จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    [​IMG]

    สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
    ควรแก่การบูชาอย่างยิ่ง ใครบูชา คนนั้นเป็นคนมีอุดมมงคล คือมงคลสูงสุด (หรือเฮ็งที่สุด)
    โดยหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง



    สมเด็จพระสังฆราชเสด็จวัดสามพระยา
    ทราบจากท่านผู้ว่าแม่ฮ่องสอนว่ามีคนมาบอกว่า สมเด็จพระสังฆราชเสด็จ
    เรื่องนี้เป็นปรกติเพราะสมเด็จพระสังฆราชองค์นี้ เป็นพระที่ควรแก่การบูชา
    ไม่มีเวร มีภัยกับใครๆ ตั้งแต่รับตำแหน่งมา ไม่เคยสร้างความเดือดร้อน
    ให้แก่พระใต้บังคับบัญชา มีแต่เตือนให้สามัคคีกัน

    เมื่อท่านเสด็จมา ก็ลุกขึ้นยืนแสดงความเคารพด้วยศรัทธาแท้
    คิดว่าสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ท่านจะยืนรับเหมือนผู้เขียน
    เห็นท่านนั่งเป็นปรกติ สมเด็จพระสังฆราชท่านเข้ามาถึง ท่านนั่งกับพื้น
    สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์นั่งบนเตียงตามปรกติ สมเด็จพระสังฆราช
    ท่านกราบแล้วถวายของ (เครื่องสักการะและของใช้)
    สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์พนมมือให้พร ท่านที่ควรบูชา เป็นอันว่า
    เมื่อเห็นเข้าอย่างนั้น จิตก็มีอารมณ์คิดบูชาสมเด็จพระสังฆราชมากขึ้นอย่างยิ่ง
    ท่านอาจจะเคารพสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ในฐานะอะไรเป็นเรื่องของท่าน

    แต่ที่่เพิ่มความเคารพบูชาสมเด็จพระสังฆราชมากขึ้น เพราะท่านไม่มีมานะ
    คำว่า มานะ แปลว่า การถือตัวถือตน หรือถือยศถือศักดิ์ โดยคิดว่าเวลานี้ฉันเป็นสังฆราช
    ใครจะโตกว่าฉันไม่ได้ ฉันต้องโตกว่าทุกคนที่เป็นพระสงฆ์
    การตัดมานะตัวนี้ เป็นเรื่องที่่ผู้เขียนบูชาน้ำใจอย่างยิ่ง

    และบูชาทุกคนที่ตัดได้ ไม่ใช่เฉพาะสมเด็จพระสังฆราชเท่านั้น
    วันนั้นถือว่า เฮ็งที่สุด ท่านที่ตัดมานะ หมดการถือตัวถือตน ตามภาษาพระที่่เรียกว่า สังโยชน์
    ท่านถือว่ามีความดีสูง ควรแก่การบูชาอย่างยิ่ง ใครบูชา
    คนนั้นเป็นคนมีอุดมมงคล คือมงคลสูงสุด (หรือเฮ็งที่สุด)

    ที่มา: จากหนังสือธัมมวิโมกข์ ปีที่ ๑๑ ฉบับที่ ๑๑๐ เดือนเมษายน ๒๕๓๓ หน้า ๑๑ และหน้า ๑๙

    Cr...FB วัดวีระโชติธรรมาราม จ.ฉะเชิงเทรา
    —​
     
  2. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    [​IMG]
     
  3. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    ธรรมแท้ คือเริ่มตั้งแต่สมาธิธรรม สมถธรรมจะปรากฏขึ้นมา จิตที่เคยหมุนตัวเป็นกังหัน ก็จะกลายเป็นจิตที่นิ่งสงบ จิตที่สะอาดผ่องใสขึ้นมาให้เห็น นี่คือผลแห่งธรรม หรือว่าธรรมแท้ได้เริ่มปรากฏแล้ว แม้จะยังไม่ถึงวิมุตติหลุดพ้นก็ตาม ก็เป็นธรรมแท้ ได่แก่สมาธิธรรม ซึ้งปรากฏแล้วในจิตของเรา และเราก็ควรจะบํารุ่งรักษาส่งเสริมอยู่โดยสมํ่าเสมอ สมาธิธรรมนี้ ก็จะมีกําลังกล้า และจะทําความสงบร่มเย็นให้แก่เราจนแนบแน่นละเอียดสุขุม

    ภายในใจมีแต่ความสงบความร่มเย็น ความผ่องใส และเป็นโอชารสอันสําคัญ ที่จะให้จิตได้ดื่มให้ได้อยู่พึ่งพิงกับสมถธรรม และปล่อยวางอารมณ์ทั้งหลายที่เคยหิวโหย และถูกกิเลสผลักดันออกไปให้อยากรู้อยากเห็น อยากสัมผัสอยากสัมพันธ์กับสิ่งนั้นสิ่งนี้ ก็เบาลงไป สิ่งเหล่านี้ก็จางลงไป เพราะมีโอชารสแห่งธรรม...นั้นธรรมแท้จะเริ่มปรากฏ แล้วจากนั้นก็เริ่มใช้ปัญญาคิดไตร่ตรอง ตามสภาวธรรมทั้งหลายตามพระพุทธองค์สอนไว้...ก็ในสกลกายของเราทุกๆส่วนรวมอยู่ในนี้ เรียกว่า"สติปัฏฐาน ๔" และอริยสัจ ๔" รวมอยู่ในเบญจขันธ์พร้อมทั้งจิตใจของเรานั้นเป็นสัจธรรมแต่ละอย่าง เราจะพิจารณาให้เห็นตามความเป็นจริงตามพระพุทธองค์ทรงตรัสสอนไว้...สาธุค่ะ

    ที่มา ธรรมะขององค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
    ลูกขอน้อมกราบองค์หลวงตาด้วยเศียรเกล้าค่ะ
     
  4. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    -ความพอใจ เป็นเหตุแห่งทุกข์-

    "ทุกข์ใด ๆ ที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต...

