พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    รูปที่ผมไปถ่ายแบบ ออร่า
    ผมไปถ่ายในงานวิทยาศาสตร์ทางจิต (ของคุณสถิตธรรม เพ็ญสุข)
    ที่ผมใส่พระวังหน้า

    [​IMG]

    ในปี 2550 ผมถ่าย 2 รูป รูปนึงใส่พระวังหน้า อีกรูปไม่ใส่พระวังหน้า
    เพื่อให้รู้ว่า การห้อยพระ จะมีพลังอิทธิคุณขององค์ผู้อธิษฐานจิตครอบอยู่
    รูปหลังสุด เมื่อก่อนผมนำลงเว็บพลังจิต ผมไม่ต้องการให้เห็นหน้าผม ผมจึงใช้สีขาวปิดหน้าผมครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • oora.png
      oora.png
      ขนาดไฟล์:
      270.3 KB
      เปิดดู:
      1,499
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ต้องแบบนี้

    ต้องให้มีในเมืองไทย




    ----------------------------------------------------------------------------------------------

    บทลงโทษที่สาสมที่สุดครับสำหรับความเลวระยำที่มันทำกับผู้หญิง
    รีบดูครับก่อนถูกบล็อก

    https://www.facebook.com/photo.php?v=662102297205904&set=vb.556625641086904&type=2&theater
    หลอกผู้หญิงมาข่มขืน และฆ่าปิดปาก สุดท้ายโดนแขนคอทั้งแก๊ง
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    มีท่านนึง PM เข้ามาหาผม

    ถามว่า จะบูชาพระวังหน้า จะต้องทำอย่างไร

    ผมตอบว่า ตอนนี้ยังไม่มีงานบุญ ให้ติดตามดูในกระทู้ฯนี้

    จะแจ้งเพิ่มเติมว่า ผมจะให้ทำบุญอย่างน้อยองค์ละไม่น้อยกว่า 5,000 บาท ครับ

    .
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ชมรมพระวังหน้าและสมาชิกทุกท่าน , ผม , อดีตชมรมรักษ์พระวังหน้า และกองทุนหาพระถวายวัด มีความภูมิใจที่ได้มีโอกาสได้ทำบุญใหญ่ๆกัน

    ตั้งแต่

    ลำดับ 1.กระทู้ขอความเมตตาต่อชีวิตพระเณร (เดิมเป็นสำนักสงฆ์บ่อเงินบ่อทอง ปัจจุบันเป็น วัดบ่อเงินบ่อทอง) ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2549 ช่วยกันบอกบุญและทำบุญตั้้งแต่ที่จะปิดสำนักสงฆ์และโรงเรียนพระปริยัติธรรม ปัจจุบันมีอาคารเรียน 2 แห่ง

    ลำดับ 2.การร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ ตั้งแต่ เดือนมกราคม 2550 โดยพระอาจารย์นิล ท่านเป็นผู้ที่ริเริ่มในการสร้าง ตั้งแต่มีแต่เสา การสร้างมีความลำบากมาก พระเจดีย์อยู่บนยอดเขา สร้างพระเจดีย์บนแผ่นหิน ระยะทางจากตีนเขาขึ้นไปพระเจดีย์ 9 กม.หนทางไปด้วยความลำบาก ร่วมแรงร่วมใจร่วมบุญกันจนสำเร็จ

    ลำดับ 3.การร่วมทำบุญกฐินพระราชทาน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่ในครั้งแรกที่ทำบุญ(ในปี 2553) (วันที่ 31 ตุลาคม 2553) จนถึงปีปัจจุบับ และยังคงร่วมกันทำบุญกับงานกฐินพระราชทานฯนี้ต่อๆไป มาร่วมโมทนาบุญกันครับ


    -http://www.tairomdham.net/index.php/topic,4172.0.html-


    -http://palungjit.org/threads/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2-%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%9E%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%81-%E0%B8%96%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89.22445/-

    -http://palungjit.org/threads/%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%93%E0%B8%A3.21733/page-17-

    -http://palungjit.org/threads/%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%8D%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%9C%E0%B8%B2%E0%B8%9C%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%87-%E0%B8%93-%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%86%E0%B9%8C%E0%B8%9C%E0%B8%B2%E0%B8%9C%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%87-%E0%B8%AD-%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%A7%E0%B9%89%E0%B8%B2-%E0%B8%88-%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B8%A1%E0%B8%B4.68899/-



    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • m0-metta pra01  07-02-2549.png
      m0-metta pra01 07-02-2549.png
      ขนาดไฟล์:
      225.8 KB
      เปิดดู:
      82
    • m001.png
      m001.png
      ขนาดไฟล์:
      197.7 KB
      เปิดดู:
      65
    • m002.png
      m002.png
      ขนาดไฟล์:
      208.4 KB
      เปิดดู:
      62
    • m003.png
      m003.png
      ขนาดไฟล์:
      194.2 KB
      เปิดดู:
      72
    • p0-paphung- 27-01-2550.png
      p0-paphung- 27-01-2550.png
      ขนาดไฟล์:
      194 KB
      เปิดดู:
      55
    • p001.png
      p001.png
      ขนาดไฟล์:
      135.7 KB
      เปิดดู:
      69
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ภาพพระสงฆ์หมอบกราบ ชายอ้างตัวเป็นร่างทรงพระพุทธเจ้า

    -http://hilight.kapook.com/view/105402-



    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ร้องทุกข์ดอทคอม

    แชร์ว่อน ! ภาพพระสงฆ์หมอบกราบ ชายชุดขาวอ้างตัวเป็นร่างทรงพระพุทธเจ้า โดยนั่งอยู่บนแท่นสูงพร้อมเครื่องบูชาล้อมรอบให้คนมากราบไหว้

    เป็นภาพที่ถูกส่งต่อกันอย่างแพร่หลายเลยทีเดียว สำหรับภาพของพระสงฆ์หลายรูปหมอบกราบชายชุดขาว ที่อ้างว่า เป็นร่างทรงของพระพุทธเจ้า !

    โดยภาพดังกล่าวนั้นถูกเผยแพร่ที่ เว็บไซต์ร้องทุกข์ดอทคอม เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2557 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นภาพชุดของกลุ่มพระสงฆ์ที่ก้มลงกราบชายคนหนึ่งที่สวมชุดสีขาว นั่งอยู่บนแท่นสูงสีทอง ล้อมรอบไปด้วยพานเครื่องเซ่นบูชามากมายเลยทีเดียว โดยมีการอ้างว่า ชายคนนั้นเป็นร่างทรงของพระพุทธเจ้า ซึ่งกรณีนี้ไม่ใช่ภาพเก่าแต่เป็นเรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้น จึงอยากให้คนในสังคมช่วยเป็นหูเป็นตาว่าสถานที่ประกอบพิธีกรรมนี้คือที่ใด เพื่อป้องกันการหลอกลวงประชาชนโดยอาศัยความเชื่อ


    -------------------------------------------------------------------------------



    รับไม่ได้เลย นี่คือ "การปรามาสผู้มีธรรมอย่างร้ายแรง"



    .

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ไอ้คนที่อ้างเป็นร่างทรง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นี่ มันบ้า

    พระสงฆ์ที่กราบไอ้นี่ ก็อย่าไปกราบ ไปทำบุญด้วย เพราะเป็นถึงพระสงฆ์ แต่ไม่มีความคิดเลย

    .


