แบบนี้ถือว่าเป็นกรรมไหมค่ะ

ถ้าตนเองมีแฟนอยู่แล้ว แต่ด้วยความที่แฟนไม่ใส่ใจ แฟนงี่เง่า ไม่แคร์
แล้วเราก้ไปเจอกับพี่ที่ทำงานด้วยกันซึ่งเค้าก็มีแฟนอยู่แล้วเช่นกัน ก็คุยกันแล้วก้รุสึกชอบเขา
จนทำให้เรากับแฟนมีปัญหากันเพราะทะเลาะกันมากกว่าเดิม แล้วเราก้เลิกกับแฟน แต่ก้ยังรุสึกผูกพันกับเขาจนเราพยายามกลับ แต่ก้มีปัญหากันทุกที แต่กับพี่ที่ทำงานก็รุสึกชอบมากขึ้น แต่เราก้รุว่าผิด เพราะเค้ามีแฟนอยุแล้ว จนเรากับพี่คนนั้นลบการติดต่อกันทุกอย้างไม่ว่าจะเป็นไลน์ เฟส แต่เรายังคงต้องทำงานด้วยก้ก้มีคุยกัน แล้วก้โทรคุยกัน จนพี่คนนั้นเค้าก้เลิกกับแฟน แล้วเหมือนเค้าก้มาคุยกับเรา แบบนี้เราเป็นบาปไหมค่ะ

 

บาปเรื่องอะไรละครับ


แต่งงานแล้ว จดทะเบียนแล้วมีลูกแล้วหรือป่าวครับ


บาป แปลว่า ชั่ว

จขกท ทำชั่วอยู่หรือป่าวครับ


เค้าเลิกกับแฟน ก็เพราะตัวเค้ากับแฟน เลิกเอง หรือจะไม่เลิก ก็อยู่ที่ตัวเค้า

หรือคิดว่าไม่พูดไม่คุย พวกเค้าจะคบกันไปจนแก่ตาย พวกเค้าจะเป็นแฟนกันจนไม่เลิก หรือครับ

คุย พูด กับคนที่ชอบ นี่ บาปตรงไหนหรอครับ

ว่าแต่ จขกท ตกลงใจได้หรือยังละครับ ว่าจะเลือกใคร แต่งกับใคร คบกับใคร หรือจะจับปลา2มือ มือเดียวไม่พอ

คนเราทุกคนเกิดมามีกรรมอยู่แล้วครับ ทำกรรมอะไรไว้ ย่อมได้รับผลกรรมนั้นตอบแทน ครับ

..

 

ผมคิดว่า ถ้าทำอะไรแล้วไม่เดือดร้อนแก่ตัวเองและผู้อื่น และไม่เป็นทุกข์กับตัวเองและผู้อื่น
ก็คงจะไม่ผิดอะไร (ลองคิดตามคำพูดผมดูถ้าผิดยังไงหรือทำให้คุณไม่สบายใจก็ขอโทษด้วยคับ)

 

ก็เรามีเจตนาอย่างไรในการคบกับพี่คนนั้นล่ะ?..ถ้าในตอนที่ติดต่อกัน ทราบดีว่าเขามีแฟนแล้ว แต่ใจเรา"หมายปอง"พี่คนนั้น คิดไปว่าขอให้เขาเลิกกับแฟนเสีย แล้วมาสนใจเราแทน เช่นนี้ย่อมเป็นบาป...

ทีนี้ ชายคนนี้ที่เลิกกับแฟนแล้วหันมาสนใจเรา ท่านจขกท พึงพิจารณาให้ถ้วนถี่ว่า เขาเป็นคนใจโลเลหรือไม่...ถ้าว่าเขาสามารถเปลี่ยนใจได้ในเวลานี้ ก็ให้ทราบว่า ในอนาคต เขาอาจคบใครๆได้เเละเปลี่ยนใจได้เช่นกัน...เพราะอุปนิสสัยสั่งสมมาเช่นนั้น ที่เราจะวางใจว่าเขาจะหนักแน่นมั่นคงนั้น ควรพิจารณาให้ถ้วนถี่ครับ..

