เมื่อพระยามัจจุราชมาทวงชีวิตข้าพเจ้า

ยอมรับความจริงให้ได้ และใช้ชีวิตอย่างมีสติ ไม่ประมาทหลงมัวเมา
เอาเท่านี้ก่อนก็พอ

 

ขอบคุณมากครับที่ ช่วยกันตอบเรื่องการทำงาน ครับ

ขออนุโมทนาทุกความคิดเห็น ครับ

เรื่องการทำงานขอเสริมอีกหน่อยว่า การทำงานแท้จริงก็เกี่ยวข้องด้วยกรรม ที่เราเคยสร้างวิบากกรรมเอาไว้ การได้ไปทำงาน ในสังคมการทำงานที่ดี ที่ไฝ่ฝันหรืออุดมคติ นั้นหาได้ยาก เพราะท่ามกลางสังคมที่แข่งขัน เพื่อความเจริญเติบโต อยู่รอด ทุกสังคมนั้นมีทั้งคนดีและคนไม่ดี เมื่อท่านเข้าไปแล้วเรียนรู้ทั้งงานและคนแล้ว ท่านจะทราบด้วยตัวท่านว่า ท่านพอใจกับที่ทำงานของท่านหรือไม่ และควรวางแผนชีวิตของท่านอย่างไร จงทำงานด้วยความเต็มใจและสุขใจ พึงเข้าใจกิเลสของตนเองและผู้อื่น มีปัญญารู้จักวางตนให้เหมาะสม

สุดท้ายขอกล่าวว่า กรรมดีในปัจจุบันที่มีกำลังมากย่อม ดึงท่านสูงขึ้นในที่ในที่เดิมที่ดี และหากที่ตรงนั้นไม่ดี กรรมดีจะนำท่านเปลี่ยนไปสู่ที่ใหม่ที่ดี กว่าครับ สาธุ

 

ข้อ ๒ นี้ มองอีกมุมหนึ่ง นิมิตเหล่านั้นอาจจะกำลังสอนให้เห็นสัจธรรมความจริงก็ได้ว่า มันไม่เที่ยง

พระพุทธองค์ทรงตรัสสอนว่า..

ภิกษุ ท. ! รูป ไม่เที่ยง, สิ่งใด ไม่เที่ยง สิ่งนั้น เป็นทุกข์, สิ่งใด
เป็นทุกข์ สิ่งนั้น เป็นอนัตตา, สิ่งใด เป็นอนัตตา พึงเห็นสิ่งนั้น ด้วยปัญญา
อันชอบ ตามที่เป็นจริง อย่างนี้ว่า “นั่น ไม่ใช่ของเรา (เนตํ มม), นั่น ไม่ใช่เรา
(เนโสหมสฺมิ), นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา (น เมโส อตฺตา) ” ดังนี้, ฯลฯ

 

มีท่านหนึ่งถามกระผมว่า การสื่อจิตคุยกับเทพพรหม นั้นทำอย่างไร ใช่การที่เรานึกเอาเองหรือเปล่า

ผมจึงช่วยอธิบายว่า

การสื่อจิต ก็คือการคุยกันด้วยจิต เมื่อใดที่เราฝึกมโนมยิทธิ ได้แล้ว ไปรู้ไปเห็นสถานที่จริงของจริงได้แล้ว ที่นี้ต่อไปเราจะคุยหรือสื่อจิตกับท่านละเราจะทำอย่างไร
ขออธิบายต่อว่า เพราะธรรมชาติของจิต คือ การที่เรานึก ท่านก็จะรู้ การที่ท่านนึกจะบอกสอนอะไรเราเราก็จะรู้ตามเช่นกัน มันจึงเหมือนเรานึกเอาเอง แต่ความจริงหากจิตเราบริสุทธิ์ ตัวจิตรู้บริสุทธิ์ ย่อมทำหน้าที่รู้ ในสิ่งที่พระองค์นึกหรือสื่อสอนธรรมแก่เราครับ บางครั้งสามารถปรากฏเป็นภาพให้เห็นเป็นนิมิต รู้ทันได้หมดครับ อันนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถของจิตท่านเอง กับการฝึกฝนที่มากพอหรือชำนาญแล้ว

คำถามที่ว่าเรานึกเอาเองหรือเปล่า
จึงตอบชัดๆว่าไม่ใช่ แต่อาศัยจิตรู้ ที่มีกำลังที่สะอาด รู้ปรากฏแก่จิตเกิดเองแบบไม่ปรุงแต่ง มันผุดขึ้นเองในจิตเรา จากจิตของพระสมเด็จที่ท่านนึกหรือท่านสื่อมาครับ

