เพื่อการกุศล ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๗ ทอดกฐินสามัคคีวัดคูมะนาวหวาน วิเศษฯ อ่างทอง (น.๓๒)

ขอจองตะโพนเนื้อเงิน. 2 ใบครับ

 

ขอจองตะโพนเนื้อเงินด้วย 1 ใบค่ะ (kiss)

 

ขอจองตะโพนเงิน 1
เนื้อทองแดง 1
ลป.เล็กเนื้อทองแดง 1

 

เย้ ๆ คุณหมูสืบชะตาต่ออายุสำเร็จแล้ว

 

ขออภัยนะครับ
ขออนุญาตห่างกระทู้สักสามวัน
ด้วยติดภารกิจส่วนตัว อย่างด่วน!!

พบกันวันจันทร์นะครับ
๐๘๖-๑๗๓๕๖๗๘ หมู

ปล.เรื่องจัดส่งขอเลื่อนไปส่งวันจันทร์นะครับ

 

ทายกหมูไม่ต้องห่วง ทางนี้เดี๋ยวเด็กวัดช่วยกันดูแล

 

ได้รับพระปิดตา และ เหรียญที่รฤกสมโภชรวมวัดแล้วครับ
ขอขอบคุณ คุณณัฐวัฒน์ และ คุณหมูครับ

 

ด้วยความยินดีครับ

 

ขอร่วมตะโพนเงิน 1 ลูกครับ

 

ขอร่วมทำบุญครับ
รูปหล่อหลวงปู่เล็ก (อดีตเจ้าอาวาสวัดมะนาวหวาน)
เนื้อทองเหลือง(รมมันปู) 1องค์ ร่วมบุญ ๒๐๐ บาท
เนื้อทองเหลือง(สีทองแดง)1 องค์ ร่วมบุญ ๒๐๐ บาท
ตะโพนหล่อ
เนื้อเงิน ๑ องค์ ร่วมบุญ ๑,๕๐๐ บาท

 

พึ่งเข้ามาดู งามๆๆทั้งนั้นเลย แฮะ

 

สวัสดีครับ
ผมขอร่วมจองตะโพนเงิน1 องค์1500บาท
ตะโพนสีทอง1องค์และสีรมมันปู1องค์รวม 400บาท
มรรคเวทย์

 

ผมอ่านประวัติพระเครื่องหลวงปู่ชื่น วัดป่ามุนี มีท่อนหนึ่งที่ผู้เล่าได้กล่าวไว้
ขอนำมาแชร์ให้ทราบครับ

"....หลวงพ่อชื่นท่านเป็นพระที่มีอาคมสูง และเก่งทางว่านยา ท่านมีวิชากระสุนดัด คือวิชาที่หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ท่านไม่ยอมสอนให้ใคร แม้แต่กรมหลวงชุมพรเอง เพราะหากวิชานี้ตกไปอยู่กับแม่ทัพนายกอง จะสามารถบังคับกระสุนให้สังหารข้าศึกได้ทั้งกองทัพด้วยกระสุนเพียงนัดเดียวครับ หลวงพ่อท่านชอบใช้วิชานี้ไล่พวกเด็กเกเรที่ชอบแอบมาขโมยผลไม้หรือของในวัด โดยใช้กระสุนใส่หน้าไม้ยิงแค่พอเจ็บให้เข็ดหลาบเท่านั้นครับ ท่านยิงไปทิศหนึ่ง แต่กระสุนสามารถตกยังเป้าหมายทิศตรงข้ามได้ ที่ทราบมาในอ่างทอง มีพระเกจิที่มีวิชานี้อยู่สามท่าน คือ หลวงพ่อชื่น วัดป่ามุนี หลวงพ่อแก้ว วัดนก และหลวงพ่อเล็ก วัดมะนาวหวาน จริยาวัตรของแต่ละท่านจะเป็นพระที่สมถะไม่โอ้อวดเหมือนกันทุกท่านครับ...."

