กสิณอะไรฝึกง่ายสุดหนอ?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย lovepyou, 8 กรกฎาคม 2014.

  1. กิ่งสน

    กิ่งสน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +2,327
    เรื่องของกรรมของใครของมัน มันไม่มีอะไรจะช่วยได้จริงๆ นอกจากประคับประครองจิตไม่ให้ตก ถ้าไม่แกร่งจริงก็อย่าพึ่งเผชิญเลย จิตตกไปสู่อบายภูมิกันง่ายๆเลยทีเดียว หนีก่อนถ้าหนีได้ ก็ไม่รู้ว่าท่านระมิงค์เจอเรื่องใดมา แต่ว่าสำหรับมนุษย์เรามันประมาทไม่ได้เลย
    แล้วก็ขออภัยท่านไว้ ณ ที่นี้ด้วย ที่เคยเสนอให้ท่านลาฯ เดี๋ยวจะไปขัดผู้สร้างบารมี ครูบาศรีวิชัยท่านก็ไม่ลาตอนหลวงปู่มั่นชวนเพราะท่านว่าท่านได้รับการพยากรณ์แล้ว แต่อ่านประวัติของท่านก็นำ้ตาไหล ตอนที่ท่านต้องอธิกรณ์ สงสารครูบาอภิชัยขาวปี๋ด้วย พอมาอ่านของหลวงพ่อกบท่านก็โดนเหมือนกัน พอท่านเปลี่ยนมานุ่งขาวชาวบ้านก็ร้องไห้ ท่านก็เลยต้องบอกว่าเป็นพระไม่ได้อยู่ที่ชุด
     
  2. คนไม่รุ้

    คนไม่รุ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    175
    ค่าพลัง:
    +116
    :cool:
     
  3. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ตุลาคม 2014
  4. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    ส่วนตัวขอเปลี่ยนมาเป็นผู้อ่าน รอฟังประสบการณ์
    ป๋าๆ คุณพี่ คุณรุ้ง และท่านอื่นๆ
    ที่เกี่ยวข้องก่อนนะครับ.. มีเรื่องเล่ามาให้อ่านเล่นๆครับ


    จากหน้าเฟส เรื่องเล่าชาวสยาม



    พระพุทธคุณ..... ชนชาติสยาม สืบทอดความเชื่อ ความศรัทธา
    และนับถือลัทธิพราหมณ์ มาช้านาน ก่อนจะถึงยุครุ่งเรืองของ
    พระพุทธศาสนา การได้รับอิทธิพลนี้จากอินเดีย
    ผสมร่วมกับความเชื่อของชนหลายเผ่าในท้องถิ่นเดิม
    จึงทำให้ คนสยามรวบรวมดัดแปลง
    อิทธิวิธี พิธีกรรม เลขยันต์ ต่างๆ
    เข้าเป็นเอกลักษณ์ เฉพาะตน
    เป็นลัทธิพุทธศาสนา
    อันเกี่ยวกับการใช้คาถาอาคม หรือ ลัทธิพุทธตันตระ


    .....พุทธศาสนา จัดแบ่งความเชื่อในปาฏิหาริย์ ไว้ ๒ อย่างคือ

    ...............๑. อนุศาสนีปาฏิหาริย์ หรือ คำสอนที่เป็นความจริง
    สอนให้เห็นจริง นำไปปฏิบัติได้ผลจริง เป็นอัศจรรย์

    ...............๒. อิทธิปาฏิหาริย์ หรือ ฤทธิ์อันเป็นอัศจรรย์
    .....การใช้พุทธคุณ จึงมีทั้งในรูปของ คำสวดมนต์
    คาถา หัวใจพระคาถา หลายแบบหลายวิธี
    และในรูปของ รูป เหรียญ เครื่องราง
    ของขลัง ยันต์ ตะกรุด ฯลฯ
    ที่พระสงฆ์ ได้ กำหนดจิต ทำพิธีปลุกเสก แล้ว
    เชื่อว่ามี ฤทธิ์อันเกิดจากจิต มีคุณในด้านต่าง ๆ

    .....ผลสำเร็จอันจะเกิดจาก คาถา หรือ เครื่องรางอื่นใด
    ย่อมขึ้นอยู่กับผู้ใช้ คุณวิเศษจะเกิดขึ้นได้อยู่ที่
    จิตที่สำรวมเป็นสมาธิ ซึ่งอาจสามารถแสดง
    อิทธิฤทธิ์ ได้ตามภูมิ (จิตตานุภาพ) ของผู้บริกรรม

