จริงหรือไม่ ที่ชมพูทวีป สถานที่ประสูติ ตรัสรู้ ปรินพพาน ของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่อินเดีย

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย tjs, 8 มีนาคม 2014.

  1. ตั้งฉาก

    ตั้งฉาก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2013
    โพสต์:
    495
    ค่าพลัง:
    +573
    เรื่องมีอยู่ว่า สมัยที่ผู้เล่าอยู่กับท่านพระอาจารย์ที่บ้านหนองผือ มีชาวกรุงเทพมหานครไปกราบนมัสการ ถวายทานฟังเทศน์ และได้นำกระดาษห่อธูปมีเครื่องหมายการค้า รูปตราพระพุทธเจ้า (บัดนี้รูปตรานั้นไม่ปรากฏ) ตกหล่นที่บันไดกุฏิท่าน พอได้เวลาผู้เล่าขึ้นไปทำข้อวัตร ปฏิบัติท่านตามปกติ พบเข้าเลยเก็บขึ้นไป พอท่านฯเหลือบมาเห็น ถามว่า “ นั่นอะไร ” “รูปพระพุทธเจ้าขอรับกระผม ” ท่านกล่าว “ ดูสิคนเรานับถือพระพุทธเจ้า แต่เอาพระพุทธเจ้าไปขายกิน ไม่กลัวนรกนะ” แล้วท่านก็ยื่นให้ผู้เล่า บอกว่า “ ให้บรรจุเสีย ” ผู้เล่าเอามาพิจารณาอยู่ เพราะไม่เข้าใจคำว่า บรรจุ จับพิจารณาดูพระพักตร์เหมือนแขกอินเดีย ผู้เล่าอยู่กับท่านองค์เดียว ท่านวันยังไม่ขึ้นมา ท่านพูดซ้ำอีกว่า “ บรรจุเสีย” “ ทำอย่างไรขอรับกระผม ” “ ไหนเอามาซิ ” ยื่นถวายท่าน ท่านจับไม้ขีดไฟมาทำการเผาเสีย และพูดต่อว่า “ หนังสือธรรมะสวดมนต์ที่ตกหล่นขาดวิ่นใช้ไม่ได้แล้ว ก็ให้รีบบรรจุเสีย กลัวคนไปเหยียบย่ำจะเป็นบาป” ผู้เล่าเลยพูดไปว่า “ พระพุทธเจ้าเป็นแขกอินเดียนะกระผม ” ท่านฯตอบ “ หือคนไม่มีตาเขียน เอาพระพุทธเจ้าไปเป็นแขกหัวโตได้ ” ท่านฯกล่าวต่อไปว่า “ อันนี้ได้พิจารณาแล้วว่า พระพุทธเจ้าเป็นคนไทย พระอนุพุทธสาวกในยุคพุทธกาล ตลอดจนถึงยุคปัจจุบัน ล้วนแต่ไทยทั้งนั้น ชนชาติอื่น แม้แต่สรณคมน์และศีล ๕ เขาก็ไม่รู้ จะเป็นพระพุทธเจ้าได้อย่างไรดูไกลความจริงเอามากๆ เราได้เล่าให้เธอฟังแล้วว่า ชนชาติไทย คือ ชาวมคธ รวมรัฐต่างๆ มีรัฐสักกะ เป็นต้น หนีการล้างเผ่าพันธุ์มาในยุคนั้นและชาวพม่า คือ รัฐโกศลเป็นรัฐใหญ่ รวมทั้งรัฐเล็กๆ จะเป็นวัชชี มัลละ เจติ เป็นต้น ก็ทะลักหนีตาย จากผู้ยิ่งใหญ่ด้วยโมหะ อวิชชา มาผสมผสานเป็นมอญ (มัลละ) เป็นชนชาติต่างๆ ในพม่า ในปัจจุบัน” “ ส่วนรัฐสักกะนั้นใกล้กับรัฐมคธ ก็รวมกันอพยพมาสุวรรณภูมิ ตามสายญาติที่เดินทางมาแสวงโชคล่วงหน้าก่อนแล้ว”
    ผู้เล่าเลยพูดขึ้นว่า “ปัจจุบัน พอจะแยกชนชาติในไทยได้ไหม ขอรับกระผม” “ไม่รู้สิ อาจเป็นชาวเชียงใหม่ ชาวเชียงตุงในพม่าก็ได้” ขณะนั้นท่านวันขึ้นไปพอดี ตอนท้านก่อนจบท่านเลยสรุปว่า “ อันนี้ (หมายถึงตัวท่าน) ได้พิจารณาแล้ว ทั้งรู้ทั้งเห็นโดยไม่มีข้อสงสัยใดๆทั้งสิ้น” ผู้เล่าพูดอีกว่า “แขกอินเดียทุกวันนี้คือพวกไหน ขอรับกระผม” ท่านบอก “พวกอิสลามที่มาไล่ฆ่าเรานะซิ” “ถ้าเช่นนั้นศาสนาพราหมณ์ ฮินดู เจ้าแม่กาลี การลอยบาปแม่น้ำคงคา ทำไมจึงยังมีอยู่ รวมทั้งภาษาสันสกฤตด้วย” “ อันนั้นเป็นของเก่า เขาเห็นว่าดี บางพวกก็ยอมรับเอาไปสืบต่อๆกันมาจนถึงปัจจุบัน ส่วนพวกเรา พระพุทธเจ้าสอนให้ละทิ้งหมดแล้ว เราหนีมาอยู่ทางนี้ พระพุทธเจ้าสอนอย่างไรก็ทำตาม ” ท่านยังพูดคำแรงๆว่า “ คุณตาบอด ตาจาวหรือ เมืองเราวัดวา ศาสนา พระสงฆ์ สามเณร เต็มบ้านเต็มเมืองไม่เห็นหรือ ” (ตาบอดตาจาวเป็นคำที่ท่านจะกล่าวเฉพาะกับผู้เล่า) “ แขกอินเดียเขามีเหมือนเมืองไทยไหม ไม่มี มีแต่จะทำลาย โชคดีที่อังกฤษมาปกครอง เขาออกกฏหมายห้ามทำลายโบราณวัตถุ โบราณสถาน แต่ก็เหลือน้อยเต็มที ไม่มีร่องรอยให้เราเห็น อย่าว่าแต่พระพุทธเจ้าเลย ตัวเธอเองนั้นแหละถ้าได้ไปเห็นสภาพความเป็นอยู่ของชาวอินเดีย จ้างเธอก็ไม่ไปเกิด ” “ ของเหล่านี้นั้น ต้องไปตามวาสตามวงศ์ตระกูล อย่างเช่น วงศ์พระพุทธศาสนาของเรานั้น เป็นอริยวาส อริยวงศ์ อริยตระกูล เป็นวงศ์ที่พระพุทธเจ้าจะมาอุบัติ คุณแปลธรรมบทมาแล้ว คำว่า ปุคฺคลฺโล ปุริสาธญฺโญ ลองแปลดูซิว่า พระพุทธเจ้า จะเกิดในมัชฌิมประเทศ หรืออะไรที่ไหนก็แล้วแต่ จะเป็นที่อินเดีย หรือที่ไหนก็ตาม ทุกแห่งตกอยู่ ในห้วงแห่งสังสารวัฏฏ์ ถึงวันนั้นพวกเราอาจจะไปอยู่อินเดียก็ได้” “ พระพุทธเจ้าทรงวางพระพุทธศาสนาไว้ จะเป็นระหว่างพุทธันดรก็ดี สุญญกัปป์ก็ดี ที่ไม่มีพระพุทธศาสนา แต่ชนชาติที่ได้เป็นอริยวาส อริยวงศ์ อริยประเพณี อริยนิสัย ก็ยังสืบต่อไปอยู่ ถึงจะขาด ก็คงขาดแต่ผู้สำเร็จมรรคผลเท่านั้น เพราะว่างจาก บรมครู ต้องรอบรมครูมาตรัสรู้ จึงว่ากันใหม่ ” ผู้เล่าได้ฟังมาด้วยประการละฉะนี้แล ฯ คัดลอกจาก หนังสือ "รำลึกวันวาน" โดยกองทุนแสงตะวัน วัดปทุมวนาราม หมวดรำลึกพระธรรมเทศนา หน้าที่ ๒๒๗ (เป็นหนังสือรวบรวมเกร็ดประวัติ ปกิณกธรรม และพระธรรมเทศนา แห่งองค์หลวงปู่มั่น จากบันทึกความทรงจำของหลวงตาทองคำ จารุวณโณ ในสมัยที่ได้อยู่อุปัฏฐากหลวงปู่มั่น เมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๗-๒๔๙๒)



