ความรู้สึกของผู้ปรารถนาพุทธภูมิที่มีต่อนางแก้ว

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย ฟ้าพราว, 23 กรกฎาคม 2014.

  1. ฟ้าพราว

    ฟ้าพราว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +26
    ฟ้าพราวอ่านกระทู้เกี่ยวกับนางแก้วแล้วรู้สึกชื่นชมในความเสียสละและในความรักอันยิ่งใหญ่ของนางแก้ว แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ค่ะว่า ความรู้สึกและความผูกพันของท่านที่ปรารถนาพุทธภูมิที่มีต่อนางแก้วจะเป็นประมาณใด .... พุทธภูมิ (ในโลกมนุษย์) หลายท่านมีนางแก้วมากมาย ท่านเหล่านั้นไม่รู้สึกรักและสงสารนางแก้วบ้างหรือคะ
     
  2. TheVisionMind

    TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,827
    ค่าพลัง:
    +2,227
    จะมีรักเดียวใจเดียวครับ ..
    พอต่างคนต่างทำดีต่อกันมากๆ ต่างคนก็ต่างตอบแทนความดีต่อกันให้ยิ่งๆ ขึ้นไปอีก
    นานเข้าก็ต่างคนก็ต่างอยากกลับมาเจอกันอีก
    เป็นอะไรที่เข้าใจกันและเต็มใจช่วยเหลือกัน

    เรื่องรูปร่าง สงๆสวยๆ อันนั้นแป๊บเดียวเดี๋ยวก็เบื่อแล้ว
    ลองเช็คข่าวดังช่วงนี้ได้ครับ ที่เกี่ยวกับคู่รักดารากับนักการเมืองที่มีข่าวกระซิบเตียงหักตอนนี้สิครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กรกฎาคม 2014
  3. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    เอ ตอบยังไงดีถามคล้ายไม่เข้าใจ หรือถามแบบนักเทศแหย่กระทู้เพื่อต้องการอธิบาย

    หากถามผมความรักความผูกพันที่มีต่อนางแก้วจะเป็นประมาณใดก็คงประมาณ10 ริกเตอร์นั่นแหละเอาแค่นั้น เอาเป็นว่าในพระสูตรเป็นอย่างไรสำหรับผมก็เป็นอย่างนั้นง่ายๆ เพราะพูดมาเยอะมาก สงสารนั้นไม่ต้องถามไม่มีอะไรมาวัดได้ การที่ปรารถนาในพระโพธิญาณนั้นก็เพราะสงสาร การสงสารมันก็ว่าตั้งแต่คนใกล้ตัวไปจนไกลสุดประมาณ

    สมมุติว่าตัวเองพอมีจะกินมีบ้านอยู่อาศัยสมมุติว่าบ้านสองชั้น สามห้องนอน สามห้องน้ำ ก็สงสารทุกคนอยากให้มีเหมือนกันทั้งหมู่บ้าน ทั้งตำบล ทั้งอำเภอ ทั้งจังหวัด เอาทั้งประเทศหากเป็นไปได้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN2275.JPG
      DSCN2275.JPG
      ขนาดไฟล์:
      3.5 MB
      เปิดดู:
      141
    • DSCN3858.JPG
      DSCN3858.JPG
      ขนาดไฟล์:
      6.4 MB
      เปิดดู:
      139
    • DSCN3852.JPG
      DSCN3852.JPG
      ขนาดไฟล์:
      6.4 MB
      เปิดดู:
      110
    • DSCN0907.JPG
      DSCN0907.JPG
      ขนาดไฟล์:
      3.4 MB
      เปิดดู:
      164
    • DSCN3025.JPG
      DSCN3025.JPG
      ขนาดไฟล์:
      6.3 MB
      เปิดดู:
      158
    • DSCN2299.JPG
      DSCN2299.JPG
      ขนาดไฟล์:
      3.4 MB
      เปิดดู:
      72
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 26 กรกฎาคม 2014
  4. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    ลองมาดูเรื่องราวเต็มๆ ของสุดยอดพุทธภูมิท่านหนึ่งในอดีต ที่หาได้ยากยิ่งนักที่จะหาใครเสมอท่านได้อีก

    พระสูตรก่อนนิทรา

    <TABLE class="sites-layout-name-one-column sites-layout-hbox" cellSpacing=0 xmlns="http://www.w3.org/1999/xhtml"><TBODY><TR><TD class="sites-layout-tile sites-tile-name-content-1">อสทิสทาน

    ท่านพุทธศาสนิกชนทั้งหลายและบรรดาเพื่อนภิกษุสามเณรที่รัก สำหรับตอนนี้ก็เป็นตอนฟังพระสูตร ถือว่าเป็นการฟังพระสูตรก่อนหลับหรือว่าก่อนนิทราเห็นใครเขาเขียนว่าเป็นพระสูตรก่อนนิทรา หรือนิทราก่อนหลับ เนื้อความก็มีอยู่ว่า เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อทรงประทับอยู่ที่พระเชตวัน ทรงปรารภ อสทิสทาน จึงได้ตรัสพระธรรมเทศนาว่า น เว กทริยา เทวโลกัง วชันติ เป็นต้น เนื้อความมีอยู่ว่าในเมืองพาราณสี ในตอนนี้ท่านบอกว่าพระราชากับบรรดาราษฎรมีการแข่งขันกันทำบุญ อันนี้ก็เป็นเรื่องที่ควรจะคิด เรื่องนี้ยาวหน่อย จะจบในเทปหน้าเดียวหรือไม่ก็ไม่ทราบ

    เนื้อความมีอยู่ว่า สมัยหนึ่งเมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงจาริกไป คือเที่ยวไป มีภิกษุ 500 รูป เป็นบริวาร เสด็จเข้าไปถึงพระเชตวัน พระราชาเสด็จไปที่วิหาร คำว่าพระราชานี่หมายถึงพระเจ้าปเสนทิโกศล เสด็จไปที่วิหารที่พระเชตวัน และกราบทูลองค์สมเด็จพระภควันต์ ทูลนิมนต์พระพุทธเจ้าว่าในวันรุ่งขึ้นจะทรงเตรียมอาคันตุกะทาน คือในวันรุ่งขึ้นท่านจะถวายทานแก่พระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระสงฆ์ ที่ว่า อาคันตุกะ หมายถึงผู้มา คือว่าพระผู้มาทั้งหมด พระองค์จะถวาย และจึงได้ตรัสเรียกชาวพระนครว่า จงดูทานของเรา เมืองนี้เขาแข่งขันกันทำความดี เขาไม่ได้แข่งขันกันโกง แข่งขันกันให้ ว่าท่านทั้งหลายจงดูทานของเรา ชาวพระนครมาเห็นทานของพระราชาแล้ว วันรุ่งขึ้นจึงได้นิมนต์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าพร้อมด้วยพระสงฆ์ทั้งหมด เตรียมจะถวายทานบ้าง และส่งข่าวไปกราบทูลพระราชา คือพระเจ้าปเสนทิโกศล ขอพระองค์ผู้สมมติเทพจงมาทอดพระเนตรทาน ของข้าพระองค์ทั้งหลาย เขาก็พยายามจัดทานให้ยิ่งกว่าพระราชาที่ถวาย

    เมื่อพระราชาได้ทอดพระเนตรแล้ว ก็กราบทูลองค์สมเด็จพระประทีปแก้วอีกว่า ท่านอันยิ่งกว่าทานของเราที่ชนทั้งหลายเหล่านี้ทำแล้ว เราจะถวายทานอีกย่อมต้องถวายให้ยิ่งกว่า เราจะยอมแพ้ชาวบ้านไม่ได้ จึงทรงรับสั่งให้เตรียมทานเสร็จเรียบร้อยในวันรุ่งขึ้น แล้วก็บอกให้ชาวพระนครมาดูอีก

    ชาวพระนครมาดูแล้ว เห็นว่าท่านของพระราชายิ่งใหญ่กว่าของพวกตนมาก จึงมีการเตรียมตัวถวายทานกันอีก และก็กราบทูลให้พระราชาทรงทราบว่า วันพรุ่งนี้ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายจะถวายทานในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอพระองค์จงเสด็จมาดูทานของข้าพระพุทธเจ้า อันว่าทานของชาวบ้านนี่เขารวมกันเต็มอัตรา และมีจิตใจเสมอใจกันเป็นคนดี ทานเขาก็มากกว่าพระราชา พระราชาองค์เดียวสู้เขาไม่ได้

    เป็นอันว่า พระเจ้าปเสนทิโกศล ท่านเป็นพระราชาที่ไม่ยอมแพ้คนในด้านทำความดี ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าท่านเองปรารถนาพุทธภูมิ ต้องการจะเป็นพระพุทธเจ้าในวันหน้า

    และขอบรรดาผู้ฟังทั้งหลายโปรดทราบว่าในเมืองพาราณสี นี่พระราชาทุกพระองค์มีนามว่า ปเสนทิโกศล เหมือนกันหมด และพระบรมราชินีก็มีนามว่าพระนางมัลลิกา เหมือนกันหมด ในเมื่อเหมือนกันอย่างนี้โดยชื่อ แต่ว่าจริยาก็ดี ความประพฤติก็ดี ความคิดเห็นก็ดี จะไม่เหมือนกัน ฉะนั้นถ้าหากว่าไปอ่านพบหรือฟังพบว่าเมืองพาราณสี มีพระเจ้าปเสนทิโกศล หรือว่าพระนางมัลลิกา ที่ประพฤติตัวไม่ดี ให้ทราบว่าเป็นองค์ไหนกันแน่ ไม่ใช่องค์นี้

    ก็เป็นอันว่าพระราชาไม่สามารถจะเอาชนะชาวบ้านได้ จึงคิดในใจว่าเราจะไม่ยอมแพ้ ต่อมามีวาระที่ 6 คือว่ากันไปว่ากันมาถึงวาระที่ 6 ชาวพระนครก็เพิ่มขึ้น 100 เท่า 1,000 เท่า พระราชาให้เท่าไหร่ฉันให้เท่านั้น เพิ่มเตรียมให้สู้ขึ้น ตระเตรียมทานโดยที่คิดว่าอะไรที่ไม่มีจะต้องไม่มีในทานอันนี้ ท่านคราวนี้ต้องมีทุกอย่าง เพราะเรามากด้วยกัน เราจะต้องเอาชนะพระราชาของเราให้ได้ ท่านเป็นพระราชาก็จริงแหละ แต่ว่ากำลังของท่านน้อยกว่าเรา เราชาวพระนครทั้งหมดช่วยกัน ก็ถือว่าไม่ใช่เฉพาะชาวพระนคร ชาวบ้านทั้งหมดช่วยกัน เขาป่าวประกาศ

    พระราชาหรือพระเจ้าปเสนทิโกศล ไปทอดพระเนตรทานนั้นแล้ว ทรงดำริว่าถ้าเราจักไม่อาจทำทานให้ยิ่งกว่าของชาวพระนครทั้งหมดนี้ ให้สูงกว่าเขาชีวิตของเราจะอยู่เพื่ออะไร คนอย่างเราจะยอมแพ้ไม่ได้ ถ้าเราไม่สามารถชนะทานของชาวบ้านได้เราตายดีกว่า เมื่อคิดแบบนี้แล้วทำอย่างไร ก็คิดไม่ตก ตั้งใจว่าจะหาอะไรมาบ้าง ไปดูแล้วชาวบ้านแกมีทุกอย่าง ขึ้นชื่อว่าอะไรไม่มี ไม่มีในทานนั้น มีทุกอย่างครบถ้วน ในที่สุดก็หาอุบายไม่ได้ ทำอย่างไร ก็นอนบรรทม นอนดำริถึงอุบายที่จะต้องทำอยู่ นอนผึ่ง ตอนนอนก็รู้สึกว่าไม่ค่อยอยากจะกินข้าว กินปลา ใครมาพูดก็ไม่ค่อยอยากจะพูดด้วย นั่งคิดอย่างเดียวว่าเราจะเอาอะไรมาให้ทานดีหนอ ให้ยิ่งกว่า ชาวบ้าน เขาไม่ยอมแพ้เรา เราก็ยอมแพ้ไม่ได้ นี่ทุกคนต้องฟัง ถ้าทุกคนที่ฟังแล้วมาแข่งขันกันทำความดีอย่างนั้นจะมีประโยชน์มาก ขอตลุยเรื่องต่อ

    ตอนนั้นมาพระนางมัลลิกาก็เข้ามาเฝ้าท้าวเธอ พระนางมัลลิกาเทวี นี่ชื่ออย่างนี้มันเหมือนกัน จะต้องวงเล็บว่า พระนางมัลลิกาเทวี โดยตำแหน่งพระราชินี แต่ชื่อจริง ๆ ที่ยังไม่มาเป็นพระราชินีชื่อว่า ศรีระจิตร ศรีระจิตรนะ เข้าไปเฝ้าท้าวเธอแล้ว ทูลถามว่าข้าแต่มหาราชเจ้าเพราะเหตุไรพระองค์จึงเป็นผู้บรรทมคือนอนแบบนี้ และทำไมร่างกายของพระองค์นี้ดูเหมือนกับคนที่มีความเหนื่อยมาก นอนถอนใจ บรรทมถอนใจ ร่างกายก็ซูบซีด หน้าก็ซูบซีด ตาก็เหม่อลอย พระองค์ทรงคิดถึงเรื่องอะไรหรือพระเจ้าข้า หรือว่าจะไปเจอเทวีที่ดีกว่านี้อีก หม่อมฉันจะไปติดตามมาให้

    (นี่ตอนนี้คนที่สงสัยลองฟังแม่ใหญ่พูดนะครับ แล้ววัดกำลังใจ ว่ากำลังใจแบบนี้จะมีหรือไม่ที่จะหาเทวีที่ดีกว่านี้มาให้ พูดด้วยห่วงใย ไม่ใช่การพูดประชดประชัน)

    พระราชาก็ตรัสว่า พระเทวีนี่น้องหญิงเธอยังไม่เข้าใจนะ เวลานี้ฉันแพ้ชาวบ้านเขารู้ไหม ฉันให้ทานเท่าไหร่ ชาวบ้านก็รวมใจกันให้มากกว่านั้นเป็นร้อยเท่าพันเท่า แล้วฉันจะเอาอะไรดีไปชนะชาวบ้านเขา เออน้องหญิง ทราบว่าน้องหญิงเป็นคนมีปัญญาดี มีความละเอียดรอบคอบและก็สุขุม มีความรู้จักประโยชน์และสิ่งที่ไม่ใช่ประโยชน์ จะมีอะไรช่วยฉันคิดได้บ้างไหม

