เหรียญบิน หลวงพ่อทรง - แพโบสถ์น้ำ หลวงตา (เล็ก) น. ๑๒๖๕

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย พี เสาวภา, 7 เมษายน 2008.

  1. แสงแข

    แสงแข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,935
    ค่าพลัง:
    +44,410
    [​IMG]

    พระโพธิ์เก้าใบหลังรูปเหมือน ( เคล็ดพลิกแผ่นดิน )
    หลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน วิเศษชัยชาญ


    คุณพี เสาวภา : ผู้สร้างพระ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤศจิกายน 2013
  2. rungaran

    rungaran เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    15,573
    ค่าพลัง:
    +57,322
    ***กราบอนุโมทนาบุญทุกๆอย่างครับ***
     
  3. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,040
    เบื่อทะเล ก็ไปเที่ยวภูเขาแถว เพชรบูรณ์ อากาศกำลังหนาวเชียว แล้วแวะกราบสนทนาธรรม หลวงพ่อวิรัช พักผ่อนหลับนอนห้องเหรียญบิน -แพโบสถ์น้ำ วัดธรรมยาน
     
  4. แสงแข

    แสงแข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,935
    ค่าพลัง:
    +44,410
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤศจิกายน 2013
  5. แสงแข

    แสงแข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,935
    ค่าพลัง:
    +44,410
    [​IMG]

    กราบ กราบ กราบ หลวงพ่ออั๊บ วัดท้องไทร ค่ะ
     
  6. bearkery

    bearkery เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,668
    ค่าพลัง:
    +6,383
    ผมขออนุญาติขอความรู้หน่อย
    เวลาที่เราได้เกษาของพระอาจารย์มาแล้ว ผมต้องการจะนำมาติดไว้กับวัตถุมงคล
    ไม่ว่าจะเป็นเหรียญหรือพระผง ควรใช้กาวชนิดใดหรือสิ่งใดช่วยติดครับ
     
  7. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,040
    [​IMG][​IMG]

    ท่านใดต้องการใบอนุโมทนาบัตร ติดต่อได้โดยตรงเลยนะครับ ​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤศจิกายน 2013
  8. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,295
    เรื่อเงินทองคุยในกระทู้ประมูลน่ะจ้ะ กระทู้นี้มีมารผจญอยู่

    ไปคุยที่นั่น คุยได้ถนัด เราจะวิ่งสองกระทู้ไปตลอดครับ

    ทำบึุญ ได้บุญครับ ไม่มีทางเลิก ไม่มีเข็ดขยาด มีแต่ติดใจ
     
  9. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,295
    การลาเท็กซ์ ก็ใช้ได้น่ะครับ กาวราช้างจะซึมไปในเนื้อพระผง ถ้าไม่ถือ ไม่เป็นไร
     
  10. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,295
    ประมูลรอบหน้า จะเอามา จ่ายค่าอุปกรณ์ไฟฟ้า สองหมื่นบาทครับ

    สงสารท่านอาจารย์น่ะ ผมได้ยินสองล้านคงช็อคเหมือนกัน

    เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงเรื่องของพระอาจารย์ จวน กุลเชฏโถ พระที่ท่านเป็นพระ สหชาติกับ พระเจ้าอยู่หัวน่ะ แบบพระอาจารย์ วันน่ะครับ ส่วนพระอาจารย์สิงห์ทอง น่าจะอายุ น้อยกว่านิดหนึ่ง ท่านทั้งหมด ล่ะสังขารด้วยเครื่องบินตกที่ปทุมธานีครับ

    ตอนท่านคิดจะทำบันไดที่ ภูทอก ให้ลูกศิษย์มาออกแบบ เอาฝรั่งมาคำนวน พอทำเสร็จเอาไปรายงานท่าน ผมจำได้ว่าหลายสิบล้านในยุคนั้น ( เท่าไหร่ เลือนๆ )

    พระอาจารย์จวน ท่านฟังแล้วตกใจ ท่านบอกว่า สิบล้าน ( สมมุติ ) ไม่มีหรอก มีอยู่ล้านเดียว....บนหัว อาตมานี่แหละ

    แหะๆ กราบๆ ๆ ผมเล่าตามที่บันทึกไว้น่ะครับ สงสารพระน่ะครับ ท่านที่เป็นพระจริงๆ ไม่มีเงินน่ะครับ มีแค่ล้านเดียวตามที่พระอาจารย์จวนท่านว่า

