คนก่อนจะตายต้องเห็นนิมิตก่อน

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย กุศโลบาย, 16 กุมภาพันธ์ 2014.

  1. กุศโลบาย

    กุศโลบาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    323
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,604
    คนก่อนจะตายต้องเห็นนิมิตก่อน
    จาก หนังสือ ตายแล้วไม่สูญ...แล้วไปไหน

    [​IMG]


    "..ตามที่หนังสือโบราณท่านเขียนไว้ "คนก่อนจะตายต้องเห็นนิมิต" สมัยหลวงพ่อปาน ท่านก็เขียนไว้ ท่านบอกว่าลอกมาจากตำรับตำรา ท่านบอกว่า คนก่อนจะตายต้องเห็นนิมิต คือ
    ๑) เวลาก่อนจะตาย ถ้าเห็นไฟ กองไฟ หรือดวงไฟ แสดงว่าคนนั้นตายแล้วตรงไปนรกทันที ไม่ผ่านสำนักพระยายมราช
    ๒) เวลาก่อนจะตาย ถ้าเห็นป่า จะเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน
    ๓) เวลาก่อนจะตาย ถ้าเห็นก้อนเนื้อ จะเกิดเป็นคน
    ๔) เวลาก่อนจะตาย ถ้าเห็นสิ่งที่เป็นบุญเป็นกุศล เช่นของที่เราเคยให้ทาน หรือวัดที่เราเคยทำบุญ พระที่เราเคยไหว้จะเป็นพระพุทธรูปก็ตาม พระสงฆ์ก็ตาม เป็นอันว่าสิ่งที่เป็นบุญเป็นกุศลอย่างนี้ ก็จะไปเกิดบนสวรรค์คือไปสู่สุคติ

    ตามที่หลวงพ่อปานเขียนมาอย่างนี้ อาตมาไม่ใช่ต้องการพิสูจน์แต่ได้ไปประสบเข้าโดยคาดไม่ถึง นั่นก็คือมีเพื่อนอยู่คนหนึ่งชื่อ "จวน" นามสกุลจำไม่ได้ อยู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เวลานั้นสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ สมัยท่านจอมพลแปลก พิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรี ได้เกณฑ์คนไปทำงานที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ต้องการจะเอาคนงานทั้งหมดเป็นทหารต่อต้านญี่ปุ่น คุณจวนก็ไปทำงานที่นี่ด้วย เมื่อเลิกสงครามก็เลิกทำงาน กลับมาก็ปรากฏว่าเป็นโรคไข้ ต่อมาก็เป็นวัณโรคคือเป็นโรคฝีในท้อง เป็นโรคปอด

    วันสุดท้ายของชีวิตของเธอ อาตมาไปเทศน์ที่จังหวัดสุพรรณบุรี พอดีกลับมามีคนเขาบอกว่า "จวนป่วยหนัก" ประมาณ ๔ โมงเย็น อาตมานิมนต์พระไปเป็นเพื่อนอีก ๔ องค์ ที่นำพระไปด้วยก็คิดว่าคนป่วยหนักถ้าเห็นพระอาจจะเป็นมงคลก็ได้ เพราะตามตำราท่านบอกว่า ถ้าเห็นสิ่งที่เป็นกุศลคนนั้นจะไปสวรรค์
    พอไปถึงคุณจวนก็อาการหนักจริงๆ หายใจช้าๆ แล้วก็เบาลงๆ อาตมาไปนั่งข้างๆ เรียกชื่อ "จวน จำฉันได้ไหม" ท่านเหลียวหน้ามาพยักหน้าตอบว่า "จำได้" เสียงเบามาก จึงถามเธอว่า "เวลานี้เห็นอะไรไหม ไม่ใช่เห็นฉัน มีภาพอะไรลอยข้างหน้าบ้าง"
    ท่านก็ตอบว่า "เวลานี้มีภาพไฟลอยข้างหน้า"
    ท่านก็แสดงอาการหวาดกลัวไฟมาก เมื่อฟังเท่านั้นก็ตกใจ คิดว่าท่าจะไม่ได้การแล้ว นิมิตอย่างนี้ถ้าเห็นตายแล้วไปนรกทันที
    ก็คิดอะไรไม่ถูกจึงถามว่า "จวน ภาวนาว่าพุทโธ ได้ไหม"
    เธอส่ายหน้าบอกว่า "คิดไม่ออก"
    อาตมาจึงหันไปถามภรรยาท่านว่า "มีสตางค์ไหม"
    เธอก็ตอบว่า "มี"
    ก็เลยบอกว่า "ถ้ามีละก็ขอสัก ๒๐ บาทได้ไหม"
    เธอก็นำธนบัตรใบละ ๒๐ บาทมาให้ อาตมาก็นำไปใส่มือจวน เอามือทั้งสองประกบกันในท่าพนมมือแล้วบอกว่า

