ปิดประมูลวัชระบัว ๒ องค์ หน้า ๖๖๑ ,ธรรมะจากพระอาทิพุทธะ หน้า ๖๕๙ ค่ะ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Numsai, 21 สิงหาคม 2012.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..ประวัติดวงแก้วชุดดำรงดิเรกฤทธิ์ ตอน ๑๔ การจุติของเหล่าพุทธางกูร..

    ต่อจากหน้า ๓๘๐

    ขอย้อนไปช่วงสิริรัตนะเทพธิดาได้ขอพรต่อท้าวสักกเทวราช ก่อนจะลงมาจุติ ขณะนั้นมีเทวดา และนางฟ้าต่างมาประชุมรวมกันจำนวนมาก เวลานั้นพสุวัฒนเทวบุตร(คุณ suwat.su) เป็นเทพบุตรจากสวรรค์ชั้น ๖ เห็นเทพธิดาอธิษฐานไปจุติ เพื่อสร้างบุญบารมีต่อจึงคิดว่า

    “ถ้าเรายังอยู่บนสวรรค์คงจะสร้างบารมีได้ไม่มากเหมือนการจุติไปเป็นมนุษย์ เราจะขอท้าวสักกเทวราชลงไปจุติเพื่อเป็นมนุษย์จะได้สร้างบุญต่อดีกว่า”


    จากนั้นจึงบอกกล่าวแก่บริวารบนสวรรค์ชั้นปรนิมมิตตวสวัตตี และได้ขออนุญาตลงมาจุติโดยพิจารณาการสร้างบารมีแล้ว จุติเป็นตระกูลมหาเศรษฐี จะมีโอกาสได้สร้างบุญมากกว่า จึงได้เลือกจุติในครรภ์ของนางภวารี(น้อง Miss Brown) ภรรยาของสิทธิสัตตะมหาเศรษฐีแห่งเมืองมหัทธศิฐีนครในกาลต่อมา

    ต่อมา ท้าววรธรรพ์เทพบุตร (คุณ KoKowalk) เห็นดังนั้นได้ขออนุญาตท้าวสักกเทวราช มาจุติเช่นกันด้วยบุญบารมีเก่าที่ส่งสมมาส่งผลให้ไปจุติในพระครรภ์ของพระนางมัทธานาเทวีทันที

    อีก ๑๐ เดือนต่อมานางภวารีก็กำเนิดบุตรชายนามว่า “สัตตเภรี”(คุณ suwat.su) เนื่องจากในวันเกิดนั้น มีเสียงกลองในเรือนดังขึ้น ๗ ครั้ง ด้วยเหตุแห่งบุญบารมีเก่าปรากฏ

    พระนางมัทธานาเทวี ก็ประสูติพระโอรสพระนามว่า “เจ้าชายพลโชติ” (คุณ KoKowalk) ในวันประสูตินั้นมีเสียงดนตรีดังขึ้นทั้งเมืองในวันเดียวกันนั่นเอง

    เจ้าชายพลสิทธิ์นั้น เกิดความอัศจรรย์ที่มีเสียงกลองดังพร้อมกับเสียงดนตรี จึงให้คนตามหาว่า มีบ้านใดที่ให้กำเนิดบุตรพร้อมกับการประสูติพระโอรสของพระนางมัทธานาเทวี ประกาศว่า

    -หากเป็นบุตรชายจะให้เป็นสหายของพระโอรส พร้อมจะให้เรียนวิชากับครูบาอาจารย์เดียวกัน

    -หากเป็นหญิง จะหมั้นหมายให้เป็นพระโอรส พร้อมกับมอบทรัพย์ให้ ๑ ส่วน เมื่อทราบว่า ท่านสิทธิสัตตะเศรษฐีได้บุตรชาย จึงได้รับสั่งให้เข้าเฝ้า พร้อมมอบแผ่นป้ายทองคำ และฉัตรประจำตระกูล เป็นสัญลักษณ์ว่า เป็นพระสหายของเจ้าชายพลโชติต่อไป

    ขอกล่าวถึงพญาสีหวิมานครุฑา ซึ่งกำลังใช้กรรมในยมโลกไม่ถึงวัน ด้วยเหตุแห่งบุญเก่าที่เคยอุปัฏฐากพระเมตตปาละฤาษีในช่วงที่ท่านออกผนวชใหม่ ๆ

    พระเมตตปาละฤาษีนั้น แต่เดิมเป็นกษัตริย์อีกเมือง ภายหลังเกิดเบื่อหน่ายการครองราชย์จึงได้สละราชสมบัติแก่พระอนุชาและได้ออกแสวงหาโมกขธรรม ช่วงแรกยังไม่บรรลุอภิญญาสมาบัติใด ๆ มีความยากลำบากในการขบฉัน

    เนื่องจากป่าแห่งนั้นเป็นป่าที่แห้งแล้ง พญาสีหวิมานครุฑาได้บินผ่านมา เห็นพระฤาษีมีความลำบากจึงได้ เข้าไปกราบและพาเหาะมายังชายป่าเมืองโสฬสนคร ที่มีความอุดมสมบูรณ์มากกว่า เมื่อได้อาหารดี สัปปายะดีทำให้พระเมตตปาละสำเร็จอภิญญาสมาบัติในกาลต่อมา

    เมื่อบุญเก่าส่งผลพระเมตตปาละนั้นเกิดความรุ่มร้อนในขณะเข้าสมาบัติ จึงตรวจดูด้วยญาณทัสสนะท่านว่า บัดนี้พญาสีหวิมาณครุฑาได้ต้องโทษในยมโลก จึงได้ไปยังสำนักพระยายมราช เพื่ออุทิศบุญให้แก่พญาสีหวิมานครุฑา โดยอธิษฐานลดอายุขัยของตนเองลง เพื่อให้พญาสีหวิมานครุฑาพ้นโทษจากยมโลก จากนั้นท่านก็กลับยังที่พำนักตามเดิม

    หลังพิพากษาอีกครั้ง พญาสีหวิมานครุฑานั้นพ้นจากยมโลก จะจุติขึ้นไปเป็นมนุษย์ ทราบความแต่อดีตว่า ตนต้องโทษด้วยเหตุใด ขณะนั้นจิตยังมีสภาพความจำเดิม จึงอธิษฐานก่อนเกิดด้วยมิจฉาทิฐิว่า

    “เหตุแห่งกรรมครั้งนี้ นางยักขินีเป็นเหตุ ในชาติต่อไป เราขอได้ครองคู่เป็นสามีของนาง เราจะปราบพยศนาง หากนางยอมก้มกราบเท้าของเรา เราจึงจะอโหสิกรรมให้แก่นาง”

    จากนั้นจิตจึงเคลื่อนไป จุติเป็นบุตรของนายช่างทองแห่งเมืองโกลิยนครทันที นามว่า “สีหกุมห์กุมาร”ในการต่อมา สีหกุมห์กุมาร(คุณPizza4G) เป็นเด็กที่มีพละกำลังมหาศาล เท่ากับช้าง ๓ เชือก
     
  2. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ประวัติดวงแก้วชุดดำรงดิเรกฤทธิ์ ตอน ๑๕ พระเจ้าไวยยจักร แห่งเมืองโกลิยนคร

