเอียดจากกระทู้นี้ค่ะ

    ขอเชิญร่วมทำบุญหลากหลายในช่วงหยุดวันแม่ ปิดรับบริจาค ๘ สค ๕๖






     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤศจิกายน 2013
  4. โยมฝน

    โยมฝน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,238
    ค่าพลัง:
    +7,780

    [​IMG]
    การได้เกิดเป็นมนุษย์ยากมาก
    แต่อาจยังมีคนแย้งว่าทำไมมนุษย์จึงมีจำนวนเพิ่มขึ้นมากมายทั่วโลก
    (ข้อนี้เพราะเราลืมปรียบเทียบมนุษย์กับประชากรของสัตว์ประเภทอื่น)
    เทียบกับสุนัข สุกร แมลง มด ปลวกต่างๆจำนวนหลายล้านตัว
    รวมถึงภพภูมิอื่นๆที่มีอยู่มากมาย พวกสัตว์เดียรัจฉาน อบาย ทุกขวินิบาต นรก เปรต อสุรกาย เทวดา พรหม

    [​IMG]
    ขอนำพระสูตรเรื่องความยากในการได้เกิดเป็นมนุษย์มาให้ทราบ
    เพื่อให้ผู้ที่ผิดหวัง ท้อแท้ จนอาจคิดสั้นถึงกับทำลายชีวิตตน
    ได้เข้าใจว่าการจะได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นยากขนาดไหน

    [​IMG]

    [​IMG]
    การจบชีวิตตนลงมิใช่ทางแก้ให้พ้นทุกข์ไปได้
    เพราะการที่เราจมอยู่กับความคิดอันป็นบาป เป็นอกุศลก่อนตาย
    ถ้าร่างกายตายไปในขณะนั้น ก็จะได้อัตตภาพไปตามความคิดตอนนั้นทันที

    ... หากเราคิดอกุศล พระพุทธองค์สอนให้ รีบดับความคิดนั้นให้ไวที่สุด
    และจะต้องใช้ความเพียรทุกวิถีทางที่จะดับความโกรธนั้นเสียโดยด่วน
    ไม่มีประโยชน์ ที่เราจะไปโกรธ ไปอาฆาต ไปพยาบาท น้อยใจเสียใจใคร
    เพราะนั่นหมายถึงเรากำลังสร้างภพใหม่ที่ไม่น่าปรารถนาให้ตัวเองอยู่

    จิตสุดท้ายเกาะอารมณ์ใด ..อัตตภาพจะได้ไปตามอารมณ์นั้น
    นั่นคือ สถานที่เกิดของจิตนั่นเอง (ตัวอารมณ์เป็นภพ เป็นสถานที่เกิดของจิต)

    [​IMG]

    [​IMG]
    และหากเมื่อเราตายไปขณะมีอกุศลในจิต
    เราจะไปสู่ทุกขคติภูมิ เช่น เดรัจฉาน นรก เปรตวิสัย อสูรกาย
    ในนรกและทุกขคตินั้น มีแต่ภาวะที่เหมาะแก่อกุศลจะเจริญ
    ธรรมชาติเดรัจฉานจะคอยแต่ฆ่ากัน,กินกัน, กัดแทะกัน
    นรก มีแต่ทุกขเวทนาแสนสาหัส เห็นแต่ภาพที่ไม่น่าดู และได้ยินแต่เสียงที่ไม่น่าฟัง
    ดังนั้นกว่าจะได้พบกับกุศล สั่งสมให้จิตหลุดออกจากการจองจำในทุกขคติได้นั้น
    จึงยาก และยาวนาน .... ในการจะได้เกิดเป็นมนุษย์อีกสักครั้ง

    [​IMG]

    [​IMG]
    การได้เกิดเป็นมนุษย์จึงประเสริฐ
    เสียใจ ทุกข์ใจ ผิดหวังอย่างไร ก็ยังมีโอกาสกลับมาแก้ไขใหม่
    และยังเป็นภพภูมิที่สามารถบรรลุธรรมเป็นอริยบุคคลได้ด้วย
    ขอจงรักษาอัตภาพความเป็นมนุษย์ไว้... ให้เป็นผู้สว่างมาและสว่างไป.
    [​IMG]