    เราจะช่วยพระแบบนี้ครับ เต็มกำลังที่มีครับ ..ขอให้มีวาสนาเจอเถอะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤศจิกายน 2013
  11. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,295
    ยังไม่จบครับ....แหะๆ
     
  12. bearkery

    bearkery เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,668
    ค่าพลัง:
    +6,383
    ขอบคุณครับพี่พี
     
  13. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,040
    [​IMG][​IMG]

    แวะไปกราบเจ้าพ่อบ่อเหล็กน้ำพี้ ตั้งจิตบวงสรวง บอกกล่าวตามถนัดว่า อิทัง ปุญญะพลังบุญใดกุศลใดที่ข้าพเจ้าได้สร้างสมมาดีแล้ว แต่อดึต จนถึงปัจจุบันและที่จะได้กระทำต่อไปในอนาคต
    จะยังเกิดประโยชน์ ความสุข แก่ข้าพเจ้าเพียงใด ​

    ข้าพเจ้าขออุทิศ สวนบุญส่วนกุศลทั้งหลายเหล่านั้นให้กับ พระพรหมเจ้าที่ พระภูมิเจ้าที่ เจ้าที่เจ้าทาง เจ้าพ่อ เจ้าแม่ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่สถิตย์อยู่ ณ สถานที่แห่งนี้
    ขอจงได้ร่วมรับรู้ ร่วมโมทนา ร่วมเป็นเจ้าภาพ ได้รับประโยชน์ ความสุข เช่้นเดียวกับที่ข้าพเจ้าจะถึงได้รับเทอญ อิทธิ ฤทธิ พุทธะ นิมิตตัง ขอเดชะ เดชัง ขอเดช เดชะ จงมาเป็นที่พึ่ง แก่ มะ อะ อุ นี้ด้่วยเถิด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤศจิกายน 2013
  14. ญานธรรม

    ญานธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,936
    ค่าพลัง:
    +14,705
    โมทนาบุญทุกท่านครับ
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 พฤศจิกายน 2013
  15. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,295
    เปิดเกม ประวัติ ท่านเจ้าขรัวเงิน ครูแสงแข ค้นมาให้ มันส์มาก

    เอามาลงอีกน่ะครับ

    เจ้าขรัวเงิน แซ่ตัน
    จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

    เจ้าขรัวเงิน แซ่ตัน
    เกิด ไม่ปรากฏ (สมัยกรุงศรีอยุธยา)
    เสียชีวิต ไม่ปรากฏ (สมัยกรุงธนบุรี)
    รู้จักในสถานะ พระภัสดา (สามี) ในเจ้าฟ้าแก้ว
    คู่สมรส สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าแก้ว กรมพระศรีสุดารักษ์
    บิดา เศรษฐีชาวจีนฮกเกี้ยน
    มารดา น้องสาวของท่านผู้หญิงน้อย

    เจ้าขรัวเงิน แซ่ตัน เป็นพระภัสดา (สามี) ในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าแก้ว กรมพระศรีสุดารักษ์ (พระพี่นางในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช) มีนามเดิมว่า เงิน เป็นบุตรชายคนโตของเศรษฐีชาวจีนฮกเกี้ยนกับน้องสาวของท่านผู้หญิงน้อย ภรรยาของเจ้าพระยาชำนาญบริรักษ์ (อู่) บิดาของท่านสืบเชื้อสายมาจากขุนนางในกรุงปักกิ่ง มีพี่น้อง 2 คน คือ เจ้าขรัวเงิน และ เจ้าขรัวทอง

    เจ้าขรัวเงิน แซ่ตัน มีพระราชโอรส-พระราชธิดากับสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าแก้ว กรมพระศรีสุดารักษ์

    พระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้าตัน กรมหลวงเทพหริรักษ์ พระนามเดิม ตัน พระโอรสองค์ที่ 1 เป็นต้นราชสกุลเทพหัสดิน

    พระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้าฉิม กรมขุนอนัคฆนารี พระนามเดิม ฉิม (เจ้าฟ้าหญิงฉิม) พระธิดาองค์ที่ 2

    สมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี พระนามเดิม บุญรอด พระธิดาองค์ที่ 3 เป็นพระอัครมเหสีในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย

    พระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุ้ย กรมหลวงพิทักษ์มนตรี พระนามเดิม จุ้ย พระโอรสองค์ที่ 4 เป็นต้นราชสกุลมนตรีกุล

    พระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้าเกศ กรมขุนอิศรานุรักษ์ พระนามเดิม เกศ พระโอรสองค์ที่ 5 เป็นต้นราชสกุลอิศรางกูร