 

ผมขอคัดลอกประวัติหลวงปู่เล็ก ฐิตวิริโยมาเล่าให้ทุกท่านได้อ่าน
เครดิต คุณ note-ws

หลวงพ่อเล็ก ฐิตวิริโย วัดมะนาวหวาน

ก่อนอื่นกระผมจะเล่าถึงความเป็นมาของวัดมะนาวหวานก่อนนะครับ วัดมะนาวหวานตั้งอยู่เลขที่ 78 บ้านไร่เถรสังข์ หมู่ 12 ต.ศาลเจ้าโรงทอง อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย เป็นธรณีสงฆ์ 1 แปลง มีเนื้อที่ 7 ไร่ 3 งาน สร้างเป็นวัดตั้งแต่ปี 2300 ประมาณสมัยอยุธยาตอนปลาย มีเจ้าอาวาสปกครองจนถึงขณะนี้ 4 รูปคือ 1. หลวงพ่อแหนะ 2. หลวงพ่อแก้ว 3. หลวงพ่อเล็ก(2484-2512) และ4. พระครูเศียรเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน
หลวงพ่อเล็ก หรือพระอธิการเล็ก ฐิติวิริโย เกิดปี 2440 มรณะปี 2512 ท่านเป็นคนบ้านโคกมะรุม ผิวออกขาวสัณฐานสันทัด ท่านมีตำหนิที่นิ้วมือข้างขวาของท่านปุกข้างหนึ่ง มีบิดาชื่อ นายเกิด ทองคำชู มารดาสืบไม่แน่ชัด มีพี่น้องทั้งหมด 6 คน คือ 1. นายเล็ก (หลวงพ่อเล็ก) ทองคำชู 2. นายแป้น ทองคำชู 3. นายย้อย ทองคำชู 4. นายแผ่น ทองคำชู 5.นายหยัด ทองคำชู 6.นางชุ่ม ทองคำชู


หลวงพ่อเล็กอุปสมบทที่วัดคู อ.วิเศษชัยชาญ เมื่อปี พ.ศ.2471โดยมีพระอุปฌาย์คือ หลวงพ่อปลื้ม เจ้าอาวาสองแรกของวัดช้าง อ.วิเศษชัยชาญ บวชแล้วท่านไปจำพรรษาที่วัดใหม่โคกมะรุม ต.ม่วงเตี้ย อ.วิเศษชัยชาญ ก่อนที่ชาวบ้านจะนิมนต์มาเป็นเจ้าอาวาสวัดมะนาวหวานในภายหลัง แรกเริ่มเดิมทีท่านเรียนวิชากับหลวงพ่อแก้ว เจ้าอาวาสวัดมะนาวหวานองค์ที่ 2 จนหมด และเพียรศึกษาจากอาจารย์อีกหลายท่าน คนเก่าๆเล่าว่าท่านได้ไปเรียนวิชากับหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่าด้วย ซึ่งท่านไปพร้อมกับหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง (จริงเท็จประการใดผู้เขียนไม่ทราบได้ เพียงแค่ถ่ายทอดคำบอกเล่ามาเท่านั้น) ตลอดจนศึกษาจากคำภีร์เก่าจนเชี่ยวชาญในกฤติยาคม แต่หลวงพ่อเล็กท่านไม่แสดงตัว ถึงกระนั้นเกจิอาจารย์ด้วยกันในสมัยนั้นต่างรู้ดีโดยญาณ จนท่านมีพระสหธรรมิกทั้งใกล้ไกลมากมายอย่างหลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน หลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ หลวงพ่อกลุ่ม วัดฝาง หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา ฯลฯ และหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอกซึ่งครั้งแรกหลวงพ่อจงท่านมาลองวิชากับหลวงพ่อเล็กถึงวัดมะนาวหวานแต่ผู้เขียนสืบไม่ได้ว่าใครชนะในการประลองในครั้งนั้น แต่หลังจากวันนั้น พระเกจิอาจารย์ทั้ง 2 รูปก็ไปมาหาสู่กันอยู่เป็นประจำ