    .....หากแต่ ความเชื่อเรื่อง กรรม เป็นผลจากการกระทำ
    ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ยังคงเป็น อนุศาสนี
    ที่พิสูจน์ได้อยู่เสมอ ความเป็นมงคลที่ดี
    ย่อมขึ้นอยู่กับ ความเป็นผู้มี จิตใจดีงาม
    มีสติอยู่เสมอ และไม่ประมาท สิ่งนี้เป็น
    สัจจะธรรม แห่ง พุทธคุณบริสุทธิ์
    ยอดแห่งปาฏิหาริย์อันอัศจรรย์แท้ ในทุกยุคทุกสมัย

    จบเรื่องแรกครับ
     
  5. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    ความเข้าใจผิดในวิชาไสยศาสตร์ ที่คนทั่วไปไม่รู้
    จากหน้าเฟส เรื่องเล่าชาวสยาม
    เหตุที่ต้องกล่าวถึงเรื่องนี้เพราะสมัยนี้คนไม่เข้าใจวิชาไสยศาสตร์
    โดยเฉพาะไสยศาสตร์ด้านเสน่ห์ ถูกกล่าวหาว่าเป็นศาสตร์ลามก
    ที่จริงแล้วผู้ปฎิบัตินั้่นแหละลามก ตัววิชาไม่ได้ลามกเสื่อมเสียเลย
    เพราะคนทั้งหลายไม่รู้และเข้าใจในวิชาต่างๆเหล่านี้
    จึงต้องเสียตัวเสียเงินให้กับหมอเสน่ห์
    ที่ไม่มีคุณธรรมเป็นจำนวนมาก
    มีทั้งที่เป็นข่าวและไม่เป็นข่าว
    ทั้งลือกันไปต่างๆ นานา ว่าถ้าฝึกวิชาไสยศาสตร์มากๆ
    แล้วจะเป็นบ้าบ้าง ร้อนวิชาบ้าง
    เป็นเหตุให้คนทั้งโลกประณามวิชาไสยศาสตร์ว่าเป็น"เดรัจฉานวิชา"

    ทั้งที่จริงๆแล้ว"เดรัจฉาน"แปลว่า"ขวาง"

    "เดรัจฉานวิชา"จึงแปลว่าวิชาที่ขวางทางไปพระนิพพาน
    กล่าวถึงที่สุดคือเรียกว่า"อวิชชา"คือความไม่รู้ ทั้งที่จริงๆ
    แล้ววิชาที่ไม่เป็นเดรัจฉานวิชานั้นมีเพียงวิชา
    สมถะกรรมฐานและวิชาวิปัสสนากรรมฐาน
    เพียงสองวิชาเท่านั้น ที่จะทำให้สัตว์โลกไม่ติดกับกิเลส
    ไม่ติดในกองทุกข์ และไม่ติดอยู่ในโลก

    ส่วนวิชาอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น วิชาคณิตศาสตร์ การเงิน การบัญชี
    วิทยาศาสตร์ กราฟฟิคดีไซด์ การทหาร
    ศิลปะศาสตร์ นิเทศศาสตร์ ฯลฯ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่ทำให้สัตว์ติดอยู่ในโลก
    ต้องคอยแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน หลงติดอยู่ในอำนาจ
    คอยแต่จะประหัตประหารกัน ทำร้ายซึ่งกันและกัน
    ข่มเหงรังแกมนุษย์ด้วยกันตลอดจนถึงสัตว์โลกชนิดอื่นๆ
    ก็ถูกมนุษย์รังแกอย่าง แสนสาหัส
    ซึ่งวิชาเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นเดรัจฉานวิชาทั้งสิ้น
    เป็นอวิชชาทั้งหมด เพราะทำให้สัตว์ติดอยู่ในโลกติดอยู่ในสงสาร
    วนเวียนแบบนี้เรื่อยไปนับเป็นกัปล์ เป็นอสงค์ไขย
    มนุษย์ทั้งหลายก็ยังคงสรรเสริญความรู้เหล่านี้ว่าดีเลิศประเสริฐศรี
    ปล่อยให้กิเลสมันหลอกอยู่อย่างนี้มาตลอด
    วิชาไสยศาสตร์เสียอีกที่ชักนำให้ต้องฝึกสมาธิ

