ติดตามสถานะการณ์

วิกฤตอีโบลาอาจนำไปสู่ภาวะ 'รัฐล้มเหลว'
by Noranartta Chaikum 14 ตุลาคม 2557 เวลา 08:30 น.

เลขาธิการองค์การอนามัยโลกแถลงการณ์ล่าสุด ระบุว่าวิกฤตอีโบลา อาจนำไปสู่ภาวะ "รัฐล้มเหลว" ขณะที่ สเปนก็มีความหวังว่าอาจไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ และอาจประกาศเป็นเขตปลอดอีโบลาได้ในเร็ววันนี้

องค์การอนามัยโลกประกาศเตือนนานาประเทศว่า วิกฤตอีโบลาที่กำลังแพร่ระบาดอย่างไม่สามารถควบคุมได้ในแอฟริกาตะวันตก และเริ่มติดต่อสู่พลเมืองในชาติตะวันตกแล้วนั้น เป็นอันตรายต่อความอยู่รอดของประเทศ และอาจนำไปสู่ภาวะ "รัฐล้มเหลว" หรือ รัฐไม่สามารถดำรงรักษาไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อยภายในได้

นางมาร์กาเร็ต ชาน เลขาธิการองค์การอนามัยโลก ระบุว่าการระบาดของอีโบลาจากแอฟริกาตะวันตกกำลังคุกคามความมั่นคงในระดับสังคมระหว่างประเทศ ทำให้เกิดความหวาดระแวงไปทั่วโลก ไม่เพียงแต่ในสังคมของประเทศกลุ่มเสี่ยงและประเทศโดยรอบเท่านั้น

นอกจากนี้ นางชานยังกล่าวว่า กระแสความหวาดระแวง ตลอดจนข่าวลือต่างๆ แพร่กระจายได้เร็วยิ่งกว่าไวรัส พร้อมกันนี้ก็ได้กล่าวตำหนิบริษัทผู้ผลิตยารักษาโรคว่าไม่พยายามที่จะคิดค้นหรือพัฒนายาต้านอีโบลาอย่างที่ควรจะเป็น เนื่องจากคำนึงถึงกำไรของบริษัทเป็นหลัก

ขณะที่ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในไลบีเรีย ซึ่งทางสหภาพแรงงานได้เรียกร้องให้มีการหยุดงานประท้วงขอขึ้นค่าแรงไปก่อนหน้านี้ โดยมีกำหนดเริ่มต้นการประท้วงเมื่อวานนี้ ส่วนใหญ่ยังคงเลือกที่จะทำงานตามปกติต่อไป ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเหล่านี้ไม่เพียงจะรับค่าแรงที่ไม่เป็นธรรมเท่านั้น แต่ยังต้องรับความเสี่ยงที่อาจติดเชื้อมากกว่าผู้อื่นอีกด้วย

จากสถิติระบุว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ติดเชื้ออีโบลาระหว่างปฏิบัติหน้าที่ เสียชีวิตเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 95 ซึ่งสูงกว่าอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยทั่วไปมาก

ส่วนประเทศตะวันตกที่พบผุ้ป่วยอีโบลาอย่างสเปน ก็เปิดเผยว่า ถ้าหากไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่และผู้ที่เฝ้าระวังอยู่ในขณะนี้ไม่แสดงอาการภายในวันที่ 27 ตุลาคมนี้ จะประกาศให้สเปนเป็นประเทศปลอดเชื้ออีโบลา โดยมีผู้ป่วยที่รับการยืนยันแล้วเพียงรายเดียว คือ นางเตเรซา โรเมโร ซึ่งตรวจพบเชื้อเมื่อวันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา

จนถึงขณะนี้ องค์การอนามัยโลกสรุปจำนวนผู้เสียชีวิตล่าสุด จนถึงวันที่ 8 ตุลาคม ว่าอยู่ที่ 4,033 ราย จากผู้ติดเชื้อ 8,399 คน โดยมีแนวโน้มที่จะยังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากสภาพแวดล้อมในพื้นที่เสี่ยงไม่เอื้ออำนวยต่อการยับยั้งการระบาดเท่าที่ควร ทั้งอุปกรณ์การแพทย์ที่ไม่พร้อม และสถานพยาบาลที่แออัด

วิกฤตอีโบลาอาจนำไปสู่ภาวะ 'รัฐล้มเหลว' - VoiceTV

 

ชี้ ‘คิมหายตัว’ แค่ ‘ดึงจุดสนใจ’
by สาธิต มนัสสุรกุล
14 ตุลาคม 2557 เวลา 12:26 น.

‘คิมจองอึน’ โผล่เดินถือไม้เท้า นักวิเคราะห์ชี้กลเม็ดเรียกร้องความสนใจ ดักคอเกาหลีเหนือจ้องโฆษณาชวนเชื่อ ท่านผู้นำโหมทำงานเพื่อประชาชนจนล้มป่วย

ในวันอังคาร หลังจากสื่อมวลชนของรัฐบาลเปียงยางแพร่ภาพ คิมจองอึน เดินตรวจงานโดยถือไม้เท้าพยุงตัว ดับกระแสข่าวลือผู้นำเกาหลีเหนือป่วยหนัก หรือถูกยึดอำนาจ บรรดานักสังเกตการณ์ให้ความเห็นว่า คิมในวัยประมาณ 30-31 ดูจะไม่ได้เป็นอะไรมากนัก แต่ต้องการดึงดูดความสนใจจากนานาชาติ

ในรายงานข่าวและภาพขนาดใหญ่ในหนังสือพิมพ์โนด็องซินมุนและภาพข่าวโทรทัศน์ของเคซีเอ็นเอ คิมได้ไปตรวจอาคารที่อยู่อาศัยแห่งหนึ่งในกรุงเปียงยาง ซึ่งเพิ่งสร้างใหม่สำหรับนักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานในโครงการดาวเทียมของประเทศ เขาถือไม้เท้าสีดำในมือซ้าย

เนื้อข่าวไม่ได้ระบุว่า คิมซึ่งไม่ได้ปรากฏตัวเป็นเวลาเกือบ 6 สัปดาห์ ไปตรวจงานดังกล่าวในวันไหน แต่โดยทั่วไปข่าวจะออกในวันถัดมา อีกทั้งรายงานไม่ได้เอ่ยถึงการเจ็บป่วยของเขา คิมออกงานครั้งหลังสุดตอนไปชมคอนเสิร์ตกับภริยาในกรุงเปียงยางเมื่อ 3 กันยายน

คิมเอียนชุล ผู้เชี่ยวชาญเรื่องเกาหลีเหนือ มหาวิทยาลัยอินเจ ในเกาหลีใต้ บอกว่า ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเขาหายดีแค่ไหน หรือเขาไม่สบายมากน้อยอย่างไร แต่การกลับมาปรากฏตัวอีกครั้งสอดคล้องกับข้อสังเกตของเกาหลีใต้ จีน และสหรัฐ ที่ว่า เขายังคงปกครองประเทศเป็นปกติ

จอห์น เดอลูรี ผู้เชี่ยวชาญเรื่องเกาหลีเหนือ มหาวิทยาลัยยอนไซ ในกรุงโซล ให้ความเห็นว่า
เปียงยางไม่ได้พยายามแก้ไขข่าวลือเกี่ยวกับคิมจองอึนโดยเร็ว เพราะต้องการให้โลกหันมาสนใจเกาหลีเหนือ โดยเฉพาะเป็นความสนใจเกี่ยวกับความไม่แน่นอน

ที่ผ่านมา กลไกโฆษณาชวนเชื่อของเกาหลีเหนือมักสร้างภาพคิมจองอึนเป็นผู้นำหนุ่มที่ทันสมัย แต่เดอลูรีบอกว่า เกาหลีเหนืออาจฉวยภาพคิมเดินถือไม้เท้าเป็นจุดโฆษณา ว่า คิมทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชนจนเจ็บป่วยไม่สบาย

ในการตรวจงานดังกล่าว คิมเดินทางไปพร้อมกับบรรดาเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ รวมถึงฮวางเปียงโซ รองประธานคณะกรรมาธิการป้องกันประเทศ ซึ่งถือเป็นหมายเลขสองรองจากคิม เมื่อสัปดาห์ก่อน ฮวางนำคณะไปร่วมพิธีปิดกีฬาอินชอนเกมส์ในเกาหลีใต้.