    กล่าวถึงพระเจ้าไวยยจักร แห่งเมืองโกลิยนคร เมื่อพระเจ้าพันธุรัตน์เสด็จสวรรคต ได้ขึ้นครองราชย์แทนพระบิดา มีพระมเหสีนามว่า “พระนางจันทมาลี” แม้ทรงอภิเษกสมรสมาหลายปี แต่ยังไม่มีพระโอรส-ธิดา

    เมื่อสีหกุมห์กุมาร(คุณPizza4G) อายุ ๑๖ ปี มีกำลังเท่ากับช้าง ๗ เชือก ไม่มีใครกล้าต่อกร อีกทั้งยังเป็นผู้ที่มีความเฉลียวฉลาด เป็นที่เลื่องลือทั้งด้านพละกำลัง และปัญญา

    นายปัทมะ ผู้เป็นบิดาเห็นว่า บุตรของตนมีปัญญาและกำลังมาก จึงให้เข้ารับราชการทหารเป็นองครักษ์ในวังของพระเจ้าไวยยจักรนั่นเอง

    เมื่อเข้ารับราชการทหารแล้ว ด้วยปัญญา และพละกำลัง ทำให้สีหกุมห์ได้มีผลงานจนเลื่องลือไปทั่ว จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองแม่ทัพ ทั้งที่มีอายุได้เพียง ๒๐ ปี ด้วยพละกำลัง

    กาลต่อมาพระไวยยจักรทรงสุบินว่า ได้มีดวงแก้วมณีลอยมาจากฟ้า ส่องแสงสว่างไปทั่วพระนคร เมื่อดวงแก้วลอยไปแห่งใด จะมีเสียงดนตรีดังขึ้น จากนั้นดวงแก้วนี้ได้ลอยมาสู่อ้อมอกของพระองค์ เมื่อทรงตื่นบรรทมให้โหรทำนายความฝัน โหรทำนายว่า..

    “ภายใน ๓ เดือนนี้ หากพระองค์ไม่มีพระโอรส หรือพระธิดา ก็จะทรงมีพระมเหสีอีกพระองค์ เป็นพระมเหสีที่พระองค์ทรงรัก และทะนุถนอมมาก”

    สร้างความปิติแก่พระเจ้าไวยยจักรอย่างยิ่ง ทรงให้หมอหลวงหายามาบำรุงทั้งพระองค์ และพระนางจันทมาลี

    เวลาผ่านไป ๒ เดือน ก็ไม่มีวี่แววเรื่องการทรงพระครรภ์ของพระนางจันทมาลี พระนางรู้สึกเสียพระทัย คิดว่า คงไม่มีโอกาสจะมีพระโอรส หรือพระธิดาเป็นแน่ จึงเกิดความรู้สึกไม่สบายพระทัย

    ด้วยวิบากกรรมเก่าส่งผล ทำให้พระนางเป็นโรคปัจจุบันทันด่วนเสด็จสวรรคตในกาลต่อมา สร้างความโศกเศร้าเสียพระทัยแก่พระเจ้าไวยยจักรอย่างยิ่ง จึงได้จัดงานพระศพอย่างสมพระเกียรติเป็นเวลา ๗ วัน ๗ คืน เพื่อไว้อาลัยแก่พระมเหสี

    หลังจากเสร็จงานพระศพของพระนางจันทมาลีแล้ว เมืองนั้นจะว่างจากการมีพระมเหสีมิได้ บรรดาเสนาอำมาตย์ต่างคิดจะถวายธิดาของตน เป็นพระมเหสีองค์ถัดไป พระเจ้าไวยยจักรนั้น ยังอยู่ในความโศกเศร้าเสียพระทัย หาได้สนพระทัยสตรีนางใดไม่ ทรงแต่งตั้งวาธนะมหาอำมาตย์ให้ออกว่าราชการแทน ส่วนพระองค์ได้ออกรักษาศีล เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้พระมเหสีเป็นเวลา ๑๕ วัน
     
  3. mooom

    mooom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2010
    โพสต์:
    860
    ค่าพลัง:
    +9,291
    วันนี้06พค57ผมโอนเงิน6000บาทเพื่อเป็นเจ้าภาพโรงทาน1วันแล้วครับ ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤษภาคม 2014
  4. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..ประวัติดวงแก้วชุดดำรงดิเรกฤทธิ์ ตอน ๑๖ พบคู่บารมี


    ครั้นแล้วตั้งเครื่องบวงสรวงอธิษฐานต่อปวงเทพยดา จากนั้นจัดส่งม้ามงคล ๘ ตัวเทียมราชรถสีขาวประดับแก้ว ๗ ประการ มีเพชร เพทาย ไพฑูรย์ มรกต บุษราคัม แก้วมุกดา และทับทิมงดงามมาก ราชบุรุษนั่งเทียมม้าทั้ง ๘ พร้อมนายท้ายราชรถนั้น

    แล้วแต่เทวดาจะดลจิตให้ไปทางใด ม้านั้นได้ทะยานขึ้นกลางอากาศด้วยเทวานุภาพลอยไปยังมหัทธศิฐีนคร และลงยังหน้าประตูเรือนของนางสิริปุญญาในกาลต่อมา

    เมื่อถึงหน้าประตูแล้ว ม้าสีขาวนามว่า “อนันตกะอาชาไนย” ม้ามงคลสีขาวได้ส่งเสียงร้องดังขึ้น ทำให้คนใช้ในเรือนเปิดประตูออกมาดู เห็นว่า มีราชรถมาหน้าเรือน จึงรีบไปแจ้งนางสิริปุญญาทันที

    กาลนั้นวิภารตี ขณะนั้นมีอายุได้ ๑๗ ปี นางได้มีนิมิตว่า มีพระอาทิตย์ลอยมา นางได้เอื้อมหยิบพระอาทิตย์นั้นมาโอบกอด ต่อมาเห็นพญาเหยี่ยวนั้นได้โฉบมาจับตัวนางไป พระอาทิตย์ได้ลอยห่างไกลออกไป นางรู้สึกเสียใจถึงกับร่ำไห้ในฝัน จนกระทั่งตื่นขึ้นมา

    เมื่อพิจารณาแล้วคิดว่า อกุศลในอดีตกำลังจะส่งผลแก่ตน จึงขออนุญาตมารดารักษาอุโบสถศีล เพื่อชำระจิตให้บริสุทธิ์เป็นเวลา ๗ วันในเรือนท้ายสวน เมื่ออาบน้ำชำระกายแล้ว นางได้มีจิตประกอบด้วยปัญญา จึงพิจารณาความฝันของตนอีกครั้ง
    ในโบราณกล่าวว่า ฝันเห็นพระอาทิตย์ หมายถึงเนื้อคู่ หรือบุตร ผู้มีบุญญาธิการ การจับต้องพระอาทิตย์ได้ ย่อมหมายถึงจะมีคู่เป็นผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่

    พญาเหยี่ยวพรากตนจากพระอาทิตย์ นางพิจารณาในอนาคต นางจะต้องพลัดพรากจากคู่ครองด้วยทางใดทางหนึ่ง จึงได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า...