    "จวน เอาอย่างนี้นะ ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง แต่ความตายเป็นของเที่ยง เราจะตาย หรือไม่ตายนั้นไม่มีความสำคัญ ตั้งใจทำบุญก็แล้วกันนะ เวลานี้ฉันมาพร้อมกับพระ ๔ องค์ ขอจวนตั้งใจชำระหนี้สงฆ์ ให้คิดว่าของต่างๆ ในวัดทั้งหลายที่มีพระสงฆ์ก็ดี หรือไม่มีพระสงฆ์ก็ดี เป็นวัดร้างมีพระพุทธรูปก็ดี หรือเป็นวัดร้างไม่มีพระพุทธรูปก็ดี หรือเป็นที่ธรณีสงฆ์ ไม่มีสภาพเป็นวัดก็ตาม เราไปนำอะไรมาจากที่นั่นก็ตาม จะเป็นของหนักก็ดี ของเบาก็ดี ของน้อยก็ตาม ของมากก็ตาม มีค่ามากก็ตาม มีค่าน้อยก็ตาม ขอชำระหนี้สงฆ์ด้วยเงิน ๒๐ บาท"

    ท่านก็พูดเบาๆ ตามแล้วก็น้อมทำท่าผงกศีรษะนิดหน่อย ก็เลยบอกพระ ๔ องค์ว่า "คุณทั้งหลายถ้าเห็นชอบให้ สาธุ พร้อมกันนะ"
    พระทั้งหลายก็ "สาธุ" พร้อมกัน พอพระสงฆ์สาธุพร้อมกัน รู้สึกว่าจิตใจของท่านสดชื่นขึ้นมามาก ถามว่า "จวน เวลานี้เห็นภาพอะไร ไฟหายไปแล้วหรือยัง"
    ท่านก็ตอบ "ไฟหายไปแล้ว"
    ถามว่า "เห็นภาพอะไร"
    ท่านบอก "เห็นภาพพระประธานในพระอุโบสถวัดบางนมโค" เพราะว่าท่านเคยบวชที่วัดบางนมโคและก็ไปทำวัตรเป็นประจำ
    ถามว่า "เห็นชัดไหม"
    ท่านก็บอก "เห็นชัด อยู่ใกล้มาก"
    เลยบอกว่า "จวน นึกในใจก็ได้นะ ออกเสียงมันจะเหนื่อย นึกภาวนาในใจว่า พุทโธ"
    แทนที่ท่านจะนึกในใจกลับออกเสียงว่า "พุทโธๆ ๆ ๆ" เบาๆ ว่าไปสัก ๓-๔ ครั้ง รู้สึกว่าหายใจเบาลงแต่ว่ามีเสียงเล็กน้อย
    ถามว่า "จวน เวลานี้เห็นพระไหม"
    ท่านตอบว่า "เห็นพระ"
    ถามว่า "ชัดขึ้นไหม"
    ท่านก็ตอบว่า "ชัดเจนแจ่มใสมาก สุกสว่างใหญ่กว่าเดิมมาก"
    เลยบอกว่า "ถ้าอย่างนั้น นึกถึงพระเป็นที่พึ่งนะ นึกถึงว่าเวลานี้เราอยู่กับพระพุทธเจ้า ภาพที่เห็นคือภาพพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าท่านมาสงเคราะห์ จะหายจากโรค ถ้าจำเป็นต้องตายก็ไปสวรรค์"
    ท่านยิ้มนิดหนึ่งแล้วบอกว่า "พอพูดจบก็มีวิมานลอยมาอยู่ข้างหน้า พระท่านก็ชี้บอกว่า วิมานนี้เป็นของเธอ"
    จึงถามว่า "เวลานี้ต้องการอยู่บ้านหรือต้องการอยู่วิมาน"