Source: AFP
Photos: AP

ชี้ ‘คิมหายตัว’ แค่ ‘ดึงจุดสนใจ’ - VoiceTV

 

ระทึก! มือถือไฟลุกคามือ บนรถเมล์ในจีน (ชมคลิป)
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 13 ต.ค. 2557 19:00



สื่อดังอังกฤษ เผยคลิปภาพนาทีระทึก เมื่อโทรศัพท์มือถือของผู้โดยสารหญิงรายหนึ่งเกิดไฟลุกขึ้น ยังโชคดีที่ไม่มีผู้บาดเจ็บ คาดสาเหตุมาจากแบตเตอรี่คุณภาพต่ำ

สำนักข่าว เดอะเทเลกราฟ ประเทศอังกฤษ รายงานว่า ได้เกิดเหตุระทึกขวัญขึ้นบนรถโดยสาร ในเมืองเสฉวน ประเทศจีน ภายหลังจากกล้องวงจรปิดบนรถเมล์คันดังกล่าว สามารถจับภาพมือถือเกิดไฟลุกไหม้ คามือผู้โดยสารหญิงรายหนึ่ง ขณะที่เธอกำลังใช้งานอยู่ โดยหลังจากเกิดเหตุผู้โดยสารคนอื่นๆ ที่อยู่บนรถได้เกิดแตกตื่น วิ่งหนีเอาตัวรอดกันอย่างชุลมุนทั่วรถเมล์ ก่อนที่คนขับจะตัดสินใจจอดรถ อย่างไรก็ดี ถือเป็นโชคดีที่ไม่มีรายงานว่ามีผู้ใดได้รับบาดเจ็บจากเหตุดังกล่าว โดยสาเหตุของเรื่องวุ่นวายนี้ น่าจะเกิดจากผู้ใช้มีการใช้แบตเตอรี่คุณภาพต่ำกว่ามาตรฐาน

<iframe width="570" height="351" src="//www.youtube.com/embed/mn_9Wg5ZJo8" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

ระทึก! มือถือไฟลุกคามือ บนรถเมล์ในจีน (ชมคลิป) - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

พายุขยี้อินเดีย-ญี่ปุ่นอ่วม
โดย ทีมข่าวต่างประเทศ 14 ต.ค. 2557 05:01



พายุไซโคลน “ฮุดฮุด” ซึ่งพัดถล่มรัฐอานธรประเทศและโอริสสาทางภาคตะวันออกอินเดียลดระดับลงเป็นพายุโซนร้อนเมื่อ 13 ต.ค. หลังสร้างความเสียหายเป็นบริเวณกว้าง มีผู้เสียชีวิต 8 ราย ประชาชนอพยพกว่า 400,000 คน เกิดน้ำท่วม ต้นไม้หักโค่น ไฟฟ้าดับ คาดว่ายอดผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นอีก เช้า วันเดียวกัน ไต้ฝุ่น “หว่องฟง” พายุลูกรุนแรงที่สุดที่ ถล่มญี่ปุ่นในปีนี้ พัดขึ้นฝั่งที่เมืองมากุระซากิ บนเกาะ กิวชู ทำให้มีผู้สูญหาย 1 คน บาดเจ็บหลายสิบคน เกิด น้ำท่วม แผ่นดินถล่ม ชาวบ้านนับแสนคนอพยพเที่ยว บินกว่า 300 เที่ยวถูกยกเลิก รถไฟหัวกระสุนระงับบริการ คาดว่ามันจะพัดผ่านกรุงโตเกียวในเช้า 14 ต.ค.ขณะที่ลดความรุนแรงเป็นพายุโซนร้อน ก่อนหน้านี้หว่องฟงพัดถล่มเกาะโอกินาวา ทำให้มีผู้บาดเจ็บกว่า 30 คน.

พายุขยี้อินเดีย-ญี่ปุ่นอ่วม - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

ลำปางพร้อมรับมือ คาดหนาวสุดในรอบ30ปี
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 14 ต.ค. 2557 12:14



เตือนภัยหนาว ปีนี้มาแน่! ลำปางเตือน คาดหนาวสุดในรอบ30ปี ขอประชาชนเตรียมพร้อมเครื่องนุ่งห่ม แนะคนแก่ อาบน้ำก่อนหัวค่ำ ...

เมื่อวันที่ 14 ต.ค. นายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง กล่าวว่าฤดูหนาวนี้ให้ประชาชนได้เตรียมอุปกรณ์เครื่องนุ่มห่มและดูแลสุขภาพให้ดี เนื่องจากได้รับรายงานจากทางกรมอุตุนิยมวิทยาว่าปีนี้ภาคเหนือมีปริมาณฝนตกน้อยที่สุดจะทำให้มีอุณหภูมิต่ำสุดโดยเฉพาะ จ.ลำปาง เป็นจังหวัดที่อยู่ในหุบเขาล้อมรอบ พอถึงฤดูร้อนก็ร้อนจัด เพราะภูมิประเทศเป็นแอ่ง เพื่อเป็นการรับมือภัยหนาวจึงได้สั่งการให้นายอำเภอทุกแห่งสั่งการให้กำนันผู้ใหญ่บ้านทุกแห่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้เตรียมความพร้อมให้สำรวจครัวเรือนยังขาดแคลนเครื่องนุ่งห่มในพื้นที่ของตนเองเพื่อจะได้ช่วยเหลือและย้ำให้ปฏิบัติอย่างเป็นธรรม เนื่องจากคาดว่า จ.ลำปาง จะมีอากาศหนาวที่สุดในรอบ 30 ปี และขอให้ผู้ใช้รถใช้ถนนขับรถด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากทุกเช้ามีหมอกลงจัดอาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย

ส่วนในพื้นที่ อ.เมืองปาน และ อ.วังเหนือ มีอากาศเย็น ผู้สูงอายุ ควรให้ลูกหลาน ช่วยอาบน้ำให้ก่อนหัวค่ำทุกวัน ส่วนการช่วยเหลือประชาชนในฤดูหนาวนี้ ทาง จ.ลำปาง ทุกภาคส่วนราชการ ได้เตรียมพร้อมแล้ว.

ลำปางพร้อมรับมือ คาดหนาวสุดในรอบ30ปี - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

ศัลยกรรมทำพิษ! นางแบบจีนหน้าหมดอายุ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 ตุลาคม 2557 11:03 น.



ภาพล่าสุดของนางแบบสาวคนสวย “ลี่อิงจื่อ” แทบจะทำให้ชาวเน็ตจีนตกตะลึงไปตามๆ กัน เพราะใบหน้าของเธอดูเปลี่ยนแปลงไปมากในระยะเวลาอันสั้นเพียงไม่กี่ปี จนทำให้เกิดข่าวลือว่านี่อาจจะเป็นผลกระทบของการทำศัลยกรรมพลาสติก ที่สุดท้ายแล้วความสวยจะ “หมดอายุ” ในเวลาอันรวดเร็ว









ลี่อิงจื่อ เป็นนางแบบจีนอีกคนที่มาพร้อมกับใบหน้าพิมพ์นิยมไม่ว่าจะเป็นคางอันเรียวยาว และจมูกที่โด่งเป็นสัน แม้จะโดนค่อนขอดว่าใบหน้าของเธอดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ และสงสัยว่าจะเป็นสาวจีนประเภทสวยด้วยแพทย์อีกคน แต่ภาพของนางแบบคนนี้ก็ยังได้รับความนิยมถูกนำไปโพสต์ต่อในเว็บไซต์ต่างๆ มากมาย











ล่าสุดชื่อของ ลี่อิงจื่อ กลับถูกพูดถึงในชุมชนออนไลน์ของจีนอย่างมากมายอีกครั้ง จากการไปร่วมในงานอีเวนต์แสดงรถยนต์เมื่อเร็วๆ นี้ แต่กลับเป็นในแง่ที่เธอหน้าตาของเธอดูเปลี่ยนแปลงไปเป็นคนละคน คางดูผิดรูป และมีริ้วรอยต่างๆ ให้เห็นอย่างชัดเจน ซึ่งแตกต่างโดยสิ้นเชิงกับเมื่อครั้งที่เธอไปโชว์ตัวที่งาน 2012 Beijing Motor Show ที่วันนั้นเธอกลายเป็นดาวเด่นของงาน และมีคนสนใจถ่ายภาพกันมากมาย