    ใช้สมถะกรรมฐานเป็นบาทฐานแห่งพลังจิต
    เหมือนหลอกเด็กว่าจะให้กินขนม
    แต่ต้องกินยาเสียก่อน
    คือต้องฝึกสมาธิก่อนแล้วค่อยใช้คาถาอาคมจึงจะได้ผล
    ต้องทำจิตให้เข้าถึงคุณพระเสียก่อนจึงจะสามารถดึงแรงครูมาใช้ให้เกิดฤทธิ์ได้
    สอนให้ศิษย์เจริญอานาปานสติภาวนามัยอยู่เสมอ
    ระลึกถึงคุณพระเสมอ จิตของศิษย์ก็จะอ่อนน้อมเข้าสู่กระแสธรรมเองโดยอัตโนมัติ
    และยิ่งมีกำลังสมาธิสูงมากเท่าไหร่
    คุณธรรมในใจที่เพาะบ่มในใจก็จะเติบโตขึ้นมาเท่านั้น
    จนท้ายที่สุดก็จะละวางวิชาไสยศาสตร์ลงไปเองโดยปริยาย
    และจะฝึกเพื่อละวางกิเลสโดยตรงอย่างเดียว
    เท่าที่เห็นครูบาอาจารย์ทางไสยศาสตร์หลายๆท่านก็จะเป็นไปตามนี้ทั้งสิ้น
    ไม่ว่าจะเป็น คุณพ่อ อ.ชุม ไชยคีรี,อ.ฟ้อน ดีสว่าง,อ.เทพย์ สาริกบุตร,หลวงพ่อกวย ชุตินธโร
    วัดโฆษิตาราม จ.ชัยนาท ฯลฯ
    เพราะว่าพระนิพพานเป็นปลายทางของทุกคน
     
  6. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,459
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,024
    ค่าพลัง:
    +70,068

    ถ้าเป็นไสยศาสตร์ ทางสายขาวสิครับ ที่พอจะถอนตัว และละวาง ไปทางเพื่อพ้นได้

    แต่วิชาทางเสน่ห์ เล่ห์กล ที่เข้าไปบังคับจิต เปลี่ยนใจ ให้เป็นไปตามกิเลสตัณหาของตน เป็นกรรมขนาดไหน


    แต่ก็ว่านะครับ แม้แต่วิชาที่ครูบาอาจารย์ท่านวางไว้เป็นวิชาทางพระ
    เพื่อหลุดพ้น ไม่ต้องไปยุ่งกับกิเลสทางโลก

    แต่คนใช้ กลับใช้เพื่อกิเลสตัณหา เอาไปดลจิตดลใจ ให้คนมารักมาหลง
    ก็กรรมหนักหนาสาหัสเหมือนกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 ตุลาคม 2014
  7. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,459
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,024
    ค่าพลัง:
    +70,068

    วิชาทางโลกทั่วไป ไม่ได้สอนให้เข้าถึงมรรค ผล นิพพานก็ตาม

    แต่ ก็ไม่ได้ถึงกับขวางทางมรรค ผลนิพพานหรอกครับ แค่เป็นกลางๆ

    คือ อัพยากตาธรรมา

    ยกเว้นวิชาที่สอนให้คิดค้นวิธีทำบาป ทำกรรม มากๆ

    เช่น การสร้างอาวุธ ,วิชาสารพัด ที่ทำให้ผิดศีลนั้นแแหละ ฯลฯ





    และไม่ได้ทำให้สัตว์โลกติดอยู่ในโลกหรอกครับ

    .....จะติด หรือ ไม่ติด อยู่ที่ใจคนใช้วิชา ต่างหาก....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 ตุลาคม 2014
  8. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,459
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,024
    ค่าพลัง:
    +70,068


    การที่ไสยศาสตร์ สอนให้คนใช้สมาธิ ไม่ได้หมายความว่า ไสยศาสตร์จะดี
    เลิศกว่าวิชาทางโลกทั่วไป หรอกครับ



    สมาธิ ที่ไม่ใช่สัมมาสมาธิ อาจทำให้ดิ่งลง ขวางทางมรรค ผล นิพพาน
    เสียเองก็เป็นได้