    ท่านก็ตอบเบาๆ ว่า "ต้องการวิมานครับ"
    ก็ไม่ต้องรบกวนให้เหนื่อยต่อไปจึงบอกว่า "ตั้งใจไปวิมานนะ ภาวนาว่าพุทโธ"
    ท่านก็ภาวนาเบาๆ ว่า "พุทโธๆ ๆ ๆ"
    ในที่สุดก็เงียบไปพร้อมกับคำภาวนาและลมหายใจเข้าออก
    รวมความว่าท่านตายคู่กับพุทโธ
    เป็นอันว่า นิมิตเครื่องหมายมีจริง อาตมาพบมาเองหลายสิบราย และวิธีแก้ก็มีวิธีเดียวคือวิธีนี้ เพราะว่าเวลานั้นอย่างอื่นมันแก้กันไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเงินชำระหนี้สงฆ์ ถ้าบังเอิญเขาไม่เป็นหนี้สงฆ์ ก็เป็นสังฆทานและวิหารทาน รวมความว่าเป็นบุญใหญ่ที่เขาจะพึงได้รับ
    เป็นอันว่ามนุษย์เราที่ตาย ทุกคนจะเห็นนิมิตก่อน แต่ว่านิมิตที่ดีและถูกตัดรอนเพราะกฎของกรรมก็มี.."

    ____________________________



    "...คนก่อนจะตาย จะเห็นนิมิตก่อน นี้ในสมัยพระพุทธเจ้ายังทรง<WBR>พระชนม์อยู่ก็มีท่านผู้นี้เ<WBR>ป็นสาวกขององค์สมเด็จพระบรม<WBR>ครูมีนามว่า "ธรรมิกอุบาสก" แปลว่า "อุบาสกผู้ประกอบไปด้วยธรรม<WBR>" คือตั้งใจประพฤติธรรมตามพระ<WBR>ธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จ<WBR>พระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่นเอง<WBR> ...

    ท่านธรรมิกอุบาสกมีความเคาร<WBR>พในพระพุทธเจ้ามากและปฏิบัติ<WBR>ตามที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งส<WBR>อนเป็นอย่างดี คิดว่าท่านผู้นี้น่าจะเป็นพ<WBR>ระอริยเจ้า เพราะคนสมัยนั้นที่มีความเค<WBR>ารพในพระพุทธเจ้าจริง ไม่เป็นพระอริยเจ้ามีน้อย พระพุทธเจ้าไปจำพรรษาแดนใด แดนนั้นก็มีพระอริยเจ้ามากก<WBR>ว่าปุถุชน

    ต่อมาท่านธรรมิกอุบาสกป่วยห<WBR>นักก็อยากจะฟังสวดพระปริตร พระปริตรคือบทสวดมนต์ บทสวดมนต์เวลานั้นเห็นจะเป็<WBR>นมหาสติปัฏฐานสูตร ก็สั่งให้ลูกไปนิมนต์พระจาก<WBR>พระพุทธเจ้า สุดแล้วแต่พระพุทธเจ้าจะตรั<WBR>สให้พระองค์ใดองค์หนึ่งมาสว<WBR>ดพระปริตร เมื่อพระมานั่งเรียบร้อยแล้<WBR>วก็แจ้งให้พ่อทราบ พอพระเริ่มสวดพระปริตร เวลานั้นก็ปรากฏเทวดาทั้ง ๖ ชั้นคือ