    อนุโมทนาบุญค่ะ

     
  5. โยมฝน

    โยมฝน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,238
    ค่าพลัง:
    +7,780

    [​IMG]

    เพราะเหตุใดเราถึงไม่ชอบคนนั้นแต่ชอบคนนี้
    ทำไมเราไม่ชอบคนกลุ่มนั้นแต่ชอบคนกลุ่มนี้


    ขอนำพระสูตรเรื่อง ธาตุเดียวกันย่อมเข้ากันได้ดี เหล่าสัตว์ย่อมคบค้าสมาคมกันตามธาตุมาเสนอ..
    เหตุเพราะธาตุเดียวกันมักรวมหมู่อยู่ในที่เดียวกัน(ไม่ว่าจะเป็นธาตุที่มีอัธยาศัยดีหรือเลวก็ตาม)
    ย่อมมีความหมือนกัน สอดคล้องกลมกลืนกัน มีอัธยาศัยตรงกัน จึงคบค้าสมาคมกัน


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


     
  6. โยมฝน

    โยมฝน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,238
    ค่าพลัง:
    +7,780
    [​IMG]
    เพื่อนที่เราคบ คนที่เรารู้จักมีลักษณะแบบใด
    เป็นบุคคลที่เกื้อกูลอนุเคราะห์เราหรือไม่ี้


    ขอนำพระสูตรเรื่องการเลือกบุคคลที่ควรคบ หรือควรเข้าใกล้มาเสนอ เพื่อให้กัลยาณธรรมได้ไว้ใช้เทียบเคียง
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]

    [​IMG]
    [​IMG]

     
  7. โยมฝน

    โยมฝน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,238
    ค่าพลัง:
    +7,780

    [​IMG]

    คนบางคน ทำบาปด้วยความจำเป็น เช่น ต้องพูดโกหกเพื่อความสบายใจแก่มารดาบิดา
    ต้องลักขโมยทรัพย์สินเงินทองเพื่อนำไปเลี้ยงดูบุตรภรรยา และเป็นค่ารักษาพ่อแม่ที่ป่วย
    ต้องคดโกงรีดไถเพราะเห็นแก่เจ้านายหรือผู้มีอุปการคุณ
    (หรือกรณีของ Robin Hood ปล้นคนรวย และนำไปแจกจ่ายให้คนจน)
    ที่กล่าวมาเหล่านี้ จัดว่าเป็นบาปหรือไม่?

    ขอนำพระสูตรเกี่ยวกับเรื่องการสร้างเหตุผิดมาเสนอ
    เพื่อให้กัลยาณธรรมได้ไว้ใช้เทียบเคียงการกระทำ

    (สำคัญที่การสร้างเหตุให้ถูก หากเหตุดีผลที่ได้ย่อมดี หากเหตุไม่ดีผลที่ได้รับย่อมไม่ดีตาม)

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  8. โยมฝน

    โยมฝน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,238
    ค่าพลัง:
    +7,780

    ขอนำพระสูตรเก่าที่เคยนำมาเสนอแล้ว มาลงอีกครั้ง
    (เพราะพระสูตรที่เคยลงภาพหายไปหมดตั้งแต่เปลี่ยนจาก พลังจิต.คอม มาเป็น พลังจิต.org)

    [​IMG]

    เหตุใดจึงไปเกิดเป็น งู หนู แมลงป่อง ตะขาบ
    อะไรเป็นเหตุให้การเข้าถึงภพคด ต้องเป็นสัตว์กระเสือกกระสน ต้องคอยหลบหนี
    ขอนำพระสูตรเรื่องการทำกรรมและผลอันเป็นวิบากกรรม ในการชอบแกล้งหรือรังแกผู้อื่น(ทั้งคนและสัตว์)มาเสนอ
    บุคคลทำกรรมใดไว้ ดีก็ตามชั่วก็ตาม จักเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  9. โยมฝน

    โยมฝน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,238
    ค่าพลัง:
    +7,780

    ขอนำพระสูตรเก่าที่เคยนำมาเสนอแล้ว มาลงอีกครั้ง
    (เพราะพระสูตรที่เคยลงภาพหายไปหมดตั้งแต่เปลี่ยนจาก พลังจิต.คอม มาเป็น พลังจิต.org)