การจะทำอย่างนี้ได้ จึงมีเงื่อนไขว่า
1 สมาธิ พื้นฐานดีหรือยัง มีฐานที่เป็นบุญทาน ศีลดีพร้อมด้วยหรือไม่ หากดีแล้ว การฝึกสมาธิเราต้องแก่กล้าพอด้วยเป็นกำลัง
2 การทรงวิปัสสนาเราก็ต้องชำนาญด้วย เพื่อการตัด ตัณหาอุปาทาน หรือความนึกคิดออกไป ฝึกการรู้เท่าทัน การปรุงแต่ง เมื่อเรารู้เท่าทัน การปรุงแต่ง
จิตและสมาธิย่อมสะอาด เมื่อสะอาด การเกิดของอภิญญาย่อมสะอาดแท้ตามมา ย่อมสามารถสื่อจิตได้จริงแท้เช่นกัน

เมื่อเราทำทั้ง2ข้อ อย่าางชำนาญ ต่อเนื่อง มโนมยิทธิ แบบสามารถสื่อจิตได้ก็ย่อมทำได้ตามเจตนาที่ดีงาม ครับ

แต่ไม่ควรทำพร่ำเพรื่อนะครับ ควรทำเฉพาะเมื่อมีเหตุอันจำเป็นเท่านั้นครับ สาธุ

 

=============

เรื่องที่กล่าวเป็นสายอภิญญา ซึ่งไม่ควรให้ความสำคัญอะไรมากนัก แต่เพราะมีผู้สงสัยสอบถามมา จึงเพียงแค่อธิบายวิธีการที่ตนกระทำมาให้เป็นแนวทาง
แต่กระนั้นสิ่งสำคัญ คือการชำระกิเลส วิปัสสนา สร้างปัญญา ละกิเลส ข้อนี้สำคัญที่สุดและต้องทำอย่างต่อเนื่องนะครับ สาธุ

 

วันโกนที่ผ่านมา boonnippan ได้ไปกราบพระศพสมเด็จพระสังฆราชและทำบุญ นั่งสมาธิในอุโบสถวัดบวรฯ วันพระเมื่อวานพาครอบครัวไปซื้อปลาในตลาดปล่อยในแม่นำ้เจ้าพระยา (ปลาตัวใหญ่ที่นอนนิ่งๆในร้าน ปลารอดชีวิตในแม่นำ้ค่ะ)จิตกุศลเกือบตลอดเวลาของวันพระ ขอตั้งจิตถวายบุญกุศลแด่ครูทีเจเอสและสมาชิกทุกท่านนะคะ

 

=============

ขออนุโมทนาด้วยครับ สาธุครับ

 

อนุโมทนา สาธุกับพี่อ้อด้วยครับ

 

มี สหายท่านหนึ่งสอบถามกระผมว่า ทำไม สหายท่านหนึ่งนั่งสมาธิ ก็บ่อย ก็นาน แต่ทำไมเวลาประสพปัญหา กลายเป็นคนโมโหร้าย ไม่ยอมคน เป็นคนก้าวร้าว พูดจาหยาบคาย
ทำไมถึงได้เป็นอย่างนั้น เพราะอะไรแล้วจะช่วยเขาอย่างไร

กระผมจึงอธิบาย ไปว่า

ความจริงการนั่งสวดมนต์ภาวนานั้น เป็นสิ่งที่ดี การเจริญสติ สมาธิ นั้นเป็นสิ่งที่ดีมาก แต่จากกรณีดังกล่าว นั่นคือ เขาไม่สามารถควบคุมอารมณ์ ของตนได้ ไม่สามารถควบคุมความคิดในขณะนั้นได้ ไม่สามารถควบคุมวาจา ของเขาไว้ได้ ทั้งนี้ ก็เป็นเพราะ

การสวดมนต์และภาวนาที่เขากระทำอยู่นั้น เป็นเพียงการสร้างสติ สมาธิ แบบสู่ความสงบนิ่ง เป็นการฝึกสติสมาธิแบบฌาณ อันเป็นไปเพื่อความสงบนิ่งในกาย หรือรูปนามเท่านั้น

การฝึกสติสมาธิแบบนี้จะไม่สามารถดับกิเลส ดับอารมณ์ที่ปรุงแต่งได้อย่างสิ้นเชิง เป็นเพียงการกดทับไว้ข่มไว้