    “หากปราศจากคู่บารมีที่แท้จริงแล้ว ขออย่าให้ชายใดจับต้องกายของนางได้อีกเลย ขออานุภาพแห่งบุญในการรักษาอุโบสศีลนี้ จงเป็นเกราะป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง”


    เมื่อนางอธิษฐานจบ เสียงใบไม้ไหวดังคล้ายเสียงดนตรีขับกล่อม ด้วยเทวานุภาพได้รับรู้การอธิษฐานจิตของนาง จากนั้นได้เดินทางกลับยังเรือนของตน
    เมื่อถึงเรือนได้เห็นราชบุรุษ นางจึงทราบว่า นิมิตลางบอกเหตุเป็นจริงทุกประการ วิภาวตี แม้มีอายุเพียง ๑๗ ปี นางได้จัดแจงเรื่องในเรือนทั้งหมดด้วยตนเอง ได้มอบหมายให้นายผะไท คนเก่าแก่คอยดูแลเรือน และแบ่งทรัพย์ให้ตามสมควร

    จากนั้นราชบุรุษได้อธิษฐานแก่เทวดาทั้งหลายได้พาม้ามงคลทั้ง ๘ เหาะขึ้นกลางอากาศกลับยังพระราชวังแห่งเมืองเมืองโกลิยนครทันที ไปถึงเป็นเวลาพลบค่ำพอดี
    วิภารตี และมารดาได้เข้าพบกับวาธนะมหาอำมาตย์(น้องธรรมวิวัฒน์) จากนั้นนางและมารดาได้รับการดูแลเป็นอย่างดี

    จนกระทั่งวันรุ่งขึ้นเป็นวันที่พระเจ้าไวยยจักรได้รักษาอุโบสถศีลครบ ๑๕ วันพอดี หลังจากทรงสรงน้ำเรียบร้อย แต่งกายในชุดปกติ ทรงเสวยภักกระยาหารเรียบร้อย วาธนะมหาอำมาตย์ได้พานางวิภาวตีเข้าเฝ้าทันที
    เมื่อพระเจ้าไวยยจักรได้พบนางวิภาวตีแล้ว ด้วยบุพสันนิวาสจึงเกิดความรักความเสน่หาขึ้นมาทันที นางวิภาวตีนั้น มิใช่สตรีที่งดงามดุจเทพธิดาเหมือนพระนางจันทมาลี พระมเหสีองค์แรก

    แต่ด้วยผิวพรรณผ่องใสแห่งการรักษาอุโบสถศีลเป็นประจำ ทำให้นางเป็นสตรีที่งามพิศ แม้จะมีอายุไม่มากนัก กลับมีลักษณะสง่างาม ทรงอำนาจ ผู้ใดพบเห็นจะเกิดความรู้สึกยำเกรง แม้แต่พระเจ้าไวยวจักร

    ยิ่งได้สนทนากันจะพบว่า นางเป็นสตรีที่มีปัญญามาก ยิ่งทำให้พระเจ้าไวยยจักรทรงพึงพอพระทัยมากขึ้น วันนั้นจึงได้จัดพิธีหมั้นหมายตามธรรมเนียมก่อน

    จากนั้น ทรงสั่งวาธนะมหาอำมาตย์ประกาศจัดงานอภิเษกสมรสอีก ๗ วันต่อมา อีกทั้งได้เชิญกษัตริย์เมืองใกล้เคียงมาร่วมงาน โดยเฉพาะพระเจ้าอนันตราช พระมเหสี พร้อมเจ้าชายพลสิทธิ์แห่งเมืองมหัทธศิฐีนคร โดยได้นำราชรถพร้อมม้ามงคลทั้ง ๘ ไปรับด้วยวิธีเดียวกันกับการรับนางวิภาวตี และมารดา

    จึงได้เรียกกองทัพที่ประจำแนวชายแดนกลับยังเมืองหลวง เพื่อเข้าร่วมพิธีอภิเกสมรส และเฉลิมฉลองเป็นเวลา ๗ วัน ๗ ราตรี
     
  5. เจษฎา เยี่ยมคำน

    เจษฎา เยี่ยมคำน เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,332
    ค่าพลัง:
    +5,413
    โอนเงินร่วมบุญถวายภัตตาหารแล้ว 900 บาท และบูชาดวงแก้ว อีก 900 บาท ครับ
    ขออนุโมทนาบุญกับคุณน้ำใสและทุกๆท่านครับในทุกๆบุญที่ได้ทำไว้ดีนั้นด้วยครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤษภาคม 2014
  6. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ประวัติดวงแก้วชุดดำรงดิเรกฤทธิ์ ตอน ๑๗ ดวงแก้วคู่บารมีปรากฏ


    กล่าวถึงสีหกุมภ์ รองแม่ทัพ(คุณPizza4G) หลังจากถูกส่งไปรบตามแนวชายแดน ก็ได้กลับมาในครั้งนี้ด้วย ครั้นกลับมาถึงพระราชวังได้เข้าเฝ้าพระเจ้าไวยยจักร ได้พบกับนางวิภาวตี ขณะนั้นเป็นพระคู่หมั้น ทำให้เขาเกิดความเสน่หาในนางวิภาวตี ด้วยอธิษฐานจิตแต่กาลก่อน เป็นเหตุทำให้ต้องเกิดความรู้สึกเช่นนั้น

    แต่ยังคิดว่า จะเป็นไปได้อย่างไร เมื่อสตรีที่เขาปรารถนากำลังจะอภิเษกกับพระราชาของตน ยิ่งคิดจิตยิ่งรุ่มร้อน ด้วยเหตุแห่งอกุศลกรรมเก่าแต่อดีต เขาพยายามทำงานหนัก เพื่อสลัดความรู้สึกนี้ออกไป แต่กลับยิ่งทำให้เขามีใจจดจ่อปรารถนาจะแย่งชิงนางวิภาวตีมาเป็นคู่ครองของตน

    ในวันอภิเษกสมรสนั่นเอง เกิดเหตุอัศจรรย์มีดวงแก้วคู่บารมีปรากฏขึ้นมา ๒ ดวง นามว่า..


    “ดวงแก้วอัครภูเบศวร์-ดวงแก้วปวันเรศมณีรัตนะ””

    หลังจากอภิเษกสมรสพระเจ้าไวยยจักรนั้นความทุกข์ใจที่พระนางจันทมาลีสวรรคตไปนั้นจางหายไป ทรงครองรักกับพระนางวิภารตีด้วยความสุขเรื่อยมา หลังจากนั้นอีก ๖ เดือนนางสิริปุญญาก็เสียชีวิตลง พระเจ้าไวยยจักรได้จัดพิธีอย่างสมเกียรติ


    พระนางวิภารตีปรารภว่า ควรสร้างกุศล เพื่ออุทิศกุศลแก่บิดามารดาของนาง และกษัตริย์ในอดีตของเมืองนี้ จึงได้ขอนำทรัพย์ส่วนของพระนาง มาสร้างโรงทาน ๔ แห่งในเมือง อีกทั้งได้ชวนบรรดาเศรษฐีในเมืองนี้ ร่วมสร้างด้วยกัน ในเมืองนี้มีมหาเศรษฐีตระกูลใหญ่อยู่ ๒ ตระกูล พระนางวิภารตี ได้เดินทางไปบอกการสร้างบุญครั้งนี้ด้วยตนเอง สร้างความปิติแก่บรรดาเศรษฐีทั้งหลาย โดยโรงทาน ๔ แห่งนั้นได้ตั้งตามชื่อ