    คัดลอกจาก พระพุทธเจ้าเป็นคนไทย ยืนยันโดยหลวงปู่มั่น
     
  2. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ” ท่านยังพูดคำแรงๆว่า “ คุณตาบอด ตาจาวหรือ เมืองเราวัดวา ศาสนา พระสงฆ์ สามเณร เต็มบ้านเต็มเมืองไม่เห็นหรือ ” (ตาบอดตาจาวเป็นคำที่ท่านจะกล่าวเฉพาะกับผู้เล่า) “ แขกอินเดียเขามีเหมือนเมืองไทยไหม ไม่มี มีแต่จะทำลาย โชคดีที่อังกฤษมาปกครอง เขาออกกฏหมายห้ามทำลายโบราณวัตถุ โบราณสถาน แต่ก็เหลือน้อยเต็มที ไม่มีร่องรอยให้เราเห็น อย่าว่าแต่พระพุทธเจ้าเลย ตัวเธอเองนั้นแหละถ้าได้ไปเห็นสภาพความเป็นอยู่ของชาวอินเดีย จ้างเธอก็ไม่ไปเกิด ” “ ของเหล่านี้นั้น ต้องไปตามวาสตามวงศ์ตระกูล อย่างเช่น วงศ์พระพุทธศาสนาของเรานั้น เป็นอริยวาส อริยวงศ์ อริยตระกูล เป็นวงศ์ที่พระพุทธเจ้าจะมาอุบัติ คุณแปลธรรมบทมาแล้ว คำว่า ปุคฺคลฺโล ปุริสาธญฺโญ ลองแปลดูซิว่า พระพุทธเจ้า จะเกิดในมัชฌิมประเทศ หรืออะไรที่ไหนก็แล้วแต่ จะเป็นที่อินเดีย หรือที่ไหนก็ตาม ทุกแห่งตกอยู่ ในห้วงแห่งสังสารวัฏฏ์ ถึงวันนั้นพวกเราอาจจะไปอยู่อินเดียก็ได้” “ พระพุทธเจ้าทรงวางพระพุทธศาสนาไว้ จะเป็นระหว่างพุทธันดรก็ดี สุญญกัปป์ก็ดี ที่ไม่มีพระพุทธศาสนา แต่ชนชาติที่ได้เป็นอริยวาส อริยวงศ์ อริยประเพณี อริยนิสัย ก็ยังสืบต่อไปอยู่ ถึงจะขาด ก็คงขาดแต่ผู้สำเร็จมรรคผลเท่านั้น เพราะว่างจาก บรมครู ต้องรอบรมครูมาตรัสรู้ จึงว่ากันใหม่ ” ผู้เล่าได้ฟังมาด้วยประการละฉะนี้แล ฯ คัดลอกจาก หนังสือ "รำลึกวันวาน" โดยกองทุนแสงตะวัน วัดปทุมวนาราม หมวดรำลึกพระธรรมเทศนา หน้าที่ ๒๒๗ (เป็นหนังสือรวบรวมเกร็ดประวัติ ปกิณกธรรม และพระธรรมเทศนา แห่งองค์หลวงปู่มั่น จากบันทึกความทรงจำของหลวงตาทองคำ จารุวณโณ ในสมัยที่ได้อยู่อุปัฏฐากหลวงปู่มั่น เมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๗-๒๔๙๒)