    [​IMG][​IMG]


    การทำกรรมอย่างเดียวกัน จำเป็นต้องได้รับผลของกรรมเหมือนกันหรือไม่
    ขอนำพระสูตรเรื่องกรรมและผลของกรรมมาอธิบายความข้อนี้


    นอกจากนี้ ควรทำความเข้าใจด้วยว่า
    คนทำกรรมอย่างใดไว้ย่อมได้รับผลของกรรมนั้น ไม่ใช่ ทำกรรมใดจะได้รับกรรมนั้น เช่น
    หากเราฆ่าปลา ไม่ใช่ว่าทำให้เราต้องไปเกิดเป็นปลาให้เค้าฆ่าบ้าง
    แต่จะได้รับผลคือ ทำให้เป็นผู้มีอายุสั้น ,มีโรคมาก(วิบากอย่างเบา)
    แต่หากกระทำบ่อยกระทำมากย่อมเป็นไปเพื่อนรก, กำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน ,เปรตวิสัย เป็นต้น

    [​IMG][​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG][​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG][​IMG]


     
  10. โยมฝน

    โยมฝน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,238
    ค่าพลัง:
    +7,780

    ขอนำพระสูตรเก่าที่เคยนำมาเสนอแล้ว มาลงอีกครั้ง
    (เพราะพระสูตรที่เคยลงภาพหายไปหมดตั้งแต่เปลี่ยนจาก พลังจิต.คอม มาเป็น พลังจิต.org)


    ผลจากการไม่มีธรรมะ ส่งผลอย่างไรบ้างต่อมนุษย์อย่างเรา


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


     
  11. โยมฝน

    โยมฝน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,238
    ค่าพลัง:
    +7,780

    ขอนำพระสูตรเก่าที่เคยนำมาเสนอแล้ว มาลงอีกครั้ง
    (เพราะพระสูตรที่เคยลงภาพหายไปหมดตั้งแต่เปลี่ยนจาก พลังจิต.คอม มาเป็น พลังจิต.org)

    [​IMG]

    หากเราเป็นผู้มีศีลเสมอ ศรัทธาเสมอ ปัญญาเสมอกัน
    แต่ต่างกันที่ผู้หนึ่งเป็นผู้ให้ อีกผู้ไม่ให้ จะมีผลอย่างใด


    ขอนำพระสูตร สุมนสูตร มาอธิบายความข้อนี้


    [​IMG]

    [​IMG]

     
  12. โยมฝน

    โยมฝน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,238
    ค่าพลัง:
    +7,780

    นำพระสูตรเกี่ยวกับเรื่องการพูด.. ที่พระพุทธองค์ทรงใช้เป็นหลักในการตรัส
    ให้ทุกท่านสามารถนำไปเป็นแบบอย่างในการสื่อสารกับผู้อื่น
    ..เป็นวาจาที่ประกอบด้วยประโยชน์ไม่เป็นโทษ และเป็นคำจริง


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กันยายน 2013
  13. โยมฝน

    โยมฝน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,238
    ค่าพลัง:
    +7,780

    [​IMG]

    เวลาจะอุทิศบุญให้ใคร เรามักจะใช้วิธีกรวดน้ำ หรือบริกรรมท่องบทสวดต่างๆ..
    ท่านเคยรู้สึกบ้างหรือไม่ว่า การวิ่งหาแก้ว หาน้ำ หรือท่องบทสวดใดๆ
    จะทำให้ปิติ ความสุข และจิตอันเป็นกุศลที่เรามีอยู่ ลดทอนลงไป..
    เพราะต้องมัวพะวง ในการให้ความสำคัญกับสิ่งอื่นที่เพิ่มขึ้นมา


    เคยนึกถึงผู้รออรับส่วนกุศลบ้างหรือไม่ว่า ..
    ท่านไม่ได้ตั้งจิตมั่น เพื่อระลึกถึงเขาเพียงอย่างเดียว.. เพราะท่านมีสิ่งอื่นที่ต้องทำพร้อมกันไปด้วย
    .. ท่านต้องบริกรรมบทสวด , ต้องระวังการเทน้ำเพื่อไม่ให้หก , ต้องหยาดน้ำให้ไม่ขาดสาย ,
    ต้องมองหาต้นไม้ใหญ่เพื่อนำน้ำที่กรวดไปเท...ฯลฯ

    ความความตั้งใจเดิมที่จะอุทิศส่วนกุศลให้เขานั้น จึงลดน้อยตามลงไป..