 

ขอบคุณน้าค่าา
บาปที่ต้องทำให้เขาทั้งคู่เลิกรากันค่ะ ทั้ง 2 คนนี้เค้าก้อยุด้วยกัน
แต่พอเราเลิกจะคุยแค่เรื่องงานต่างๆกลายเป็นว่าเขาเข้ามาหาเราเอง
แต่จริงๆ เราก้ชอบเขาอยุแล้วเปนทุน ส่วนเรื่องคบเรายังดูๆไปก่อนอ่าค่า

แล้วก้เรื่องที่เลิกกับแฟน เพราะเริ่มไปชอบคนอื่นอ่าค่ะ อันนี้จะบาปไหม
ที่จิงก้ยังห่วงแฟน แต่ด้วยความที่มีปัญหาทะเลาะกันตอนที่เขารุว่าเราคุยกับคนอื่น
เหมือนทุกอย่างจะแย่ลง เราก้เริ่มหันมามองฝั่งนี้มากขึ้นอ่าค่ะ

 

งั้นแบบนี้ เราทำให้ แฟนของคนนั้น กับแฟนเก่าเราเดือดร้อนใช่ไหมค่ะ คือทำให้พวกเขาทั้งคู่เสียใจ ถ้าเรายอมฝืนใจ ตัดใจทำใจตั้งแต่แรก มันก้จะไม่ผิดไหมค่ะ?รึป่าว

 

กับพี่คนนั้น ก้คิดว่าอยากดูแล เปนห่วง ก้คิดเยอะนะค่ะ ท่าจะบาปแน่นอนแล้วค่ะ แต่เรายังไม่ได้คบกัน เพราะอยากดูให้แน่นอนก่อนอ่าค่า แล้วที่เราเลิกกับแฟนแล้วมาหาอีกคน แบบนี้กบาปใช่ไหมค่ะ จะบอกว่าหมดรักก้ไม่หมดแต่เหมือนเข้ากันไม่ได้ตอนช่วงนั้น เพราะมีปห เรื่องมือที่3 อ่าค่ะ

เราก้คิดแบบนั้นอ่าค่ะ ถ้าคนๆนึงสามารถทิ้งแฟนตั้งเองที่อยุกินกันมาหาเราได้ กับเราก้คงง่ายมากๆอ่าค่า แต่ความชอบมันก้บังตาทุกอย่างอ่าค่า ทำงานอยุด้วยกันมันก้เหมือนคุ้นเคยแบบนี้มีทางทำให้ความรุสึกบรรเทาลงไหมค่ะ?

 

คนเรานั้นถ้าได้รู้สึกนิยมชมชอบเขาแล้ว ยิ่งได้คบกันใกล้ชิดกันก็มีแต่จะเพิ่มกำลังความนิยมขึ้นไปอีก....ยิ่งเวลานี้ต่่างคนเป็นอิสระ(จริงหรือไม่คนอื่นไม่ทราบ) ก็ยิ่งเป็นช่องทางให้ตัณหาบงการกิริยาห่วงใย ใส่ใจหรือกระตือรือร้นที่จะดูแลเขาให้มีมากขึ้น...ยกเว้นเสียแต่ว่าตนเองจะห้ามใจ ข่มใจไม่คิดจะต่อสัมพันธ์ ก็ติดต่อเฉพาะเรื่องงาน ส่วนเรื่องนอกงานก็งดการติดต่อทั้งสิ้น อย่างนี้ก็เป็นการไม่สานไมตรีให้ยิ่งขึ้นกว่าการเป็นเพื่อนร่วมงาน..แต่คงต้องอาศัยใจที่เข้มแข็ง เพราะตอนนี้ ใจที่กำลังทุกข์เพราะการเลิกราจากแฟน จะมีกำลังสนับสนุนการแสวงหาคนใหม่ที่ตนคิดว่า่ใช่มาแทน ..ซึ่งต้องระวังให้มากเพราะเวลานี้ อารมณ์อยู่เหนือปัญญา ต้องพิจารณาให้มากนะครับ..

 

มองออกเลยยค่า ขอบคุณคุณพี่มากๆค่ะ
ข้อคิดนี้เปนข้อคิดที่ดีมากๆเลย
คนส่วนใหญ่คงพลาดพลั้งกับจุดนี้ได้ง่ายดายเหลือเกิน
ขอบคุณมากๆค่ะ

 

ไม่ว่าเราจะผิดหรือไม่ผิด
แต่ความรู้สึกที่ไม่ดีต่างๆที่เรานึกถึงอยู่บ่อยๆ
ยิ่งรู้สึกแย่มาก ก็บาปมาก
ยิ่งรู้สึกแย่บ่อย ก็บาปบ่อย
เรื่องนักๆใคร่ๆมันเป็นแรงกรรมบันดาล
มีสุขมีทุกข์ปนเปไปตามสันดานคน
บางพวกปรับได้
บางพวกไม่ยอมที่จะปรับ
บางพวกรู้อภัย
บางพวกมีแต่อาฆาต