    ส่วนคนที่เรียนวิชาทางโลกมาก ไม่ได้หมายความว่าจะโง่ทางธรรม

    เพราะไม่ได้ใช้สมาธิสูงเป็นฌาณขั้นสูง




    อริยมรรค มีองค์แปด ข้อแรก คือ สัมมาทิฐิ และตามมาด้วยอริยมรรค
    อีกเจ็ดข้อ

    .
    .......สิ่งนี้ต่างหากเล่า

    ----------------------------------------


    และจริงอยู่ที่บอกกันว่า นิพพาน เป็นปลายทางของทุกคน

    แต่ การปล่อยให้ชีวิตไปเพลินกับอะไร ที่ไม่ได้ทำให้ เพื่อนเก่าสามคนคือ โลภ โกรธ หลง
    ลดลงแล้ว

    ต่อให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาตรัสรู้อีกกี่อสงไขยพระองค์

    ชีวิตจำนวนมาก ก็ไม่อาจเฉียดใกล้นิพพานได้เลย

    และถึงแม้เกิดร่วมสมัยกับพระพุทธองค์ ก็อาจแค่เดินสวนทาง ก็ได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 22 ตุลาคม 2014
  9. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,459
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,024
    ค่าพลัง:
    +70,068
    วิชา และ วิชชา มีความหมายต่างกันอยู่ครับ

    จริงๆต้องเขียนและอ่านว่า "วิชชา ธรรมกาย"

    และไม่ต้องกลัวหน้าแตกอะไร


    เพราะ ผม ไม่ใช่คนที่ชอบยกตนข่มท่าน เหยียบย่ำซ้ำเติม
    หรือ เอาคำสมมุติอะไร มาสร้างความแตกต่างของคุณค่าจิตใจคนครับ

    สบายๆครับ
     
  10. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,459
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,024
    ค่าพลัง:
    +70,068


    วิชชาธรรมกาย ( วิชชา ไม่ใช่ วิชา )

    ผมยืนยันและโพสหลายครั้งแล้ว ว่า ไม่ใช่กสิณแสงสว่างครับ


    นั่นแค่อุบายเบื้องต้น และ ความละเอียดลึกซึ้งของครูผุ้บัญญัติให้สมมุติใช้



    เด็ก คนต่างชาติ คนตาบอด ไม่ได้ใช้กสิณแสงสว่าง

    แค่ ใช้วิธีการต่างๆ ให้เค้าหยุดใจไว้ที่ศูนย์กลางกายฐานที่7 ได้

    เค้าก็เข้าถึงดวงปฐมมรรค หรือดวงธรรมเบื้องต้น
    และถึงกายละเอียดภายใน ถึงธรรมกายได้ครับ


    ไม่เห็นได้ใช้กสิณแสงสว่างตรงไหน



     
  11. newpin

    newpin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +112
    ขอบคุณเจ้าของกระทู้ที่ตั้งกระทู้ขึ้นมานะค่ะ อ่านแล้วทำให้รู้สึกว่าอยากลองฝึกกสิณน้ำดูบ้างค่ะ

    ขออนุญาตสอบถามพี่นพนะค่ะ (ขอเรียกว่าพี่นพนะค่ะ) ปลาเริ่มสวดมนต์มาประมาณ 1 ปีกว่าๆ เท่านั้นเองค่ะ ส่วนการทำสมาธิก็พยายามทำเรื่อยๆ ยังไม่ก้าวหน้า ติดจะนั่งหลับซะมากกว่า พออ่านที่พี่สอนเจ้าของกระทู้เรื่องกสิณน้ำในหน้าแรกๆ ก็สนใจอยากลองฝึกบ้างค่ะ จะไปได้ไหมคะ? ปลาว่าจะเริ่มคืนนี้เลยค่ะ ถ้าพี่นพสะดวกแล้วช่วยแนะนำเพิ่มเติมด้วยนะค่ะ เกรงว่าถ้าฝึกเองมั่วๆ ไปโดยไม่มีคนแนะนำมันอาจจะไม่ดีก็ได้ค่ะ

    ขอบคุณค่ะ
     
  12. lovepyou

    lovepyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2008
    โพสต์:
    540
    ค่าพลัง:
    +974
    ต้องขอบคุณคุณนพ และอีกหลาย ๆ คน มากกว่านะครับ
    ที่ทำให้กระทู้ดำรงอยู่ถึงวันนี้