    [​IMG]

    ขอนำพระสูตรที่พระพุทธองค์ท่านตรัสสอน ในการอุทิศบุญและแผ่เมตตา มาให้ทุกท่านได้รับทราบ

    โดยวิธี เตรียมจิต..
    ต้องทำจิตให้มีกำลัง ปราศจากอกุศลก่อน โดยละนิวรณ์๕ ละอกุศล๓อย่าง (กาม พยาบาท เบียดเบียน) ทำจิตให้สงบ
    เมื่อจิตสงบมีกำลังดีแล้ว จึงค่อยทำการแผ่เมตตาอุทิศบุญต่อไป

    (เปรียบเหมือนน้ำตก หากตกลงมาตรงๆ ไม่มีซอกซอยซ้ายขวา น้ำที่ไหลลงมาจะมีกำลังแรง
    จิตของเราเช่นกัน หากปราศจากนิวรณ์ ปราศจากความคิดอื่นใด มีอารมณ์หนึ่งเดียว จะเป็นจิตที่มีกำลัง
    ..และเมื่อเราตั้งใจอุทิศส่วนกุศลให้ใคร ย่อมสำร็จประโยชน์ได้)

    **( การอุทิศบุญกุศลสำเร็จที่เจตนา ส่วนการกรวดน้ำเป็นบทธรรมที่แต่งขึ้นใหม่ในภายหลัง ไม่ใช่พุทธวจน)


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤศจิกายน 2013
  14. โยมฝน

    โยมฝน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,238
    ค่าพลัง:
    +7,780

    [​IMG]

    เราควรจะปฏิบัติตนต่อคนรอบข้างอย่างไร
    จึงจะมีแต่คนรักใคร่ เอ็นดู ช่วยเหลือเกื้อกูล และคอยอนุเคราะห์เรา์


    ขอนำพระสูตร ทิศ๖ของฆราวาส มาเสนอ
    เพื่อให้เราได้เทียบเคียงและใช้ปฎิบัติตาม
    ทิศนั้น "จะป็นทิศเกษม ไม่มีภัยเกิดขึ้น"

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

     
  15. โยมฝน

    โยมฝน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,238
    ค่าพลัง:
    +7,780

    [​IMG]
    หากมีคนสองคน ถ้าคนหนึ่งขับรถทับสุนัขตายโดยไม่เจตนา
    ส่วนอีกคนเห็นสุนัข จิตน้อมไปว่าจะนำมันไปฆ่าเพื่อเอาเนื้อมันไปขาย
    คนแรกเขาได้กระทำการฆ่าลงไปแล้ว
    คนที่สอง เขาเพียงคิด แต่ยังไม่ได้ลงมือกระทำจริง
    ท่านเห็นว่าบุคคลทั้ง ๒ คน ใครทำบาป
    [​IMG]
    ขอนำพระสูตรเรื่อง กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม
    “กรรมทางใดมีโทษมากสุด”
    มาให้กัลยาณธรรมได้ทราบ เพื่อความเข้าใจถูกต้อง


    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    ขอขยายความเรื่องกรรม ให้เข้าใจชัดเจนยิ่งขึ้น โดยอธิบายด้วยอีกพระสูตรค่ะ
    พระพุทธองค์กล่าวซึ่งเจตนาว่าเป็นกรรม เพราะบุคคลเจตนาแล้ว
    ย่อมกระทำซึ่งกรรมลงไป ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ
    ดังนั้นการที่ขับรถชนสุนัขตายโดยไม่มีเจตนา จึงไม่ถือว่าเป็นกรรม (ทำกรรมโดยไม่เจตนา ไม่มีในคำสอน)
    ส่วนอีกคน ผู้มีความคิดฆ่าสุนัข ถึงแม้ยังไม่กระทำจริง(กายกรรม และวจีกรรมไม่เกิด แต่ได้กระทำมโนกรรมลงไปแล้ว)
    บุคคลผู้นี้มีจิตอันเป็นอกุศล คิดเบียดเบียนกระทำปาณาติบาต

