ความเชื่อเรื่อง พระสมเด็จสองคลอง พระสมเด็จฝากกรุ

เรื่องของคุณจัวน้อย เป็นเรื่องที่น่าสนใจที่จะพลิกประวัติศาสตร์ขึ้นมาใหม่แต่ในการพลิดฟื้นต้องมีหลักฐานที่สามารถพิสูจน์ได้ทางวิชาการไม่ใช่คิดเองเออเองถามเองตอบเองผมว่ามันไม่เป็นวิชาการการเป็นนิทานซ้อนนิทานไปอีก ยกตัวอย่าง........................................................................................คุณบอกว่าเวลาสมเด็จโตบิณฑบาตร คนใส่บาตรจะหยิบพระก้นบาตรแล้วใสข้าวแทน คนต่อไปคงยากพิลึกเพราะต้องคนหาพระในบาตรที่มีข้าวอยู่ข้างใน คุณดูบาตรพระที่ชาวบ้านใส่บาตรไปแล้ว ต้องเอามือครวนหาพระผมว่าไม่เข้าหลักความ........................................เรื่องตกเบ็ดพระเช่นกัน ได้เคยสอบถามคนเฒ่าคนแก่ครูบาอาจารย์ ท่านบอกว่ามีการตกเบ็ดพระจริง และ ก็ได้พระสมเด็จมาจริงๆที่คุณว่าพระจมในดินเหนียวจับเป็นก้อนๆนั้นยังไม่จริงไปทั้งหมดคุณไม่จำแนกเหตุการณ์ออกเป็นสองช่วงคือช่วงก่อนน้ำท่วมใหญ่ และช่วงหลังน้ำท่วมใหญ๋ ช่วงก่อนน้ำท่วมพระน่าจะเรียงตัวเป็นระเบียบเนื่องจากไม่มีแผ่นดินไหว สามารถหาวิธีการตกเบ็ดพระได้ ส่วนหลังน้ำท่วมคงจะยากเนื่องจากมีทั้งน้ำขังและดินโคลนองค์พระจับเป็นก้อนๆ.....ด้วยความเคารพครับ

 

ขอบคุณท่านshanenaruto18 มากครับ ขออภัยท่านจริงๆผมเขียนไม่ละเอียดเอง ต้องเขียนว่า เวลาที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ออกไปบิณฑบาตรตอนเช้าท่านจะเอาพระสมเด็จฯวางไว้ก้นบาตร หนึ่งองค์ คนใหนใส่บาตรท่านเป็นคนแรกก็โชคดีไป หยิบเอาพระสมเด็จฯไป แล้วใส่ข้าวในบาตรแทน จึงเป็นที่มาว่าพระสมเด็จวัดระฆังฯจะพบมากที่คลองบางกอกน้อย...นี่เป็นคำพูดของอดีตเซียนผู้ยิ่งใหญ่ท่านหนึ่ง ลองไปเปิดคลิปดูในยูทูปน่ะครับ ไม่ใช่เป็นคำพูดของผมน่ะครับท่าน ผมขอยืนยันนอนยันตีลังกายันว่า พระสมเด็จวัดระฆังฯไม่ได้สร้างไปแจกไปอย่างที่เซียนใหญ่เขาโกหกครับ....เรื่องการตกเบ็ดพระกรุวัดบางขุนพรหม ผมขออนุญาตเรียกว่า วัดใหม่อมตรังสี น่ะครับ.๕๕๕ นิยายเรื่องนี้ไม่มีอะไรซับซ้อนครับ เรื่องมีอยู่ว่าเจดีย์ใหญ่ที่บรรจุพระพิมพ์เนื้อผงที่ท่านเจ้าประคุณสร้างบรรจุไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ ๒๔๑๒--๑๔ ฐานเจดีย์เกิดชำรุดแตกร้าวเปิดเป็นช่อง จึงมีคนแอบเข้าไปภายในองค์เจดีย์เพื่อรื้อค้นหาสิ่งของมีค่า พวกโลหะมีค่าต่างๆ แล้วหยิบเอาพระพิมพ์เนื้อผงที่กองสุมกันที่พื้นดินติดมือออกมาด้วย ก็มีแอบเข้ามาขโมยขนพระออกไปไม่รู้ครั้งได้พระไปไม่รู้กี่องค์ และต้องเลือกคัดเอาเฉพาะพระพิมพ์องค์ที่ไม่แตกหักออกมาเท่านั้น จนปี ๒๕๐๐ ทางวัดไปแจ้งทางการให้เข้าตรวจสอบ ต่อมาจึงทำพิธีเปิดกรุอย่างเป็นทางการโดยมีท่านผู้นำคือ จอมพลประภาส มาเป็นประธานเปิดกรุ ตอนเปิดกรุพบพระพิมพ์เหลืออยู่ในกรุไม่กี่พันองค์ตามที่ทราบๆกัน จากพระที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯสร้างจำนวน ๘๔๐๐๐ องค์ เหลือเพียงแค่หลักพันองค์ ทางวัดจึงคิดหาวิธีดัดหลังกลุ่มพวกที่ครอบครองพระที่ถูกขโมยออกไปก่อนหน้านี้ จึงได้คิดทำตราประทับขึ้นมาเพื่อลงประทับตราหลังองค์พระพิมพ์ทุกๆองค์ที่เปิดให้เช่าจากทางวัด ในราคาองค์ล่ะเป็นหลักพันบาท โอ้แม่เจ้าเงินพันบาทในสมัยนั้นไม่ใช่น้อยๆน่ะครับ และประกาศให้ทราบให้รับรู้กันไปทั่วว่า พระพิมพ์เนื้อผงพระสมเด็จวัดใหม่อมตรส พระแท้ต้องมีตราประทับรูปเจดีย์เท่านั้นจึงจะเป็นพระแท้.๕๕๕๕๕๕๕๕๕...อ้าวพวกที่มีพระขโมยออกมาก่อนไม่มีตราประทับก็เงิบเอ่อเหรอแดรกไปตามๆกันสิครับ.๕๕๕๕๕๕ แล้วจะทำยังไง ก็คงมานั่งกลุ้มสุมหัวกันว่าเราจะเอาอย่างไรดีล่ะทีนี้ จะเอาพระออกมาปล่อยให้คนทั่วไปเช่าก็ไม่มีตราประทับด้านหลัง ต้องถูกตีเก๊ตีปลอมอย่างแน่นอน. สุดท้ายก็จึงต้องมาสร้างนิยายเรื่องตกเบ็ดพระขึ้นมาอย่างที่เราได้อ่านกันนี่และครับ พระที่ไม่มีตราประทับเป็นพระที่คนแอบไปตกเบ็ดมาได้ ไม่ใช่พระที่ขโมยมา ระหว่างพระที่ตกเบ็ดมา กับพระขโมยมาอันใหนฟังดูดีกว่ากันครับ...ข้อมูลผิดพลาดต้องกราบขออภัยไว้ ณ.ที่นี้ด้วยครับ

