คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ประสบการณ์พระพุทโธน้อยและของอธิษฐาน

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย st-antique, 27 เมษายน 2012.

  1. nott17

    nott17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,446
    ค่าพลัง:
    +20,925
    กราบคุณแมุบุญเรือนด้วยความเคารพครับ
    สวัสดีพี่เชษฐ์ พี่น้องทุกท่านครับ
    คุณแม่คุ้มครองทุกท่านครับ
     
  2. kengeg

    kengeg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2009
    โพสต์:
    1,735
    ค่าพลัง:
    +7,227
    กราบคุณแม่บุญเรือน

    สวัสดียามเช้าพี่st-antiqueและทุกๆท่านครับ
     
  3. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,857
    ค่าพลัง:
    +84,222
    กราบคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ที่เคารพยิ่ง
    สวัสดีลูกหลานและศานุศิษย์คุณแม่ฯทุกท่านครับ

    เริ่มต้นการทำงานวันแรกกันแล้วหลังจากหยุดทำบุญและพักผ่อนติดต่อกันมาหลายวัน ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการทำงานนะครับ ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม อนุเคราะห์ให้ทุกท่านโชคดี มีชัย เดินทางไปในทิศทางใดให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวง มีแต่คนรักใครเมตตา อย่าเจ็บ อย่าจน มีแต่ความร่ำรวยยิ่งๆขึ้นไปด้วยเทอญ
     
  4. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,857
    ค่าพลัง:
    +84,222
    หินปัจเจกพุทธเจ้า(ขนาดเล็กจิ๋ว) คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม

    หินปัจเจกพุทธเจ้า(ขนาดเล็กจิ๋ว) คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เมตตาอธิษฐานธรรมให้มีพุทธคุณโดดเด่นด้าน หนุนดวงชะตาที่ไม่ดีให้กลับดีขึ้น ที่ดีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้นไป

    ปล.หินปัจเจกพุทธเจ้านี้ เป็นของอธิษฐานที่พบเฉพาะกลุ่มเท่านั้น พบเจอบ้านลูกศิษย์ไม่กี่หลัง เวลาเช่าหาควรระมัดระวังให้มากอาจมีคนแอบอ้างนำของที่มีทั่วไปมาบอกว่าเป็นของคุณแม่ฯเพื่อเรียกราคาเช่าบูชาครับ


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กรกฎาคม 2014
  5. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,857
    ค่าพลัง:
    +84,222

    สวัสดีครับน้องไชยยันต์ ^^



    สวัสดีครับน้อง kengeg ^^
     
  6. Hermitt99

    Hermitt99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    396
    ค่าพลัง:
    +914
    กราบแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ครับ
    สวัสดียามเช้าวันอังคารครับ น้องเชษ และเพื่อนๆ ลูกหลานคุณแม่
    ขอธรรมรักษาทุกๆ ท่านให้มีโชคชัย ลาภสักการะ ปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวงนะครับ
     
  7. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,857
    ค่าพลัง:
    +84,222

    สวัสดีครับพี่ Hermitt99 ^^
     
  8. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,857
    ค่าพลัง:
    +84,222
    ประสบการณ์ คุณแม่ฯเมตตาให้แคล้วคลาดจากฝน

    เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

    เรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมื่อเช้ามืดวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ผมและญาติๆเดินทางไปร่วมงานทำบุญขึ้นบ้านใหม่ของน้าชายอีกคนที่จันทบุรี มีรถร่วมเดินทางทั้งหมด 3 คัน คันของผมมีน้าสะใภ้ น้องสาว(ลูกน้าสะใภ้) หลานสาว น้องชาย(ลูกชายน้า)และว่าที่น้องเขย ซึ่งว่าที่น้องเขยผมตัวใหญ่มากจึงได้อาสานั่งหลังกระบะเพื่อจะได้สะดวกคนที่เหลือในการนั่งที่สบายขึ้นไม่เบียดกัน ออกเดินทางประมาณตีสี่กว่าก่อนขับรถออกผมได้ตั้งจิตอธิษฐานขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม และ พระพุทโธน้อย ที่แขวนอยู่ ว่าขอให้การเดินทางในครั้งนี้ปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวงพบเจอแต่สิ่งดี และที่สำคัญคือให้แคล้วคลาดจากฝนที่กำลังตั้งเค้ามาด้วย แล้วก็ออกเดินทางสิ่งที่พบครั้งแรกทำให้รู้แล้วว่าคุณแม่ฯเมตตาคือเมื่อขับเกือบถึงอ.บ้านบึง พบเจอร่องรอยฝนตกใหญ่ไปก่อนหน้าถนนเปียกชุ่มอย่างมาก มั่นใจแล้วว่าคุณแม่ฯท่านเมตตาลูกหลานท่านแล้วถ้าไม่ได้ขอไว้สงสัยน้องที่นั่งหลังรถคงเปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝนเดินทางไปถึงจันทบุรีคงเป็นหวัดแน่นอน ตลอดการเดินทางระยะทางประมาณร้อยกว่ากิโลเมตรนี้ พบเจอว่าฝนตกก่อนหน้าหมดตลอดทั้งเส้นทางเลยทิ้งร่องรอยถนนที่ชุ่มฉ่ำด้วยน้ำตลอดการเดินทาง ทุกคนในรถก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมถึงได้คลาดกันได้อย่างไม่น่าเชื่อผมจึงได้บอกว่าขอเมตตาจากคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติมและพระพุทโธน้อยไว้เลยทำให้เป็นอย่างที่เห็น นี่เป็นประสบการณ์เล็กๆที่เกิดจากความเมตตาของคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ที่เมตตาต่อผมอีกครั้งในเรื่องของฝน การขอเรื่องฝนนี้ผมพบเจอด้วยตัวเองมาไม่ต่ำกว่า 5 ครั้งแล้วครับมั่นใจได้ว่าคุณแม่ฯท่านเมตตาจริง กราบคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม และ พระพุทโธน้อย ที่เมตตาอนุเคราะห์ลูกหลานคนนี้ตามที่ได้อธิษฐานขอครับ

    ปล.คุณแม่ฯเมตตาทั้งขาไปและกลับครับ ขากลับท้องฟ้าแจ่มใสไร้ฝนครับ ^^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กรกฎาคม 2014
  9. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,857
    ค่าพลัง:
    +84,222
    ประสบการณ์ คุณแม่ฯเมตตาให้ขายรถได้

    เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน


    เรื่องราวนี้เป็นของว่าที่น้องเขยผมครับ มารู้ว่าได้รับเมตตาจากคุณแม่ฯในตอนขากลับจากการทำบุญขึ้นบ้านใหม่ของน้าชาย ในวันพฤหัสบดีวันเดียวกันกับที่เกิดประสบการณ์คุณแม่ฯเมตตาให้แคล้วคลาดจากฝน เรื่องมีอยู่ว่าก่อนหน้านี้ประมาณเดือนกว่าได้ผมได้นำรูปอธิษฐานคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ชุดที่หลวงตาสุวรรณสร้างขึ้นไปให้น้องสาวและว่าที่น้องเขย และน้องๆคนอื่นๆ รวม 5 คน บอกให้เขาแขวนติดตัวไว้คุณแม่จะเมตตาคุ้มครองรักษา ต้องการให้ท่านเมตตาเรื่องใดให้อธิษฐานขอท่าน ว่าที่น้องเขยผมก็นำไปแขวนตามที่ได้บอกไว้แต่ไม่กล้าขอเท่าไหร่อาจจะเพราะยังไม่มั่นใจว่าคุณแม่ฯท่านจะเมตตาหรือเปล่าก็เป็นได้ครับ แต่เมื่อประมาณสองอาทิตย์ที่ผ่านมาได้เขาก็ขอให้คุณแม่ฯเมตตาอนุเคราะห์ให้ขายรถมอเตอร์ไชด์คันหนึ่งที่ซื้อมาซ่อมเพื่อขายต่อให้ได้แล้วจะทำบุญถวายท่าน อธิษฐานขอไปไม่กี่วันก็มีคนมาซื้อไปอย่างง่ายดาย ว่าที่น้องเขยผมก็งงเป็นอย่างมากมาคุยกับน้องสาวผม แล้วก็นั่งคิดทบทวนกันก็สรุปได้ว่าเกิดจากความเมตตาของคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ที่ได้อธิษฐานขอท่านไว้อย่างแน่นอน ทำให้ทุกอย่างคลี่คลายไปด้วยดี ตอนนี้ญาติพี่น้องผมรู้จักและศรัทธาคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม มากขึ้นและเริ่มแผ่ขยายวงกว้างออกไปเนื่องจากความเมตตาของคุณแม่ฯที่แสดงให้ทุกคนได้เห็นได้รับรู้กันเสมอมาครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กรกฎาคม 2014
  10. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,857
    ค่าพลัง:
    +84,222
    ลูกหลานคุณแม่ฯท่านใดมีประสบการณ์ที่เกิดจากการอธิษฐานขอคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือใหญ่เรียบเรียงนำมาลงเผยแพร่ให้ลูกหลานท่านอื่นได้อ่านเพื่อรับทราบถึงความเมตตาของคุณแม่ฯที่มีต่อลูกหลานอย่างสม่ำเสมอร่วมกันนะครับ ร่วมด้วยช่วยกันเผยแพร่เกียรติคุณของคุณแม่ฯให้ขจรขจายยิ่งขึ้นไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กรกฎาคม 2014
  11. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,857
    ค่าพลัง:
    +84,222
    พบศิษย์คนสำคัญ

    ในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่สอง คุณแม่บุญเรือนได้พบกับสุภาพสตรีคนหนึ่งและพลอยทำให้ได้รู้จักกับสามีของสุภาพสตรีคนนั้น ซึ่งต่อมาได้เป็นศิษย์คนสำคัญและมีความศรัทธาในคุณแม่ท่านถึงขนาดปลูกบ้านหลังใหญ่บนที่ดินแถบพระโขนง ยกให้เป็นกรรมสิทธิ์ (แต่คุณแม่ได้โอนกรรมสิทธิ์คืนกลับไป) เพื่อคุณแม่จะได้ใช้ประกอบกุศลกรรมได้อย่างเต็มที่ สุภาพสตรีท่านนั้นก็คือ นางผิน แจ่มวิชาสอน ภรรยาของ อำมาตย์ตรี หลวงแจ่มวิชาสอน (แจ่ม นิยมเหตุ) ข้าราชการกระทรวงธรรมการ เจ้าของโรงงานยาสีฟันวิเศษนิยม ที่เป็นที่รู้จักกันดีมาตั้งแต่เริ่มผลิตออกจำหน่ายในปี พ.ศ. ๒๔๖๔ ในปลายสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เหตุที่คุณแม่บุญเรือนจะได้พบกับคุณนายผิน ก็เมื่อคราวที่คุณนายผินอพยพหลบภัยสงคราม ซึ่งในช่วงนั้นมีการทิ้งลูกระเบิดลงในพระนคร คุณนายผินจึงอพยพจากบ้านริมคลองบางกอกใหญ่ ข้างวัดสังข์กระจายไปอยู่ที่บางใหญ่ ตัวคุณนายผินเองนั้นเป็นโรคนอนไม่หลับมานานหลายปี นางทิพย์ บุตรสาวคนโตจึงได้พาคุณแม่บุญเรือนมารักษาโดยการนวดให้ รวมสองครั้ง แล้วก็ไม่ได้มาอีก เพราะหนทางไกลมาก เพราะในขณะนั้นคุณแม่บุญเรือนพักอยู่กับบุตรสาวบุญธรรมและบุตรเขยที่สถานีตำรวจนครบาลกลาง ที่ถนนพลับพลาไชย ต่อมาหลังจากนั้นไม่นานนัก หลานสาวคนโตของคุณนายผิน (ลูกของนางทิพย์กับ พ.ต.ต. เทียม เจียมวิจิตร) ก็ถึงแก่กรรม หลานคนนี้คุณนายผินรักมาก เพราะเป็นหลานคนใหญ่ ได้เลี้ยงดูมาแต่เล็กเกือบจะเท่ากับลูกคนเล็กและเป็นเด็กที่อ่อนโยน เป็นที่รักของญาติมิตรครูอาจารย์ เด็ก ผู้ใหญ่ที่รู้จักเขาทุกคน เมื่อคุณนายผินได้เสียของรักไปเช่นนี้ ก็เศร้าโศกเสียใจอย่างที่สุด ไม่คิดถึงตัวหรือใครอีก โรคนอนไม่หลับก็ยิ่งกำเริบ เมื่อทำบุญครบ ๗ วัน คุณแม่บุญเรือนก็มาเยี่ยมและจะนวดรักษาโรคนอนไม่หลับให้ แต่ในวันนั้นคุณนายผินไม่ยอมนวด คุณแม่บุญเรือนเลยบอกคุณนายผินว่าวันศุกร์จะมานวดให้ แล้ววันศุกร์คุณแม่บุญเรือนก็มารักษาให้ตามที่พูดไว้ แรกๆ คุณนายผินไม่ยอมให้นวด บอกว่า นวดไปก็ไม่มีประโยชน์ ไม่มีความสุข คุณแม่บุญเรือนได้พูดชี้แจงให้ฟังมากมาย คุณนายผินฟัง ๆ แล้วใจค่อยสบาย จึงบอกว่านวดก็นวด เวลานวดคุณแม่บุญเรือนก็พูดให้คุณนายผินฟังและพิจารณาได้ อย่างที่ดูไม่เหมือนการสั่งสอนหรือยกตัว เมื่อนวดเสร็จแล้วก็รู้สึกว่าสบายขึ้น จากนั้นนาน ๆ คุณแม่บุญเรือนก็มานวดให้คุณนายผินครั้งหนึ่ง ต่อมาคุณนายผินก็ได้เล่าเรื่องคุณแม่บุญเรือนให้คุณนายปลื้ม วิจิตรภัตราภรณ์ เจ้าของห้างวิวิธภูษาคารฟัง คุณนายปลื้มก็อยากนวดบ้าง นางทิพย์บุตรสาวคุณนายผินก็พาไปหาคุณแม่บุญเรือน ต่อมาในเดือนมีนาคม ๒๔๘๙ คุณนายปลื้ม ได้ชวนคุณหลวงแจ่มวิชาสอน และคุณแม่บุญเรือนไปดูสวนส้มที่จังหวัดจันทบุรีโดยทางรถยนต์ ในครั้งนั้น คุณแม่บุญเรือนได้แสดงความสามารถในการย่นระยะทาง (รายละเอียดตามที่คุณหลวงแจ่มวิชาสอนจะได้เล่าต่อไป) ซึ่งก็สร้างความประหลาดใจให้กับคุณหลวงเป็นอย่างยิ่ง ภายหลังที่กลับมาจากจันทบุรีไม่นานนัก คุณหลวงก็ได้ชวนคุณนายผินผู้ภรรยาไปขึ้นวิปัสสนาตามคุณแม่บุญเรือนที่วัดสัมพันธวงศ์ แต่คุณนายผินก็ค้านว่า คุณหลวงก็เรียนอยู่แล้วมิใช่หรือ คุณหลวงแจ่มวิชาสอนก็บอกว่าไม่เป็นไร เรียนแล้วก็เรียนอีกได้ คุณนายผินได้ยินดังนั้นก็พลอยยินดีด้วย แต่เมื่อไปวัดสัมพันธวงศ์เพื่อปวารณาตนเพื่อเรียนกรรมฐานกับท่านเจ้าคุณพระมหารัชชมังคลาจารย์ ก็ปรากฏว่าท่านไม่อยู่ พระรูปอื่นจึงรับแทนและได้จดบัญชีชื่อไว้ถวายท่านเจ้าคุณ ต่อมา เมื่อจวนเข้าพรรษา คุณแม่บุญเรือนบอกว่า ในระหว่างเข้าพรรษาทุกวันพระคุณแม่บุญเรือนจะไปวัด เมื่อกลับจากวัดจะมาค้างที่พระโขนง (ขณะนั้นคุณนายผินได้ไปปลูกบ้านไว้ที่อำเภอพระโขนงบนที่ๆ ซื้อเอาไว้ แต่ยังไปๆ มาๆ อยู่ระหว่างบ้านริมคลองบางหลวงกับบ้านที่พระโขนง) คุณนายผินจึงไปวัดสัมพันธวงศ์ทุกวันพระ คุณหลวงก็เลยพลอยไปด้วย เมื่อได้ฟังคำสั่งสอนของท่านก็เกิดศรัทธาเลื่อมใสเรียนวิปัสสนาด้วยทุกวัน จนวันขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๑๑ (วันพฤหัสบดี ที่ ๓ ตุลาคม ๒๔๘๙) คุณหลวงจึงได้ถวายดอกไม้ธูปเทียน ขอ นิสสัย ขึ้นธรรมเรียนวิปัสสนา เพราะเหตุนี้คุณนายผินจึงเห็นว่าผู้ปฏิบัติต้องอาศัยกัลยาณมิตร เช่นคุณนายผินคบคุณแม่บุญเรือน ที่ได้แนะนำสั่งสอนทุก ๆ วันที่มาค้างพระโขนง ตอนเช้าเป็นต้องสอนธรรมมะทุกวันคล้ายกับรักษาคุณนายผินด้วยธรรมะ เกิดความเบิกบานในใจผิดกว่าก่อน ๆ ส่วนโรคนอนไม่หลับของคุณนายผินก็เลยหายไปเองโดยไม่ต้องรับประทานยานอนหลับ

    เรื่องที่คุณแม่บุญเรือนก็ได้แสดงความสามารถทางด้านพลังจิตในการย่นระยะทาง ให้หลวงแจ่มวิชาสอน (แจ่ม นิยมเหตุ) ได้แปลกใจ โดยในเรื่องดังกล่าว คุณหลวงแจ่มวิชาสอนได้เล่าไว้ว่า