    “หากบุคคลย่อมคิดถึงสิ่งใดอยู่ ดำริถึงสิ่งใดอยู่ มีจิตฝังลึกในสิ่งใดอยู่ นั่นคือที่เกิดแห่งภพใหม่ ”
    คนผู้นี้หาก กายแตกทำลายไปในขณะนั้นพอดี อัตภาพใหม่ย่อมเกิดตามเจตนาที่เขานึกคิด
    คือภพใหม่ที่ได้ ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก
    และแม้นว่าเขายังไม่ได้ตายจริง เจตนาทางใจที่เขาคิดน้อมไปหาบ่อยๆ ในการฆ่า ในการเบียดเบียน ในการทำบาปต่างๆ
    มโนกรรมเหล่านี้จะส่งผลถึง อนุสัยของเขาให้เคยชินต่ออกุศลมากกว่ากุศล
    และเมื่อถึงคราวตาย จิตจะน้อมไปหาความเคยชินที่เขาได้สั่งสมไว้
    เปรียบเหมือนต้นไม้น้อมไปในทิศใด โน้มไปสู่ทิศใด เอนไปทางทิศใด
    ต้นไม้นั้น เมื่อตัดที่โคนแล้ว มันจะล้มไปทางทิศที่มันน้อมไป โน้มไป เอนไปนั่นเอง

    เมื่อเราทราบโทษของมโนกรรมอย่างนี้แล้ว
    เมื่อจิตเราเกิดความโกรธ ความเกลียด ความอาฆาตพยาบาท หรือความคิดอันเป็นบาปอกุศล
    เราจึงต้องรีบละ รีบทำความเพียรดับอกุศลนั้นโดยเร็ว เพื่อเป็นการฝึกทิ้งภพใหม่ที่ไม่น่าปรารถนาไม่ให้เกิดขึ้นได้
    (++อย่ามัวเสียเวลาตามดูจิต ตามรู้จิตที่เป็นอกุศลอยู่ ถ้าเห็นอกุศลเกิดขึ้นแล้ว ต้องรีบดับทันที
    เดินตามมรรคมีองค์๘ ข้อสัมมาสังกัปปะ (ความดำริในการออกจากกาม ความดำริในความไม่พยาบาท ความดำริในอันไม่เบียดเบียน)

    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]

     
  16. โยมฝน

    โยมฝน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,238
    ค่าพลัง:
    +7,780

    [​IMG]

    เกือบทุกท่านคงเคยได้ยินเรื่อง เทวดามาดีดพิณ ๓ สายให้พระตถาคตฟัง เมื่อครั้งยังเป็นพระโพธิสัตว์ยังไม่ตรัสรู้
    เพื่อเตือนสติถึงความเพียรที่ตึงไปหรือหย่อนไป ไม่ใช่หนทางแห่งการพ้นทุกข์..

    เราชื่นชมในความเก่งของเทวดา
    ขณะเดียวกันก็ลังเลสงสัยในความสามารถของพระผู้มีพระภาคเจ้า....


    ขอนำพระสูตร "โพธิราชกุมารสูตร"
    ที่พระองค์ตรัสเล่าให้โพธิราชกุมารฟัง ถึงการบำเพ็ญเพียรของท่าน
    ก่อนจะได้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มาอธิบายความข้อนี้..เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ทั้งนี้ไม่มีเนื้อความส่วนใดเกี่ยวข้องกับเทวดาเลย..
    ส่วนเรื่องพิณ ที่มีปรากฏอยู่ในพระไตรปิฏกนั้น
    เป็นเรื่องความเพียรพระโสณะ ที่ปรารภจัดเกินไป

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย!
    บุคคลผู้เลิศเมื่ออุบัติขึ้นในโลก ย่อมอุบัติขึ้นเพื่อประโยชน์แก่มหาชนเป็นอันมาก
    เพื่อความอนุเคราะห์แก่ชาวโลก เพื่อประโยชน์สุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
    บุคคลผู้เลิศคือใคร.. คือ พระตถาคตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสรู้เองโดยชอบ