    ๑) ชั้นจาตุมหาราช
    ๒) ชั้นดาวดึงส์
    ๓) ชั้นยามา
    ๔) ชั้นดุสิต
    ๕) ชั้นนิมมานรดี
    ๖) ชั้นปรนิมมิตวสวัตตี

    ยกขบวนกันมามากลอยในอากาศใก<WBR>ล้ๆ แต่ละชั้นต่างนำรถทิพย์มาเช<WBR>ิญท่านธรรมิกอุบาสกว่า

    "ท่านธรรมิกะ จงไปอยู่กับฉันเถิด ฉันอยู่ชั้นจาตุมหาราช มีความสุข"

    "ท่านธรรมิกะ จงไปอยู่กับฉันเถิด ฉันอยู่ชั้นดาวดึงส์ มีความสุข"

    "ท่านธรรมิกะ จงไปอยู่กับฉันเถิด ฉันอยู่ชั้นยามา มีความสุข"

    "ท่านธรรมิกะ จงไปอยู่กับฉันเถิด ฉันอยู่ชั้นดุสิต มีความสุข"

    "ท่านธรรมิกะ จงไปอยู่กับฉันเถิด ฉันอยู่ชั้นนิมมานรดี มีความสุข"

    "ท่านธรรมิกะ จงไปอยู่กับฉันเถิด ฉันอยู่ชั้นปรนิมมิตวสวัตตี<WBR> มีความสุข"

    เทวดาต่างส่งเสียงเชื้อเชิญ<WBR>เจี๊ยวจ๊าว จนกระทั่งท่านธรรมิกอุบาสกไ<WBR>ม่ได้ยินเสียงพระสวด ท่านตั้งใจจะฟังพระสวด ก็รำคาญเสียงเทวดา จึงโบกไม้โบกมือบอกว่า "หยุดก่อนๆ" เสียงท่านบอกให้หยุดก่อนอยู่<WBR>นาน แต่เสียงเทวดาก็ไม่ยอมหยุด

    และก็เป็นการบังเอิญจริงๆ ที่บรรดาลูกหลานทั้งหมดของท่<WBR>านไม่เห็นเทวดา พระที่ไปทั้งหมดก็ไม่มีทิพย์<WBR>จักขุญาณเห็นเทวดาได้เลย ทำให้พระที่กำลังสวดเข้าใจว่<WBR>าท่านธรรมิกอุบาสกต้องการใ<WBR>ห้พระหยุดสวด จึงบอกกับลูกหลานของท่านว่า<WBR> "ในเมื่อคนฟังไม่ต้องการจะฟั<WBR>ง ก็ไม่สวดต่อไปขอลากลับ"

    เมื่อพระกลับไปสักครู่เทวดา<WBR>จึงหยุดพูด เมื่อเทวดาหยุดแล้วท่านก็หั<WBR>นมาทางพระก็ไม่เห็นพระ จึงถามลูกว่า "พระไปไหนหมด พ่อต้องการฟังพระสวดพระปริต<WBR>ร" ลูกก็บอกว่า "ก็พ่อบอกให้พระหยุดก่อน เมื่อท่านเห็นว่าพ่อไม่ต้อง<WBR>การจะฟัง ท่านก็ไม่สวดจึงลากลับไป"

    ท่านก็บอกว่า "พ่อไม่ได้บอกให้พระหยุด พ่อตั้งใจจะฟังพระสวดพระปริ<WBR>ตร แต่ว่าเทวดาส่งเสียงเจี๊ยวจ๊<WBR>าว ต่างคนต่างมาชวนไปอยู่บนสวร<WBR>รค์แต่ละชั้นรวม ๖ ชั้นด้วยกัน พ่อบอกให้หยุดพูด เธอก็ไม่หยุด เลยต้องโบกไม้โบกมืออยู่พัก<WBR>ใหญ่จึงหยุด"