    ๑. ทิศเหนือนามว่า “ไวยยจักรวิภาบรรพศาลา” ตามชื่อพระราชาและพระมเหสี

    ๒. ทิศใต้ มีนามว่า “บุพปะรัตนะบรรพศาลา” ตามชื่อนายบุพปะรัตนะ(คุณมีนัม) ซึ่งเป็นมหาเศรษฐีในเมืองนี้

    ๓. ทิศตะวันออกนามว่า “สิริเสนทภาวิกาบรรพศาลา”” ตามชื่อนายสิริเสนท์เศรษฐี(คุณ phuya) และภรรยา

    ๔. ทิศตะวันตก นามว่า “วาธนวาตีบรรพศาลา” ตามชื่อของวาธนะอำมาตย์ และภรรยา

    โดยโรงทานทั้ง ๔ แห่ง จะแบ่งมีบริเวณกว้าง ประกอบด้วยศาลา ๔ หลัง คือ

    เรือนแรกสำหรับสมณะนักบวชทั้งหลาย ๒ สำหรับผู้ป่วย ๓.สำหรับสตรี เด็ก และคนชรา และ๔ สำหรับนักเดินทาง

    เมื่อสร้างเสร็จแล้ว ได้ทำพิธีอุทิศส่วนกุศลแก่บิดามารดาของตน ตลอดทั้งบรรพบุรุษของเมือง ด้วยเหตุที่เมืองโกลียนครนี้ เต็มไปด้วยภูเขาสูงน้อยใหญ่ มีรัตนชาติมากมาย ทำให้กษัตริย์หลายเมืองปรารถนาจะครอบครอง จึงทำให้การสู้รบกันกับอริราชศัตรูตลอดมา เพื่อลดวิบากกรรมต่าง ๆ ลง

    เหตุที่พระนางวิภาวตีรู้สึกอยากจะสร้างกุศลนี้ อันเกิดจากการดลใจของให้วรธรรมเทพบุตร( คุณ Half wave) ที่อดีตสิริรัตนะเทพธิดา (หรือพระนางวิภาวตี) เคยโอนทิพยสมบัติให้นั่นเอง หลังจากที่นางมาจุติไ่ม่นาน

    การช่วยเหลือมนุษย์ส่งผลให้วรธรรมเทพบุตรเคลื่อนภพไปเิิกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เมื่อเคลื่อนภพแล้วได้พิจารณาเรื่องต่าง คิดว่า เหตุที่ตนได้เคลื่อนภพได้นั้น อันเกิดจากการสงเคราะห์ของสิริรัตนเทพธิดาเป็นเหตุ

    เมื่อตรวจด้วยญาณแล้ว ทราบว่า อีกไม่นานนางจะต้องรับผลกรรมในอดีต จึงดลใจให้นางคิดอยากจะสร้างโรงทาน เพื่อผ่อนหนักเป็นเบา โดยที่พระนางวิภาวตีนั้นไม่ทราบเรื่องแต่อย่างใด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤษภาคม 2014
  7. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..ประวัติดวงแก้วชุดดำรงดิเรกฤทธิ์ ตอน ๑๘ วงล้อแห่งกรรม..


    หลังจากงานอภิเษกผ่านไปเกือบสองปี กล่าวถึงสีหกุมภ์ รองแม่ทัพ เมื่อแนวชายแดนไม่มีปัญหา เขาได้ถูกสั่งย้ายเข้ามาประจำการณ์ในเมืองหลวง จึงได้มีโอกาสพบพระนางวิภาวตีอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากถูกย้ายมาดูแลฝ่ายเสบียงคลัง ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับบุญโรงทาน

    กาลต่อมามีช้างในโรงคชสารเกิดตกมัน วิ่งทำลายข้าวของภายในพระราชวัง แม้ทหารนับร้อยนายก็เอาไม่อยู่ช้างนั้น ได้วิ่งตรงไปยังพระนางวิภาวตี ซึ่งกำลังแจกโรงทานอยู่ ฝ่ายสีหกุมภ์เห็นดังนั้น จึงได้ใช้พละกำลังมหาศาลหยุดช้างนั้นช่วยพระนางได้ทัน จากนั้นใช้มนต์สยบช้างนั้น ไม่ให้ทำร้ายผู้ใดอีก

    ฝ่ายพระนางวิภาวตี เมื่อหายตระหนกแล้ว นางจึงปลีกไปพักภายในทีประทับส่วนพระองค์ พระเจ้าไวยยจักรนั้น มีความปลื้มใจที่รองแม่ทัพผู้แกล้วกล้าได้แสดงฝีมือให้ประจักษ์ดุจขุนพลแก้ว ทรงดำริว่า..

    “เรานิ้ช่างมีบุญยิ่งนัก เรามีดวงแก้วมณีแล้ว มีนางแก้ว มีขุนคลังแก้ว(วาธนะมหาอำมาตย์) ยังมีม้าแก้ว ช้างแก้ว(ช้างเผือกปุริสะปารุ) มีขุนคลังแก้ว(วาธนะมหาอำมาตย์) ตอนนี้ขุนพลแก้วก็ปรากฏแก่เรา ยังขาดจักรแก้ว จึงถือว่า ครบในรัตนะ ๗”


    จึงได้ตรัสสีหกุมภ์ รองแม่ทัพว่า...

    “สีหกุมภ์ กาลครั้งนี้ท่านมีบุญคุณใหญ่หลวงนัก เราจะขึ้นตำแหน่งแก่ท่านเป็นรองเสนาบดีฝ่ายซ้าย และให้โอกาสท่านขออะไรก็ได้ ยกเว้นชีวิตของเรา ชีวิตของพระมเหสีของเรา และราชสมบัติ นอกจากนั้นเราจะให้ท่านได้ หากท่านต้องการ”
    ฝ่ายสีหกุมภ์ รองแม่ทัพนั้น ด้วยอกุศลกรรมบันดาล จึงคิดว่า

    “ทรัพย์สมบัติของเรานั้นก็มีเพียงพอ หน้าที่การงานของเราก็ดีแล้ว ไม่ต้องขวนขวายสิ่งใด ยังขาดอย่างเดียว คือ นางแก้วมาเคียงกาย ดีละเราจะขอพระนางวิภาวตี มาเป็นภของเรา"

    ดำริเช่นนั้น ก็เอ่ยถามพระราชาว่า..

    “ข้าฯแต่สมมติเทพ พระองค์ตรัสจะให้อะไรก็ได้แก่หม่อมฉันใช่หรือไม่พะยะค่ะ”

    เมื่อถามย้ำไป พระเจ้าไวยยจักรตรัสตอบว่า...

    “ใช่ขออะไรก็ได้ ยกเว้นชีวิตเรา ชีวิตมเหสีของเรา และราชสมบัติ”


    เมื่อได้ฟังเช่นนั้น สีหกุมภ์ รองเสนาบดีฝ่ายขวา กล่าวตอบไปว่า...

    “ข้าฯแต่องค์มหาราชา อันสมบัติอื่นใด กระหม่อมมีครบหมดแล้ว ยังขาดสิ่งเดียว คือ นางแก้ว พระองค์จะประทานแก่หม่อมฉันได้หรือไม่พะยะค่ะ”


    พระเจ้าไวยยจักร ทรงตรัสด้วยอารมณ์ดีว่า “ได้ซิ เจ้าพึงใจต่อสตรีนางใดหรือ เรามีนางกำนัลที่ยังคงความบริสุทธิ์เป็นร้อยนาง ปรารถนานางใด เราจะยกให้ได้ กี่คนก็ได้”

    สีหกุมภ์ รองเสนาบดี กล่าวว่า...