หากการที่เราไปพูดคุยกับคนหนึ่ง
ทำให้เรากับแฟนต้องทะเลาะ เราสร้างเหตุปัจจัยเอง
และการที่อีกคนหนึ่งทะเลาะกับแฟนจนต้องเลิกกัน
ก็อาจจะเพราะเราเป็นเหตุปัจจัยอีก
เราทำอะไรไป เราย่อมรู้ผลของมัน และยังฝืนทำ
บาปเกิดเพราะมีเจตนา บางทีคิดว่าไม่เจตนา
แต่ถามตัวเองว่า เราไม่รู้จริงหรือ? ว่าทำแบบนี้จะจบแบบนี้
แต่ที่แน่ๆ จะบาปหรือไม่บาป กรรมครั้งนี้สำเร็จลงแล้ว
ในภายหน้าคุณก็จะได่เจอแบบเดียวกับที่ทำไว้ จากคนอื่น

 

ถ้าตามที่บอกมานี้ ไม่บาปครับ เพราะเราแค่แอบชอบ ปลื้ม แต่ไม่ได้ทำผิดอะไร แอบชอบนี้มันห้ามไม่ได้ ที่เราแอบชอบเค้าทั้งๆ ที่มีแฟนอยู่ อาจจะเป็นเพราะเคยมีบุญสัมพันธ์กันมาก่อนคับ พอได้มาคลุกคลี ไฟเก่ามันเลยติด ทั้งๆ ที่เราก็มีแฟนอยู่แล้ว แต่เหมือนกับว่าบุญสัมพันธ์มันคงใกล้จะหมดแล้ว ของแบบนี้ถ้ามันจะไป ก็ห้ามไม่ได้

แต่บางคู่มันไม่ใช่บุญ มันอาจจะเป็นกรรมแทน โดยเฉพาะคู่ไหนถ้าอยู่ด้วยแล้วไม่มีความสุข มีแต่ทุกข์ หรือทุกข์เยอะกว่าสุข คู่แบบนี้น่าจะเป็นคู่กรรมมากกว่า พอหมดกรรมต่อกันแล้ว เค้าก็จะไปเองคับ หรือมันจะมีเหตุให้ต้องแยกเอง นี้คือในส่วนมี่ จขกท เลิกกับแฟน

ส่วนที่เค้าเลิกกันก็คงคล้ายๆ กัน และอีกอย่างหนึ่งคนเรานิสัยมันก็ไม่เที่ยง ตอนแรกเข้ากันได้ดีตอนหลังก็อาจเค้ากันไม่ได้เลย เพราะว่าบางคนตอนแรกมีจริตพอๆ กัน แต่พออยู่ไปนานๆ คนหนึ่งทำบุญ ใฝ่ธรรม จิตสูงขึ้นมา อีกคนยังเท่าเดิม หรือมัวแต่เที่ยว เล่น กินเหล้า ประมาท จิตแย่ลงกว่าเดิม ถ้าจิตมันต่างกันมาก มันก็ไปด้วยกันไม่ได้เหมือนกัน อันนี้แหละที่เค้าเรียกว่ามันไม่เที่ยง

คู่ไหนจะรอด ไม่รอดก็ดูที่ศีลคับ ถ้าคู่ไหนศีลเสมอกัน ก็จะไปกันได้ดีคับ คู่ที่มันเลิกกันก็เพราะศีลไม่เสมอกัน จิงๆ แล้วควรจะดีใจด้วยซ้ำ เพราะจะได้มีโอกาศเจอคู่ใหม่ที่ดีกว่าเดิม

 

แต่ถ้าจะเอาให้ละเอียดจริงๆ ต้องมีข้อมูลมากกว่านี้คับ
จิงๆ แล้ว เราเอาเหตุการณ์โดยรวมมาสรุปไม่ได้คับ

ต้องแยกเป็นทีละเหตุการณ์ เลยคับ
มันต้องมานั่งดูตั้งแต่ตอนทะเลาะคับ ว่าทะเลาะกันเรื่องอะไร เช่น
1. ทะเลาะ เพราะแฟนทำตัวไม่ดี
2. ทะเลาะ เพราะมีเค้า (คนที่เราชอบ) เป็นเหตุ

ใครเป็นคนเริ่มทะเลาะก่อน ทะเลาะมีด่า ว่ากันไหม ตบตีไหม ฯลฯ
จบเหตุการณ์ ที่หนึ่ง

ถ้ามีทะเลาะอีก (ในเหตุการณ์ที่สอง อาจจะเกิดขึ้นอีกวัน หรือภายในวันเดียวก็ได้)
ก็ต้องมาดูอีกว่าเป็นยังไง

ให้นับเป็นทีละเหตุการณ์ไปเลย ยกตัวอย่างนะคับ
ทะเลาะเพราะมีเค้าเป็นเหตุ เราเริ่มชอบเค้าแล้ว แอบคุยกับเค้าในลักษณะที่มีใจ โดยเราก็รู้ตัวอยู่ แต่ไม่ให้แฟนรู้ แบบนี้จะเข้าข่ายมุจสาวาทคับ ก็คือ บาป อันนี้คือบาปครั้งที่ 1 ละนะคับ
แล้วตอนทะเลาะกับแฟน เราไม่พูดความจริง เราก็พูดว่าไม่มีอะไร แต่ใจเรามี แบบนี้เท่ากับโกหกครั้งที่ 2 เป็นบาปครั้งที่ 2 แล้วตอนทะเลาะมีคำหยาบ ด่ากัน ก็บาปครั้งที่ 3