     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ระเบิดเบตง วางคาร์บอมบ์ป่วนเมือง เจ็บ 40 ดับ 3

    -http://hilight.kapook.com/view/105651-


    [​IMG]
    ภาพโดย ทวิตเตอร์ @Chu_SpringNews

    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

    คาร์บอมบ์กลางเมืองเบตง จังหวัดยะลา หน้าโรงแรมฮอลิเดย์ ฮิลล์ (ฟูทูน่า) มีผู้บาดเจ็บ 40 ราย ดับ 3 ล่าสุด พบรถตู้ที่ร่วมก่อเหตุแล้ว

    วันนี้ (25 กรกฎาคม 2557) เมื่อเวลาประมาณ 16.50 น. ได้เกิดเหตุลอบวางระเบิดรถยนต์ขึ้นที่หน้าโรงแรมฮอลิเดย์ ฮิลล์ (ฟูทูน่า) ถ.ภักดีดำรงค์ ในเขตเทศบาลเมืองเบตง จังหวัดยะลา เบื้องต้นมีผู้บาดเจ็บหลายราย โดยขณะนี้ เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครกู้ภัย กำลังเร่งตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้ว

    ทั้งนี้ เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบในที่เกิดเหตุ พบว่า คนร้ายได้นำระเบิดซ่อนในรถกระบะ และรถจักรยานยนต์ ก่อนจะจุดฉนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ ส่งผลให้ระเบิดได้ทำลายพื้นที่โดยรอบจนเกิดเพลิงลุกไหม้ และได้รับความเสียหาย เบื้องต้นนั้น มีผู้เสียชีวิต 3 ราย ได้แก่ นางสาวเพ็ญนภา ตุ่นห่อ, นายเชโด ดารีเยาะ ขณะที่ผู้ได้รับบาดเจ็บมีประมาณ 40 ราย บาดเจ็บสาหัส 3 ราย

    ส่วนการสอบสวนเบื้องต้น ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุคนร้ายได้นำรถกระบะมาจอดที่หน้าโรงแรม ก่อนที่ 15 นาทีให้หลังจะเกิดระเบิดขึ้นทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ส่วนรถยนต์ที่นำมาใช้นั้น เป็นรถยี่ห้อมาสดา รุ่นไฟต์เตอร์ 2500 ซีซี สีบรอนซ์เทา ป้ายทะเบียน บง 3616 ยะลา ซึ่งได้ปล้นมาจากพื้นที่ ต.บางเขา อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ตั้งแต่ 1 มิถุนายน 2557 ที่ผ่านมา

    ด้านผู้เห็นเหตุการณ์ เปิดเผยว่า หลังจากที่คนร้ายได้จอดรถคาร์บอมบ์นั้น ก็มีรถตู้โดยสารสายดอนยาง-ยะลา เข้ามารับคนร้ายออกจากพื้นที่

    ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.วสัตน์ พวงน้อย ผกก.สภ.เบตง เปิดเผยว่า ตำรวจได้ป้องกันอย่างเต็มที่แล้ว และทางเบตงก็ไม่ได้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมา 8 ปี ดังนั้น เจ้าหน้าที่จึงต้องทบทวนมาตรการรักษาความปลอดภัยอีกครั้ง และปฏิบัติการเชิงรุกมากขึ้น ส่วนกลุ่มคนร้าย คาดว่าน่าจะเป็นกลุ่มที่เคยก่อเหตุในพื้นที่ จ.ยะลา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะเร่งตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดโดยเร็ว

    นอกจากนี้ นายสมยศ เลิศลำยอง นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองเบตง เปิดเผยว่า ตอนนี้มีบ้านเรือนประมาณ 10-15 หลังได้รับความเสียหาย ซึ่งอยู่ระหว่างการประเมินมูลค่าความเสียหายทั้งหมด

    ล่าสุด เวลาประมาณ 22.30 น. ผู้สื่อข่าวสปริงนิวส์ รายงานว่า เจ้าหน้าที่พบรถตู้คันที่รับคนก่อเหตุออกจากพื้นที่แล้ว โดยจอดทิ้งไว้บริเวณธารโต เป็นรถที่ปล้นมาตั้งแต่ตอนเช้าวันนี้ ส่วนเจ้าของรถก็ถูกจับมัดอยู่ในรถ ก่อนถูกปล่อยตัวตอนเย็น และเข้ามาแจ้งความในที่สุด


    [​IMG]
    ผู้สื่อข่าว : ทีมข่าวสปริงนิวส์

    [​IMG]
    ผู้สื่อข่าว : ทีมข่าวสปริงนิวส์


    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=cE-UjjywfTs#]เหตุการณ์ระเบิดที่เบตง 25 กรกฎาคม 2557 โดย คนรักเบตง[/ame]
    -http://www.youtube.com/watch?v=cE-UjjywfTs-



    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=xwqgS07w8P8#ws]สังเวย[/ame]
    -http://www.youtube.com/watch?v=xwqgS07w8P8-


    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก

    -http://www.dailynews.co.th/Content/regional/254980/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%A23%E0%B8%A8%E0%B8%9E%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%87%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD!%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%9A%E0%B9%8C%E0%B9%83%E0%B8%88%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%95%E0%B8%87+%28%E0%B8%8A%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%9B%29-


    -http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRRd05qSTROakUzTnc9PQ==&subcatid=-


    -http://news.springnewstv.tv/51882/%E0%B8%94%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%99-%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%9A%E0%B9%8C-%E0%B8%88%E0%B8%99%E0%B8%97-%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A2%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%B2-%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%87%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD-



    หมายเหตุ อัพเดทข้อมูล่าสุด 25 กรกฎาคม 2557 เวลา 22.51 น.
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมทราบหมายกำหนดการ กฐินพระราชทาน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในปี 2557 นี้แล้วคือ
    วันที่ 12 ตุลาคม 2557 ที่ ม.สงขลานครินทร์
    รายละเอียดไว้ผมจะมาแจ้งให้ทราบอีกครั้งครับ



     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมเคยไปอบรมกับหน่วยงานแห่งหนึ่ง วิทยากรเป็นผู้ที่มีตำแหน่ง แต่ภาษาไทย ตก


    ใช้คำว่า หมายกำหนดการ ในการอบรมตลอด

    หมายกำหนดการ ที่ถูกต้อง ใช้เฉพาะกำหนดการที่เป็นพระราชพิธีของในหลวง



    ---------------------------------------------

    หมายกำหนดการ

    น. รายการต่างๆ ของพระราชพิธี.






    กำหนดการ

    [n.] schedule
    [syn.] ตาราง,รายการ,หมายกำหนดการ

    ตัวอย่างประโยคเลขานุการมีหน้าที่จัดทำกำหนดการเดินทางของเจ้านาย

    หมายเหตุ ระเบียบการที่บอกถึงขั้นตอนของงานที่จะต้องทำตามลำดับ

    ---------------------------------------------------------------
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ธปท.ชี้แจง-แบงก์ขายประกัน



    เรียน บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ข่าวสด
    -http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRRd05qRXlPVFl6TXc9PQ==&sectionid=-


    เรื่อง ชี้แจงกรณีเรื่องแบงก์กับธุรกิจประกันชีวิต



    ตาม ที่หนังสือพิมพ์ข่าวสด ฉบับวันที่ 17 กรกฎาคม 2557 ได้นำเสนอข่าว "แบงก์กับธุรกิจประกันชีวิต" คอลัมน์ บ.ก. ตอบจดหมาย หน้า 6 โดยระบุเนื้อข่าวข้อสงสัยเกี่ยวกับการดำเนินกิจการของธนาคารและการทำธุรกิจ ประกันชีวิต นั้น



    ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ขอเรียนชี้แจงว่า ปัจจุบันการใช้บริการของลูกค้าธนาคารพาณิชย์มีความต้องการที่หลากหลาย และเพื่อให้เกิดความสะดวกและความคล่องตัวในการทำธุรกรรมของลูกค้า จึงได้อนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์ที่ได้รับอนุญาตรับใบอนุญาตจากหน่วยงานที่ เกี่ยวข้อง สามารถทำธุรกิจด้านการเป็นนายหน้าขายประกันชีวิตและประกันวินาศภัยได้ โดยการเสนอขายดังกล่าวจะต้องทำโดยพนักงานที่ได้รับอนุญาตและปฏิบัติตาม ระเบียบหรือหลักเกณฑ์ของหน่วยงานกำกับดูแล