    คัดลอกจาก พระพุทธเจ้าเป็นคนไทย ยืนยันโดยหลวงปู่มั่น[/QUOTE]

    ==================

    กระผมคิดว่าเรื่องราวดังกล่าวนี้ เป็นเรื่องที่ถูกเขียนและรวบรวมขึ้น จึงอาจจะมีการผิดเพี้ยนไปจากความจริงได้ มากน้อยอย่างไรไม่อาจทราบได้ ผมได้เคยอ่านประวัติหลวงปู่มั่น มันขัดแย้งกันครับ ผมได้คัดลอกประวัติมาดังนี้

    [FONT=&quot]การปฏิบัติธรรมในขั้นสุดท้าย ของหลวงปู่มั่น[/FONT]
    [FONT=&quot]หลวงปู่มั่นได้หาที่ที่น่<wbr>าหวาดเสียวที่สุด เห็นว่าริมปากเหวเหมาะที่สุดที่<wbr>จะนั่งบำเพ็ญเพียร ท่านตั้งใจแน่วแน่ว่า [/FONT][FONT=&quot]“หากจะตายขอตายตรงนี้ ขอให้ร่างกายหล่นลงไปในเหวนี้ จะได้ไม่ต้องเป็นที่วุ่นวายเดื<wbr>อดร้อนแก่ใครๆ ” ตั้งแต่บัดนั้น หลวงปู่มั่น ได้ตั้งปณิธานแน่วแน่ว่า “ถ้าไม่รู้แจ้งเห็นจริงในธรรม ก็จะไม่ลุกจากที่นั่งนี้เป็นอั<wbr>นขาด”[/FONT]
    [FONT=&quot]หลวงปู่ได้นั่งสมาธิอยู่ ณ จุดนั้นติดต่อกันเป็นเวลา ๓ วัน ๓ คืนโดยไม่ขยับเขยื้อนและไม่ลื<wbr>มตาเลย หลวงปู่เริ่มกำหนดจิตต่อจากที่<wbr>เคยดำเนินการครั้งหลังสุด ได้เกิดการสว่างไสวดุจกลางวัน ความผ่องใสของจิตสามารถเห็นทุ<wbr>กสิ่งทุกอย่างตามต้องการ แม้จะกำหนดดูเม็ดทรายก็เห็นได้<wbr>อย่างชัดเจนทุกเม็ด แม้จะพิจารณาดูทุกอย่างที่ผ่<wbr>านมา ก็แจ้งประจักษ์ขึ้นในปัจจุบั<wbr>นหมด[/FONT]
    [FONT=&quot]ในขณะที่จิตของท่านดำเนินไปอย่<wbr>างได้ผล ก็ปรากฏเห็นเป็นลูกสุนัขกำลังกิ<wbr>นนมแม่ ท่านพิจารณาใคร่ครวญดู ว่าทำไมจึงเกิดมีนิมิตมาปน ทั้งๆ ที่จิตของท่านเลยขั้นที่จะนิมิ<wbr>ตแล้ว เมื่อกำหนดจิตพิจารณาก็เกิ<wbr>ดญาณรู้ขึ้นว่า [/FONT][FONT=&quot]“ลูกสุนัขนั้นก็คือตัวเราเอง เราเคยเกิดเป็นสุนัขอยู่ตรงนี้<wbr>มานับอัตภาพไม่ถ้วน เวียนเกิดเวียนตายเป็นสุนัขอยู่<wbr>หลายชาติ ”[/FONT]
    [FONT=&quot]เมื่อพิจารณาโดยละเอียดได้<wbr>ความว่า "ภพ" คือความยินดีในอัตภาพของตน สุนัขก็ยินดีในอัตภาพของมัน จึงต้องเวียนอยู่ในภพของมั<wbr>นตลอดไป เมื่อหลวงปู่มั่น ทราบความเป็นไปในอดีตชาติของท่<wbr>านก็ได้ถึงความสลดจิตเป็นอย่<wbr>างมาก[/FONT]
    [FONT=&quot]ความสว่างไสวในจิตของท่านยั<wbr>งคงเจิดจ้าอยู่ แต่ทำไมยังมีการห่วงหน้าพะวงหลั<wbr>งอยู่ ไม่สามารถพิจารณาธรรมให้ยิ่งขึ้<wbr>นไปได้ เมื่อตรวจสอบดูก็พบความจริงที่<wbr>ท่านไม่เคยทราบมาก่อน นั่นคือ [/FONT][FONT=&quot]“การปรารถนาพระสัมมาสัมโพธิญาณ” ของท่าน โอ ! แล้วจะต้องเวียนตายเวียนเกิ<wbr>ดไปอีกกี่หมื่นกี่แสนชาติ จึงจะถึง คิว ได้เป็นพระพุทธเจ้<wbr>าสมความปรารถนา[/FONT]
    [FONT=&quot]หลวงปู่มั่น ได้ย้อนพิจารณาถึงภพชาติในอดี<wbr>ตปรากฏว่า ท่านเคยมีตำแหน่งเป็นเสนาบดีเมื<wbr>องกุรุรัฐ (กรุงเดลฮี ในปัจจุบัน) พระพุทธเจ้าได้เสด็<wbr>จไปแสดงธรรมโปรดชาวกุรุรัฐ พระองค์ทรงแสดงมหาสติปัฏฐานสูตร หลวงปู่ในชาตินั้นก็ได้เจริญสติ<wbr>ปัฏฐาน แล้วยกจิตขึ้นอธิษฐานว่า [/FONT][FONT=&quot]“ขอให้ข้าพเจ้าได้เป็นพระพุ<wbr>ทธเจ้าเช่นพระองค์เถิด”[/FONT]
    [FONT=&quot]ได้ความว่า หลวงปู่มั่นได้ปรารภโพธิญาณมาตั<wbr>้งแต่บัดนั้น ซึ่งเป็นเหตุให้ท่านต้องชะงั<wbr>กในการพิจารณาอริยสัจเพื่อทำจิ<wbr>ตให้หลุดพ้นได้ ต้องสร้างบารมีเป็นพระโพธิสัตว์<wbr>ไปอีกชั่วกัปชั่วกัลป์ ถ้าไม่ปล่อยวางความปรารถนานั้น[/FONT]