    ทุกข์ทั้งหมดนั้น มีฉันทะเป็นมูล มีฉันทะเป็นเหตุ

    เพราะว่า ฉันทะ (ความพอใจ) เป็นมูลแห่งทุกข์

    ทุกใด ๆ อันจะเกิดขึ้นในอนาคต

    ทุกข์ทั้งหมดนั้น ก็มีฉันทะเป็นมูล มีฉันทะเป็นเหตุ เพราะว่า ฉันทะ

    (ความพอใจ) เป็นมูลเหตุแห่งทุกข์...

    ...และทุกข์ใด ๆ ที่เกิดขึ้น...

    -ทุกข์ทั้งหมดนั้น ก็มีฉันทะเป็นมูล มีฉันทะเป็นเหตุ...

    -เพราะว่า ฉันทะ (ความพอใจ) เป็นมูลเหตุแห่งทุกข์" .

    (ในเนื้อพระสูตร ทรงชี้ให้เห็นเหตุของทุกข์ในปัจจุบัน ซึ่งก็คือ ฉันทะเป็นความรู้ที่เห็น

    กันได้ แล้วจึงได้สรุปให้เห็นไปถึงนัยยะโดยอดีตกับอนาคต)

    ...คัดจากหนังสือพุทธวจน อินทรีสังวร ตามดู ไม่ตามไป...

    ...ขออนุโมทนากับผู้จัดทำหนังและขอกราบขอบพระคุณค่ะ...
     
  5. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    เรายังมีความโกรธ แต่ยับยั้งความโกรธ
    ไม่จองล้างจองผลาญเขา เราจะมีความเห็นถูก
    "สัมมาทิฏฐิ คือ เห็นอริยสัจ"
    เห็นทุกข์ของความเกิด/ทุกข์ของความแก่ /ทุกข์ของการพลัดพรากจากของรักของชอบใจ/ทุกข์ของการป่วยไข้ไม่สบาย/ทุกข์ของความตายจะเข้ามาถึง

    ถ้าเห็นอย่างนี้แล้ว
    ทุกคนจิตก็ไม่อยากจะเกิดต่อไป
    สิ่งที่ต้องการจะพึงได้ก็คือ.. พระนิพพาน"