 

ดูเจดีย์ใหญ่วัดใหม่อมตรังสีครับ ขออภัยภาพไม่ชัดเท่าไรเอามาจากหนังสือเซียนใหญ่ จะขึ้นไปนั่งตรงใหน จะเหยียบจะจับกับอะไร ช่องลมมีขนาดเท่ากำปั้นอยู่ตรงส่วนใหนของเจดีย์ เอาลำไม้ไผ่สอดเข้าไปอย่างไร มองลงไปเห็นองค์พระได้อย่างไร มาตกพระตอนกลางวันหรือกลางคืน ดินเหนียวปั้นเป็นก้อนติดปลายเชือก ติดอย่างไรครับ..

 

เรื่องที่ผมเขียนต้องมีหลักฐานมาประกอบสามารถพิสูจน์ได้ทางวิชาการ ผมต้องกราบเรียนกับท่านว่า ผมไม่ได้ตั้งใจจะเขียนเป็นเชิงวิชาการอะไรทั้งสิ้นครับ ผมเพียงแต่เขียน วิพากษ์วิจารณ์ ข้อมูลในหนังสือของเซียนพระเท่านั้นครับ คนที่ต้องหาหลักฐานมาพิสูจน์ข้อเท็จจริงของเรื่องราวทั้งหมดคือพวกเซียนพระที่เป็นคนสร้างเรื่อง กุเรื่อง โกหกยกเมฆบิดเบือนเขียนนิยายหลอกลวงขึ้นมาไม่ใช่ผมครับ ผมยกตัวอย่างที่ผมเคยเขียนในกระทู้นี้ยืนยันว่าวัดใหม่อมตรส ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯเป็นผู้สร้าง ไม่ใช่เสมียนตราด้วงสร้าง ผมตั้งข้อสังเกตุว่าถ้าเสมียนตราด้วงมีชีวิตอยู่จริงในปี พ.ศ ๒๔๑๑/๑๔ เสมียนตราด้วงต้องมีอายุ ๑๐๐ กว่าปี อย่างแน่นอน ผมเอาปี พ.ศ ช่วงที่เสมียนตรามีชีวิตอยู่มาให้บวกลบกันดูว่ามันจริงมั๊ย วิธีที่ผมเขียนผมจะเขียนเป็นตอนๆไม่ต่อเนื่องกันครับ ต้องขออภัยด้วย แล้วแต่ว่าไปอ่านเจอในหนังสือของเซียนเล่มใหน....