    ลูกก็มีความรู้สึกในใจว่า พ่อของเรามีความเคารพในองค์<WBR>สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเ<WBR>ป็นอย่างยิ่ง แต่เวลานี้ป่วยหนัก จึงเผลอไผลหลงใหลใฝ่ฝันไปแล้<WBR>ว เทวดามีที่ไหน เห็นมีแต่อากาศ จึงถามพ่อว่า "เทวดาอยู่ที่ไหน" ท่านก็ชี้ไปข้างบนบอกว่า "เทวดาอยู่เป็นแถวเต็มจักรว<WBR>าล นี่ชั้นจาตุมหาราช ตรงนี้ชั้นดาวดึงส์ ตรงนี้ชั้นยามา ตรงนี้ชั้นดุสิต ตรงนี้ชั้นนิมมานรดี ตรงนี้ชั้นปรนิมมิตวสวัตตี"<WBR>

    แล้วท่านก็บอกอีกว่า "พ่อนึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นป<WBR>กติ นึกถึงพระธรรมเป็นปกติ นึกถึงพระอริยสงฆ์เป็นปกติ แต่เวลานี้เทวดาท่านมาจริงๆ<WBR> พ่อไม่ได้หลง" ลูกก็ไม่ยอมเชื่อ ท่านจึงบอกว่า "ขอพวงมาลัยมีไหม" ลูกก็บอกว่า "มี" ท่านก็บอกว่า "ขอมาลัยพ่อพวงหนึ่ง" ลูกก็นำพวงมาลัยมาให้

    ท่านก็ถามว่า "สวรรค์ชั้นไหนมีความสุข น่าอยู่ที่สุด" แสดงว่าท่านมีสิทธิ์อยู่สวร<WBR>รค์ทั้ง ๖ ชั้น ลูกทั้งหมดก็บอกว่า "สวรรค์ชั้นดุสิตน่าอยู่ที่<WBR>สุด" ท่านก็บอกว่า "ถ้าอย่างนั้น พ่อจะโยนพวงมาลัยให้คล้องใน<WBR>งอนรถของสวรรค์ชั้นดุสิต"

    แล้วท่านก็โยนพวงมาลัยขึ้นไ<WBR>ปคล้องในงอนรถ ลูกไม่เห็นรถทิพย์ เห็นแต่พวงมาลัยค้างในอากาศ<WBR> ไม่หล่นลงมาและในที่สุดท่าน<WBR>ก็หมดลมหายใจ ตายจากความเป็นคนเคลื่อนเข้<WBR>าสู่รถของสวรรค์ชั้นดุสิตไป<WBR>ทันที โดยไม่ต้องผ่านสำนักพระยายม<WBR>ราช

    เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า คนก่อนจะตายต้องเห็นนิมิตก่<WBR>อน นี่ในสมัยพระพุทธเจ้าก็มีไม่<WBR>ใช่จะมีเฉพาะในเวลานี้ ฉะนั้นทางที่ดีขอบรรดาท่านพ<WBR>ุทธบริษัทจงยึดพระพุทธเจ้า ยึดพระธรรม ยึดพระอริยสงฆ์ ยึดทานการบริจาค ยึดภาวนา อย่างใดอย่างหนึ่งไว้ในใจให<WBR>้มั่นคง อย่าทิ้งเป็นอันขาด

    https://www.facebook.com/#!/BuddhaSattha
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 เมษายน 2014
  2. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    สาธุ ขออนุโมทนาเป็นอย่างสูงครับ
     
