จิตไม่เที่ยง จิตเกิดดับ ใครว่า จิตเที่ยง จิตดับไม่มี นี่เป็นความเห็นผิด

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมแท้, 5 พฤศจิกายน 2014.

  1. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    เอ....


    ดูเหมือนว่า รถด่วนสายเหนือ ถัดจาก สนามเป้า ทีบูน จะออกแนว
    ลงซอย อารีย์ ยิ๊กๆ แทบไม่ทัน

    แต่....

    แต่ ถัดจาก ซอย อารีย์ไปแล้ว ไป สถาณีถัดไป .....

    สถาณีถัดไป ที่หยิบขึ้นมาเนี่ยะ ไม่อยากจะเอ่ยชื่อ สถาณี เลย


    อย่าไป ยุ่ง กับ สถาณี นั้น จะดีกว่า
     
  2. ธรรมแท้

    ธรรมแท้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +200
    คุณ tjs

    มหากิริยาจิต เป็นจิตที่เกิดกับพระอรหันต์เท่านั้น

    ไม่ใช่มรรคจิต ไม่ใช่ผลจิต ไม่ใช่วิบาก

    จึงควรศึกษาให้เข้าใจก่อนที่จะ
    อธิบาย เพราะการอธิบายผิด จะพาคนให้หลงผิด เป็นการบิดเบือนพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า
    กล่าวตู่พระตถาคต ย่อมประสบบาปมิใช่บุญ เป็นอันมาก

    ซึ่งการอธิบายของคุณ tjs นั้นมีหลายจุดที่ผิดอยู่มาก
    ทั้งในเรื่องคำศัพท์ที่คิดเอง รวมถึงยืมคำในคัมภีร์มาใส่ความหมายใหม่เอง ย่อมทำให้เกิดความสับสน

    และนอกจากนี้ คุณไม่เข้าใจประเด็นและอธิบายผิดประเด็น ไม่ได้ครอบคลุมเลย
    พูดง่ายๆคือ พูดคนละเรื่อง นั่นเอง ปัญญาในพระอภิธรรมทึ่พูดอยู่ ไม่ใช่ปัญญากำจัดกิเลสหมายถึง ปัญญาความรู้ พระอรหันต์ท่านกำจัดกิเลสแล้ว จึงไม่ต้องสร้างปัญญาตัดกิเลสเพิ่มอีก พระพุทธเจ้าท่านสอนว่า กิจที่ควรทำได้ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นเช่นนี้ไม่มีอีก
     
  3. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,420
    ค่าพลัง:
    +3,204
    อ้างอิง: "หนทางอริยะเขาสั่งสอนกันแบบไม่ไว้หน้าเลย
    ใครทนไม่ได้แปลว่า กำลังใจห่วยมาก"

    เห็นด้วยกับข้อความนี้คะ

    แต่จะต้องประกอบไปด้วยจิตที่มีเมตตา ปราถนาดีออกมาจากจิตใจ จริง ๆ
    ผู้ฟังจะรับรู้ และสัมผัสพลังงานแห่งความปราถนาดีนั้นได้ แม้กระทั่งผ่าน
    ตัวหนังสือ เกิดศรัทธา เกิดการโยโสมนสิการ ก็จะเป็นประโยชน์แก่ผู้รับฟังคะ

    แต่ถ้าแสดงออกมา ประกอบด้วยทิฐิ และ ตัวตน คำที่ออกมา ถึงแม้
    จะเป็นจริง ไม่สร้างศรัทธา ไม่ส่งถึงใจ ทำให้ไม่โยโสมนสิการ
    ก็ไม่เป็นประโยชน์แก่ผู้ฟังคะ
     
  4. ธรรมแท้

    ธรรมแท้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +200
    นี่ครบแล้วเหรอ?
    เจโตปริญญาณคือ อะไร tjs รู้ไหม
    จูตูปปาตญาณ คืออะไร tjs รู้ไหม
    เจโตวิมุตติคืออะไร tjs รู้ไหม

