จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    "เมื่อ เรา สังเกต กิริยาจิต ไปเรื่อย ๆ จนเข้าใจถึง เหตุปัจจัย

    ...ของ อารมณ์ ความนึกคิด ต่าง ๆ ได้แล้ว จิต ก็จะ ค่อย ๆ รู้

    เท่าทัน การเกิด ของ อารมณ์ ต่าง ๆ อารมณ์ ความนึกคิดต่าง ๆ ก็จะค่อย ๆ

    ดับไป เรื่อย ๆ จน จิตว่าง จาก อารมณ์แล้ว จิต ก็จะเป็น อิสระ อยู่ต่างหาก

    จาก เวทนา ของ รูปกายอยู่ที่ ฐานกำหนดเดิม นั่นเอง

    การทำ การเห็นนี้ เป็นการเห็น ด้วยปัญญาจัษุ"

    ...คำสั่งสอนของหลวงปู่ดูลยฺ อตุโล

    ...กราบน้อมรับพระธรรมของหวลวงปู่ดูลย์ เพื่อปฏิบัติตาม น้อมกราบหลวงปู่เจ้าค่ะกราบ
     
  2. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]
    ดอยเสมอดาว
    _น่าน_


    หนาวขนาดนี้ ถ้ามากันเป็นคู่ ถึงกายหนาวแต่ใจอุ่น
    แต่ถ้าคนไม่มีคู่ ทำไงดี

    ทางของเรา อาจจะโดดเดี่ยว แต่ไม่เคยเดียวดาย
    อาตเมา กล่าวไว้

    วันเบาๆ สลับธรรมะเบาๆ เอาใจวัยรุ่นหน่อย


    _FB_​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 มกราคม 2014
  3. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]

    ณ ขณะนี้ สถานการณ์บ้านเมืองกำลังร้อนรุ่มแลวุ่นวายมาก
    เพราะทางโลกกับกิเลส ซึ่งเป็นของร้อน ผู้ใดมีหรืออยู่ด้วยย่อมร้อนรุ่มและวุ่นวายเป็นเรื่องธรรมดา

    ร้อนมาก วุ่นวายมากหรือทุกข์มาก ก็หันหน้าเข้าหาธรรมกันบ้าง
    เพราะคำว่า ธ ร ร ม คือความจริง ซึ่งเป็นของเ ย็ น
    ดั่งอากาศร้อนมากคนส่วนใหญ่มักจะชอบทานแต่ของเย็นๆหวานๆ มิใช่รึ
    พยายามหาแต่สิ่งที่ดีเข้าหาจิตใจของตน พยายามหลีกเลี่ยงสิ่งที่เป็นบาป อกุศล
    เพราะกรรมทุกอย่างกำลังจดบันทึกเข้าที่จิตของตนทุกนาที ทุกลมหายใจ
    ยกเว้น ผู้ละรูปนามของตนเด็ดขาด โดยเฉพาะจิตคือผู้รู้ คือรู้แล้วต้องวางได้ด้วย มิใช่รู้แต่วางไม่เป็น
    เราจึงปิดประตูกรรมของตนได้แล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 มกราคม 2014
  4. เกียรติ_K

    เกียรติ_K เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +139
    ดอยเสมอดาว
    _น่าน_

    หนาวขนาดนี้ ถ้ามากันเป็นคู่ ถึงกายหนาวแต่ใจอุ่น
    แต่ถ้าคนไม่มีคู่ ทำไงดี

    ทางของเรา อาจจะโดดเดี่ยว แต่ไม่เคยเดียวดาย
    [B]อาตเมา กล่าวไว้[/B]
    " เล่นเอาขำเลยครูภู"
    วันเบาๆ สลับธรรมะเบาๆ เอาใจวัยรุ่นหน่อย
     
  5. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    [​IMG]

    "เมื่อ เรา สังเกต กิริยาจิต ไปเรื่อย ๆ จนเข้าใจถึง เหตุปัจจัย ของ อารมณ์ ความนึกคิด ต่าง ๆ ได้แล้ว จิต ก็จะ ค่อย ๆ รู้เท่าทัน การเกิด ของ อารมณ์ ต่าง ๆ อารมณ์ ความนึกคิด ต่าง ๆ ก็จะ ค่อย ๆ ดับไป เรื่อย ๆ จน จิตว่าง จาก อารมณ์ แล้ว จิต ก็จะเป็น อิสระ อยู่ต่างหาก จาก เวทนา ของ รูปกาย อยู่ที่ ฐานกำหนดเดิม นั่นเอง การเห็นนี้ เป็นการเห็น ด้วย ปัญญาจักษุ"

    หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
    ที่มา fb Cr พระอาจารย์พระอ๊อด วัดสันติวงศารามเบอร์บิ่งแฮมuk สาธุค่ะท่าน
     
  6. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]

    สภาวธรรม​

    หมายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งทางกายและทางใจ ในขณะปฏิบัติธรรมให้ผู้ปฏิบัติธรรมรับรู้ได้ บางครั้งก็เรียกว่าอารมณ์ของกรรมฐาน หรือสภาพธรรมที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริงของรูปนาม
    สภาวธรรม ในระยะเริ่มแรกของการปฏิบัติธรรม ได้แก่สิ่งที่เกิดขึ้นทางกายและทางใจ เมื่อผู้ปฏิบัติเจริญสติทางกาย ที่เรียกว่า กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน คือการเฝ้าดูกายในกาย เช่น การกำหนดอานาปานสติ หรือลมหายใจ การกำหนดพองยุบ เป็นการดูอาการของกายที่เคลื่อนไหว ในอิริยาบถใหญ่ต่างๆ การยืน เดิน นั่ง นอน และการเคลื่อนไหวทางกายในอิริยาบถย่อย คู้ เหยียด กระพริบตา กลืนน้ำลาย เหล่านี้เป็นอารมณ์กรรมฐานที่ผู้เจริญสติเฝ้าติดตามดูและติดตามรู้ เป็นการสังเกตุพฤติกรรมทางกาย เรียกง่ายๆ ว่าการเฝ้าดูอาการเคลื่อนไหวทางกายอยู่เนืองๆ