    เวลานั้นพระนางมัลลิกาก็กราบทูลท้าวเธอว่า ข้าแต่สมมติเทพ พระองค์อย่าทรงคิดมากไปเลย เรื่องทาน ไม่ใช่ของหนัก พระราชาเป็นผู้ใหญ่ในแผ่นดิน ฉะนั้นชาวพระนครทั้งหลายจะให้แพ้น่ะไม่ได้ พระองค์เคยทอดพระเนตรหรือว่าเคยสดับแล้วที่ไหนหม่อมฉันจะจัดแจงทานแทนพระองค์ นั้นก็หมายความว่าเคยเห็นไหมที่พระราชายอมแพ้ชาวบ้าน พระราชานี่ความจริงไม่ใช่มีมานะหนัก แต่ต้องทำความดี ให้เหนือเพื่อเป็นการจูงใจคนให้มีความดีปฎิบัติความดีตาม ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะเด็กย่อมเห็นว่า ผู้ใหญ่ทำดีก็อยากจะดีบ้าง ทำอย่างไรก็ชอบทำตามนั้น ฉะนั้นเมื่อพระราชาชอบให้ทานชาวบ้านก็ต้องให้ทาน

    พระนางจึงได้กราบทูลท้าวเธออย่างนี้ว่าความที่พระนางเป็นผู้ใคร่จะจัดแจงอสทิสมาน คือหมายความว่าตั้งใจไว้แล้วจะถวาย อสทิสทาน มานานแล้วแต่โอกาสมันยังไม่มี ข้าแต่พระมหาราชเจ้า ขอพระองค์จงรับสั่งให้เขาทำดังนี้คือ หนึ่งทำมณฑปสำหรับนั่งในวงเวียน คือทำวงเวียนแล้วก็ทำมณฑปสำหรับนั่งใช้ไม้เรียบ ๆ ที่ทำด้วยไม้สาละและใช้ไม้ขานาง ขานางเอาไว้ถ่างขาทำเป็นโต๊ะเพื่อบรรดาพระสงฆ์ 500 รูปนั่ง สำหรับพระที่เกิน 500 จะนั่งนอกวงเวียน ในวงเวียน 500 ทำตั่งทำโต๊ะนั่งสบาย ๆ และขอให้จงรับสั่งให้ทำเศวตฉัตร 500 คัน ช้างประมาณ 500 เชือก ช้าง จะถือเศวตรฉัตรทั้งหลายเหล่านั้นกั้นอยู่เบื้องหลังให้ภิกษุ 500 รูป งานมันใหญ่มาก และขอจงรับสั่ง ให้ทำเรือสำเร็จด้วยทองคำอันมีสีสุก คำว่าสำเร็จหมายความว่าสั่งทำเรือทองคำ ทองคำ แท้ ๆ ที่มีสีสุกสัก 8 ลำ หรือ 10 ลำ และก็เรือเหล่านั้นจะอยู่ท่ามกลางมณฑป และจะมีเจ้าหญิงองค์หนึ่ง ๆ จะนั่งบดของหอมอยู่ในระหว่างภิกษุ 2 รูป คือภิกษุพระ 2 องค์ มีเจ้าหญิง 1 องค์ นั้นบดของหอมถวาย และ เจ้าหญิงอีกองค์หนึ่งจะถือพัดถวายแก่พระภิกษุ 2 รูป พระ 500 นี่ก็เจ้าหญิง 500 เข้า ไปแล้ว เจ้าหญิงที่เหลือจะนำของหอมที่บดแล้วมาใส่ในเรือทองคำทุก ๆ ลำ และบรรดาเจ้าหญิงทั้งหลายเหล่านั้น เจ้าหญิงบางพวก จะถือดอกอุบลเขียวคือดอกบัวเขียวเคล้าของหอมที่ไส่ไว้ในเรือทองคำ จะให้ภิกษุรับเอากลิ่นอบ

    ที่ทำอย่างนี้นะจะเอาชนะชาวบ้าน เพราะว่าชาวบ้านเขาจะไม่มีเจ้าหญิงใช้ คือเจ้ามีเฉพาะกลุ่มเจ้า คำว่าเจ้า ชาวบ้านจะมีเจ้าหญิงไม่ได้ และอีกประการหนึ่งชาวบ้านก็ไม่มีเศวตฉัตร และชาวบ้านจะมีช้างก็ไม่มากเท่าช้างของพระราชา นี่ถือเอาชนะกันตอนนี้ และชาวบ้านจะแพ้ด้วยเหตุผลเหล่านี้พระเจ้าข้า ก็ได้กราบทูลต่อไปว่า ขอพระองค์จงรับสั่งให้ทำอยางนี้เถิด

    พระเจ้าปเสนทิโกศลฟังแล้วก็ดีใจหายเหนื่อยลุกผลุนผลันมาทันที ว่าดีแล้วน้องหญิง เรื่องอันงามเจ้าบอกพี่แล้ว จึงได้ทรงรับสั่งให้ทำกิจทั้งสิ้นโดยทำนองที่นางกราบทูลมาแล้ว ช้างเชือกหนึ่งยังไม่พอต่อภิกษุรูปหนึ่ง และหมายความว่าภิกษุแต่ละองค์ต้องใช้ช้างแต่ละเชือก แต่นับไปนับมาแล้ว ช้างมันไม่พอ ช้างไม่พอไม่ใช่อะไร ช้างน่ะมีมาก แต่ไม่พอ ฟังเหตุผลไปก่อน เป็นอันว่าช้างเชือกหนึ่งเฉพาะพระภิกษุรูปหนึ่ง 500 รูปน่ะไม่พอ จะทำอย่างไร

    พระนางมัลลิกาจึงได้กราบทูลถามว่าช้าง 500 เชือก เรามีไม่พอหรือมีไม่ถึง 500 เชือกหรือ พระนางทราบว่ามีมาก พระเจ้าปเสนทิโกศล ก็ตรัสว่ามี น้องหญิง ช้างที่ว่าไม่พอน่ะ มันเหลือแต่ช้างตัวดุร้ายน่ะซี ถ้าช้างทั้งหลายเหล่านั้นไปเห็นพระเข้าล่ะก็ มันจะทำร้ายพระ เพราะว่าช้างเห็นพระนี่ไม่เชื่องกับพระ ก็เหมือนกับควายที่ไม่เชื่องกับพระ ไล่ขวิดพระนั่นเอง เหมือนกับลมพาไล่พระ พระนางก็ได้กราบทูลให้ทรงทราบว่า ข้าแต่สมมติเทพ หม่อมฉันทราบที่เป็นที่ยืนถือฉัตรของลูกช้างซึ่งดุร้ายเชือกหนึ่ง หมายความว่ามีลูกช้างเชือกหนึ่งพร้อมที่จะถือฉัตรได้ ถึงแม้ว่ามัจะดุร้ายก็สามารถปราบได้ด้วยกำลังใจ

    พระเจ้าปเสนทิโกศล ก็ถามว่าเราจะเอาช้างมาอยู่ที่ตรงไหนล่ะ พระนางมัลลิกาก็กราบทูลว่า ยืนที่ใกล้ๆ พระผู้เป็นเจ้าชื่อว่า องคุลิมาน หมายความว่าลูกช้างตัวที่มันดุเอามายืนใกล้ ๆ องคุลิมาน ได้สู้กัน องคุลิมาน ไม่ใช่ก้อย แต่ว่าเวลานี้ท่านเป็นพระอรหันต์แล้ว พระราชารับสั่งให้ราชบุรุษทำอย่างนั้น คือว่า พระราชารับสั่งให้เอาช้างตัวนั้นมายืนใกล้ องคุลิมานถือฉัตร พอมาใกล้องคุลิมาน ก็อาศัยบารมีความดีของท่าน ลูกช้างก็สอดหางเข้าไปในระหว่างขา ได้ปรบหูทั้งสองหรือตั้งหูทั้งสองขึ้นหลับตายืนอยู่

    มหาชนแลดูช้างซึ่งทรงเศวตฉัตรเพื่อพระเถระหรือองคุลิมานนั้น จึงพากันคิดว่านี่เป็นอาการของช้างดุร้ายที่ว่าเห็นปานนี้ ท่านองคุลิมาน พระเถระย่อมทำได้ หมายความว่าปราบพยศของช้างได้

    พระราชาทรงถวายภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประธานด้วยอาหารอันปราณีตแล้ว ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้ากราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญสิ่งใดที่เป็นกัปปิยะ คือเป็นของสมควรหรือกัปปิยภัณฑ์ของที่สมควรที่ของใช้ในโรงทานนี้ทั้งหมด หม่อมฉันถวายทุกสิ่งทุกอย่างแด่สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าคือถวายทั้งหมดของนะไม่ใช่คน สิ่งที่เป็นวัตถุทั้งหมด เรือทองคำก็ดีอะไรก็ดี เตียงตั่งก็ถวายหมด เป็นอันว่าพระราชา ทรงถวายเสร็จ ท่านกล่าวว่าในทานทั้งหลายเหล่านั้น ทรัพย์มีประมาณ 14 โกฎิ อันพระราชาทรงบริจาคในวันเดียวนั้นของ 4 อย่างก็คือ เศวตฉัตรหนึ่ง บรรลังก์สำหรับนั่งหนึ่ง เชิงบาตรหนึ่ง ตั่งสำหรับเช็ดเท้าหนึ่ง เป็นของที่หาค่าไม่ได้ เป็นของมีราคาสูง

    เมื่อพระศาสดาคือสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้ารับทราบแล้ว ท่านกล่าวว่าใคร ๆ ผู้สามารถทำทานถึงปานนี้แล้วไม่มี ไม่สามารถจะทำได้ ถวายทานในพระพุทธเจ้าทั้งหลายในครั้งใหม่อีกไม่ได้ ทานประเภทนี้เขาถวายกันคราวเดียวเพราะเหตุว่า อสทิสทาน ประเภทนี้จะปรากฎแก่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหนึ่งองค์ต่อหนึ่งครั้ง คือถวายกันครั้งเดียวของมันหนักปริมาณมันสูง และผู้ที่ถวายทานประเภทนี้ได้ก็เป็นผู้หญิงไม่ใช่ผู้ชาย ก็เรื่องราวมันก็มีมาก มันก็จบไม่ได้ จะลัดก็ลัดไม่ได้ ทั้งนี้เพราะอะไร ก็เพราะว่าต้องเอาหนังสือมากางแล้วก็เล่าสู่กันฟัง เรื่องของท่านมีความละเอียด

    ขอบรรดาท่านพุทธบริษัท วันนี้ก็หยุดกันแค่นี้นะสำหรับท้องเรื่อง เหลือเวลาอีก 5 นาที ก็มานั้งคิดกันว่าในเมืองพาราณสี น่ะ พระเจ้าปเสนทิโกศลความจริงก็เป็นสหายกันกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่กล่าวว่าเป็นพระสหายคือเป็นลูกกษัตริย์เหมือนกัน อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน และก็มีศรัทธาในองค์สมเด็จพระพระภควันต์บรมศาสดามาก และในการทำทานคือพระโพธิสัตว์ไม่ยั้งในการทำทาน และแถมมีพระมเหสีคือ พระนางมัลลิกาเทวี อย่าลืมนะ มัลลิกาเทวี องค์นี้ชื่อเดิมของท่านชื่อ ศรีระจิตร เป็นผู้ที่ทรงทานมาก มีศรัทธามาก จริยาของท่านยังมีมากไปกว่านี้ แล้วก็จะคุยกันวันหน้า

    รวมความว่าทานที่ท่านให้อาศัยบุญบารมีเดิม คือว่าถอยหลังในชาติต่อ ๆ ไปก็ปรากฎว่าทั้งสองท่าน นี่ท่านผู้รู้ท่านบอกให้ฟัง ในธรรมบท อาจจะไม่บอกไว้ ท่านบอกว่าทั้งสองท่านนับแต่อดีต ตั้งแต่ปรารถนาพระโพธิญาณมาตั้งแต่เริ่มแรก ก็เป็นผู้หนักในทาน บางครั้งบางคราว ท่านเกิดในสภาวะของคนยากจน ผ้านุ่งก็เก่าแสนเก่า จะต้องประกอบอาชีพด้วยแรงงาน คือทำไร่ทำผัก ฐานะทางสมบัติก็ไม่ค่อยจะมีกิน ก็ปรากฎว่ามีคนยากจนเข็ญใจมาเมื่อไหร่ อาหารของท่านแม้จะเกือบไม่อิ่มก็พยายามแบ่งให้ แบ่งให้ไม่มาก ก็แบ่งให้น้อย ๆ พอที่ประทังชีวิตไปชั่วคราว นี่กำลังใจของท่านเป็นอยางนี้ในเรื่องในทาน โดยเฉพาะพระนางมัลลิกาเทวี ท่านผู้รู้ ผู้นั้นบอกให้ทราบว่า พระนางมัลลิกาเทวีนี่ถวายทานหนักเป็นพิเศษ ในอดีตที่ผ่านหรือว่าชาตินี้ก็ตาม จะเป็นคู่ปรับกับนางวิสาขามหาอุบาสิกา คือหนึ่งจริยาก็มีความนิ่มนวล สองการสละทานก็หนักมาก ในชาติก่อน ๆ มา อันนี้จะอ้างถึงองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคไม่ได้นะ ท่านผู้รู้บอกว่าในชาติก่อนๆ ท่านชอบบูชาทาน บูชาธรรมด้วยเครื่องประดับ ในบางคราวซึ่งเกิดเป็นพระราชินีของพระมหากษัตริย์องค์ใดองค์หนึ่งในชาตินั้น ๆ มาฟังเทศน์จากองค์สมเด็จพระภควันต์คือสมเด็จพระพุทธเจ้าก็ดี ฟังเทศน์จากพระอรหันต์ก็ดี พอใจในธรรมะ ถอดเครื่องประดับที่มีราคาสูงที่ชาวบ้านไม่สามารถจะมี ถวายบูชาธรรมแล้วก็ตีราคาเป็นเงิน ตีราคาเป็นเงินให้มันสูงกว่าราคาปกติ แล้วก็ประกาศขาย เพราะพระใช้เครื่องประดับไม่ได้ ท่านทราบ เมื่อไม่มีใครซื้อท่านก็ซื้อเอง เอาเงินจำนวนนั้นบำรุงพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา

    เพราะอานิสงส์อย่างนี้ การให้ทานหนักมาในกาลก่อน ต่อมาสมัยเมื่อพบองค์สมเด็จพระชินวร พระราชสวามีในสมัยนั้นก็มาเกิดเป็นพระเจ้าปเสนทิโกศล พระนางศรีระจิตรก็มาเกิดเป็นพระนางมัลลิกาเทวี นี่ชื่อสำหรับพระราชินีนะ แต่ชื่อจริง ศรีระจิตร ท่านว่าอย่างนั้น ผิดถูกก็เป็นเรื่องของท่าน การถวายทานในครั้งนี้จึงเป็นของไม่หนัก เพราะสมัยนั้นมีมหาเศรษฐีมีเงินนับเป็น 80 โกฎิบ้าง 160 โกฎิบ้าง ยิ่งไปกว่านั้นบ้าง คนที่มีมากหนักจริงคือ นางวิสาขามหาอุบาสิกา ในเมื่อชาวบ้านมีทรัพย์อย่างนั้นมาก พระราชาก็ต้องมีทรัพย์มากยิ่งขึ้น ฉะนั้นจึงทรงพระราชทานการบำเพ็ญกุศลได้ถึงวันละ 14 โกฎิ 14 โกฎินี่หมายความว่าแม้แต่พระนางมัลลิกาเทวี ก็มีสิทธิจะใช้ในเงินนี้ คือวันหนึ่ง ๆ พระราชาสามารถจับจ่ายใช้ถึงวันละ 14 โกฎิ และมีผู้สงสัยว่า พระเจ้าปเสนทิโกศลสมัยนั้นมีลูกเท่าไหร่ ภรรยาไม่ใช่คนเดียว พระนางมัลลิกาเทวี เป็นภรรยาเอก เอกอัครมเหสี นอกจากนั้นจะมีเท่าไหรก็ดูลูก ลูกสังเกตตามเรื่องนี้ปาเข้าไป เลยกว่า 1,000 คน บ้างเป็นหลาน เป็นเหลนบ้าง และก็จริง ๆ แล้วคำว่า เจ้าหญิง ส่วนใหญ่จะเป็นลูกของกษัตริย์ แต่ว่าเป็นลูกของกษัตริย์ข้างเคียงคือน้อง ๆ รองลงไป ก็รวมความว่าพระราชาท่านมีทรัพย์ใหญ่ ฐานะก็ใหญ่ มีลูกก็มากตามฐานะ เรื่องราวในตอนนี้ยังไม่สรุปเรื่องธรรมะ

    เอาละ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายโดยถ้วนหน้า สัญญาณบอกหมดเวลาผ่านไปแล้ว ขอลาก่อน ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผลจงมีแต่บรรดาท่านพุทธศาสนิกชนผู้รับฟังทุกท่าน สวัสดี เรื่องนี้นะจะต่อในวันพรุ่งนี้ต่อไป สวัสดี.