    ๏หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง๏

    Credit: Pattranit Chance_UK
     
  6. naproxen

    naproxen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +742
    เวสสภูพุทธวงศ์ที่ ๒๑
    ว่าด้วยพระประวัติ สมัยพระโคตม บำเพ็ญบารมีโพธิสัตวา
    [๒๒] ในมัณฑกัปนั้นแล พระพิชิตมารผู้ไม่มีบุคคลเปรียบเสมอ มีพระนาม
    ชื่อว่าเวสสภู เสร็จอุบัติขึ้นในโลก พระเวสสภูผู้เป็นนายกของโลก
    ทรงทราบว่าไฟคือราคะนี้เป็นของร้อนเป็นแว่นแคว้นของตัณหา ทรง
    ตัดกิเลสดังช้างตัดเชือกแล้ว ทรงบรรลุสัมโพธิญาณอันอุดม แล้ว
    ทรงประกาศพระธรรมจักร ธรรมาภิสมัยครั้งที่ ๑ ได้มีแก่สัตว์
    แปดหมื่นโกฏิ เมื่อพระนราสภเชษฐบุรุษของโลก เสด็จจาริกไป
    ในแว่นแคว้น ธรรมาภิสมัยครั้งที่ ๒ ได้มีแก่สัตว์เจ็ดหมื่นโกฏิ เมื่อ
    พระองค์ทรงกระทำปาฏิหาริย์บรรเทาทิฏฐิใหญ่ มนุษย์และเทวดาใน
    หมื่นโลกธาตุมาประชุมกัน เทวดาและมนุษย์ได้เห็นความมหัศจรรย์
    อันไม่เคยมี เป็นเหตุให้ขนพองสยองเกล้าแล้วได้ตรัสรู้ ๖๐ โกฏิ
    พระเวสสภูบรมศาสดา ทรงมีการประชุมพระภิกษุขีณาสพผู้
    ปราศจากมลทิน มีจิตสงบระงับคงที่ ผู้กลัวภัยมีชราเป็นต้น เป็น
    โอรสของพระศาสดาผู้ได้ฟังพระธรรมจักรอันประณีตอุดม ที่พระ-
    พุทธเจ้าซึ่งไม่มีใครเสมอพระองค์นั้นทรงประกาศแล้วออกบวช ๓
    ครั้ง ครั้งที่ ๑ พระภิกษุขีณาสพมาประชุมกันแปดหมื่นโกฏิ ครั้งที่ ๒
    เจ็ดหมื่นโกฏิ ครั้งที่ ๓ หกหมื่นโกฏิ สมัยนั้น เราเป็นกษัตริย์
    พระนามว่า สุทัสนะ ได้บูชาพระพิชิตมารพร้อมด้วยพระสงฆ์ ด้วย
    ข้าว น้ำและผ้า เรายังมหาทานให้เป็นไปไม่เกียจคร้านทั้งกลางคืน
    กลางวัน ออกบวชอันถึงพร้อมด้วยคุณ ในสำนักของพระชินเจ้า
    เราเป็นผู้สมบูรณ์ด้วยอาจารคุณ ตั้งมั่นอยู่ในวัตรและศีล แสวงหา
    พระสัพพัญญุตญาณ ยินดีในศาสนาของพระชินเจ้า เรายังศรัทธา
    และปีติให้เกิด ถวายบังคมพระพุทธบรมศาสดา ปีติเกิดขึ้นแก่เรา
    เพราะเหตุแห่งโพธิญาณนั่นเอง พระสัมพุทธเจ้าทรงทราบว่า เรามี
    ฉันทะอันไม่กลับกลอกจึงทรงพยากรณ์ว่า ในกัปที่ ๓๑ แต่กัปนี้ ผู้นี้
    จักได้เป็นพระพุทธเจ้าในโลก ......... ข้ามแม่น้ำใหญ่ ฉะนั้น
    เราได้ฟังพระพุทธพยากรณ์แม้นั้นแล้ว ยังจิตให้เลื่อมใสอย่างยิ่ง
    ได้อธิษฐานวัตรในการบำเพ็ญบารมี ๑๐ ประการ ให้ยิ่งขึ้นไป
    พระนครชื่อว่าอโนมะ พระบรมกษัตริย์ พระนามว่าสุปติตะ เป็น
    พระชนกของพระเวสสภูบรมศาสดา พระนางยสวดีเป็นพระชนนี
    พระองค์ทรงครอบครองอาคารสถานอยู่หกพันปี ทรงมีปราสาทอัน
    ประเสริฐ ๓ ปราสาท ชื่อว่ารุจิ สุรติ และวัฑฒกะทรงมีพระสนม-
    นารีกำนัลในสามหมื่นนาง ล้วนประดับประดาสวยงาม พระมเหสี
    นามว่าสุจิตรา พระราชโอรสพระนามว่าสุปปพุทธะ พระองค์ทรง
    เห็นนิมิต ๔ ประการ จึงเสด็จออกผนวชด้วยวอทอง ทรงบำเพ็ญ
    เพียรอยู่ ๖ เดือนเต็ม พระเวสสภูมหาวีรเจ้า ผู้เป็นนายกของโลก
    อุดมกว่านรชน อันพรหมทูลอาราธนาแล้ว ทรงประกาศพระธรรม-
    จักร ณ อรุณาราม ทรงมีพระโสณเถระและพระอุตรเถระเป็นพระ-
    อัครสาวก พระเถระชื่อว่าอุปสันตะเป็นพระพุทธอุปัฏฐาก พระรามา-
    เถรีและพระสุมาลาเถรีเป็นพระอัครสาวิกา ไม้โพธิพฤกษ์ของ
    พระองค์เรียกกันว่าไม้อ้อยช้างใหญ่ โสตถิอุบาสกเป็นอัครอุปัฏฐาก
    โคตมีอุบาสิกาและสิริมาอุบาสิกา เป็นอุปัฏฐายิกา พระองค์สูง ๖๐
    ศอก เปรียบเสมอด้วยเสาทอง พระรัศมีเปล่งออกจากพระวรกาย
    ดังไฟบนภูเขาในเวลากลางคืน พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น มีพระชน
    มายุหกหมื่นปี พระองค์ทรงดำรงอยู่เพียงนั้น ทรงช่วยให้ประชุมชน
    ข้ามพ้นวัฏสงสารได้มากมาย ทรงจำแนกธรรมไว้อย่างพิสดาร ทรงตั้ง
    มหาชนให้อยู่บนธรรมนาวาแล้ว พระองค์ก็เสด็จนิพพานพร้อมด้วย
    พระสาวกพระวิหารอันมีชนทุกหมู่เหล่า น่าดูน่าชม พระอิริยาบถ
    หายไปหมดสิ้นแล้ว สังขารทั้งปวงว่างเปล่าหนอ พระเวสสภู
    ศาสดาชินเจ้าผู้ประเสริฐ เสด็จนิพพานที่เขมาราม พระธาตุของ
    พระองค์แผ่ไปกว้างขวางในประเทศนั้นๆ ฉะนี้แล.
     