    ธปท.ตระหนักดี ถึงการคุ้มครองสิทธิของผู้ใช้บริการทางการเงิน จึงได้ออกแนวนโยบายการกำกับดูแลการขายผลิตภัณฑ์ด้านหลักทรัพย์และประกันภัย ผ่านธนาคารพาณิชย์ กำหนดไม่ให้เสนอขายประกันเคาน์เตอร์เดียวกับการรับฝากหรือถอนเงินปกติ และจะต้องไม่เป็นลักษณะการบังคับขายที่มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2556 เป็นต้นมา และให้ธนาคารพาณิชย์รักษาข้อมูลของผู้บริโภคไว้เป็นความลับ และห้ามให้ข้อมูลผู้บริโภคแก่หน่วยงานอื่น รวมถึงบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารพาณิชย์นั้นๆ เพื่อนำไปใช้เสนอขายบริการอื่น เว้นแต่ได้รับความยินยอมจากผู้บริโภค



    ทั้ง นี้ ตลอดช่วงที่ผ่านมา ธปท.ได้ประสานให้ธนาคารพาณิชย์กำกับดูแลให้พนักงานปฏิบัติงานหรือให้บริการ ภายใต้กรอบที่กำหนด โดยเฉพาะให้คำนึงถึงสิทธิของลูกค้าในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์และบริการทางการ เงินได้อย่างอิสระ ได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง และสามารถร้องเรียนเพื่อความเป็นธรรม ตลอดจนมีสิทธิที่จะได้รับการพิจารณาค่าชดเชยหากเกิดความเสียหาย และที่สำคัญ ธปท.ได้สุ่มตรวจสอบในบางพื้นที่ รวมถึงมีการสื่อสารและประสานกับผู้บริหารธนาคารอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการขอความร่วมมือในการดูแลและติดตามการแก้ปัญหาร้องเรียนเกี่ยวกับ การกำหนดเป้าหมายงานของพนักงานธนาคารพาณิชย์ที่มีการผูกโยงกับยอดการขาย ผลิตภัณฑ์ทางด้านประกันภัย



    ทั้งนี้ ผู้ใช้บริการทางการเงินที่ประสบปัญหาจากการใช้บริการทางการเงิน สามารถร้องเรียนมาได้ที่ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธปท. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1213



    จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ และขอความร่วมมือท่านในการพิจารณานำเสนอคำชี้แจงของ ธปท. เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องของสาธารณชน



    ขอแสดงความนับถือ



    นายนันทวัฒน์ สังข์หล่อ



    ผู้อำนวยการ สำนักสื่อสารสัมพันธ์



    ฝ่ายบริหารการสื่อสารองค์กร



    ผู้ว่าการ(แทน)
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อวสานอเมริกา...ได้เวลาสงครามโลกครั้งที่ 3

    -http://www.innnews.co.th/shownews/show?newscode=552778-

    โดย ชัชรินทร์ ไชยวัฒน์
    มาถึงสัปดาห์นี้...บรรดาควันเหลือ ควันหลง ของมหกรรมฟุตบอลโลก คงจางหายเกลี้ยงบ๋อแบ๋ไปหมดแล้ว แต่ควันของสงครามระดับโลก กลับโผล่พุ่ง พวยพุ่ง ผุดแพลม ออกมาเป็นจุดๆ ไล่มาตั้งแต่อิรัคที่เพิ่งจะยึดบ้าน ยึดเมือง ยึดพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันตก ประกาศแบ่งประเทศ ตั้งรัฐอิสลาม รบกันยังไม่แล้วเสร็จในทุกวันนี้ ลิเบียที่เพิ่งร่าเริง ยินดี จากการโค่นล้มเผด็จการ “มูฮัมหมัด กัดดัฟฟี”ไปแค่ไม่กี่เดือน กี่ปี เท่านั้นเอง ก็หันมายิงใส่กันเองยึดสนามบิน ยึดแหล่งน้ำมัน ยึดฐานอำนาจของแต่ละฝ่าย แบบสับสน วุ่นวาย เลอะเทอะ เอามากๆ...


    ส่วนซีเรียนั้น...คงแทบไม่ต้องพูดถึง แม้ว่าจะผ่านการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งล่าสุดมาได้ตามกำหนดการ แต่ก็ยังคงฆ่ากัน ยิงกัน มาโดยตลอด จำนวนคนเจ็บ คนตาย ปาเข้าไปเป็นแสนๆ ล้านๆ ไปแล้วก็ไม่รู้ และอาจเป็นเพราะ “โลกอาหรับ”กำลังตกอยู่ในภาวะระส่ำ ระสาย อ่อนปวกเปียกเป็นกล้วยบวชชีค้างคืนตั้งแต่ยุค “อาหรับสปริง”เป็นต้นมา หรือด้วยเหตุผลใดๆนอกเหนือไปจากนี้ก็แล้วแต่ แค่ชาวปาเลสไตน์ไปมีเรื่องกับชาวยิว ฆ่าชาวยิวตายไป 3 ราย กองทัพอิสราเอลก็เปิดฉากใช้เครื่องบินรบ ปืนใหญ่ ถล่มฉนวนกาซานับเป็นสัปดาห์ๆ และยังคงไม่หยุดอยู่จนทุกวันนี้ ฆ่าเด็ก ผู้หญิง ผู้ชาย คนหนุ่ม-สาว คนชรา ชาวปาเลสไตน์ตายไปแล้วเกือบ 300 คน บาดเจ็บกว่า 2,000 คน แถมยังมีทีท่าว่าอาจส่งกองกำลังภาคพื้นดินเข้าบุกตะลุยยึดพื้นที่ เพิ่มจำนวนคนเจ็บ คนตาย ให้หนักหนาสาหัสยิ่งไปกว่านี้อีกเป็นสิบเท่า ร้อยเท่า ไปเลยก็ไม่แน่!!!


    โดยเฉพาะเมื่อรัฐบาลอเมริกันเชื้อสายยิว หรือรัฐบาลอเมริกาของ “โอบามา”ที่หวงแหนประชาธิปไตย เสรีภาพ สิทธิมนุษยชนซะเหลือเกิน แต่ดันเปิดไฟเขียวสว่างโร่ ให้อิสราเอลสามารถตอบโต้ หรือสังหาร พร่าผลาญ ชีวิตมนุษย์รายใดก็ได้ ที่เห็นว่าเป็นภัยคุกคามต่ออิสราเอล โดยไม่ต้องสนใจเสรีภาพ สิทธิมนุษยชน ใดๆเลย แถมยังควักเงินช่วยเหลือทางทหารปีละไม่น้อยกว่า 3.1 พันล้านดอลลาร์ เป็นสมนาคุณให้อีกต่างหาก ต่างไปจากท่าทีที่แสดงต่อ “พี่ไทย”แบบคนละเรื่อง คนละม้วน ด้วยระบบ “สองมาตรฐาน”ของอเมริกาที่ หนักซะยิ่งกว่าสองมาตรฐานของพวก “เสื้อแดง”ซะอีก โลกทั้งโลกมันเลยรุ่มร้อน เร่าร้อน มาโดยตลอด โอกาสที่จะหาความสงบ สันติสุข สันติภาพ มันจึงหายากซ์ซ์ซ์ยิ่งกว่าหาหนวดเต่า เขากระต่าย เอาเลยก็ว่าได้...