    สภาวธรรม 6 คู่ ได้แก่

    คู่ที่ 1 คือตา กับรูป ตาได้แก่ประสาทตาซึ่งรู้ได้ด้วยใจว่ามีอยู่ (ไม่ต้องผ่าตัดนำประสาทตาออกมาดู) ส่วนรูปที่ตาเห็นนั้นเอาเข้าจริงก็คือสีเท่านั้นเอง แต่ที่เห็นเป็นรูปคน รูปสัตว์นั้น เป็นสมมุติบัญญัติหรือคำเรียกขาน อันเกิดจากความจำได้ว่าสีที่ตัดกันเป็นทรวดทรงอย่างนี้ชาวโลกเขาเรียกกันว่ารูปอะไร ดังนั้นเมื่อตาเห็นรูป ให้รู้ว่าเป็นรูปก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องรู้ว่ารูปอะไร เพราะ "รูปอะไร" เป็นสมมุติบัญญัติ

    คู่ที่ 2 คือหู กับเสียง หูได้แก่ประสาทหูซึ่งรู้ได้ด้วยใจว่ามีอยู่ ส่วนเสียงที่หูได้ยินเป็นคลื่นเสียงในความถี่สูงๆ ต่ำๆ นั่นคือเสียงจริงๆ แต่ที่ฟังว่าเป็นเสียงคน เสียงสัตว์นั้น เป็นสมมุติบัญญัติหรือคำเรียกขาน อันเกิดจากความจำได้ว่าเสียงที่ได้ยินนั้นชาวโลกเขาเรียกกันว่าเสียงอะไร ดังนั้นเมื่อหูได้ยินเสียง ให้รู้ว่าเป็น(รูป)เสียงก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องรู้ว่าเสียงอะไร เพราะ "เสียงอะไร" เป็นสมมุติบัญญัติ

    คู่ที่ 3 คือจมูก กับกลิ่น จมูกได้แก่ประสาทจมูกซึ่งรู้ได้ด้วยใจว่ามีอยู่ กลิ่นที่ประสาทจมูกรับรู้นั้นเป็นเพียงสักว่ากลิ่น แต่ที่ว่ากลิ่นหอม กลิ่นเหม็น กลิ่นดอกกุหลาบ กลิ่นศพนั้น เป็นสมมุติบัญญัติหรือคำเรียกขาน อันเกิดจากความจำได้ว่ากลิ่นอย่างนี้ชาวโลกเขาเรียกกันว่ากลิ่นอะไร ดังนั้นเมื่อจมูกได้กลิ่น ให้รู้ว่าเป็น(รูป)กลิ่นก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องรู้ว่ากลิ่นอะไร เพราะ "กลิ่นอะไร" เป็นสมมุติบัญญัติ

    คู่ที่ 4 คือลิ้น กับรส ลิ้นได้แก่ประสาทลิ้นซึ่งรู้ได้ด้วยใจว่ามีอยู่ รสที่ลิ้นรู้เป็นสักว่ารส แต่ที่ว่ารสเปรี้ยว รสหวาน รสมะม่วง รสมะนาวนั้น เป็นสมมุติบัญญัติหรือคำเรียกขาน อันเกิดจากความจำได้ว่ารสอย่างนี้ชาวโลกเขาเรียกกันว่ารสอะไร ดังนั้นเมื่อลิ้นรับรส ให้รู้ว่าเป็น(รูป)รสก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องรู้ว่ารสอะไร เพราะ "รสอะไร" เป็นสมมุติบัญญัติ

    คู่ที่ 5 คือกาย กับโผฏฐัพพะ(สิ่งที่มากระทบกาย) โผฏฐัพพะมีหลายอย่างคือ ธาตุไฟหรือความเย็น/ร้อน ธาตุดินหรือความอ่อน/แข็ง และธาตุลมหรือความตึง/ไหว แต่ที่ว่ากายถูกแดด ถูกฝน ถูกยุงกัด ถูกคนต่อย ถูกลมพัดนั้น เป็นสมมุติบัญญัติหรือคำเรียกขาน อันเกิดจากความจำได้ว่าสิ่งสัมผัสกายอย่างนี้ชาวโลกเขาเรียกกันว่าอะไร ดังนั้นเมื่อกายกระทบโผฏฐัพพะ ให้รู้ว่าเป็น(รูป)เย็นร้อน (รูป)อ่อนแข็ง (รูป)ตึงไหวก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องรู้ว่าสิ่งใดมากระทบ เพราะ "สิ่งใดๆ" นั้นเป็นสมมุติบัญญัติ

    คู่ที่ 6 คือใจ กับธัมมารมณ์(สิ่งที่มากระทบใจ) ธัมมารมณ์มีหลากหลายที่สุด ได้แก่ (1) รูปบางอย่าง(เช่นรูปยืนเดินนั่งนอนคู้เหยียด) (2) จิตทั้งหมด (3) เจตสิกทั้งหมด (4) บัญญัติ และ (5) นิพพาน ส่วนใจก็คือจิตชนิดหนึ่งที่ทำหน้าที่รู้ธัมมารมณ์นั่นเอง ในเวลาทำวิปัสสนาสิ่งที่ผู้ปฏิบัติควรรู้เบื้องต้น ได้แก่รูปยืน เดิน นั่ง นอน คู้ เหยียด ตลอดจนความรู้สึกทางใจทั้งหลายอันเป็นอารมณ์ปรมัตถ์ เช่นความรู้สึกสุข ความรู้สึกทุกข์ ความรู้สึกโกรธ ความรู้สึกโลภ ความรู้สึกหลง ความรู้สึกฟุ้งซ่าน ความรู้สึกหดหู่ เป็นต้น