มีการแสดงความเห็นมากมายเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าของนางแบบสาวชาวชิงเต่า แต่ประเด็นที่ชาวเน็ตจีนแสดงความเห็นกันมากที่สุดก็คือข้อสงสัยว่านี่อาจจะเป็นหลักฐานว่าสุดท้ายแล้วการทำศัลยกรรมอาจจะมี “วันหมดอายุ” ก็ได้

จากภาพทำให้ชาวจีนจำนวนไม่น้อยต่างเชื่อว่าการทำศัลยกรรมความงาม อาจจะไม่สามารถคงความสวยสมบูรณ์แบบเอาไว้ได้นานนัก แต่ความสวยจะคงอยู่เพียงไม่กี่ปี โดยเฉพาะการทำศัลยกรรมจมูก, ตาสองชั้น และคางที่น่าจะมีระยะเวลา “หมดอายุ” ด้วยกันทั้งนั้น และสำหรับบางกรณีเวลาหมดอายุอาจจะมาเร็วกว่าที่คิดด้วย

อย่างไรก็ตามแพทย์ได้แสดงความเห็นว่าการทำศัลยกรรมไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น และยังไม่น่าจะหมดอายุเร็วขนาดนั้นด้วย ส่วนใหญ่หากทำในตอนสาวๆ 20 ต้นๆ ก็คงเมื่ออายุเข้าสู่เลข 35 ปี จุดที่ทำศัลยกรรมเอาไว้จึงอาจจะเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ปัญหาในหลายๆ กรณีจึงน่าจะเกี่ยวกับการทำศัลยกรรมที่ไม่ได้มาตรฐานมากกว่า

 

แผ่นดินไหว 5.4 เขย่าเปรู สะเทือนไกลมากกว่า 520 กม.จากศูนย์กลาง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 ตุลาคม 2557 09:34 น.



เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาแห่งชาติสหรัฐฯ (ยูเอสจีเอส) รายงานว่า เกิดแผ่นดินไหวขนาดปานกลางซึ่งสามารถวัดความรุนแรงได้ที่ระดับ 5.4 ตามมาตราแมกนิจูดทางภาคใต้ของประเทศเปรูในคืนวันจันทร์ (13 ต.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น เบื้องต้นยังไม่มีรายงานความเสียหายที่แน่ชัด

ข้อมูลของยูเอสจีเอสระบุว่า ศูนย์กลางของแผ่นดินไหวระดับ 5.4 แมกนิจูดในครั้งนี้ อยู่ลึกลงไปใต้ดินราว 96 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากเมือง “โกราโกรา” เมืองเอกของจังหวัดปารินาโกชาส ในเขตอยากูโชของเปรูไปทางตะวันออกเฉียงใต้เพียง 41 กิโลเมตร

เบื้องต้นยังไม่มีรายงานความเสียหายที่ชัดเจนจากผลพวงของแผ่นดินไหวครั้งนี้ มีเพียงรายงานพบรอยแตกร้าวตามอาคารบ้านเรือนหลายแห่งทั่วเมืองโกราโกราซึ่งมีที่ตั้งของเมืองอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 3,175 เมตร (ราว 10,417 ฟุต)

ขณะที่อัลเฟรโด โลเปซ กูเตียร์เรซ นายกเทศมนตรีเมืองโกราโกรา ออกคำสั่งด่วนให้หน่วยงานด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติในระดับสูงสุด และเตรียมการให้ความช่วยเหลือต่อประชาชนอย่างทันท่วงที

ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวระดับ 5.4 แมกนิจูดทางภาคใต้ของเปรูในครั้งนี้ สามารถรับรู้ได้ทั่วไปตามอาคารสูงหลายแห่งในกรุงลิมา เมืองหลวงของประเทศที่อยู่ห่างจากศูนย์กลางแผ่นดินไหวราว 522 กิโลเมตร

ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนสิงหาคมปี 2007 เคยเกิดแผ่นดินไหวซึ่งมีความรุนแรงถึงระดับ 8.0 ตามมาตราแมกนิจูดทางตอนใต้ของกรุงลิมา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตในครั้งนั้นสูงถึง 519 ราย

 

ยุคไฮเทคนี่แปลกพิลึก ของสำคัญๆ นี่มันหมดอายุได้หมดทุกอย่างเลยนะ!?เอิ๊อกๆ

 

หวั่นอีโบลาถึงอังกฤษ! ชี้คริสต์มาสนี้อาจมีผู้ติดเชื้อถึง 10 ราย
โดย ข่าวต่างประเทศ 14 ต.ค. 2557 15:42



รมว.สาธารณสุขผู้ดี หวั่นอีโบลามาถึงสหราชอาณาจักรในช่วงเทศกาลคริสต์มาสนี้ ชี้อาจมีผู้ติดเชื้อถึง 10 ราย เดินเครื่องมาตรการคัดกรองผู้โดยสารที่สนามบินฮีทโธรว์ สกัดเชื้อมรณะ ขณะที่สื่อต่างชาติเผยชื่อพยาบาลอเมริกันติดเชื้ออีโบลาจากผู้ป่วยที่เสียชีวิตแล้ว

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายเจเรมี่ ฮันท์ รัฐมนตรีสาธารณสุขอังกฤษ แถลงต่อรัฐสภาถึงสถานการณ์อีโบลาระบาดรุนแรงในแอฟริกา ตะวันตก และพบผู้ติดเชื้อเพิ่มในสเปน และสหรัฐฯ แล้ว ว่า อังกฤษอาจพบผู้ติดเชื้อมรณะถึง 10 คน ในเทศกาลคริสต์มาสที่กำลังจะมาถึง พร้อมกับระบุถึงแนวโน้มของการแพร่ระบาดของเชื้ออีโบลาว่าจะเลวร้ายลง ก่อนจะสามารถควบคุมป้องกันการระบาดให้ดีขึ้นได้

ขณะเดียวกัน เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมสกัดกั้นเชื้ออีโบลาเข้ามาในสหราชอาณาจักร ทำให้รัฐบาลอังกฤษเริ่มใช้มาตรการตรวจคัดกรองผู้โดยสารที่เดินทางเข้าสหราชอาณาจักรไปแล้วเมื่อวานนี้ (13 ต.ค.) โดยเริ่มใช้ที่ท่าอากาศยานฮีทโธรว์เป็นที่แรก และจะประกาศใช้มาตรการนี้ที่ท่าอากาศยานแกตวิค และชุมทางรถไฟยูโรสตาร์ต่อไป ผู้โดยสารที่เดินทางเข้ามายังสหราชอาณาจักร จะได้รับการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย กรอกแบบสอบถามเพื่อประเมินความเสี่ยง และบันทึกประวัติการติดต่อกับบุคคลต่างๆ ซึ่งจะมุ่งเน้นไปที่ผู้โดยสารที่เดินทางมาจากประเทศที่มีการแพร่ระบาดอย่างไลบีเรีย เซียร์ราลีโอน และกินี เป็นพิเศษ


@เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ตรวจวัดอุณหภูมิของผู้โดยสารบริเวณท่าอากาศยาน

