อัลบั้มพระ ประวัติ และวัตถุมงคล

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ปู ท่าพระ, 26 ธันวาคม 2013.

  1. jumbo_a44

    jumbo_a44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    6,518
    ค่าพลัง:
    +68,124
    สวัสดียามค่ำครับคุณวุฒิ...
     
  2. pp2

    pp2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    564
    ค่าพลัง:
    +1,434
    เดี๋ยวส่องไม่ถูกหรอก ไม่รู้จะส่องไหนดี
     
  3. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448

    หมัดหนักครับ ยกไม่ค่อยไหวเลยต้องรอดักจังหวะสองครับ :':)':)'(

    วันนี้ทานเป็ดย่างดอนเมืองกับต้มหน่อไม้จีนครับ <a href="http://emoticon.ohozaa.com" target="_blank"><img src="http://emoticon.ohozaa.com/datas/emoticon/Onion/onion_full.gif" border="0" alt="onion_full.gif" /></a>
     
  4. jumbo_a44

    jumbo_a44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    6,518
    ค่าพลัง:
    +68,124
    โฟร์เอส..สร้างสรรค์ครับน้องกานต์...
     
  5. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,031
    ค่าพลัง:
    +53,093


    [​IMG]
     
  6. วุฒิ สิงห์

    วุฒิ สิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,428
    ค่าพลัง:
    +13,055
    สวัสดีครับ อ.โญ พี่เอ๊ะ คุณเอ็มเน็ตที่บ้านผมยังไม่ปกติเลยหายไปดื้อๆ
     
  7. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,031
    ค่าพลัง:
    +53,093

    สวัสดีครับพี่วุฒิ พี่ pp2

    คลายเครียดจากงาน ก็นิดๆ หน่อย ๆ ครับผม เพื่อคนอื่นจายิ้มได้บาง
    :cool::cool:
     
  8. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,031
    ค่าพลัง:
    +53,093

    ไม่แน่ใจว่าใช้อารายครับ ค่ายใหน ผมเล่นไฟไว ที่บ้าน แรงดีครับ


    แต่ถ้าเป็นมือถือ ต้องดูคลิบนี้ครับ


    <iframe width="560" height="315" src="//www.youtube.com/embed/NLCecm3aCMA" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>
     
  9. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448

    สายโทรศัพท์หรือ modem มีมดไปทำรังหรือเปล่าครับ?
     
  10. jumbo_a44

    jumbo_a44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    6,518
    ค่าพลัง:
    +68,124
    เป็ดย่างกิ่งแก้วไม่ร่อยใช่ไหมครับ...
     
  11. jumbo_a44

    jumbo_a44 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2012
    โพสต์:
    6,518
    ค่าพลัง:
    +68,124
    พระไพรีที่ไหนครับคุณวุฒิ..
     
  12. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,031
    ค่าพลัง:
    +53,093
    เมื่อต้นปี 2551 หลวงพ่อพระครูสถิตญาณคุณ เจ้าอาวาสวัดเตาเหล็ก อ.พนมสารคม จ.ฉะเชิงเทรา ได้จัด
    สร้างวัตถุมงคลกุมารกายสิทธิ์ (เก่ง-เฮง) ออกให้สาธุชนทำบุญบูชา เกิดกระแสตอบรับอย่างรวดเร็ว ด้วยอิทธิฤทธิ์
    อานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ที่กุมารฯ แสดงให้ผู้ร่วมบุญนำไปเลี้ยงดูบูชาได้ประจักษ์เป็นเรื่องร่ำลือเล่าขานถึงกันแบบ
    ปากต่อปาก นานวันเข้ากระแสศรัทธาขยายไปไกลเกินคาด มีผู้สนใจติดต่อทำบุญบามาจากทั่วประเทศมากขี้นทุกวัน
    จนหลวงพ่อต้องมอบหน้าที่จัดจำหน่ายให้บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกดั เป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด ทำให้กุมารฯ ถูกเช่า
    บูชาหมดไปอย่างรวดเร็ว มีผู้พลาดหวังจำนวนมากพยายามติดต่อขอทำบุญบูชากับหลวงพ่อโดยตรง มีทั้งที่เดิน
    ทางมาด้วยตนเองและทางโทรศัพท์หลายรายที่ผิดหวังออกปากขอให้ท่านสร้างกุมารรุ่น 2 ขี้น หลวงพ่อก็ชี้แจง
    ปฏิเสธไปทุกรายเพราะเกรงจะมีคำครหา ด้วยของรุ่นแรกเพิ่งหมดไปไม่นาน และได้ปัจจัยสมควรกับการสร้างแล้ว
    ทุกวันนี้ก็ยังมีผู้ติดต่อสอบถามเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ ทำให้หลวงพ่อยอมจำนนกับเสียงรบเร้าจึงตบปากรับคำไปแต่
    ่ก็ไม่ได้เร่งดำเนินการเท่าไรนัก

    กระทั่งเมื่อท่านได้เห็นภาพข่าว เหตุไฟไหม้ซานติก้าผับที่มีผู้เสียชีวิตถึง 66 ราย จึงทำให้ท่านเกิด
    ความเวทนาในใจ ได้ลองตรวจดวงชะตาบ้านเมืองดูจึงรู้ว่ายังมีเคราะห์อยู่อีกนาน เกรงจะเกิดเหตุเภทภัยครั้งใหญ่
    กว่านี้ขึ้นอีก จึงได้เรียกศิษย์ใกล้ชิดมาปรึกษาถึงเรื่องที่รับปากญาติโยมไปว่าจะจัดสร้างวัตถุมงคลขี้นอีกครั้งหนึ่ง
    คณะศิษย์ทุกคนเห้นดีด้วยเพราะต่างก็อยากได้ของดีท่านไว้ใช้และจะได้มีรายได้ไว้เป็นทุนบูรณะวัดต่อไป ศิษย์คน
    หนึ่งได้ออกความเห็นให้สร้างเป็นพระพิมพ์ขุนแผน โดยได้ถอดสร้อยคอที่คล้องพระขุนแผน วัดบ้านกร่าง (พิมพ์-
    ใหญ่) ส่งให้ท่านดู พร้อมบอกว่าราคาแพงเป็นหลักแสนครับ ท่านยิ้มรับถามว่า "ดียังไง?" ศิษย์ตอบว่า "มีเสน่ห์
    เมตตามหานิยมแรงครับ" ท่านจึงถามต่อว่า "แล้วตัวนี้เรียกว่าอะไร?" พร้อมชี้ที่วัตถุมงคลอีกองค์หนึ่งที่ห้อยติด
    สร้อยอยู่ด้านหลัง เจ้าของก็ตอบว่าเป็น "หนุมาน" ดีทางคุ้มครองป้องกันภัย

