ลำนำเพลงรักของนักกลอน

คะแนนของเด็กๆ หลังผ่านการอบรม เกรดสูงขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์

 

"ขอบคุณสำหรับทุกๆคำแนะนำของคุณครับ ผมจะเอาทุกคำแนะนำมาปรับใช้ครับ เพื่อจะได้มีอนาคตที่ดี ปีหน้ามาอีกนะครับ ขอบคุณครับ"

"ผมเชื่อครับคุณครู เกรดเลยออกมาดีมาก >< จาก 3.72 มาเป็น 3.93"

คำพูดของเด็กคนเดียวกัน
ข้อความแรก เด็กพูดกับท่านวิทยากร หลังผ่านการอบรม
ข้อความหลัง เด็กพูดกับติงหลังจากที่ทราบผลการเรียนค่ะ

 

เด็กคนนี้เกรดเฉลี่ยเพิ่มขึ้น ๐.๒๑

 

เด็กๆ ที่ผ่านการอบรมผลการเรียนดีขึ้นอย่างน่าชื่นใจ ประสบผลสำเร็จอย่างท่วมท้น กับการอบรม ๑ วันกับ ๑ คืน

 

จากภาพ ท่านมีความคิดเห็นอย่างไร
ก. งูใจดี
ข. หมาใจดี
ค. ทั้งงูและหมาใจดี
ง. ถูกทุกข้อ

 

ข้อมูลจากเด็กอีกคนค่ะ ^^

ม.1เฉลี่ย 3.55
ม.2 เทอมแรก 3.56
ม.2เทอมสอง 3.63
ถึงได้ทีละน้อยหนูก้อจะตั้งใจนะ><
ถึงท้อแต่ก้อไม่เคยถอยยย!!

 

น่ากลัวเหมือนกัน...จะฉกหรือเปล่านะ...

 

ถึงเวลามาผูกแขนกันแน่นหนา
ทั้งซ้ายขวาลงมาข้างบายสี
ทั้งกล้วยไข่ครูเตรียมใว้ให้พอดี
แจกหลานดีข้าวต้มมัดพลัดกันทาน

เมื่อผูกแขนเสร็จรับพรสอนตั้งจิต
อุคหนิมิตรวมจิตอธิฐาน
เทพฯเทวาพร้อมหน้าสาธุการ
คำอธิฐานปราถนาว่าสมพร

ยถาสัพพีมีกรวดน้ำ
แผ่บุญทำให้เทวดารักษาท่าน
สมาธิจริยธรรมพร้อมทำกัน
ความสุขนั้นแผ่เมตตาทั่วหน้ากัน

 

เพราะพรที่ ท่านให้ จากใจนั้น
ส่งผลพลัน ในวันนี้ ที่สุขสม
เด็กแตกตื่น ดีใจ ได้ชื่นชม
เพียงอบรม ครั้งเดียวนั้น ฝันเป็นจริง

 

มาท่องสูตรคูณกันนะคะ

 

อย่าเพิ่งอิจฉาสิ่งที่คนอื่นมี เพราะบางทีเราอาจจะมีดียิ่งกว่า แต่แค่ยังไม่ถึงเวลาเอามันออกมาใช้

 

ความคิดเห็นที่ 10 : (ดังตฤณ)
เวลาพูดถึงนิมิตในสติปัฏฐาน ๔ มักเป็นอย่างนี้ครับ
๑) อุคหนิมิต - มักพูดถึงอานาปานสติ คือเห็นสายลมตามจริงด้วยจิตเหมือนตาเห็นสายน้ำ
รู้ลักษณะลมชัดว่าเป็นอย่างไร ตั้งต้นเมื่อไหร่ จบลงตอนไหน
การเกิดขึ้นของอุคหนิมิตจึงเป็นประโยชน์ต่อการรู้ภาวะเกิดดับของลมหายใจ
๒) ปฏิภาคนิมิต - มักพูดถึงอสุภนิมิต คือเห็นเครื่องในกาย
หรือธาตุนิมิต คือเห็นกายเป็นดิน น้ำ ไฟ ลม
หรือนวสีวถิกานิมิต คือเห็นกายเป็นศพสภาพต่างๆ
กายที่ปรากฏเป็นปฏิภาคนิมิตนั้น เราเจาะจงจี้เข้าไปที่จุดใดจุดหนึ่งโดยเฉพาะได้สะดวก
นอกจากนั้นยังย่อขยายได้ ทำนองเดียวกับปรับกล้องซูมเข้าซูมออก

ทั้งนี้ขอให้เข้าใจว่าปฏิภาคนิมิตไม่ใช่นิมิตที่นึกๆคิดๆหรือจินตนาการเอา
เพราะแม้เห็นเครื่องในกายโดยความเป็นอุคนิมิตแท้จริง
(อาศัยความรู้สึกในกายที่ปรากฏตำแหน่งตามจริงในปัจจุบัน)
ก็เหมือนเครื่องเอกซเรย์ที่รู้ความจริงข้างในโดยไม่ผิดเพี้ยนแล้ว
(หากกำลังยังอ่อนก็จะเหมือนภาพในฝัน โย้เย้ง่าย และบิดเบือนนึกๆคิดๆผสมได้)
ส่วนปฏิภาคนิมิตจะยิ่งกว่านั้น คือบางคนชำนาญขนาดแยกลงไปได้ถึงระดับการแบ่งตัวของเซลล์
(คนจะทำได้ไม่ใช่ของง่าย ต้องมีกำลังถึงฌานอุดหนุนอยู่)

วิธีบริกรรม (ไม่ใช่แปลว่าเอาคำไปกำกับ แต่หมายถึงกำหนดใจ) เพื่อให้เกิดนิมิต
ก็คือแนวทางที่พระพุทธองค์ตรัสไว้เป็นขั้นๆชัดเจนแล้ว
มีสติธรรมดาก็เริ่มกำหนดรู้ว่าอย่างนี้หายใจออก อย่างนี้หายใจเข้า
เรื่อยไปกระทั่งจิตตั้งมั่นด้วยลม แล้วต่อยอดเป็นรู้อิริยาบถใหญ่น้อย
แล้วจึงข้ามไปดูปฏิกูล ดูความเป็นธาตุ ดูความเป็นศพ
นี่แหละครับ ถ้าหากมาตามลำดับขั้น ก็จะเห็นว่าเป็นของไม่ยากเกินเอื้อม
(ต้องมีสัปปายะและความเพียรที่ต่อเนื่องตามสมควรแก่เหตุและปัจจัยด้วยนะครับ
ใช้ชีวิตแบบคนเมือง คงยากนักจะเห็นแม้ระดับอุคหนิมิต)
เครดิตข้อธรรม จากคุณ : ดังตฤณ [ 4 ส.ค. 2546 / 23:25:48 น. ]

 

จริงๆค่ะ ทำไมไม่กินอาหารของตนเอง ^^
แถมเมนูซ้ำ ยังมามองหน้า

 

ตัวแสบที่บ้านเอาอาหารตัวเองแบ่งให้นก
ไม่คิดว่าแม่หาเงินมาซื้อให้อย่างแพงเพื่อสุขภาพ
ให้กับข้าวซ้ำก็เมิน มองหน้าแล้วถอนหายใจ
ประชดด้วยการฉี่ไม่ตรงที่ปูไว้ให้ T^T