การฝึกสติ สมาธิที่สำคัญมาก ที่สุดคือการฝึกสติสมาธิ แบบวิปัสสนา เพื่อจะได้มีปัญญา ต้องเป็นสติสมาธิที่เป็นไปเพื่อก่อให้เกิดปัญญา ปัญญาที่เกิดนั่นแหละ คือตัวที่สามารถดับความโกรธ โลภ หลงได้ อย่างสิ้นเชิง

ดังนั้นการแก้ไขคือต้องสอนแนะนำให้เขา รู้จักการฝึกสิติสมาธิแบบสร้างปัญญา หรือแบบวิปัสสนาญาณ เพื่อก่อให้เกิดปัญญาญาณ

เมื่อใดที่ปัญญาญาณ แก่กล้า อันความโลภ โกรธ หลง ก็สามารถชนะได้ดับได้ เมื่อนั้น เธอจะเห็นได้ว่า ผู้ใด ปฏิบัติธรรมมาถูกทาง เจริญสติ สมาธิ ปัญญามาถูกทาง เขาผู้นั้น ย่อมมีกาย วาจา ใจที่สงบนิ่ง สำรวมระวัง ด้วยปัญญาเป็นปรกติ นี่แหละคือทางการแก้ไขครับ สาธุ

 

ท่านใดมีคำถามค้างไว้ ยังไม่ได้รับคำตอบ รบกวนช่วยสอบถามกลับมาใหม่ด้วยครับ
เผื่อมีตกค้างครับ

ฝากคำเตือน แด่ท่านทั้งหลายว่า อันชีวิตคนเรานี้มีไม่มากหรอก ไม่เกิน80ปี ร้อยปี ก็ต้องตาย ไม่มีใครหนีพ้นความตาย การได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นถือว่าโชคดีมากที่สุด ที่เราได้เกิดมา เกิดมาแล้ว ต้องหมั่นทำความดี ไม่ทำบาป หมั่นสร้างกุศล และหมั่นสวดมนต์ภาวนา เพื่อเป็นเสบียงบุญในอนาคต เพราะอายุไขของจิตวิญญาณนั้นยาวนานมาก มากกว่าอายุไขความเป็นมนุษย์มากมายนัก ขอให้ไม่ประมาทนะครับ สาธุ

 

ใกล้ เทศกาลกินเจ กินมังสะวิรัติ แล้ว โอกาสนี้ กระผมขอเชิญชวนทุกท่าน ถือศีลกินเจกันครับ เริ่มครั้งที่1คือ ตั้งแต่วันที่24 กย นี้ ยาวไปถึงเดือนหน้าถึง2 ตค หรือบางท่านจะกินยาวไปถึงออกพรรษา ก็แล้วแต่และ ยังมีอีกช่วงคือปลายเดือนตค 23-30 ตค

ดังนั้นจึงขอเรียนเชิญครับ เพื่อการลดละการฆ่า การเบียดเบียน สัตว์และเบียดเบียนตนเองครับ สาธุ

 

สาธุค่ะ ขออนุโมทนาสาธุในบุญครั้งนี้ด้วยค่ะ

 

คุณก้องค่ะ บุญของการสักการะพระบรมสารีริกธาตุ มากไหมค่ะ เคยได้ยินว่า ยามที่กราบไหว้ได้กล่าวอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร ถึงกับปลดปล่อยกันโดยทันทีไม่อาจขัดขืนได้เลย

 

คุณก้องค่ะ เราชวนคนไทยที่อยู่ในต่างแดนไปวัดทําบุญชวนยากมากค่ะ หรือว่าบุญบารมีเราไมมี ถึงได้ชวนคนยากค่ะ ส่วนมาก พวกเขาเวลามีทุกข์ถึงจะไปวัด และทําบุญสังฆทานแค่ครั้งเดียวก็คิดว่าจะ พ้นทุกข์
ชอบจับกลุ่มกินเหล้า. เล่นการพนัน ยืมตังค์กัน นินทากัน เรารับอาสาจะขับรถให้บริการฟรี โดยหวังเพียงว่า อยากให้ทุกคนได้มีที่พึ่ง ที่ถูกทาง ต้องขออภัยด้วยค่ะถ้าไม่ถูกกาลเทศะ

 

==============

ก็มีอานิสงค์มากเช่นกันครับ เพราะตามบทสวดบูชา บางบทสื่อความถึง ธาตุทั้งหลายทั่วสากลโลก เป็นธาตุวัตถุ ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น ดุจพระธาตุของพระอรหันต์เหล่านี้ที่เราสักการะบูชา อันเป็นประจักพยาน
จิตทั้งหลายผู้มีปัญญาย่อมมีดวงตาเห็นธรรม จิตเกิดปิติปล่อยวางหลุดพ้นจากกรรม เปลี่ยนอัตถาพใหม่ที่ดีกว่าในทันที เมื่ออนุโมทนาครับ