    นอกจากนี้ควรจำแนกให้ออก ถึงความคิดหรือสมมุติบัญญัติที่เกิดตามหลังการรู้รูปและตามหลังการรู้ความรู้สึก เช่นพอรู้รูปอย่างหนึ่งก็เกิดความคิดบรรยายว่า “นี่คือรูปนั่งไม่ใช่เรานั่ง” เป็นต้น หรือพอรู้สึกโกรธก็อาจจะเกิดความคิดว่า “นี่คือความโกรธไม่ใช่เราโกรธ” หรือเกิดการคิดนึกไปตามอำนาจของความโกรธเช่น “คิดถึงคนที่ทำให้โกรธ” เป็นต้น สมมุติบัญญัติเหล่านี้ไม่มีความสำคัญใดๆ ต่อการทำวิปัสสนา แต่ก็ควรปล่อยมันไป อย่าพยายามห้ามไม่ให้มันเกิดขึ้นหรือพยายามละมัน เพราะสมมุติบัญญัติก็เป็นอนัตตาคือห้ามไม่ได้บังคับไม่ได้ เอาแค่รู้ทันแล้วไม่หลงจนมันปิดบังอารมณ์ปรมัตถ์ก็พอแล้ว ถึงจุดหนึ่งมันจะดับไปเองถ้าเราไม่ไปช่วยมันปรุงแต่ง
     
  7. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ธรรมะดี ๆก่อนเข้านอนใช้ให้เป็นกิจเป็นประจำ จากหลวงพ่อชา

    "น้ำใต้ดิน"

    พระพุทธเจ้าคือพระธรรม และพระธรรมคือพระพุทธเจ้า

    ธรรมะที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้นั้น เป็นธรรมะที่มีอยู่ประจำโลกไม่สูญหาย

    เหมือนกับน้ำที่อยู่ในพื้นแผ่นดินผู้ขุดบ่อลงไปให้ถึงน้ำ ก็จะเห็นน้ำไม่ใช่ว่า

    ผู้นั้นไปแต่งขึ้น ทำให้มีน้ำขึ้นบุรุษนั้นลงกำลังขุดบ่อเท่านั้น ให้ลึกไปถึงน้ำก็มี

    อยู่แล้วฉะนั้น...ถ้าเรามีปัญญาก็จะเห็นได้ว่าเราไม่ได้อยู่ห่างจากพระพุทธเจ้าเลย

    เดี๋ยวนี้เราก็ยังนั่งอยู่ครงหน้าพระพุทธเจ้า...

    เราเข้าใจในธรรมะเมื่อใด เราก็จะเห็นพระพุทธเจ้าเมื่อนั้น ผู้ใดที่ตั้งใจประพฤติ

    ปติบัติธรรมอยู่สม่ำเสมอไม่ว่าจะนั่ง ยืน เดิน อยู่ ณ ที่ไหน ที่ใด ผู้นั้นย่อมได้ฟัง

    ธรรมพระพุทธเจ้าตลอดเวลา เพราะใจเรานั้นศรัทธาในพระพุทธเจ้าศรัทธาในพระ

    ธรรมคำสั่งสอนของพระองค์ท่านแล้วนั้นเราผู้ปฏิบัติตามรอยของพระองค์ท่าน

    เราผู้ปฏิบัติก็จะได้เห็นพระพุทธเจ้าอยู่ตลอดเวลาเพราะท่านอยู่ในใจของเรา

    เมื่อเราเห็นท่านที่อยู่ในใจเราแล้วเราก็จะได้รู้ธรรมและเห็นธรรม...

    เพราะฉนั้นพระพุทธเจ้าคือพระธรรม และพระธรรมคือพระพุทธเจ้า...

    กราบน้อมรับพระธรรมของพระพุทธเจ้า เพื่อนำมาปฏิบัติตาม...

    ...และน้อมกราบพระองค์ท่านทุกๆพระองค์ด้วยเศียรเก้ลา...

    ...น้อมกราบพ่อแม่ครูอาจารย์ที่ท่านได้นำพระธรรมคำสั่งสอนของพระองค์ท่าน

    มาให้พวกเราผู้ปฏิบัติได้นำมาปฏิบัติตามกราบน้อมรับพระธรรมเจ้าค่ะกราบๆๆๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มกราคม 2014
  8. UncleGee

    UncleGee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    4,015
    ค่าพลัง:
    +10,241
    "กัมมุนา วัตตติ โลโก"

    สัตว์โลกทั้งหลายต้องเป็นไปตามกรรม

    อุทฺเทส กมฺมปจฺจโย เพราะมีเจตนาตั้งใจเป็นปัจจัย

    กัมมปัจจัย หมายถึงการกระทำของจิตใจที่เป็นเหตุให้เกิดผล หรือให้สำเร็จกิจในหน้าที่ของตนเรียกว่า "กรรม"

    ดังพุทธภาษิตกล่าวไว้ในอังคุตตรนิกาย ฉักกนิบาตว่า...