ถ้าเราทำตัวดี คือเราคุยกับคนที่เราแอบชอบ แต่ในใจเราเตือนตัวเองว่า มีแฟนแล้ว เช่นนั้น อย่าเลย เราควรหักห้ามใจ คุยโดยระมัดระวัง เค้าน่ารักก็จริง แต่มีแฟนแล้ว อย่ากระนั้นเลย เราควรสำรวมอินทีรย์ คือ ตา หู ปาก ใจ ฯลฯ ระมัดระวังอยู่อย่างนี้ เพราะทั้งคู่มีแฟนแล้ว แบบนี้ก็ไม่บาป คับ

ในตอนทะเลาะ เราอยู่ของเราดีๆ แฟนมาหาเรื่องก่อน เราไม่ตอบโต้ เราไม่เกอดอารมณ์โกรณร่วมไปกับแฟน เพราะคิดว่า ความโกรธนั้นเป็นของแฟนคนเดียวพอ อย่าเป็นของเราเลย แบบนี้ไม่บาป

แต่ถ้าเถียงกัน เถียงกันมา ด่ากันไป ด่ากันมา แดกดัน แบบนี้ก็บาปทั้งคู่คับ

อันนี้ ยกตัวอย่างเฉยๆ
สรุปทะเลาะครั้งหนึ่ง บาปเพียบคับ บาปทั้งคู่ แต่จะเยอะน้อย แค่ไหน แล้วแต่เหตุการณ์

เพราะฉะนั้น จิงๆ แล้วบาปเกิดขึ้นง่ายมากโดยที่เราไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ใน 1 วัน
ซึ่งเราอาจทำบาปเป็น 100 ครั้งเลยก็ได้
ดังนั้นพระพุทธองค์ถึงได้บอกว่า อย่าประมาณ หมั่นทำบุญเยอะๆ
แล้วทำบุญยังไงให้ถูกต้อง แบบไหนเป็นบาป แบบนั้น ทำไปไม่มีผล หรืออานิสงฆ์น้อย จะรู้ได้ก็ต้องหมั่นศึกษาเยอะๆ อ่านไตรปิฎกเยอะๆ คับ นั่งสมาธิอย่างเดียว ก็ไม่สามารถรู้ตรงนี้ได้นะคับ ต้องอ่านจากที่พระพุทธเจ้ากล่าวเอาไว้เท่านั้น จะชัดเจน และชัวร์กว่าเรานั่งคิดเอาคนเดียว เพราะมันจะมีเหตุการณ์ในสมัยนั้นที่จะคล้ายๆ แบบนี้แหละคับ เราจะสามารถเอามาเทียบกันได้
ประมาณนี้คับ

 

เค้าเรียกว่าชู้ทางใจ ศีลข้อกาเมยังไม่ขาด แค่ศีลด่างพร้อย
แต่ไปนอนกันเมื่อไหร่ โดยที่ทั้งสองฝ่ายก็ยังมีทะเบียนสมรส ไม่ได้หย่าขาดจากคู่ครองเดิม
ทั้งชายหญิงก็เตรียมหัดปีนต้นงิ้วไว้ได้เลยค่ะ
ต้นงิ้วในนรกมันขึ้นรออยู่ ตายปุ๊บก็ได้ปีนทันทีเลย
แล้วต้องแก้ผ้าปีนด้วยนะ
ไหวมั๊ยคะเนี่ย

คุณรู้มั๊ย พวกที่เคยปีนต้นงิ้วมาแล้วในอดีตชาติ
เกิดมาอีก ก็จะมีเรื่องให้อยากปีนต้นงิ้ว
หรือเพศตรงข้ามมาชวนให้ปีนต้นงิ้ว
อยู่เรื่อย

ถ้าใจไม่แข็งพอ
ตายแล้วก็จะกลับไปปีนต้นงิ้วอย่างเก่า

 

ขอบคุณทุกๆข้อมูลมากค่า
ข้อสรุปยังไงมันก้ไม่ดีแน่นอนอ่าค่า555

สรุปเราก้เปนผู้ทำให้เกิดเรืีองขึ้นมันก้ผิดที่เรา
เราไม่แก้ที่ตัวแฟน ไม่เตือนแฟน ปรับความเข้าใจกัน
แต่้ราเลือกที่จะเอาคนอื่นเข้ามายุ่งกลายเปนบ่วง มันผิดที่ตัวเราเองนี่แหละค่าา


ขอบคุณมากๆค่าา