    "ในเดือนมีนาคม ๒๔๘๙ คุณพี่ปลื้ม วิจิตรภัตราภรณ์ ภรรยา หลวงวิจิตรพัสตราภรณ์ (เพี้ยน แสงรุจิ) เจ้าของห้างวิวิธภูษาคาร ได้ชวนข้าพเจ้า (หลวงแจ่มวิชาสอน) และแม่หมอบุญเรือนไปดูสวนส้มที่จังหวัดจันทบุรีโดยรถยนต์ สวนอยู่ห่างตัวจังหวัดสิบสองกิโลเมตร ตอนกลับจากสวนขณะที่รถกำลังติดไฟ แม่หมอบุญเรือนออกเดินไปก่อน ข้าพเจ้าออกเดินตามไปภายหลังห่างกันประมาณหนึ่งเส้น (๘๐ เมตร) ข้าพเจ้าเดินมาถึงที่เลี้ยวก็มองไม่เห็นตัวแม่บุญเรือนแล้ว เร่งฝีเท้าเดินตามไปอีกสองสามเลี้ยวก็มองไม่เห็น ข้าพเจ้าก็เลยหยุดคอยรถเพราะรู้สึกเมื่อย สักครู่หนึ่งรถก็ตามมาทัน ข้าพเจ้าจึงกลับขึ้นรถ ประมาณเวลานับแต่ออกเดินจนรถมาทันนั้นราวสิบห้านาที เมื่อขึ้นรถแล้วรถแล่นมาอย่างเร็วเพราะเป็นทางลงจากเขา รถแล่นมาเป็นหลายเลี้ยวจนถึงศาลาพักร้อน ซึ่งอยู่กึ่งกลางทางระหว่างจังหวัดกับสวน ก็ไม่เห็นแม่บุญเรือนคอยอยู่ รถหยุดที่ศาลาเติมน้ำหน้าหม้ออยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นแล่นต่อไปจนพ้นเขตเขาตกทุ่ง ก็ยังไม่เห็นแม่บุญเรือน ผู้อยู่ในรถต่างรู้สึกเอะใจ เพราะตามปกติธรรมดาคนเราจะเดินเร็วเช่นนี้ไม่ได้ รถคงจะแล่นผ่านมาเสียแล้ว ระหว่างทางแม่หมอคงจะแวะเข้าป่าเพื่อถ่ายทุกข์เป็นแน่ คิดจะให้รถหยุดรอ ก็พอดีเห็นแม่บุญเรือนเดินอยู่ข้างหน้า เดินเนิบๆ เมื่อขึ้นมาบนรถ สังเกตดูไม่เห็นกิริยาแสดงว่าเหน็ดเหนื่อยหรืออิดโรยอะไรเป็นปกติ ต่างก็ชมเชยกันว่า เดินเก่งจริง การที่แม่หมอบุญเรือนมาได้ไกลตั้ง ๘ กิโลเมตร ชั่วเวลาเพียงครึ่งชั่วโมงเช่นนี้ จึงสันนิษฐานได้ว่าจะมาโดยปกติธรรมดาไม่ได้ ต้องมาโดยอิทธิฤทธิ์ในทางทำจิตเข้าสู่ฌานสมาบัติอะไรอย่างหนึ่งเป็นแน่แท้" เรื่องดังกล่าวข้างต้น คุณพร้อม แสงรุจิ บุตรสาวคุณปลื้ม ซึ่งร่วมเดินทางไปด้วยก็ได้บันทึกเรื่องไว้ด้วยซึ่งรายละเอียดก็ตรงกับเรื่องที่คุณหลวงแจ่มวิชาสอนเล่าข้างต้น
     
  12. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,857
    ค่าพลัง:
    +84,222
    การฝึกหัดเป็นหมอนวด และสนใจในงานบุญ

    เมื่อคุณแม่บุญเรือนอายุได้ ๑๕ ปีเศษ ซึ่งเป็นวัยรุ่นสาว ท่านได้รับการฝึกสอนจากชีวิตในครอบครัวให้รู้จักการ “นวด” เนื่องจากปู่ของคุณแม่บุญเรือนผู้ซึ่งคนทั่วไปเรียกว่า “อาจารย์กลิ่น” เป็นหมอนวดผู้มีชื่อเสียงโด่งดังมากในสมัยนั้น ปรากฏว่าคุณแม่บุญเรือนมีความสนใจในวิชาหมอนวดนี้มาก จนกระทั่งเมื่อ “อาจารย์กลิ่น” ท่านเห็นว่าได้ประสิทธิประศาสน์วิชาได้ประมาณหนึ่งแล้วท่านจึงได้ “ครอบวิชาหมอนวด” และมอบตำราหมอนวดให้เป็นสมบัติสืบทอดแก่คุณแม่บุญเรือน โดยตำราดังกล่าวได้มีข้อห้ามไว้ว่า การนวดตามตำรานี้จะเรียกร้องเงินทองเป็นค่าจ้างไม่ได้ สุดแล้วแต่ผู้รับการนวดจะให้เองโดยสมัครใจเท่านั้น จากนั้น อาจารย์กลิ่นก็ได้แยกนิวาสถาน ไปอยู่ในที่วิเวกแห่งหนึ่ง ในสวนตำบลบางปะกอกนั่นเอง คุณแม่บุญเรือน ก็ได้ตั้งใจศึกษาวิธีนวด จากตำราของอาจารย์กลิ่น ต่อไปจนกระทั่งท่านมีความชำนิชำนาญในเรื่องการนวดเป็นอันมาก และได้กลายเป็นหมอนวดที่มีชื่อเสียงอย่างยิ่งผู้หนึ่ง และกลายเป็นวิชาที่ท่านสามารถใช้เป็นอาชีพได้เป็นอย่างดี ท่านเคยใช้วิชาหมอนวดนี้ช่วยนวดรักษาโรคภัยไข้เจ็บที่พึงใช้การนวดในการรักษาไว้เป็นอันมาก ในสมัยต่อมา เมื่อคุณแม่บุญเรือนได้สำเร็จธรรมแล้ว ท่านก็ได้ใช้วิธีรักษาด้วยการอธิษฐานธรรม และอธิษฐานสิ่งของต่างๆ เพื่อใช้ในการรักษาโรคตามวิธีการของท่าน ปรากฏว่ามีโรคภัยไข้เจ็บหลายชนิดที่ท่านใช้วิธีนวดเข้าช่วยด้วย เช่น คนไข้คนหนึ่งเป็นไส้ติ่งอักเสบ ท่านก็ได้อธิษฐานปูนทาและการนวดประกอบกัน และประสบผลสำเร็จในการรักษาอย่างน่าอัศจรรย์ ด้วยการนวดอันมีชื่อเสียงและสำเร็จผลของท่านนี้เอง ทำให้มีบุคคลไม่น้อยสนใจในวิธีการอันเป็นตำราของท่าน และได้เข้ามาขอเรียนและเป็นศิษย์กับท่าน แต่ศิษย์ที่ได้สนใจศึกษาวิธีการนวดของท่านจนสำเร็จครบถ้วนจริงๆ นั้น คือ นางพวง นภาพงศ์ ซึ่งได้เป็นหมอนวดที่ยึดมั่นในวิธีการนวดตามแบบและวิธีการของท่าน จนได้รับมอบตำราหมอนวด ที่ท่านได้รับจากอาจารย์กลิ่นไว้สืบทอดต่อไป และเมื่อคุณแม่บุญเรือนได้ทิ้งร่างวายชนม์ไปแล้ว นางพวง ก็ได้นำตำรามามอบให้เพื่อพิมพ์ไว้ในหนังสือที่จะแจกเป็นที่ระลึกในงานฌาปนกิจศพคุณแม่บุญเรือน ณ เมรุวัดธาตทอง การนวดทุกครั้ง คุณแม่บุญเรือน จะแนะนำให้ผู้รับการนวด ให้ทำบุญตักบาตร อุทิศส่วนกุศลให้แก่อาจารย์กลิ่นปู่ของท่านเสมอ ในช่วงสมัยวัยรุ่นของท่านนั่นเอง ท่านได้รับการแนะนำให้รู้จักพระภิกษุรูปหนึ่ง ที่วัดบางปะกอก พระภิกษุรูปนั้นคือพระอาจารย์พริ้ง (พระครูประศาสน์สิกขกิจ) ซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงของท่าน พระอาจารย์พริ้งนี้เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงมาก เป็นพระอาจารย์องค์หนึ่งของเสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ท่านเคยได้รับปั้นเหน่ง (เข็มขัด) ที่ทำจากกระดูกกะโหลกหน้าผากของแม่นาคพระโขนง ซึ่งตกทอดมาจากสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) มาถึง สมเด็จพระพุฒาจารย์ (ทัด) แล้วจึงมอบมาให้ท่าน และท่านก็ได้ถวายต่อไปยัง เสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ และเมื่อท่านรู้จักหลวงลุงของท่านแล้ว ท่านก็ได้นำภัตตาหารและและเครื่องไทยทานต่างๆ ไปถวายพระอาจารย์พริ้งอยู่เสมอๆ ทำให้ท่านได้รับการสั่งสอนให้รู้จักธรรมะ และคุณธรรมในการดำเนินชีวิตตามแนวคำสั่งสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านได้เริ่มเลื่อมใสศรัทธา และรักงานบุญงานกุศลมากขึ้น ทั้งน่าจะถือได้ว่าเป็นปฐมเหตุสำคัญประการหนึ่ง ที่ทำให้ท่านบำเพ็ญกรณียกิจ เป็นนักบุญในพระพุทธศาสนาในสมัยต่อมา ได้บำเพ็ญเพียรจนบรรลุความสำเร็จ