  7. naproxen

    naproxen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +742
    โคตมพุทธวงศ์ที่ ๒๕
    ว่าด้วยพระประวัติพระโคตมพุทธเจ้า
    [๒๖] บัดนี้ เราเป็นพระสัมพุทธเจ้านามว่า โคดม เจริญในศากยสกุล
    เราบำเพ็ญเพียรแล้ว ได้บรรลุสัมโพธิญาณอันอุดม พรหมอาราธนา
    แล้ว ประกาศพระธรรมจักร ธรรมาภิสมัยครั้งที่ ๑ ได้มีแก่สัตว์
    ๑๘ โกฏิ ต่อแต่นั้น เมื่อเราแสดงธรรมในสมาคมมนุษย์และเทวดา
    ธรรมาภิสมัยครั้งที่ ๒ จะพึงกล่าวโดยคำนวณนับมิได้ ในคราวที่เรา
    กล่าวสอนราหุลบุตรของเราบัดนี้ ณ ที่นี้แล ธรรมาภิสมัยครั้งที่ ๓
    จะพึงกล่าวโดยคำนวณนับมิได้ เรามีการประชุมพระสาวกผู้แสวงหา
    คุณใหญ่ครั้งเดียว ภิกษุที่ประชุมกันมี ๑๒๕๐ รูป เราผู้ปราศจาก
    มลทินรุ่งเรือนอยู่ในท่ามกลางภิกษุสงฆ์ เราให้สิ่งที่ปรารถนาทุกอย่าง
    เหมือนแก้วมณีให้สิ่งที่ต้องการทั้งปวง ฉะนั้น เราประกาศจตุราริยสัจ
    เพื่ออนุเคราะห์แก่สัตว์ทั้งหลาย ผู้หวังผล ผู้แสวงหาธรรมเครื่องละ
    ความพอใจในภพ ธรรมาภิสมัยได้มีแก่สัตว์สองแสน ธรรมาภิสมัย
    ครั้งที่ ๑ และครั้งที่ ๒ ได้มีแก่สัตว์โดยจะคณนานับมิได้ คำสั่งสอน
    ของเราผู้เป็นศากยมุนี กว้างขวางเจริญแพร่หลายงอกงามดี บริสุทธิ์
    ผ่องแผ้ว เป็นประโยชน์แก่ชนเป็นอันมาก ภิกษุหลายร้อยล้วนเป็น
    ผู้ไม่มีอาสวะ ปราศจากราคะมีจิตสงบระงับมั่นคงแวดล้อมเราอยู่ทุก
    เมื่อในกาลบัดนี้ ภิกษุเหล่าใด เป็นพระเสขะยังมิได้บรรลุอรหัต
    ละภพมนุษย์ไป ภิกษุเหล่านั้น วิญญูชนตำหนิ ชนทั้งหลายผู้ชอบใจ
    ทางพระอริยเจ้า ยินดีในธรรมทุกเมื่อ มีปัญญารุ่งเรือง ถึงจะยัง
    ท่องเที่ยวอยู่ในสงสาร ก็จักตรัสรู้ได้ นครของเราชื่อกบิลพัสดุ์
    พระเจ้าสุทโธทนะเป็นโยมบิดาของเรา โยมมารดาบังเกิดเกล้าของเรา
    เรียกพระนามว่า มายาเทวี เราครอบครองอาคารสถานอยู่ ๒๙ ปี
    มีปราสาทอันประเสริฐ ๓ ปราสาท ชื่อสุจันทะ โกกนุทะ และ
    โกญจะ มีสนมนารีกำนัลในแปดหมื่นสี่พันนาง ล้วนประดับประดา
    สวยงาม มเหสีของเรานามว่า ยโสธรา บุตรชายของเราชื่อว่าราหุล
    เราเห็นนิมิต ๔ ประการ จึงออกผนวชด้วยอัสวราชยาน ได้บำเพ็ญ
    เพียรประพฤติทุกกรกิริยาอยู่ ๖ ปี เราประกาศธรรมจักที่ป่าอิสิปตน-
    มฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณสี เราเป็นพระสัมพุทธเจ้าชื่อว่าโคดม
    เป็นที่พึ่งของสัตว์ทั้งปวง ภิกษุ ๒ รูป ชื่ออุปติสสะและโกลิตะ
    เป็นอัครสาวกของเรา ภิกษุชื่ออานนทะ เป็นอุปัฏฐาก อยู่ในสำนัก
    ของเรา ภิกษุณีชื่อเขมาและอุบลวรรณาเป็นอัครสาวิกา จิตต-
    คฤหบดีและหัตถกอุบาสกชาวเมืองอาฬวี เป็นอัครอุปัฏฐาก นันท-
    มาดาและอุตราอุบาสิกาเป็นอัครอุปัฏฐายิกา เราบรรลุสัมโพธิญาณ
    อันอุดม ที่ควงไม้อัสสัตถพฤกษ์ เรามีรัศมีซ่านออกด้านละวาทุกเมื่อ
    สูงขึ้นไป ๑๖ ศอก บัดนี้ อายุของเราน้อย มี ๑๐๐ ปี ถึงเราจะดำรง
    อยู่เพียงนั้น ก็ช่วยให้หมู่ชนข้ามพ้นวัฏสงสารได้มากมาย เราตั้งคบ
    เพลิงคือธรรมไว้สำหรับให้คนภายหลังได้ตรัสรู้ อีกไม่นานเลย แม้
    เรากับสงฆ์สาวกก็จักนิพพาน ณ ที่นี้แลเพราะสิ้นอาหาร เหมือน
    ไฟสิ้นเชื้อ ฉะนั้น เรามีร่างกายเป็นเครื่องทรงคุณ คือ เดชอันไม่มี
    เทียบเคียง ยศ กำลังและฤทธิ์เหล่านี้ วิจิตด้วยลักษณะอันประเสริฐ
    ๓๒ ประการ มีรัศมี ๖ ประการ สว่างไสวไปทั่วทิศน้อยใหญ่ ดุจ
    พระอาทิตย์ ทุกอย่างจักหายไปหมดสิ้น สังขารทั้งปวงว่างเปล่าหนอ
    ฉะนี้แล.
     