    ส่วนตัวผมไม่ได้คิดอะไรเลยในตอนแรก แค่อยากลองทำดูจริง ๆ
    เลยตั้งถามขึ้นมาแค่นั้นเอง ไม่นึกว่าจะกลายเป็นกระทู้สายสานสัมพันธ์ได้ถึงขนาดนี้

    ถ้าสังเกต จะเห็นว่าช่วงแรก ๆ ผมจะถามเยอะมากเลย นู้น นั้น นี้ จนบางคนอาจจะรำคาญ
    ตั้งกระทู้มาหลายอันมาก
    หลัง ๆ ก็ไม่รู้จะถามอะไรละ เพราะได้คำตอบเยอะมากเลย จนไม่ค่อยจะสงสัยแล้ว
    ถ้าอันไหน มีคนใหม่มาถาม เราพอจะตอบได้ ในวงความรู้ของเรา ผมก็จะเข้าไปตอบเลย

    และก็จะมีบางคนที่เข้ามาแล้วบางทีก็อาจจะคุยกันไปคนละแนวกับอีกคน
    จนกลายเป็นเถียง หรือทะเลาะกัน (ซึ่งก็จะมีบ่อยเหมือนกัน)
    แต่ก็เป็นเรื่องธรรมดา เพราะหลายที่ หลายทาง ก็ค่อย ๆ ปรับกันไป เด่วก็จะชินเอง
    และผมก็จะเข้าไปพูดเสมอว่า อย่าพึ่งรีบหนีไปไหน (เพราะจะมีบางคนที่อาจจะจิตนการไม่ถึง
    ว่า การเข้าในเวปธรรมมะจะมีการเถียงกันด้วย แล้วรับไม่ได้ ก็จะบ๋ายบาย ไม่มาอีกแล้ว)
    ก็คือไม่ใช่ว่า เขาโลกสวยนะ แต่เพียงแต่เหรียญมี 2 ด้าน (บางคนบอกว่า 3)
    ทุกที่ก็มีอีกมุมเหมือนกัน บางทีเขานึกไม่ถึงว่า เขาจะเห็นอีกด้านของมัน
    เพราะเขาจิตนการว่ามันมีแค่ด้านเดียว ซึ่งก็จะเหมือนกับผมในตอนแรกนั้นแหละ

    ผมก็จะบอกเสมอว่าอย่าพึ่งรีบไป อยู่ให้มันนาน ๆ เด่วจะพลาดอะไรดี ๆ
    เพราะมีคนใหม่ ๆ มา ก็เป็นเรื่องดี เพราะจะมีผู้มีปัญญาเพิ่มอีกคน

    ส่วนกระทู้นี้ ว่าง ๆ ผมก็ยังเข้ามาอ่านเสมอ สนุกและได้สาระดี
    มันกลายเป็นกระทู้ของทุกคนไปแล้วครับ ไม่ใช่กระทู้ของใคร
    เป็นกระทู้ที่ไม่มีเจ้าของ ^ ^