    “ธรรมดากษัตริย์ตรัสแล้วย่อมไม่คืนคำใช่หรือไม่พะยะค่ะ”
    พระเจ้าไวยยจักรตรัสต่อว่า “ใช่ เราตรัสแล้วย่อมไม่คืนคำ”

    เมื่อฟังเช่นนั้น สีหกุมภ์ จึงกล่าวว่า ... “สตรีนางใด กระหม่อมไม่เคยปรารถนาเลย มีอยู่นางเดียว ที่กระหม่อมปรารถนานั้นคือ พระนางวิภาวตี กระหม่อมมิได้จะทำลายชีวิตของพระนาง ปรารถนาเพียงพระนางมาเคียงข้างกาย จะยกให้หม่อมฉันได้หรือไม่พะยะค่ะ”

    พระเจ้าไวยยจักรทรงสดับเช่นนั้น เสมือนฟ้าผ่ากลางพระทัยของพระองค์ ถึงกับตรัสอะไรไม่ออก ฝ่ายวาธนะมหาอำมาตย์ได้สดับเช่นนั้น ก็กล่าวว่า..

    “สีหกุมภ์..ท่านสติเลอะเลือนไปหรืออย่างไร พระนางเป็นแม่เมืองนะ ท่านมันมากไปแล้ว ทหารจับตัวเจ้ารองเสนาบดีชั่วออกไป”


    พระนางวิภาวตีได้ทราบข่าวจึงรีบรุดมายังท้องพระโรง นางดำริว่า

    “วันนั้นมาถึงแล้วหรือ อย่างไรก็เลี่ยงไม่พ้น เราจะปกป้องพระนามของเสด็จพี่ อันสตรีมิใช่มีเพียงเราที่จะเคียงข้างกายแห่งพระราชา มีนับร้อยที่พระองค์จะหาได้ แต่พระนามของพระองค์ต้องความมัวหมองไปย่อมไม่ให้ ผู้คนจะติฉิน อันกษัตริย์ตรัสแล้วย่อมไม่คืนคำ เราตัดสินใจแล้ว”


    พระนางรีบเข้าไปประคองกอดพระสวามีด้วยความรัก แล้วกล่าวถ้อยคำด้วยเสียงอันไพเราะอ่อนโยน ได้ยินเพียงสองคนว่า..

    “เสด็จพี่ หม่อมฉันมีความรักในพระองค์แต่เพียงผู้เดียว นี้เป็นชะตาของหม่อมฉันเอง ช้าเร็วก็ต้องเกิดด้วยเหตุแห่งกรรม ขอพระองค์โปรดรักษาสัจจาวาจาของพระองค์ไว้ มิให้มัวหมอง

    อันมเหสีนั้น หาได้มิยาก ด้วยความสง่างาม กริยาวัตรอันงดงามของพระองค์ มีสตรีนับร้อยปรารถนาจะมาเคียงข้าง ขอให้พระองค์โปรดวางพระทัยว่า หม่อมฉันจะรักษาพรหมจรรย์เพียงเพื่อพระองค์แต่เพียงผู้เดียว มิมีชายใดที่สามารถต้องกายหม่อมฉันได้

    ชาตินี้แม้เราไม่สมในความปรารถนาจะเคียงข้างกัน ไม่ว่า เกิดภพชาติใด หม่อมฉันขอเป็นบาทจาริกาแห่งพระองค์แต่เพียงผู้เดียว”



    เมื่อพระนางกล่าวจบแล้ว นางใช้เส้นผมของนางลูบไปที่พระบาทของพระเจ้าไวยยจักร บรรดาเสนาอำมาตย์ผู้เห็นเหตุการณ์นั้น ต่างน้ำตาไหลไปตามกัน

    พระเจ้าไวยยจักรได้พิจารณาตามพระมเหสี เห็นคล้อยตามว่า กษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ เพื่อรักษาสัจจะ แม้จะต้องเสียสละสิ่งใดไปก็ต้องรักษาสัตย์เอาไว้ เพื่อดำรงธรรม จึงได้หลั่งน้ำสิโนทกลงบนมือของสีหกุมภ์ แล้วกล่าวว่า..


    “บัดนี้เราขอยกนางอันเป็นยอดดวงใจของเราให้แก่ท่าน โปรดดูแลนางให้ดี มิเช่นนั้นแล้ว เราจะพานางกลับคืน”


    ฝ่ายสีหกุมภ์ รองเสนาบดี ได้กล่าวต่อไปว่า..

    “กระหม่อมขอกราบฝ่าพระบาทที่กรุณาโปรดยกพระมเหสีให้แก่กระหม่อม คราวนี้กระหม่อมคงไม่สามารถรับราชการได้ จึงขอลาออกจากราชการ และจะไปค้าขายในต่างเมือง”


    เหตุที่สีหกุมภ์แจ้งไปนั้น ด้วยเกรงความไม่ปลอดภัย และไม่ปรารถนาจะให้พระนางวิภาวตีได้พบพระเจ้าไวยยจักร เพื่อสานสัมพันธ์กันได้ต่อ จึงได้ขอลาออกจากราชการ ด้วยทรัพย์สมบัติที่มีนั้น สามารถนำไปค้าขายได้
    เมื่อพระราชาได้สดับเช่นนั้น ถึงกับกรรแสง กล่าวว่า..

    “ไยท่านจิตใจไร้ความเมตตา ท่านอยู่ในเมืองนี้ อย่างน้อยเราก็รู้ทุกข์ของอดีตมเหสีของเรา เหตุใดท่านทำเช่นนั้นแล้ว”


    สีหกุมภ์มิฟังเสียงทันทาน ได้ฉุดพระนางวิภาวตีออกไป ด้วยเหตุแห่งอธิษฐานของพระนาง ทำให้เขารู้สึกร้อนบริเวณมือ จึงได้สลัดมือออก และขู่ตะคอกว่า..

    “เจ้าจงตามเรามา บัดนี้เจ้าเป็นภรรยาของเรา เราจะทำอะไรก็ได้”



    พระเจ้าไวยยจักร เสมือนดวงใจสลาย ทอดพระเนตรพระมเหสีที่เดินทางออกไปจนลับ จากนั้นพระองค์ถึงกับสลบไปเป็นเวลา ๓ วัน เมื่อตื่นบรรทมขึ้นมา ยังคิดว่า เป็นความฝันได้ถามนางกำนัลที่ดูแล นางได้กล่าวว่า บัดนี้พระมเหสีไม่อยู่แล้ว พระองค์ถึงกับร่ำไห้ และสลบไปอีก ๓ วัน เมื่อตื่นบรรทมอีกครั้งจึงพิจารณาว่า...