    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    ลองมาดูกำลังใจของพระแม่เจ้ามัลลิกาเทวีศรีระจิตร สุดยอดพระนางแก้วของพระเดชพระคุณหลวงพ่อในอดีต

    พระสูตรก่อนนอน
    พระนางมัลลิกา
    โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    ท่านสาธุชนพุทธบริษัททั้งหลาย วันนี้ก็มาฟังพระสูตรก่อนนอนไม่ใช่พระสูตรก่อนหลับ แต่วันนี้ สำนวนอาจจะดีขึ้นกว่าสองวันที่แล้วมา ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะไม่ได้เอาหนังสือมากาง มาเล่านิทานกับตามความรู้ที่จำมาได้ อันนี้สะดวกกว่าฟังดีกว่า ไม่อย่างนั้นมัน

    หยอกแหยกๆ เหลือเกิน จะทิ้งหนังสือก็ไม่ได้เรื่องราวของท่านละเอียด เดี่ยวจะขัดถ้อยความ สำหรับในตอนนี้การฟังคราวนี้นะทุกคืน? ขณะที่ฟังทุกคนอยู่ตามสบาย หลับก็ได้ ตื่นก็ได้ นั่งก็ได้ นอนก็ได้ ตามปกติฟังเล่นเพลินๆ ถือว่ากำลังใจอยู่ในธรรม ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องราวของพระสูตรก็เป็นธรรมะ เป็นส่วนที่เราคิดตาม ด้านกุศล ถ้าอารมณ์ของท่านเป็นกุศล ทุกคนถ้าตายแล้วเมื่อไหร่ขณะหลับ

    มันไปสวรรค์ทันที ถ้าฟังไปๆ แล้วเคลิ้มหลับตามกระแสเสียง หรือว่าขณะที่หลับจิตเริ่มเป็นฌานก็ตัดหลับ จิตของท่านจะทรงฌานระดับนั้นตลอดเวลาจะตื่น คุณประโยชน์ใหญ่มาก ถ้าตายเวลาหลับถ้าจิตขณะนั้น ทรงฌานอะไรไปตามผลของฌานนั้น


    ในช่วงนี้ก็มาคุยกันถึงเรื่องราวของ พระเจ้าปเสนทิโกศล กับ พระนางมัลลิกา รวมความว่าผมก็ยังไม่ถอนตัวออกจาก เมืองพาราณสี ยังนั่งจ๋องเล่าเรื่องความ เป็นมาของ เมืองพาราณสี ต่อไป ถ้าเสร็จหน้านี้นะ หน้าหลังอาจจะใช่หรือมใช่ยังไม่แน่ เรื่องราวของพระนางมัลลิกา นี่มีมาก ใน เมืองพาราณสี นี่มีเรื่องน่าคุยกันเยอะ


    เนื้อความมีอยู่ว่า พระนางมัลลิกา นี่ปกติเป็นสุภาพสัตรีที่มีความดีเลิศหนึ่งการเมตตากรุณาดีมาก สันโดษก็ดีมาก พระเจ้าปเสนทิโกศล ถ้าพูดถึงคนธรรมดา ภรรยาหลวงจะหนักใจขนาดไหน ก็ดูบรรดาเจ้าหญิงทั้งหลาย ที่ไปนั่งถวายงานกับพระเป็นอันว่านั่งอยู่ใกล้ๆ ปฏิบัติพระหมายความว่าสองคนต่อหนึ่งองค์สองคนแบ่งงานกัน บดของหอมคนหนึ่ง ถวายงานพัดคนหนึ่ง รวมแล้วพระ 500 องค์ ก็เจ้าหญิง 1,000 คน อันนี้เจ้าหญิงภายใน ใหญ่จริงๆ เจ้าหญิงรองลงมาก็ทำงานอื่นๆ รวมความเวลานั้น พระเจ้าปเสนทิโกศล ไข่ตามภาคพื้น เรียกว่าไข่มาตรฐาน ก็ประมาณ 1,000 ผล แล้วก็ยังไข่เรี่ยราดอีกตั้งเยอะ

    ก็รวมความว่าท่านเองก็คงจะต้องมีเมียมาก ถ้ามีเมียน้อยมีลูกมากไม่ได้ เมื่อดูกำลังใจของ พระนางมัลลิกาเทวี ถ้าผู้หญิงทั้งหลายโดนเข้าแบบนี้ก็จะหนักใจ แต่ท่านเฉย มีกำลังใจหนักแน่น กลับมีความรักมีความเมตตาปรานีในภรรยาที่มาข้างหลังและลูกหญิงทุกคนลูกชายทุกคน จะเป็นลูกของใครก็ตาม ถือว่าเป็นลูกของท่านเพราะท่านเป็นเมียหลวงใหญ่ นี่กำลังใจอย่างนี้หาได้ยาก จะถามว่าคนที่ชื่อ มัลลิกา ไปหามาจากไหนไม่มีล่ะ ชาวบ้านเขาอาจจะชื่อกันเหมือนกันแต่หายาก คนที่เป็นพระราชินีกับพระราชาต้องไปหาคนชื่อ มัลลิกา มันหาไม่ได้ มัลลิกาเทวี เป็นชื่อโดยตำแหน่ง แต่ชื่อจริงๆ อย่างท่านผู้รู้ท่านบอกว่าควรจะเรียกว่า ศรีระจิตร ท่านผู้นี้หนักแน่นมาทุกชาติ กำลังใจหนักแน่นยากที่จะหาได้และจริยามีความน่ารักเป็นกันเอง การล่วงเกินนิดหน่อย คำหยาบคำหนึ่งไม่เคยพูด อาการทางกายที่ทำให้สะเทือนใจพระราชสวามีไม่เคยทำ ไม่เคยเลยในชีวิตอาการหยาบต่างๆ ไม่เคยมี แม้แต่คนอื่นก็เช่นเดียวกัน จะกล่าววาจาที่สะเทือนใจคนอื่นไม่เคยกล่าว จะแสดงอาการอย่างใดอย่างหนึ่งให้เป็นที่สะเทือนใจของบุคคลอื่นก็ไม่เคยทำ เป็นคนมีเหตุมีผล ทำทุกสิ่งทุกอย่างมีเหตุมีผล


    แต่ทว่าบรรดาท่านพุทธศาสนิกชนจงจำพุทธภาษิตที่พระพุทธเจ้า ตรัสว่า จิตเต สังกิลิฏเฐ ทุคติ ปาฏิกังขา ก่อนจะตายถ้าจิตเศร้าหมองก็ไปสู่อบายภูมิได้ สู่ทุคติ ก็คืออบายภูมิ จิตเต อสังกิลิฏเฐ สุคติ ปาฏิกังขา ก่อนจะตายถ้ามีอารมณ์ใจผ่องในก็ไปสู่สวรรค์ คือสุคติได้ ? เรื่องราวของ พระนางมัลลิกา เป็นหญิงที่ไม่เคยสร้างความสะเทือนใจแก่พระราชสวามี ความจริงน่าคิดนะ พระราชสวามีมีเมียตั้ง 100 เศษนะ เกิน 100 อาจจะ 200 ก็ได้คือว่าเป็นล่ำเป็นสันนี่เกิน 100 ที่เรี่ยราดต่างหาก มันน่าจะเจ็บช้ำน้ำใจในหน้าที่ของตน เพราะในหน้าที่ของตนเป็นภรรยา ฉันเป็นเมียก็ต้องเป็นเมีย นี่คนอื่นมาแย่งตำแหน่ง แต่พระนางไม่เคยทำ และขึ้นชื่อจริยาไม่เรียบร้อยไม่เคย เป็นคนละเอียดมาก ดีมาก นิ่มนวลมาก


    ต่อมาวันหนึ่งเวลากลางคืนดับไฟแล้ว ท่านปวดปัสสาวะ พูดภาษาชาวบ้านก็ลุกจะไปห้องปัสสาวะ เป็นการบังเอิญอย่างยิ่ง เท้าข้างขวาไปสะดุดเท้าพระราชสวามีเข้า ขอเรียกเท้าก็แล้วกัน ชาวบ้านฟังง่ายๆ พระบาทพระสองสลึงมันยากจะเรียกพระบาทพระสองสลึงพระหกสลึงมันหนักใจ เรียกเท้าดีกว่า ไปสะดุดเข้าเท่านั้นแหละ เสียพระทัยมาก คิดว่ากรรมชั่วอย่างนี้ไม่เคยมีสำหรับเรา เราไม่น่าจะเป็นคนพลั้งเผลอ มีความชั่วขนาดนี้ ก็ทรงพระกรรแสงคือร้องไห้เสียใจสะอึกสะอื้นนอนไม่หลับ พระเจ้าปเสนทิโกศล เห็นพระชายาสะอึกสะอื้นแบบนั้นก็สงสัยถามว่าน้องหญิงเสียใจอะไร พระนางมัลลิกา ก็ทูลให้ทราบว่า หม่อมฉันเลวมาก ขอประทานอภัย

    พระราชา พระราชาบอกพี่ให้อภัยทุกอย่าง ความจริงที่น้องทำไม่มีเจตนาเสีย ไม่มีอะไรเป็นความผิด ความว่าที่ว่าเป็นคนหยาบคนเสียก็ไม่มีให้เลิกการเสียใจ เมื่อพระราชาทรงปลอบ พระเจ้าปเสนทิโกศล ปลอบ ต่อหน้าท่านก็ยิ้มแย้มแจ่มใส แต่ว่ากำลังใจมันข้อง คิดว่าเราเกิดมาไม่น่าจะสร้างความเลวอย่างนี้ ไอ้ตัวนี้แหละฝังใจตลอดเวลาและกาลต่อมาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงกำลังประทับอยู่ใน พระเชตวัน นั่นเอง พระนางมัลลิกา ก็ทรงสิ้นพระชนม์ แต่ความจริงไม่ใช่คราวเดียวกับให้ อสทิสทาน อยู่หลายปี และเมื่อมาอีกหลายปีที่คิดว่าพระนางมีพระชนม์มายุสั้น ก็ไม่สั้นนัก คือไม่ใช่สั้นจู๋อายุ 20 ปี 30 ปลายปีตาย

    ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก พระนางเวลานั้นก็มีพระชนมายุก่อนที่จะสิ้นพระชนม์ก็เกือบ 50 เห็นจะโดยประมาณได้ ประมาณ50 ปี แต่ว่าในเมื่อพระนางสิ้นพระชนม์พระราชาท่านก็ต้องหนุ่มของท่านเรื่อยๆ ไป เมียตายก็มีเมียใหม่ได้ เมียอยู่ก็ยังมีเมียใหม่ได้ ทำไมเมียตายจะมีเมียไม่ได้ เป็นเรื่องธรรมดาๆทีนี้ก็เล่าลืมเนื่องต่อกันไป เป็นอันว่าก่อนจะตายจิตของพระนางหวนเข้ามานึกถึงเราเลวที่เอาเท้าไปสะดุดเท้าของพระราชสวามี พระราชสวามีก็ควรจะเคารพอย่างยิ่งบิดา เอาเท้าไปกระทบเท้าของพระราชสวามีก็เหมือนกับเอาเท้าไปกระทบเท้าของพระราชบิดาหรือพ่อนี่เอง กำลังใจก็เศร้าหมอง แต่ว่าความดีของพระนางมีมาก พอจิตออกจากร่างบรรดาท่านพุทธบริษัท ร่างกายของนางก็เป็นนางฟ้าสมบูรณ์แบบแพรวพราวระยับเนื้อเป็นแก้ว สวยสดงดงามแสงสว่างมีเป็นกรณีพิเศษ ถ้าจะเทียบเป็นนางฟ้าก็เป็นนางฟ้าอันดับหนึ่งของสวรรค์ชั้น ดาวดึงสเทวโลก