    พระอาจารย์พริ้งนี้คุณแม่บุญเรือนมีความเคารพนับถือมาก เมื่อหลวงตาพริ้งมรณภาพ ในปี ๒๔๙๐ ท่านก็ได้ไปร่วมประชุมเพลิงที่วัดบางปะกอกด้วย วัดบางปะกอกที่กล่าวมาแล้วนี้ น่าจะเป็นวัดสำคัญที่ทำให้ท่านเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาด้วย ต่อมาเมื่อหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งขณะนั้นคุณแม่บุญเรือนมีชื่อเสียงมากแล้ว ได้นำสานุศิษย์ไปร่วมฌาปนกิจบิดาของท่านที่วัดบางปะกอกอีกครั้งหนึ่ง และต่อมาได้นำผ้าป่าไปทอดที่วัดนี้ และแวะเยี่ยมบ้านญาติของท่านในละแวกนั้นด้วย และดูเหมือนครั้งนั้นจะเป็นการไปเยี่ยมบ้านบางปะกอกเป็นครั้งสุดท้าย
     
  13. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,857
    ค่าพลัง:
    +84,222
    การปฏิบัติธรรม

    ในระหว่างนี้ท่านได้ยึดมั่นในการบุญการกุศล รักงานบุญ การถือศีลสวดมนต์ ฟังธรรมด้วยความเลื่อมใส คุณแม่บุญเรือนได้เริ่มฝึกหัดวิปัสสนากัมมัฏฐานที่วัดสัมพันธวงศ์ กับท่านเจ้าคุณพระมหารัชชมังคลาจารย์ (เทศ นิทฺเทสโก) เจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ ซึ่งขณะนั้นมีสมณศักดิ์ที่ พระครูวิบูลศีลย์ขันธ์ และคุณแม่บุญเรือนมีอายุยังไม่ถึง ๓๐ ปี ต่อมาสามีได้อุปสมบทที่วัดนี้ ๑ พรรษา และเมื่อสามีลาสิกขาไปแล้ว สามีก็ยังเป็นผู้ถือมั่นในทางธรรมอย่างมาก สนใจแต่ในการเมตตากรุณา ยึดมั่นในศีล ๕ เคร่งครัด ทำบุญให้ทานเป็นประจำ สุราซึ่งเมื่อก่อนอุปสมบทดื่มเมาถึงคลาน ก็เลิกเด็ดขาด ทำให้คุณแม่บุญเรือนก็ยิ่งมีศรัทธาเลื่อมใสมากขึ้น ในวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๐ จึงได้ลาสามีออกบวชเป็นชี และอยู่ปฏิบัติธรรมที่วัดสัมพันธวงศ์ ได้เพียรฝึกหัดวิปัสสนากัมมัฏฐาน ด้วยความพยายามมากยิ่งขึ้น ได้อยู่ปฏิบัติในศาลาวัดสัมพันธวงศ์ด้วยความกล้าหาญ เข้าใจปลอดโปร่งในธรรมะ

    ท่านพระมหารัชชมังคลาจารย์ (เทศ นิทฺเทสโก) เจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ ผู้เป็นพระอาจารย์สอนสมถะวิปัสสนากรรมฐาน ให้แก่คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ได้เล่าถึงคุณแม่บุญเรือนไว้ตอนหนึ่งว่า