    เจ้าขรัวเงินและเจ้าขรัวทองได้สร้างวัดคนละวัดคือวัดเงินและวัดทองขึ้นตามนามของบุคคลทั้งสอง ณ สองฝั่งคลองบางพรม วัดเงินต่อมาคือวัดรัชฎาธิษฐาน วัดทองต่อมาคือวัดกาญจนสิงหาสน์ วัดทั้งสองได้รับการบูรณะในสมัยรัชกาลที่ 1 โดยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชและสมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี

    เจ้าขรัวเงิน แซ่ตัน ถึงแก่พิราลัยในสมัยกรุงธนบุรี
     
  16. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,040
    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ : ตายไม่สูญ แล้วไปไหน

    ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

    ที่เกิดของหมู่สัตว์ ย่อมไม่พ้นไปจาก ๓๑ ภพภูมิ ซึ่งจำแนกเป็น อบายภูมิ ๔

    มนุสสภูมิ(ภูมิมนุษย์) ๑ สวรรค์ ๖ ชั้น รูปพรหมภูมิ ๑๖ ชั้น และ อรูปพรหมภูมิ

    ๔ ชั้น ขึ้นอยู่กับว่า กรรมใดจะให้ผลทำให้เกิดในภพภูมิใด เป็นไปตามเหตุปัจจัย

    ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น

    ตามความเป็นจริงแล้ว ขณะนี้ทุกคนที่ได้เกิดเป็นมนุษย์ นับว่าเป็นผู้ยังปลอดภัย

    กว่าการเกิดในอบายภูมิ เพราะเหตุว่าในขณะที่เป็นมนุษย์ ยังมีโอกาสได้เจริญกุศล

    และ ยังมีโอกาสที่กุศลกรรมจะให้ผลได้ตามสมควรแก่เหตุ, แต่กาลข้างหน้า ซึ่งอาจ

    จะช้าหรือเร็วเพียงใดไม่มีใครทราบได้ที่จะต้องเปลี่ยนสภาพจากความเป็นบุคคลนี้ไป

    นั่นก็คือ ตายจากโลกนี้ นั่นเอง เพราะฉะนั้น จึงควรที่จะได้ขวนขวายในการเจริญ

    กุศลประการตาง ๆ จริง ๆ เพราะเหตุว่าถ้าเป็นผลของอกุศลกรรมทำให้ไปเกิดใน

    อบายภูมิแล้ว นั่นหมายความว่าย่อมจะขาดการเจริญกุศลอย่างที่มนุษย์จะกระทำได้

    เป็นความจริงที่ว่า สำหรับผู้ที่เกิดเป็นมนุษย์ เวลาที่สิ้นชีวิตลง ละจากโลกนี้ไปแล้ว

    ไปสู่อบายภูมิได้ทั้ง ๔ คือ จะเกิดเป็นสัตว์นรกก็ได้ เกิดเป็นเปรตก็ได้ เกิดเป็น

    อสุรกายก็ได้ เกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉานก็ได้ ถ้าเป็นผลของอกุศลกรรม, และก็สามารถไปสู่

    สุคติภูมิได้ทั้ง ๗ ภูมิ (คือ มนุษย์ภูมิ และ สวรรค์ ๖ ชั้น) แล้วแต่ว่าจะเป็นผลของกุศล

    กรรมประเภทใด และถ้าเป็นผู้ได้อบรมความสงบของจิตจนถึงขั้นรูปฌาน เมื่อฌาน

    ไม่เสื่อม ก็สามารถไปเกิดเป็นรูปพรหมบุคคลได้ ถ้าเป็นผู้อบรมเจริญความสงบของจิต

    จนถึงขั้นอรูปฌาน เมื่อฌานไม่เสื่อมก็สามารถไปเกิดในภูมิที่ไม่มีรูปเลย มีแต่นามธรรม

    เท่านั้นได้ (คือ เกิดเป็นอรูปพรหมบุคคล) และประการที่สำคัญที่สุด คือ ถ้ามีการอบรม

    เจริญปัญญาถึงขั้นที่จะสามารถดับกิเลสทั้งหลายทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาด ถึงความ

    เป็นพระอรหันต์แล้ว ดับขันธปรินิพพาน ก็ไม่มีการเกิดอีกเลยไม่ว่าจะเป็นในที่ไหน

    ทั้งสิ้น [เหมือนอย่างพระอรหันต์ทั้งหลายในอดีต แต่ยุคนี้สมัยนี้ไม่มีพระอรหันต์แล้ว]