    หลวงพ่อได้ยินดังนั้นจึงหัวเราะเสียงดังลั่นแล้วกล่าวว่า "ข้าก็ทำได้ ทำทั้งสองแบบเลย" ท่านได้กำหนด-
    ให้นำรูปกุมารฯ (เก่ง-เฮง) ไปพิมพ์ไว้ด้านหลังองค์พระขุนแผน และให้ดัดแปลงหนุมานเป็นพิมพ์จับทางดับไฟ ให้
    ชื่อพระขุนแผนนี้ว่า "พระขุนแผนผงพรายกุมารกำเนิด" และตั้งชื่อหนุมานว่า "หนุมานชนะภัย" คณะศิษย์รับงาน
    แล้วจึงกลับมาดำเนินการจัดทำแม่พิมพ์เสร็จเรียบร้อย เมื่อวันตรุษจีนปี 2552 ที่ผ่านมาได้นำแบบไปให้หลวงพ่อดู
    พิจารณา ท่านบอกว่าดีแล้ว และได้มอบมวลสารมงคลให้มาผสมดังนี้

    1. มวลสารเพื่อเป็นเนื้อพระ จำนวน 7 ขวดโหลกับ 1 ถุง
    2. ผงพุทธคุณพระ 5 ประการ จำนวน 5 ขวดโหล
    3. ผงพรายกำเนิด จำนวน 1 ขวดโหลใหญ
    4. ผงพรายพระเสาร์ จำนวน 1 ขวดโหลใหญ
    ่ 5. ผงไม้มะยม (มหาเศรษฐี) จำนวน 1 ถุง

    ขณะท่านมอบให้ก็ได้อธิบายว่า "ไม้มะยมนี้สำคัญนัก ชอชำมาจากบ้านมหาเศรษฐีมีชื่อเสียงที่เคยนิมนต์ให้
    ท่านไปทำพิธีที่บ้าน ท่านเห็นไม้ต้นนี้ลูกดก ใบหนา ลำต้นใหญ่โต พุ่มทรงสวยงามกว่าที่เคยเห็นมา จึงสอบถามที่มา เจ้าของบอกว่า ก่อนได้มาการดำเนินชีวิตและการทำธุรกิจการค้าไม่ราบรื่นชนิดลุ่มๆ ดอนๆ เป็นหนี้สินมากมาย จึง
    ไปปรึกษาพระอาจารย์ที่นับถือ ท่านได้เอาต้ไกล้าไม้นี้มาเสกพรมน้ำมนต์แล้วมอบให้นำมาปลูกไว้หน้าบ้าน จากนั้น
    เป็นต้นมาปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตก็ค่อยๆ หมดไป การทำธุรกิจการค้าเจริญรุ่งเรือง มีฐานะดีขี้นอยู่ถึงในระดับเป็น
    มหาเศรษฐีของชาติคนหนึ่ง หลวงพ่อได้ฟังแล้วรู้ว่าเป็นไม้มงคลมีคุณวิเศษที่หาได้ยาก จึงขอชำมาปลูกไวด้ที่วัด
    เวลาผ่านไปประมาณ 3 ปี ไม้นี้เจริญเติบโต แตกกิ่งช่อใบงอกงาม ออกผลเต็มให้ได้ขบฉัน แต่แล้วเมื่อปีที่ท่านต้อง
    จากวัดไปเรียนวิชานานหลายเดือน พอกลับมาพบว่าไม้มะยมนี้ยืนต้นตายอย่างไม่รุ้สาเหตุ ด้วยความเสียดายจึงให้
    พระลูกวัดถอนต้นแล้วนำไปป่นเป็นผงเก็บรักษาไว้ในกุฎิ ท่านได้สวดมนต์กำกับตลอดมาจวบจนวันนี้เป็นระยะเวลา
    เกือบ 10 ปีแล้ว การสร้างพระในครั้งนี้จึงเห็นสมควรนำมาเป็นส่วนผสมในมวลสาร ด้วยตั้งใจให้มีพระพุทธคุณ
    ด้านคุ้มครองป้องกัน มหาลาภ มหานิยมไว้เป็นหนึ่งเดียว ผู้ใดนำไปบูชาจะได้พ้นทุกข์พ้นภัยและพบกับความอุดม
    สมบูรณ์พูนสุข"

    อนึ่ง วัตถุมงคลรุ่นนี้ได้รับการเสนอข่าวจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ คอลัมน์สนามพระวิภาวดี ดังนี้

    " ... และที่กำลังดังอยู่ในตอนนี้คือ หนุมานชนะภัย ของ หลวงพ่อวัดเตาเหล็ก ฉะเชิงเทรา ที่บรรจุด้วย
    ผงพุทธคุณ 5 ประการ และ ผงภูติพระเสาร์ ที่ได้จากเถ้ากระดูกอาจารย์ของท่าน ที่ ตายเสาร์ เผาอังคาร
    ซึ่งโบราณถือว่า "แรง ขลังมาก" ท่านจึงนำมาใช้บรรจุ และลงอาคมโบราณ เพื่อให้หนุมาน มีฤทธิ์ ป้องกัน
    ชนะภัย และเรียกทรัพย์ ได้ ไวเหมือนลิง..หลวงพ่อวัดเตาเหล็ก สร้าง วัตถุมงคล ดังทุกครั้งเพราะสร้าง
    ไม่มาก มีจำนวนจำกัดจริงๆ รุ่นแรกที่ดังมาก คือ กุมารเก่ง-เฮง ซึ่งหมดไปแล้ว คนทำมาค้าขายชอบมากเพราะ
    ใช้แล้วได้ลาภจริงๆ อีกทั้งท่านไม่สร้างพร่ำเพรื่อ และนำรายได้ไปทำประโยชน์ให้เห็น บัดนี้วัดเตาเหล็ก จึงมี
    เมรุ ให้ชาวบ้านได้ใช้ประโยชน์แล้ว ... "


    [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     
  13. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,031
    ค่าพลัง:
    +53,093
    พระอาจารย์ สมชาย พุทธสโร