    และขณะที่โศกนาฏกรรมอันมีที่มาจากมนุษย์กระทำ ย่ำยี ต่อเพื่อนมนุษย์ ณ ฉนวนกาซา ยังคงไม่แล้วเสร็จ มนุษย์หรืออมนุษย์รายใดก็ไม่รู้ ดันก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมอันน่าสยดสยอง น่าตกตะลึงพรึงเพริด ด้วยการยิงขีปนาวุธใส่สายการบินพลเรือนของมาเลเซีย ในแถบดินแดนยูเครนซะอีกต่างหาก มนุษย์ชาวยูเครนที่นิยมตะวันตก นิยมอเมริกา ก็หันไปโทษว่าเป็นฝีมือมนุษย์ชาวยูเครนที่นิยมรัสเซีย มนุษย์ชาวยูเครนที่นิยมรัสเซียก็หันกล่าวหาว่าเป็นฝีมือมนุษย์ชาวยูเครนที่นิยมตะวันตก นิยมอเมริกา ไปแทนที่ ส่งผลให้มนุษย์อเมริกาและมนุษย์รัสเซียหันไปชี้นิ้วกล่าวหามนุษย์ที่ไม่ใช่ฝ่ายเดียวกับตัวเอง ทั้งๆที่ใครก็ตามที่ก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมในลักษณะเช่นนี้ ล้วนแล้วแต่หนักไปทาง “อมนุษย์”ซะมากกว่า ไม่มีสิทธิ์ที่จะเป็นผู้ เป็นคน กะใครเค้าได้...


    แต่ก็นั่นแหละ...ในเมื่อยังไม่รู้ชัดว่าใครเป็นมนุษย์ ใครเป็นอมนุษย์กันแน่ ความตึงเครียดทางทหารระหว่างตะวันตกกับตะวันออก ระหว่างอเมริกากับรัสเซีย โดยมียูเครนเป็นเหยื่อ หรือเป็นตัวแทน ที่โดยปกติมันก็เครียดๆกันอยู่แล้ว ก็ยิ่งเครียดหนักเข้าไปใหญ่ คือไม่ว่า “อมนุษย์”รายใดที่ก่อโศกนาฏกรรมครั้งนี้ขึ้นมาก็แล้วแต่ แต่มันได้ส่งผลให้ความพยายามที่จะชักลากอเมริกาและชาติตะวันตกเข้าไปห้ำหั่นกับรัสเซียที่มีจีน มีอิหร่าน ยืนเคียงบ่า เคียงไหล่ มาโดยตลอด เกิดการบรรลุผล บรรลุเป้าหมาย ขึ้นมาบ้างแล้วในบางระดับ ด้วยเหตุนี้...ถ้าอยากจะรู้ว่า “อมนุษย์”รายนี้เป็นใครกันแน่ ก็แค่นำเอา “ประโยชน์”และ “ความต้องการ”ของเป้าหมาย หรือผลลัพธ์ในเรื่องนี้มาลองชั่งน้ำหนัก บวก ลบ คูณ หาร กันดู ก็น่าจะพอเห็นภาพรางๆ โดยไม่ต้องเสียเวลาไปสืบเสาะ ไปควานหาหลักฐานจากกล่องดำ กล่องแดง อะไรให้เมื่อย เพราะขนาดกล่องดำของสายการบินมาเลเซียลำที่แล้ว ที่ถูกจี้ ถูกบังคับ ให้บินหายไปในมหาสมุทรแปซิฟิค ก็ยังหาไม่พบ หาไม่เจอ กลายเป็นปริศนาดำมืดตลอดกาลไปจนทุกวันนี้ ดังนั้น...ก็คงไม่ต้องเสียเวลาไปสืบเสาะอะไรกันมากมาย เอาแค่ “ประโยชน์”และ “ความต้องการ”ของใครต่อใครเป็นตัวตั้ง แล้วบวก ลบ คูณ หาร ออกมาเป็นผลลัพธ์ ก็คงพอหาข้อสรุปได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์...


    สรุปเอาเป็นว่า...ไม่ว่าจะเป็นกรณีอิรัค ซีเรีย อิหร่าน ฉนวนกาซา ยูเครน ฯลฯ หรือจะลากลงมาปักหมุดอยู่แถวๆเอเชียแถบๆทะเลจีนใต้ด้วยก็ได้ บรรดากรณีเหล่านี้...สุดท้ายแล้วมันล้วนแล้วแต่มีความเชื่อมโยง สัมพันธุ์ มีส่วนเกี่ยวข้องและสามารถส่งผลกระทบระหว่างกันและกันอย่างมิอาจแยกส่วนออกมาพิจารณาเป็นกรณีๆโดยเฉพาะได้เลย ยิ่งถ้าหากนำเอากรณีเหล่านี้มาพิจารณากันเป็น “องค์รวม” ก็น่าจะพอสรุปได้ว่า....บรรดาเหตุการณ์ต่างๆเหล่านี้ ล้วนสะท้อนให้เห็นถึงฉากสถานการณ์การใช้กำลังทหาร หรือฉากสถานการณ์สงคราม ที่แทรกซ้อนอยู่ภายใต้ภาพเหล่านี้ไปด้วยกันทั้งสิ้น และโอกาสที่การใช้กำลังทหาร หรือการทำสงครามในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งจะลุกลาม บานปลาย ไปเชื่อมต่อ เชื่อมโยง กับพื้นที่อีกพื้นที่หนึ่ง ยิ่งนานวันยิ่งมีความเป็นไปได้สูงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ หรือทำให้สงครามเล็กๆ กำลังจะกลายเป็นสงครามขนาดใหญ่ ถึงขั้นอาจใหญ่กันในระดับกลายเป็น “สงครามโลก”ขึ้นมาอีกครั้ง ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เอาเลย...


    ด้วยเหตุนี้...ไอ้สิ่งที่เคยฟังดูเพ้อๆ ฟังดูเว่อร์ๆ เมื่อมีใครต่อใครพูดกันถึงเรื่อง “สงครามโลกครั้งที่ 3” มาบัดนี้มันชักจะไม่ถึงกับเพ้อ ไม่ถึงกับเว่อร์ต่ออีกไปแล้ว เพราะยิ่งนานวันมันยิ่งมีความเป็นไปได้ อาจจะมากซะยิ่งกว่าการได้ดูบอลโลกเตะกันกลางทะเลทรายที่กาต้าร์หรือไม่ อย่างไร ซะอีกต่างหาก คือมันเฉียดฉิว เฉียดเส้นยาแดงผ่าแปดเข้าไปทุกที ยิ่งถ้าหากมองกันตามทฤษฏีทุนนิยมฉบับที่เรียกว่า “เคนเนเชี่ยนทางทหาร”ด้วยแล้ว ความเป็นไปได้มันยิ่งสูงขึ้นมาในระดับไม่ต้องไปเสียเวลาให้คณะกรรมการฟีฟ่าของไอ้ “เซพพ์ แบลตเตอร์”รับประกัน การันตีใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย คือเพราะว่าสุดท้าย...ด้วย “สงคราม”นี่เอง ที่มันถูกถือเป็น “ทางออก”หรือถูกถือเป็นยาสารพัดโรค ในการแก้ “วิกฤตทุนนิยม” อย่างเช่นที่ “วิกฤตทุนนิยมโลก”ในปีค.ศ. 1920-1930 ถูกแก้ไขได้ด้วย “สงครามโลกครั้งที่ 2”มาแล้ว จนทำให้หัวขบวนทุนนิยมโลกอย่างอเมริกา สามารถหายใจ หายคอ ฟื้นขึ้นมาจากภาวะ “Great Depression”ได้แบบฉับพลัน-ทันที...