    "เจตนาหํ ภิกฺขเว กมฺมํ เจตยิตฺวา กมฺมํ กาเยน วาจาย มนสา"

    ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวว่า เจตนาคือตัวกรรม สัตว์ทั้งหลายที่ทำกรรม ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจก็ดี ย่อมมีการปรุงแต่ง คือคิดนึกก่อนแล้วจึงทำ

    ดังจะเห็นได้ว่าการกระทำด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ จะเป็นกุศล หรืออกุศลก็ตาม ต้องอาศัยเจตนาเป็นใหญ่ เป็นหัวหน้าในการกระทำนั้นๆ ฉะนั้น เจตนาจึงเป็นตัวกรรม หรือเป็นหัวหน้าของสังขารขันธ์ทั้งหลาย

    กัมมปัจจัยที่กล่าวว่า เป็นปัจจัยให้เกิดผล ก็เพราะทำหน้าที่เพาะพืชพันธุ์ให้เกิดผลในอนาคต เรียกว่า พีชนิธานกิจ คือ ทำกิจสั่งสมพืชเชื้อเพื่อให้งอกต่อไปในอนาคต เป็นนานักขณิกกัมมปัจจัย

    พุทธศาสนา เป็นศาสนาที่ถือการกระทำเป็นใหญ่ เป็นกรรมนิยม ซึ่งผิดกับศาสนาอื่นที่ถือเทวนิยม เป็นต้น เพราะเข้าใจว่าทุกสิ่งเกิดขึ้นด้วยการบันดาลของเทพเจ้า

    แต่ส่วนของพระพุทธศาสนาถือว่า สัตว์ทั้งหลายจะดีหรือชั่วย่อมขึ้นอยู่กับการกระทำของตนเอง ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับผู้อื่น หรือขึ้นอยู่กับวงศ์ตระกูล เพราะการทำดีทำชั่วต้องทำด้วยตนเอง ไม่ใช่มีผู้อื่นมาทำให้ได้ เหตุนี้สัตว์ทั้งหลายจึงมีกรรมเป็นของตน เรียกว่า...

    กมฺมสฺสโกมฺหิ เมื่อทำกรรมไว้อย่างไร ก็ต้องรับผลของกรรมนั้นตามที่ทำไว้

    กมฺมทายาโท คือเป็นทายาทของกรรมที่ทำแล้ว จึงจำแนกสัตว์ให้ไปเกิดในที่ต่างๆกัน

    กมฺมโยนิ คือมีกรรมเป็นกำเนิด และกรรมที่ทำแล้วยังจะติดตามไปทุกหนทุกแห่ง จะไม่สูญหายไปใหน

    กมฺมพนฺธู คือมีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ แม้พ่อ-แม่ญาติพี่น้อง ก็ไม่ชื่อว่าเป็นเผ่าพันธุ์วงศ์ญาติที่แท้จริง คือชาตินี้เป็นญาติกัน แต่พอตายแล้วก็แยกย้ายกันไป แต่ส่วนกรรมที่ทำแล้วย่อมจะติดตามตนไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะเข้าสู่พระนิพพาน.

    ถ้าทำกรรมดีก็เหมือนมีวงศ์ญาติที่ดี ญาติดีก็จะอุปถัมภ์ค้ำชูให้มีความสุข ความเจริญ แต่ถ้าทำกรรมชั่ว ก็เหมือนมีวงศ์ญาติที่ชั่ว ญาติชั่วก็จะติดตามล้างผลาญให้เป็นทุกข์เดือดร้อนเรื่อยไป กรรมจึงเป็นที่พึ่งอาศัยของสัตว์โลก

    กมฺมปฏิสรโณ เพราะเมื่อกรรมชั่วให้ผลอยู่ แม้ญาติพ่อ-แม่พี่น้องตลอดจนผู้มีอำนาจราชศักดิ์ ก็ไม่อาจช่วยให้พ้นจากทุกข์ได้ แต่ถ้ากรรมดีให้ผลอยู่ แม้ใครจะคิดร้ายทำลาย ชีวิตก็ไม่อาจถูกทำลายได้เลย.

    อีกนัยหนึ่ง ท่านเปรียบกรรมคือการทำกุศล อกุศล ส่วนผลคือวิบาก เปรียบเหมือนเงา เมื่อมีคนที่ใหนก็ต้องมีเงาที่นั่น คือมีกรรมก็ต้องมีวิบากรับผล.

    http://www.oknation.net/blog/pierra/2009/07/27/entry-2
     
  9. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    (คำสอนของหลวงปู่ลี ธัมมธโร)

    "ศีล ก็เกิดแต่จิต สมาธิ ก็เกิดแต่จิต ปัญญา ก็เกิดแต่จิต บุญก็เกิดแต่จิต

    บาปก็เกิดแต่จิต จิตจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

    การที่บุคคลจะทำจิตให้บริสุทธิ์ได้ จะต้องคลายความยึดถือในตัวตน

    ในรูปนามและอารมณ์ทั้งหลายที่ผ่านเข้ามาทางอายตนะ ๖ ทำจิตให้ตั้งมั่นอยู่ในสมาธิ

    เป็น ๑ อยู่เสมออย่าให้กลายเป็นเลข ๒- ๓- ๔- ๕ ไปได้

    ...อารมณ์ภายนอกต่าง ๆ ที่เราเก็บมายึดถือไว้ ก็เปรียบเหมือนเราเอาหาบของหนัก ๆ

    มาวางไว้บนบ่า ถ้าเราปลดปล่อยเสียได้ ก็เท่ากับเราวางหาบนั้นลง จิตที่ได้อบรม

    อยู่เสมอ ๆ ย่อมจะสูงขึ้นแก่ขึ้นทุกที ๆ เป็นลำดับ ๆ"

    ...พระธรรมคำสั่งสอนของหลวงปู่ลี ธัมมธโร กราบน้อมรับพระธรรมของหลวงปู่ เพื่อปฏิบัติตาม

    และน้อมกราบนมัสการหลวงปู่เจ้าค่ะ กราบ กราบ กราบ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มกราคม 2014
  10. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    [​IMG]

    ....ประนมกร กราบอ้อนวอน สิ่งศักดิ์สิทธิ์...
    ผู้มีฤทธิ์ ทั่วเขตแคว้น แดนสยาม...
    อีกทั้งเทพ เทวา ทั่วเขตคาม...
    ชาวสยาม ทุกข์เข็ญ ร้อนเป็นไฟ...

    ...เหตุเพราะเพียง สองข้าง ต่างความคิด..
    ถูกเป็นผิด หักล้าง ทางแก้ไข...
    ต่างไล่ล่า ฆ่าฟัน ให้บรรลัย...
    ทั้งสาดโคลน ใส่ไคร้ ไร้คุณธรรม..