    พระอาจารย์สมชาย พุทฺธสโร หรือที่ชาวบางน้ำเปรี้ยว เรียกกันว่าหลวงพ่อสมชาย นั้น เกิดเมื่อ พ.ศ.2488 หลวงพ่อเป็นชาว อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา สมัยเมื่อวัยหนุ่มหลวงพ่อท่านเคยเป็นนักมวยไทย ต่อมาอุปสมบท ณ วัดโพธิ์เฉลิมรักษ์ โดยมีพระครูแจ๋ ติสฺโร เป็นพระอุปัชฌาย์ (พระครูแจ๋ หรือหลวงพ่อแจ๋ รูปนี้เป็นเจ้าของเหรียญนางกวักที่นักสะสมพระเครื่องนิยมเช่าหาบูชากันในราคาสูง)
    หลวงพ่อสมชายได้จำพรรษาอยู่ปรนนิบัติรับใช้ พระอุปัชฌาย์ของท่านจนกระทั่งหลวงพ่อแจ๋ ได้มรณภาพลง นับได้ว่าหลวงพ่อสมชายได้ศึกษาพุทธาคมจากหลวงพ่อแจ๋ จนหมด ถึงขนาดหลวงพ่อแจ๋ยังเอ๋ยปากว่าท่านสมชายนี่เขาแทนฉันได้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นศิษย์เอกของท่านเลยทีเดียว
    นอกจากนี้ ท่านยังได้เดินทางไปศึกษาวิชากับพระอาจารย์ที่เชี่ยวชาญอีกหลายรูป เช่น หลวงพ่อทอง วัดก้อนแก้ว อ.คลองเขื่อน จ.ฉะเชิงเทรา (หลวงพ่อทอง รูปนี้เป็นพระเชื้อสายเขมร มีความศักดิ์สิทธิ์มาก มีชื่อเสียงในการสักยันต์หมูทองแดง) หลวงพ่อสีหมอก วัดวังตะโก จ.เพชรบุรี (ศิษย์หลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกา พระอาจารย์ หลวงพ่อโอภาสี อาศรมบางมด) นอกจากหลวงพ่อสมชายจะได้ร่ำเรียนวิชาอาคมกับพระอาจารย์หลายรูปแล้ว ท่านยังได้ไปเรียนวิปัสสนากรรมฐานกับพระครูสันติวรญาณ (หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร ) ซึ่งเป็นพระป่าสายหลวงปู่มั่น ที่วัดถ้ำผาป่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ซึ่งนับได้ว่า นอกจากหลวงพ่อสมชาย จะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวิยาคมแล้ว ท่านยังเชี่ยวชาญทางด้านวิปัสสนากรรมฐานอีกด้วย จึงทำให้สาธุชนทั้งหลายสามารถกราบไหว้ได้อย่างสนิทใจหลวงพ่อสมชาย วัดโพรงอากาศ
    [​IMG] [​IMG]
     
  14. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448

    เดิมเขาก็ขายที่ดอนเมือง แต่พอสนามบินสุวรรณภูมิเปิด

    เขาก็เลยย้ายตามเครื่องบินมาครับคุณเอ๊ะ
    :cool::cool::cool:
     
  15. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,031
    ค่าพลัง:
    +53,093
    พระอุปฌาย์คำ วัดสนามจันทร์

    หลวงพ่อคำท่านเป็นบุตร โยมคล้าย กับ โยมอ่วม บ้านอยู่ปากคลองสนามจันทร์ในสมัยเด็กๆ ท่านไม่ค่อยกลัวใคร จนในละแวกนั้นต่างก็ยกให้เป็นลูกพี่ ต่อมาเมื่ออายุครบบวช บิดามารดาจึงอุปสมบท ให้ที่วัดบ้านโพธิ์ โดยมี หลวงพ่อแก้ว วัดบ้านโพธิ์เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อบวชแล้วท่านก็เกิดศรัทธาอยากแรงกล้า ในพระพุทธ ศาสนา สามารถเข้าสอบพระธรรมวินัยได้ที่ 1 ในสมัยนั้นการสอบข้อเขียนไม่มี มักสอบกันปากเปล่า ท่านมีความจำดีสามารถท่องพระธรรมวินัยและชอบศึกษาพุทธาคมและชอบทดลอง เมื่อท่านบวชได้ 5 พรรษา ท่านจึงเดินธุดงค์ไปในป่าเพื่อฝึกจิตจนไปพบ ตาปะขาวพุ่ม และท่านก็ได้เล่าเรียนพุทธาคมจนแตกฉาน สำเร็จวิชามหาอุด ตะกรุดใต้น้ำ ล่องหนหายตัว และท่านก็ยังเรียนกับ หลวงพ่อแก้ว พระอุปัชฌาย์ของท่าน จนหลวงพ่อแก้วเอ่ยปาก ชมว่า หลวงพ่อคำศึกษาได้เร็ว หลวงพ่อ แก้วท่านเก่งทางมหาอุด พัดโบก กำบังไพร เมตตามหานิยม และสำเร็จผงปถมัง ฯลฯ

    มีอยู่ครั้งหนึ่งมัคนายก ต้องการพิสูจน์ว่าท่านเก่งจริงหรือไม่ จึงแอบขโมยหยิบผ้าอาบของหลวงพ่อคำไปผูกติดกับต้นไม้แล้วลองยิง ปรากฏว่ายิงไม่ออก ชาวบ้านในละแวกนั้นจึงแย่งผ้าอาบและฉีกแบ่งกัน ต่อมาก็มีทหารพกปืนไปที่วัด หลวงพ่อจึงถามว่า "ไอ้นี่หรือวะที่เขาเรียกว่าปืน มันดีอย่างไร ยิงผ้าขี้ริ้วของกูก็ยังไม่ออก กูไม่เห็นมันจะดีตรงไหน" ทหารผู้นั้นจึงขอลองยิง หลวงพ่อจึงหยิบผ้าเช็ดน้ำชาที่รองปั้นน้ำชาโยนไปที่พื้น ทหารผู้นั้นจึงชักปืนขึ้นยิงไปที่ผ้า แต่ก็ยิงไม่ออกเลย ทหารผู้นั้นจึงก้มลงกราบหลวงพ่อ และขอผ้าผืนนั้นไปบูชา