    [FONT=&quot]หลวงปู่มั่น ยังเห็นต่อไปอีกว่า[/FONT][FONT=&quot]หลวงปู่<wbr>เทสก์ เทสรังสี[/FONT][FONT=&quot]เคยเป็นหลานชายของท่<wbr>านในชาติที่เป็นเสนาบดีเมืองกุ<wbr>รุรัฐ นั้น ภายหลังเมื่อหลวงปู่เทสก์ตามท่<wbr>านไปอยู่ที่เชียงใหม่ หลวงปู่เคยบอกหลวงปู่เทสก์ว่า [/FONT][FONT=&quot]“เธอเคยเกิดเป็นหลานเราที่กรุ<wbr>งกุรุรัฐ ฉะนั้น เธอจึงดื้อดึงไม่ค่อยจะฟังเรา และสนิทสนมกับเรายิ่งกว่าใคร”[/FONT]
    [FONT=&quot]ต่อจากนั้น หลวงปู่มั่น ได้ระลึกถึง[/FONT][FONT=&quot]หลวงปู่ใหญ่เสาร์[/FONT][FONT=&quot]พ<wbr>ระอาจารย์ของท่าน ก็ปรากฏว่า หลวงปู่ใหญ่ก็ได้เคยปรารถนาเป็<wbr>นพระปัจเจกโพธิญาณ (พระปัจเจกพุทธเจ้า) จึงไม่สามารถที่จะกระตือรือร้น ที่จะทำจิตให้ถึงที่วิมุตติได้[/FONT]
    [FONT=&quot]หลวงปู่มั่นตั้งใจไว้ว่าจะต้<wbr>องหาโอกาสไปกราบอาราธนาให้<wbr>หลวงปู่ใหญ่เสาร์ได้<wbr>ละวางความปรารถนาเป็นพระปั<wbr>จเจกพุทธเจ้าในชาตินี้ให้ได้ นี่คือความกตัญญูส่วนหนึ่งของท่<wbr>าน[/FONT]
    [FONT=&quot]หลังจากที่ได้ใคร่ครวญสิ่งต่างๆ แล้ว หลวงปู่มั่น รู้สึกสลดใจที่เคยเกิดเป็นสุนั<wbr>ขนับอัตภาพไม่ถ้วน และยังจะต้องเวียนวายตายเกิดเพื<wbr>่อสร้างบารมีต่อไปอีกนานแสนนาน ท่านจึงได้อธิษฐานจิตหยุ<wbr>ดการปรารถนาพระโพธิญาณ ตั้งใจแน่วแน่ที่จะขอบรรลุ<wbr>ธรรมในชาติปัจจุบัน[/FONT]
    [FONT=&quot]ต่อจากนั้น หลวงปู่มั่น ได้พิจารณาธรรมที่พระพุทธองค์<wbr>ทรงตรัสรู้ จึงระลึกได้ว่า[/FONT][FONT=&quot]ธัมมจักกัปปวั<wbr>ตนสูตร[/FONT][FONT=&quot]ที่ทรงแสดงในปฐมเทศนาเป็<wbr>นทางบรรลุที่แท้จริง พระองค์ทรงแสดงจากความเป็นจริ<wbr>งที่พระองค์ได้ทรงรู้ แล้วนำออกแสดงโปรดพระปัญจวัคคี<wbr>ย์ ทรงแสดงถึง อริยสัจ๔ คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค และทรงย้ำว่า[/FONT]
    [FONT=&quot]ปริเญยฺยนฺ เม ภิกฺขเว ทุกข์พึงกำหนดรู้ ปริญาตนฺ เม ภิกฺขเว เราได้กำหนดรู้แล้ว ปหาตพฺพนฺติ เม ภิกฺขเว สมุทัยควรละ ปหีนนฺติ เม ภิกฺขเว เราได้ละแล้ว สทฺฉกาตพฺพนฺติ เม ภิกฺขเว นิโรธควรทำให้แจ้ง เราทำให้แจ้งแล้ว ภาเวตพฺพนฺติ เม ภิกฺขเว มรรคควรเจริญให้มาก ภาวิตนฺติ เม ภิกฺขเว เราก็เจริญให้มากแล้ว[/FONT]
    [FONT=&quot]เมื่อได้ระลึกถึงธรรมะอันเป็นหั<wbr>วใจของพระธัมมจักกัปปวัตนสูตรคื<wbr>อ อริยสัจ ๔ ได้แก่ ทุกข์ ควรกำหนดรู้ สมุทัย ควรละ นิโรธควรทำให้แจ้ง และ มรรค ควรเจริญให้มาก ดังนี้แล้ว หลวงปู่มั่นก็ได้พิจารณาอริยสั<wbr>จไปตามลำดับ[/FONT]
    [FONT=&quot]หลวงปู่ได้พิจารณากายคตาสติ โดยยกเอาการระลึกชาติที่เกิดเป็<wbr>นสุนัขมาเป็นตัวทุกข์ จนกระทั่งเกิดความแจ่มแจ้งขึ้<wbr>นในจิต กลายเป็นญาณ คือ การหยั่งรู้ที่เกิดจากการดำเนิ<wbr>นทางจิตจนพอเพียงแก่ความต้องการ (อิ่มตัว) ไม่ใช่เกิดจากการนึกเอาคิดเอา หรือน้อมเอาเพื่อให้เป็นไป แต่เกิดจากการพิจารณาโดยความเป็<wbr>นจริงแห่งกำลังของจิตที่ได้รั<wbr>บการฝึกอบรมมาพอแล้ว[/FONT]
    [FONT=&quot](ตัวอย่างเช่น ผลไม้ มันจะต้องพอแก่ความต้องการของมั<wbr>นจึงจะสุกได้ ไม่ใช่นึกเอาคิดเอา หรือ ข้าว จะสุกได้ก็ต้องได้รับความร้อนที<wbr>่พอแก่ความต้องการของมัน)[/FONT]
    [FONT=&quot]ในการพิจารณากาย ที่เป็นตัวทุกข์ก็เช่นกัน กว่าจะกลับกลายเป็นญาณ ขึ้นมาได้ ก็ต้องอาศัยการพิจารณาทางจิต จนเพียงพอแก่ความต้องการ คือ อิ่มตัวในแต่ละครั้ง จะเกิดเป็นนิพพิทาญาณ คือความเบื่อหน่าย จะตั้งอยู่ในใจได้ ก็เมื่อการพิจารณากายได้เห็นชั<wbr>ดด้วยความสามารถแห่งพลังจิต...[/FONT]
    [FONT=&quot]“การพิจารณาทุกข์เป็นเหตุให้เกิ<wbr>ด นิพพิทาญาณ ถ้าเกิดความเพียงพอแห่งกำลังเข้<wbr>าเมื่อใด ญาณนั้นจึงจะเป็นกำลังตัดกิ<wbr>เลสได้”[/FONT]
    =========