หลวงพ่อเล็กท่านเป็นพระที่ใช้ชีวิตที่เรียบง่าย ทำวัตรไม่เคยขาด ไม่เคยสะสมทรัพย์ และในขณะที่ท่านบวชนั้นท่านไม่เคยจับต้องเงินเลย เรื่องที่ยืนยันได้ก็คือเมื่อตอนหลวงพ่อเล็กท่านมรณะภาพไปแล้ว กรรมการวัดจึงทำการเปิดกุฏิ พบแต่เครื่องใช้ประจำวันที่จำเป็นจำนวนหนึ่ง และพบปัจจัยที่ญาติโยมใส่ซองถวายเมื่อครั้งไปรับนิมนต์เป็นจำนวนมากยังอยู่ในซองและทุกซองไม่ได้แกะออกเลย เหน็บอยู่ตามข้างกุฏิเป็นจำนวนมาก ท่านคอยดูแลวัดและวินัยสงฆ์และเด็กวัดที่วัดมะนาวหวานอย่างเข้มงวดจนเป็นที่กล่าวขานในสมัยนั้น มีอยู่ครั้งหนึ่งกุฏิท่านโดนขโมยขึ้น ได้ลักพระบูชาเก่าแก่ของวัดไปหลายองค์ เงินในซองจำนวนหนึ่งและพระเครื่องที่หลวงพ่อเล็กสร้างไปหลายถาด(สมัยนั้นหลวงพ่อเล็กท่านเป็นพระที่แจกของของท่านน้อยมาก และผู้ที่ได้ไปภายหลังก็เป็นใหญ่ได้ดีหลายคน ขนาดอากงของผู้เขียนคือกำนันกั่ง ตลาดศาลเจ้าโรงทองท่านเป็นลูกศิษย์ก้นกุฏิไปกินนอนที่วัดบ่อยๆยังได้รับจากมือท่านเพียงองค์เดียวเลย จนมีคนอยากได้เป็นจำนวนมาก คนร้ายคงเห็นว่ามีราคาจึงขโมยไปด้วย) ท่านทราบดีว่าขโมยคือใคร แต่ท่านไม่ว่ากระไร เพียงแต่บอกกับลูกศิษย์ว่า”ใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น” ภายหลังหัวขโมยคนนั้นก็เป็นบ้าไปเอง

มีลูกศิษย์คนหนึ่งอายุเกือบ 80 ปี เล่าว่า สมัยนั้นแกยังเล็ก เด็กวัดเกรงกลัวหลวงพ่อเล็กมากเพราะท่านเป็นพระที่เข้มงวดมาก มีอยู่ครั้งหนึ่ง แกพร้อมเด็กวัดอีกหลายคนไปขึ้นมะม่วงหลังวัดมากินกันจนส่งเสียงดังรบกวนพระในวัด หลวงพ่อเล็กจึงยิงหนังสะติ๊กไล่(ท่านยิงขู่เพียงเบาๆเพื่อไล่เท่านั้น) ท่านยิงหนังสะติ๊กฟากหนึ่งแต่กระสุนสามารถตกอีกฟากหนึ่งได้
วัตถุมงคลของหลวงพ่อเล็ก

หลวงพ่อเล็กท่านสร้างวัตถุมงคลน้อยมาก สืบได้ก็คือ สมเด็จหลังเกศหลวงพ่อใหญ่ วัดคู (ไว้จะกล่าวภายหลัง) พระกลีบบัวหลังเกศหลวงพ่อใหญ่ วัดคู

ผ้ายันต์ มี 2 แบบคือ รูปพระประธาน(หลวงพ่อใหญ่)วัดคูและรูปหลวงพ่อเล็ก

สมเด็จหลังเกศหลวงพ่อวัดคู
หลวงพ่อเล็กท่านเริ่มทำวัตถุมงคล โดยเฉพาะท่านเริ่มหามวลสารเพื่อมาทำพระผงเข้าว่าน ตั้งแต่ปี 2490 กว่าๆโดยมีลูกศิษย์คือ อาซัว ร้านจิตไพศาลเป็นผู้ช่วยจัดหามวลสาร