    แต่ทว่าการออกจากร่างแทนที่จะเดินไปสวรรค์ อาศัยความเศร้าหมองของจิตนิดหนึ่งที่ความจริงไม่เป็นความผิด แต่ตั้งใจให้มันผิดไปเองคิดว่ามันผิดไปเองที่ไปสะดุดเท้าของพระราชสวามี ใจเศร้าหมองว่าเราทำชั่วเราเลวตัวนี้นิดเดียวกรรมจิตตัวนี้นิดหนึ่งที่ข้องอยู่มีความเศร้าหมองหน่อยหนึ่งพานางลงไปถึงนรก ไปขุมไหนก็จำไม่ได้ ไม่ได้ตามไปซะด้วย เอาเท้าข้างขวาที่สะดุดเท้าพระราชสวามีไปแหย่ลงนรกให้ไฟไหม้อยู่ 7 วันมนุษย์ แต่ว่าร่างกายของพระนางทั้งหมดแต่งตัวเป็นนางฟ้าสมบูรณ์แบบในระหว่างนั้นที่ พระนางมัลลิกาเทวี เธอสิ้นพระชนม์ พระเจ้าปเสนทิโกศล ทำฌานปนกิจเสร็จตั้งใจจะไปถามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า พระนางมัลลิกาเทวี มเหสีคนสำคัญเธอจริยาเป็นเลิศการทำให้หมองใจนิดหนึ่งไม่มีตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา บุญบารมีก็สร้างมากหนักกว่าใครทั้งหมด การให้ อสทิสทาน ไม่มีใครสามารถจะทำได้แต่เธอทำได้ อยากจะถามองค์สมเด็จพระจอมไตรว่าเวลานี้น่ะ พระนางมัลลิกา พระมเหสีไปอยู่ที่ไหน เป็นอันว่าสมเด็จพระจอมไตรคือพระพุทธเจ้าทรงทราบวาระทางจิต องค์พระธรรมสามิสรทรงทราบว่าถ้าตรัสตรงๆ ออกไปว่าเวลานี้ พระนางมัลลิกาเทวี ไปอยู่เมืองนรก

    เอาเท้าไปแหย่ไฟเล่นโก้ๆ แค่ตาตุ่ม 7 วันมนุษย์ ถ้าตรัสเพียงเท่านี้ พระเจ้าปเสนทิโกศล จึงไม่ยอมทำบุญต่อไป จะไม่สร้างความดีต่อไปเพราะความดีที่พระองค์ทำนั้นมันไปเท่ากับ พระนางมัลลิกา พระนางมัลลิกา ดีขนาดนี้ยังลงนรก ก็พระราชาสั่งคนติดตะรางบ้าง สั่งประหารชีวิตบ้าง สั่งเนรเทศบ้าง ลงโทษคนนั้น ยื้อแย่งคนนี้รบทัพกับเมืองโน้นดีกับเมืองนี้ ยังสร้างกรรมที่เป็นอกุศลมาก คนที่มีความดีอย่างนั้นถ้าต้องลำบากต้องตกนรก คนอย่างเรามันก็พ้นไม่ได้ เราก็สร้างมันแต่ความชั่วมันเรื่อยไปดีกว่า ทำยังไงก็ต้องตกนรก ?พระพุทธเจ้าทรงทราบว่ากำลังใจของ พระเจ้าปเสนทิโกศล น่ะเป็นรูปนี้ตั้งใจแบบไหน แล้วบุกไม่ถอยหลัง จึงได้ทรงยับยั้งกำลังใจของ พระเจ้าปเสนทิโกศล

    เวลาที่ พระเจ้าปเสนทิโกศล เสด็จไปเฝ้าจะถามเรื่องนี้ พระพุทธเจ้าก็ทรงบันดาลให้ท่านลืมเรื่องนี้เสียทุกวัน ไปถึงก็ลืม ตอนเย็นก็กลับ กลับมาถึงพระราชนิเวศน์ใกล้บรรทมนึกขึ้นมาได้ว่าตายจริง เมื่อตอนกลางวันจะไปถามเรื่องราวของพระนางมัลลิกา เมียที่ตายว่าไปอยู่ที่ไหน ลืมถามพระพุทธเจ้าพรุ่งนี้ถามใหม่ ไปอีก พระพุทธเจ้าก็ทรงบันดาลให้ลืมอีกถึง 7 วัน เมื่อถึงวันที่ 8 เป็นวันที่ พระนางมัลลิกาเทวี พ้นโทษ ลอยจากนรกขึ้นไปสู่ สวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลก เสวยทิพย์สมบัติ

    อันนี้บรรดาท่านพุทธบริษัทต้องระมัดระวังให้มากเรื่องนี้เป็นตัวอย่าง การที่เราทำความดีแสนดีต้องรักษากำลังใจให้มันดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กำลังใจของเรานี้ต้องทรงพรหมวิหาร 5 ไว้เป็นปกติ ทรงศีลเป็นปกติ และก็ทรงยับยั้งกำลังใจอย่าหวั่นไหวในโลกธรรม ให้ทรงพรหมวิหาร 4 ไม่หวั่นไหวในโลกธรรม โลกธรรมคือได้ลาภ เสื่อมลาภ ได้ยศเสื่อมยศ นินทาสรรเสริญ สุขทุกข์อะไรมันจะมายังไงก็ถือว่าช่างมันๆ ๆ ไว้เสมอ ถ้าหวั่นไหวไปตามมัน คนนั้นเขานินทาเรา คนนี้เขาสรรเสริญเรา ตัวนี้แหละจะพาลงนรก

    อารมณ์ใจที่จะทรงกำลังใจไม่หวั่นไหวในโลกธรรม 8 รายการก็ต้องมีพรหมวิหาร 4 คือ หนึ่ง เมตตา ความรัก สอง กรุณา ความสงสาร สองรายการนี้ทำให้ศีลบริบูรณ์ การให้ทานก็ให้ปกติ ชุ่มชื่น ศีลก็บริสุทธิ์ สมาธิก็ทรงตัวและปัญญาก็แจ่มใส กำลังใจไม่หวั่นไหวในโลกธรรม เพราะมี มุทิตา ใครได้ดีพลอยยินดีด้วย อุเบกขา วางเฉยจากอารมณ์ที่เราไม่ชอบใจ ใครเขาว่ายังไงมายังไงก็ช่าง วางเฉยตัวนี้แหละทำให้ปลอดภัย ท่านทั้งหลายจงระวังไว้ อย่าถือว่าเราทำความดีมากแล้วอันนี้ไม่ควร ถ้าจะวัดกันจริงๆ แล้ว ความดีของพวกเราเท่า พระนางมัลลิกาเทวี หรือเปล่า แล้วอาศัยกำลังใจเท่าท่านไหม ท่านตั้งแต่เกิดมาไม่สร้างความสะเทือนใจให้ใครเลย เราทำได้ไหม ไม่ได้แน่ ขอยืนยันทุกคนที่ฟังทำไม่ได้แน่และก็มีจิตอ่อนโยนเมตตาปรานี่ไม่หึงไม่หวงใคร ตัวนี้หนัก ทำกันได้ยากแต่พระนางทำได้ ทานก็หนัก และเผลอนิดเดียวจิตใจไปห่วงว่าเท้าเตะเท้าพระสามีหน่อย ลงนรก แล้วพวกเราล่ะ พวกเราถ้ายิ่งไปกว่านั้นท่านบรรดาท่านพุทธบริษัทถ้าเผลอมันจะลงนรกยิ่งไปกว่านั้น ?ก็รวมความว่าเอาอย่างนี้ก็แล้วกันทุกคนรักษาความดีของเราไว้ด้วย
    อำนาจของพรหมวิหาร 4 อย่าลืมนะ ตั้งใจว่าเราจะไม่หวั่นไหวในโลกธรรมทั้ง 8

    หลังจากนั้นเมื่อพระราชาไปเฝ้าสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และทูลถามพระองค์ในวันที่ 8 องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่าเวลานี้ พระนางมัลลิกาเทวี อยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลก อันนี้จะหาว่าเป็นการหลอกลวงกันก็ไม่ได้บรรดาท่านพุทธบริษัท เป็นการสร้างกำลังใจให้แก่ พระเจ้าปเสนทิโกศล ?เอาละ บรรดาท่านพุทธบริษัททุกคน ที่นำเรื่องมาเล่าสู่กันฟังก็เพราะว่าเรื่องมันติดต่อกัน แต่ความจริง พระธรรมบท มันอยู่กันคนละตอน แต่เรื่องมันสืบเนื่องกัน ก็มาเล่าสู่กันฟังเพื่อเป็นคติแก่บรรดาท่านพุทธบริษัท ทุกคนจะได้ไม่ไประมาทคิดว่าเราดีแล้วเราเลิศแล้วเราประเสริฐแล้ว อย่าคิดอย่างนั้น ถ้าคิดอย่างนั้นเสียหายมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านที่เป็นพระสงฆ์สาวกขององค์สมเด็จพระผู้มีพระภาค ต้องระมัดระวังให้มาก อย่าเป็นพระประเภทที่เรียกว่าเกาะกินคือเกาะกินอย่างประเภทอะไรล่ะ อย่างประเภทเห็บกินสุนัขหรือว่าหมัดกินสุนัขแต่ความจริงมันอาศัยตัวสุนัขอยู่ แต่มันก็ทำลายสุนัขกินเลือดเนื้อตลอดวันจนร่างกายสุนัขโทรมไปและมันก็จะต้องตายด้วย ข้อนี้ฉันใด บรรดาเหล่าพระภิกษุสามเณรทั้งหลาย ซึ่งเป็นสาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่าทำตัวอย่างกับเห็นหรือหมัดที่ตามโบราณ เขาบอกอย่าทำตัวเป็นกาฝาก แต่ความจริงกาฝากมันไม่ได้สร้างความสะเทือนแก่ต้นไม้มากนัก และต้นไม้ก็ปราศจากความรู้สึก แต่มันก็เฉาก็ตายได้ กว่าจะเฉาจะตายก็นานมาก ทุกข์

    ทรมานก็น้อย แต่ว่าเห็นหรือเจ้าหมัดที่มันกินสุนัขนี่มันหนักมาก มันอาศัยร่างกายของสุนัข อยู่มันก็กินเลือดกินเนื้อเขาทำลายเขา ในที่สุดเขาตายมันก็ต้องตาย มันไม่รู้จะกินอะไรหาที่ไหน ไม่ได้มันก็ตายต่อไป และดีไม่ดีของเขารังเกียจขึ้นมาเขาก็ล่อเสียให้ตายพวกเราเหล่าพุทธบริษัทก็เช่นเดียวกัน พระทั้งหลายที่จะมีชีวิตอยู่ได้อาศัยบารมีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลานี้เรากินบุญของพระพุทธเจ้าท่านอยู่ คำว่าบุญคือความดี พระพุทธเจ้าท่านดี อาศัยความดีของพระพุทธเจ้าเลี้ยงพวกเรา ผ้านุ่งทุกผืน ผ้าห่มทุกผืน อาหารทุกเม็ด ข้าวทุกเม็ด สถานที่ที่อยู่ทั้งหมด อาศัยความดีของพระพุทธเจ้า ญาติโยมพุทธบริษัทที่มีความเคารพในพระพุทธเจ้ามาจัดสรร สร้างให้ สร้างให้ ที่อยู่ก็สร้างให้กระแสไฟฟ้าก็สร้างให้ยารักษาโรคก็ให้ ของกินของใช้ให้ทุกวัน บางทีการเลี้ยงพระที่บ้านท่านกินยังไม่ดีเท่าถวายพระ ของอะไรที่ว่าดีเอามาถวายพระ ไอ้ที่เหลือเศษ เอาไว้บริโภคเองอันนี้มีเยอะ ของดีๆ ที่ท่านถวาย บางทีที่บ้านท่านไม่มี ท่านคัดของดีมาถวายพระ และพระก็ต้องตีตามของตามอาหาร ถ้าพระไม่ดีตามนั้นพระไปไหนล่ะ เอรกปัตตนาคราช ทำให้ตะไคร้น้ำให้ขาดนิดเดียวเกิดเป็นสัตว์เดียรัจฉาน พระกบิลภิกขุ ดื้อด้านไม่ฟังคำสอนของพระพุทธเจ้า ทรงพระ

    ไตรปิฏก เรียน พระไตรปิฎกแล้วไม่ปฏิบัติตามดื้อด้านออกนอกลู่นอกทาง ประกาศว่าตน เป็นศาสดาใหม่ นรกไม่มีสวรรค์ไม่มี ความหมายไม่มีแก่การลง พระปาติโมกข์ ดัดแปลงคำสนอของตัวแทรกแซงพระพุทธเจ้า ตายแล้วไปอเวจีมหานรก

    ฉะนั้นขอบรรดาเพื่อนภิกษุสามเณรทั้งหลาย ศีลเป็นเรื่องใหญ่ ทรงตัวให้ดีอย่างเลวที่สุดเราจะต้องทรงกระพี้เปลือกความดีในพระพุทธศาสนาไว้ นั่นคือหนึ่งศีลบริสุทธ์ สองระงับนิวรณ์ สามทรงพรหมวิหาร 4 แต่ว่าท่านทรงเท่านี้นะท่านดีไม่เท่าฆราวาส เวลานี้ฆราวาสเขาทรงกรรมฐาน มีฌานสมาบัติ มีญาณกันเป็นพิเศษเยอะแยะ ถ้าเราทรงแค่นี้เราก็เลวกว่าเขา ไม่ควรกินของของเขา ไม่ควรใช้ของของเขา ไม่ควรอยู่อาศัยในสถานที่ที่ เขาสร้างให้ อย่างเลวที่สุดต้องทำ ปุพเพนิวาสนานุสสติญาณ ให้คล่อง และก็ ทิพจักขุญาณ และ จุตูปปาตญาณ ให้คล่อง ถ้าคล่องแค่นี้ก็ยังมีควรเอาของชาวบ้านเขาอีก เพราะท่านยังไม่พ้นนรกทางที่ดีเอาสังโยชน์ 3 เข้ามาเป็นเครื่องยึด ญาติโยมพุทธบริษัทก็เหมือนกันสังโยชน์ 3 นี่ไม่ใช่แต่พระ เณร เพราะเป็นตัวกันอบายภูมิอย่างชัดเจน เราจะตกนรกไม่เป็น เป็นเปรต อสุรกาย สัตว์เดียรัจฉาน ไม่เป็นต่อไป ตัดอบายภูมิกันเลย สังโยชน์ 3 มีอะไรบ้าง มันก็เป็นของไม่ยาก คือหนึ่งมีความรู้สึกว่าชีวิตนี้จะต้องตาย แต่เราก็ไม่ประมาทในชีวิต ไม่คิดว่าความตายจะอยู่นาน อีกนานถึงจะตาย ต้องคิดว่าความตายอาจจะมีวันนี้อยู่เสมอ ระวังตัวไว้ วิธีระวังตัวไม่ไปอบายภูมิ ก็ยึดพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ เป็นที่พึ่ง ยอมรับนับถือด้วยปัญญา อย่าสักแต่ว่าสัญญา จำแต่นับถือพระพุทธเจ้าๆๆ พระธรรม พระสงฆ์สักแต่ว่าปากน่ะ ลงนรกนับไม่ถ้วน และการยอมรับนับถือ