นายฮันท์เชื่อว่า มาตรการนี้จะสามารถตรวจคัดกรองผู้โดยสารที่เดินทางมาจากพื้นที่แพร่ระบาดได้ถึง 89 เปอร์เซ็นต์ และมีแผนการขยายการใช้มาตรการนี้ไปยังเมืองเบอร์มิงแฮม และแมนเชสเตอร์ต่อไป หากมีความเสี่ยงในการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้น และมีการวางแผนส่งตัวผู้ป่วยที่มีผลการตรวจเลือดเป็นบวกไปยังโรงพยาบาลรอยัลฟรี ทางตอนเหนือของกรุงลอนดอน ซึ่งประสบความสำเร็จในการรักษา นายวิลเลี่ยม พูลีย์ บุรุษพยาบาลชาวอังกฤษที่ติดเชื้อไวรัสอีโบลาเมื่อเดือนสิงหาคม และยังมีการเตรียมเพิ่มแผนกผู้ป่วยในโรงพยาบาลในเมืองนิวคาสเซิล ลิเวอร์พูล และเชฟฟิลด์ เพื่อรองรับผู้ป่วยที่อาจติดเชื้อไวรัสอีโบลา หลังนายฮันท์ไม่สามารถยืนยันได้ว่าผู้ป่วยชาวอังกฤษจะได้รับยาที่ใช้รักษานายพูลีย์ได้ทุกคน และคาดว่าจะพบผู้ป่วยชาวอังกฤษเกือบ 10 ราย ในอีก 3 เดือนข้างหน้านี้ นอกจากนี้ สาธารณสุขอังกฤษยังได้เปิดศูนย์บริการด้านสุขภาพแห่งชาติ เพื่อคัดกรองผู้ป่วยอีโบลาไว้อีก 111 คู่สาย

วันเดียวกัน สื่อในต่างประเทศหลายสำนัก ได้เปิดเผยชื่อนางพยาบาลชาวอเมริกัน ซึ่งกลายเป็นชาวอเมริกันรายแรกที่ต้องติดเชื้ออีโบลาในแผ่นดินสหรัฐฯ นั้น มีชื่อว่า น.ส.นีน่า ฟาม นางพยาบาลสาวชาวอเมริกัน อายุ 26 ปี โดยคาดการณ์ว่า น.ส.นีน่า ฟาม นางพยาบาลเคราะห์ร้าย อาจติดเชื้อมรณะระหว่างการถอดชุดอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อ ระหว่างการดูแลนายโธมัส อีริค ดันแคน ชายอเมริกันวัย 42 ที่ติดเชื้ออีโบลาหลังเดินทางกลับจากไลบีเรีย และได้รักษาตัวที่โรงพยาบาลเทกซัส เพรสไบเทเรียน ในเมืองดัลลัส รัฐเทกซัส ก่อนจะเสียชีวิตในอีก 11 วันต่อมา

ขณะที่ ดร.โธมัส ฟรีเดน ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคติดต่อของสหรัฐฯ (ซีดีดี) ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่ น.ส.นีน่า ฟาม ติดเชื้ออีโบลา ทำให้ซีดีซีต้องคิดใหม่เกี่ยวกับการควบคุมป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ติดเชื้อมรณะระหว่างดูแลรักษาผู้ป่วยไข้เลือดออกอีโบลา พร้อมกันนั้น นายฟรีเดนยังขอโทษที่เขาได้แสดงความคิดเห็นก่อนหน้านี้ไปว่า นางพยาบาลผู้นี้อาจติดเชื้อมรณะจากการละเมิดหลักปฏิบัติตามขั้นตอนของการป้องกันการติดเชื้อ


ทั้งนี้ น.ส.นีน่า ฟาม เป็นบุตรสาวของชาวเวียดนามที่ลี้ภัยมาอยู่ในสหรัฐฯ ตั้งแต่สมัยเกิดสงครามกลางเมืองในเวียดนาม โดยพยาบาลสาวผู้นี้ ได้รับการยอมรับว่าเป็นพยาบาลที่มีความระมัดระวัง และไม่เคยทำงานผิดพลาดมาก่อน ด้านองค์การอนามัยโลก (ฮู) กล่าวว่า การแพร่ระบาดของไวรัสอีโบลาในครั้งนี้ มีความรุนแรงที่สุดในโลกปัจจุบัน ซึ่งขณะนี้ มียอดผู้ติดเชื้อแล้ว 8,400 ราย และเสียชีวิตแล้ว 4,030 ราย

หวั่นอีโบลาถึงอังกฤษ! ชี้คริสต์มาสนี้อาจมีผู้ติดเชื้อถึง 10 ราย - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

จนท.แพทย์ยูเอ็นติดเชื้อ 'อีโบลา' รักษาตัวในเยอรมนี เสียชีวิตแล้ว
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 14 ต.ค. 2557 22:49



เจ้าหน้าที่ในทีมแพทย์ของสหประชาชาติในแอฟริกาตะวันตก ผู้ติดเชื้ออีโบลาจนต้องส่งตัวไปรับการรักษาที่ประเทศเยอรมนี เสียชีวิตแล้วเมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ชายชาวซูดานวัย 56 ปี ผู้ทำงานให้กับทีมแพทย์ของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ในประเทศไลบีเรีย และติดเชื้อไวรัสอีโบลา เสียชีวิตแล้วเมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา ขณะรับการรักษาที่โรงพยาบาล 'ซังคท์ เกออร์ค' ในเมืองไลพ์ซิก ประเทศเยอรมนี โดยเขาเสียชีวิตแม้ได้รับยาทดลองสำหรับรักษาไวรัสมรณะชนิดนี้

ผู้ป่วยรายนี้ถูกส่งตัวมารับการรักษาที่เยอรมนีเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยเขาถูกนำตัวเขาสู่แผนกที่มีการเปิดผนึกมิดชิดจนอากาศไม่สามารถผ่านเข้าไปได้ อย่างไรก็ตาม แม้ทีมแพทย์ของโรงพยาบาลจะมีมาตรการทางการแพทย์อย่างเข้ทงวด และใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตของเขาเอาไว้ได้ ตามแถลงการณ์ของโรงพยาบาล ซังคท์ เกออร์ค

ทั้งนี้ การละบาดของเชื้อไวรัสอีโบลาครั้งล่าสุด ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 4,400 ราย จากผู้ป่วยกว่า 8,400 คนทั่วโลก โดยเกือบทั้งหมดอยู่ในประเทศแถบแอฟริกาตะวันตกได้แก่ กินี, เซียร์ราลีโอน, ไลบีเรีย และไนจีเรีย

ชายวัย 56 ปีรายนี้ เป็นผู้ป่วยอีโบลารายที่ 3 ที่ถูกส่งมารักษาในเยอรมนี โดยผู้ป่วยรายแรกเป็นเจ้าหน้าที่องค์การอนามัยโลก (ฮู) ชาวเซเนกัล ถูกส่งตัวมารักษาในเมืองฮัมบวร์กเมื่อช่วงปลายเดือนส.ค. ก่อนได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลในวันที่ 3 ต.ค. ส่วนรายที่ 2 เป็นหมอชาวยูกันดาที่ทำงานให้กับหน่วยงานช่วยเหลือของอิตาลีในแอฟริกาตะวันตก ปัจจุบันยังคงรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลในเมืองแฟรงต์เฟิร์ต

จนท.แพทย์ยูเอ็นติดเชื้อ 'อีโบลา' รักษาตัวในเยอรมนี เสียชีวิตแล้ว - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

ระทึกทั้งลำ! ผนังห้องโดยสารโบอิ้งอเมริกันแอร์ 'ปริ' กลางอากาศ
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 15 ต.ค. 2557 03:59



เกิดเหตุระทึก เมื่อผนังห้องโดยสารของเครื่องบินโบอิ้ง 757 ของสายการบิน อเมริกัน แอร์ไลน์ส ปริกลางอากาศ หลังขึ้นบินได้ไม่นาน แต่เคราะห์ดีกัปตันนำเครื่องลงฉุกเฉินปลอดภัยทุกคน...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 757 ของสายการบิน 'อเมริกัน แอร์ไลน์ส' พร้อมผู้โดยสาร 184 คนและลูกเรือ 6 คน ต้องลงจอดฉุกเฉิน หลังจากขึ้นบินได้ไม่นาน เนื่องจากพบว่าผนังของห้องโดยสารเริ่มปริแยกออกจากกัน สร้างความแตกตื่นแก่ผู้โดยสารบนเครื่องบินอย่างมาก


@ผนังห้องโดยสารปริแยกโดยไม่ทราบสาเหตุ

ผู้โดยสารคนหนึ่งชื่อว่า เจมส์ วิลสัน เปิดเผยว่า เที่ยวบินนี้ออกเดินทางจากนครซานฟรานซิสโกในวันจันทร์เพื่อมุ่งหน้าไปยังเมืองดัลลัสในรัฐเทกซัส ก่อนที่เขาจะรู้สึกถึงความผิดปกติ โดยส่วนลำตัวของเครื่องบินสั่นอย่างรุนแรง และได้ยินเสียงดังเป๊าะหลายครั้ง เพียงไม่นานหลังจากเครื่องขึ้นบิน