     
  13. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    น้องปลาฝึกได้ครับ.ปรับแค่ตอนหายใจเข้าลึกถึงท้องให้ภาวนา อาโป หายใจออกยาวๆให้ภาวนา กสิณัง
    เพื่อปรับลมหายใจเราให้ละเอียดขึ้นและต่อไปให้การหายใจอย่างนี้กลายเป็นระบบหายใจ
    ปกติในชีวิตประจำวันต่อไปประมาณ ๒ สัปดาห์จะเห็นผลได้แรกๆจะหลงๆสลับหน่อยเรื่องปกติ
    และตัดระบบการมองผ่านดวงตาปกติเพื่อตัดระบบความคิดที่มาจากสมอง.โดยให้น้องปลา
    มองผ่านทำเสมือนว่าเรามีอีกตาหนึ่งดวงเดียวมองผ่านจุดระหว่างคิ้วออกไป
    พร้อมกับการโน้มสายตาปกติจากลูกนัยต์ตาทั้ง ๒ ลงมามองที่ลิ้นปี่ครับ.
    เพื่อตัดระบบประสาทตาปกติ และเพื่อสร้างทิพย์จักขุให้บังเกิดขึ้นสำหรับ
    ระดับใช้งานได้ในอนาคต ไม่ใช่แบบที่เราเคยเห็นเองได้แบบบังคับได้บ้าง
    ไม่ได้บ้าง หรือเห็นเองได้บ้างแบบไม่รู้ว่าคืออะไร หรือไม่ได้ตั้งใจเห็นบ้างพวกนี้ออกไปให้หมด..
    ก็ภาวนาไปเรื่อยๆถ้าลืมก็ไม่ต้องสนใจ จนกว่าจะเห็นนิมิตรใสกิ๊ก ไม่มีฟอง
    แต่ว่าไม่ผิวน้ำไม่เรียบครับ.(
    ในความหมายก็คือไม่ว่าจะเห็นอะไรถ้า
    ไม่ใช่น้ำจริงๆ ผิวหน้าไม่เรียบ และไม่มีฟองห้ามสนใจเด็ดขาดและไม่ต้อง
    เก็บมาคิด ไม่งั้นจะไปได้ช้า).เพื่อสร้างทิพย์จักขุตรงนี้ เนื่องจากว่าน้ำ
    ใสการที่เราจะใช้วิธีจดจำภาพน้ำ จะทำให้ยังอยู่ภายใต้ความคิดที่มาจาก
    สมองและส่งผลต่อสมองได้เนื่องจากคลื่นสมองตรงนี้ครับ..
    และก็ซ้อมเข้าให้ถึงภาพน้ำจริงๆอย่างที่กล่าวให้ได้เร็วขึ้น..
    อย่าสนใจพวกนิมิตรกสิณไฟ ที่คล้ายๆควันที่จะมาพร้อมกัน
    ทั้ง ๒ ด้านจากทางด้านซ้ายและขวา และมาเดี่ยวๆที่มันจะพุ่ง
    ออกมาจากกลางหน้าอก และอะไรก็ตามที่มองผ่านน้ำใส
    แล้วเรามองเห็นครับ...จิตก็จะสร้างภาพนิมิตรน้ำจากความเป็นทิพย์
    ขึ้นมาได้เอง.เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับเป็นฐานสำหรับโหมดต่อไป
    จะเลือกแนวอธิษฐานจิต หรือสร้างกำลังจิตเพื่อนำไปใช้งานเรื่องพลังงาน
    ค่อยว่ากันต่อภายหลัง...
    ของน้องปลาสายตาน่าจะเคยๆเห็นพวก
    นามธรรมมาก่อนหน้านี้แล้วและมีครูบาร์อาจารย์คอยดูแลอยู่คงมิ
    น่าต้องห่วงอะไรครับ..เอาพื้นฐานระบบหายใจกับระบบการมอง
    อย่างที่แนะนำในวันนี้ก่อนเนาะ..ค่อยว่ากันอีกทีครับ.
     