 

ก็รูปที่นำมา เป็นรูปเจดีย์ใหม่ที่สร้างขึ้นเพื่อบรรจุพระสมเด็จปี 2509 ไงครับ เจดีย์เดิมองค์ใหญ่กว่านี้ และถูกรื้อไปแล้วหลังจากนำพระออกจากกรุตอนปี 2500 ไงครับ

 

สามองค์นี้ เป็นเจดีย์องค์เดียวกันหรือเปล่าครับ ท่านpaper_white ผมไม่ทราบจริงๆครับว่าเจดีย์องค์เก่ารื้อออกไปแล้ว ขอบคุณท่านpaper_white จริงๆครับ

 

รูปแรกคือองค์เดิมครับ ใหญ่กว่าเยอะ
รูปสองกับสามคือองค์ปัจจุบัน
และทั้งสององค์ ก็สร้างอยู่คนละทีกันด้วยนะครับ

 

รูปเจดีย์ มีอยู่ในหนังสือสองเล่มนี้ครับ

 

ก็แล้วแต่นะครับ

จากรูปก็เห็นว่าขนาดต่างกัน

 

หนังสือสองเล่มนี้ไม่มีตรงใหนเขียนไว้เลยครับ ว่าเจดีย์ที่เห็นนี้เป็นเจดีย์ที่สร้างขึ้นมาใหม่ เป็นเจดีย์สร้างขึ้นมาเพื่อบรรจุพระพิมพ์ปี ๐๙ แล้วเจดีย์องค์เก่าตั้งอยู่ตรงใหนของวัดครับ..

 

การศึกษาประวัติศาสตร์เป็นสิ่งที่ดีครับ แต่ศิลปะและศาสตร์การดูพระเครื่องยังเป็นเรื่องที่ต้องสะสมประสบการณ์ซึ่งต้องแยก 2 เรื่องออกจากกัน หากสงสัยจากหนังสือว่าแบบไหนจริงหรือไม่ ขอแนะนำให้ไปดูองค์จริงที่พันทิพย์ได้ เดินชมเล่นคงไม่เสียเงินครับ ถือว่าเราไปหาประสบการณ์เล่น ๆ เปิดหู เปิดตาบ้าง มีหลาย ๆ ร้านที่ผมดูว่าเขามีมาตรฐานอยู่นะครับ จากการที่ไปชมมา(แต่ไม่ทั้งหมด) ส่วนอัธยาศัยขึ้นกับแต่ละร้าน ต้องลองคุยกับเขาดู

 

ถ้ามัวแต่นั่งจับผิดทุกสิ่งทุกอย่างชีวิตคงจะหาความสุขไม่ได้

เพราะไม่มีใครเกิดทัน เลือกเชื่อตามสะดวก

แต่อยากลืมว่า ยิ่งเก่าไปกว่านั้น และยิ่งไม่มีใครเกิดทัน เรายังตามเค้าเลย ว่าทำไม นี่เรียกว่า ขาว ทำไมนี่เรียกว่า ดำ หรือ ทำไมนี่เรียกว่า เก้าอี้ ทำไมโน้นเรียกว่า โต๊ะ

 