    จากประวัติเรื่องนี้ หลวงปู่มั่นท่าน ทราบดีว่า ท่านเคยเกิดเป็น[FONT=&quot]เสนาบดี[/FONT]ในสมัยพระโคตมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ที่เมือง[FONT=&quot]กุรุรัฐ (กรุงเดลฮี ในปัจจุบันนั่นเองครับ] ดังนั้นจากข้อความที่ท่านนำมาด้านบนจึงขัดแย้งกับประวัติส่วนนี้
    แต่หากพิจารณาตรงนี้แล้ว กระผมเชื่อมั่นว่า ข้อความที่ท่านนำมานั่นไม่น่าจะใช่คำกล่าวของหลวงปู่มั่น หรืออาจมีการบิดเบือนไป ส่วนคำกล่าวที่ผมนำมา สามารถหาอ่านได้หลายที่ซึ่งน่าเชื่อถือและข้อมูลตรงกันครับ


    [/FONT]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มีนาคม 2014
  3. เมตต

    เมตต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2010
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +240
    ไม่ต้องเถียงกัน ในอนาคตจะมีพระชั้นสูงมาฟื้นฟูศาสนาให้ครบห้าพันปี มีการปรับปรุงพุทธประวัติให้ถูกต้องพร้อมทั้งสถานที่สำคัญของพระพุทธเจ้าจะได้รับการบูรณะเป็นที่สักการะของพุทธสาสนิกชนสืบต่อไป
     
  4. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
  5. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
  6. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
    คุณรู้อนาคต ตนเองดีหรือยัง
     
  7. fluke892541

    fluke892541 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +42
    จากเนื้อหาผมคิดว่า ท่านหมายถึงสายเลือดบรรพบุรุษมากกว่าสถานที่นะครับ ประมาณว่า คนไทยมีเชื้อสายเผ่าพันธุ์เดียวกับพระพุทธเจ้า
    แต่เรื่องสถานที่ตามพุทธประวัติต่างๆนั้น ผมเชื่อว่าอยู่ในอินเดียและเนปาลครับ
     
  8. ธรรมมนุษย์

    ธรรมมนุษย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2010
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +1,908
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มีนาคม 2014
  9. เสมาธรรม