  3. buakwun

    buakwun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    2,830
    ค่าพลัง:
    +16,613
    สาธุ หากเวลาก่อนจะตาย ขอให้ได้เห็นสิ่งที่เป็นบุญเป็นกุศล เช่นบุญกุศลที่ได้สร้างมาทุกวันโดยตลอด ของที่เคยให้ทาน วัดที่เคยทำบุญ พระที่เคยไหว้ จะเป็นพระพุทธรูปก็ตาม พระสงฆ์ก็ตาม สิ่งที่เป็นบุญเป็นกุศลทุกอย่างนี้ ขอให้ได้ไปเกิดบนสวรรค์คือไปสู่สุคติ หากมีกุศลหรือบุญบารมีที่สร้างไว้มากพอ ก็ขอให้ได้พบพระนิพพานด้วยเถิด กราบอนุโมทนา สาธุ
     
  4. daowdeaw

    daowdeaw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2013
    โพสต์:
    537
    ค่าพลัง:
    +1,558
    คนก่อนจะตายต้องเห็นนิมิตก่อน นี่ในสมัยพระพุทธเจ้าก็มีไม่ใช่จะมีเฉพาะในเวลานี้ ฉะนั้นทางที่ดีขอบรรดาท่านพุทธบริษัทจงยึดพระพุทธเจ้า ยึดพระธรรม ยึดพระอริยสงฆ์ ยึดทานการบริจาค ยึดภาวนา อย่างใดอย่างหนึ่งไว้ในใจให้มั่นคง อย่าทิ้งเป็นอันขาด
    กราบอนุโมทนา สาธุ จะหมั่นสร้างบุญกุศลเท่าที่มีชีวิตอยู่ไม่ให้ขาดเลยค่ะ
     
  5. ร้อนแรง

    ร้อนแรง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    212
    ค่าพลัง:
    +716
    ส่าธุ สาธุ สาธุ
     
  6. วันทยา

    วันทยา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +138
    สาธุค่ะ
     
  7. คนปั้นพระ

    คนปั้นพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,481
    ค่าพลัง:
    +2,427
    เข้ามายืนยันอีกเสียงว่าสิ่งที่หลวงพ่อปานท่านพูดไว้และสิ่งที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านมาบอกเล่าไว้นั้นเป็นเรื่องจริงไม่ใช่เรื่องเท็จ จับใจความสำคัญในประโยคที่คุณเจ้าของกระทู้นำมาเผยแพร่ให้ดีๆ เพราะมีประโยชน์กับคนที่ใกล้จะตายเป็นอย่างมาก จำวิธีการและประโยคเหล่านี้ไว้ให้แม่นๆครับเพื่อนๆสมาชิกทุกท่าน เพราะวันนั้นของทุกคนจะเป็นเส้นทางที่โดดเดี่ยวเดียวดาย ไม่มีพ่อไม่มีแม่ไม่มีพี่น้องไม่มีลูกเมียที่จะอยู่เป็นเพื่อนเราในเส้นทางนี้ มีแต่ดวงจิตที่มั่นคง คำภาวนาว่าพุทโธกับพระพุทธเจ้า ที่จะเป็นความหวังสุดท้ายของเราในเวลานั้น ขอขอบพระคุณเจ้าของกระทู้เป็นอย่างสูงที่นำมาเตือนความจำที่เกือบจะลืมไปแล้วอีกครั้งครับ
     
  8. sirigul

    sirigul เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    805
    ค่าพลัง:
    +2,515
    สัมมาสัมพุทธเจ้า สัมมาสัมพุทธเจ้า สัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ลืมไม่ลืมไม่ลืม....ไม่ลืม
    กราบหลวงพ่อท่านคะ ชื่นใจเสมอ เนื่องในวันวิสาขบูชา ขอกราบ ดวงพระพุทธเจ้า ดวงประสูติ ดวงตรัสรู้ ดวงปรินิพพาน พรุ่งนี้อย่าลืมไปเวียนเทียนกันนะคะ
     
  9. ข้าวซอยไก่

    ข้าวซอยไก่ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2011
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +17
    สาธุ ๆ ๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...