สำหรับมวลสารที่ศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างยิ่งคือ ชิ้นส่วนพระเกศของหลวงพ่อใหญ่ วัดคู(เป็นวัดร้างสมัยอยุธยา) ซึ่งเป็นพระประธานเนื้อสัมฤทธิ์สมัยอยุธยา(ภายหลังทางวัดได้ก่อพระประธานปูนปั้นครอบอีกที)ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์ศิษย์องค์หนึ่งของจังหวัดอ่างทอง หลวงพ่อเล็กท่านทำการขอแล้วนำมาติดอยู่หลังพระเครื่องเนื้อผงเข้าว่านทุกองค์ หลวงพ่อเล็กเคยบอกกับศิษย์คนหนึ่งว่า ท่านนั่งทางในขออนุญาตมานาน กว่าหลวงพ่อใหญ่จะอนุญาต
สำหรับประวัติของวัดคูนั้นสัณนิฐานว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้น และปล่อยร้างมาจนประมาณปี 2389 มีภิกษุรูปหนึ่งชื่อว่าหลวงพ่อเชษฐ์ (ท่านเป็นพระเกจิชาวเขมรผู้มีกฤติยาคมเก่งกล้าองค์หนึ่ง ผู้ทำตะกรุดโทนใต้น้ำอันลือเลื่องของจังหวัดอ่างทอง )ได้ธุดงมาปักกรดและนั่งเจริญกัมมัฐฐาน และมาช่วยหลวงพ่อใหญ่(พระประธานวัดคู)บูรณะวัดคูขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

พระพิมพ์สมเด็จของหลวงพ่อเล็กนั้นสร้างโดยแกะแม่พิมพ์ขึ้นมาใหม่ทั้งหมด โดยที่พบเห็นท่านทำอยู่ 3 แบบพิมพ์ด้วยกัน คือแบบสมเด็จฐาน 3 ชั้น 2 พิมพ์ และแบบสมเด็จวัดเกศไชโย มีทั้งเนื้อผงเข้าว่านและเนื้อผงล้วน(หายาก)

พระกลีบบัวหลังเกศหลวงพ่อวัดคู
มีทั้งเนื้อผงเข้าว่านและเนื้อผงล้วน(หายาก)

ผ้ายันต์
ผ้ายันต์ หลวงพ่อเล็กท่านสร้างอยู่ 2 แบบคือ รูปพระประธาน(หลวงพ่อใหญ่)วัดคู และรูปหลวงพ่อเล็ก

สำหรับประสพการณ์ของผ้ายันต์นั้นมีเรื่องที่ชาวบ้านได้โจษขานกันเรื่องหนึ่งว่า มีพวกกองปราบมาทอดผ้าป่าที่วัดและหลวงพ่อเล็กท่านได้แจกผ้ายันต์คนละผืน พวกกองปราบจึงนำไปลองยิงหลังส้วมที่วัด ปรากฏว่ายิงไม่ออกเลยซักนัดเดียว....

 

พิธีเทรูปหล่อหลวงปู่เล็กขนาดเท่าองค์จริงและปลุกเสกวัตถุมงคล เมื่อวันที่ 14 ก.พ. 57 ที่วัดคูมะนาวหวานที่ผ่านมานั้น ในบริเวณพิธีได้ตั้งอาสนะและวางรูปถ่ายของหลวงปู่เล็ก และ หลวงพ่อเสียน โดยคณะศิษย์ได้อาราธนาท่านทั้งสองมาร่วมเสกด้วย (หลังพิธีได้มีการกราบเรียนถามครูบาอาจารย์ที่เราให้ความเคารพนับถืออย่างสูง ท่านเมตตาบอกว่า หลวงปู่เล็กและหลวงพ่อเสียนท่านมาเสกด้วย)

ความเห็นส่วนตัว ผมเชื่อโดยสนิทใจว่ารูปหล่อนี้สื่อถึงหลวงปู่เล็กได้แน่และตะโพนนี้เป็นตะโพนของหลวงปู่เล็กแน่นอนครับ

เมื่อผมเชื่ออย่างนี้แล้ว ทำไมผมไม่จองแม้แต่ชิ้นเดียว



ที่ผมไม่จองแม้่แต่ชิ้นเดียวเพราะ ผมได้เช่ารูปหล่อหลวงปู่เล็กทั้งขนาด 5 นิ้ว เนื้อเงินลอยองค์ ตะโพนเนื้อเงินและทองเหลืองหลายใบจากที่วัดก่อนคุณหมูเปิดกระทู้แค่ไม่กี่วันครับ