    สำหรับวิกฤตการณ์ทุนนิยมทุกวันนี้ ซึ่งกำลังทำให้ประเทศหัวขบวนทุนนิยมโลกต้องแบกหนี้ แบกสิน พอกตั้งแต่หางหมูไปยันถึงหัวหมูไม่น้อยกว่า 16 ล้านล้านดอลลาร์ ไม่ว่าจะอัดฉีด พิมพ์เงินออกมา จนแทบเป็นแบ๊งค์กงเต๊กไปแล้วในขณะนี้ แต่มันก็ยังหาทางออก ทางไป แทบไม่เจอ บรรยากาศของการเข่นฆ่า ล้างผลาญ มวลมนุษย์ในพื้นที่ต่างๆ กรณีต่างๆ จนทำให้ฉากสถานการณ์การใช้กำลังทหาร หรือการทำสงครามประหัตประหารกันในพื้นที่เล็กๆแต่ละแห่ง แต่ละจุด ค่อยๆถูกเชื่อมโยงกลายเป็นภาพของ “สงครามขนาดใหญ่”ยิ่งขึ้นทุกที มันจึงเป็นไปตามแบบที่นักวิเคราะห์เศรษฐกิจอย่างนาย “เจอรัลด์ เซเลนเต้”ผู้เคยทำนายถึงการล่มสลายของสหภาพโซเวียตเอาไว้แบบแม่นยำราวตาเห็น ได้สรุปเอาไว้ตั้งแต่ 2-3 ปีที่แล้วนั่นแหละว่า... “ความล้มเหลวทางเศรษฐกิจ กำลังทำให้รัฐบาลสหรัฐ ดูจะมีความหุนหันพลันแล่นยิ่งขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อภาวะฟองสบู่ทั้งหลายแตกออกมาอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้ มันยิ่งจะทำให้การบริหาร จัดการ ของรัฐบาลเป็นไปในแบบความพยายามที่จะแก้ไขความผิดพลาดล้มเหลวอย่างมหันต์ ด้วยการสร้างความผิดพลาด ล้มเหลว อย่างอภิมหามหันต์ จนกระทั่งเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างเข้าสู่ภาวะความผิดพลาด ล้มเหลว โดยสิ้นเชิง...รัฐบาลอเมริกันก็จะนำพาชาติทั้งชาติเข้าสู่สงครามในท้ายที่สุด” ใครที่ต้องการรับรู้รายละเอียดมากกว่านี้ ลองไปหาอ่านจากหนังสือเรื่อง “อวสานอเมริกา...ได้เวลาสงครามโลกครั้งที่ 3”ที่สำนักพิมพ์กรีนปัญญาญานจัดพิมพ์ไว้เมื่อ 3 ปีที่แล้วเอาเองก็แล้วกัน...
     
  14. ซัวเรส

    ซัวเรส Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +33
    ขออนุญาตุเรียญสอบถามครับพี่ พระปิดตาองค์นี้เป็นของกรุวังหน้ามั้ยครับ(ปิดตาสองหน้า) และทันหลวงปู่เทพโลกอุดรเสกมั้ยครับ ขอความรู้ด้วยครับ ขอบพระคุณครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. ซัวเรส

    ซัวเรส Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +33
    ขอความอนุเคราะห์ด้วยนะครับอยากทราบจริงๆครับองค์ผมพึ่งได้มาครับ
     
  16. ซัวเรส

    ซัวเรส Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +33
    อีกองค์ครับ พิมพ์ยืน(เบญจรงค์)มีคราบกรุคลุมบางๆสวยครับ
    ขอความรู้ด้วยครับอาจารย์ทุกๆท่านที่แวะเข้ามาเยี่ยมชมครับ ขอบพระคุณครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    มุสาวาท

    -http://www.gongtham.net/my_data/luksut/winai_ek/6vin_15.html-

    คำว่า มุสา แปลว่า เท็จ เจตนาทำให้พูดเท็จ ชื่อว่า มุสาวาท ได้แก่ อกุศลเจตนา
    ที่ก่อให้เกิดความพยายามทางกายและทางวาจาของคนโกง
    โดยมุ่งจะหลอกลวงคนอื่น การพูดเท็จนั้น หากทำให้คนอื่นเสียประโยชน์ จัดเป็นกรรมบถ
    ถ้าไม่เสียประโยชน์ ก็เป็นเพียงกรรม

    กรรมบถ ต่างกันกับ กรรม กรรมบถ หมายถึง กรรมที่ส่งผลในปฏิสนธิกาล เช่น ส่งผลให้ไปเกิดในนรก
    เกิดเป็นมนุษย์ เกิดในสวรรค์ เป็นต้น
    ส่วนกรรม หมายถึง กรรมที่ให้ผลในปวัตติกาล เช่น ส่งผลให้เห็นรูป ฟังเสียง ลิ้มรส ที่ดีหรือไม่ดี เป็นต้น

    มุสาวาท จะสำเร็จเป็นกรรมบถได้นั้น ต้องประกอบด้วยองค์ ๔ คือ

    ๑. เรื่องไม่จริง
    ๒. จิตคิดจะพูดให้ผิด
    ๓. พยายามจะพูดออกไป
    ๔. คนอื่นเข้าใจเนื้อความนั้น

    มุสาวาทมีโทษมาก เพราะเหตุ ๓ ประการ คือ

    ๑. ประโยชน์ที่ถูกทำลายมีมาก
    ๒. ผู้เสียประโยชน์เป็นผู้มีคุณมาก
    ๓. กิเลสของผู้กล่าวมุสาวาทมีกำลังแรงกล้า

    มุสาวาทที่ตรงกันข้าม ชื่อว่ามีโทษน้อย
    โทษของมุสาวาท
    อดีตกาล ในพระนครพาราณสี ได้มีจักษุแพทย์คนหนึ่ง เที่ยวรักษาคนตามหมู่บ้าน ตำบลต่าง ๆ
    ต่อมา ได้พบผู้หญิงคนหนึ่ง กำลังทุกข์ทรมานด้วยโรคตา จนเกือบจะมองไม่เห็น หมอตรวจดูอาการแล้ว
    บอกว่าพอจะรักษาให้หายเป็นปกติได้
    นางจึงตอบว่า ถ้าคุณหมอรักษาตาดิฉันให้หายเป็นปกติได้ ดิฉันกับลูกชาย ลูกสาว
    จะยอมเป็นทาสรับใช้ไปตลอดชีวิต
    หมอจึงตกลงรักษาให้ ต่อมาไม่นาน ดวงตาของเธอก็หายเป็นปกติ

    เธอกลัวว่าจะต้องเป็นทาสของหมอตามที่ให้สัญญาไว้ เมื่อหมอมาถามอาการ จึงแกล้งพูดโกหกว่า
    ก่อนนี้ ดวงตาของดิฉันเจ็บปวดเพียงเล็กน้อย แต่พอหยอดยาของท่านแล้ว กลับเจ็บปวดมากกว่าเดิม
    หมอรู้ทันว่า ผู้หญิงคนนี้หลอกลวงเรา เพราะต้องการจะไม่ให้ค่ารักษา โกรธมาก จึงปรุงยาขนานใหม่ให้
    เมื่อนางใช้ยานั้นหยอดตาแล้ว ตาทั้ง ๒ ข้างได้บอดสนิท สตรีนั้น ตาบอดเพราะการกล่าวเท็จ ดังนี้แล


    ปิสุณวาจา
    เจตนาของผู้มีจิตเศร้าหมอง พยายามกระทำหรือพูด เพื่อต้องการให้คนอื่นมารักตน ก็ดี
    เพื่อต้องการทำลายคนอื่น ก็ดี ชื่อว่า ปิสุณวาจา

    การพูดให้ร้ายลับหลัง โดยมุ่งให้คนอื่นเกิดความแตกแยก เมื่อคนอื่นแตกแยกกันแล้ว จัดเป็นปิสุณวาจา
    สำเร็จเป็นกรรมบถ ถ้าไม่เกิดความแตกแยกกันก็เป็นเพียงกรรมเท่านั้น

    ปิสุณวาจา จะสำเร็จเป็นกรรมบถได้นั้น ต้องประกอบด้วยองค์ ๔ คือ

    ๑. คนอื่นที่พึงถูกทำลาย
    ๒. จิตคิดจะพูดส่อเสียด
    ๓. พยายามจะพูดออกไป
    ๔. คนอื่นเข้าใจเนื้อความนั้น