    "เราคงไร้วาสนาจะมีทายาทแล้ว นอกจากวิภาวตีแล้ว เรามิปรารถนาสตรีใด ๆ เลย คงถึงเวลาที่เราจะออกบวชแล้ว ดีละเรายกราชสมบัติแก่วาธนะมหาอำมาตย์ ผู้มีศีลธรรม ท่านอำมาตย์มีบุตรชายอย่างน้อยเมืองนี้ต่อไป ไม่สิ้นกษัตริย์ปกครองเมือง"

    ดำริเช่นนั้นทรงสรงน้ำ และเปลี่ยนชุดจากกษัตริย์เป็นนักบวช แล้วได้เรียกวาธนะมหาอำมาตย์เข้าพบ ทรงมอบราชสมบัติทั้งหมดให้ พระองค์นำเพียงม้าแก้วอนันตกะ และดวงแก้วมณีทั้งสองใส่ย่าม และออกจากเมืองไป

    ด้วยบุญบารมีที่สัมพันธ์กับพระเมตตปาละฤาษีจึงได้ดลใจให้ม้าแก้วอนันตกะเหาะไปยังที่พำนักของท่านทันที
     
  8. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..ประวัติดวงแก้วชุดดำรงดิเรกฤทธิ์ ตอน ๑๙ ฝึกทรงอิทธิบาท ๔

    ประวัติดวงแก้วชุดดำรงดิเรกฤทธิ์ ตอน ๑๙ ฝึกทรงอิทธิบาท ๔
    เมื่อม้าอนันตกะพาพระเจ้าไวยยจักรไปถึงยังพำนักของพระเมตตาปาละฤาษี ใกล้เมืองโสฬสนคร พระองค์ได้รออยู่หน้าถ้ำ จนกระทั่งพระเมตตาปาละออกจากสมาธิ จึงได้เล่าเรื่องราวในอดีตระหว่างพระนางวิภาวตี และสีหกุมภ์มานพว่าได้ผูกเวรกันมา

    จากนั้นพระเจ้าไวยยจักรทรงออกผนวชเป็นพระฤาษีนามว่า “ไวยยจักรฤาษี” กาลนั้นเองพญาศีลวัตรนาคราช(คุณam12)ได้พาเจ้าชายดิเรกฤทธิ์(คุณ prapaanpong) เข้าพบพระเมตตปาละฤาษี เพื่อฝากตัวเป็นศิษย์อีกคน ด้วยพระไวยยจักรทรงอาวุโสกว่า จึงนับเป็นศิษย์ผู้พี่

    จากนั้นต่างคนต่างฝึกวิชากับพระเมตตปาละจนสำเร็จอภิญญา ๕ พร้อมด้วยวิชาธาตุ ๔ ด้วยบุญบารมีเก่าเคยทำมาพระไวยยจักรฤาษีสำเร็จทุกสรรพวิชา ภายใน ๗ วัน การฝึกวิชานั้นทำให้พระองค์ได้ลืมเรื่องราวของพระมเหสีได้ชั่วคราว

    ส่วนเจ้าชายดิเรกฤทธิ์ก็สำเร็จวิชาทั้งหมด ภายใน ๑ เดือน เมื่อสำเร็จวิชาแล้วเจ้าชายดิเรกฤทธิ์จึงได้เดินทางกลับเมืองของตนต่อไป

    พระไวยยจักรนั้น อยู่บำเพ็ญเพียรกับพระเมตตปาละฤาษีต่อไป โดยฝึกการเข้า-ออกสมาบัติหลายครั้งให้เกิดความคล่องตัว จากนั้นได้เริ่มฝึกการทรงอิทธิบาท ๔ เพื่อทรงขันธ์ ๕ ให้ยาวนาน

    ด้วยผลบุญแห่งการประพฤติพรหมจรรย์แต่กาลก่อนส่งผล ทำให้พระองค์ทรงลืมเรื่องราวของพระมเหสีไปหมดสิ้น เหลือแต่ความตั้งใจจะประพฤติพรหมจรรย์ ปรารถนาจะทรงอิทธิบาท ๔ จนถึงยุคสมัยของสมเด็จพระพุทธสุมังคละพุทธเจ้า พระอนาคตวงค์พระองค์ต่อไป


    *************************
    ประวัติดวงแก้วชุดดำรงดิเรกฤทธิ์ ตอน ๒๐ ชดใช้กรรม

    กล่าวถึงนางวิภาวตีนั้น หลังจากได้ติดตามสีหกุมภ์เศรษฐี พร้อมบริวารออกค้าขายในต่างเมือง คล้ายพ่อค้าเร่แต่ไปเป็นขบวนใหญ่มีกองเกวียน ๑๐๐๐ ลำ นางวิภาวตีนั้นได้ทำหน้าที่ภรรยาโดยไม่ขาดตกบกพร่อง ยกเว้นเพียงอย่างเดียวคือการแตะเนื้อต้องตัว

    เมื่อผ่านไปเมืองใด นางจะจัดหาหญิงงามเมืองมาเพื่อดูแลปรนนิบัติสามีทุกครั้ง แต่ใจของนางยังคงระลึกถึงพระเจ้าไวยยจักรอยู่เสมอ ทุกครั้งที่ผ่านสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเมือง นางจะอธิษฐานให้สีหกุมภ์หมดรักในตัวนาง และปรารถนาขอพบพระเจ้าไวยยจักรอีกครั้ง


    สีหกุมภ์นั้นก็มีความพึงพอใจไม่น้อย เพราะเมื่อใดที่พานางออกค้าขายยังเมืองต่าง ๆ ค้าขายได้กำไรงาม ด้วยวาทศิลป์การเจรจา และนางจะเป็นผู้จัดหาสตรีงามมาให้ตนเสมอ สีหกุมภ์จึงเสวยสุขดุจพระราชา

    เมื่อถึงเมืองศักดินาเมืองนี้ อยู่ไม่ไกลจากเมืองมหัทธศิฐีนครมากนัก เป็นเมืองที่เจริญมีความมั่งคั่ง สมบูรณ์ด้วยสุรานารีต่าง ๆ เมืองนั้นมีหญิงงามเมืองนามว่า “นางสลิกา” มีความงามด้วยเบญจกัลยาณี ๕ แต่ด้วยกรรมเก่าส่งผลให้นางเป็นหญิงงามเมือง นางวิภาวตีนั้นได้ให้ทรัพย์ ๑๐๐๐ กหาปานะต่อคืนแก่นาง เพื่อดูแลสีหกุมภ์เศรษฐี เป็นเวลา ๑๐ ราตรี ส่วนนางและบริวาร ทำหน้าที่ค้าขายในเมืองนั้น


    นางสาลิกานั้น มีความพึงพอใจในความเป็นชายของสีหกุมภ์เศรษฐี และคิดว่า นางวิภาวตีนั้นคงไม่มีความสมบูรณ์ที่จะเป็นภรรยา ตนต่างหากที่เหมาะสมจะเป็นภรรยาชายผู้นี้ จึงได้จ้างคนให้ใส่เสน่ห์ยาแฝดแก่สีหกุมภ์เศรษฐี เพื่อให้นางให้เป็นภรรยาของสีหกุมภ์เศรษฐีแทน

    เมื่อเสน่ห์ยาแฝดออกฤทธิ์ ทำให้สีหกุมภ์นั้นไม่มีสติ จากที่เคยรักภรรยา กลับเห็นหน้าแล้วมีความโมโห แต่พอนาน ๆ ไป ก็เริ่มหงุดหงิดมากขึ้น เมื่อถึงวันที่ ๙ จึงได้เอ่ยปากไล่นางวิภาวตีออกจากการเดินทาง โดยมอบทรัพย์ให้ส่วนหนึ่ง