    ...แดนสวรรค์ กลายเป็น เช่นนรก...
    เพราะคนงก คนพาล สันดานต่ำ...
    ฉ้อ ฉลชั่ว ไม่กลัว แม้บาปกรรม...
    กระทืบซ้ำ ย่ำยีให้ ชาติไทยพัง...

    ...เสี้ยมเขาให้ คนไทย ไล่เข่นฆ่า...
    เพื่อที่จะ ได้มา ซึ่งความหวัง...
    และกอบโกย ผลประโยชน์ อันน่าชัง...
    ชนรุ่นหลัง จะเป็นไง ไม่สนเลย...

    ...สงสารเพียง แต่พ่อหลวง ของปวงข้าฯ
    อีกกี่หยด น้ำตา ท่านเสวย
    น้ำพระเนตร ตกใน กระไรเลย
    ใครจะเคย คิดไหมหนอ เพราะพ่อรัก...

    ....คำว่ารัก พ่อไม่เคย ร้องเรียกขอ...
    เศรษฐกิจ เพียงพอ พ่อให้หลัก
    อีกข้อหนึ่ง พ่อพึงให้ สำคัญนัก...
    พ่อให้รักษ์... ดูแลกัน ฉันท์ครอบครัว....

    ....กราบขอพร พระสยาม เทวาธิราช...
    ใครบังอาจ ฉ้อฉล ก่นเรื่องชั่ว..
    ขอให้มัน ขว้างงู ไม่พ้นตัว...
    ช่วยเฉดหัว มันออกไป จากไทยเลย...

    ........สาธุ สาธุ สาธุ... (เร็วๆด้วยนะเจ้าคะ).......
    ...จุ๋ม จบ. ๘๔
    ...
     
  11. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    [​IMG]

    สาธุค่ะ ลูกขอน้อมกราบหลวงพ่อฤาษี ด้วยเศียรเกล้าค่ะ พอเห็นภาพนี้แล้ว ทําให้เห็นว่า ท่านผู้ปฏิบัติจนจิตท่านหลุดพ้นแล้ว ท่านจะสงสารเมตตา ต่อหมู่มวลสัตว์ ที่เขาเกิดมาใช้กรรม และต้องมาเป็นสัตว์ในชาตินี้ หลวงพ่อฤาษี ท่านเป็นพระอริยะสงฆ์ ที่มีจิตเมตตาต่อสัตว์ ก็ทําให้นึกไปถึง องค์หลวงตามหาบัว ท่านก็รักและเมตตา ต่อสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหมา ที่วัดท่านจะมีหมาจํานวนมาก และท่านจะรัก และเมตตาต่อสัตว์มาก เพราะท่านเห็นคุณค่าของการที่ได้เกิดมาแล้วเป็นมนุษย์ คือ ผู้มีใจประเสริฐสุด และสัตว์เขาน่าสงสารมาก เพราะเขาไม่มีโอกาส ที่จะรู้ความ และรักษาตนเองให้ปลอดภัยได้..

    จึงขอให้ทุกๆท่านที่ได้เกิดมาแล้ว ให้รักษาชีวิตที่มีค่ามากมาย มหาศาล เพราะการได้เกิดมาเป็นคนนั้นก็แสนยาก การจะได้พบ พระศาสนานั้นก็แสนยาก และการจะดํารงค์ชีวิตให้ปลอดภัย นั้นก็แสนยาก เพราะคนเกิดมาแล้ว ก็ดีกว่าสัตว์เป็นพันๆเท่า ถ้าเราประมาท เราก็จะต้องไปเกิดเป็นสัตว์ใครจะรู้ได้นอกจากเราเท่านั้นผู้ที่จะพาดวงจิตของตนออกจาก"วัฏฏะ" คือ การเกิด แก่ เจ็บ ตาย สาธุค่ะ
     
  12. Natcha@uk

    Natcha@uk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    618
    ค่าพลัง:
    +9,444
    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG]


    เทศน์หลวงตา ณ ศาลาสวนแสงธรรม กรุงเทพฯ เมื่อเช้าวันที่ ๑๒ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๙

    เรื่อง "ฝึกจิตให้ดีไม่มีสะทกสะท้านเรื่องความเป็นความตาย"​



    "คนเราถ้ามีสติอยู่แล้วเวลาจิตจะออกจากร่างนี้ทุกขเวทนาจะดับหมดเลย ไม่มี จิตจะออกตอนนั้นแหละ ถ้าไม่มีสติก็ทิ้งเนื้อทิ้งตัวตกเตียงไปเลย และตายไปเลย อันนี้มันมีสติอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งวาระสุดท้ายที่จิตจะเคลื่อน"

    เวลามันจะไปจริงๆ นี้ทุกขเวทนาในร่างกายนี้หมดนะ พอร่างกายหมดความหมายทุกขเวทนาที่อยู่ตามร่างกายก็หมดไปพร้อมๆ กัน เวลานั้นเป็นเวลาเงียบที่สุด
    ร่างกายเงียบที่สุด นั่นละตอนจิตจะพราก จะพรากตอนนั้น เห็นได้อย่างชัดเจนเลย

    แต่นี้มันไม่มีอะไร พูดตรงๆ เราไม่มีอะไรกับเรื่องความเป็นความตาย พอมันเข้ามาถึงที่แล้วนี้เรื่องทุกขเวทนาทั้งหลายนี้จะดับหมดโดยสิ้นเชิง ส่วนร่างกายไม่มี เหลือแต่ความรู้ที่จะเคลื่อน เรียกว่า ๙๙ เปอร์เซ็นต์ พอมันเข้าถึงที่แล้วทีนี้หมดทุกอย่าง หยุดกึ๊กหมดเลย ทุกอย่างหมด ร่างกายหมดความหมาย ทุกขเวทนาก็หมดความหมาย ไม่มีเลย เหลือแต่ความรู้ คนเมื่อเวลาจะตายจริงๆ ทุกขเวทนาทั้งหลาย ถ้ามีสติจะไม่มีทุกขเวทนาเลย ดับหมด นั่นละจิตเคลื่อนตรงนั้น