    อย่าไปยืมศัพท์ทางปริยัติมาใช้โดยที่ไม่รู้ความหมาย
    เพราะถ้าใช้ไม่ถูกก็จะทำให้ ความหมายบิดเบือนไม่ตรงสภาวะ

    อย่าเชื่อมั่น และ อย่าถือมั่นในความคิดความเชื่อความเห็น ของตัวเองมากนะ tjs
    มันมีทั้งถูกและผิด

    ระวังจะถูกกิเลสหลอกเอา เตือนด้วยความหวังดี
     
  5. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    กระผมกล่าวตู่อย่างไร ไหนท่านช่วยอธิบายเหตุแห่งความผิดพลาด ในสิ่งที่กระผมกล่าวครับ

    มหากริยาจิตอรหันต์มี8ประการตามบัญญัติที่ญัตติไว้
    เพื่อสื่อเจตนาว่า แม้ความเป็นอรหันต์ส่วนหนึ่ง แม้ท่านสำเร็จอรหันต์แล้วก็ตาม แต่ทว่าอันความรู้ ในบางเรื่องบางสิ่งบางอย่าง ท่านก็อาจจะรู้แบบผิดๆหรือเข้าใจผิดๆ ได้ แต่ทว่า ท่านไม่ได้ไปยึดมั่น ในสิ่งที่ท่านรู้หรือเข้าใจแบบผิดๆ คือท่านปล่อยวางทันที เช่นนี้สิ่งเหล่านั้นจึงไม่ใช่สาระสำคัญ เพราะแก่แท้แห่งพระอรหันต์คือปัญญาในไตรลักษณ์ที่เกิดทุกขณะจิต

    อีกส่วนคือ เรากล่าวถึงอรหันต์จิต มันเกี่ยวกันต่อเนื่องไป ถามว่าในเมื่อท่านสำเร็จอรหันต์แล้วบรรลุแล้ว ดับกิเลสได้หมดแล้ว แล้วการรักษาหรือทรงอารมณ์อรหันต์ ท่านทำอย่างไรวิธีของท่านเป็นอย่างไร หลายท่านคงตอบไม่ถูก หรืองงหรือสงสัย

    แท้จริงเมื่อหลุดพ้นแล้ว การรักษาหรือประคองจิตแห่งความเป็นอรหันต์ คือท่านต้องเดินมรรค8ให้ถูกต้อง ด้วยหลักสัมมา ปฏิบัติ ทั้งหลายให้สมบูรณ์ จากตรงนี้จึงเป็นที่มาที่เราคุยกัน โดยเฉพาะมหากริยาของจิตอรหันต์ที่กล่าวถึงกัน

    ซึ่งแท้จริงแล้ว ใน8ข้อนั้นหากพิจารณาอย่างแยบคายพบว่า ใน8ข้อนี้ อริยะบุคคลพระโสดาบัน จนถึงพระอนาคามี ก็สามารถเจริญได้6ข้อเช่นกัน ยกเว้นข้อ5,6เท่านั้น ที่เป็นมหากริยาเฉพาะของอรหันตจิตเท่านั้น

    ผมไม่ได้บัญญติศัพท์ใหม่ หากแต่ท่านไม่เคยได้ยิน เพราะศัพท์ที่กระผมกล่าวนั้น อยู่ในพระคาถาที่กระผมสวดภาวนา ซึ่งผมเข้าใจธรรมะจากบทสวดมนต์จากภาษาบาลีที่แม้ผมจะไม่ได้เรียนอะไรมากมากแต่เป็นภูมิวาสนาเดิมที่กระผมมี คาถาบางบทใน12ตำนาน คาถายอดพระกัณฑ์ คาถาพระธารณปริตร เป็นต้น ซึ่งอธิบายธรรมขั้นสูงให้ทราบ ประกอบด้วยการปฏิบัติภาวนาเจริญวิปัสสนาทำให้เห็นไตรลักษณ์ และธรรม อารมณ์ ต่างๆที่เกิดดับ ตลอดจนสภาวะฌาณต่างๆ นี่ไม่ขอกล่าวเรื่องอภิญญาเพราะไม่ใช่สาระครับ