    “คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นผู้มีศรัทธาหาโอกาสบริจาคทาน รักษาศีล ฟังธรรม ในวันธรรมสวนะอุโบสถ และฟังพระธรรมเทศนาที่ศาลาสัมพันธวงศ์ ซึ่งมีประจำวันตลอดมา

    ครั้นเมื่อคุณแม่บุญเรือน เข้าใจธรรมวินัยกว้างขวางขึ้น ก็พยายามศึกษาปฏิบัติถึงขั้นสมถวิปัสสนา ร่วมกับคณะคุณแม่ที่มาฟังธรรมเวลาค่ำ คือ นอกจากชาวบ้านที่มาฟังธรรมแล้ว ก็มีสตรีที่มีศรัทธามาถือบวชชีเป็นชีนุ่งขาวอยู่หลายคน เมื่อแสดงเทศนาจบแล้ว ก็เริ่มถามความเข้าใจและความกำหนดจดจำ ตลอดถึงแนะอุบาย ที่จะเป็นอุปการะแก่การปฏิบัติธรรมทั่วๆ ไป เมื่อแนะนำสั่งสอนนานเข้า ก็เลื่อนไปแสดงธรรมะที่ละเอียดขึ้นไปโดยลำดับ นับว่า เป็นชั้นสมถภาวนา อุบายทำให้ใจสงบเลื่อนไปถึงขั้นวิปัสสนาภาวนา อุบายที่จะทำใจให้เกิดความรู้แจ้งเห็นจริง ตามพระธรรมวินัยหรือตามพุทธประสงค์ที่แท้จริงบ้าง วันละประมาณครึ่งชั่วโมง หรือชั่วโมงเศษบ้าง ในบรรดานักศึกษาธรรม ที่ประชุมในยุคนั้น ท่านพระมหารัชชมังคลาจารย์ เล่าว่า คุณแม่บุญเรือน เป็นผู้ที่เข้าใจเนื้อความของธรรมะได้ดี เป็นผู้กล้าหาญ กล้าตอบ กล้าพูด มีปฏิภาณได้ถ้อยได้ความ ถือเอาอรรถรสได้ เมื่อพูดจาแนะนำ ปรับความเข้าใจทางทฤษฎีพอควรแก่เวลาแล้ว ก็เริ่มนำบูชาอาราธนากรรมฐานประกอบภาคปฏิบัติต่อไป โดยปกติก็ใช้เวลาประมาณชั่วเล่มธูป แล้วกรวดน้ำ เป็นอันเสร็จการปฏิบัติธรรม"
     
  14. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,857
    ค่าพลัง:
    +84,222
    เหตุการณ์ตอนที่ท่านจะบรรลุธรรม (๑๕ พฤษภาคม ๒๔๗๐)

    คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เคยเล่าถึงเหตุการณ์ตอนที่ท่านจะบรรลุธรรมไว้กับนายสุวรรณ ทองนาค บ้านอยู่อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี (ซึ่งต่อมาในปี ๒๕๑๑ได้บวชเป็นพระ ที่วัดอาวุธวิกสิตาราม) ตอนหนึ่งว่า

    “(ในวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๐ ท่านได้) ตั้งใจจะขอปฏิบัติธรรมให้สำเร็จอยู่ที่ศาลาวัดสัมพันธวงศ์ เป็นเวลา ๙๐ วัน โดยถือศีล ๘ บวชเป็นชี นั่งสวดมนต์ภาวนา เจริญวิปัสสนาตามแนวทางของท่านเจ้าคุณพระมหารัชชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ (ในสมัยนั้น) การปฏิบัติธรรมดำเนินไปจนล่วงเข้าวันที่ ๘๙ ก็ยังไม่สำเร็จธรรม หรือเห็นธรรมแต่ประการใด จึงคิดท้อใจกลับบ้านที่บ้านพักตำรวจปทุมวัน ได้พบกับสิบตำรวจโทจ้อย ผู้เป็นสามี ซึ่งได้ทักมาว่า ‘กลับมาแล้วหรือ ? เมื่อกลับมาแล้วก็อยู่บ้านเถิด…’

    คุณแม่บุญเรือนจึงว่า ‘เมื่อจะให้อยู่บ้าน ก็ขอให้โยมจ้อยถือศีล ๘ เลิกยุ่งเกี่ยวฉันสามีภรรยาจะได้ไหม ?’

    สิบตำรวจโทจ้อยก็รับคำ จากนั้นสิบตำรวจโทจ้อย ก็ขอตัวออกไปปฏิบัติหน้าที่ราชการ ที่บ้านคงเหลือแต่โยมมารดา๑ ของคุณแม่บุญเรือน และหลานๆ ๒-๓ คน คุณแม่บุญเรือนจึงอาบน้ำ นุ่งขาวห่มขาว เตรียมตัวไหว้พระสวดมนต์ ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณ ๒๑.๐๐ นาฬิกา เดือน ๖ ขึ้น ๑๔ ค่ำ ปี พ.ศ. ๒๔๗๐ (ตรงกับวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๔๗๐) จากนั้น คุณแม่บุญเรือนก็ได้แลเห็นโยมมารดาและหลานๆ นอนหลับกันหมดแล้ว โยมมารดานั้นมีอาการกรน ส่วนหลานๆ ก็มีอาการละเมอบ่นพึมพำ และกัดฟันกรอดๆ รู้สึกเกิดธรรมสังเวชเบื่อหน่ายต่อสภาพอย่างนั้นขึ้นมาในขณะนั้นทีเดียวว่า

    ‘เออ… สังขารร่างกายนี้ ถึงแม้จะหลับใหลไปแล้ว แต่ก็ยังมีเวทนาผุดซ้อนขึ้นมาอีกนะนี่…’