    มีสตินะ ถ้าไม่มีสติก็ทิ้งเนื้อทิ้งตัวตกเตียงไปเลย และตายไปเลย อันนี้มันมีสติอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งวาระสุดท้ายที่จิตจะเคลื่อน เพราะอันนี้หมดสภาพทุกอย่างแล้ว จิตจะเคลื่อน แล้วมีสมมุติอันหนึ่งเข้าไปจับที่จิตตัวกำลังจะเคลื่อนย้าย สติจับปั๊บเข้าไปตรงนั้น เลยเป็นเครื่องหนุนกำลังให้ฟื้นตัวกลับมาอีก พอสติจับความรู้ที่กำลังจะเคลื่อนย้ายออก จับปั๊บนี้อันนี้เลยส่งกระแสออกไปเป็นพลังส่วนร่างกาย คือความรู้ภายในมันออกนะที่นี่ กระจายขึ้นทางนี้ ออกทางนี้ๆ ออกไปหมดเลย ทุกขเวทนาก็เริ่มเกิด ตอนเข้าไปนั้นไม่มี หมด นั่นละ ๙๙ เปอร์เซ็นต์หยุดหมด ทุกขเวทนาไม่มี เหลือแต่ความรู้ล้วนๆ เท่านั้นเอง ออกจากนั้นก็ดีดไปเลย

    ได้เห็นชัดเจนเราเองเป็นผู้เป็น เราจึงพูดได้อย่างชัดเจนว่าคนเราถ้ามีสติอยู่แล้วเวลาจิตจะออกจากร่างนี้ทุกขเวทนาจะดับหมดเลย ไม่มี จิตจะออกตอนนั้นแหละ คนเราไม่รู้นะว่าทุกขเวทนาเป็นอย่างไรต่ออย่างไร มันไม่มีสติสตัง หมดสติแล้วก็ทิ้งเนื้อทิ้งตัวตกเตียงแล้วไปเลย เป็นอย่างนั้น สติจึงเป็นของสำคัญ การฝึกหัดจิตที่มันถึงขีดของมันแล้วนั้นมันเป็นเอง ทุกอย่างจะเป็นเองทั้งหมด ไม่ต้องบังคับให้ตั้งสติอย่างนั้น ให้พิจารณาอย่างนี้ ไม่ต้อง มันจะเป็นอัตโนมัติทำงานต่อสิ่งเหล่านั้นโดยลำพังตัวเอง เป็นอย่างนั้น นี่เป็นแล้วถึงพูดได้อย่างชัดเจน ถึงขั้นนั้น มีอยู่หลายหนอยู่นะโรคหัวใจก็ถึงขั้นนั้นเหมือนกัน โรคหัวใจถึงขั้นนั้นสองสามหน แต่ก็ไม่ไป ผ่านได้ เพราะสติควบคุมได้ เมื่ออยู่ในวิสัยที่ควบคุมได้อยู่ก็อยู่ได้ ถ้าสุดวิสัยแล้วแม้แต่พระพุทธเจ้าก็ตาย ว่าอย่างนั้นเถอะ นี่อยู่ในวิสัยควบคุมได้ควบคุมได้ไม่สงสัย

    โรคหัวใจเราเป็นมาหลายหนแล้ว ที่ถึง ๙๙ เปอร์เซ็นต์ ยังเหลือเปอร์เซ็นต์เดียวที่จะดีดๆ เอาไว้อยู่ๆ คือความเสียใจนี้เป็นภัยอย่างร้ายแรง ถึงวาระมันจะตายมันไม่อยากตาย มันดีดมันดิ้น นี่ละเสริมให้ตายได้ง่ายด้วย ทีนี้เมื่อไม่มีความเสียใจไม่มีอะไร รู้ตามหลักความจริงแล้วรั้งได้ ยังไม่ให้ออกไม่ออก ความรู้รู้อยู่ชัดๆ ยังไม่ให้ออก บังคับไว้ อยู่ นั่นอย่างนั้นนะ นี่ได้ปฏิบัติผ่านมาหมดแล้วเรื่องเหล่านี้ จึงได้นำมาสอนโลก การมาสอนโลกเราไม่ได้สอนด้วยสุ่มสี่สุ่มห้า ลูบนู้นคลำนี้เอามาสอน ไม่มีในหัวใจดวงนี้ สอนแบบแม่นยำตายตัวเลย เพราะมันตายตัวอยู่ในนี้เรียบร้อยแล้ว ไม่มีอะไรที่จะต้องติว่าบกพร่องตรงนั้นตรงนี้ เต็มสมบูรณ์ทุกอย่าง เวลาออกก็ถูกต้องดีงามทุกอย่าง

    นี่มันจะไปอยู่หลายหน โรคหัวใจดูเหมือนมันจะสามหน แต่ก็ผ่านมาได้ๆ เพราะกำลังใจเป็นหลักธรรมชาติ ไม่ใช่กำลังใจที่สร้างขึ้นมา แต่เป็นกำลังใจซึ่งมีอยู่โดยหลักธรรมชาติภายในใจนี้แหละ สม่ำเสมอ จะไปก็เสมอ ยังไม่ไปเตรียมจะไปก็เสมอ ไม่ตื่นไม่เต้น เรียกว่าจิตใจไม่กระเพื่อม มันก็ไม่เขย่าตัวเอง กระตุกตัวเอง หรือทำลายตัวเอง