    ต่อมา สมเด็จกรมพระยาวชิรญาณวโรรส เสด็จมาที่วัดสนามจันทร์ และได้แต่งตั้งหลวงพ่อคำเป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากนั้นท่านจึงได้เริ่มสร้างพระอุโบสถขึ้น และเมื่อปี พ.ศ.2481 พระอุโบสถวัดสนามจันทร์ก็สำเร็จลุล่วง หลวงพ่อจึงได้สร้างวัตถุมงคลขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกแก่ผู้มาฝังลูกนิมิต การสร้างเหรียญนี้ แผ่นทองแดงที่นำมาปั๊มเหรียญได้ส่งไปถวายให้ หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม หลวงพ่อคง วัดซำป่าง่าม หลวงพ่อสาด วัดปทุมคณาวาส สมุทรสง คราม หลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว หลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก หลวงพ่อจาด วัดบางกระเบา หลวงพ่อเสือ วัดสามกอ หลวงพ่อวงค์ วัดบ้านค่าย ฯลฯ ลงจารที่แผ่นโลหะ ประมาณ 300 แผ่น แล้วจึงนำกลับมาให้ช่างในกรุงเทพฯ รีดเป็นแผ่นโลหะแล้วปั๊มเป็นรูปเหรียญ ต่อมาได้นำเหรียญมาทำพิธีพุทธาภิเษกที่พระอุโบสถวัดสนามจันทร์ โดยมี ท่าน เจ้าคุณพุทธิรังสีมุณีวงศ์ (โฮ้ว) ท่านเจ้าคุณสันทัดธรรมาจารย์ หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ หลวงพ่อพูน วัดตาลล้อม หลวงพ่อศรี วัดพนัส หลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว หลวงพ่อเสือ วัดสามกอ หลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก หลวงพ่อจาด วัดบางกระเบา ร่วมปลุกเสก หลังจากนั้นหลวงพ่อคำท่านก็ได้นำเหรียญของท่านมาปลุกเสกต่อที่กุฏิของท่าน อีก 1 พรรษา เหรียญนี้จะมีพิมพ์ด้านหน้าเหมือนกัน แต่พิมพ์ด้านหลังมี 2 แบบ คือ พิมพ์ยันต์ใหญ่ และพิมพ์ยันต์เล็ก นอกนี้ยังมีเนื้อเงิน ยันต์ใหญ่ ด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 พฤษภาคม 2014
  16. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,031
    ค่าพลัง:
    +53,093
    หลวงพ่อเสือ นามฉายาเมื่ออุปสมบทว่า "วิรุฬหผโล" เกิดเมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๐๕ ที่ จ.ชลบุรี
    โยมบิดา ชื่อ นายแสวง โยมมารดาชื่อ นางลำเจียก นามสกุลยิ้มอยู่ อาชีพทำไร่ทำนา

    ด้วยบารมีที่ได้สร้างสมมาแต่อดีตชาติ ทำให้หลวงพ่อเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวันตั้งแต่วัยเด็ก
    เมื่อได้มีโอกาสติดตามพ่อแม่ไปวัดตอน๕ - ๖ ขวบ และได้ฝึกหัดทำสมาธิ จึงได้รับรู้ถึงความสงบสุขอันเกิดจากจิตที่เป็นสมาธิ

    อายุ ๑๖ ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดหลวง อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี และได้ติดตามพระอุปัชฌาย์ออกธุดงค์
    หลังจากนั้น ๗ วัน ท่านจึงแยกธุดงค์ไปตามที่ต่างๆ ตามลำพัง

    ในปีต่อมาหลวงพ่อได้ธุดงค์ไปสกลนคร พระอาจารย์ที่นั่นได้แนะนำให้เดินทางไปพม่า
    ซึ่งเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา ท่านจึงเริ่มออกเดินทาง ผ่านอุดรธานี ไปจนถึงพม่า
    อาศัยพักอยู่ที่วัดโชติการาม โดยมี พระอาจารย์โชติกะธรรมจริยะ คอยแนะนำ และให้ความสะดวกตลอดเวลา ๖ เดือน

    อายุครบ ๒๐ ปีได้อุปสมบท ณ วัดบางกรูด อ.บ้านโพธิ์ บวชได้ ๕ พรรษา ได้ลาสิกขาบท ผ่านมาได้สักระยะหลวงพ่อได้ตั้งใจมั่นที่จะเจริญธรรม จึงได้อุปสมบทอีกครั้ง ณ วัดสนามจันทร์ โดยมีหลวงพ่อแย้ม เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อคำ เป็นพระกรรมวาจาจารย์
    เมื่ออุปสมบทแล้ว ท่านก็ธุดงค์กลับไปที่พม่าอีกครั้งหนึ่ง โดยพักอยู่ที่วัดซันคยองวิหาร ถึง ๒ ปี
    ณ ที่นี้หลวงพ่อได้พบกับ ท่านเลดี สย่าดอ มหาเถระ ปราชญ์ทางพระพุทธศาสนา
    ซึ่งเป็นผู้คอยแนะแนวทางการปฏิบัติธรรม การศึกษาพระไตรปิฏกให้

    หลังจากนั้นหลวงพ่อยังได้เดินทางไปที่ลังกา ได้พบและศึกษากับ ท่านญาณโปนิกมหาเถระ

    มัชฌิมวัย
    กลับจากลังกาแล้ว หลวงพ่อได้พักปฏิบัติธรรมที่ถ้ำเชียงดาว ๓ ปีเศษ
    ต่อจากนั้นได้มาพักอยู่ที่หมู่บ้านชาวเขา บนดอยปุย สอนธรรมะ และรักษาโรคภัยไข้เจ็บให้กับชาวเขา เป็นเวลาถึง ๙ ปี
    จึงเดินทางกลับมาบ้านเกิด ที่ชลบุรี โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะมาช่วยเหลือชาวบ้านทั้งการให้ธรรมะ และช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บ
    ซึ่งขณะนั้นท่านอายุได้ ๔๕ ปี มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในแถบจังหวัดชลบุรี และจังหวัดฉะเชิงเทรา

    ต่อมามีชาวบ้าน ต.สิบเอ็ดศอก อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ได้ร่วมใจกันสร้างกุฏิเล็กๆ และนิมนต์ให้ท่านอาศัยอยู่
    จนในที่สุด สร้างเป็นวัดขึ้น ให้ชื่อว่า “วัดไผ่สามกอ” ตามสัญญลักษณ์
    ที่มีต้นไผ่เหลืองที่ขึ้นอยู่ ๓ กอ หน้ากุฏิของท่านที่ชาวบ้านปลูกถวายนั่นเอง

    มีเรื่องเล่าว่า…
    หลวงพ่อไม่เคยสรงน้ำเลย แต่ทุกวันเวลาท่านอยู่ในห้องผู้ที่อยู่ใกล้เคียงจะได้ยินเสียน้ำเหมือนไหลจากฝักบัว
    และร่างกายของหลวงพ่อก็เปียกเอง ทั้งยังมีกลิ่นหอมเหมือนดอกลำเจียก
    เมื่อถึงวันเกิดของท่าน ผู้คนจะหลั่งไหลมาสรงน้ำท่าน เวลาท่านเดินลงจากกุฏิ
    ฝนจะตกลงมาพอดีทุกครั้ง ท่านจึงได้ฉายาว่า “พระวิรุฬหผล”

    เมื่อตอนอายุได้ ๕๕ ปี ท่านได้ธุดงค์ไปประเทศลังกาเป็นเวลานาน เพื่อศึกษาพระพุทธศาสนาในรายละเอียดเพิ่มเติม

    ปัจฉิมวัย
    ก่อนมรณภาพ หลวงพ่อรู้ล่วงหน้า ท่านจึงได้เตรียมตัวพร้อม โดยเรียกลูกศิษย์มาถ่ายรูปของท่านไว้
    ให้ทำความสะอาดศาลา และเรียกมาประชุมฟังธรรม