    ปิสุณวาจา มีโทษมาก เพราะเหตุ ๓ ประการ คือ

    ๑. บุคคลผู้ถูกทำลายให้แตกแยกกันนั้น เป็นผู้มีคุณมาก
    ๒. คนเหล่านั้นแตกแยกกัน
    ๓. ผู้พูดมีกิเลสแรงกล้า

    ปิสุณวาจาที่ตรงกันข้าม ชื่อว่ามีโทษน้อย

    โทษของปิสุณวาจา

    ในกาลแห่งพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่ากัสสปะ มีพระมหาเถระ ๒ รูป รูปหนึ่งมีพรรษา ๖๐
    อีกรูปหนึ่งมีพรรษา ๕๙ สนิทรักกันมาก จำพรรษาอยู่ในอาวาสแห่งหนึ่ง สมบูรณ์ด้วยลาภ
    ต่อมา มีพระธรรมกถึกรูปหนึ่ง มาขออยู่ในอาวาสนั้นด้วย เพราะเห็นว่าเป็นวัดที่มีลาภสักการะมาก
    อยู่ได้ไม่นาน ก็คิดขับไล่พระเถระทั้ง ๒ รูปนั้น จึงเข้าไปหาทีละรูปแล้ว พูดว่า เมื่อวันกระผมมาที่นี่
    พระเถระรูปนั้น บอกผมว่า คุณเป็นคนดี จะคบหาสมาคมกับพระมหาเถระ ต้องพิจารณาให้ดีก่อน
    พูดเหมือนกับรู้ความลับ ความเสียหายของท่าน เสร็จแล้ว ก็เข้าไปหาอีกรูปหนึ่ง
    พูดอย่างเดียวกันนั้น แรก ๆ ทั้ง ๒ รูปไม่เชื่อ แต่นานไป เกิดบาดหมางกันแล้ว
    ในที่สุดก็แตกกัน ต่างคนต่างออกจากวัด พระธรรมกถึก จึงได้ครองวัดนั้นแต่เพียงรูปเดียว
    เมื่อพระธรรมกถึกนั้นมรณภาพแล้ว ไปเกิดในนรกชั้นอเวจี พ้นจากนรกนั้นแล้ว
    ไปเกิดเป็นเปรต ร่างกายเหมือนมนุษย์ มีศีรษะเหมือนสุกร ต้องเสวยทุกข์อยู่ที่ภูเขาคิชฌกูฏ
    การพูดทำให้คนแตกสามัคคีกัน เป็นบาปหนัก ดังนี้แล

    ผรุสวาจา

    เจตนาแผ่ไปเผาผลาญจิตของผู้ฟัง ชื่อว่า ผรุสา

    เจตนาเป็นเหตุประทุษร้าย ก่อให้เกิดความพยายามทางกาย และทางวาจา อันเป็นเหตุทำลายไมตรีของผู้อื่น
    ชื่อว่า ผรุสวาจา อีกอย่างหนึ่ง เจตนาในการพูดมุ่งทำลาย แผ่ไปเผาผลาญจิตใจของผู้ฟัง ชื่อว่า ผรุสวาจา

    ผรุสวาจานั้น ขึ้นอยู่กับเจตนาที่มุ่งประทุษร้าย และพูดต่อหน้า จึงจัดเป็นกรรมบถ ส่วนคำด่าที่พูดด้วยเจตนาดี
    เหมือนบิดา มารดา และครูอาจารย์ ดุด่าบุตร ธิดา และศิษย์ เป็นต้น ไม่จัดเป็นผรุสวาจา

    ดังได้สดับมา เด็กคนหนึ่ง ไม่เชื่อคำของมารดา เข้าไปในป่า เมื่อมารดาไม่สามารถบังคับให้เด็กนั้นกลับได้
    จึงด่าว่า ขอแม่กระบือดุ จงไล่ตามมัน ทันใดนั้น แม่กระบือปรากฏแก่เด็กนั้นในป่าจริง ๆ
    เด็กได้ตั้งสัจจอธิษฐานว่า มารดาของข้าพเจ้า พูดเรื่องใด ด้วยปาก เรื่องนั้นจงอย่ามี
    แต่มารดาคิดเรื่องใด ด้วยจิต ขอเรื่องนั้นจงมีเถิด แม่กระบือได้หยุดอยู่ เหมือนถูกผูกในที่นั้นนั่นเอง

    ผรุสวาจาที่จะสำเร็จเป็นกรรมบถได้นั้น ต้องประกอบด้วยองค์ ๓ คือ

    ๑. คนอื่นที่พึงถูกด่า
    ๒. จิตคิดจะพูดคำหยาบ
    ๓. พูดคำหยาบออกไป

    ผรุสวาจามีโทษมาก เพราะเหตุ ๓ ประการ คือ

    ๑. ผรุสวาจานั้น ถึงความเป็นกรรมบถ
    ๒. คนที่ถูกด่าเป็นคนมีคุณธรรมมาก
    ๓. ผู้พูดมีกิเลสแรงกล้า

    ผรุสวาจาที่ตรงกันข้าม ชื่อว่ามีโทษน้อย
    โทษของผรุสวาจา
    ในสมัยพุทธกาล พระราชกุมารทรงพระนามว่าวิฑูฑภะ เป็นโอรสของพระเจ้าปเสนทิโกศล
    กับพระนางวาสภขัตติยา ชาวศากยะ เป็นพระญาติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    เป็นพระธิดาของพระเจ้ามหานามะกับนางกำนัล
    พระเจ้ามหานามะได้ถวายพระนางแก่พระเจ้าปเสนทิโกศลที่ส่งคนมาขอ
    โดยประสงค์จะเป็นพระญาติกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    ขณะที่ยังทรงพระเยาว์ พระเจ้าวิฑูฑภะ เห็นพระกุมารอื่น ๆ ได้รับของขวัญจากสกุลของพระเจ้าตา
    จึงถามพระมารดาว่า แม่ไม่มีพระเจ้าตาพระเจ้ายายหรือ ? เมื่อพระมารดา ตอบว่า มีสิลูก
    ได้ถามกลับไปว่า ทำไม พระเจ้าตาพระเจ้ายาย จึงไม่ส่งของเล่นให้ชายบ้าง ?
    คำถามนี้ทำให้พระมารดาหนักพระทัยที่สุด เพราะรู้จักมานะของพวกศากยะดี
    จึงตอบเลี่ยงไปว่า ท่านอยู่ไกลและไม่มีเวลา

    วิฑูฑภราชกุมารรบเร้าพระมารดา ต้องการจะไปเยี่ยมสกุลพระเจ้าตา พระนางไม่สามารถจะขัดขืนได้
    จึงส่งข่าวไปให้พระเจ้ามหานามะทราบ ในวันที่วิฑูฑภ-ราชกุมารไปถึงเมืองกบิลพัสดุ์
    พวกศากยะให้พระกุมารที่มีอายุน้อยกว่าเสด็จออกประพาสป่าหมด วิฑูฑภราชกุมารต้องเป็นผู้ไหว้พวกศากยะฝ่ายเดียว
    จึงถามว่า เจ้าศากยะที่อายุน้อยกว่าไม่มีเลยหรือ ? พวกเจ้าศากยะตอบว่า มีจ้ะ พ่อ แต่ออกไปประพาสป่ากันหมด
    วิฑูฑภราชกุมารเยี่ยมสกุลพระเจ้าตาพอสมควรแก่เวลา
    จึงลากลับ เดินทางไปได้ระยะหนึ่ง มหาดเล็กคนหนึ่งลืมของไว้ จึงกลับไปเอา
    พบพวกศากยะกำลังเอาน้ำนมล้างตั่งที่วิฑูฑภราชกุมารนั่ง ปากก็ด่าว่า
    ล้างเสนียดจัญไรที่ลูกนางทาสีนั่ง มหาดเล็กนำความนั้นมาทูลพระราชกุมาร
    พระราชกุมารโกรธจัด ตรัสว่า วันนี้ พวกศากยะเอาน้ำนมล้างตั่งไปก่อนเถอะ
    ภายหน้าเมื่อเราได้ครองราชย์ จะเอาเลือดในลำคอของพวกนั้นล้างท้องพระโรงให้ได้