    พระพุทธเจ้า มองให้ชัดๆ ก็ดูกันที่ศีล ศีลเฉพาะประเภท ฆราวาสศีล 5 เณรศีล 10 พระศีล 117 และมีธรรมะด้วย ถ้าท่านผู้ใดมีศีล
    ครบถ้วน บุคคลนั้นเคารพพระพุทธเจ้า พระรรม พระอริยสงฆ์ ถ้าศีลยังบกพร่องก็สักว่าเคารพแต่ปาก เป็นเหยื่อของอบายภูมิ มีนรก
    เป็นต้น ? ?ฉะนั้นขอบรรดาท่านพุทธบริษัทศาสนิกชนและเพื่อนภิกษุสามเณร อันดับแรกคิดไว้เสมอ มรณานุสสติกรรมฐาน คือ
    คิดถึงความตายว่ามันจะตาย กันอบายภูมิด้วยเคารพพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ มีศีลบริสุทธิ์ จิตคิดไว้เสมอว่าตายเมื่อไหร่
    ความดีที่ทำทุกอย่างเราไม่หวังผลตอบแทน เราทำเพื่อพระนิพพาน ถ้าตายเมื่อไหร่ ความที่ที่ทำทุกอย่างเราไม่หวังผล
    ตอบแทน เราทำเพื่อพระนิพพาน ถ้าตายเมื่อไหร่จุดที่เราต้องการคือ พระนิพพานแห่งเดียว หลังจากนั้นก็ตีตลบกลับพยายามตัดโลภะ
    ด้วย การให้ทาน หรือ จาคานุสสติกรรมฐาน ตัดความโกรธด้วยการ ทรงพรหมวิหาร 4
    ตัดความหลง ด้วยอารมณ์ ใจของเรานี้ ไม่พอใจในมนุษย์โลก เทวโลกและพรหมโลก ไม่ติดในร่างกายของเรา ไม่ติดในร่างกายของ
    คนอื่นไม่ติดในร่างกายของสัตว์ และไม่ติดในวัตถุธาตุต่างๆ มุ่งพระนิพพานอย่างเดียว
    เอาละบรรดาท่านพุทธบริษัท สัญญาณบอกหมดเวลาผ่านไปแล้ว ขอยุติลงแต่เพียงเท่านี้ ขอความสุขสมหวัง ความบรรลุมรรคผล
    ตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติแล้ว จงมีแก่บรรดาท่านพุทธบริษัทผู้รับฟังทุกท่าน สวัสดี
     
  6. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    คนที่สั่งสมบุญทานกองการกุศลทั้งปวงเพื่อการบรรลุอภิเษกพระสัมมาสัมโพธิญาณ ภาระหน้าที่การงานมากยิ่งนัก สิ่งที่จะต้องทำมันมากหนักหนา หากจะเทียบพอให้มองเห็นภาพ ก็ดูลูกหญิงลูกชายตัวน้อยๆ ไม่มีวันที่จะตามไปเข้าใจภาระหน้าที่การงานของพ่อ การกระทำของพ่อได้ ไม่มีวันเข้าใจ ด้วยตัวเองยังไร้เดียงสายังเล็กนัก เห็นก็เท่าที่พ่อทำให้เห็น เข้าใจก็เท่าที่พ่อบอกหรือทำให้ดูขณะนั้นเท่านั้น ไม่เข้าใจผู้ใหญ่ว่าเขาทำอะไรกัน เขาทำไมถึงอย่างนั้นอย่างนี้เป็นต้น

    การที่จะเอาอารมณ์ใจวิสัยของปกติสาวก ไปวัดกับวิสัยของมหาสาวกไม่ได้ ไม่เข้าใจ ไปวัดกับอัครสาวกซ้ายขวาก็ไม่เข้าใจ ไปเทียบเคียงวัดกับพระปัจเจกะพุทธเจ้าไม่ได้ ไปวัดกับวิสัยพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายิ่งไม่ได้ หากกำลังใจของสาวกไม่มีวันเข้าใจ เป็นอาจินไตรที่เข้าไม่ถึงคิดก็ปวดหัวเปล่า

    เหมือนอย่างเด็กอนุบาลที่ไม่มีวันรู้ในความรู้ของผู้ใหญ่ ของคุณน้องหญิงฟ้าพราวเจ้าของกระทู้ หากอยากรู้จริงๆ มันต้องลองทำกำลังใจเองอย่างท่านแม่พระนางเจ้ามัลลิกาเทวี ศรีระจิตร ก็จะเข้าใจ หากว่ากำลังใจถึงเพียงนั้นท่านน่ารักเคารพ น่าบูชาหรือน่าสงสารล่ะ

    นี่เป็นภาพสดๆที่แก้วสองแก้วเอาข้าวมาส่ง แล้วก็มาช่วยงานผมหากผมจะบอกว่าผมสงสารแก้วใหญ่ทำงานหนัก เลยหาแก้วเล็กมาช่วยงาน คิดว่าผมนี่เป็นคนยังไง แก้วใหญ่แกก็มีความความสุขตามอัตภาพประสาแกที่มีคนช่วย แก้วเล็กแกก็มีความสุขประสาแกที่ได้ช่วย นี่นั่งพิมพ์ต่อหน้าเขาทั้งสองคน

    แค่วิสัยของแก้วคู่นี้ แม้แต่คนที่ปรารถนาพระนิพพานชาตินี้ หากว่าจริงตามตำรา นั่นก็หมายความว่าคนที่จะเข้าพระนิพพานในชาติปัจจุบันต้องบำเพ็ญบารมีระดับสาวกมาแล้วไม่น้อยกว่าหนึ่งอสงไขย กำไรอีกแสนกัป บารมีถึงจะเต็มสำหรับสาวกปกติ คุยกับแก้วคู่นี้ยังไม่เข้าใจวิสัยของเขาเลย แล้วยิ่งรองอันดับหนึ่งนั่นเขาไล่ๆกันเลยกับแก้วใหญ่ อารมณ์กำลังใจแทบจะพิมพ์เดียวกัน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCF0247.JPG
      DSCF0247.JPG
      ขนาดไฟล์:
      53.8 KB
      เปิดดู:
      114
    • DSCF0248.JPG
      DSCF0248.JPG
      ขนาดไฟล์:
      69.1 KB
      เปิดดู:
      88
    • DSCF0250.JPG
      DSCF0250.JPG
      ขนาดไฟล์:
      56.8 KB
      เปิดดู:
      115
    • DSCF0249.JPG
      DSCF0249.JPG
      ขนาดไฟล์:
      55.6 KB
      เปิดดู:
      114
    • DSCF0251.JPG
      DSCF0251.JPG
      ขนาดไฟล์:
      51.1 KB
      เปิดดู:
      120
    • DSCF0252.JPG
      DSCF0252.JPG
      ขนาดไฟล์:
      59.4 KB
      เปิดดู:
      76
    • DSCF0253.JPG
      DSCF0253.JPG
      ขนาดไฟล์:
      60.1 KB
      เปิดดู:
      90
    • DSCF0255.JPG
      DSCF0255.JPG
      ขนาดไฟล์:
      56.5 KB
      เปิดดู:
      101
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 23 กรกฎาคม 2014
  7. ฟ้าพราว

    ฟ้าพราว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +26
    ฟ้าพราวถามด้วยความสงสัยจริงๆค่ะ ไม่ได้มีเจตนาจะแหย่กระทู้ใดๆ
    ความจริงฟ้าพราวเพิ่งได้ยินเรื่องเกี่ยวกับนางแก้วเมื่อเร็วๆ เอง ..เข้ามาอ่านจาก “พลังจิต” นี่แหละค่ะ
    ยังไม่เข้าใจเรื่องนี้เท่าไรนักหรอกค่ะ

    เพราะนางแก้ว ท่านเป็นหญิงที่ประเสริฐยิ่ง ท่านเสียสละและเวียนว่ายตายเกิดร่วมกับพระโพธิสัตว์มานานแสนนาน
    บางครั้งดูเหมือนว่า นางแก้วรักและผูกพันกับพระโพธิสัตว์มากเหลือเกิน
    ฟ้าพราวเลยอดสงสัยไม่ได้ว่า “ ความรู้สึกและความผูกพันของท่านที่ปรารถนาพุทธภูมิที่มีต่อนางแก้วจะเป็นประมาณใด”
    ผูกพันประมาณกันกับความรู้สึกของนางแก้ว หรือรู้สึกเหมือนท่านเป็นสาวกท่านหนึ่ง

    สมัยโบราณ ผู้หญิงอาจจะเป็นช้างเท้าหลังเพราะต้องพึ่งผู้ชาย
    เรื่องของการมีนางแก้วหลายๆคนเลยดูเหมือนเป็นเรื่องปกติตามค่านิยมในสมัยนั้น
    กษัตริย์สมัยก่อนที่มีนางสนมมากมาย แต่ชีวิตของนางสนมทั้งหลายก็คงไม่น่าจะสงบสุขนัก
    และอาจเต็มไปด้วยอันตรายจากความอิจฉาริษยานะคะ (จากประวัติศาสตร์ค่ะ)

    ยุคปัจจุบันผู้หญิงดูแลตัวเองได้มากขึ้น ค่านิยมของสังคมเปลี่ยนไป
    การมีคู่หลายคนกลายเป็นเรื่องที่สังคม (ส่วนใหญ่) ไม่ยอมรับ
    คุณ PCO โชคดีนะคะที่มีนางแก้วที่เข้าใจและมีกำลังใจที่เข้มแข็ง

    หากนางแก้วเป็นผู้ที่เสียสละ เป็นบาทบริจาริกาของพระโพธิสัตว์มาหลายภพหลายชาติจนนับไม่ถ้วน
    เธอคงหวังว่าวันหนึ่งพระโพธิสัตว์คงเห็นความดีของเธอ และเมตตาเธอ
    เหมือนที่คุณ TheVisionMind post ไว้ข้างบนนะคะว่า
    .........................................................................
    “ จะมีรักเดียวใจเดียวครับ ..
    พอต่างคนต่างทำดีต่อกันมากๆ
    ต่างคนก็ต่างตอบแทนความดีต่อกันให้ยิ่งๆ ขึ้นไปอีก
    นานเข้าก็ต่างคนก็ต่างอยากกลับมาเจอกันอีก
    เป็นอะไรที่เข้าใจกันและเต็มใจช่วยเหลือกัน”
    ........................................................................


    ถ้าเป็นแบบนี้ รับรองว่า..นางแก้วคงไม่หนีไปไหน
    และไม่ว่าจะลำบากเพียงไร..เธอก็จะอยู่เคียงข้างพระโพธิสัตว์ไปจนตลอดทาง
     
  8. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    คุณน้องหญิง คุณพี่PCOนี่เข้าใจที่ถาม คุณพี่นี่เกิดเป็นเด็ก เป็นผู้ใหญ่ บางทีเป็นกำนัน เป็นคนแก่ แก่แล้วก็ตายมาแล้วนับภพนับชาติไม่ถ้วน ก็โมเมเปตานังเอาเองว่า เป็นผู้ใหญ่พอที่จะเข้าใจ ที่คุณน้องหญิงถาม คำว่าแหย่กระทู้เป็นศัพย์ที่ใช้ เป็นลีลาของพระนักเทศ ที่ท่านจะขึ้นเทศนาพร้อมกัน สองหรือสามธรรมาส แม้รู้แล้วก็ถาม ตอบกันเพื่อให้ผู้ฟังเข้าใจ หากว่าทันกันก็เป็นประโยชน์มาก และคนฟังไม่นั่งง่วงเหงาแล้วหาวนอน

    เอาเป็นว่าผมมีความห่วงหาอาวรณ์ คนที่เป็นนางแก้ว ร้องไห้แงๆหาซะตั้งแต่เริ่มจำความได้อย่างที่เคยเล่าไว้ในวิริยาธิกะพิเศษบันทึก เรียกว่าติดนางแก้วงอมแงม สงสัยจะต้องส่งไปบำบัดที่ถ้ำกระบอก ผมรักของผมขนาดนี้ก็แล้วกัน แล้วคนที่จะได้รับความรักเมตตาปราณีขนาด10ริกเตอร์จากคนที่ปรารถนาพระโพธิญาณ ฝ่่ายวิริยาธิกะที่ใช้เวลาการสั่งสมยาวนานหนักหนา ผมจะต้องขี่แมงกะไซไปแอบดูความประพฤติ ของนางสาวแก้วขณะเผลอตัวมานับชาติไม่ได้ ไม่งั้นย่าก็คงไม่ไปขอมาให้

    แก้วอวบๆของผมแก้วใหญ่นี้ ผมจุดธูปเจริญสมาธิกรรมฐาน ขอมาจากท่านปู่่ท่านย่าท้าวสักกะโกสีเทวราช บอกพระเดชพระคุณบูรพาจารย์หลวงปู่่ปาน บอกพระเดชพระคุณหลวงพ่อ บอกท่านแม่ทั้งสามมีแม่ใหญ่สุพรรณวดีศรีโสภาคท่านเป็นประธาน แล้วก็ได้มาอย่างกับหลับแล้วฝันไป ขอคืนนั้น เช้ามาเรียกผมหน้าบ้านเลยให้พาไปตลาดหน่อย ผมก็ไม่ต้องถามเป็นอันว่ารู้กันทางใจ ล้างหน้าอาบน้ำแล้วก็ขี่แมงกะไซร์พาไปตลาดทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นไม่เคยได้คุยกันแม้แต่แอะเดียว น้องแก้วนี้ก็แน่เหมือนกัน ก่อนหน้านั้นก็บอกหลวงพ่อว่าให้หลวงพ่อดลใจผมให้รับเขาไว้เป็นผู้จัดการชีวิต ผมก็เลยรับเขามาเป็นผู้ปกครองผมตั้งแต่นั้นมา

    เดี๋ยวมาต่อครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 กันยายน 2014
  9. Miss Brown

    Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,779
    ค่าพลัง:
    +19,376
    ถือว่าพูดคุยสนุก ๆ กันนะคะ อ่านแล้วอย่าซีเรียสน้า
    เจ้าของกระทู้อยากทราบใช่ไหมคะว่าพระโพธิสัตว์มีความรู้สึกอย่างไรกับนางแก้ว
    เหตุเพราะเจ้าของกระทู้ได้ไปอ่านเรื่องความรู้สึกของนางแก้วที่มีต่อพระโพธิสัตว์
    ว่ารักและเคารพในตัวพระโพธิสัตว์พระองค์นั้นเพียงใด...



    เราเองปรารถนานางแก้วค่ะ เลยพอจะเข้าใจความรู้สึกของพระโพธิสัตว์บ้าง
    ท่านมาตอบเองไม่ได้ เราขอโซโล่เองละกันเนอะ ขออนุญาตนะคะท่าน


    เราจะรู้สึกว่าท่านรักเรามากค่ะ รักมากเกินกว่าที่จะกล่าวออกมาเป็นคำพูดใด ๆ ได้
    รักเราจนเราสงสัยว่าจะมีผู้ชายคนไหนรักเราได้มากขนาดนี้ รักโดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ
    ไม่ว่าเราจะอ้วน จะเตี้ย จะสูง ต่ำ ดำ หรือขาว ท่านก็ยังรักเราที่เป็นแบบนี้
    เราไม่ใช่คนดี ไม่ใช่คนสวย ไม่ใช่หญิงที่มีจริยาดี นิ่มนวลแบบนางแก้วท่านอื่น ๆ
    ท่านก็ยังชอบบอกว่าเราสวยและน่ารักเสมอสำหรับท่าน
    แม้จะมีหญิงอื่นที่คู่ควรมากกว่าและเหมาะสมมากกว่าเรา
    ท่านจะบอกเสมอว่าเค้าก็สวยดี แต่สำหรับท่าน คน ๆ นั้นไม่ใช่เรา


    "หากพี่จะต้องผจญกับสิ่งที่หนักหนาและอุปสรรคมากมายขวางหน้า
    ขอแค่มีเธออยู่ก็พอ...ถ้าไม่ใช่เธอ พี่ก็ไม่ขอปรารถนาพระโพธิญาณต่อ...