    สัณชัย หัวหน้ากองเกวียนรู้สึกสงสารนายหญิงของตนยิ่งนัก จึงได้ให้ทรัพย์แก่ชาวเมืองนั้น ให้นำนางกลับยังบ้านเกิดในเมืองมหัทธศิฐีนคร นางรู้สึกปลาบปลื้มใจที่มีคนดีคอยช่วยเหลือ จึงมอบทรัพย์จำนวนหนึ่งแก่ผู้นั้นไป

    ฝ่ายสีหกุมภ์นั้น ตั้งแต่ได้นางสาลิกามาเป็นภรรยา ก็ไม่ทำมาค้าขาย หลงสุรานารีไปวัน ๆ บรรดาลูกเกวียน ต่างแอบแยกย้ายหนีกันไป ต่างลักทรัพย์บ้าง แอบขายสินค้า จนสินค้าที่นำมาขายหมดไป เมื่อทรัพย์หมด นางสาลิกาก็หนีจากไป ทิ้งให้สีหกุมภ์ อยู่กับนายสัณชัยเพียงลำพัง นายสัญชัยคิดว่า พอมีทรัพย์เหลือบ้าง จึงได้ออกหางานทำในเมืองนั้น เพื่อเลี้ยงนายต่อ สีหกุมภ์นั้นรู้สึกตัวก็สายเสียแล้ว ซ้ำยังเป็นโรคสุราเรื้อรัง ต่อมาก็สิ้นใจตาย

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤษภาคม 2014
  9. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ประวัติดวงแก้วชุดดำรงดิเรกฤทธิ์ ตอน ๒๑ เนกกขัมมบารมี


    กาลนั้นมหาศนชาตะพราหมณ์ และมหาศินีพราหมณีก็ได้เสียชีวิตเคลื่อนภพไปอยู่สวรรค์ชั้นดุสิต เพื่อรอการลงมาจุติเป็นชาติสุดท้าย

    พระเจ้าพลสิทธิ์ และพระนางมัทธานาเทวีได้ครองเมืองอย่างสงบสุขเรื่อยมา ข้าวปลาอาหารอุดมสมบูรณ์ ส่วนเจ้าชายมหัทธโชตินั้น แม้ไม่มีพระโอรส-ธิดา แต่ครองรักกับพระมเหสีทั้งสองอย่างมีความสุข เจ้าชายดิเรกฤทธิ์ ซึ่งขอประพฤติพรหมจรรย์


    กล่าวถึงพระเจ้าอนันตราช (ท่าน widya)หลังจากสละราชสมบัติ และพระนางปวาราณีได้สิ้นพระชนม์แล้วไปจุติบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พระองค์ก็ตั้งใจรักษาศีลเจริญภาวนาอยู่ในเขตอุทยาน เดิมปรารถนาจะปฏิบัติเอง ผ่านไปหลายปีการปฏิบัติต่าง ๆ ก็ยังไม่ก้าวหน้า

    เมื่อเจ้าชายดิเรกฤทธิ์กลับจากฝึกวิชา ได้เล่าเรื่องราวของพระไวยยจักรฤาษี ทำให้พระเจ้าอนันตราชปรารถนาจะออกบวช เจ้าชายดิเรกฤทธิ์คิดว่า หากพระบิดาออกผนวช ตนก็จะออกผนวชด้วย เพื่อจะได้ดูแลพระบิดา เมื่อตัดสินใจแล้ว จึงได้ทูลแก่พระเจ้าพลสิทธิ์ พระเชษฐา โดยตั้งใจจะไปปฏิบัติกับพระเมตตปาละต่อไป

    ครั้งนั้นเจ้าชายพลโชติ (คุณ KoKowalk) ขณะนั้นมีพระชนมายุ ๑๙ ชันษาแอบได้ยินพระอัยยิกา พูดคุยเรื่องพระไวยยจักร เกิดความศรัทธาปรารถนาจะเรียนวิชา ด้วยกุศลแต่กาลก่อน จึงไปชักชวนสหาย คือ สัตตเภรีเศรษฐี(คุณ suwat.su)

    โดยทิ้งต่างก็ทิ้งจดหมายบอกกล่าวไว้ และแอบติดตามพระอัยกาไปห่าง ๆ จนกระทั่งถึงที่พำนักของพระเมตตปาละ ขณะนั้นพระไวยยจักรอยู่ในระหว่างการฝึกเข้าสมาบัติ

    ครั้นเมื่อเจ้าชายพลโชติ และสัตตเภรีเศรษฐี แอบอยู่พระเมตตปาละฤาษีได้เรียกเข้ามา พระเจ้าอนันตราชรู้สึกตกพระทัยที่พระนัดดาแอบตามมา จึงสั่งให้กลับเมืองด้วยเกรงว่า ต่อไปจะไม่มีผู้ใดได้ครองราชย์สืบบัลลังก์ต่อจากพระเจ้าพลสิทธิ์

    พระเมตตปาละจึงได้กล่าวว่า “ทั้งสองเกิดมาเพื่อบำเพ็ญเนกขัมมบารมี ท่านอย่าได้ห้ามเลย ส ถึงแม้จะครองราชย์ สุดท้ายก็มีเหตุให้ออกบวช ดังพระไวยยจักรฤาษีนั่นงัย

    มหาบพิตร ท่านทั้งหลายล้วนแต่เป็นหน่อเนื้อพุทธางกูรลงมา เพื่อสร้างบารมี อย่าให้งานทางโลกมาครอบงำพระนัดดาแทนการบำเพ็ญเพียรของเขาเลย เวลาในโลกมนุษย์สั้นนัก ไม่นานเราท่านก็ต้องจากโลกนี้ไป ”


    เมื่อได้สดับเช่นนั้นพระเจ้าอนันตราชสงบลง ต่อมาพระเมตตปาละได้ให้ทั้งหมดออกผนวช ต่อมาอีก ๗ วัน พระไวยยจักรฤาษีได้ใช้วิชานพเก้าไตรกาล อธิษฐานกริซขึ้นมา ๗ องค์ เพื่อไว้บูชาพระพุทธเจ้าพระนามว่า พระสุมังคลพุทธเจ้าในอนาคตกาล

    ต่อมาพระอนันตฤาษี พระดิเรกฤาษี พระพลฤาษี พระเภรีฤาษี ต่างฝึกวิชาจนได้สมาบัติ ๘ และได้ฝึกเรียนการเจริญอิทธิบาท ๔ ต่อไป


    ********************

    ประวัติดวงแก้วชุดดำรงดิเรกฤทธิ์ ตอนจบ อธิษฐานจิต

    กล่าวถึงนางวิภาวตี หลังจากกลับมายังเรือนของตน นางได้แบ่งทรัพย์แก่คนรับใช้เท่า ๆ กัน ส่วนนางได้ถือผ้านุ่ง ๓ ผืน รักษาศีลอยู่ในเรือนของตน มีคนรับใช้บางส่วนที่ไม่ยอมย้ายออกไปไหน ต่างอยู่ดูแลนางเป็นอย่างดี