    เมื่อวิฑูฑภราชกุมาร ได้ครองราชย์หลังจากพระเจ้าปเสนทิโกศลสวรรคตแล้ว
    จึงยกกองทัพมาฆ่าพวกศากยะจนหมดสิ้น ไม่เว้นแม้กระทั่งเด็กที่ยังดื่มนม
    สกุลของพวกเจ้าศากยะได้ถูกพระเจ้าวิฑูฑภะทำลายจนหมดสิ้น
    เพราะการกล่าวคำหยาบด่าว่าผู้อื่นด้วยจิตใจที่หยาบคาย ดังนั้น จึงไม่ควรพูดคำหยาบ
    ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม

    สัมผัปปลาปะ
    เจตนาเป็นเหตุกล่าวถ้อยคำอันหาประโยชน์มิได้
    คือ กำจัดทางแห่งประโยชน์สุข อันสัตบุรุษพึงได้รับ ชื่อว่า สัมผัปปลาปะ

    ความแตกต่างระหว่าง มุสาวาทกับสัมผัปปลาปะ

    มุสาวาท ได้แก่ อกุศลเจตนา อันเป็นเหตุพยายามทางกาย ทางวาจา ของคนผู้มุ่งจะหลอกลวงคนอื่น
    ส่วนสัมผัปปลาปะ ได้แก่ อกุศลเจตนา อันเป็นเหตุกล่าวถ้อยคำปราศจากอรรถธรรม ไม่แสดงอรรถ
    ธรรมและวินัย เพื่อให้เข้าใจประโยชน์ในภพนี้ และภพหน้า

    สัมผัปปลาปะที่ประกอบด้วยอกุศลเจตนาเป็นเหตุพยายามทางกาย ทางวาจา เพื่อแสดงสิ่งไร้สาระ
    จนคนหลงเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง จัดเป็นกรรมบถ

    ส่วนดิรัจฉานกถา ผู้พูดด้วยความชอบใจ ย่อมเป็นเพียงกรรม ไม่ถึงกรรมบถ
    หากพูดโดยอิงอาศัยอรรถ ธรรม หรือวินัย ก็เกิดประโยชน์ได้

    สัมผัปปลาปะ จะสำเร็จเป็นกรรมบถได้ ต้องประกอบด้วยองค์ ๒ คือ

    ๑. จิตคิดจะพูดเรื่องเพ้อเจ้อ
    ๒. พูดเรื่องเช่นนั้นออกไป

    สัมผัปปลาปะ มีโทษมาก เพราะเหตุ ๓ ประการ คือ

    ๑. ผู้พูดมีอาเสวนะ (ความเสพคุ้น) มาก
    ๒. คนอื่นเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง
    ๓. ผู้พูดมีกิเลสแรงกล้า

    สัมผัปปลาปะที่ตรงกันข้าม ชื่อว่ามีโทษน้อย
    โทษของสัมผัปปลาปะ
    ในสมัยดึกดำบรรพ์ มีเต่าช่างพูดตัวหนึ่ง ได้ผูกมิตรกับหงส์ ๒ ตัว ที่มักมาหากินในหนองน้ำที่เต่าอาศัยอยู่
    เมื่อหงส์ทั้งสองมาที่หนองน้ำนั้น ก็สนทนากับเต่าอย่างมีความสุข สมกับคำที่นักปราชญ์สอนไว้ว่า
    จะมีใครในโลกนี้ ที่มีความสุขเท่ากับผู้มีมิตรสหายไว้สนทนาปรับทุกข์ ร่วมสุขซึ่งกันและกัน
    เต่าได้พูดกับหงส์ว่า สหายทั้งสองนับว่าโชคดี มีปีกบินได้ จึงไปหากิน
    และไปเที่ยวต่างถิ่นต่างที่ได้ตามใจชอบ ส่วนข้าพเจ้ากี่เดือนกี่ปี ก็อยู่แต่ที่หนองน้ำแห่งนี้
    ไม่มีโอกาสได้ไปภูมิประเทศอื่น อันสวยงามกับเขาเลย เพราะเป็นสัตว์เดินช้า

    หงส์ทั้งสองสงสารเพื่อน จึงบอกว่า ถ้าสหายต้องการจะไปหากินยังหนองน้ำอื่น
    และเที่ยวชมภูมิประเทศที่สวยงามละก็ ข้าพเจ้าทั้งสองสามารถพาไปได้
    แต่กลัวว่าสหายจะอดพูดไม่ได้ เต่าถามวิธี จึงบอกว่าข้าพเจ้าทั้งสองจะคาบไม้ที่ปลายทั้งสอง
    ให้สหายคาบตรงกลาง เท่านี้ ก็สามารถพาสหายไปที่ไหนก็ได้
    แต่ในระหว่างเดินทาง สหายต้องไม่พูดเด็ดขาด ถ้าพูดจะทำให้ตกลงมาถึงแก่ความตาย
    เต่ารับคำของหงส์ว่าจะทำตามนั้น

    หงส์ทั้งสองพาเต่าบินไป ผ่านทุ่งนาแห่งหนึ่ง ซึ่งมีเด็กเลี้ยงวัวหลายคนกำลังจับกลุ่มเล่นกันอยู่
    เด็กคนหนึ่งเห็นเช่นนั้น จึงบอกเพื่อนว่า ดูนั่นสิ
    หงส์ ๒ ตัวคาบปลายไม้พาเต่าบินไป ข้าว่าเดี๋ยวก็ตกลงมาตาย พวกเราตามไปเก็บเต่าตายมาแกงกินกันเถอะ
    แล้วก็พากันวิ่งตามไป เต่าได้ยินดังนั้น
    อยากจะพูดกับเด็กให้สะใจว่า ไอ้เด็กโง่เอ๋ย พวกเอ็งไม่มีวันจะได้กินเนื้อของข้าหรอก อ้าปากจะพูด
    จึงหลุดจากไม้ที่คาบไว้ ตกลงมาที่แผ่นดิน
    จนกระดองแตกกระจาย ถึงแก่ความตาย การพูดไม่รู้จักกาลเวลามีโทษอย่างนี้

    วจีกรรมเป็นไปในทวาร ๒

    กรรม ๔ อย่าง มีมุสาวาทเป็นต้นนี้ จัดเป็นวจีกรรม เพราะเป็นไปทางวจีทวาร
    โดยมาก บางครั้ง กรรม ๔ อย่างนี้ ก็เกิดขึ้นทางกายทวารได้
    เช่น การเขียนหนังสือหลอกลวงคนอื่น เป็นต้น จัดเป็นกายกรรม

    อนึ่ง ในขณะที่พูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ และพูดเพ้อเจ้อนั้น อกุศลธรรม ๓ อย่าง
    มีอภิชฌา พยาบาท และมิจฉาทิฏฐิ ย่อมเกิดร่วมด้วยตามสมควร
    แต่ก็ไม่เรียกว่า วจีกรรม เพราะมุ่งเอาเจตนาเป็นใหญ่
    ดังพระพุทธพจน์ว่า เจตนาหํ ภิกฺขเว กมฺมํ วทามิ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวเจตนาว่าเป็นกรรม
    และอกุศลธรรมทั้ง ๓ นั้น ก็ไม่ชื่อว่า มโนกรรม เพราะละเมิดออกมาทางวาจาแล้ว
    ดังนั้น อกุศลธรรมทั้ง ๓ นั้น จึงเป็นเพียงตัวสนับสนุนเจตนา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 สิงหาคม 2014
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    มุสาวาท [ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค]

    -http://www.dhammahome.com/front/webboard/show.php?id=24041-

    ข้อความบางตอนจาก

    พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 191
    -http://www.dhammahome.com/tipitaka/topic11.html-



    ในคำว่า มุสาวาทํ ปหาย นี้ คำว่า มุสา ได้แก่วจีประโยค หรือ

    กายประโยค ที่ทำลายประโยชน์ของบุคคลผู้มุ่งจะกล่าวให้คลาดเคลื่อน.