นอกจากนี้ ผู้โดยสารยังหวาดกลัวว่าเครื่องบินอาจจะตก เพราะผนังภายในห้องโดยสารทั้งสองฝั่งเริ่มปริแยกออกจากกัน เผยให้เห็นฉนวนป้องกัน และรู้สึงได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของความกดอากาศในห้องนักบิน "พวกเราต้องตะโกนเรียกให้ลูกเรือบนเครื่องมาดู ว่า กำแพงกำลังพัง" วิลสันกล่าว


@ภาพที่โพสต์ลงบนเฟซบุ๊กของ เจมส์ วิลสัน (James Wilson)

ด้วยความกลัวว่าจะเกิดกรณีที่เลวร้ายที่สุด วิลสัน ในวัย 32 ปี โพสต์รูปถ่ายสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องโดยสารและคอยอัพเดตสถานการณ์สดตลอดผ่านหน้าเว็บไซต์เฟซบุ๊กของเขา รวมถึงส่งข้อความไปหาภรรยาซึ่งน่าจะรอบพบเขาที่เมืองดัลลัส เพื่อให้เธอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหากเครื่องบินตก รวมถึงขอให้เพื่อในเฟซบุ๊กโทรศัพท์หาภรรยาของเขาด้วย เผื่อกรณีข้อความส่งไม่ถึง พร้อมโพสต์ข้อความว่า "อเมริกัน (แอร์ไลน์ส) เที่ยวบิน 2293 ความดันอากาศลดลง และกำลังปริแตกกลางอากาศ ไ้ดโปรดภาวนาเพื่อพวกเราด้วย"

ในขณะเดียวกัน เพื่อนที่กำลังวิตกกังวล ของนายวิลสันได้ติดตามเส้นทางการบินของเที่ยวบินนี้ผ่านทางออนไลน์ และส่งข้อความให้กำลังใจแก่นายวิลสัน เมื่อพบว่า เครื่องบินวกกลับแล้ว


@ผนังห้องโดยสารแยกออกจนเห็นฉนวนกันความร้อน

ทั้งนี้ ในช่วงแรกแม้ผู้โดยสารจะแตกตื่นอย่างมาก แต่กัปตันกลับประกาศว่า เที่ยวบิน 2293 จะมุ่งหน้าสู่ท่าอากาศยานนานาชาติ ฟอร์ต เวิร์ธ ในเมืองดัลลัสต่อไป เนื่องจากควานดันในห้องโดยสารยังเสถียร แต่ก็เปลี่ยนใจหลังจากออกจากห้องนักบินมาดูความเสียหายด้วยตัวเอง และตัดสินใจวกเครื่องกลับขณะอยู่ระหว่างเขตแดนรัฐแคลิฟอร์เนียกับเนวาดา ก่อนนำเครื่องลงจอดฉุกเฉินที่ซานฟรานซิสโก ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ

เมื่อเครื่องบินลงจอด นายวิลสันรีบแจ้งข่าวลงในเฟซบุ๊กของเขาทันที ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นข้อความแสดงความยินดีจำนวนมากจากทั้งครอบครัวและเพื่อนๆ

ในเวลาต่อมา นายแมตต์ มิลเลอร์ โฆษกของสายการบิน อเมริกัน แอร์ไลน์ส แถลงข่าวว่า เจ้าหน้าที่กำลังสืบสวนหาสาเหตุที่ทำให้หนังห้องโดยสารปริแยก แต่ยืนยันว่าไม่มีการสูญเสียความดันในห้องโดยสารและหน้ากากออกซิเจนก็ไม่ถูกใช้

ระทึกทั้งลำ! ผนังห้องโดยสารโบอิ้งอเมริกันแอร์ 'ปริ' กลางอากาศ - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

ฮ่องกงเปิดเส้นทางจราจร หลังตร.บุกรื้อสิ่งกีดขวาง
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 14 ต.ค. 2557 23:39



ถนนสายหลักในพื้นที่ตอนกลางของฮ่องกง ซึ่งถูกผู้ประท้วงปิดกั้นเอาไว้นานหลายสัปดาห์ สามารถเปิดใช้การได้แล้ว หลังตำรวจนำกำลังเขารื้อถอนเครื่องกีดขวางเมื่อวันอังคาร...

สำนักข่่าวซินหัวของจีนรายงานว่า ถนน 'ควีนส์เวย์' ในเขต 'แอดไมรัลตี' ในพื้นที่ตอนกลางของเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ซึ่งถูกกลุ่มนักศึกษาเรียกร้องประชาธิปไตยและผู้ประท้วง 'ยึดเซ็นทรัล' ปิดกั้นนานถึง 16 วัน เปิดใช้การได้อีกครั้งแล้วในวันอังคาร (14 ต.ค.) หลังตำรวจนำกำลังเข้ารื้อถอนเครื่องกีดขวาง


@ตำรวจใช้เลื่อยไฟฟ้า ตัดเครื่องกีดขวางของผู้ประท้วง

กลุ่มผู้ประท้วงรวบรวมอุปกรณ์ทุกชนิดทั้งรั้วเหล็ก, ไม้ไผ่ หรือแม้แต่ถังขยะ เพื่อปิดกั้นถนนสายหลักในฮ่องกงเอาไว้ ตั้งแต่การประท้วงเริ่มขึ้นเมื่อ 28 ก.ย. และในวันจันทร์ยังใช้แท่งคอนกรีตมาเสริมความแข็งแกร่งให้แก่เครื่องกีดขวาง เนื่องจากกลัวว่าตำรวจจะนำกำลังเข้าเคลียร์พื้นที่

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเช้าวันอังคาร ตำรวจพร้อมกับเลื่อยไฟฟ้าและเครื่องมือทรงพลังอื่นๆ เข้าปฏิบัติการรื้อถอนในเขต แอดไมรัลตี และอ่าว 'คอสเวย์ เบย์' อย่างรวดเร็ว โดยตัดแยกสิ่งกีดขวางต่างๆออกจากกัน ก่อนขนย้ายออกจากพื้นที่ด้วยรถบรรทุก


@ตำรวจใช้รถบรรทุกเก็บเศษซากเครื่องกีดขวางออกจากพื้นที่ชุมนุม

ผู้ประท้วงบนถนนควีนส์เบย์อยู่ในความสงบ และได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ให้เข้าไปเก็บเต็นท์ของตนเองบนถนนได้ และยอมออกจากถนนเมื่อตำรวจตั้งแต่ล้อมพื้นที่เอาไว้ จากนั้นไม่นานการจราจรบนถนนสายนี้ก็เริ่มขับเคลื่อนอีกครั้ง และใช้การได้ทั้งถนนในช่วงบ่ายวันอังคาร

ขณะเดียวกัน ตำรวจระบุด้วยว่า อีกไม่นานพวกเขาจะมีปฏิบัติการในเขตหม่งก๊ก บนฝั่งเกาลูน แต่ย้ำว่า พวกเขาต้องการเพียงรื้อถอนสิ่งกีดขวางเท่านั้น ไม่ได้ต้องการขับไล่ผู้ประท้วง

ฮ่องกงเปิดเส้นทางจราจร หลังตร.บุกรื้อสิ่งกีดขวาง - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

ผู้ติดอีโบลารายใหม่จะเพิ่มเป็นหลักหมื่นต่อสัปดาห์



องค์การอนามัยโลก(ฮู)เผยผู้ติดเชื้อไวรัสอีโบลามีโอกาสเสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ70 และคาดว่าจะได้เห็นตัวเลขผู้ที่ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ละ10,000ราย

วันพุธ 15 ตุลาคม 2557 เวลา 03:31 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่15ต.ค.ว่า นายแพทย์บรูซ อลีวาร์ด รองผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก(ฮู) เผยระหว่างการประชุมเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า ขณะนี้โอกาสการเสียชีวิตของผู้ที่ติดเชื้อไวรัสอีโบลาเพิ่มขึ้นจากร้อยละ50เป็นร้อยละ70 ท่ามกลางการะดมความช่วยเหลือจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขของสหประชาชาติ ที่พยายามลงพื้นที่ทำการคัดแยกและกักพื้นที่ผู้ที่ติดเชื้อพร้อมกับให้การรักษา