    อันว่าหญิงทั้งหลายที่ผ่านมาในชีวิตทั้งในอดีต นับแสนนางนั้น
    พี่ขอประกาศต่อหน้านางทั้งหลายว่า พี่จะขอมีแต่เธอเพียงคนเดียวตลอดไปนับจากนี้
    จนกว่าพี่จะเข้าถึงซึ่งพระสัมมาสัมโพธิญาณ..."



    ในหลาย ๆ เรื่องที่ผ่านมา เราเคยก่อเรื่องวุ่นวายเอาไว้มาก
    ท่านก็ตามเช็ด ตามแก้ ตามช่วยค่ะ เลวร้ายถึงขนาดขั้นสูญเสียทุกอย่าง เกือบจะเอาชีวิตไม่รอด
    ท่านก็ยังเข้ามารับและมาช่วยเอาไว้ โดยมิได้ลังเลใด ๆ และไม่เคยเสียใจที่ได้ช่วยเหลือ
    เราเคยต่อว่าท่านว่าทำไมท่านถึงต้องเอาตนเองไปแลกแบบนั้น
    ท่านก็ไม่ตอบ นิ่ง เฉย เราจึงย้อนคิดว่า หากเป็นท่านที่เดือดร้อนแทนที่จะเป็นเรา
    เราก็จะลงมือช่วยท่านแบบที่ท่านช่วยเหลือเราทุกอย่าง แม้ชีวิตก็ยอมแลกได้
    คิดถึงแค่นี้ก็นอนกอดกันร้องไห้ค่ะ ต่างฝ่ายต่างสามารถสละแม้ชีวิตได้เพื่อช่วยเหลืออีกฝ่ายให้พ้นภัย



    เพราะท่านมีความดีขนาดนี้ท่านถึงชนะใจเราค่ะ
    เราเลิกดื้อ เลิกเกี่ยงงอน ล้มเลิกแม้กระทั่งความปรารถนาพระโพธิญาณส่วนตัวของตนเองก็เพราะแพ้ในความดีของท่าน
    ต่อจากนี้ไปจึงขอทำเพื่อท่าน เพื่อความสุขของท่านเท่านั้น
    ท่านต้องเหนื่อย ต้องลำบากอีกมากนักกว่าจะสำเร็จตามความปรารถนา
    แม้มีกำลังน้อยนิดเพียงหยิบมือก็จะขอช่วยเหลือจนกว่าจะก้าวเข้าสู่พระนิพพานด้วยกัน


    เป็นมุมมองเล็ก ๆ ของคนที่ปรารถนานางแก้วคนหนึ่งนะคะ
    สิ่งที่ท่านทำเพื่อเรานั้น เราไม่เคยร้องขอแม้สักครั้ง ท่านลงมือทำเองก่อนที่เราจะรู้ตัวทุกครั้งค่ะ
    สุดท้ายนี้ก็ขอให้เจ้าของกระทู้สมหวังในความปรารถนาทุกประการนะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กรกฎาคม 2014
  10. tsukino2012

    tsukino2012 หยุดจึงพบ สงบจึงเกิด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    1,311
    ค่าพลัง:
    +3,090
    สำหรับพุทธภูมิ การสำเร็จมรรคผล สำคัญกว่านางแก้วมากนัก
     
  11. ฟ้าพราว

    ฟ้าพราว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +26
    ...อ่านไปอมยิ้มไป...
    คุณ Miss Brown โชคดีจังเลยค่ะ
    แต่คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญนะคะ
    ทั้งสองท่านคงทำความดีร่วมกันมามาก
    และมีน้ำใจเสียสละให้กันมานานแสนนาน
    เลยผูกพันกันมากขนาดนี้

    ขออนุโมทนากับความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ของทั้งสองท่านนะคะ
    และขอให้สำเร็จตามความปรารถนาทุกประการค่ะ
     
  12. philosophi

    philosophi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    883
    ค่าพลัง:
    +1,896
    ดิฉันก็อ่านไปอมยิ้มไปด้วยค่ะ (อิจฉาๆ555++อยากมีแบบนี้บ้างอ่ะค่ะอิๆ)
     
  13. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    สำหรับผมมันทั้งเป็นความรัก เป็นทั้งหน้าที่ ในเรื่องของความรักความห่วงใย เมื่อห่วงใยมันก็มีการเอาใจใส่ เมื่อมีการเอาใจใส่ มันก็จะรู้ใจ มองตาก็เห็นยาย อย่างของผมนี่ไม่ต้องมองเราก็รู้กัน

    มันเป็นทั้งหน้าที่ ที่ต้องดูแลขึ้นรถลงเรือจะไปเหนือหรือล่องใต้ ภาระทุกอย่างมันหน้าที่ผู้ชาย ต้องถือของหิ้วของ จะขึ้นรถต้องดูทางดูประตูให้ จูงมือจับให้ขึันรถก่อน ลงเรือก่อน ให้มั่นคงให้ปลอดภัยก่อน ถึงจะทำเรื่องของตัว เมื่อลูกๆยังเล็ก เอาตั้งแต่แรกคลอดพ่อจะเป็นคนที่อยู่ข้างลูกดูแลเอาใจใส่ ให้แม่หลับให้คนที่เป็นแม่ได้พักผ่อนก่อน กินข้าวอาบน้ำทำอะไรก็ช่าง นั่งกินข้าวผมจะอุ้มลูกดูแลให้แม่เขากินข้าวทำธุระให้เสร็จก่อน แล้วค่อยมาเปลี่ยนให้ผมกินข้าว ไปในที่ใหนๆ ขึ้นรถลงเรือโดยสาร ผมจะเป็นคนอุ้มลูกเล็กๆแนบอกของผมเองตลอด แค่ฟ้าร้องแรงๆ หรือแค่ได้ยินเสียงเครื่องบิน จะบินผ่านมาใกล้ เสียงดังให้ต้องตกใจกลัว ผมต้องรีบไปอุ้มลูกเล็กๆไปกอดแนบอกไม่ให้เขากลัว

    นี่แค่ตัวอย่างนิดหน่อยที่คนรอบตัวของผมเขาเห็น ว่าผมดูแลคนของผมอย่างไร ผมมันประเภท หากฝนตกหรือแดดออก ผมต้องกางร่มให้แก้วใหญ่ก่อนเสมอ ทีนี้เมื่อฝนมันตกอย่างหนัก แดดมันร้อนตับจะแตก ผมก็กางร่มที่มันใหญ่มาก เมื่อร่มมันใหญ่มาก แก้วของผมเองนี่แหละที่เป็นคนเรียกให้คนอื่นๆ แล้วกลายมาเป็นแก้วอีกหลายๆแก้ว นี่เข้ามาอยู่ในร่มด้วยตัวเขาเอง

    และเพราะอ้ายคนที่เข้ามาในร่มมันก็ไม่ค่อยเคยมีใคร จะเอาใจใส่เขา เหมือนอย่างที่ผมเอาใจใส่แก้วของผม เขาเห็นผมทำแบบนี้ เขาถึงมา การที่ยืนตากฝนสั่นแหง๊กๆตะคิวจะกินตาย กับการที่มีคนบอกให้เขาเข้าร่ม ก็มีจำนวนไม่น้อยที่เข้าร่ม เมื่อเข้ามาแล้วแก้วๆของผมแกก็ช่วยกันส่งผ้าขนหนูให้เช็ดหน้าเช็ดผม บางทีก็ช่วยกันเช็ดเนื้อตัวให้

    แล้วก็มีไม่น้อยที่เขาไม่เข้าร่มเมื่อเราเรียกให้เข้าร่มกับเราก็ทำหน้าอย่างกับจะคายของเก่าก็มี แก้วแกก็หัวเราะ ไม่ว่าอะไร ก็สั่นแหง๊กๆต่อไป พวกที่อยู่ในร่มเมื่ออยู่หลายๆคน ไออุ่นของแต่ละคนก็ถ่ายเทให้แก่กัน มันจะกลายเป็นอบอุ่นมากขึ้น แม้หากวันใดวันหนึ่งคนที่กางร่มไม่อยู่กับพวกเขา หากว่าเขาเหล่านั้นเป็นแก้วโดยเนื้อแท้ เขาก็ดูแลกันต่อไปได้

    เดี๋ยวมาต่อครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 24 กรกฎาคม 2014
  14. aries

    aries เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,404
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,211
    ตามความเข้าใจของผมเท่าที่เคยศึกษามานะ ก็คิดว่านางแก้วหรือบุตรภรรยาก็มีความสำคัญเหมือนชีวิตหรือดวงใจของพระโพธิสัตว์นั่นแหละแต่พระโพธิญาณนั้นสำคัญยิ่งกว่าชีวิตของพระองค์อีก สำหรับการเป็นนางแก้วที่บำเพ็ญบารมีมามากแล้ว ย่อมเข้าใจและสนับสนุนพระโพธิสัตว์เต็มกำลังอยู่แล้วและยินดีเสีียสละตัวท่านเองเพื่อให้พระโพธิสัตว์สำเร็จพระโพธิญาณในทุกวิถีทางที่ท่านช่วยได้

    และเรื่องพระโพธิสัตว์มีนางแก้วหลายพระองค์น่าจะเป็นเรื่องของความผูกพันที่ติดตามกันมาจนเหมือนเป็นพี่น้องกันไปแล้ว ถ้าต่างฝ่ายต่างเข้าใจซึ่งกันและกันก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร บางทีท่านนางแก้วใหญ่อาจไปหานางแก้วมาเพิ่มเพื่อช่วยงานอีกครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กรกฎาคม 2014
  15. Miss Brown

    Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,779
    ค่าพลัง:
    +19,376
    ส่วนตัวเราคิดว่าการบำเพ็ญบารมีของนางแก้วและพระโพธิสัตว์นั้นไม่มีกฎตายตัวค่ะ
    จะบอกว่าทำแบบนั้นผิด แบบนี้ถูกมันก็ไม่ใช่ เพราะมันไม่มีถูกไม่มีผิด
    เรากลับคิดว่าใครใคร่จะบำเพ็ญแบบไหน อย่างไร พระโพธิสัตว์จะมีนางแก้วมาก ๆ หรือมีเพียงคนเดียวก็ไม่ผิด


    เมื่อมาถึงบารมีปลายหรือปรมัตถบารมีปลาย ส่วนใหญ่แล้วถ้าเกิดร่วมกันมานานแสนนานขนาดนั้นก็มีความผูกพันกันมาก
    ไม่เฉพาะพระโพธิสัตว์กับนางแก้วอันดับหนึ่งนะคะ
    นางแก้วอันดับอื่น ๆ นี่ไม่เกิดเป็นพี่ก็น้อง หรือเป็นคนสนิท เป็นคนในครอบครัว เป็นคนที่รู้จักมักคุ้นกันทั้งนั้นค่ะ
    ไอ้เรื่องความหึงหวงระหว่างกันนั้นแทบจะไม่มีเลยค่ะ รักกันมากเลยก็ว่าได้
    เหตุคงจะเป็นเพราะบุญใกล้เคียงกัน แต่ใช่ว่าทุกอย่างจะไม่มีปัญหานะคะ
    ในส่วนของเรานั้นนางแก้วอันดับสองของท่าน ก็เคยเกิดเป็นพี่น้องกันมาหลายชาติ
    แม้ตอนนี้ท่านนางแก้วอันดับสองจะลาเพื่อเข้าสู่พระนิพพานไปแล้ว
    แต่เรายังสัมผัสความปรารถนาดีที่ท่านมีต่อเราได้เสมอค่ะ
    แม้นมีสิ่งใดที่น้องปรารถนา พี่สาวคนนี้ก็จะหามาให้เสมอ


    เราคิดว่าสิ่งที่ท่านทำลงไปนั้น การบอกกล่าวแก่เหล่านางแก้วที่เหลือทั้งหมดของท่าน
    บอกว่านับจากนี้ไปจะมีแต่เราเพียงผู้เดียว เหตุนั้นก็เพราะเป็นความเมตตาอย่างหนึ่งของท่านค่ะ
    เมตตาต่อภรรยาคนอื่น ๆ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเกิด ไม่ต้องทุกข์อีกต่อไป
    การติดตามท่านผู้ซึ่งยังไม่เห็นฝั่งนั้น เป็นความทุกข์อย่างยิ่ง ยิ่งเกิดก็ยิ่งทุกข์
    ท่านจึงเมตตาปลดปล่อยเหล่านางแก้วทั้งหมดไป ให้ท่านทั้งหลายบำเพ็ญเพียรเพื่อเข้าสู่พระนิพพานล่วงหน้า
    ดีกว่ามาทนติดตามท่านที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะทำสำเร็จค่ะ
    ด้วยเหตุผลนี้ เราจึงพอเข้าใจเหตุผลที่หลวงพ่อพระราชพรหมยาน ลาพุทธภูมิเพื่อลูกเพื่อหลาน
    และเราก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดตนเองจึงยินยอมเป็นภรรยาของคน ๆ นี้มาทุกภพทุกชาติ
     
  16. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    ก็เป็นอย่างที่คุณน้องน้ำตาลว่า มันไม่มีกฏตายตัวสุดแต่ช่วงจังหวะโอกาสของแต่ละคนไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน ที่เหมือนกันคือบารมีสิบ สิ่งที่เหมือนกันก็สั่งสมคุณงามความดี หลีกเลี่ยงความไม่ดีทั้งปวง

    คุณพี่PCOก็โมทนาสาธุยินดีมากเป็นอย่างยิ่งที่คุณน้องเป็นฝั่งเป็นฝา ไม่ต้องยืนตากแดด แล้วก็ตากลม ตากฝนลำพังหนาวสั่นแหง๊กๆ ในเส้นทางของนางแก้วที่คุณน้องปรารถนาก็ขอให้ก็ขอให้ปลอดภัยตลอดเส้นทาง ขอจงมีท่านแม่แก้วทั้งหลายเป็นประทีปแก้วส่องสว่างนำทางตลอดไป