    “ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาใด
    ประพฤติธรรมสมควรแก่ธรรม
    ปฏิบัติชอบยิ่ง, ปฏิบัติตามธรรมอยู่
    ผู้นั้นชื่อว่า ย่อมสักการะ เคารพนับถือ
    บูชาตถาคต ด้วยการบูชาอันสูงสุด”

    [​IMG]

     
  17. โยมฝน

    โยมฝน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,238
    ค่าพลัง:
    +7,780

    [​IMG]


    เรามีความเชื่อในการทำทักษิณาทาน อุทิศให้แก่หมู่ญาติผู้ล่วงลับ
    โดยหวังว่าญาติสาโลหิต จะได้บริโภค,ได้ใช้สอยทานนี้
    ผลแห่งการอุทิศ ..ทานนั้นจะสำเร็จแก่ญาติเราหรือไม่ ?
    และถ้าไม่ ทานนั้นจะสูญเปล่าหรือ ?



    ขอนำพระสูตร ชานุสโสณี มาอธิบายความข้อนี้
    และพระสูตรนี้ยังสามารถอธิบายความ ถึงสาเหตุใด..
    จึงทำให้ไปเกิดเป็นสุนัขบ้านคนรวยได้ด้วยค่ะ?



    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ผลแห่งทานที่บุคคลทำแล้วไม่สูญเปล่า
    การทำทานเพื่ออุทิศแก่ผู้ตายย่อมมีผลจริง โดยเป็นไปตามเงื่อนไข(เปรต)
    (หากเป็นเทวดา ก็เพียงอนุโมทนา ได้เกิดกุศลในจิต พลอยชื่นชมยินดีด้วย แต่มิได้รับผลของทาน ที่มีผู้อุทิศไปให้โดยตรง เหมือนอย่างที่เปรตได้รับ)


    และแม้ว่าทานที่อุทิศไปนั้น ไม่มีผู้รับ.. ทานนั้นก็ไม่สูญ ..
    แต่จะยังติดตามส่งผลแก่ผู้ที่ทำไปถึงภายภาคหน้า ไม่ว่าจะไปเกิดอยู่ในภพภูมิใดก็ตาม
    (จึงเป็นเหตุว่าทำไม ถึงแม้ต้องไปเกิดเป็นสุนัข แต่ก็มีความเป็นอยู่อย่างสุขสบาย ได้เกิดในบ้านคนรวย หรือการได้เกิดเป็นช้างของพระราชา)

    [​IMG]

    [​IMG]

     
  18. โยมฝน

    โยมฝน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,238
    ค่าพลัง:
    +7,780

    [​IMG]


    ในงานประเพณี งานตรุษ งานสารท การเซ่นไหว้บวงสรวง และรวมไปถึงงานบุญบางอย่าง เช่นงานบวช ฯลฯ
    เรามักพบเห็นการฆ่าเป็ด ฆ่าไก่ หรือการล้มวัว ล้มควาย เพื่อนำมาประกอบเป็นอาหาร หรือไว้ใช้สำหรับประกอบพิธีการ..
    ทุกงานที่กล่าวมา มีจุดประสงค์หลัก เป็นไปเพื่อทางบุญ ทางกุศล และเพื่อแสวงหาทางสุคติ

    แต่การทำบุญโดยวิธีเหล่านี้ จะได้บุญมากน้อยเพียงใด



    ขอโอกาสนำพระสูตร “ทุติยอัคคิสูตร ”
    มาอธิบายความข้อนี้..เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง

    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]


     
  19. โยมฝน

    โยมฝน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,238
    ค่าพลัง:
    +7,780

    [​IMG]
    นำพระสูตรเกี่ยวกับการครองเรือน

    สำหรับผู้ที่ปรารถนาจะเป็นคู่กันทั้งในชาติปัจจุบันและในสัมปรายภพ (ภพเป็นที่ไปในเบื้องหน้า) มาลงให้ทราบ
    เพราะการอธิษฐานตั้งความปรารถนาจะเกิดมาคู่กันอีกเพียงอย่างเดียวคงยังไม่เพียงพอ
    ต้องร่วมกันสร้างเหตุปัจจัยเหล่านี้ด้วย..