    ด้วยความผูกพันที่มีต่อพระเจ้าไวยยจักร อดีตพระสวามี ไม่มีแม้แต่วันเดียวที่จะไม่คิดถึงพระองค์ โดยที่นางไม่รู้ว่า พระองค์ได้ออกผนวช นางจึงได้ตั้งใจฝึกจิตภาวนา นึกถึงหน้าพระเจ้าไวยยจักรเป็นอารมณ์ จนเกิดฌานสมาบัติขึ้น ส่งกระแสจิตของความรู้สึกนี้ออกไปอย่างแรงกล้า และส่งคลื่นกระแสจิตแบบไม่มีประมาณ

    ทำให้กระแสจิตนี้ไปกระทบอารมณ์ของพระไวยยจักรฤาษี แม้จะสำเร็จอภิญญา ๕ แต่เมื่อได้รับกระแสจิตนี้ ทำให้กิเลสราคะถูกตีขึ้นมา พระองค์ทราบด้วยญาณทัสสนะว่า นางวิภาวตีส่งจิตมา เกิดความรุ่มร้อนปรารถนาจะออกจากการประพฤติพรหมจรรย์ พระเมตตปาละเห็นดังนั้น จึงสั่งให้พระไวยยจักรให้เข้าสมาบัติ เป็นเวลา ๑๐๐๐๐ ปี

    พระไวยยจักรนั้น แม้จะมีความสงสารในอดีตมเหสี แต่เป็นหนทางที่ดีที่สุดที่จะรักษาพรหมจรรย์ได้ ฝ่ายพระเมตตปาละฤาษีนั้น เกรงนางวิภาวตีจะขวางการประพฤติพรหมจรรย์ของพระไวยยจักร จึงได้เหาะไปปรากฏกายต่อหน้านาง และได้แจ้งแก่วิภาวตีว่า พระไวยยจักรได้ออกผนวชเป็นพระฤาษี


    เมื่อนางวิภาวตีได้ทราบดังนั้น จึงรู้สึกเสียใจที่ตนเองจะเป็นเหตุในละการประพฤติพรหมจรรย์ นางจึงได้ตั้งจิตขอขมาต่อพระเมตตปาละ และพระไวยยจักรฤาษี จากนั้นจึงได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า...

    “ในภพชาติใดก็ตามที่พระสวามีเกิดมา เพื่อประพฤติพรหมจรรย์ นางขอเป็นเพียงผู้อุปัฏฐาก อย่าได้มีจิตคิดในเรื่องความรัก เพื่อเป็นการขวางพรหมจรรย์”


    จากนั้นนางได้เข้าสมาบัติถอดจิตออกเคลื่อนภพไปจุติบนพรหมชั้นที่ ๑๐ ทันที ฝ่ายพระอนันตฤาษี พระดิเรกฤาษี พระพลฤาษี พระเภรีฤาษีต่างเข้าสมาบัติ ๑๐๐๐๐ ปี เพื่อออกจากสมาบัติพร้อมกับพระไวยยจักรฤาษี รอการบังเกิดขึ้นของพระพุทธเจ้าองค์ต่อไป



    จบประวัติดวงแก้วชุดดำรงดิเรกฤทธิ์ และพลสิทธิ์มณีโชติเพียงเท่านี้ ต่อไปจะเป็นดวงแก้วในยุคของพระพุทธสุมังคลพุทธเจ้าต่อไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤษภาคม 2014
  10. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..เปิดบูชาดวงแก้วจุลจักรพรรดิ ชุด ๑๔ จำนวน ๑๗ ดวงค่ะ..

    IMAG3051.jpg

    ดวงแก้วจุลจักรพรรดิจากการอธิษฐานของพระฤาษี ๕๐๐ รูป ก่อนที่จะบรรลุธรรมเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า ก่อนสมัยสมเด็จพระสมณโคดมพุทธเจ้า

    ชุดนี้เป็นชุดที่ ๑๔ มีทั้งหมด ๒๑ ดวงในรังเดียว นำมาให้บูชาเพียง ๑๗ ดวง โดยจะเริ่มส่งดวงแก้วในวันที่ ๑๐ พค..๕๗เป็นต้นไปค่ะ

    เปิดบูชาดวงละ ๘๘๘ บาท


    กติกาการบูชา

    ๑. เปิดให้บูชาตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปดวงแก้วจะหมด

    ๒. ขอสงวนสิทธิ์ ท่านละไม่เกิน ๒ ดวง และสามารถจองให้เพื่อน หรือญาติที่ไม่ได้เป็นสมาชิกเว็บพลังจิตได้

    ๓. กรุณาโอนปัจจัยบูชาภายใน ๒ วันหลังจากโอนปัจจัยแล้วจะทำการส่งมอบดวงแก้วในวันทำการไปรษณีย์ต่อไป


    กรุณาโอนปัจจัยไปที่

    พุทธารา โรจนฤทธิกร
    เลขที่ 080-252647-2
    ธนาคาร ไทยพาณิชย์
    สาขา ถนนศรีนครินทร์ (กรุงเทพ – กรีฑา)
    ประเภท ออมทรัพย์-แบบสะสมทรัพย์


    ปัจจัยส่วนหนึ่งนำไปร่วมบุญดังนี้

    ๑. ๑๐% หลังหักค่าใช้จ่าย เพื่อเข้าบัญชีสร้างพระพุทธวิปัสสีโภครัศมีโชติ ขนาด ๔ ศอก

    ๒. ๑๐% หลังหักค่าใช้จ่าย เพื่อร่วมบุญทาสีอุโบสถ วัดโพธิญาณรังสี อ.เมือง จ.สุรินทร์

    ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

    Numsai
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤษภาคม 2014
  11. เอ๋ปากน้ำ

    เอ๋ปากน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    816
    ค่าพลัง:
    +12,905

    สำหรับทริปบุญนี้ ถูกจองที่นั่งเต็มทุกที่นั่งแล้วค่ะ ขอปิดรับจองค่ะ

    ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านนะค่ะ
    จันทรกาล
     
  12. mooom

    mooom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2010
    โพสต์:
    860
    ค่าพลัง:
    +9,291
    ขอจองดวงแก้วพระปัจเจก2ดวงครับ
     
  13. Youkai

    Youkai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2013
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +1,683
    จอง 1 ดวงค่ะ
     
  14. KoKoWalK

    KoKoWalK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    478
    ค่าพลัง:
    +7,888
    จอง ๒ ดวงครับ
     
  15. กึกก้อง

    กึกก้อง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2009
    โพสต์:
    609
    ค่าพลัง:
    +3,478
    จองบูชาดวงแก้วจุลจักรพรรดิ ชุด ๑๔ จำนวน ๒ ดวงครับ
     
  16. widya

    widya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    1,095
    ค่าพลัง:
    +13,214
    จอง ๒ ดวง
     
  17. เอ๋ปากน้ำ

    เอ๋ปากน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    816
    ค่าพลัง:
    +12,905
    จอง 1 ดวงค่ะ
     
  18. Phuya

    Phuya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    608
    ค่าพลัง:
    +10,966
    จองดวงแก้วจุลจักรพรรดิ ชุด ๑๔ จำนวน ๒ ดวงค่ะ


    ---
     
  19. Tingpkt

    Tingpkt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +2,712
    ขอจอง สอง ดวงครับผม
    สาธุ ในที่สุดก็จองด้วยตัวเองทัน :cool:
     
  20. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677


    ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

    ์Numsai
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...