  14. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    ขอบคุณคนตั้งกระทู้คุณ loveyou ที่ทำให้มีเรื่องราวในทางที่ดีต่างๆมากมายเกิดขึ้นครับ
    ขอบคุณ คุณนักรบเงา ที่แวะมาเสนอความคิดเห็น ส่วนตัวน้อมรับฟังทุกๆความเห็นครับ..
    ขอบคุณพี่ๆ ป๋าๆ น้องๆ ที่แวะเข้ามาอ่าน.
    หรือสมาชิกทุกท่านที่แวะผ่านมา..ประโยชน์ก็เกิดขึ้นได้กับทั้งผู้อ่านผู้แนะนำ.
    หากว่ารู้จักปรับ รู้จักการนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อการอยู่ร่วมกับธรรมชาติรอบๆ
    ตัวอย่างแยบยล..ส่วนตัวเองก็ถือว่าได้มีโอกาสถ่ายทอดประสบการณ์เชิงเล่าสู่กันฟัง
    แบบสบายๆ พี่ๆน้อง ซึ่งไม่ว่าจะเห็นด้วยไม่เห็นด้วยอย่างไร ก็ให้ความเคารพทุกๆคนครับ..
    และผลจากการถ่ายทอดนี้ ก็ทำให้ได้รับเมตตาจากครูบาร์อาจารย์ทางภพภูมิท่านสงเคราะห์
    ให้ตนเอง ได้มีโอกาส เข้าถึง ได้รู้และทำได้เร็วกว่าปกติหน่อย..เหตุเพราะว่ามิเคยตั้งเป้า
    ในการฝึกใดๆเพื่อประโยชน์ตนเองมากกว่าประโยชน์ส่วนรวมและ
    ใช้ทุกๆความสามารถก็เพื่อเน้นประโยชน์ทางธรรมเสียส่วนใหญ่
    และก็ทราบดีว่าแม้แต่ตนเองก็ยังไม่ถึงเป้าหมายที่ตนตั้งเป้าไว้
    แต่ทุกสิ่งอย่างมันมีเหตุมีผลของมัน บางครั้งก็อาจจะเล่าให้ใครฟัง
    ดังๆไม่ได้..และก็ยังทราบดีว่าตนเอง
    ก็ยังเป็นบุคคลธรรมดา ที่ต้องมาเดินปัญญาเพื่อลดละกิเลส เหมือนเช่นปกติทั่วๆไปเค้า
    ทำกัน..ก็จริตมันแบบนี้..แนวทางเดินของจิต.มันเป็นแบบนี้.ก็ไปตามทางที่ตนปฏิบัติ
    ก็มีบ้าง ออกนอกแนวบ้าง ซ้ายบ้าง ขวาบ้าง นั่นเพราะว่าใจมันยังไม่ดีพอ..และไม่เคย
    คิดว่าตัวเองดีกว่าใคร หรือเหนือกว่าใคร..ไม่คิดเป็นศัตรูกับใคร ไม่ว่าคน สัตว์ หรือ
    ภพภูมิระดับใดๆทั้งสิ้น..ทุกสิ่งที่เป็นตนเอง ณ ปัจจุบันนี้ ถ่ายทอดลงผ่านบทความ
    ที่ได้แนะนำไป...ซึ่งสุดแล้วแต่ผู้อ่านจะพิจารณาครับ
    ..
     
  15. nongnewinbkk

    nongnewinbkk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2013
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +239
    ขอชื่นชม ในองค์ความรู้ และความเมตตาที่พี่นพ มอบให้กับทุกๆท่านที่แวะมาอ่านมาถามพี่นพ โดยไม่ได้เลือก:cool: แนะนำให้ได้ความรู้ตลอดมาคะ:cool:
     
  16. newpin

    newpin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +112
    To.คุณ lovepyou
    กระทู้นี้น่าติดตามเพราะพี่นพ และผู้รู้ท่านอื่นๆ ก็จริง แต่ที่พี่นพเข้าในตอนแรกก็เพราะคุณนั่นเองที่เป็นคนคิดบวก ปลาก็ตามอ่านพลังจิตมาพอสมควรนะค่ะ (เลือกอ่านเฉพาะที่สนใจ) สังเกตุว่าคุณก็เป็นคนนึงออกแนวใสๆ และคิดบวก ^^ ยินดีที่ได้พูดคุยนะค่ะ ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปค่ะ ของคุณเก่งจังพอพี่นพแนะนำไม่นานก็นิมิตรเห็นน้ำจริงๆเลย



    To. พี่นพ
    ขอบพระคุณที่กรุณาแนะนำให้นะค่ะ แอบปลื้มและรู้สึกแปลกดีเหมือนกันค่ะ ปกติอ่านแต่พี่นพตอบคนอื่น วันนี้ได้อ่านที่ตอบตัวเองแล้ว อิอิ

    ปลาคงต้องเริ่มจากพื้นฐานการหายใจจริงๆ แหละค่ะ ที่ทำมาไม่พัฒนาเลยค่ะ 55 สมองทึบมาก อ่านที่พี่นพแนะนำหลายรอบเลย ตอนนี้ปรับพื้นฐาน 2 อย่างคือ การหายใจและการฝึกมอง ขอสอบถามดังนี้ค่ะ

    1. การหายใจ+ภาวนา อาโป กสิณัง ที่ต้องทำให้เป็นระบบการหายใจปกติในชีวิตประจำวัน ต้องคิดภาพน้ำไปด้วยตลอดหรือป่าวคะ? หรือคนละเรื่องกัน แค่ฝึกหายใจให้ยาวเท่านั้น

    2. การปรับระบบการมอง ให้ตาสองข้างมองต่ำ นั่นหมายถึงว่า ตาระหว่างคิ้วต้องไม่มองต่ำด้วยใช่ไหมคะ? พี่นพตั้งใจให้แยกกัน ตาระหว่างคิ้วควรจะมองตรงไปข้างหน้าตลอด