    หากจะเป็นความกรุณาขอให้แสดงธรรมในแบบที่เป็นการอธิบายขยายธรรมให้ละเอียดลงลึก เพื่อกระผมจะได้เข้าใจว่าในการตีความตามพระคัมภีร์นั้นท่านเห็นต่างกับผมอย่างไรเพราะอะไร มีเหตุอะไรสนับสนุน มีความสมเหตุสมผลน่าเชื่อถือหรือไม่อย่างไร หากมีความสมเหตุสมผล กระผมก็จะยอมรับในความรู้นั้นๆครับ สาธุ
     
  6. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ==========

    แล้วท่านรู้หรือเปล่าว่า เจโตวิมุตตินั้น อาศัยเหตุปัจจัย อาศัยกำลังจากญาณอะไรบ้าง เพื่อให้เกิดเจโตวิมุตติสมบูรณ์ ถ้าท่านทราบ ท่านคงไม่ถามคำถามนี้แก่กระผมครับ
     
  7. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    สังเกตไหมว่า

    รู้เหตุ ของการโน้มไปสู่ธรรมะ

    แต่ รู้จริง ไหม หรือว่า รู้แบบว่า อมขี้ปากเขามา มันจะต่างกันตรง...


    ตรงที่ ผู้รู้จริง ในเหตุแห่งการโน้มไป จะทราบ ตามจริงว่า สิ่งนี้ไม่ได้เกิดจาก ใคร
    หน้าไหน จะแส่ เท้า เข้ามาเกี่ยวของ แม้นแต่ พระตถาคตเอง ก็ กำชับบอกแล้ว
    บอกเล่าว่า ธรรมในส่วนนี้ชี้กันไม่ได้ คนรู้ คนที่ภาวนามาจจริง จะทราบชัด
    ถึง ธรรมที่พ้นอำนาจแห่งขันธ์ทั้งปวง คือ ไม่ขึ้นกับ พระสัพพัญญู และ ไม่ขึ้นกับ
    ผู้ภาวนาเองด้วย แต่ ธรรมนั้นมีอยู่ หากเห็นจริงแล้ว ย่อม พินาได้ว่า สิ่งนั้น
    มีในตน หรือ ไม่มี ตายเปล่า

    แต่

    ถ้าเป็น ธรรมแบบอมขี้ปาก มุ่งเอา หอกเป็นปาก มันก็ อ้างได้ว่า รู้เหตุของ
    การโน้มไปสู่ธรรม ชื่อว่า อย่างโน้นอย่างนี้สิการ แต่ทว่า มันมี ไว้อ้าง ความทุเรศ
    ให้เกิด แผ่ไพศาล สถาณเดียว
     
  8. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    สมัยพุทธกาล คนฟังธรรมเป็น คนรู้เห็น โยนิโสมนสิการ ตามความเป็นจริง

    เห็น ธรรมที่เป็นฝ่ายอสังขตธรรม คนๆนั้น จะ ฟังธรรมจากใบ้ไม้ใบหญ้าก็ได้ ฟังธรรม
    จากหมา จากแมว ให้หมาแมว มันแสดงธรรมให้ฟัง ก็ยังได้

    จะเป็น " เอทัคคะบรรลุด้วยการ บังเอิญ " ก็ได้ แต่นั่นเพราะมี หรือ เห็น โยนิโสมนสิการ
    ตามความเป็นจริง

    ไม่ใช่ อมขี้ปากเขามาพูด ซึ่งมันเป็นแค่ สังขาร ปะผุ ขนขยะ มากลบตาตน เท่านั้น
     
  9. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ความศรัทธา ใคร เขามีไว้ เพื่อยกให้ สัตว์หน้าขน ในบอร์ด ในที่ไรๆ กันเล่า


    ศรัทธา เขามีไว้ พุ่งตรงต่อ ................... เท่านั้น

    อย่ามัวแต่ หวงศาสดาอื่น

    ผู้ที่ หวงศาสดาอื่น มันมีเหตุนิดเดียว คือ หมายจะเอาตนเป็น ศาสดา
     
  10. ธรรมแท้

    ธรรมแท้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +200
    ผิดตรงที่คุณยืม บัญญัติจากปริยัติมาใช้ในความหมายใหม่ของคุณเองไง

    เช่น ตรงที่นิพพานชั่วคราว นิพพานถาวรอะไรเนี่ย พระอรหันต์มีนิพพานชั่วคราวถาวรด้วยหรือ?