    การที่มีนางแก้วคนเดียวเพราะเมตตาสงสารนางแก้วผมก็เห็นว่าไม่ผิดอะไร
    การมีมากก็เพราะเมตตาสงสารหากว่ามีใครเป็นแบบนั้นผมก็เห็นว่าไม่ผิด ตัวอย่างเช่นพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ท่านจะพูดบ่อยๆที่บ้านสายลมเวลาที่ท่านเล่าเรื่องราวในอดีตให้ลูกหลานฟัง

    เมื่อมีการพูดถึงพ่อขุนแผนหลวงพ่อก็บอกว่าเพราะท่านมีเมตตาท่านจึงมีเมียมาก
    แรกๆก็ไม่เข้าใจของท่าน

    เมื่อมาดูตัวเองแล้วหากผมจะบอกว่าเพราะความรักความสงสารจึงได้มีมากก็อาจจะมีคนพะอืดพะอม ก็ไม่ว่ากัน แล้วไว้ดูกันตอนอวสาน

    ทำไมจึงสงสาร เอาแค่ชาตินี้ ที่สงสารเพราะเห็นผู้หญิงที่เป็นญาติหลายต่อหลายคน เห็นคนที่จริยาดีความประพฤติเรียบร้อยหลายคน

    เมื่อมีครอบครัวมีสามี นานวันไปสามีก็กดขี่ข่มเหงเยี่ยงทาษพูดจาจิกหัวเรียก
    สามีเอารัดเอาเปรียบด้วยประการทั้งปวง
    มีการทุบตีหากไม่พอใจ หรือทำอะไรไม่ถูกใจ
    ไม่ให้เกียติไม่ยกย่องว่าเป็นเมีย
    ทำดีให้อย่างไรไม่เคยมองเห็นว่าดี ให้อย่างไรก็ไม่มีคำว่าพอ
    เมื่อกินเหล้าเมายาก็ยิ่งเห็นแก่ตัวจัดมากขึ้น
    เมื่อศักดิ์ตระกูลสูงกว่า หรือมีปัญญามากกว่าก็ดูหมิ่นเหยียดหยาม
    แล้วก็อีกหลายต่อหลายอย่างที่ผู้หญิงได้รับจากชายที่ตัวเองรัก จากผู้ชายที่ชื่อว่าสามี

    เห็นคนที่ทั้งใกล้ตัวและไกลตัวมีสภาพแบบนี้ก็สงสาร ก็สลดใจ ลึกๆก็ไม่ต้องการให้คนที่เรารักมีสภาพแบบนั้น

    คนที่ใกล้ตัวคนที่เคยรักเขา แต่เขาไม่รักเรา เขาไปรักคนอื่นอย่างนี้ หากเขาได้ดีมีสุข ไม่นานเราก็ตัดใจได้ แต่หากไปได้สามีที่นำแต่ทุกข์มาให้ เมื่อเห็น เมื่อรู้ข่าวก็สงสาร

    หากจะถามผม สงสารแล้วทำไง ก็ต้องตอบว่า ก็ทำใจ แล้วไงต่อ ก็ก้มหน้ากัดฟันยอมรับชะตากรรม หากเห็นน้องนางคนอันเคยเป็นที่รักดังแก้วตาถูกข่มเหงรังแกกดขี่ข่มเหง

    แล้วทำไงหลังจากนั้นคนปรารถนาพระโพธิญาณก็ชื่อว่าลูกผู้ชายคนหนึ่ง มันก็มีศักดิศรีของลูกผู้ชาย ก็ต้องกลับไปสั่งสมคุณสมบัติ สั่งสมบุญทานกองการกุศลทั้งปวง เพื่ออะไร

    ก็เพื่อจะปกป้องคุ้มครองคนอันเป็นที่รัก ดูแลพวกเขาให้ทั่วถึง มีทุกอย่างที่ควรมีให้แก่เขา ทั้งความสุข เกียติยศศักิ์ศรี ไม่ต้องไปทนทุกข์ทรมาน อย่างเพื่อนของแก้ว แก้วหนึ่งของผม แก้วนี้สมัยนั้นอยู่ในหมู่บ้านเมืองทองสาม คนนี้เข้ามานั่งข้างๆจับมือเพื่อนเขาไปบีบแล้วเขาคุยกันต่อหน้าผมขออยู่ด้วยในฐานะเมียคนหนึ่งต่อจากแก้วเบอนี้ถามว่าเพราะอะไร เขาบอกว่าเป็นเมียน้อยที่สามีรักดูแลเอาใจใส่ ดีกว่าเขาจะเป็นเมียหลวงแล้วถูกหลอกถูกทอดทิ้ง ถูกกดขี่ข่มเหง เขาเห็นเพื่อนเขา และพี่สาวเขาเป็นแบบนั้น แต่อันนี้เขาบอกว่าเขาเห็นแล้ว แล้วก็เห็นมาตั้งแต่เด็กว่านิสัยอย่างพี่PCOไม่มีวันข่มเหงรังแกผู้หญิง ไม่ทำให้ต้องเจ็บช้ำน้ำใจ แก้วนี้ ณ ปัจจุบันกลับไปอยู่ดูแลแม่ที่อายุมากแล้วนานๆผมก็พากันไปเยี่ยมเขา


    เรื่องนี้จะให้แก้วเล็กเล่าด้วยตัวเขาเอง
     
  17. TheVisionMind

    TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,827
    ค่าพลัง:
    +2,227
    การดูแลกัน ไม่จำเป็นต้องอยู่ในฐานะเมียเท่านั้นจึงจะทำได้

    ขออุปมาว่า:
    ไม่เช่นนั้นหากเมื่อใดได้ดูแลหมู่บ้านแล้ว ไม่ต้องเอาผู้หญิงทั้งหมู่บ้านมาทำเมียเหรอแบบนี้

    การหักห้ามใจตนประเสริฐกว่า .. แม้ครองฐานะโสดก็ดูแลคนทั้งหมู่บ้านได้
    และการดูแลคนทั้งหมู่บ้านได้ดี ก็ไม่เกี่ยวกับเรื่องการมีเมียเลย

    และการเป็นชู้ต่างๆ ก็เกิดจากการสมยอมทั้งคู่นั้นแหละ ..
    เพราะถ้าไม่สมยอม เขาก็เรียกว่าข่มขืน .. ถูกมั้ยครับ

    มันต่างกันนิดเดียว .. เส้นนรก มันต่างกันนิดเดียวครับ โปรดระมัดระวัง

    และขอเสริมอีกมุมว่า .. การจะดูแลคนหมู่มาก ต้องอาศัยการทำให้ดูเป็นแบบอย่าง
    และการทำให้ดูเป็นแบบอย่างต้องไม่ควรซับซ้อน ในลักษณะที่คนทำตามไม่ได้
    หรือคนทำตามแล้วไปเสี่ยงลงนรกแบบนี้ก็ไม่ใช่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กรกฎาคม 2014
  18. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252

    ใช่ครับไม่จำเป็นต้องเป็นเมียเท่านั้นถึงจะดูแลให้ดีได้ ผมเองมีพนักงานหญิงในปกครองไม่น้อย มีคนในปกครองที่เป็นผู้หญิงก็ไม่น้อย ไม่มีแม้คำเดียว ไม่มีแม้คนเดียวที่จะพูดหรือแแสดงอาการเชิงชู้สาวกับเขา

    การดูแลให้ดีนั่นก็หมายความว่าตามศักดิ์ฐานะของเขาเท่านั้น

    แล้วการที่หากเป็นไปได้ก็ต้องการให้หมู่คณะมีความเป็นอยู่พอๆกันทั้งหมู่บ้าน ผมไม่ต้องการบ้านสองชั้นของผมตั้งอยู่กลางสิ่งแวดล้อมที่เป็นสลัม จึงต้องการ ให้ทั้งหมดมีอะไรที่ใกล้เคียงกัน

    ก็ขอยกเอาข้อความที่โพสไว้ในบางกระทู้มาไว้ในนี้ดังนี้

    "ผมเตรียมของผมไว้แบบนี้มันจึงมีไว้ให้ผมสามารถมีเผื่อในทุกปีที่กลับไปบ้านเกิด อาบน้ำให้หมู่ญาติแล้วก็ยังแถมเปลี่ยนผ้าใหม่ให้ทุกคนที่สูงอายุ

    หมู่ญาติของผม ผมทำให้เขาอย่างนี้ มันไม่แปลกที่มีคนเห็นว่า ผมนี่มันเสือกตักน้ำเอาซะเลยที่จะเต็มโอ่ง ล้นโอ่งการตักน้ำสันดานผมนี่หากไม่เต็มปรี่ล้นขอบโอ่งเป็นไม่เลิก ก็มีคนที่ในหมู่บ้านเขารู้เขาเห็น ใครที่มีลูกสาวมีหลานสาว และอีกหลายๆสาว เขาก็อยากจะให้ไปช่วยตักน้ำที่บ้านเขา แต่แม่กับยายของผม เซย์โน ขนาดยากจนค่นแค้นสองแสนสาหัส อย่างนั้น ทั้งแม่และยาย ยังเลือกให้ตักฉะเพาะบ้าน บ้านใหนน้ำท่าต่ำกว่าระดับครึ่งโอ่งลงมานี่ต้องดูแล้ว ว่าเพราะอะไร

    หากน้องนางบ้านนั้นติดภาระกิจอื่นๆเช่นงานอื่นๆมีมาก สาระวนต้องหุงข้าว ซักผ้า ทำงานบ้าน เลี้ยงน้องอีกเป็นโขยง เวลาที่จะไปตักน้ำหลายๆเที่ยวให้เต็มทุกโอ่งมันไม่พอ หากจะขยันเกินกว่าเหตุ ไปตักตอนกลางคืน เป็นสาวเป็นแซ่ไม่มีใครบ้านใหนเขาทำกัน มืดค่ำแล้วไปตักน้ำที่หนองน้ำไกลบ้านเปล่าเปลี่ยววังเวงคนเดียว มันอันตรายมาก ชาวบ้านที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ แทนที่จะนิยมชมชอบ ก็จะประณามหยามหมิ่นไปต่างๆนาๆ ว่าอาจจะไปให้ท่าผู้ชายบ้าง เพราะขี้เกียจบ้าง นี่คงโดนแม่ด่าเข้าแล้วถึงไปตักน้ำยามค่ำคืน อย่างนี้จะไปช่วยตักให้


    ถึงแม้ว่าคุณพี่PCOหวังดีมีเมตตา ไปช่วยน้องนางตักน้ำในเวลาค่ำมืด หาบน้ำไปถึงบ้านน้องนางเที่ยวแรกก็จะพบกับการต้อนรับที่สมเกียติ พ่อของน้องนางอาจโซโล ซะด้วยไม้ตะพดเนื้อไม้ชิงชันลายสวยงาม ตามซะด้วยคมแฝกไม้แดงตายพราย หรือไม้พะยูงอย่างดี ของพี่ชายน้องนางเข้าให้ กว่าจะพูดรู้เรื่องว่าเพราะความเมตตาและปราณี ตามหลักสังคหวัสถุสี่ ที่พ่อสอนและทำตามพ่อสั่ง PCO อาจจะไปเกิดใหม่แล้ว เพราะไม่สามารถประสานกระดูกแล้วคลานกลับไปบ้านได้


    แต่หากน้องนางบ้านใหนปล่อยในน้ำต่ำกว่าระดับครึ่งโอ่ง ไม่เป็นไปตามหลักแม่ศรีเรือนของไทยคือเรือนสาม น้ำสี่ อย่างนี้ สวยขาดปาดใจอย่างไรก็ตาม ไม่ไปตักน้ำช่วยให้แม้แต่ขันเดียว ประเภทสวยแต่รูป กลิ่นไม่หอมนี่ไม่ช่วยตัก แม้จะไปตักน้ำตอนตีสองก็ไม่ตามไป


    นี่สันดานผมมันเป็นแบบนี้ ไม่ใช่จะไปอาสาตักให้เขาทุกบ้าน เมื่อไม่ไปบางบ้านเขาก็เลยฝากลูกหลานเขาให้ไปอยู่ด้วยขอให้แม่ใหญ่อบรมให้ทีแบบนี้มี

    เดี๋ยวจะลงรูปน้องนางที่แม่ส่งไปให้แม่ใหญ่สอนงานบ้านงานเรือน"

    หากผมมีที่อยู่อย่างไรผมก็อยากให้คนของผมมีที่อยู่ที่ใกล้เคียงกันแบบนี้ ไม่ต้องการบ้านเดี่ยวกลางสลัม
    เดี่ยวมาต่อครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCN1079.JPG
      DSCN1079.JPG
      ขนาดไฟล์:
      3.4 MB
      เปิดดู:
      87
    • DSCN1264.JPG
      DSCN1264.JPG
      ขนาดไฟล์:
      3.4 MB
      เปิดดู:
      62
    • DSCN1265.JPG
      DSCN1265.JPG
      ขนาดไฟล์:
      3.5 MB
      เปิดดู:
      74
    • DSCN1275.JPG
      DSCN1275.JPG
      ขนาดไฟล์:
      3.5 MB
      เปิดดู:
      57
    • DSCN1277.JPG
      DSCN1277.JPG
      ขนาดไฟล์:
      3.5 MB
      เปิดดู:
      58
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 26 กรกฎาคม 2014
  19. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    การที่ต้องการให้เขามีบ้านสองชั้นทุกๆคนเท่าผม ก็ไม่สักแต่ว่าต้องการ เปิดไพ่ในมือให้ดูกันเลย เปิดใจให้รู้กันทุกคนทั้งโลกมนุษย์ใบนี้ที่อ่านเว๊ปพุทธภูมิทุกคน

    ผมตั้งบาตรวีระทะโยไว้ที่บ้าน ตั้งบาตรกองทุนพุทธภูมิวิริยาธิกะพิเศษไว้ทั้งที่บ้าน และที่ทำงาน ใครต้องการมั่งคั่งล้นเปี่ยมสมบูรณ์บริบูรณ์ไปด้วยประการทั้งปวงก็ใส่บาตรเป็นการลงทุนเข้าไว้ ชาตินี้สู้ใครไม่ได้ ชาติต่อๆใครก็สู้เรายากเหมือนกัน ใครอยากรวยปกติก็ใส่บาตรปกติ ใครอยากรวยเร็วรวยก่อนใครได้ของดีก่อนใครก็ใส่บาตรตั้งแต่เที่ยงคืนกับศูนย์จุดหนึ่งวินาที มันจะได้รวยก่อนชาวบ้านเขา ใครชอบแบบใหนเอาแบบนั้น นี่คือคำว่าบ้านสองชั้นทั้งประเทศให้กับหมู่คณะของผม