    [​IMG]

    [​IMG]

    นอกจากนี้ได้นำพระสูตรอื่นๆ เกี่ยวกับการครองคู่มาร่วมลงด้วย นอกเหนือจากการปฏิบัติกันตามทิศ๖ที่เคยลงไปแล้วค่ะ

    [​IMG] (*สามีพึงบำรุงภรรยาตามทิศ๖คือ ไม่ดูหมิ่น ,ไม่นอกใจ ,มอบความเป็นใหญ่ในงานบ้าน ,หาเครื่องประดับมาให้เป็นของขวัญ ตามโอกาส) [​IMG]
    (ภรรยาพึงอนุเคราะห์สามี คือขยันไม่เกียจคร้านในงานทั้งปวง ,รักษาสมบัติที่หามาได้ ,ไม่นอกใจ ,สงเคราะห์ญาติมิตรทั้งสองฝ่ายด้วยดี)


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    ในทางโลกหญิงและชายอาจมีหน้าที่ ที่ต้องปฏิบัติต่างกันไป
    แต่ในทางธรรมแล้ว ไม่ว่าหญิงหรือชาย.. โอกาสบรรลุธรรม มีได้เท่าเทียมกัน
    ขอทุกท่านผู้สั่งสมสุตตะในคำขององค์พระตถาคต
    มีความเจริญก้าวหน้าทั้งในทางโลกและทางธรรมค่ะ


    [​IMG]

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤศจิกายน 2013
  20. โยมฝน

    โยมฝน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,238
    ค่าพลัง:
    +7,780
    [color="IndianRed4"]
    [​IMG]

    เมื่อญาติหรือผู้มีพระคุณของเรา นอนป่วยอยู่ในระยะสุดท้ายใกล้เสียชีวิต
    เรามักช่วยเหลือให้ท่านจากไปอย่างสงบ
    เราคอยแนะนำให้ท่านนึกถึงบุญกุศล ที่ท่านได้กระทำมา คอยเตือนให้ท่านมีจิตเลื่อมใส ระลึกถึงพระรัตนตรัย ฯลฯ

    และเรามักไปทำบุญให้กับท่าน(และพาท่านไปทำบุญ)
    เช่นการถวายสังฆทาน การปล่อยนกปล่อยปลา การถวายพระพุทธรูป บริจาคโลงศพ หรือกระทั่งสวดมนต์ให้แก่ท่าน ฯลฯ
    ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ล้วนจุดประสงค์เพื่อให้ผู้ป่วยได้ไปสู่ภพภูมิที่ดี ไปทางสุคตโลกสวรรค์ิ....
    เหล่านี้เพียงพอหรือยัง หรือมีสิ่งละเอียดประณีต ที่พึงกระทำต่อผู้ป่วยยิ่งขึ้นไปกว่านี้

    ขอนำพระสูตรเกี่ยวกับการวางจิตก่อนสิ้นชีวิต ที่พระตถาคตได้แสดงไว้มาเสนอ
    เพื่อประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้เจ็บไข้

    [​IMG]


    การให้ผู้ป่วยเจ็บไข้ ไม่ใยดีกับสิ่งใดๆในโลก โดยให้ตามเห็นความไม่เที่ยงในสังขาร ตามเห็นความไม่งามในกาย
    เห็นปฎิกูลในอาหาร(กลายเป็นอุจาระ ปัสสาวะ) เห็นมรณสัญญา(เห็นการเกิดดับภายในใจ) วางความพอใจในสิ่งทั้งปวงลงแล้ว

    ผู้ป่วยต้องไม่ปรารถนาการเกิด....
    การหวังการได้กายใหม่ เพื่อเป็นเทพเป็นพรหมชั้นใดชั้นหนึ่ง พระตถาคตถือเป็นพรหมจรรย์ที่เศร้าหมอง
    เพราะเมื่อสิ้นฤทธิ์สิ้นยศ หมดความเป็นใหญ่จากภพภูมิเหล่านั้นแล้ว
    ก็ยังไม่พ้น อบาย ทุคติ วินิบาต นรก กำเนิดเดรัจฉาน เปรตวิสัย ไปได้
    เปรียบเหมือนท่อนไม้อันบุคคลซัดขึ้นไปสู่อากาศ บางคราวตกเอาโคนลง บางคราวตกเอาตอนกลางลง บางคราวตกเอาปลายลง
    บางครั้งได้เกิดเป็นมนุษย์บ้าง เทวดาบ้าง สัตว์เดรัจฉานบ้าง เปรตวิสัยบ้าง แล่นไปอยู่ท่องเที่ยวไปอยู่ในสังสารวัฏ...คติที่ไปจึงยังไม่มีความแน่นอน

    ดังนั้นทำอย่างไรจึงต้องวางจิต เพื่อให้ได้ความเป็นอริยบุคคลก่อนจะสิ้นชีวิต.....