    หลังจากนั้นท่านก็เริ่มป่วย มีไข้ทวีขึ้นทั้งวันทั้งคืน เมื่อถึงวันโกนท่านก็ลุกขึ้นจากที่นอน สั่งให่ช่วยกันปลงผม
    ซึ่งชาวบ้านก็พูดเตือนว่าคนเป็นไข้เขาห้ามตัดผม แต่ท่านก็พูดให้คติว่า
    “คนเราถ้าถึงเวลาตายแล้ว ถึงจะปล่อยให้ผมยาวเพียงไหน ชีวิตก็ยาวต่อไปไม่ได้”

    ก่อนมรณภาพ ๔ วัน หลวงพ่อได้สั่งว่า ท่านจะทำสมาธิ เจริญวิปัสสนาอยู่ในห้อง ๔ วัน ห้ามไม่ให้ใครมารบกวน

    ครั้นครบ ๔ วันตามที่ท่านสั่งแล้ว ลูกศิษย์ (คือ หลวงตาเผย) ได้เคาะประตูห้อง เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบ ลูกศิษย์จึงเข้าไปดู
    พบว่า หลวงพ่อครองผ้าไตรจีวรครบถ้วนเหมือนเวลาที่มีพิธีกรรมทางศาสนา มีตาลปัตรตั้งไว้ด้านขวา

    มีข้อความเขียนไว้ที่ผ้าสังฆาฏิว่า “เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา”
    ท่านนอนตะแคงขวาเหมือนหลับ สีหน้าสงบ ปราศจากความเศร้าหมอง ทุกคนก็ทราบทันทีว่า ท่านได้มรณภาพแล้ว
    วันนั้นตรงกับวันศุกร์ที่ ๓๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๘
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 พฤษภาคม 2014
  17. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,031
    ค่าพลัง:
    +53,093
    ประวัติหลวงพ่อเชิด วัดลาดบัวขาว นามเดิม เชิด นามสกุล สุนทรวิจารณ์ ฉายา จนทสุวณโณ เกิด วันอังคารที่ 23 กันยายน 2433 ปีขาล สถานที่เกิด ตำบลบางปลาร้า อำเภอบ้านสร้าง จังหวัดปราจีนบุรี บิดา นาย รุ่ง ธูปหอม มารดา นางแดง สุนทรวิจารณ์ อุปสมบท พุทธศักราช 2454 ณ วัดลาดบัวขาว ตำบลหัวไทร อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา พระอุปัชฌาย์ พระครูรอด วัดคลองเขื่อน ตำบลคลองเขื่อน อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา พระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์ปาน เกสโร วัดลาดบัวขาว (เจ้าอาวาสรูปแรก) ตำบลหัวไทร อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา พระอนุสาวนาจารย์ พระอาจารย์เที่ยง วัดหัวไทร ตำบลหัวไทร อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา การศึกษา เรียนหนังสือกับพระอาจารย์ปาน เกสโร เจ้าอาวาสวัดลาดบัวขาว

    หน้าที่การงาน ปี 2467 เป็นเจ้าอาวาสวัดลาดบัวขาว

    สมณศักดิ์ ปี 2499 เป็นพระครูชั้นประทวน มีเรื่องเล่าว่า”(สมัยก่อนมีการรับพัดเหมือนพระครูสัญญาบัตร) ถึงเวลาท่านไม่ไปรับ บอกว่าไม่ได้ขอ ใครให้ก็เอามาให้เอง ร้อนถึงเจ้าคณะจังหวัดต้องเอาพัดมาถวายเมื่องานฝังลูกนิมิตวัดโพธิ์บางคล้า แล้วท่านก็ฝากพระครูสุตาลงกชไว้ แสดงให้เห็นว่าท่านไม่ยึดติดในตำแหน่ง ท่านเป็นพระที่มีสติปัญญาเฉียบแหลม ทรงจำพระปาฏิโมกข์ ท่องเพียง 7 วัน แต่พอให้เป็นคู่สวดท่านนำเป็นสวดไม่ได้ คือไม่สวดให้ใคร”

    งานเผยแผ่ เป็นพระฝ่ายวิปัสนาธุระ เดินธุดงค์ตลอดชีวิต ปีละประมาณ 5 เดือน เป็นหัวหน้ามีพระไม่ต่ำกว่า 100 รูป ร่วมปฏิบัติธุดงค์วัตร มีคฤหัสถ์ติดตามประมาณ 20 คน ก่อนเป็นเจ้าอาวาสท่านเดินธุดงค์ตลอด 2-3 ปี จึงกลับวัด

    ปี 2487 สมเด็จพระอริยะวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก(แพ ติสสเทโว) วัดสุทัศเทพวราราม กรุงเทพมหานคร ได้มีพระบัญชา ให้พระมหาสงัด นำตู้พระไตรปิฏกพร้อมคัมภีร์ เครื่องลายครามและพรมมาถวายโดยทางเครื่องบิน เพราะทรงทราบในจริยาวัตรจากคนใกล้ กล่าวว่า”ทางวัดสุทัศน์ฯ นิมนต์หลวงพ่อไปนั่งปรกถึงสามครั้ง แต่ท่านไม่ไปแม้แต่ครั้งเดียว”

    งานด้านสาธารณประโยชน์ / ศึกษาสงเคราะห์
    ปี 2472 สร้างกุฏิทรงไทย ลักษณะตัวยู 8 หลัง หลังคากระเบื้องโบราณ ผนังฝาแกะสลักงดงามมาก
    ปี 2484 เป็นหัวหน้าสร้างโรงเรียนประชาบาล วัดลาดบัวขาว
    ปี 2494 สร้างศาลาการเปรียญทรงไทย กว้าง 30 เมตร ยาว 55 เมตร สร้างเสร็จภายในสามเดือน