    เพราะฉะนั้น ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถและกรรมของแต่ละบุคคล เพราะเหตุว่าถ้ายัง

    ไม่ได้เป็นพระอริยบุคคล ก็ยังจะเกิดในอบายภูมิได้ เมื่อเป็นผลของอกุศลกรรม

    เพราะฉะนั้น ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็ไม่ควรที่จะประมาทในชีวิต ควรอย่างยิ่งที่จะได้

    เจริญกุศลประการต่าง ๆ สะสมแต่สิ่งที่ดีงามในชีวิตประจำวัน พร้อมทั้งฟังพระธรรม

    ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา ด้วย ถ้าละเลยในสิ่งเหล่านี้ เป็นผู้ประมาทมัวเมา

    ประกอบแต่อกุศลกรรม เมื่ออกุศลกรรมให้ผล ทำให้ไปเกิดในอบายภูมิแล้ว เมื่อนั้น ก็

    ไม่สามารถจะโทษใครได้เลย เพราะตนเองเป็นผู้กระทำกรรมไม่ดีเอง ผลที่ไม่ดีก็ย่อม

    เกิดกับตนเองเท่านั้น ใคร ๆ ก็ช่วยไม่ได้.
    อ้างอิง บทความจากบ้านธรรมะ , khampan.a วันที่ 3 ส.ค. 2554 22:12





     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤศจิกายน 2013
  17. แสงแข

    แสงแข เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    7,935
    ค่าพลัง:
    +44,410
    ท่านเจ้าขรัวเงิน แซ่ตัน
    จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

    เจ้าขรัวเงิน แซ่ตัน เป็นพระภัสดา (สามี) ในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าแก้ว กรมพระศรีสุดารักษ์ (พระพี่นางในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช) มีนามเดิมว่า เงิน เป็นบุตรชายคนโตของเศรษฐีชาวจีนฮกเกี้ยนกับน้องสาวของท่านผู้หญิงน้อย ภรรยาของเจ้าพระยาชำนาญบริรักษ์ (อู่) บิดาของท่านสืบเชื้อสายมาจากขุนนางในกรุงปักกิ่ง มีพี่น้อง 2 คน คือ เจ้าขรัวเงิน และ เจ้าขรัวทอง

    เจ้าขรัวเงิน แซ่ตัน มีพระราชโอรส-พระราชธิดากับสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าแก้ว กรมพระศรีสุดารักษ์

    พระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้าตัน กรมหลวงเทพหริรักษ์ พระนามเดิม ตัน พระโอรสองค์ที่ 1 เป็นต้นราชสกุลเทพหัสดิน

    พระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้าฉิม กรมขุนอนัคฆนารี พระนามเดิม ฉิม (เจ้าฟ้าหญิงฉิม) พระธิดาองค์ที่ 2

    สมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี พระนามเดิม บุญรอด พระธิดาองค์ที่ 3 เป็นพระอัครมเหสีในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย

    พระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุ้ย กรมหลวงพิทักษ์มนตรี พระนามเดิม จุ้ย พระโอรสองค์ที่ 4 เป็นต้นราชสกุลมนตรีกุล

    พระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้าเกศ กรมขุนอิศรานุรักษ์ พระนามเดิม เกศ พระโอรสองค์ที่ 5 เป็นต้นราชสกุลอิศรางกูร

    เจ้าขรัวเงินและเจ้าขรัวทองได้สร้างวัดคนละวัดคือ

    วัดเงินและวัดทองขึ้นตามนามของบุคคลทั้งสอง ณ สองฝั่งคลองบางพรม

    วัดเงินต่อมาคือวัดรัชฎาธิษฐาน วัดทองต่อมาคือวัดกาญจนสิงหาสน์

    วัดทั้งสองได้รับการบูรณะในสมัยรัชกาลที่ 1 โดยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชและสมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี

    เจ้าขรัวเงิน แซ่ตัน ถึงแก่พิราลัยในสมัยกรุงธนบุรี


    ตำหนักแดง
    ตำหนักแดงภายในพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ พระนคร



    จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

    [​IMG]
    ตำหนักแดง สร้างขึ้นภายในพระบรมมหาราชวังในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เพื่อพระราชทานเป็นที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์ พระพี่นางพระองค์น้อยในพระองค์ ต่อมา พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงรื้อพระตำหนักฝ่ายในภายในเขตพระราชฐานชั้นในเพื่อเปลี่ยนเป็นตำหนักตึกทั้งหมด ดังนั้น จึงโปรดให้รื้อตำหนักแดงไปปลูกที่พระราชวังเดิม เพื่อเป็นที่ประทับของสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินีและสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ โดยตำหนักแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกนั้นเป็นที่ประทับสมเด็จพระศรีสุริเยนทรา ปัจจุบัน ตำหนักส่วนนี้ได้ถูกรื้อไปปลูกเป็นกุฏิเจ้าอาวาสวัดเขมาภิรตาราม จังหวัดนนทบุรี ส่วนที่สองเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ปัจจุบัน ตั้งอยู่ภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร


    ตำหนักแดงเป็นตำหนักที่สร้างขึ้นด้วยเครื่องไม้เพื่อเป็นที่ประทับของสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์ พระพี่นางพระองค์น้อยในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ตั้งอยู่บริเวณหลังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทภายในพระบรมมหาราชวัง โดยพระองค์ทรงมีหน้าที่กำกับเครื่องใหญ่ในโรงวิเสศต้น (ห้องครัว) และการสดึง เป็นต้น เนื่องจากตำหนักแห่งนี้ทาสีแดง จึงเรียกว่า ตำหนักแดง

    ตำหนักแดงภายในพระบรมมหาราชวัง ประกอบด้วย ตำหนัก 2 หลัง โดยหลังแรกเป็นที่ประทับของสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์ตราบจนพระองค์สิ้นพระชนม์ ต่อมา เมื่อพระบาทสมเด็จพระเลิศหล้านภาลัยเสด็จขึ้นครองราชสมบัติแล้ว ทรงเชิญสมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี สมเด็จพระบรมราชนนีในพระองค์มาประทับภายในพระบรมมหาราชวังโดยประทับ ณ ตำหนักแดงหลังนี้ ชาววังจึงเรียกตำหนักแห่งนี้ว่า "พระตำหนักตึก" ส่วนตำหนักแดงหลังที่ 2 นั้น สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยบริเวณหลังพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน เพื่อใช้เป็นที่ประทับของสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี พระอัครมเหสีในพระองค์

    เมื่อพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติแล้ว สมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี พระอัครมเหสีในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พร้อมกับพระราชโอรส คือ สมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ ได้เสด็จออกไปประทับ ณ พระราชวังเดิม ซึ่งในระยะเวลานั้น พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงรื้อหมู่ตำหนักภายในเขตพระราชฐานชั้นในเพื่อสร้างเปลี่ยนตำหนักไม้เป็นตำหนักตึก พระองค์จึงโปรดเกล้าฯ ให้รื้อตำหนักแดงที่ประทับของสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินีไปปลูกที่พระราชวังเดิมด้วย เมื่อสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินีสวรรคต ตำหนักแดงในส่วนที่ประทับของพระองค์ได้รื้อไปถวายเป็นกุฏิเจ้าอาวาสวัดโมลีโลกยาราม

    ต่อมา เมื่อสมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ได้รับสถาปนาขึ้นเป็นพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวที่กรมพระราชวังบวรสถานมงคล พระองค์ได้เสด็จไปประทับ ณ พระบวรราชวัง (พระราชวังบวรสถานมงคล) ทรงให้รื้อตำหนักแดงที่ถวายเป็นกุฏิเจ้าอาวาสวัดโมลีโลกยารามไปปลูกถวายเป็นกุฏิเจ้าอาวาสวัดเขมาภิรตาราม จังหวัดนนทบุรี พร้อมทั้งทรงรื้อตำหนักแดงในส่วนที่ประทับเดิมของพระองค์ที่พระราชวังเดิมนั้นมาปลูก ณ พระบวรราชวัง

    ปัจจุบัน

    หลังจากได้ย้ายตำหนักแดงมาปลูกไว้บริเวณด้านหลังของหมู่พระวิมานแล้ว เมื่อเวลาผ่านไปตำหนักแดงอยู่ในสภาพที่ชำรุดทรุดโทรมอย่างมาก ดังนั้น สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ได้พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อปฏิสังขรณ์ตำหนักให้คืนสู่สภาพดังเดิม หลังจากนั้น กรมศิลปากรได้ทำการย้ายตำหนักแดงจากที่ตั้งเดิมมาตั้งอยู่บริเวณหลังพระที่นั่งศิวโมกข์พิมาน ปัจจุบัน ตำหนักแดงเป็นส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครใช้จัดแสดงสิ่งของส่วนพระองค์ของสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี และสิ่งของเครื่องใช้ในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์