ทั้งนี้นายอลีวาร์ด ยังเผยอีกว่า วิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้ออีโบลาไม่สามารถที่จะควบคุมได้ภายในเวลา60วัน ซึ่งในหนึ่งวันยังพบผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มประเทศแอฟริกาตะวันตก ได้แก่ ไลบีเรีย กินี และเซียร์ราลีโอน ทั้งนี้ฮูคาดว่าภายใน2เดือนต่อจากนี้ ยอดผู้ที่ติดเชื้อใหม่จะเพิ่มขึ้นเป็น10,000รายต่อสัปดาห์ ขณะที่ตัวเลขผู้ที่ติดเชื้อใหม่จากแถลงการณ์ของฮูเมื่อ4สัปดาห์ที่แล้วอยู่ที่1,000รายต่อสัปดาห์

อย่างไรก็ตามฮูตั้งเป้าที่จะกักตัวถูกที่ติดเชื้อในพื้นที่แพร่ระบาดเป็นจำนวนร้อยละ70ให้ได้ภายใน2เดือนนับจากนี้ เพื่อหยุดยั้งไวรัสมรณะที่คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วอย่างน้อย4,447ศพ และคาดว่ามีผู้ติดเชื้อแล้วทั้งหมด8,914ราย

ขณะที่มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ผู้บริหารเฟซบุ๊ก และพริสซิลล่า ชาน ภรรยา ได้บริจาคเงินช่วยเหลือจำนวน25ล้านดอลลาร์สหรัฐ(750ล้านบาท)ให้แก่ศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐ เพื่อใช้สำหรับควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้ออีโบลา หลังจากเดือนที่ผ่านมานายพอล อัลเลน ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟ ได้ประกาศบริจาคเงินจำนวน9ล้านดอลลาร์สหรัฐ(270ล้านบาท) เพื่อร่วมหยุดยั้งการแพร่ระบาดของเชื้ออีโบลาเช่นกัน

ผู้ติดอีโบลารายใหม่จะเพิ่มเป็นหลักหมื่นต่อสัปดาห์ | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

เครื่องบินหุ่นยนต์อวกาศลับมะกันบินกลับโลกสัปดาห์นี้



เครื่องบินหุ่นยนต์อวกาศลับของกองทัพสหรัฐมีกำหนดร่อนกลับลงจอดบนพื้นโลกในสัปดาห์นี้ หลังอยู่ในวงโคจรโลกมาเป็นเวลา22เดือน ซึ่งปฏิบัติการครั้งนี้ยังคงถูกปิดเป็นความลับ

วันพุธ 15 ตุลาคม 2557 เวลา 06:36 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครลอสแองเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่15ต.ค.ว่า เครื่องบินหุ่นยนต์อวกาศไร้คนขับ “เอ็กซ์-37บี” ของกองทัพสหรัฐ ซึ่งหน้าตาเหมือนกับกระสวยอวกาศขนาดเล็กมีกำหนดร่อนลงจอดยังฐานทัพอากาศแวนเดนเบิร์ก รัฐแคลิฟอร์เนียในสัปดาห์นี้ หลังถูกส่งขึ้นสู่วงโคจรโลกเมื่อวันที่11ธ.ค.2555ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นหนึ่งในภารกิจลับสุดยอดของกองทัพสหรัฐ

ทั้งนี้กัปตันคริส โฮย์เลอร์ โฆษกกองทัพอากาศสหรัฐแถลงว่า วันและเวลาที่แน่นอนในการร่อนลงจอดของหุ่นยนต์อวกาศลับลำนี้ขึ้นอยู่กับความพร้อมด้านเทคนิคและสภาพอากาศ ส่วนเจ้าหน้าที่กลาโหมรายหนึ่งเผยว่า ปฏิบัติการครั้งต่อไปในอนาคตจะเพิ่มขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีของเครื่องบินหุ่นยนต์อวกาศให้สูงยิ่งขึ้นและให้อยู่ในวงโคจรได้นานขึ้นอีกด้วย อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดใดๆเกี่ยวกับภารกิจในครั้งนี้

ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า ปฏิบัติการของเอ็กซ์-37บี มีจุดประสงค์เพื่อสอดแนมจากห้วงอวกาศ รวมไปถึงการแอบล้วงข้อมูลดาวเทียมของนานาประเทศอีกด้วย แต่ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ออกมาปฏิเสธว่า โครงการดังกล่าวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาวุธอวกาศ ที่สามารรถทำลายเหล่าดาวเทียมในวงโคจรของโลกได้

กองทัพอากาศสหรัฐเผยว่า เอ็กซ์-37บีเป็นความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยียานอวกาศที่ไม่เคยมีมาก่อน นำไปสู่การค้นพบคำตอบของการทดลองที่ยังไม่สามารถหาคำตอบได้ ซึ่งจะช่วยไขปัญหาเกี่ยวกับการศึกษาโลกของเรา

เอ็กซ์-37บีผลิตโดยบริษัทผลิตเครื่องบินโบอิ้ง มีน้ำหนักรวม5ตัน มีความยาว8.8เมตร กว้างประมาณ4.5เมตร มีความเร็วเหนือเสียงถึง25เท่า ถูกส่งขึ้นสู่อวกาศโดยจรวด และหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจจะร่อนลงจอดเหมือนกับเครื่องบิน แต่ไม่เหมือนกับกระสวยอวกาศขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐ(นาซา)ที่ส่วนท้ายของเครื่องจะมีปีกแนวตั้งเป็นรูปตัววี

เครื่องบินหุ่นยนต์อวกาศลับมะกันบินกลับโลกสัปดาห์นี้ | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

สหรัฐนำเจ้าตูบไปเลี้ยงหลังเจ้าของติดอีโบลา



ทางการสหรัฐไม่ฆ่า แต่นำสุนัขของนางพยาบาลที่ติดเชื้ออีโบลา ไปเลี้ยงไว้ที่ฐานทัพอากาศ

วันพุธ 15 ตุลาคม 2557 เวลา 07:49 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองดัลลัสประเทศสหรัฐ เมื่อวันที่15 ต.ค.ว่า เจ้าเบนท์ลีย์ สุนัขพันธุ์คิงชาร์ลส์ สแปเนียล วัยขวบเดียวซึ่งเป็นของนางพยาบาลที่ได้รับเชื้ออีโบลา ได้ถูกส่งไปไว้ที่ฐานทัพอากาศพร้อมด้วยของเล่นและเครื่องใช้ต่างๆเช่น ตุ๊กตา และเครื่องนอนของสุนัข

นางซานาไซเอ็ด โฆษกทางการเมืองดัลลัสรัฐเท็กซัส เปิดเผยว่า เบนท์ลีย์จะอาศัยอยู่ที่บ้านพักของอดีตข้าราชการทหารที่ปลดประจำการไปแล้วในเฮนส์ลีย์ ฟิลด์ แม้เบนท์ลีย์ย้ายจากอพาร์ทเมนท์ของนางพยาบาลนีนาฟาม ไปยังบ้านใหม่ แต่ก็จะถูกติดตามอาการอย่างใกล้ชิด

นายไมค์ รอว์ลิ่งส์ นายกเทศมนตรีเมืองดัลลัสบอกว่าเจ้าหน้าที่จะดูแลเจ้าเบนท์ลีย์อย่างดีการนำสุนัขของนางพยาบาลที่ได้รับเชื้อไวรัสอีโบลาไปไว้ที่ฐานทัพอากาศสหรัฐมีขึ้นหลังจากทางการสเปนการุณยฆาตสุนัขของนางพยาบาลที่ป่วยจากเชื้อไวรัสอีโบลาเนื่องจากวิตกว่าสุนัขอาจเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของโรคร้าย

สหรัฐนำเจ้าตูบไปเลี้ยงหลังเจ้าของติดอีโบลา | อ่านความจริงอ่านเดลินิวส์

 

ตะลึง!! ชาวประมงพบ 'สัตว์ประหลาดร้อยแขน' จากท้องทะเล (ชมคลิป)
โดย ข่าวต่างประเทศ 15 ต.ค. 2557 12:30