    ความสามารถพิเศษ/เมตตาจิต
    1. รักษาคนวิกลจริตด้วยยา กดด้วยมีดอีโต้ ลงอาคม (จิตวิทยา) มีผู้มาให้รักษาตลอด
    2. รักษาโรคทุกอย่างด้วยมีดอีโต้ และเป่าพ่นน้ำหมาก รดน้ำมนต์ วาจาสิทธิ์ ท่านจะมี มีดหมอคู่กายคือ อีโต้ อาคมสามารถรักษาคนบ้าหรือเป็นโรคภัยไข้เจ็บ หายหมด มีคนมาหาท่านแล้วสบประมาทว่า อีโต้แบบนี้หรือคือมีดหมออาคม ท่านจึงโยน อีโต้ลงในแม่น้ำ ปรากฏว่า อีโต้ของท่านลอยทวนน้ำขึ้นมาหาท่านให้ทุกคนได้เห็นกันทั่ว
    3. มีพลังทางจิตสูง แปลงกายเป็นเสือสมิงได้ หายตัว สมัยท่านอยู่กับหลวงพ่อคง วัดชำป่างาม สามารถย่นระยะทางบิณฑบาตรแถบพระขโนงกับหลวงพ่อคงผู้เป็นอาจารย์
    4. อดีตเจ้าคณะจังหวัด วัดสัมปทวน เมตตาท่านมาก เพราะความเป้นพระตรงไปตรงมา พ.ศ.2469 ท่านหล่อพระธัมมจักรที่วัดลาดบัวขาว ทองเหลือง ทองแดง ลงหิน ทองคำ เหลือจากเทองค์ใหญ่ นายช่างแถว อ.พยุหะคีรี ทำพระนักษัตรให้โดยเก็บเงินทีหลัง เพราะท่านไม่อยากทำถูกนายช่างยัดเยียดให้ทำ ครั้นเวลาผ่านไปนายช่างก็มาเก็บเงิน ท่านไม่มีจ่ายให้ จึงฟ้องเจ้าคณะจังหวัดหลายครั้ง เจ้าคณะจังหวัดก็มาสอบสวน จะปลดจากเจ้าอาวาส ท่านก็พูดทำนองว่า ปลดผมก็ออกเพราะไม่อยากจะเป็น มีอยู่ครั้งหนึ่ง ที่เจ้าคณะจังหวัดมาที่วัด ลูกศิษย์นิมนต์หลวงพ่อให้ไปต้อนรับที่ท่าน้ำ ท่านบอกว่ามาจากไหนมาได้ ถึงวัดแล้วไม่ขึ้นวัดก็อยุ่ในเรือ กูไม่ไป จนกระทั้งปี พ.ศ. 2480 ท่านจองกฐินเพราะเชื่อมั่นในศีลาจารวัตร ของหลวงพ่อ นำคณะมาถวายสิ่งของโบราณ เช่น ตุ่มน้ำโบรารเขียวไข่กา เครื่องลายครามกระโถน ฯลฯ ปัจจุบันยังมีให้ชม
    5. วันดีคืนดีขึ้น15 ค่ำ ท่านจะร้อนวิชา บอกให้ลูกศิษย์หามท่านไปโยนในชายเลนแม่น้ำหน้าวัด แล้วให้กลับมารอท่านที่กุฏิ พอลูกศิษย์เดินกลับมาถึงกุฏิ ก็พบว่าท่านนั่งรออยู่แล้วเนื้อตัวปกติไม่เปลื้อนดินโคลนเลย
    6. ท่านจะชอบออกธุดงค์ ตลอดชีวิต อยู่ๆๆก็หายออกไปจากวัดเกือบปี จนทางวัดออกหายังไงก็ไม่พบท่านจนต้องทำการเลือกเจ้าอาวาสคนใหม่ พอวันที่จะทำการเลือกเจ้าอาวาส
    ท่านก็จะเดินกลับมาในสภาพ จีวรขาดรุ่งริ่ง หนวดเครายาว เป็นแบบนี้หลายครั้ง ไม่ทราบว่าท่านรู้ได้อย่างไร


    มรณภาพ ท่านมรณภาพ วันที่ 11 พฤศจิกายน 2500 สิริรวมอายุ 66 ปี

    หลวงพ่อเชิดท่านมีเรือประจำตัวของท่านชื่อเรือมาตรประสาทพร ใช้เป็นยานพาหนะเวลาไปไหนมาไหนในสมัยนั้น เวลาได้ล่วงเลยมาถึงปัจจุบันเรือได้หายไปจากวัดนานแล้ว จนกระทั่งนายประเสริฐ รอดอุดม ฝันเห็นหลวงพ่อเชิด ท่านถามว่าเอาเรื่อไปไว้ที่ไหน ต่อจากนั้น ได้เดินทางไปหาซื้อถังตวงข้าว 2 ลูก ไปข้ามน้อยได้ 1 ลูก เขตน้ำนา 1 ลูก ได้เอามาไว้ที่บ้านนายแหยม เลยมองเห็นเรือจอดอยู่บนบก และตากแดด เรือหลวงพ่อเชิดลำนี้มีคนนำมาถวายที่วัดไผ่ขวาง จึงจำเป็นต้องจัดทอดผ่าป่าขอซื้อเรือคืนกลับมาในวันที่ 29 กรกฏาคม 2550 ซึ่งเรือลำนี้ทำจากไม้ตะเคียนอายุ 100 กว่าปี ปัจจุบันยังอยู่ที่วัด
     
  18. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448

    หลวงปู่พรหมา เขมจาโร

    วัดสวนหินผานางคอย จ.อุบลราชธานี




    [​IMG]


    [​IMG]
     
  19. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,031
    ค่าพลัง:
    +53,093
    พระครูญาน วัดสัมปทวน

    พระครูญาณรังษีมุนีวงษา(ทำ อาจภักดี) อดีตเจ้าอาวาสวัดสัมปทวน(นอก)

    อดีตเจ้าคณะจังหวัดฉะเชิงเทรา

    นามเดิม ทำ

    เกิด เมื่อ พ.ศ 2382

    สถานที่เกิด ตำบลบ้านใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา

    บิดา หมื่นอาจภักดี

    มารดา นางการเกด

    พี่น้องร่วมบิดามารดา

    1. หลวงโอวาทราชภักดี

    2. พระครูญาณรังษีมุนีวงษา(ทำ อาจภักดี)

    3. นายจอน

    4. นางจับ

    อุปสมบท เมื่อปีพุทธศักราช 2405 ที่ วัดแหลมบน(สายชล ณ รังษี) อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา พระอุปัชฌาย์ พระครูญาณรังษีมุนีวงษา(มี)อดีตเจ้าอาวาสวัดแหลม(สายชล ณ รังษี) ส่วน พระกรรมวาจาจารย์ และ พระอนุสาวนาจารย์ นั้นไม่แจ้งว่าเป็นผู้ใด

    ก่อนอุปสมบท ท่านพระครู เมื่อโตรุ่นหนุ่มได้ช่วยราชการกับ หมื่นอาจภักดีบิดาของท่าน ซึ่งรับราชการในสังกัดของ พระยาวิเศษฤๅชัย กล่าวกันว่าหมื่นอาจภักดีนั้นแตกฉานทั้งวิชาอาคมแลพิชัยสงคราม อย่างหาตัวจับได้ยาก ซึ่งไม่แปลกที่วิชาทั้งหลายจะถูกถ่ายทอดมายังท่านพระครู

    หน้าที่การงาน

    2424 ท่านพระครูได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสปกครองวัด พยัคฆ์อินทาราม(เจดีย์)เป็นรูปแรกพร้อมกับได้รับการแต่งตั้งเป็นพระกรรมวาจาจารย์ และย้ายมาปกครองวัดสัมปทวน(นอก)ในเวลาต่อมา