    นอกจากนี้ เชื่อได้ว่า เจโตวิมุตติ รวมถึง ศัพท์ที่คุณพูดมาทั้งหมดนั้น ไม่น่าจะมีความหมายตรงกับ สภาวะจริงๆ ของศัพท์เหล่านั้น ดังนั้นการสนทนากับคุณ tjs ต่อไปรังแต่จะก่อให้เกิดความสับสน เนื่องจาก เราเข้าใจนิยามศัพท์ไม่ตรงกัน

    ที่ถามก็เพราะอยากรู้ว่า สมมุติบัญญัติของคุณนี่ หมายถึงอะไร ถ้าเข้าใจไม่ตรงกันคุยต่อไปก็เปล่าประโยชน์
     
  11. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    เจโตปริยญาณ คือญาณทัสนะ รู้แจ้ง ในจิต จิตในที่นี้ หมายถึงจิตผู้อื่น มีความสามารถทางจิตเข้าไปรู้จิตผู้อื่นว่า เป็นอย่างไร แต่การที่จะไปรู้จิตผู้อื่น ได้นั้น หมายความว่า ต้องมีพื้นฐานคือรู้แจ้งในจิตตนก่อน

    เจโตปริยญาณเต็มกำลังเป็นอย่างไร นอกจากรอบรู้สภาวะจิตแล้ว ยังอาศัยญาณทัสสนะ คือมีวิปัสสนาญาณ8เป็นรากฐานมีกำลังมากประกอบแก่จิต จนเกิดเป็นกำลังทางจิต เป็นเจโตวิมุตติญาณ

    พระอรหันต์ทุกพระองค์ต่างต้องอาศัยกำลังทั้งปัญญาวิมุตติและเจโตวิมุตติ ร่วมกันเสมอ แต่จะอาศัยปัญญาวิมุตติหรือเจโตวิมุตติฝ่ายไหนมากกว่ากันก็ขึ้นอยู่กับบารมีที่สั่งสมมาว่าทำมาอย่าไหนมากกว่ากัน ขึ้นอยู่กับประเภทของพระอรหันต์แต่ละชนิด อย่าง
    พระอรหันตสุขวิปัสสโก ท่านอาศัยปัญญาวิมุตติมากหน่อยเป็นกำลัง
    หรือส่วนพระอรหันต์ปฏิสัมภิทัปปัตโต นี่ท่านอาศัยเจโตวิมุตติ มากหว่าฝ่ายปัญญาวิมุตติ เป็นต้นครับ สาธุ
     
  12. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    ขออีกรอบได้ไหมจ๊ะ
    ที่กล่าวตรงไหน ที่ว่าแค่เริ่มต้น..?
    ส่วนที่ครอบงำสัตว์ไปกว่านั้น คือ...?

    คือว่าไม่อยากคาดเดา อยากให้เข้าใจตรงกันก่อน
    ก่อนจะเสวนาต่ออ่ะจ๊ะ
     
  13. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    หากท่านไม่ทราบหรือไม่เข้าใจในสิ่งที่กระผมกล่าว รบกวนช่วยนำข้อความของกระผมทั้งหมด คัดลอกไปแล้ว ให้ส่งให้ท่านพระอาจารย์ที่ท่านรอบรู้ในธรรม ลองเทียบเคียงสอบถามท่านดู ให้ท่านช่วยตำหนิผมหน่อย ถ้าท่านตำหนิผมมาและมีเหตุผมชี้แจงมาให้กระผมรับทราบ หากเป็นเหตุผลที่ขยายธรรมที่ละเอียดแจ่มชัดในเหตุและผล กระผมก็จะยอมรับและจะน้อนนำไปปฏิบัติดูว่า จริงแท้ตามที่ท่านชี้แนะหรือเปล่า หากจริง ผลปรากฏย่อมให้ผลที่เป็นจริงเช่นกัน ก็จะยอมรับโดยธรรมครับ