(ขอขอบคุณภาพจาก: dailystar.co.uk)

ชาวประมงรุ่นใหญ่พบ 'สัตว์ประหลาด' รูปร่างคล้ายปลาดาว แถมมีหนวดยั้วเยี้ยขยับไปมาได้ ขณะจับปลา คาดอาจเป็น 'เอเลี่ยน' หรือ 'สัตว์กลายพันธ์ุ' ชนิดใหม่

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่านายออง ฮาน บูน ชาวประมงวัย 54 ปี สามารถจับ 'สัตว์ประหลาด' ซึ่งมีลักษณะคล้ายปลาดาว แต่ที่มีหนวดรูปร่างคล้ายแขนกว่า 100 เส้น เหมือนปลาหมึก แถมหนวดทุกเส้นก็สามารถขยับไปมาได้ ขณะที่เขากำลังจับปลาเพื่อนำมาทำเป็นอาหารกลางวัน อยู่บริเวณจุดจับปลาที่เขาโปรดปราน บริเวณเกาะเซนโตซา ประเทศสิงคโปร์

<iframe width="570" height="351" src="//www.youtube.com/embed/BRVbv_f9oXs" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

นายบูนเล่าว่าเขาสังเกตเห็นสายเบ็ดเคลื่อนที่ขึ้นลงอยู่ในทะเล คิดว่าปลามากินเหยื่อ จึงยกคันเบ็ดขึ้นจากน้ำ หวังนำปลามารับประทานเป็นอาหารกลางวัน แต่เขากลับรู้สึกตกใจมากเมื่อเห็นสิ่งที่ติดมากับคันเบ็ด เพราะมันคือ 'สัตว์ประหลาด' ที่มีแขนกว่าร้อยแขน แถมสามารถเคลื่อนที่ไปมาได้ แทนที่จะเป็นปลา เขาจึงถ่ายคลิปไว้และโพสต์ลงบนอินเตอร์เน็ต หวังให้ผู้รู้มาตอบว่าเจ้าตัวประหลาดนี้คืออะไร แต่กลับไม่มีใครรู้ แถมยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าตัวนี้ในอินเตอร์เน็ตอีกด้วย เขาจึงคิดเขาว่าเจ้าตัวประหลาดที่เขาเจอนั้นอาจจะเป็น 'เอเลี่ยน' หรือ 'สัตว์กลายพันธ์ุ' ชนิดใหม่ในท้องทะเล ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น เขาก็ไม่รู้สึกแปลกใจ เนื่องจากทุกวันนี้มลพิษมากมายถูกปล่อยลงสู่ท้องทะเล จึงเป็นเรื่องปกติที่สัตว์น้ำจะเกิดการกลายพันธ์ุ

ตะลึง!! ชาวประมงพบ 'สัตว์ประหลาดร้อยแขน' จากท้องทะเล (ชมคลิป) - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

มะกันหาตัวผู้โดยสารเครื่องบินนับร้อยราย หวั่นติด 'อีโบลา' จากพยาบาล
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 16 ต.ค. 2557 01:41


@โธมัส ฟรีเดน ผู้อำนวยการซีดีซี

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ ตามหาตัวผู้โดยสารเครื่องบิน 132 คน ที่เดินทางพร้อมกับพยาบาลหญิงซึ่งเพิ่งตรวจพบว่าติดเชื้ออีโบลาเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา...
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (ซีดีซี) ของสหรัฐฯ ได้ประกาศแจ้งเตือนไปยังผู้โดยสารทุกคนที่เดินทางบนเที่ยวบินจากเมือง คลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอ ไปยังรัฐเทกซัส เมื่อวันที่ 13 ต.ค. โดยต้องการสัมภาษณ์และสอบถามข้อมูลบุคคล 132 คนบนเครื่อง เนื่องจากพวกเขาโดยสารเครื่องบินไปพร้อมกับนางพยาบาล อัมเบอร์ วินสัน วัย 29 ปีผู้ติดเชื้อไวรัส 'อีโบลา' ก่อนที่เธอจะลงจากเครื่องและตรวจพบว่ามีอาการป่วย

พยาบาลคนดังกล่าว เป็นผู้ติดเชื้ออีโบลาบนแผ่นดินสหรัฐฯรายที่ 2 ต่อจากพยาบาล นีน่า ฟาม พยาบาลชาวอเมริกันวัย 26 ปี โดยเธอถูกแยกเดี่ยวในโรงพยาบาล 'เทกซัส เฮลธ์ เพรสไบเทอเรียน' ในเมืองดัลลัส รัฐเทกซัส เมื่อช่วงเย็นวันอังคาร หลังจากมีไข้สูง

ซีดีซี ระบุว่า บุคคลใดก็ตามที่ถูกลงความเห็นแล้วว่ามีความเสี่ยงใดๆ จะถูกเฝ้าสังเกตการณ์ โดยจนถึงตอนนี้ พวกเขากำลังสังเกตการณ์เจ้าหน้าที่การแพทย์ 75 คน ในโรงพยาบาล เทกซัส เฮลธ์ เพรสไบเทอเรียน เพื่อหาสัญญาณของเชื้ออีโบลา
เชื่อว่าพยาบาลทั้งสองคน ติดเชื้อไวรัสอีโบลาขณะดูแลนายโธมัส อีริค ดันแคน คนแรกที่ถูกวินิจฉัยว่าป่วยเป็นไขเลือดออกอีโบลาบนแผ่นดินสหรัฐฯ ซึ่งเสียชีวิตในเมืองดัลลัสเมื่อ 8 ต.ค. โดยน.ส.ฟาม มีอาการดีขึ้นมาระหว่างการรักษาตัวในโรงพยาบาล


@บารัค โอบามา

อีกด้านหนึ่ง ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯประกาศยกเลิกกำหนดการเดินทางเยือนภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ เพื่อเข้าร่วมประชุมกับทีมตอบสนองต่อการระบาดของอีโบลา ที่ทำเนียบขาว และก่อนหน้านี้ โอบามาเพิ่งร่วมประชุมผ่านวิดีโอกับผู้นำสหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส, เยอรมนี และอิตาลี ในเรื่องการระบาดของอีโบลา
ทั้งนี้ การระบาดครั้งล่าสุดของไวรัสอีโบลาตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทำใฟ้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 4,447 ราย จากผู้ป่วยที่พบทั้งหมด 8,914 คน โดยเกือบทั้งหมดอยู่ในกินี, ไลบีเรีย และเซียร์ราลีโอน ในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตก
มะกันหาตัวผู้โดยสารเครื่องบินนับร้อยราย หวั่นติด 'อีโบลา' จากพยาบาล - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

ผวาแน่ ! เจ้าหน้าที่ รพ.มะกัน ติดเชื้ออีโบลารายที่ 2
โดย ข่าวต่างประเทศ 15 ต.ค. 2557 19:09



ชาวอเมริกันระทึกหนัก...พบเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ในโรงพยาบาลที่เมืองดัลลัส รัฐเทกซัส ติดเชื้ออีโบลารายที่ 2 แล้ว จากการดูแลพยาบาลผู้ป่วยชายอเมริกัน ที่ล้มป่วยและเสียชีวิตจากการติดเชื้อมรณะ



เมื่อ 15 ต.ค. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ชาวอเมริกันต้องขวัญผวามากขึ้นกว่าเดิม เมื่อมีบุคลากรทางการแพทย์ที่โรงพยาบาลเทกซัส เฮลธ์ เพรสไบทีเรียน ในเมืองดัลลัส รัฐเทกซัส ติดเชื้ออีโบลาเป็นรายที่ 2 แล้ว ต่อจาก น.ส.นีน่า ฟาม พยาบาลสาวชาวอเมริกันเชื้อสายเวียดนาม วัย 26 ปี ซึ่งติดเชื้อเป็นรายแรก จากการที่ทั้งสองให้การดูแลพยาบาล นายโธมัส อีริค ดันแคน ผู้ป่วยอีโบลาชาวไลบีเรีย ที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งนี้ ก่อนเขาจะเสียชีวิตในอีก 11 วันต่อมา
โฆษกสำนักงานสาธารณสุขในเมืองดัลลัส รัฐเทกซัส แถลงเมื่อวันพุธที่ 15 ต.ค.ว่า ผลจากการตรวจเลือดเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์คนดังกล่าวในเบื้องต้น ที่ห้องแล็บในเมืองออสติน เพื่อตรวจหาเชื้ออีโบลาเมื่อค่ำวันอังคารที่ 14 ต.ค. ได้ผลออกมาเป็นบวก หรือหมายถึงเจ้าหน้าที่คนนี้ ติดเชื้อมรณะอีโบลา อย่างไรก็ตาม จะมีการส่งเลือดของเจ้าหน้าที่ผู้นี้ไปตรวจวินิจฉัยเชื้อเป็นครั้งที่ 2 ที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคในเมืองแอตแลนตา เพื่อยืนยันว่าติดเชื้ออีโบลาจริงหรือไม่