    เสมาธรรม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +36
  10. เสมาธรรม

    เสมาธรรม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +36
    กระผมขอแสดงความคิดเห็น กระผมชื่นชมท่านที่ได้แสดงองค์ความรู้ต่าง ๆ มาอย่างเห็นได้ชัด แต่ในบรรดาองค์ความรู้ที่นำมาอ้างอิงว่าพระพุทธเจ้านั้นตรัสรูํที่ประเทศอินเดีย ทุกคนชาวพุทธรู้ได้ดีว่าเราใช้หลักฐานเสาอโศกจารึกด้วยตัวหนังสืออักษรพราหมี เมื่อ พ.ศ 312บอกความให้รู้ได้ด้วยภาษาเขียน แลพระแท่นวัขรอาสน์จำลองที่ทรงสร้างขึ้นไว้ ส่วนหลักฐานอื่น เช่นบรรดาสิ่งปลูกสร้างด้วยอิฐแดงมากมายนั้นเกิดในยุคหลังสร้างต่อกันมาจนดูอลังการณ์ประกอบทำให้หลักฐานของพระเจ้าอโศกที่ทำไว้ดูสมจริง และที่เราเชื่อนั้นเราเชื่อตามตัวหนังสือที่พระเจ้าอโศกอินเดียจารึกไว้ใช้ไหมเป็นที่ตั้งของชาวพุทธและชาวพุทธก็รู้ตามกันมาเหมือนกันหมดเป็นแนวคิดเดียวอย่างเชื่อมั่นว่าใช้แล้ว เพราะเราไม่เคยพบหลักฐานที่อื่นใดที่บอกเรื่องสถานที่ตรัสรู้ได้เลย และถึงแม้ว่าสิ่งที่พบหลักฐานพระเจ้าอโศกอินเดียจารึกนั้นเป็นของพระเจ้าอโศกอินเดียพูดบอกจารึกไว้เราก็เชื่อตามพระเจ้าอโศกอินเดียเป็นที่ตั้งนั้นกชอบแล้วดีแล้ว แต่ทว่าเราชาวพุทธต้องยอมรับกันนะว่าเรายังไม่เคยพบหลักฐานของพระพุทธเจ้าเลยที่เป็นหลักฐานสำคัญที่พระพุทธเจ้าได้แสดงหรือเนรมิตรไว้ให้ปรากฏให้เห็นไดเลย มีแต้หลักฐานพระแท่นวัชรอาสน์เท่านั้นที่พระเจ้าอโศกได้จำลองไว้ให้ดูแล้วถ้าถามกันต่อไปว่าพระเจ้าอโศกอินเดียเคยพบเคยเห็นหลักฐานแท่นประทับอันแท้จริงที่พระองค์ใชเป็นที่ตรัสรู้หรือไม่ทำไมทำจำลองได้ว่าเป็นรูปร่างอย่างนั้นและต้องถามกันต่อไปว่าพระเจ้าอโศกอินเดียรู้ได้อย่างไรสำรวจกันอย่างจึงได้ระบุจารึกเป็นตัวหนังสือบอกความว่าพระพุทธองค์มาตรัสรู้ที่น๊๋ เห็นอะไรพบอะไรเล่าไม่เคยบอกเหตุผลเลย แจ้งแต่ว่าสั่งคนของพระองค์มาสำรวจ สำรวจพบหลักฐานอะไรจึงบอกว่าสถานที่นี้คือที่ตรัสรู้ ซึ้งคนชั้นหลังทั้งหลายเช่ยยุคเราไมรู้ไดเลยถึงเหตุผลการค้นพบ ที่เชื่อนั้นก็เพราะความเก่าที่สุดแห่งหลักฐานที่พบและไม่มีที่อื่นใดพบมาเปรียบเทียบได้พวกเรารุ่นหลังจึงเชื่อตามนั้นคือเหตุผลที่เราเชื่อเสาอโศกจารึก ชึ้งพระเจ้าอโศกก็ไม่ได้อยู้ในสมัยพระพุทธเจ้าห่างตั้งเกือบสามร้อยปี นี้คือคำถามของข้าพเจ้าที่ไม่เตยมีใครคิดเช่นข้าพเจ้าไม่ใช่ลบหลู่นะข้าพเจ้าเคารพพระเจ้าอโศกอินเดียมาช้านานแล้ว นี้เราชาวพุทธได้เห็นเหรียญเพียงด้านเดียวมาโดยตลอดและเชื่อมั่นตามพระเจ้าอโศกอินเดียบันทึกไว้มาโดยตลอดทั้วโลกใครในโลกนี้ที่ตลอดเวลามาไม่มีค้านแย้งเหรียญด้านเดียวกันได้เลยศึกษาค้นคว้าอย่างไรก็อยู่ในหลักฐานพระเจ้าอโศกอินเดียนี้แหละเป็นที่ตั้งมาทุกยุคทุกสมัยในขีดวงกลมนี้เท่านั้น ไม่มีผู้ใดเห็นไม่มีผู้ใดรู้เห็นนอกกรอบนี้ได้เพราะขาดหลักฐานนั้นเองจึงอยู่แต่ในวงนี้ มีเหมือนกันที่สงสัยและคิดนอกกรอบโดยบุคคลสี่คณะที่สงสัยจากคำบอกเล่าของหลวงปู่มั่นทำนองว่าพระพุทธเจ้าคือคนไทย จึงคิดระบุว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้ในประเทศไทยที่จริงอาจจะถูกของเขาก็ได้ที่ว่าตรัสรู้ในประเทศไทย แต่การระบุหลักฐานและสถานที่นั้นขาดหลักฐานและเหตุผลที่แจ้งชัดจึงไม่มีใครเชื่อในหมู่ผู้รู้
     