    การฝึกจิตเป็นของสำคัญมากทีเดียว ฝึกให้ดีแล้วนี้มันไม่สะทกสะท้านกับอะไร ฝึกจิตให้ดีเสียอย่างเดียว ไม่มีคำว่าสะทกสะท้านกับเรื่องความเป็นความตาย สมบูรณ์แบบหมดแล้ว การฝึกจิตจึงเป็นของสำคัญมาก"

    (ภาพ : หมอตรวจสัญญาณชีพขององค์หลวงตาครั้งสุดท้าย)



    Cr. FB Wadpabaantaad Luangta
     
  13. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    พระธรรมคำสอนของหลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน

    "อาตมาขอย้ำกับทุก ๆคนว่า ขณะที่ท่านปฏิบัติไปถึงจุดหนึ่งแล้วเกิดความฟุ้งซ่าน

    อย่างหนัก มันชวนให้รัก โลภ โกรธ หลง ไปทุก ๆ ด้าน ขณะนั้นท่านไกล้ความดีมามาก

    ที่สุดขอยืนยันอย่างนี้ เพราะว่า เรื่องของกิเลสมารนั้นเขามีความฉลาดมาก ถ้าเราปฏิบัติ

    ไปไกล้มากเท่าไหร่เขาจะยั่วให้เราโกรธ ยั่วให้เราหงุดหงิด เพื่อให้เราหลงจากทางที่

    เราทำเสีย ทำอย่างไรก็ได้ให้จิตใจเราฟุ้งซ่านในทุกวิถีทาง...เพื่อจะได้ไม่ผิดไปจาก

    เป้าหมาย ดังนั้น ขอให้ทุกคนทราบว่าถ้าหากว่าท่านปฏิบัติไปดี ๆ ตลอดแล้วอยู่ ๆ เกิด

    ความฟุ้งซ่านขนาดหนัก ไปรัก โลภ โกรธ หลง อารมณ์ราคะ โทสะ โมหะ เกิดมาอย่าง

    ชนิดที่เรียกว่าฟ้าถล่มดินทะลายเหมือนน้ำจะทะลายเขื่อนออกมาไม่สามารถจะต้านอยู่

    ได้แล้ว ตอนนั้นท่านไกล้ความดีมากที่สุด ให้ใช้ปัญญาที่พอจะเหลือบ้าง...

    ...ต้องใช้คำว่า พอจะเหลือบ้าง.....

    ...พระธรรมคำสอนของพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก) วัดท่ขนุน กาญจนบุรี

    ...น้อมกราบนมัสการหลวงพ่อเล็ก และกราบน้อมรับพระธรรมคำสอนเจ้าค่ะกราบๆๆ
     
  14. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ไกล้วันตรุษจีนแล้ว ขอเชิญท่านผู้อ่านร่วมกันรับพรจาก หลวงปู่ท่อน ญาณธโร

    "ท่านให้พรว่ากินอย่าได้บก จกอย่าได้ลง อย่าได้เกินเป็นหาด อย่าได้ขาดเป็นวัง

    ...โอม อุ อะ มุ มะ มูล มา สัพพะพลัง ยังดีคือเก่าเงินคำแก้วอย่าซิขาดเขินถุง

    - ฮองฮองไสคือคำในเบ้าเงินทองไหลเข้า เต็มกระเป๋าเอิงเติง"

    (ขอให้กินไม่หมด ใช้ไม่หมด อย่าเกินมากไป อย่าขาดมากไป

    - โอม อุ อะ มุ มะ มูล มา สรรพกำลังสมบูรณ์พูลสุขมากกว่าเดิม...

    ...มีทรัพสินเงินทองหลั่งไหลเข้ามา เงินทองอย่าได้ขาด ขอให้มีความสว่างสไว

    - ตลอดเวลา มีเงินทองไหลมาเต็มกระเป๋าใบใหญ่ ๆ เน่อ.....

    ...กราบนมัสการรับพรจากหลวงปู่ท่อนเจ้าค่ะ กราบ กราบ กราบ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มกราคม 2014
  15. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    คำสอนสมเด็จองค์ปฐม

    ...จงอย่าลืมว่า ความดีใด ๆ ในพุทธศาสนา หากตั้งมั่นไว้

    กับศีลอันบริสุทธิ์แล้ว (อธิศีล) ความดีนั้นจะทรงตัว

    คำว่าเสื่อมจะไม่มี พระโสดาบันท่านมีอธิศีล คือ ศีล ๕ ข้อของท่าน

    บริสุทธิ์เป็นปกติ - ไม่เสื่อม เป็นสีลานุสสติ ความดีของท่านจึงไม่เสื่อม

    ผู้ใดเป็นพระโสดาบันจึงไม่เสื่อม...พ้นอบายภูมิ ๔ คือ พ้นนรก - เปรต - อสุรกาย

    และสัตว์เดรัจฉาน อย่างถาวรตลอดกาล.........

    ...กราบน้อมรับพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จปฐมเจ้าค่ะกราบ กราบ กราบ.
     
  16. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    (พระธรรมคำสั่งสอน ของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)

    ทำไมจึงเรียกว่า "จิตเป็นสมมุติ" กับ "จิตเป็นวิมุตติ" เล่า?

    ...มันกลายเป็นจิตสองดวงอย่างนั้นเหรอ? ..ไม่ใช่อย่างนั้น จิตดวงเดียวนั่นแหละ

    ที่มี "สมมุติ คือ กิเลสอาสวะครอบอยู่นั้น" เป็นจิตลักษณะหนึ่ง แต่เมื่อได้ถูกชำระ

    ขยี้ขยำ ด้วยปัญญา จนจิตลักษณะนั้นแตกกระจายไปหมดแล้ว ส่วนจิตแท้ ธรรมแท้

    ที่ทนต่อกันพิสูจน์ไม่ได้สลายไปด้วย สลายไปแต่สิ่งที่จำเป็น "อนัจจัง ทุกขัง อนัตตา"

    ที่แทรกอยู่ในจิตเท่านั้น เพราะกิเลสอาสวะแม้จะละเอียดเพียงใดก็ตาม มันก็เป็น

    "อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา" เป็นสมมุติโดยดีนั้นแล...