@โรงพยาบาลเทกซัส เฮลธ์ เพรสไบทีเรียน ในเมืองดัลลัส

ข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์คนดังกล่าวได้มีอาการป่วย ไข้ขึ้นสูงเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา จากนั้น ทางโรงพยาบาลได้รีบแยกนำตัวเข้าพักในห้องกักกันเชื้อโรคทันที และขณะนี้มีประชาชนอีกหลายคนจะถูกเฝ้าติดตามอาการว่ามีอาการป่วยในลักษณะที่คล้ายคลึงกับการติดเชื้ออีโบลาหรือไม่
ผวาแน่ ! เจ้าหน้าที่ รพ.มะกัน ติดเชื้ออีโบลารายที่ 2 - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

พายุหิมะถล่มหิมาลัย นักปีนเขาดับ 4 ติดต่อไม่ได้กว่าร้อย
โดย ข่าวต่างประเทศ 15 ต.ค. 2557 16:41



เกิดพายุหิมะถล่มเทือกเขาหิมาลัย ทางฝั่งเขตประเทศเนปาล เป็นเหตุให้นักปีนเขาต่างชาติเคราะห์ร้าย ต้องหนาวตายถูกฝังใต้กองหิมะถึง 3 ราย และไกด์นำทางท้องถิ่นสังเวยชีวิตอีกราย ขณะที่มีนักปีนเขายังติดต่อไม่ได้กว่า 100 ราย

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดพายุหิมะบริเวณเทือกเขาหิมาลัย ทางตอนกลางของประเทศเนปาล เป็นเหตุให้นักปีนเขาชาวต่างชาติที่กำลังขึ้นไปปีนยอดเขาอันนาปูร์นา ต้องสังเวยชีวิตไปถึง 3 ราย และมีไกด์นำทางท้องถิ่นเสียชีวิต อีก 1 ราย ขณะเดียวกัน ยังคงมีนักปีนเขาต่างชาติอีก 152 คน ยังคงไม่สามารถติดต่อได้

สำหรับนักปีนเขาชาวต่างชาติเสียชีวิต 3 ราย ประกอบด้วย ชาวโปแลนด์ 2 ราย และชาวอิสราเอล 1 ราย ส่วนไกด์นำทางขึ้นเขา เป็นชาวเนปาล โดยคนทั้ง 4 เสียชีวิตอยู่ใต้กองหิมะ

เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เกิดพายุหิมะหนักมากในบริเวณเทือกเขาหิมาลัย โดยปริมาณหิมะที่ตกลงมาอย่างหนัก สูงถึงประมาณ 91 ซม. โดยเจ้าหน้าที่กู้ภัยซึ่งรีบขึ้นไปให้ความช่วยเหลือบรรดานักปีนเขา หลังจากท้องฟ้าเริ่มเปิดแล้วเมื่อวันนี้ (15 ต.ค.) สามารถช่วยชีวิตนักปีนเขาที่ติดอยู่ท่ามกลางพายุหิมะหนาวเหน็บได้จำนวน 13 ราย แต่ยังมีนักปีนเขาต่างชาติถึง 152 คน ที่ยังไม่สามารถติดต่อได้

ทั้งนี้ ได้เกิดพายุหิมะรุนแรง ชนิดที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนัก ในเขตมุสแตง ประเทศเนปาล ในช่วงสัปดาห์นี้ โดยหากจะเปรียบเทียบแล้ว มีความรุนแรงเหมือนกับพายุไซโคลน ฮุดฮุด ที่พัดถล่มบริเวณชายฝั่งตะวันออกของอินเดียเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเลยทีเดียว ขณะที่ ก่อนเกิดพายุหิมะ ได้มีนักท่องเที่ยว จำนวน 168 คน ได้มาลงทะเบียน เพื่อขออนุญาตปีนยอดเขาอันนาปูร์นา ซึ่งเป็นยอดเขาสูงในเทือกเขาหิมาลัย

พายุหิมะถล่มหิมาลัย นักปีนเขาดับ 4 ติดต่อไม่ได้กว่าร้อย - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

เหยื่อพายุหิมะถล่มหิมาลัยพุ่ง 26 ศพ คาดยังมีผู้สูญหาย
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 15 ต.ค. 2557 23:47



จำนวนผู้เสียชีวิตในเหตุพายุหิมะถล่มบนเทือกเขาหิมาลัยในประเทศเนปาลตั้งแต่เมื่อวันอังคาร เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 26 รายแล้ว...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เหตุพายุหิมะถล่มบนเทือกเขาหิมาลัยในประเทศเนปาลตั้งแต่เมื่อวันอังคาร (14 ต.ค.) ทำให้มีนักปีนเขาต่างชาติที่หมายพิชิตยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกแห่งนี้ต้องสังเวยชีวิตแล้วอย่างน้อย 26 ราย และเชื่อว่ายังมีนักปืนเขาที่ยังสูญหายอีกหลายสิบคน

นิรันกาน เชรษธา โฆษกกองทัพเนปาลเปิดเผยว่า มีนักปีนเขา 12 รายสัญชาติตั้งแต่เนปาล, โปแลนด์ และตุรกี คาดว่าเสียชีวิตหลังติดพายุหิมะบนเส้นทาง 'โธรัง ลา' ทางเหนือของเทือกเขา 'อันนะปุรณะ' จุดปีนเขายอดนิยม แต่พบศพเพียง 4 รายเท่านั้นส่วนที่เหลือถูกฝังอยู่ใต้หิมะ ขณะที่เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือนักปีนเขาได้แล้ว 38 คน


@เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพเนปาลรับตัวผู้ประสบภัยบนเทือกเขาอันนะปุรณะ

นอกจากนี้ มีนักปีนเขาเสียชีวิตอีก 5 รายจากเหตุหิมะถล่มในเขตมานังซึ่งอยู่ไม่ห่างกันนัก โดยพบศพเมื่อวันพุธ 4 คนเป็นชาวแคนาดาส่วนอีกคนเป็นชาวอินเดีย

ด้านนาย บาบูรัม อาดีการี เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเขตมุสตัง ระบุว่า มีนักปีนเขา 244 คนข้ามเส้นทาง โธรัง ลา และไปถึงหมู่บ้าน มุขทินาธ ในวันจันทร์และวันอังคาร แต่ไม่มีข้อมูลว่ามีนักปีนเขากี่คนเลือกปีนจากเส้นทางอีกฟากหนึ่งในเมืองเพดี และไม่ทราบแน่ชัดด้วยว่ามีผู้สูญหายจำนวนเท่าใด


@เจ้าหน้าที่เคลื่อนย้ายศพผู้เสียชีวิตในเหตุหิมะถล่มเทือกเขาหิมาลัย

เหตุการณ์ครั้งนี้กลายเป็นหนึ่งในโศกนาฏกรรมบนเทือกเขาหิมาลัยที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในคราวเดียวในประวัติศาสตร์ไปแล้ว โดยสาเหตุของพายุหิมะนอกฤดูกาลครั้งนี้ คาดว่าเป็นผลมาจากอิทธิพลของไซโคลน 'ฮุดฮุด' ที่พัดถล่มพื้นที่ทางตะวันออกของอินเดียอยู่ในขณะนี้ และกำลังมุ่งหน้าไปยังประเทศจีน

เหยื่อพายุหิมะถล่มหิมาลัยพุ่ง 26 ศพ คาดยังมีผู้สูญหาย - ข่าวไทยรัฐออนไลน์