    2448 ท่านพระครูได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะจังหวัดฉะเชิงเทราและเลื่อน สมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัติ ในทินนามเดิม และร่วมกับคหบดีและชาวบ้าน สร้างโรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎิ์ และสร้างวัดเกาะแก้วจันทารามในเวลาต่อมา

    เกียรติคุณ เนื่องจากท่านพระครูได้ปฏิบัติงานพัฒนางานในพระพุทธศาสนาได้เจริญรุดหน้าเป็นอันมากสมเด็จพระสังฆราชเจ้า สมเด็จมหาสมณเจ้า กรมพระยา วชิรญาณวโรรส ได้พระราชทานเรือกันยา 8แจว1ลำ ผ้าไตรแพร1ชุด

    2461 ทางวัดหัวเนิน อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา ได้จัดพิธีพุทธาภิเษกพระเครื่องขึ้น และในงานนี้ทางวัด นิมนต์ท่านพระครูวิมลคุณากร หรือหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จังหวัดชัยนาท มานั่งปรกปลุกเสกด้วย ผู้คนทั้งแปดริ้วเมื่อได้ทราบข่าวก็มากันอย่างเนืองแน่น เนื่องจากต้องการรับแจกวัตถุมงคลของหลวงปู่ศุข และในงานนี้เองเมื่อหลวงปู่ศุขมาถึงก็เข้าไปสนทนากับท่านพระครูญาณฯอย่างสนิทสนมเหมือนรู้จักกันมานาน ทั้งที่ทั้งสองเพิ่งได้ได้พบกันเป็นครั้งแรก ซึ่งต่อมาท่านพระครูทั้งสองท่านต่างก็แลกเปลี่ยนวัตถุมงคลกัน เพื่อนำไปแจกลูกศิษย์ของท่าน และนั่นก็หมายความว่าหลวงปู่ศุขกับท่านพระครูญาณฯมีวิชาเสมอกันนั่นเอง นอกจากวิชาอาคมอันเข้มขลังแล้วท่านพระครูยัง แหล่ เทศน์มหาชาติ ได้ไพเราะยิ่ง ทั้งนี้มีผู้สันนิษฐานว่า ท่านอาจเคยเป็นศิษย์ร่วมสำนักกับพระอาจารย์ภูวัดต้นสนก็เป็นได้ เพราะสำนักนี้โด่งดังเรื่องเทศน์ แหล่ อย่างเอกอุ...
    ท่านพระครูฯมรณภาพ เมื่อ วันพุธ ที่ 31 สิงหาคม 2464 สิริรวมอายุได้ 82 ปี
     