    ...เมื่อสิ่งนี้สลายไป จิตแท้เหนือสมมุติ จึงปรากฏตัวอย่างเต็มที่ที่เรียกว่า

    "วิมุตติจิต" สิ่งเหล่านี้เรียกว่า "จิตบริสุทธิ์" ขาดจากความสืบต่อเกี่ยวเนื่องใด ๆ ทั้งสิ้น

    เหลือแต่ความรู้ล้วน ๆ ที่บริสุทธิ์สุดส่วนอย่างเดียว.....

    ...น้อมกราบพระธรรมขององค์หลวงตามหาบัวด้วยเศียรเก้ลาเจ้าค่ะกราบ กราบ กราบ...

    -
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กุมภาพันธ์ 2014
  17. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ขณะนี้เวลาที่อังกฤษ ห้าโมงสี่สิบ เวลาที่เมืองไทย เที่ยงคืนสี่สิบ

    - ไปไหนกันหมดในกระทู้ มีสามคน เป็นสมาชิก หนึ่งคน แต่มีคนชอบกระทู้นี้ตั้ง

    ...หกพันสามร้อยห้าสิบแปดคน มีผู้อ่านกระทู้แล้ว สี่พันสองร้อยสิบคน ดีใจจัง

    - เข้ามาเป็นสมาชิก ได้ปีกว่าแล้วไม่เคยได้สังเกตุวันนี้สงสัยเลยได้ความรู้เพิ่มเติม

    ...คิดว่าญาติธรรมที่เงียบ ๆไปเพราะเตรียมตัวไปทอดผ้าป่าที่วัดสังฆปทีป แคว้นเวลส์

    ...ที่ประเทศอังกฤษขออนุโมทนากับทุกๆท่าน ขอให้เดินทางปลอดภัยทั้งไปและกลับ

    ...รอดูภาพงานทอดผ้าป่าสามัคคีของสมาคมจิตเกาะพระ และทุกๆท่านที่ไปร่วมบุญอยู่ค่ะ

    ...น้อมกราบนมัสการท่านพระอาจารย์มหาสวัสดิ์เจ้าค่ะ สาธ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ...


     
  18. มาลินี UK

    มาลินี UK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    807
    ค่าพลัง:
    +12,713
    ...ชีวิตที่ยิ่งใหญ่...

    ...คือ ชีวิตที่อยู่ด้วยทาน...

    ...ศีล เมตตา และกตัญญู...

    ...คำสั่งสอนของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต...น้อมกราบหลวงปู่มั่นด้วยเศียรเก้ลาเจ้าค่ะ

    ...คัดมาจากปฏิทินปฏิบัติศาสนกิจวัดสังฆปทีป แคว้นเวลส์ uk.
     
  19. Golden Sky

    Golden Sky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    575
    ค่าพลัง:
    +8,976
    ขออนุโมทนาสาธุ ในธรรมทาน ที่คุณพี่มาลินี ได้นํามาลงด้วยค่ะ ยังไม่ไปไหนหรอกค่ะ แค่มีหน้าที่การงานเข้ามาเกี่ยวข้องทางโลกก็ต้องคู่กับทางธรรม เพราะต้องอาศัยปัจจัย๔ เพื่อมาบํารุ่ง ธุาตขันธ์ ส่วนทางธรรมก็ไม่ทิ้ง เพราะถ้าไม่เห็นธรรมชีวิตของคนเราก็ไม่ต่างจาก การเกิดมาแล้วก็รอแต่วันตายมาถึงเท่านั้น มีแค่ลมหายใจ เข้า-ออก แต่หารู้ไม่ว่า จะหมดลมเมื่อไหร่ คนเห็นธรรมจึงต้องรีบสะสมความดีไว้...
    เพราะเวลาไปก็ไม่มีห่วงอะไร ต่างจากคนที่ไม่ปฏิบัติ จะห่วงหน้า ห่วงหลัง หาความสุขไม่เจอ เหมือนจิตที่ยังไม่ขัด ที่มีกิเลสนั้นแหละ จิตก็ยังเป็น"สมมุติ" แต่จิตเป็น"วิมุติ" ก็คือ จิตหลุดพ้นไปจากกิเลส ถึงกิเลสมี แต่ท่านไม่เอานั้นเอง..สาธุค่ะ เหมือนองค์หลวงตา ท่านได้กล่าวไว้นั้นเอง สาธุค่ะ
     
  20. Pugsley

    Pugsley เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +4,825
    ขอเรียนเชิญทุกๆท่านอนุโมทนาบุญร่วมกันค่ะ

    งานถวายผ้าป่า ของสมาคมจิตเกาะพระ ณ วัดสังฆปทีป ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557
    เสร็จสิ้นลงด้วยความปลื้มปิติ อิ่มบุญ กันทั่วหน้า ด้วยยอดปัจจัยรวมทั้งสิ้น 3,009 ปอนด์
    กลุ่มพี่น้องชาวจิตบุญ จิตเกาะพระ ได้มีโอกาสเจอกันอีกครั้งนึง ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็น
    3 องศา และฝนตก ตลอดวัน แต่ไม่มีใครย่อท้อต่ออุปสรรค ซึ่งเป็นที่ประทับใจของ
    ท่านเจ้าอาวาสวัดสังฆประทีป ท่านพระครูสวัสดิ์ และ ทุกท่านญาติธรรมที่มาร่วมงาน
    ในวันนี้ต่างปลื้้มปิติ อิ่มบุญ อิ่มท้องกันทั่วหน้า..เชิญชมภาพบรรยากาศในงาน และ ร่วมอนุโมทนาบุญด้วยกันค่ะ


    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กุมภาพันธ์ 2014

แชร์หน้านี้

Loading...