  8. kongkiatm

    kongkiatm เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +1,263
    ขออนุโมทนา สาธุ กับ ธรรมทาน ของคุณ พงศธร ว่าด้วยเรื่อง พระประวัติของพระพุทธเจ้า ทั้งสองพระองค์
     
  9. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    คติสอนใจ สำหรับคนกำลังท้อ - YouTube

    มาอีกแย๊ววว กำลังใจ

    ไม่พยายามทำเพิ่ม ก็อย่าทำลาย
    อย่าตัดกำลังใจของตนเอง
    ไม่มีผู้ใดทำลาย ทำร้าย เท่ากับตนเองหรอก

    จะทำดีทั้งที ก็อย่ามัวหลงไปโกรธหรือโทษคนอื่นอยู่เลย
    หารู้ไม่ นี่แหล่ะ คือบ่อนทำลาย ทำร้ายจิตใจของตนโดยตรงเลย
     
  10. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
  11. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    อย่าไปแก้อารมณ์ให้คนอื่น - YouTube

    นี่สิ เขาเรียกว่า เทศน์
    นับถือๆๆ​


    Currently Active Users Viewing This Thread: 28 (3 members and 25 guests) [ แนะนำเรื่องเด่น ]
    ภูทยานฌาน2, Golden Sky, Dhammanee
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 26 ตุลาคม 2013
  12. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    ธรรมบันเทิง วันหยุด

    [​IMG]

    มีคนแก่คนหนึ่งเป็นผู้หญิงบ้านอยู่ใกล้วัด ได้ฟังพระท่านเทศน์ว่ายอดของความดีอะไรจะมาประเสริฐสูงสุด เท่านิพพานเป็นอันไม่มี เงินพึ่งได้แค่เตียงโรงพยาบาล ลูกหลานที่รักนักหนาจะตามไป ส่งอย่างไกลก็แค่เมรุแค่ป่าช้า ไปถึงนั่นแล้วมันหันหลังกลับมันให้เราไปคนเดียว ฉะนั้น อย่าไปไว้ใจ

    สู้บุญไม่ได้ บุญตามส่งเสียเราได้ไกลกว่าลูกหลานเงินทอง ยอดของบุญอะไรจะมาเท่านิพพานไม่มี แกคลั่งนิพพาน ใคร่นิพพาน เคลิ้มนิพพานทำบุญทำทานทีไร
    "นิพพาน ปัจจโย โหตุ" ทุกที หลงนิพพาน ทุกเวลาเย็นจะไปกวาดวัด ดายหญ้าในวัด ไปช่วยพระสงฆ์ ตามกำลังของคนแก่ที่เรียวแรงน้อยก็มาบำเพ็ญบารมีไปตามกำลัง
    เวลาจะกลับบ้านก็แวะเข้าโบสถ์เสียก่อน โบสถ์ของวัดบ้านอก แต่ก่อนไม่ต้องปิด ไม่ต้องใส่กุญแจเหมือนอย่างสมัย นี้เปิด ๔ ด้าน ตลอดปีตลอดชาติ ใครจะเข้าจะออกได้ตลอด เพราะขโมยตัดคอพระยังไม่มี

    วันหนึ่ง แกก็ทำอย่างนั้นจะกลับบ้านก็เข้าไปสวดมนต์ พอสวดมนต์แล้วก็อธิฐาน นิพพาน ปัจจโย โหตุ ขอบุญบารมีที่ดิฉันทำจงเป็นปัจจัย..ให้ดิฉันไปนิพพานด้วยเถิด หลวงพ่อเจ้าขา อย่างนี้ทุกวันแล้วก็กลับบ้านนอนหลับสบาย...

    วันนั้นก็เข้าไปสวดมนต์แล้วอธิฐาน...

    นิพพานปัจจโย โหตุ ขอให้ดิฉันไปนิพพานด้วยเถิด หลวงพ่อเจ้าขา หลวงพ่อพระประธานเกิดพูดได้ขึ้นมา ...

    " สาธุ ! ได้ไปแน่ยายฉิ่ง …"

    วันนี้ยายสะดุ้งเอ๊ะรู้จักชื่อเราด้วยหรือ ? มาเรียกยายฉิ่ง

    "เตรียมตัวไปเดี๋ยวนี้นะยาย?"

    " ไปได้แน่หรือหลวงพ่อเจ้าขา?"

    "ไปได้ชี เป็นหลวงพ่อซะอย่างไปนิพพานง่ายจะตาย เรื่องกล้วย ๆ ไปนะ เตรียมตัวนะ"

    ยายฉิ่งตัวสั่นพับ ๆ บอกว่า "ช้าก่อน ๆ หลวงพ่อเข้าขา รอให้ดิฉันไปปรึกษาลูกหลานที่บ้านมันก่อน"

    หลวงพ่อก็เลยหัวเราะ บอกว่า " ตามใจแกซี"

    ตั้งแต่นั้นมายายฉิ่งก็เลยไม่ย้อนกลับวัด กลายเป็นคนกลัวนิพพานที่สุดในโลกนี่นิพพานหลอกตัวเอง การหลอกตัวเองคือการที่มองไม่เห็นว่านิพพานคืออะไรจะให้ผลอย่างไร ฟังเขาสั่งสอนอบรมมาถือว่า เป็นยอดดี ก็ยึดมั่นพอจะไปเข้าจริง ๆ ก็กลัวจะห่างลูกหลาน