 

===========

เท่าที่ตรวจดู ก็เป็นเรื่องที่ยากพอสมควรเพราะบุพกรรมเก่าเขาเป็นอย่างนี้ ปัญญาในทางธรรมมีน้อย จึงปล่อยชีวิตไปตามกระแสแห่งกิเลส กระแสแ่ห่งสังคมนิยมวัตถุ คงต้องค่อยๆใช้เวลาในการดึงไปร่วมทำบุญครับ แบบชวนไปเที่ยวแต่แอบแวะทำบุญก่อนเป็นต้นครับ ขอให้อดทนและปล่อยวางและพยายามทำหน้าที่ตามกำลัง ตามกาละเทศะ บุคคล นะครับ ทำแล้ว จงเป็นสุข อย่ายึดติด อย่าเป็นทุกข์นะครับ เป็นธรรมดาของโลกครับ สาธุ

 

สาธุค่ะ ขอบพระคุณค่ะที่ชี้แนะ ขอบคุณค่ะที่เมตตาให้แนว ทางให้ธรรมสาธุค่ะ

 

สาธุค่ะ ขอบพระคุณค่ะที่ชี้แนะ ขอบคุณค่ะที่เมตตาให้แนว ทาง. ให้ธรรมสาธุค่ะ

 

ปัจจุบันจิต นั้นสำคัญมากที่สุด

สิ่งที่ล่วงมาแล้วเป็นอดีต เป็นเพียงเครื่องประกอบรู้ เพื่อสร้างปัญญา และไม่ควรยึดมั่น

สิ่งที่ยังมาไม่ถึงเป็นอนาคต ก็ไม่ควรวิตกกังวลหรือเป็นทุกข์ กังวลใดๆ เพราะยังมาไม่ถึง

ปัจจุบันขณะนี้ สำคัญที่สุด ทุกการกระทำ ทั้งกาย วาจา ใจ ต้องประกอบด้วย สติ สมาธิ ปัญญา ประกอบเสมอ

การทำความดี ละบาปกรรมก็อาศัยปัจจุบันจิตนี่แหละเป็นโอกาส เวลาที่สำคัญ ไม่มีเวลาอื่นโอกาสอื่นใดอีก

การรักษาศีลให้บริสุทธิ์ ก็อาศัยปัจจุบันเวลานี้นี่แหละ ประคองรักษาให้ดีไม่ให้ขากตกบกพร่อง ไม่มีโอกาสเวลาอื่นใดทำได้ นอกจากปัจจุบันนี่แหละ

การชำระกิเลสก็เช่นกัน การชำระให้จิตขาวสะอาดบริสุทธิ์นี้ก็อาศันปัจจุบันจิตนี่แหละ รู้ทันการปรุงแต่งของอวิชาตัณหาอุปาทาน ราคะจริต ความรู้เท่าทันในอดีต เป็นเครื่องประกอบปัญญา แต่การตัดละชำระกิเลส หรือเครื่องปรุงแต่งอาศัยปัจจุบันนี่แหละ

นิพพาน อันความหลุดพ้น ความเป็นอรหันต์บุคคล ก็สำเร็จที่ปัจจุบันจิตนี่แหละ หาใช่โอกาสอื่น หรือเวลาอื่น ย่อมไม่มี

เช่นนี้ การมีสติปัญญาประกอบอยู่ในปัจจุบันจิต ทุกขณะจิตนี่เองเป็นสิ่งที่ต้องฝึกฝนตามรู้ตามทันอารมณ์ความนึกคิด การปรุงแต่ง ให้ได้ทุกขขณะจิต อย่างต่อเนื่องนี่เองจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่นักปฏิบัติธรรมต้องฝึกฝนให้มีให้ได้ให้เป็นครับ สาธุ

 

คุณก้องค่ะ รบกวนถามเรื่องงานอีกทีได้ไหมคะ? อย่าเพิ่งรำคาญนะค่ะ คือตอนนี้กำลัง งงชีวิตค่ะ เมื่อเดือน 6 ก็มีคนโทรมาชักชวนจริงๆ ค่ะ แต่ไม่ได้ตอบรับหรือปฎิเสธ เพราะดูแล้วยังไม่เหมาะในหลายๆ อย่าง ก็เลยเงียบกันไป อยากทราบว่าจะมีโอกาสเข้ามาอีกไหมคะ? หรือว่าอีกยาวเลย ทำที่นี่อีกหลายปีไหมคะ? พอจะประมาณเวลาได้หรือป่าว?

ขอบคุณค่ะ