    นำประวัติของท่านทั้ง๒ ท่านเจ้าขรัวเงิน แซ่ตัน พระภัสดา (สามี) ในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าแก้ว กรมพระศรีสุดารักษ์ มาเผยแพร่ ในโอกาสที่คุณพี เสาวภา จัดสร้างมีดหมอวิชัยยุทธ มีมวลสารสำคัญเกี่ยวเนื่องด้วยท่านทั้ง ๒ กราบท่านทั้ง ๒ ด้วยระลึกในพระคุณค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 พฤศจิกายน 2013
  18. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,040
    [​IMG][​IMG]


    ปัจจุบัน

    หลังจากได้ย้ายตำหนักแดงมาปลูกไว้บริเวณด้านหลังของหมู่พระวิมานแล้ว เมื่อเวลาผ่านไปตำหนักแดงอยู่ในสภาพที่ชำรุดทรุดโทรมอย่างมาก ดังนั้น สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ได้พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อปฏิสังขรณ์ตำหนักให้คืนสู่สภาพดังเดิม หลังจากนั้น กรมศิลปากรได้ทำการย้ายตำหนักแดงจากที่ตั้งเดิมมาตั้งอยู่บริเวณหลังพระที่นั่งศิวโมกข์พิมาน ปัจจุบัน ตำหนักแดงเป็นส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครใช้จัดแสดงสิ่งของส่วนพระองค์ของสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี และสิ่งของเครื่องใช้ในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์
     
  19. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,295
    ตำหนักแดงของ ท่านเจ้าขรัวเงิน ยังอยู่ที่วัดเงินน่ะครับ ไปคราวหน้าผมจะถ่ายรูปมา

    ในยุคนั้น พอเจ้าท่าน พิราลัย บุตรหลานจะไม่กล้าอยุ่ จะยกไปถวายวัดทั้งหลังครับ

    มายุคนี้ บ้านแบบนี้ราคาแพงมาก คนคงไม่ถือกันแล้วครับ
     
  20. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,295
    ไม้มงคลที่เอามาทำ ด้ามมีด เน้นด้ามมีด และ ฝักมีดครับ

    <a href="http://s1290.photobucket.com/user/nemoh75/media/20130714_081909_zps09406274.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1290.photobucket.com/albums/b525/nemoh75/20130714_081909_zps09406274.jpg" border="0" alt=" photo 20130714_081909_zps09406274.jpg"/></a>

    ท่อนนี้เปิดเผยเลยครับ ยังมีพยานยืนยัน ท่อนนี้ยุคหนึ่งมีค่ามาก มหาศาล ท่อนนี้เป็นท่อนหนึ่งเป็นไม้ตะเคียนทอง ทีตัดพลีเอามาทำศาลหลักเมือง นครศรีธรรมราชน่ะครับ เชื่อกันว่ามี แจ้าแม่ นางตะเคียนอยู่ ท่านมีชื่อว่า ท่านแม่ อินทภาณี

    ท่อนนี้เป็นท่อนเล็กๆท่อนเดียว ได้มาจากคนที่ไปตัดมาและ ให้มาทำกุศล แกะเป็นรูปวัตถุ ท่านแม่อินทภาณีได้ไปเข้าฝันเจ้าของไม้ว่าให้เขาเอาไปทำกุศล เจ้าของไม้เลยให้มา ท่อนนี้ผมเอาไปทำด้ามมีด มีจำนวนจำกัด เล่มหนึ่งเอาไปคืนเจ้าของไม้ เป็น สินน้ำใจ หลังออกพรรษานี้ ท่อนนี้จะเป็นท่อนปลายๆ มีส่วนที่รานและ ผุอยู่ ส่วนที่ผุ ได้ตัดทิ้งคัดแต่ส่วนที่ดีๆ ซึ่งมีลายสวยงามมากสุดบรรยาย ใครเห็นใครชอบ เนื้อแห้งสนิท

    เรื่องนี้ใครไม่เชื่อ ให้ข้ามไปน่ะครับ ตั้งแต่ได้มา ผมกราบท่านทุกวันคืน เรียกท่านว่า แม่อิน ผมใช้เล่มหนึ่งพกติดกระเป๋าเอกสารไปด้วยกันครับ

    ด้ามที่เป็นไม้ตะเคียนทอง ไม่มีจำหน่าย ไม่มีประมูล ไม่มีแจกน่ะครับ มีเจ้าของทุกด้ามครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤศจิกายน 2013

แชร์หน้านี้

Loading...