    ที่ว่าหลวงพ่อพูดนะ ไม่ใช่หรอก เจ้าเด็กวัด, มันแอบไปหลอกยายฉิ่ง มันเห็นยายฉิ่งอยากไปนิพพานนัก็เลยเข้าไปทำเสียงแทนหลวงพ่อ เป็นเหตุให้จับได้ว่ายายฉิ่งแกหลอกตัวเองมาตลอดเวลา



    พระพิจิตรธรรมพาที
    ที่มา www.facebook.com/amatatum
     
  13. ธรรมมณี

    ธรรมมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,044
    ค่าพลัง:
    +14,027
    ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 42 คน ( เป็นสมาชิก 7 คน และ บุคคลทั่วไป 35 คน ) [ แนะนำเรื่องเด่น ]
    Dhammanee, ภูทยานฌาน2, ตะกั่วป่า, R-LOM-:D, Golden Sky, sunny430, tom tana

    เอิมม์...เข้ากระทู้ผิดป่าวค่ะ...ปรากฎการณ์นี้ไม่มีมานานแย้วว...อิๆๆ...แซวเล่นน่ะ อย่าคิดไรมาก....ยังไงก็ยินดีต้อนรับทุ๊กท่านค่ะ...:cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 ตุลาคม 2013
  14. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ธรรมะตอน ยายฉิ่งไม่กลัวนิพพาน

    ขโมยมาจากเฟสฯ

    Nat Natcha also commented on her photo.

    Nat wrote: "คุณเพ็ญ นี่สุดยอดด ! เจงๆ ! มันต้องอย่างนี้สิ ... เข้าใจทั้งทางโลกและทางธรรม ...บุคคลสองโลก แต่ไม่เหยียบเรือ สองแคม เพราะชัดเจนในเป้าหมาย ว่าต้องการ นิพพาน เท่านั้น อย่างอื่นไม่ใช่ ... แต่เพราะเรายังอยู่บนโลก เราก็ต้องอยู่ให้เป็น อยู่กับโลก โดยที่เราไม่เอาจิตไป ยึดติดกับโลก...จุดนี้แหละ ถ้าเราเข้าใจ เข้าถึงธรรมดา ของโลก เราอยู่กับโลกได้อย่างสบาย ...อยู่กับความทุกข์ทั้งหลาย โดยที่เราไม่ทุกข์เลย เปรียบเสมือน น้ำกลิ้งไปมาอยู่บนใบบัว แต่ใบบัวไม่เปียกน้ำ นั่นเอง โลกเขาว่ายังไง เราก็ว่าตามนั้น เราไม่ฝืน แต่เราก็ไม่ยึด รับรู้แล้วปล่อยออก ปล่อยออกไปจากจิต บ่อยๆเข้า จิตเราก็เบาสบาย เพราะไม่ขังสิ่งใดๆที่เป็นสมมติ ทางโลกไว้เลย ..นั่นแหละ คือความหมายของ "ละสมมุติ เพื่อเข้าถึง วิมุติ " นั่นเอง แต่การที่จะละ ได้นั้น จิตเท่านั้นจะเป็นผู้ ละ และ ปล่อย ออกไปด้วย ปัญญาที่จิตได้เรียนรู้ มาแล้วเท่านั้น ไม่มีวิธีอื่น ...ส่วนวิธีการ จะทำอย่างไรให้ จิตมีปัญญานั้น ...ต้องติดต่อหลังไมค์ เพราะรู้สึกว่า ยิ่งพูด ยิ่งยาว ..เหมือนใตรหว่า ! อิ อิ จบดีกว่า ก้อ ถึอว่า แจกจ่ายธรรมะ ให้เพื่อนๆทุกคน นะคะ คงไม่ว่าก้น สาธุ กับทุกท่าน ทีอวยพรให้เรา งง เหมือนกัน เผลอแป๊บเดียว อยู่อังกฤษ 12 ปี .ป้าดดด. จบค่ะ่"

    โมทนาสาธุ คุณเพ็ญ คุณดาว คุณเกษ สงสัยพี่ภูจะมีคู่แข่งคนสำคัญซะแร๊ะ(ยายฉิ่ง)
    เป็นไงหล่ะ บอกแล้ว เวรมันจะตามทัน พูดนิดเดียวเอง แต่ทำไมมันเริ่มยาวขึ้นๆ
    เริ่มแล้ว สงครามเริ่มแร๊ะ สงครามธรรมะ กองทัพธรรมเริ่มขยับตัวแร๊ะ
    เดี๋ยวอีกไม่นานนัก ก็จะมีจิตบุญเริ่มเค็ม เอ๊ย เข้ม ตามกันมาแบบคุณแนท
    ต่อไปพวกเราจะเริ่มฝึกฝนตัวปัญญาบ่อยขึ้นแล้วนะ เดี๋ยวจะมีจิตบุญ จิตนักเทศน์ หัดไปๆ
    ไม่มีคนทำได้มาตั้งแต่เกิดหรอก หัดพูดธรรม เหมือนเราหัดจิตอยู่กับธรรม นั่นเอง
    เมื่อจิตปัญญาก็จะกลายเป็นจิตธรรม พอจิตถึงธรรมมากๆเข้า จิตก็จะกลายเป็นความว่าง
    พอจิตว่างบ่อยๆมากๆเข้า จิตเราก็จะหายไป เพราะจิตจะกลายเป็นพระ...ไปโดยปริยาย