  11. คนอนาคต

    คนอนาคต Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +28
    ทำไมถึงกล้าทำนะ รู้อดีตมากนักนะ คนอินเดีย ทำไปได้ ผมไม่ชอบให้ใครต้องมาทำกันแบบนี้เลย เอาอดีตมาทำ ผ่านการอนุญาต จากองค์เทพ องค์ใดมาหรือยังครับเนี่ย ไม่น่าเล๊ย นับวันยิ่งเพี้ยน ทำกับลูกพระศิวะอย่างนี้ได้ไงอ่ะ
     
  12. กฮ

    กฮ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    430
    ค่าพลัง:
    +415
    อยู่ที่อินเดียนั่นแหละ

    ส่วนชาวอินเดียในสมัยพุทธกาลจะเป็นชนชาติใดนั้น ทั้งอักษรธรรมใต้(ขอม) อักษรธรรมเหนือ ก็ได้ใบ้ไว้หมดแล้ว อักษรแต่ละตัวไม่ใช่ว่านึกอยากเขียนเล่นๆ ก็เขียนลงไปนะ ลองทายสิว่าภาษาใดมีธาตุใกล้เคียงภาษาบาลีที่สุด
     
  13. เสมาธรรม

    เสมาธรรม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +36
    ที่จริงในสิ่งที่ชาวพุทธสี่กลุ่มที่ค้นคว้าว่าพระพุทธเจ้าต้นกำเนิดที่ประเทศไทยที่ตรัสรู้นั้นก็อยู๋ในไทยเกือบจะเป็นเหรียญด้านที่สองที่ปรากฏให้เห็นในยุคนี้กึ่งพุทธกาลนี้แต่ก็เลือนลางไปที่จะได้พบเห็นสถานที่ตรัสรู้จริงในไทย ข้าพเจ้าเองก็เป็นคนไทยไม่เคยรู้ในเรื่องราวของบุคคลสี่กลุ่มนี้ที่ได้ค้นคว่ามาก่อนเลย มาพบข้อความเอาตอนปีพุทธยันตรี 2554 ความจริงเมื่อวันวิสาขบูขา 2554 นั้นในขณะที่คนชาวพุทธฉลองปีพุทธยันตรีกันทั่วโลก และชื่นชมต่อการนำพระรูปจำลองพระพุทธเจ้าที่เก่าที่สุดมาให้ชาวพุทธชื่นชมอยู่นั้น อิกมุมหนึ่งของชาวพุทธคนหนึ่งที่เป็นเพียงคนธรรมดาเช่นข้าพเจ้า ไม่ได้ปฏิบุติธรรมอะไร อยู่ ๆ ในวันนั้นได้พบกับเรื่องราวแห่งปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ๋ในเรื่องพบองค์ความรู้และหลักฐานอันมหัศจรรย์ของพระพุทธเจ้าที่ระบุสถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าว่าอยู่ในไทยโดยชี้ตำแหน่งได้ถูกต้องว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้ที่นี้ที่ดินแดนประเทศไทย และไม่ใช่ว่ารู้และนำมาพูดเลื่อนลอยโดยขาดเหตุผล และที่สำคัญคือพยานหลักฐานที่บอกพุทธประวัติได้ชัดเจนกว่าเสาอโศกจารึกของประเทศอินเดียมากนักและเก่ากว่าด้วยคือสมัยพุทธกาลโน่นที่เดียวข้าพเจ้าจึงกล้านำมาพูดมาบอกเพราะข้าพเจ้ามีองค์ความรูัเหรียญด้านที่สองขึ้นในปีพุทธยันตรีนั้นเอง ฉนั้นข้าพเจ้ารู้ดีในเหรียญทั้งสองด้านจึงสามารถมองได้ออกบอกได้ถูกว่าในแต่ละด้านของเหรียญว่าความแท้จริงเป็นเช่นไร มีโอกาสดีกว่าคนทั้งหลายที่ได้เห็นเพียงด้านเดียวและพากัยยึดมั่นว่าต้องสถานที่พระเจ้าอโศกอินเดียค้นพบเท่านั้นเป็นที่ตั้ง แต่สำหรับข้าพเจ้าแล้วบัดนี้ได้รุ้เห็นในความจริงของพระพุทธเจ้าได้ดีกว่าคนอื่นเขาทั้งหลาย ใครก็ตามที่ข้าพเจ้าพิจารณาแล้วว่าเป็นผู้สมควรจะได้รู้ได้เห็นความจริงและแม้แต่การจะได้พบกับพระรูปแท้จริงของพระพุทธเจ้าที่ชาวพุทธไม่เคยพบมาก่อนเลยนับแต่วันนิพพานถวายพระเพลิงพระสรีระแล้ว มนุษย์ทั้งหลายได้พบแต่พระรูปจำลองที่พากันสร้างมาแต่ครั้งแรกคือสมั่ยคันธาราฐด้วยจินคนาการตามมหาบุรุษที่กล่าวไว้เท่านั้นจนบัดนี้ก็ยังไม่เคยมีใครพบพระรูปแท้จริงของพระพุทธเจ้ากันได้เลย แต่ข้าพเจ้านี้แหละได้พบพระรูปจริงของพระพุทธเจ้าที่เนรมิตรไว้ปรากฎในสถานที่จริงตั้งแต่ปี2554 แแล้ว ฉนั้นใครผู้ใดที่สมควรรู้จริงและเห็นพระรูปเนรมิตรจริง สถานที่จริงนั้นต้องพิจารณากันเป็นพิฌเศษเหตุเพราะว่าผู้ที่จะพบกับสิ่งจริงของพระพุทธเจ้านั้นต้องมีบุญจริง ไม่อย่างนั้นแล้วจะประดุจกามนิตพบพระพุทธองค์แล้วยังไม่รู้จักทั้ง ๆ ที่พูดอยู่กับพระองค์ทั้งคืนแท้ ๆ ที่พุูดนี้ไม่ใช้ว่าขัาพเจ้าเป็นพระพุทธเจ้านะ แตว่าข้าพเจ้าพบเรื่องราวหลักฐานที่แท้จริงของพระพุทธเจ้าและพบสถานที่ตรัสรู้จริงของพระพุทธเจ้าและพบพระรูปเนรมิตรจริงของพระพุทธเจ้าที่ทรงเนรมิตรไว้เพื่อให้มาปรากฏในยุคกึ่งพุทธกาลกำหนดที่มนุษย์จะได้พบกับสิ่งจริงของพระพุทธเจ้าอีกครั้งในกึ่งพุทธกาลนี้ แลหลังจากนี้จะได้พบพระองค์ท่านอีกครั้งที่สามเป็นองค์จริง ๆ เลยในเวลาสิ้นยุคพระศาสนาบรรดาพระบรมสารีริกธาตูจะเสด็จมารวมตัวเป็นพระองค์ท่านเทศน์เจ็ดวันเจ็ดคืนแล้วอันตรทานหายไปสิ้นยุคพุทธศาสนานี้ดังตรัสไว้ในพระไตรปิฏก
     