ที่เห็นในภาพนี้มีเจดีย์องค์ใหญ่ มีองค์ขนาดกลาง และขนาดเล็กรวมกันหลายองค์ ภาพนี้ต้องถ่ายก่อนปี พ.ศ ๒๕๐๐ แน่นอน เจดีย์ที่ถูกรื้อออกไปคือหมู่เจดีย์ขนาดกลาง และขนาดเล็กที่รายล้อมเจดีย์องค์ใหญ่ ช่างที่รื้อเจดีย์ได้พบพระพิมพ์เนื้อผง จำนวนหนึ่งได้แอบเอาออกมาเก็บไว้ ต่อมาจึงมีคนนำพระพิมพ์ชุดนี้ออกสู่สนามพระ และก็หาที่มาที่ไปว่าพระชุดนี้เป็นพระมาจากใหนใครเป็นคนสร้าง สร้างปีใหน สรุปว่าเป็นพระพิมพ์เนื้อผงกรุเจดีย์เล็ก วัดใหม่อมตรังสี ดูเนื้อนวลมวลสารแล้วก็ยอมรับกันว่าเป็นธรรมชาติแบบเดียวกันกับพระพิมพ์กรุเจดีย์ใหญ่ แต่ไม่รู้ว่าใครสร้างกันแน่เพราะไม่มีหลักฐานอะไรยืนยัน ที่จริงผมก็คิดๆอยู่ว่าใหนๆก็เขียนถึงประวัติการสร้างวัดใหม่อมตรังสี แล้วก็เขียนถึงพระกรุเจดีย์เล็กด้วยเลย เพราะมันไม่มีอะไรที่ซับซ้อนเลย เรื่องมีคือเจดีย์องค์กลาง องค์เล็ก องค์ใดองค์หนึ่งต้องเป็น เจดีย์ที่เก็บกระดูกอัฐิของบรรดาญาติโยมอุปถัมภ์อุปฐากท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯแน่นอน โยมอุปถัมภ์ท่านมีที่บันทึกชื่อไว้มี ท่านพระโหราธิบดี โหรผู้มีชื่อ พระวิเชียร สองคนนี้เป็นผู้นำท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯตอนเป็นเณรโตเข้าถวายตัวต่อ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้า กลมหลวงอิศรสุทร และรับเป็นโยมอุปถัมภ์ตั้งแต่นั้นมา และเสมียนตราด้วง หรืออาจจะเป็นท่านอื่นๆก็ได้ครับ แต่เสียดายไม่เหลือบันทึกใดๆไว้เป็นหลักฐานเลย แม้แต่เจดีย์องค์ใหญ่ก็ยังรื้อทิ้ง..ครับ

 

ขอบคุณครับท่าน ผมก็พยายามทำใจให้เชื่อข้อมูลที่เขาเขียนมาให้อ่านน่ะครับ แต่ผมอ่านแล้วแค่รู้สึกว่ามันน่าจะไม่เป็นข้อเท็จจริงเท่าไร ก็เลยตั้งกระทู้ขึ้นมาเขียนระบายในสิ่งที่สงสัยออกมาครับ เมื่อห้าร้อยปีที่แล้วคงเก่าพอ เขาเชื่อว่าโลกเราแบนน่ะครับ สั่งห้ามอย่าแล่นเรือออกไปไกลน่ะเดี๋ยวจะตกขอบโลก อย่างนี้จะให้ผมเชื่อตามๆเขาอยู่หรือเปล่าครับท่าน..

 

ขอบคุณครับท่าน

 

หน้านี้เขียนอธิบายถึงช่วงเกิดการตกเบ็ดพระในเจดีย์ใหญ่วัดบางขุนพรหม แบบขนาดใหญ่ครับ สงครามโลกครั้งที่๑ เกิดขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ ๒๔๕๗ (ค.ศ๑๙๑๔ ถึง ค.ศ๑๙๑๘)..จะสังเกตุว่าตัวละครคนสำคัญของนิยายเรื่องนี้คือเสมียนตราด้วงหายไป ก็เขียนตอนต้นเรื่องว่า ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ เป็นแค่มาร่วมปลูกเสก เอาพระมาเข้าร่วมบรรจุกรุกับเสมียนตราด้วงหนึ่งย่ามใหญ่ รับนิมนต์ให้มาเทศน์มาฉันเท่านั้นไม่ใช่หรือ แล้วที่เขียนนี้หมายความว่าอย่างไร จะไปตู่ว่าเอาว่าพระที่อยู่ในเจดีย์เป็นของท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯได้อย่างไร ก็เขียนบอกแต่แรกว่า เสมียนตราด้วงเป็นผู้สร้างวัด สร้างพระ..

 

เจดีย์สามองค์นี้ ไม่ใช่เป็นองค์เดียวกัน องค์เก่าวัดได้ทุบรื้อทิ้งออกแล้ว เจออย่างนี้ผมไปไม่เป็นเลยครับท่าน.๕๕๕๕๕๕๕๕๕

 

อาจารย์ท่านใดมีข้อมูลการรื้อเจดีย์องค์ใหญ่ใน วัดใหม่อมตรังสี และมีข้อมูลที่ตั้งเจดีย์องค์เก่า ได้โปรดขอความกรุณาลงในกระทู้ใดก็ได้ครับ ผมจะขออนุญาตเข้าไปอ่านเอาไว้เป็นความรู้ครับ ตอนนี้มึนตึบแล้วครับ..

 

แล้วที่หนังสือสองเล่มนี้เอามาลงก็ไม่จริงสิครับท่าน ถ้าไม่จริงเอามาลงประกอบข้อมูลในหนังสือทำไมครับ

 

ขอบพระคุณทุกๆท่านที่เข้ามาอ่าน นอนหลับฝันดี ราตรีสวัสดิ์ ครับ