    ก็เจตนาอันให้เกิดกายประโยคและวจีประโยค ซึ่งพูดให้ผู้อื่นคลาดเคลื่อน

    ของบุคคลผู้มุ่งจะกล่าวให้คลาดเคลื่อนนั้น ด้วยประสงค์จะกล่าวให้คลาดเคลื่อน

    ชื่อว่า มุสาวาท.

    อีกนัยหนึ่ง คำว่า มุสา ได้แก่เรื่องที่ไม่เป็นจริง ไม่แท้. คำว่า วาท

    ได้แก่กิริยาที่ทำให้เขาเข้าใจเรื่องที่ไม่จริง

    ไม่แท้นั้นว่า เป็นเรื่องจริง เรื่องแท้.

    ว่าโดยลักษณะ เจตนาที่ให้เกิดวิญญัติอย่างนั้น ของผู้

    ประสงค์จะให้ผู้อื่นเข้าใจเรื่องที่ไม่แท้ว่าเป็นเรื่องแท้ ชื่อว่า มุสาวาท.

    มุสาวาทนั้น มีโทษน้อย เพราะประโยชน์ที่ทำลายนั้นน้อย

    มีโทษมาก เพราะประโยชน์ที่ทำลายนั้นมาก.

    อีกอย่างหนึ่ง สำหรับพวกคฤหัสถ์ มุสาวาทที่เป็นไปโดยนัยว่า

    ไม่มี เป็นต้น เพราะประสงค์จะไม่ให้ของของตนมีโทษน้อย

    ที่เป็นพยานกล่าวเพื่อทำลายประโยชน์ มีโทษมาก.

    สำหรับพวกบรรพชิต มุสาวาทที่เป็นไปโดยนัยแห่งการพูดว่าเป็นของบริบูรณ์

    เช่นว่า วันนี้น้ำมันในบ้านไหลเหมือนแม่น้ำเป็นต้น ด้วยประสงค์จะหัวเราะ

    เพราะได้น้ำมันหรือเนยใสมาน้อย มีโทษน้อย

    แต่เมื่อพูดถึงสิ่งที่ไม่เห็นเลย โดยนัยว่า เห็นแล้ว เป็นต้น มีโทษมาก.



    มุสาวาทนั้น มีองค์ ๔ คือ

    ๑. อตถํ วตฺถุํ เรื่องไม่แท้

    ๒. วิสํวาทนจิตฺตํ จิตคิดจะพูดให้คลาดเคลื่อน

    ๓. ตชฺโช วายาโม ความพยายามเกิดจากจิตคิดจะพูดให้คลาดเคลื่อนนั้น

    ๔. ปรสฺส ตทตฺถวิชานนํ คนอื่นรู้เรื่องนั้น.

    มุสาวาทนั้นมีประโยคเดียว คือ สาหัตถิกประโยค. มุสาวาทนั้นพึง

    เห็นด้วยการใช้กายบ้าง ใช้ของที่เนื่องด้วยกายบ้าง ใช้วาจาบ้าง กระทำ

    กิริยาหลอกลวงผู้อื่น. ถ้าผู้อื่นเข้าใจความนั้น ด้วยกิริยานั้น ผู้นี้ย่อม

    ผูกพันด้วยกรรม คือ มุสาวาทในขณะที่คิดจะให้เกิดกิริยาทีเดียว.

    ก็เพราะเหตุที่บุคคลสั่งว่า ท่านจงพูดเรื่องนี้แก่ผู้นี้ ดังนี้ก็มี เขียนหนังสือแล้ว

    โยนไปตรงหน้าก็มี เขียนติดไว้ที่ฝาเรือน เป็นต้น ให้รู้ว่า เนื้อความพึงรู้อย่างนี้

    ดังนี้ ก็มีโดยทำนองที่หลอกลวงผู้อื่น ด้วยกาย ของเนื่องด้วย

    กายและวาจา ฉะนั้น แม้อาณัตติกประโยค นิสสัคคิยประโยค และถาวรประโยค

    ก็ย่อมควรในมุสาวาทนี้. แต่เพราะประโยคทั้ง ๓ นั้น ไม่ได้มาในอรรถกถาทั้งหลาย

    จึงต้องพิจารณาก่อนแล้วพึงถือเอา.ชื่อว่า สัจจวาที เพราะพูดแต่คำจริง.

    ชื่อว่า สจฺจสนฺโธ เพราะเชื่อม คือ สืบต่อคำสัตย์ด้วยคำสัตย์ อธิบายว่า

    ไม่พูดมุสาในระหว่าง ๆ.จริงอยู่ บุรุษใดพูดมุสาแม้ในกาลบางครั้ง

    พูดคำสัตย์ในกาลบางคราวไม่เอาคำสัตย์สืบต่อคำสัตย์

    เพราะบุรุษนั้นเอามุสาวาทคั่นไว้ ฉะนั้น บุรุษนั้นไม่ชื่อว่า ดำรงคำสัตย์

    แต่พระสมณโคดมนี้ไม่เป็นเช่นนั้น ไม่พูดมุสาแม้เพราะเหตุแห่งชีวิต

    เอาคำสัตย์เชื่อมคำสัตย์อย่างเดียว เหตุนั้นจึงชื่อว่า

    สัจจสันโธ.

    บทว่า เถโต ความว่า เป็นผู้มั่งคั่ง อธิบายว่า มีถ้อยคำเป็นหลักฐาน.

    บุคคลหนึ่งเป็นคนมีถ้อยคำไม่เป็นหลักฐานเหมือนย้อมด้วยขมิ้น

    เหมือนหลักไม้ที่ปักไว้ในกองแกลบ และเหมือนฟักเขียวที่วางไว้บนหลังม้า.

    คนหนึ่งมีถ้อยคำเป็นหลักฐาน เหมือนรอยจารึกบนแผ่นหินและ เหมือนเสาเขื่อน

    แม้เมื่อเขาเอาดาบตัดศีรษะ ก็ไม่ยอมพูดเป็นสอง บุคคลนี้เรียกว่า

    เถตะ.

    บทว่า ปจฺจยิโก ความว่า เป็นผู้ควรยึดถือ อธิบายว่า เป็นผู้ควรเชื่อถือ.

    ก็บุคคลบางคนไม่เป็นคนควรเชื่อ เมื่อถูกถามว่า คำนี้ใครพูด ?

    คนโน้นพูดหรือ ? ย่อมจะถึงความเป็นผู้ควรตอบว่า ท่านทั้งหลายอย่าเชื่อ

    คำของคนนั้น บางคนเป็นคนควรเชื่อ เมื่อถูกถามว่า คำนี้ใครพูด คนโน้นพูดหรือ ?

    ถ้าเขาพูด ก็จะถึงความเป็นผู้ควรตอบว่า คำนี้เท่านั้นเป็นประมาณ

    บัดนี้ ไม่ต้องพิจารณาก็ได้ คำนี้เป็นอย่างนี้แหละ ผู้นี้เรียกว่า

    ปัจจยิกะ.

    บทว่า อวิสํวาทโก โลกสฺส ความว่า ไม่พูดลวงโลก เพราะ

    ความเป็นผู้พูดคำจริงนั้น.
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

แชร์หน้านี้

Loading...