    [​IMG]

    การวางจิต เพื่อได้ความเป็นอริยบุคคลก่อนจะสิ้นชีวิตนั้น พระตถาคต ให้เป็นผู้มีสติ มีสัมปชัญญะรอคอยการทำกาละ

    การมีสติ ... คือให้มีสติระลึกเรู้อยู่ที่กาย (กายคตาสติ) โดยการทำสติปัฏฐาน๔
    และทรงอธิบายสติปัฏฐาน๔ด้วยอานาปานสติ (ลมหายใจคือกายอันหนึ่งในกาย)

    รู้ลมที่ไหลเข้าออก (เอาลมหายใจเป็นอารมณ์) นี้เป็นกายานุปัสสนา ,

    รู้ว่าจิตเรากำลังรู้ลม ชื่อว่าเป็นผู้ตามเห็นจิตในจิตอยู่ นี้เป็นจิตตานุปัสสนา ,

    รู้ว่าจิตเราที่กำลังรู้ลมมีความไม่เที่ยง เดี๊ยวแปรเปลี่ยน ดับไปรู้อย่างอื่นแทน(เห็นความไม่เที่ยง จางคลาย ดับไม่เหลือ สลัดคืน)
    เห็นการเกิดดับภายในจิต นี้เป็น ธัมมานุปัสสนา ,

    รู้ว่าจิตที่กำลังรู้ลมอยู่นั้น ไม่ยินดีในสิ่งที่เป็นสุข และ ไม่คับแค้นใจในสิ่งที่เป็นทุกข์ แต่เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีการทำในใจเป็นอย่างดีต่อลมเข้าและลมออก
    การทำในใจเป็นอย่างดีต่อลมเข้าลมออก เป็นเวทนาอันหนึ่งในเวทนาทั้งหลายชื่อว่าเห็นเวทนาในเวทนา นี้เป็นเวทนานุปัสสนา

    ดังนั้นควรแนะนำผู้ป่วยใกล้เสียชีวิตให้อยู่กับลมหายใจ

    ไม่ควรให้ผู้ป่วยนึกถึงสิ่งอื่นใดๆ เพราะจะเป็นภพที่ต้องไปเกิดอีก

    การลดภพชาติให้เหลือน้อยที่สุด จนได้เป็นอริยบุคคล เกิดตายอีกไม่เกิน ๗ ชาติ เขาจะได้อมตะธรรมคือนิพพาน

    และการนอนรู้ลมที่ไหลเข้าไหลออกขึ้นชื่อว่ามีความเพียรเผากิเลส..ถือเป็นการวางจิตที่เหมาะสมที่สุดในการเข้าวิมุติ

    .. นี้คืออนุสาสนีปาฏิหาริย์ขององค์พระตถาคต


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=-liRMK67ooM&feature=player_detailpage"]พุทธวจน faq การเอาจิตไว้กับลมหายใจ จะได้ประโยชน์อะไร[/ame]

    ***บางท่านก่อนสิ้นชีวิต มักคิดถึงอดีต ในสิ่งไม่ดีที่ได้กระทำมา ขอให้พยายามละนันทิ(ความเพลิน)นั้นลงเสีย
    เพราะนั่นคือ การสร้างภพอกุศลอยู่ ..อย่านึกน้อยเนื้อต่ำใจว่าจะไม่สามารถเป็นอริยบุคคลได้เพราะทำบาปไว้มาก
    ..หากไม่ได้สร้างกรรมหนักหรือกระทำอนันตริยกรรมมา ก็ยังไม่เป็นการปิดกั้น มรรค ผล นิพพาน ดังเช่นองคุลิมาลเถระ



    [​IMG]

    [/COLOR]​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ธันวาคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...