    แล้วสตางค์กองทุนพุทธภูมิวิริยาธิกะพิเศษทุกบาททุกสตางค์เป็นเงินทำบุญทุกอย่าง คำว่าทุกอย่างมันหมายความว่าทุกอย่างในพระพุทธศาสนานี้ เราซัดของเราซะตั้งแต่เขาเริ่มคิดเริ่มวางแผน เมื่อมีการวางแผนมันก็มีการประชุมการชุมนุมเป็นกลุ่ม การประชุมมันก็มีการพูดคุยกัน การคุยกันเริ่มต้นธรรมเนียมไทยเขาก็ต้องมีการเตรียมน้ำท่ามาดื่มกินแก้คอแห้ง แค่ขยับตัวไปเตรียมน้ำ ขยับจะใช้สตางค์ มันเป็นสตางค์กองทุนพุทธภูมิที่มีไว้เป็นสตางค์ก้นกระทายหมาก เจ้าของสตางค์ไม่ว่าจะหลับอยู่ที่ใหนของมุมโลกเขาได้อานิสงค์ก่อนใคร แม้ไม่ต้องกระเด้งลุกตื่นขึ้นมามอง ก็รู้ว่าราชรถสิบล้อก็มาเทียบอยู่ข้างๆ ส่วนจะขึ้นไปขับสิบล้อ หรือจะนอนต่อก็เรื่องของเรา

    นี่ของผม ผมเอาแบบนี้ ก็มันพิเศษซะอย่างไม่ต้องไปหาในตำราเล่มใหน นี่บอกคนทั้งโลก อานิสงค์การบอกก็คือมีพรรคพวกมาก จนหุงข้าวเลี้ยงพรรคพวกไม่ไหว ก็คงจะต้องมีแบบเซเว่นเข้าไว้ทั่วประเทศ แล้วก็ตั้งตู้เอทีเอ็มกัลประพกษไว้ด้านหน้า หิวเมื่อไรก็แวะมา สตางค์หมดก็สอยเอาจากตู้เอทีเอ็ม ก็คนเขาทำบุญมาดีแล้วซะอย่าง เอาให้คนที่ไม่ยอมทำให้ยืนซึมดูพวกเรา

    และบ้านของผมเองที่เตรียมไว้ หากสาวใหนไม่ต้องการตักน้ำที่บ้านของตัว จะมาช่วยแก้วใหญ่ตักน้ำนี่ไม่รังเกียจ ผมไม่รังเกียจ แก้วใหญ่ของผมก็ไม่รังเกียจหากว่ามาช่วยกันสร้างสรรคดูแลบ้าน แบ่งเบาภาระ จากที่แก้วที่เป็นพี่ใหญ่ต้องทั้งเลี้ยงน้องเป็นโขยง ทั้งทำงานในบ้าน ที่ต้องเตรียมพืชผักหักฟืน เตรียมถ่านหุงข้าว เตรียมข้าวสาร เตรียมผักปลาเพื่อทำอาหารเลี้ยงทุกคนในวันต่อไปแต่เช้ามืด

    หลังอาหารแก้วใหญ่จะต้องไปตักน้ำแต่เช้าที่แดดยังไม่ร้อนมากเต็มทุกโอ่ง แล้วซักผ้าของตัวเอง ของพ่อ แม่ ของพี่ๆ และของน้องๆ ซักด้วยมือขัดถูด้วยแปลง ตากผ้าบางอย่างบิดผ้าด้วยตัวเองคนเดียวไม่ไหวเช่นผ้าห่มนอน คุณพี่PCOที่กำลังขุดดินปั้นคันนาอยู่เหยงๆ ต้องวางมือมาช่วยน้องนางบ้านนาของผมบิดผ้า แล้วช่วยเอาไปตาก เมื่อมาแล้วก็โชว์การตากผ้าถุงให้แก้วซะด้วยเลย เรื่องนี้ทำได้ยากมาก ชายไทยบ้านนอกไม่ค่อยมีใครที่จะซักผ้าถุง ตากผ้าถุงให้เมีย แต่หมู่บ้านนี้ PCO ทำให้ดูเป็นคนแรก

    ตากผ้าเสร็จก็กวาดบ้าน แล้วถูบ้าน กวาดใต้ถุนบ้าน พร้อมทั้งยกอาหารพิเศษคือน้ำข้าว ผสมข้าวสุกเอาไปให้พี่หมา และลูกๆของพี่หมา แล้วยังจะพี่เป็ด น้องไก่ และอีกสารพัด ทั้งมดทั้งปลวก พี่ปลาบู่และปลาทั้งหลายที่ในคลองหน้าบ้านอีกไม่รู้กี่ตัว กว่าพี่เอี้อยแก้วใหญ่จะเสร็จพิธีกรรม ก็ได้ยินเสียงกลองเพลจากวัด สัญญาณว่าจะต้องเตรียมอาหารกลางวันให้กับพ่อและพี่ที่ไปทำไร่ไถนา แม่ก็ปลูกผัก ได้เวลาพักกลางวันต้องมากินข้าว เมื่อทุกคนกินข้าวเสร็จก็ต้องเก็บ ต้องเอาไปล้าง เอาไปคว่ำเรียงกันให้เป็นระเบียบแบบหญิงไทย จานก็ส่วนจาน ถ้วยก็ส่วนถ้วย กาละมังก็กาละมัง ถาดก็ส่วนถาด ช้อนสั้นช้อนยาวไม่ปนกัน แถมยังมีตะหลิว มีสารภี มีกระจ่า มีช้อนชงกาแฟเข้าไปอีก แก้วไทยบ้านนอกไม่มีการวางมั่วสลับกัน เมื่อน้ำแห้งพอหมาดๆก็เช็ดด้วยผ้ากำพลเนื้อดีผ้าฝ้ายจากเมืองเลย หรือเมืองเพขรบูรณ์ คือเสื้อยืดผ้าฝ้ายใช้ไม่ได้แล้วซักสะอาดต้มฆ่าเชื้อมาอย่างดี ด้วยความร้อนเกินกว่าร้อยองค์ศาวัดได้ด้วยการเดือดพลั๊กๆของน้ำ ไม่ใช่เอานิ้วจุ่มวัดความร้อนหรือ เอาขาจุ่ม

    เช็ดซ้ำซะอีกเอาอานิสงค์ชนิดสวยขาดแบบท่านแม่พระนางเจ้ารูปนันทา

    แก้วใหญ่ของผมนี้ชื่อนันทา จะเติมอะไรเข้าไปอีกก็ได้เขามีความพร้อม เติมสุ เข้าไปเขาก็ เป็นสุนันทา เติมรูปเขาไปเมื่อไร เขาก็พร้อมจะเป็น รูปนันทา ผมพอจะรู้ทุนเดิมแก้วของผม ผมก็พาเขาเติมคุณสมบัติของท่านแม่ ทุกท่านให้เขา มันไม่ยาก

    เช็ดถูถ้วยจานชามแล้วก็ต้องเอาเข้าวางคว่ำเรียงกันไว้ชั้งล่างของตู้เก็บกับข้าวก็ไม่วางมั่วส่งเดชอีก เพราะสาวไทยบ้านนอกเขาไม่ทำกันแบบนั้นนี่เป็นแค่เรื่องคร่าวๆย่อๆ ภายในบ้าน แล้วงานนอกบ้านอีก เมื่อเสร็จแล้วแก้วใหญ่ก็ต้องรีบสวมเสื้อผ้าทำงานไปช่วยแม่รดน้ำผัก บางวันต้องหาบด้วยบ่า หาบด้วยกระจาดเอาผักไปขายที่ตลาดด้วย บางวันต้องเอาข้าวไปส่งพ่อที่ไร่ที่นา ส่งแล้วก็ไปช่วยเกี่ยวข้าว หอบข้าวรวมกอง บางทีหักข้าวโพดจากไร่ เอามากองที่ใต้ถุนบ้าน แล้วก็ปอกเปลือกข้าวโพดแห้งในเวลากลางคืน

    บางครั้งบางคราวแก้วใหญ่ต้องไปรับจ้างหักข้าวโพด แล้วก็ไปกับคณะที่รับจ้างสีข้าวโพดคือขบวนการที่ทำให้เมล็ดข้าวโพดหลุดออกจากฝักข้าวโพด กว่าจะได้กลับถึงบ้านแต่ละวันก็มืดค่ำ ยิ่งช่วงฤดูหนาวที่คุณน้องน้ำตาลก็เคยหนาวสั่นฟันกระทบกันมาแล้ว

    น้องนางแก้วของผมก็ไม่ได้มีเครื่องทำน้ำอุ่นอย่างปัจจุบัน ห้องอาบน้ำก็ไม่มี อาบมันข้างโอ่งน้ำโดยมีพี่ๆน้องๆเป็นกองกำลังคุ้มกัน แต่มันกันหนาวไม่ได้ แก้วใหญ่ของผมก็สั่นกับเขาเหมือนกัน เขาถึงได้เข้าใจว่าทำไมน้องนางที่สุโขทัยอาบน้ำที่แม่น้ำหน้าโรงสี อาบเสร็จรีบเปลี่ยนผ้าถุงใหม่แทบไม่ทัน แล้วรีบวิ่งจากท่าน้ำขึ้นไปผิงไฟหน้าเตาโรงสี คุณพี่PCOเห็นเข้าแบบนี้ก็สงสารน้องนางนี้ก็ไปซักผ้าถุงที่กองไว้ที่ท่าน้ำ เอาไปตากที่ราวให้ น้องนี้หนาวสั่นจนจะเป็นตะคิวก็ไม่ได้มีพ่อ มีแม่หรือพี่ๆมามองเห็น เอาผ้ามาห่มให้ ก็PCOนี่แหละที่กล้าๆกลัวๆเอาผ้าห่มไปห่มให้ คนหนาวย่อมเข้าใจคนที่หนาว คนลำบากยากไร้ย่อมเข้าใจคนที่ลำบากยากไร้ นี่ทั้งความยากลำบาก ทั้งงานก็มาก หากมีคนช่วยงานเขาได้โดยเนื้อแท้มีใจแบบพี่แบบน้อง ช่วยหุงข้าวทำงานบ้านแบ่งเบาภาระเขานี่ไม่มีใครเขารังเกียจ

    แก้วใหญ่ทั้งโดยเนื้อแท้ธรรมชาติเดิมของเขาที่อ่อนน้อมอ่อนโยน สมถะเจียมตัว เกรงใจคนเป็นปกติ มีเมตตาปราณีเป็นปกตินิสัย ยิ่งเมื่อมาพบแบบอย่างของท่านแม่สุพรรณวดีศรีโสภาค มาพบคำสอนพระเดชพระคุณหลวงพ่อ มีพระโพธิญาณเป็นจุดหมาย เขาจึงได้สร้างบ้านขยายเรือนขยายอาณาเขตบ้าน เผื่อว่าพี่แก้วน้องแก้วของเขาจะมาอาศัยชายคา หรือขอบเขตรั้วเดียวกัน อย่างที่เคยบอกแก้วนี้ของผม ผมกล้าส่งเขาประกวดได้ทุกเวที


    เมื่อตอนที่มีโอกาสผ่านไปที่สุโขทัย แก้วใหญ่ของผมในปัจจุบันเขายังอยากพบ พี่แก้วนี้ ที่เคยหนาวสั่นมาก่อนเขา ผมก็พาไปดูร่องรอยที่แทบไม่หลงเหลืออะไรให้เห็นว่า ณ บริเวณนี้ เคยเป็นโรงสีข้าวขนาดใหญ่มาก่อน แล้วก็ไม่มีใครรู้ว่าแก้วนี้เป็นอย่างไร

    นี่ก็เป็นอีกภาพที่จะเก็บไว้ในความทรงจำ

    นี่เป็นบาตรลูกน้อยๆกองทุนพุทธภูมิวิริยาธิกะพิเศษตั้งอยู่หน้าห้องสโตร์สหรับพนักงานของผมที่ต้องการให้เขารวยทุกคนในอนาคต แค่อานิงค์สังฆทานอย่างเดียวนี่พวกเราก็รวยจนพูดไม่ถูกไปยันเข้าถึงซึ่งพระนิพพาน

    และก็บอกได้เลยคนในรั้วในบ้าน หรือในหมู่บ้าน ไม่จำเป็นต้องเป็นเมียเท่านั้นถึงจะอยู่ได้เป็นอย่างนั้นมันก็ไม่ใช่วิสัยพุทธภูมิ ห้องของเมียก็ห้องของเมีย แล้วก็รู้ด้วยว่าเมียใหน ห้องของคนทำความสะอาดก็ของคนทำความสะอาด ผมมันศักดิศรีค้ำคอ ห้องของเพื่อนเมียก็ห้องของเพื่อนเมียไม่ได้นึกจะเข้าห้องใหนก็เข้าได้ส่งเดช ศักดิ์ศรีนั้นเขามีทั้งศักดิศรีของความเป็นลูกผู้หญิง และศักดิ์ศรีของลูกผู้ชาย แค่คำว่าลูกผู้ชายแม้หน้าห้องของคนอื่นก็ไม่เข้าใกล้หากไม่มีบุคคลที่สามที่เชื่อถือได้เป็นพยาน
    เดี่ยวมาต่อครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCF0263.JPG
      DSCF0263.JPG
      ขนาดไฟล์:
      73.7 KB
      เปิดดู:
      66
    • DSCN1926.JPG
      DSCN1926.JPG
      ขนาดไฟล์:
      124.1 KB
      เปิดดู:
      82
    • DSCN1934.JPG
      DSCN1934.JPG
      ขนาดไฟล์:
      145.7 KB
      เปิดดู:
      102
    • DSCN1935.JPG
      DSCN1935.JPG
      ขนาดไฟล์:
      138.5 KB
      เปิดดู:
      71
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 กรกฎาคม 2014
  20. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    ฟ้ากว้างใหญ่ยิ่งปกคลุมทั่วล้า
    บำเพ็ญเพียรมานานนับอสงไขย
    ปณิธานใหญ่ยิ่งดั่งฟ้าปกภูวนัย
    ทนฝ่าวิบากทุกข์เวรภัยสั่งสมบารมี

    มิหวังให้ใครๆมาแลเห็น
    ข้าบำเพ็ญเพียงเพื่อโปรดโลกสงสาร
    ดำเนินตามรอยบาทแต่ครั้งบรรพกาล
    ล้มลุกคลุกคลานยังไม่ละบารมี

    แก้วมณีสว่างแล้วลี้ลาลับ
    ได้ชื่นชมเป็นพักๆวับแวมหาย
    ลอยเข้าสู่พระนิพพานข้าอนุโมทนาสุขใจ
    มิคิดเหนี่ยวรั้งใครให้หมองตรอมตรม

    หงส์พญานางฟ้าอัปสรทั้งโกฎิ
    หรือจักเทียมแก้วดวงโปรดอย่าหมาย
    งามภายนอกใช่สูงค่ากว่าแก้วตางามใจ
    นางนั้นสถิตอยู่ในหทัยข้าเอย!
     

แชร์หน้านี้

Loading...