    ท่านจึงคิดอยากหลีกหนีเสียชั่วคราว ครั้นแล้วคุณแม่บุญเรือน ก็ได้นั่งสมาธิกรรมฐานในห้องพระ จนกระทั่งถึงเวลาประมาณตี ๒ ก็มีอาการแน่นหน้าอก อึดอัด หายใจไม่ออก คล้ายกำลังจะตาย จึงตั้งสติว่า ‘ถ้าจะตายก็ขอให้ตายในตอนนี้เถิด จะได้หมดเวรหมดกรรม ธรรมก็ยังไม่ได้บรรลุเลย’ น่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก เมื่อคุณแม่บุญเรือนคิดดังนี้เท่านั้น อาการทุกขเวทนาทั้งปวงก็พลันหายไปสิ้น บังเกิดความสว่างขึ้นมาทั้งตัว มีความใสสว่างอย่างสุดที่จะประมาณ รู้ชัดว่าตนเองบรรลุอภิญญาถึง ๕ อย่าง มีพระธรรมเข้าประทับ เมื่อนึกอยากรู้อยากเห็นอะไร ก็รู้แจ้งแทงตลอดสว่างไสวไปหมด และยังได้อิทธิปาฏิหาริย์อีกด้วย จากนั้น เมื่อคุณแม่บุญเรือนบรรลุธรรมแล้ว ก็ได้นั่งกรรมฐานต่อไปอีก จนกระทั่งเวลาใกล้ตี ๕ รุ่งเช้า ได้คิดถึงวัดสัมพันธวงศ์ จึงตั้งจิตอธิษฐานขอให้เข้าไปนั่งในศาลาวัดสัมพันธวงศ์ (ปัจจุบัน ศาลานี้ถูกรื้อไปแล้ว) ซึ่งศาลานี้เป็นที่อยู่ของแม่ชีนักปฏิบัติธรรม คุณแม่เองก็เคยอาศัยบำเพ็ญธรรมที่ศาลานี้ พอสิ้นอธิษฐาน แล้วหลับตาลง ก็คล้ายกับหัวได้หกกลับไปเบื้องหน้า คล้ายกับตีลังกา เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ก็ปรากฏว่าตัวเองได้เข้ามานั่งอยู่ในศาลาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่ทราบว่าเข้าศาลามาทางไหน และที่บ้านพักตำรวจกับศาลาวัดสัมพันธวงศ์ก็ไกลกันพอสมควร ขณะนั้น ประตูศาลาวัดยังคงปิดใส่กุญแจอยู่ คุณแม่บุญเรือนจึงได้ร้องเรียกให้พระภิกษุสามเณรซึ่งอยู่ในบริเวณนั้น ช่วยไขกุญแจเปิดประตูให้ทีเมื่อเรื่องที่คุณแม่บุญเรือนหายตัวมาปรากฏอยู่ในศาลาวัด แพร่หลายออกไป ก็มีพระเณรเถรชี อุบาสกคุณแม่ต่างก็มารุมล้อม โจษจันกันเซ็งแซ่ด้วยความตื่นเต้นอัศจรรย์ใจอย่างเหลือที่จะกล่าวได้ไปตามๆ กัน จนความนี้ได้ทราบถึง ท่านเจ้าคุณพระมหารัชชมังคลาจารย์ ๒ ท่านจึงให้เชิญคุณแม่บุญเรือนไปสอบถาม และขอให้คุณแม่บุญเรือนแสดงปาฏิหาริย์หายตัวเข้ามาอยู่ในศาลาวัดให้เป็นที่แจ้งประจักษ์อีกครั้ง ซึ่งคุณแม่บุญเรือนก็ตอบรับ ขอทดลองดูอีกครั้งในเวลาใกล้รุ่งของอีกวัน

    คืนนั้นตรงกับวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๖ (ตรงกับวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๔๗๐) แม่ชีฟักเพื่อนปฏิบัติธรรม พักอยู่เป็นประจำที่ศาลานี้ ให้แม่ชีผู้อยู่ศาลาอีก ๓ คนดูแลปิดประตูหน้าต่างลงกลอนให้เรียบร้อยอย่างแน่นหนา และดูให้รู้เห็นเป็นพยานด้วย คืนนั้นปรากฏว่าที่วัดสัมพันธวงศ์ก็เกิดการโกลาหลอลหม่านคึกคักตื่นเต้นกัน น่าดู มีการจัดยามเฝ้าที่ประตูวัดทุกๆ ด้าน ถึงประตูละสองคน และมีการเดินสำรวจรอบศาลาวัดกันให้ขวักไขว่ทั้งคืน ชนิดมดแมงสักตัวเดินผ่านมา ก็ยากจะรอดพ้นสายตาไปได้ ส่วนที่บ้านพักตำรวจปทุมวัน คุณแม่บุญเรือนได้เข้าไปเจริญพระกรรมฐานตั้งแต่หัวค่ำ จนใกล้รุ่ง จึงอธิษฐานให้หายวับจากบ้านพัก เข้าไปปรากฏตัวในศาลาวัดสัมพันธวงศ์ได้เช่นเดียวกับคราวก่อน แต่คราวนี้ไม่มีลีลาอาการหกคว่ำคะมำหงายเหมือนคราวแรก นั่นคือพออธิษฐานเสร็จแล้วหลับตาลง พอลืมตาปั๊บ ตัวของคุณแม่บุญเรือนก็มานั่งเรียบร้อยอยู่ในศาลาทันที เมื่อคุณแม่บุญเรือนปาฏิหาริย์มานั่งในศาลาเสร็จ สิ่งแรกที่หูได้ผัสสะกับเสียงที่มากระทบก็คือ เสียงคุณแม่คุยกันว่า

    ‘จะแจ้ง (สว่าง) แล้ว น่ากลัวไม่มาแล้วมั๊ง’

    ส่วนอีกรายก็ว่า ‘ไม่มาก็ดี…ถ้ามา…ฉันจะต้องไปเป็นลูกศิษย์ขอเรียนวิชากับเขาอีก’

    เมื่อได้ฟังคำกล่าวเช่นนั้น คุณแม่บุญเรือนจึงร้องออกไปในทันใดว่า

    ‘เอ้า..! ใครอยากจะเป็นลูกศิษย์ฉัน…เชิญทางนี้…ฉันมาแล้ว !’