    นี่แค่ยกตัวอย่างธรรมในจิตผู้ที่ขยันทรงเอกัคคตารมณ์ จิตเธอจะเริ่มเด่นชัดมากขึ้นไปทุกทีเอง
    โมทนาสาธุอีกครั้ง เพราะวันข้างหน้าจะมีคนให้สงเคราะห์อีกเยอะ

    จะสอนคนให้ออกจากทุกข์นั้น จิตของเราจะต้องออกจากทุกข์ของตนให้ได้สนิทก่อน
    แต่ถ้าจะสอนคนไปนิพพาน จิตของเราจะต้องเข้าถึงนิพพานก่อน
    แต่ถ้าจิตยังเข้าไม่ถึง แล้วเธอจะไปสอนหรือบอกอาการ อารมณ์นิพพานกับผู้อื่นได้อย่างไร
    จริงไหม

    ครูสอนจิตเกาะพระก็เช่นกัน ถ้าครูมีภูมิรู้ ภูมิธรรม หรือภูมิปัญญาต่ำ แล้วครูจะไปสอนลูกศิษย์ได้ยังไง
    ตกม้าตายกันพอดี ตายน้ำตื้นพอดี เพราะฉะนั้น ถ้าครูไม่มีปัญญามาตอบการบ้านลูกศิษย์
    หรือไม่รู้จะตอบคำถามกับลูกศิษย์ของตนอย่างไรดี
    นั่นแสดงว่า จิตไม่มีสมาธิ จึงเป็นบ่อเกิดจิต ไม่มีปัญญา นั่นเอง
    ถ้าครูไม่มีปัญญา หรือมีแต่น้อย ก้ไม่รู้จะเอาธรรมะอะไรไปตอบเขา
    ยิ่งตอนนี้จิตคุณแนทเริ่มเข้าท่า เริ่มเข้าทีแล้วนะ นิ่งมากขึ้นจะเห็นความเปลี่ยนจิตมากขึ้น
    ธรรมก็เริ่มจะผุดออกมาจากจิตแล้ว ขอทรงต่อไปนะ
    อีกไม่นาน คำว่าสังขารตนเองนั้น ที่แท้มันก็แค่เกิดดับเท่านั้นเอง
    เมื่อจิตวางทุกสิ่งได้ก่อน ต่อไป ตัวจิตเองก็จะวางตัวรู้หรือ ออกมาจากตัวจิตเอง
    เดี๋ยวคุณแนทจะค่อยๆออกมาอธิบายให้กับพวกเราฟังทีละนิดเอง

     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 ตุลาคม 2013
  15. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    แก่น...

    แก่นของไม้ หมายถึงส่วนที่อยู่ข้างในสุด ส่วนมากแก่นของไม้ จะเป็นสีแดง ซึ่งเป็นส่วนที่แข็งที่สุด เรียกว่าแก่นไม้ เป็นส่วน ที่เป็นประโยชน์สูงสุดที่มนุษย์ต้องการนำไปใช้ประโยชน์มากที่สุด

    แก่นของศาสนาพุทธ หมายถึงส่วนที่เป็นธรรมคำสอนที่ พระพุทธองค์ตรัสรู้ เป็นส่วนสำคัญที่สุด เป็นอุดมการณ์ สูงสุดในศาสนาพุทธ คือ "เจโตวิมุตติ และปัญญาวิมุตติ" คือ การตรัสรู้ทำให้หลุดพ้นจากกิเลสอันไม่กลับไปแพ้อีก ต่อไป คือ "วิมุตติ"แล้วก็เป็นอันจบสิ้นแล้ว ผู้หลุดพ้นแล้ว จึงไม่ต้องมาศึกษาเรียนรู้อีก "กิจที่ต้องทำไม่มี" แล้ว

    อย่างไรเสีย ผู้ต้องการแก่นไม้ก็ต้องเอาเปลือกเอากระพี้ออก จึงจะได้แก่นไม้ไปทำประโยชน์ ส่วนผู้จะไปถึงแก่นของพุทธศาสนา ก็ต้องบำเพ็ญทาน ศีล สมาธิ ปัญญา ต้องบำเพ็ญเพียรจนปัญญาแก่กล้าจึง จะทำลายกิเลสด้วยปัญญา จนวิมุตติหลุดพ้นจากกิเลสอย่าง สิ้นเชิง ไม่ง่ายเลยที่จะทะลุทะลวงกิเลสให้สิ้นไปได้ และไม่ยากเลย สำหรับผู้มีปัญญาพากเพียรย่อมไปถึงฝั่งโน้น คือ พระนิพพาน ได้อย่างแน่นอน...

    "ผู้ไปนิพพานคือเขาโค ผู้ไปนรกมากมายเหมือนขนโค"


    สมเด็จพระญานสังวร สมเด็จพระสังฆราช

    Cr.. FB อุทยานธรรม .../ FB Pattranit Chance
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ตุลาคม 2013
  16. therd2499

    therd2499 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    388
    ค่าพลัง:
    +3,209
    ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 11 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 9 คน ) [ แนะนำเรื่องเด่น ]
    therd2499, Dhammanee



    ครูกับลูกศิษย์เฝ้ากระทู้2คน
     
  17. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    [​IMG]


    การปรุงแต่งของใจ​


    คนเราที่เป็นทุกข์กันอยู่ทุกวันนี้...
    สาเหตุที่แท้จริงอยู่ที่การปรุงของใจ
    มิใช่อยู่ที่อะไรอื่น ...