    ขนาดอ่านที่สอนคุณ lovepyou แล้ว ว่าอย่าจ้องแก้วน้ำจนตาแฉะ เมื่อวานก็ยังไม่วายจ้องจนแสบตา 555 เอาไว้ลองใหม่ค่ะ ปลาคงช้าหน่อยนะค่ะ แต่จะพยายามค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ตุลาคม 2014
  17. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    ลองอ่านดูแล้วจับหลักการก่อน ตามด้วยการสังเกตุ
    หน้าที่และกิริยาของมันให้ออก ถ้าพอจับทางได้
    จะเข้าใจอะไรๆได้มากยิ่งขึ้น (^_^)
     
  18. newpin

    newpin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +112
    ขอบคุณค่ะ พี่นพ

    อ่ะ ตาที่ 3 น่ี่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ เข้าใจผิดซะนาน อิอิ

    พอจะมีหลักการฝึกแล้ว จะมารายงานตามคืบหน้าให้ทราบหลังจาก 2 อาทิตย์นะค่ะ

    (ถ้าไม่มีอะไรสงสัยอีก)
     
  19. lovepyou

    lovepyou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2008
    โพสต์:
    540
    ค่าพลัง:
    +974
    วันนี้รู้สึกอารมณ์ดีจังเลย
    ผมขอฝากคำศัพท์วันละคำ (เด่วนี้เขาฮิตยิงคำคม)

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต
    "ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์นั้น"

     
  20. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    อารมย์ดีด้วยครับ. คุณ loveyou. เขียนบทนี้ขึ้นมาทำให้นึกอะไรได้ครับ.

    เด่วผมมีเวอร์ชั่นภพภูมิมานำเสนอคับ
    ไม่ทราบว่าแต่ละท่านสวดบทนี้กันอย่างไรนะครับ..
    แต่ที่ได้ยินมาท่านๆเค้าสวดให้ฟังอย่างนี้ครับ..
    เสียงจะมาทันทีหลังจากที่ส่วนตัวสวดมนต์เสร็จครับ
    พิสูจน์มาแล้วจากการอัดเทปต่างกัน ๒ วาระครับ

    (ขึ้นต้น)นะ_โม_ _ ตัส_สฺะ_ _ ภะ_คะ_วะ_ _ โต_ _ อะ-ระ_หฺะ_โต _สัม_มา_สัม_พุท_ตัสฺ_สะ-นะ.(จบประโยค)

    (ขึ้นต้น)โม_ _ ตัส_สฺะ_ _ ภะ_คะ_วะ_ _ โต_ _ อะ-ระ_หฺะ_โต _สัม_มา_สัม_พุท_ตัสฺ_สะ(จบประโยค)

    (ขึ้นต้น)นะ_โม_ _ ตัส_สฺะ_ _ ภะ_คะ_วะ_ _ โต_ _ อะ-ระ_หฺะ_โต _สัม_มา_สัม_พุท_ตัสฺ_สะ-นะ(จบประโยค)

    (ขึ้นต้น)โม_ _ ตัส_สฺะ_ _ ภะ_คะ_วะ_ _ โต_ _ อะ-ระ_หฺะ_โต _สัม_มา_สัม_พุท_ตัสฺ_สะ(จบประโยค)
    หลังจากนั้นก็จะกลับไปเริ่มต้นใหม่วนไปเรื่อยๆคับ

    หมายเหตุ ; เครื่องหมาย _ = เว้น ๑ จังหวะ , เครื่องหมาย _ _ = เว้น ๒ จังหวะ , เครื่องหมาย - = ๑/๒ จังหวะ และ
    เครื่องหมาย จุดใต้ตัวอักษร = ให้เน้นที่เสียงนั้นๆ

    ปล.มีหลักฐานยืนยันเรื่องเสียง จากวีดีโอที่ถ่ายในห้องพระครับ...
    และเสียงมีเอกลักษณ์ตรงที่จะได้ยินเฉพาะทางหูด้านขวาจากภายในกระโหลก
    เยื้องจากแกนกลางกระโหลกมาเล็กน้อยเท่านั้น..
    แค่นี้หละครับไม่มีอะไรเล่าให้ฟังเฉยๆ...ขำๆเน้อ


     

แชร์หน้านี้

Loading...