  14. ศรีชมพู

    ศรีชมพู Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +69
    คุ้นๆ เคยดูสารคดีเค้าว่า ท่านชอบครับ เพราะท่านติ๊สครับ ถือเป็นการแสดงความรักต่อท่านหรือไรนี่แหละครับ ไม่แน่ใจความถูกต้องในเนื้อหานะครับ แต่ได้ดูมาอย่างนี้แน่อะครับ (kiss)
     
  15. เสมาธรรม

    เสมาธรรม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +36
    ข้าพเจ้าไม่ใช้คนวิเศษและไม่สามารถรู้ได้และพบหลักฐานได้เลยว่าอยู่ที่ใดในไทย แต่มีเหตุให้รุุ้และพบหลักฐานได้เท่านั้นเอง เพราะคนเรามาแต่ตัวพระพุทธองค์ก็ไม่ได้แบ่งแยกชนชั้นไวว่าจะต้องเป็นผู้ใดที่จะรู้ได้ จะผิดจะถูกอย่างไรก็มาว่ากันด้วยหัวใจสำคํญคือหลักฐานที่เด่นชัดตรง ๆ อย่าเอากิ่งก้านแขนงมาพูดกันเลยนะ ข้าพเจ้ามีหลักฐานว่าจริงแต่ผู้อื่นอาจไม่เห็นเป็นดังเช่นข้าพเจ้าเห็นก็เป็นได้ขอผู้มีบุญจริงตอบได้จริงช่วยชื้แจ้งข้าพเจ้า
     
  16. กฮ

    กฮ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    430
    ค่าพลัง:
    +415
    ชนชาติของพระพุทธเจ้า หากชนชาตินี้ออกอักขระบาลีไม่ถูกต้องแล้ว ก็จะไม่มีชนชาติใดออกอักขระบาลีได้ถูกต้องอีกเลย

    ให้ทายกันเล่นๆ ว่าเป็นชนชาติอะไร
     
  17. คนอนาคต

    คนอนาคต Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2014
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +28
    อันนี้รู้อยู่แล้วครับ ว่าชอบ แต่ไม่น่าเลย 555+ อะไรกันเนี่ย ผมเห็นแล้วยังไงไม่รู้นะ แต่เจ้าตัวอ่ะ ชอบจริงๆ ถึงขั้นอยากแสดงเองเสียด้วยซ้ำ อยากได้สไปเดอร์แมนไปเป็นเพื่อนบนสวรรค์
     
  18. เสมาธรรม

    เสมาธรรม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +36
    มีหลักฐานอะไรบ้างที่อินเดียที่เป็นหลักฐานของพระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ให้ปรากฏไม่เห็นมีเลยสักอย่าง เสาอโศกที่นำมาอ้างนั้นก็เป็นของพระเจ้าอโศกจารึกไว้ยุคหลังพระพุทธเจ้าเป็นของพระเจ้าอโศกอินเดีไม่ใช้หลักฐานของพระพุทธเจ้า
     
  19. เสมาธรรม

    เสมาธรรม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +36
    ดีจังหาทางพิสูจน์
     
  20. DarKKazE

    DarKKazE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    166
    ค่าพลัง:
    +239
    ก็เรื่องเภสัชทั้งห้าในพระไตรปิฎกไงครับ กล่าวถึงเนยข้น เนยใส วัฒนธรรมอินเดีย
    เขากินมานานมากแล้วครับ(ย้อนไปได้ถึงยุคมหาภารตยุทธ) ส่วนคนในเขตประเทศไทย-ลาว-พม่า-กัมพูชาในช่วงเวลาเดียวกัน ไม่ปรากฎวัฒนธรรมในการกินนมและผลิตภัณท์ของนมครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...