    จะโลภก็เพราะใจปรุงให้โลภ
    จะโกรธก็เพราะใจปรุงให้โกรธ
    จะหลงก็เพราะใจปรุงให้หลง
    หรือจะสุขก็เพราะใจปรุงให้สุข
    จะทุกข์ก็เพราะใจปรุงให้ทุกข์

    ดังนั้น สิ่งที่ควรระมัดระวังที่สุด
    คือ การปรุงของใจตนเองนี้แหละ
    มิใช่การกระทำของคนอื่น
    คนอื่นจะทำอะไรอย่างไร
    ถ้าเราระวังการปรุงของใจของเราเองให้ถูกต้องแล้ว
    ความทุกข์ของเราจะไม่เกิด เพราะการกระทำของเขาเลย…​

    :
    สมเด็จพระญาณสังวร
    สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก​
     
  18. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    [​IMG]
     
  19. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    ขอเชิญทุกท่านร่วมอนุโมทนาบุญ
    กฐินพระราชทาน ณ วัดสันติวงศาราม เบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ​


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    งานนี้สมาคมจิตเกาะพระ สายUK รวมทีมกันไปร่วมบุญกฐินพระราชทานในครั้งนี้ด้วย...
    จิตบุญ คุณแม่มาลินี ,คุณเพ็ญ (Golden Sky),คุณสำรวย และ คุณอุ๋ย( LadyLamb)
    ได้ไปร่วมงานบุญนี้ด้วย...​


    [​IMG][​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ตุลาคม 2013
  20. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    สถานปฎิบัติธรรม..ที่ดีที่สุดในโลก
    (ไม่มีหรอก)

    มีแต่..สถานปฎิบัติธรรมที่ดีที่สุดของตนเอง

    คำตอบ ก็คือ ภายในกาย ภายในใจของตนเอง นั่นยังไงหล่ะ

    ธรรมไม่มี ธรรมจะไม่เกิดจากที่ใดเลย
    นอกจาก ภายในกายของตน ภายในจิตของตน เท่านั้น
    นอกนั้น สิ่งประกอบ สิ่งล่อหลอกให้ไปทำอย่างนั้น อย่างนี้เท่านั้นเอง

    ตราบใด น้ำใสยังอยู่ที่บ่อน้ำนั้น
    ธรรมะสดๆ ย่อมผุดออกมาจากจิตข้างในตน นั่นเอง

    คนที่กำลังตามหาน้ำบริสุทธิ์มาดื่มกินกันอยู่นั้น
    จึงไม่ต่างกับผู้ที่กำลังปฎิบัติธรรมกันอยู่ ณ เวลานี้
    ท่องเที่ยวไป ตามหาสถานที่อันเป็นที่ปลีกวิเวกไป
    ตามหากันเข้าไป เพราะสถานปฎิบัติธรรมที่ดีที่สุดในโลกนี้ ไม่มีดอก
    ตราบใดผู้ปฎิบัติยังตามหาจิตตนยังไม่พบ
    ย่อมเท่ากับยังตามหาความสงบภายในจิตตนก็ยังไม่พบ เช่นเดียวกัน


    ส่วนผู้ใดพบแล้ว ย่อมจะไม่ตามหาสถานที่ปลีกวิเวกนั้น อีกต่อไปแล้ว
    เพราะพบแล้ว รู้แล้ว ว่าจิตเรามันเป็นหน้าตายังไง
    รู้แล้วว่าความสงบภายในจิตเรามันเป็นยังไง
    ได้ชิมรสชาติแห่งความสงบสุขที่แท้จริงๆของตนแล้ว
    เท่ากับได้ชิมรสพระธรรมอันบริสุทธิ์ของพระพุทธองค์แล้ว เช่นกัน

    ผู้ใดพบธรรมดา พบธรรมชาติภายในจิตของตน
    ย่อมจะรู้ในความหมายของคำว่า สัทธรรม เป็นอย่างดี


    เธอทั้งหลาย จงพิจารณาทุกข์ของตนเองให้ดีเถิด
    จะรู้ว่ามันมี มันอยู่ ตามธรรมชาติของมันอยู่แล้ว
    หรือมีแค่เกิดและดับเท่านั้น นอกนั้น ไม่มี
    ลองทำจิตให้ว่างแล้วจะยิ่งเห็นชัด

    เช่น ขันธ์ ๕ หรือร่างกายของเรา
    เมื่อหลงมาเกิดมีกายหยาบ มีเลือด มีเนื้อ มีจิตใจ ย่อมมีตัวสังขารคอยปรุงแต่งช่วยจิต
    พาจิตหมุนดำเนินไปตามสิ่งที่กิเลสตัณหาแห่งตน ต้องการ

    มีบุรุษผู้หนึ่ง ผู้ประเสริฐพบอริยสัจจ์แล้ว นิยมเดินสวนทางกิเลสของตน
    ทุกคนก็ทราบเป็นอย่างดี นั่นคือผู้ใด?...

    เพราะฉะนั้น ผู้ที่กำลังตกอยู่ในห่วงแห่งความทุกข์นั้น
    ก็คือ พวกที่กำลังหลงกายใจตนเอง หลงมัวเมากับสิ่งยั่วยุต่างๆ
    หรือกำลังหลงทาง คือเดินตามกิเลสตน

    ศีลใครศีลมัน รักษากันเอง
    จิตใครจิตมัน ดูแลกันเองนะ


    ด้วยความปรารถนาดี...

    ภูทยานฌาน
     

แชร์หน้านี้

Loading...