  20. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    19,031
    ค่าพลัง:
    +53,093
    สุดยอดอมตะเถราจารย์ แห่งเมืองแปดริ้ว ..... พระครูสุวรรณศีลาจารย์ ( หลวงพ่อ ทอง วัดก้อนแก้ว ) ชาติภูมิ ท่านเป็น ชาวเขมร จังหวัดพนมเปญ มีเชื้อสายเป็นเจ้า เดินทางมาเรือกับ บิดา มารดา าพักที่ กรุงเทพ ทำอาชีพค้าขาย ต่อมาได้รู้จักกับพระวัดสัมพันธวงศ์ชวนท่านบวชเณร และได้มาจำพรรณษาอยู่ที่วัดสมานรัตนาราม และ ลพ ทองท่านได้เกิดป่วยหนัก มีคนรู้จักได้พาท่านมาพักที่บ้าน ไผ่เสวก ต.บางแก้ว จ.ฉะเชิงเทรา อยู่ต่อมาคนที่พาท่านมาได้ตายและเผาที่วัด จุกกะเฌอ ลพ ทองท่านได้บวชหน้าไฟให้ตั้งแต่นั้นมาท่านก็บวชพระที่วัด จุกกะเฌอ ได้จำพรรณษาและศึกษาวิชาอาคมกับ พระอธิการ แสง แห่งวัดจุกกะเฌอ ซึ่งเป็นพระที่ เก่งกาจด้านกรรมฐาน วิปัสนา ท่านเป็นพระ ความจำเลิศ ถือธุดงค์วัต เป็นนิจ ได้ออกธุดงค์ ไปทั่วตามต่างจังหวัดและออกไปถึง เขมรและพม่า ได้ศึกษาวิชาอาคมกับ ท่านอาจารย์ สุวรรณที่มีวิชาอาคมแก่กล้าจนหมดสิ้น ก็เดิรทางไป กาญจนบุรี ไปขอเรียนวิชาจาก พระครูเขาพระ และกับ เฒ่ามุ้ย วิชาลงกระหม่อมอีกจนสำเร็จ และออกธุดงค์เข้าป่าลึกเป็นเวลากว่า 20 ปี ทั้งใน ไทย - เขมร -พม่า ศึกษาวิชากับเกจิย์อาจารย์ ในทุกที่ ท่านจึงมีวิชาอาคมแก่กล้ามาก สัตว์ร้าย ภูติผีปีาจ มิอาจทำอันตรายได้เลย จนกลับมาจำพรรณษาที่วัดจุกกะเฌอดังเดิม สมัยนั้นวัดก้อนแก้วเกือบจะเป็นวัดร้าง คุณยายแฉล้ม ละมั่งทอง ได้นิมนต์ ลพ ทองมารักษาการแทนเจ้า อาวาสองค์เก่าที่มรณะภาพไป อยู่หลายครา จนสุดท้าย เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคุณ พุทธิรังสีมุณีวงค์ ต้องจัดขบวนแห่ด้วยตัวท่านเองนำแห่จากวัดจุกกะเฌอ มาวัดก้อนแก้ว ลพ ทอง ท่านจึงยอมมาเป็นเจ้าอาวาสวัดก้อนแก้ว ในปี 2478 และได้รับการแต่งตั้งเป็นพระครูชั้นประทวน พศ 2510 และได้รับสมณศักดิ์เป็นพระครูสุวรรณศีลาจารย์ ( แปลว่าผู้มีศีลบริสุทธิ์ดุจทอง) ในปี 2519 หลวงพ่อทอง มรณะภาพเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2525 อายุ 92 ปี 63พรรษา ลพ ทอง ท่านมีความสามารถในด้าน วิปัสนาและกรรมฐาน วิชาอาคมหลายแขนง มีพลังจิตแก่กล้ามาก ยากจะหาใครเทียบได้ มีจิตเมตตาสูงต่อ ญาติโยม พูดน้อย แต่ยิ้มแย้มเสมอ เวลามีคนมาหาท่านให้ทำน้ำมนต์รักษาโรคร้าย โดนคุณสไยมนต์ดำ เจ็บไข้ได้ป่วย มาขอพร ค้าขายดี ก็จะมาขอท่านรดน้ำมนต์ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะมายามใด ท่านก็จะลุกขึ้นมาต้อนรับทำให้อย่างเต็มใจโดยตลอดมา ท่านเป็นพระที่สมถะอย่างแท้จริง ไม่ยึดติด ได้ปัจจัยมาเท่าใด ก็นำมาทำนุบำรุงวัดก้อนแก้ว ไม่มีการสะสมใดๆเลยจวบจน วันมรณะภาพ ในกุฏิเก่าๆของท่าน และในตัวท่าน ไม่มีทรัพย์สินมีค่าแต่อย่างใดเลย ถือได้ว่าละซึ่งทุกสิ่งแล้วจริงๆ วัตถุมงคล ของท่าน จะต้องทำขึ้นอย่างตั้งใจมีขั้นตอน ฤกษ์ยามอย่างถูกต้อง และจะต้องปลุกเสกในวันเสาร์ ๕ เสกได้เต็มที่และมีความขลังมากกว่าวันอื่นๆ ท่านจะเสกจนทะลุ เหรียญ เสกจนมั่นใจ จึงยอมให้ญาติโยมไปบุชาคุ้มครองตัวได้ วัตถุมงคลของท่านจึงมีปฏิหารย์และประสบการณ์สูงมาก ในพื้นที่ เจอกันทุกรูปแบบ หยุดอาวุธทุกชนิด จนเป็นที่โจษขานไปทั่ว และยังเป็นเมตตามหานิยม ทั้งนังเลงและแม่ค้าแม่ขาย ต่างมีของดีของท่านติดตัวกันทุกคนไป ในยุคนั้นเขตภาคตะวันออก วัดใหนมีพิธีพุทธาภิเษก ต้องมานิมนต์ท่านทุกวัด ล้วนแต่เป็นงานใหญ่ๆทั้งนั้น ได้รับกิจนิมนต์ให้ปลุกเสกร่วมกับ ลป ทิม ละหารไร่ / ลป โต๊ะ ประดู่ฉิมพลี / เป็นประจำ และเวลาท่านนั่งปรกปลุกเสก ท่านจะเสกจนมั่นใจในวัตถุมงคลนั้นๆ จึงจะถอนจาก ญาณสามบัต ก่อนเข้าร่วมปลุกเสก ท่านจะให้ หลวงพี่ ทุ้ย พระไกล้ชิดท่าน ไปถามว่า กำหนดการสิ้นสุดพิธีปลุกเสกกี่โมง แล้วท่านจะกำหนดจิต เข้าสมาธิปลุกเสก นั่งรวดเดียว จนถึงเวลากำหนด ก็จะถอนจากสมาธิลืมตา พอดี ทุกครั้งโดยที่ไม่มีใคร ไปเรียกแต่อย่างใด ไม่ว่างานนั้น จะมีลั่นฆ้องพัก ฉันน้ำชา แต่สำหรับท่าน นั่งรวดเดียวเลยครับ ยันสว่างก็ รวดเดียว จิตท่านนิ่งมาก เวลาเสกของ ท่านบอกต้องเสกให้ทะลุ ถึงจะได้ผล... และยังมีเรื่อง ม้า จอมพยศของท่านที่มีคนนำมาปล่อยเพราะเลี้ยงไม่ไหว ไม่มีใครคนใดเอามันอยู่ ท่านเสกหญ้าให้มันกิน จนมันเชื่องกับท่านคนเดียว แต่มันเกเร ออกไปนอกวัดเดินเหยีอบ สวนผักของชาวบ้านทำลายข้าวของ จนชาวบ้านทนไม่ใหว เอามีดเอาปืนไล่ยิงไล่ฟันแต่ไม่เข้าสักราย เพราะมันมีผ้าจีวรที่ท่านผูกคอมันใว้ จน ล.พ ทองท่าน มรณะภาพลง มันก็ยิ่งเกเรขึ้นทุกวัน จนชาวบ้านทนไม่ไหว เอารถสิบล้อไล่ทับมันจนตาย ส่วนวัตถุมงคลของท่านทุกชิ้นท่านจะปลุกเสกจนมั่นใจแล้วจึงออกให้บูชาได้ ของทุกอย่างของท่านจึงมีประสบการณืมากมาย ขนาดเด็กนั่งหัวเรือ โดนฟ้าผ่าเต็มๆๆ ยังแค่สลบไป พ่อพาไปให้ท่านรดน้ำมนต์ แล้วก็กลับบ้านได้เลย ในตัวเด็กมีเหรียญของท่าน แขวนอยู่เหรียญเดียวครับ ประสบการณ์ ที่วัดจะๆ ลพ ทอง ท่าน ปลุกเสกเหรียญ รุ่น บาทใหญ่ เพื่อออกจำหน่ายในงานประจำปีวัด ก้อนแก้ว เพื่อนำเงินไปทำนุบำรุงวัดก้อนแก้ว ตกกลางคืนมีงานวัด วัยรุ่นแถบนั้น เขม่นกัน ตะลุมบอล เสียงปืนดังขึ้น มีคนล้มลง โดนลูกหลง ลูกปืน 11 ม.ม เจอะเข้าที่ขมับเป็นรอยบุ๋บ สลบไป สักพักก็ฟื้น ในกระเป๋าเสื้อมีเหรียญ บาทใหญ่ ที่เช่าจากวัด เหรียญเดียวเท่านั้น เรื่องยิงไม่เข้า ปืนด้าน มีให้เล่ากันเป็นประจำกับวัตถุมงคลของท่าน สมัยนั้นถนนทางวัดเปลี่ยวมาก โจรชุมยิ่งนัก วัยรุ่นก็ห้าวข้ามถิ่นกันไม่ได้ แต่วัยรุ่นแถบวัด ยังไงต้องมีวัตถุมงคลของท่านติดตัวทุกคน ถึงขนาดทหารในค่ายศรีโสธร ต้องมาขอจัดสร้างเหรียญ ให้ท่านปลุกเสก เพื่อติดตัวไปออกสงครามในยุคนั้น ท่านโด่งดังมาก ท่านเป็นพระที่ผมเคารพนับถือในจริยวัตรมาก วันที่ท่านมรณภาพ จากคำบอกเล่าของ เจ้าอาวาสองค์ต่อมา ในตัวท่านและในกุฏิไม่มีเงิน หลงอยู่เลยแม้แต่บาทเดียว ท่านทำเผื่อวัด และอุทิศตัวเพื่อศาสนาและช่วยเหลือ ชาวบ้าน ที่มาขอความช่วยเหลือ ปัจจุบัน สรีระ ของท่านไม่เน่าเปื่อย บรรจุในโลงแก้ว ณ วัดก้อนแก้ว หากท่านได้ผ่านมาแปดริ้ว เข้าไปกราบขอพรจากท่านได้ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...