    พวกที่คอยอยู่ก็แปลกใจ และแน่ใจว่าหายตัวผ่านเข้ามาได้จริงๆ และมองเห็นผลสำเร็จทางสมาธิที่มีแก่ผู้ปฏิบัติด้วยวิริยะอุตสาหะ ต่อมาคุณแม่บุญเรือน ท่านได้อธิษฐานหายตัวจากศาลาไปเขาวงพระจันทร์ ท่านได้พบพระผู้วิเศษที่นั่น และได้รับพระธาตุ ๑ องค์จากพระองค์นั้น กลับมาพระธาตุยังกำอยู่ในมือ เป็นพยานแก่ตัวท่านเองว่ามิได้ฝันไป”
     
  15. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,857
    ค่าพลัง:
    +84,222
    เรื่องเล่าจากหลวงตาสุวรรณ

    เรื่องที่นายสุวรรณ ทองนาค หรือ พระอาจารย์สุวรรณ เล่าถึงตอนที่คุณแม่บุญเรือนบรรลุธรรมและหายตัวเข้าไปในศาลาวัดสัมพันธวงศ์ และผู้คนได้เล่าลืออื้ออึงไปจนความทราบถึงพระมหารัชชมังคลาจารย์ ๆ จึงได้ขอให้คุณแม่บุญเรือนแสดงการหายตัวเข้าไปในศาลาวัดสัมพันธวงศ์อีกครั้งหนึ่งนั้น แตกต่างไปจากความในบันทึกของพระมหารัชชมังคลาจารย์ ที่เล่าถึงประวัติคุณแม่บุญเรือนเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวว่า

    "ต่อมาอาตมาได้ทราบว่า อุบาสิกาฟัก (พยัคฆาภรณ์) ผู้ชอบพอกับอุบาสิกาบุญเรือน ทราบเรื่อง จึงขอให้อุบาสิกาบุญเรือนเข้าศาลาในวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๖ อีก ว่าจะให้ใส่กลอนประตูหน้าต่าง และให้แม่เล็ก แม่คำ แม่เทียบ ช่วยดูเป็นพยาน แต่อุบาสิกาบุญเรือนบอกว่า แล้วแต่ธรรมจะบันดาล ครั้นเวลาดึก อุบาสิกาบุญเรือนอยู่ที่สถานีตำรวจ ก็อธิษฐานเข้าไปในศาลา เช่นเดียวกับคราวก่อน พวกที่คอยดูก็แปลกใจ (และอุบาสิกาเทียบเกิดสงสัยตัวองว่าจะไขกุญแจ หรือลืมถอดกลอนทิ้งไว้บ้างไม่แน่นอน)" หลังจากนั้นท่านก็มิได้แสดงฤทธิ์อะไรที่เป็นไปในลักษณะการแสดงให้คนชมอีกเลย เว้นแต่อยู่ในสถานการณ์ที่จำเป็น แม้จะมีพระบรมวงศ์ผู้ใหญ่พระองค์หนึ่งได้เชิญท่านไปสนทนาธรรมแล้วขอให้ท่านแสดงฤทธิ์ให้ดู คุณแม่บุญเรือนก็ว่า แสดงให้ทอดพระเนตรไม่ได้เพราะจะเป็นการอวดอุตตริมนุสสธรรม จึงไม่ได้แสดงถวายให้เจ้านายพระองค์นั้นได้ทอดพระเนตร

    พระมหารัชชมังคลาจารย์ เล่าถึงประวัติคุณแม่บุญเรือนต่อไปดังนี้

    “นอกจากนี้ คุณแม่บุญเรือนยังมีเรื่องเห็นภาพในที่ห่างไกล และเรื่องระลึกชาติได้ อาตมาเห็นว่า เหตุผลพยานที่จะพิสูจน์ยังไม่พอ ฉะนั้นอาตมาจึงบอกกับคุณแม่บุญเรือนว่า อย่าไปเล่าให้ใครฟัง เขาอาจจะหาความเอาได้หลายอย่าง เมื่อเราทำได้จริง แต่เขาไม่เชื่อ เขาหาความเรา ก็จะเป็นบาปแก่ผู้หาความนั้น"

    อนึ่ง อิทธิปาฏิหาริย์ เป็นวิชชาพิเศษฝ่ายโลกียธรรม สำเร็จได้ด้วยอำนาจสมาธิ ถ้าทำสมาธิยังไม่ชำนาญ ญาณความรู้ยังไม่สมบูรณ์ บางคราวอาจทำไม่ได้จึงควรระวัง”
     
  16. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,857
    ค่าพลัง:
    +84,222
    วันนี้ขอตัวพักผ่อนก่อนนะครับ พรุ่งนี้ต้องไปเตรียมของส่งให้ลูกค้าอาจจะไม่ค่อยมีเวลาเข้ามาพูดคุยทักทายกันเท่าที่ควรนะครับ ค่ำคืนนี้ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม คุ้มครองรักษาลูกหลานทุกท่านให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวง มีชีวิตรุ่งโรจน์โชติช่วงในทุกวัน ให้มั่งมีด้วยโภคทรัพย์เงินทอง หลั่งไหลมาเนืองนองไปแปรผัน คิดสิ่งใดหวังสิ่งใดสารพัน ให้ได้รับถ้วยทั่วกันทุกท่านเทอญ


    sleeping_rbsleeping_rbsleeping_rbsleeping_rb


    sleeping_rbsleeping_rbsleeping_rbsleeping_rbsleeping_rb​
     
  17. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,857
    ค่าพลัง:
    +84,222
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]

    วันพรุ่งนี้ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม พุทธคุณพระพุทโธน้อย พุทธคุณพระปิดตาพาทรัพย์รับโชคดี ถุงแดงแรงฤทธิ์พิชิตโชค และของอธิษฐานทุกชิ้นที่โดดเด่นด้านโภคทรัพย์เงินทอง มอบพรให้ลูกหลานคุณแม่ฯทุกท่านมีโชคลาภโดยทั่วหน้ากันครับ
     
  18. nott17

    nott17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    2,446
    ค่าพลัง:
    +20,925
    กราบคุณแม่บุญเรือนด้วยความเคารพครับ
    สวัสดีพี่เชษฐ์ พี่น้องทุกท่านครับ
    สุข สมหวัง เฮงๆ ทุกท่านนะครับ
     
  19. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,857
    ค่าพลัง:
    +84,222


    สวัสดีครับน้องไชยยันต์ ^^
     
  20. Hermitt99

    Hermitt99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    396
    ค่าพลัง:
    +914
    กราบแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ครับ
    สวัสดียามเช้าวันพุธครับ น้องเชษ และเพื่อนๆ ลูกหลานคุณแม่
    ขอธรรมรักษาทุกๆ ท่านให้มีโชคชัย ลาภสักการะ ปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวงนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...