    ผมนี่มีความคิดคล้ายแบบพระสารีบุตร ในขณะเดียวกันก็ชอบการสร้างบารมีแบบพระพุทธเจ้าแบบพระมหากัจจายนะ ครับ สาธุ
     
  14. Ron_

    Ron_ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    568
    ค่าพลัง:
    +1,284
    มายืนยัน ความดื้อรั้น และ ทิฏฐิมานะ ของ tjs ครับ

    ช่วงที่เว็บพลังจิต ยังเป็น .com อยู่ ผมเคยสนทนากับคุณ tjs
    เรื่อง พระอนาคามี

    พี่แกยืนยันหัวเด็ดตีนขาด ว่าพระโพธิสัตว์สามารถบรรลุพระอนาคามี กลับมาเกิดเป็นคนได้ และตรัสรู้ต่อเป็นพระพุทธเจ้าได้

    นี่ยังจะ หลงนิมิต โมเม ว่า มหากิริยาจิต เกิดกับ พระอริยะชั้นเสขะบุคคล
    ได้อีก ทั้งๆที่ อรรถกถาจารย์ระบุไว้ชัดเจนแล้วว่า เกิดกับพระขีณาสพเท่านั้น

    ต่อให้คุณธรรมแท้ยกอะไรมาก็เสียเวลาเปล่า
    เพราะ ขนาดเรื่อง พระอนาคามีกลับมาเกิดเป็นคน นี่ผมยกหลักฐานจากพระพุทธพจน์ในพระไตรปิฎก รวมถึงมีท่านอื่นยกหลักฐานต่างๆนานามามากมาย ทั้งศัพท์ว่า อนาคามี แปลว่าผู้ไม่กลับมาอีก(ในโลกแห่งกามภพ) แกก็ยัง ดื้นรั้นไม่ฟัง เชื่อว่านิมิตแกถูกอย่างเดียว
    555
     
  15. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    นิพพานัง สุญญัง
    เพราะความว่างคือพระนิพพาน
    เพราะความว่างที่มีหลายประเภท พระนิพพานจึงมีหลายประเภท
    แต่เพื่อให้ง่าย จึงกล่าวสรุปได้ว่า นิพพานจริงและนิพพานชั่วคราว

    จึงขออธิบายดังนี้



    ประเภทของนิพพาน

                   ประเภทของนิพพานมีการแสดงไว้หลายนัยด้วยกัน คือ
    นัยที่1
    นิพพานโดยสภาวะลักษณะ
                           คือ สันติลักษณะ มีความสงบกิเลสและขันธ์5 เป็นหลัก ซึ่งพระอรหันต์ทั้งหลายเมื่อเข้าสู่นิพพานแล้ว ย่อมพบกับสันติสุขด้วนกันทั้งสิ้น คือ ความสิ้นไปแห่งตัณหา พ้นจากความเกิดและความตาย
    นัยที่2
    นิพพานโดยปริยาย
                           คือการดับกิเลส อันได้แก่ ราคะ โทสะ โมหะ ได้เป็นครั้งเป็นคราว หรือดับได้เพียงบางส่วน

    นิพพานโดยนิปปริยาย
                             คือการดับกิเลสได้ โดยประการทั้งปวงอย่างเด็ดขาด
    นัยที่3
    สอุปาทิเสสนิพพาน
                             ได้แก่ นิพพานของพระอรหันต์ที่ยังมีชีวิตอยู่ และได้ทำลายกิเลสหมดสิ้นไปแล้ว ความทุกข์อันเกิดจาก อำนาจแห่งกิเลสนั้น จึงไม่เกิดกับท่าน เว้นเสียแต่ว่า ความทุกข์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของชีวิต คือทุกข์เพราะการ บริหารขันธ์5 เข่นปวดปัสสาวะ ปวดอุจาระ หรือทุกข์เพราะร้อนหนาว และเจ็บป่วยโดยทั่วไป ตลอดจนชราภาพ
    อนุปาทิเสสนิพพาน
                               ได้แก่ นิพพานของผู้ที่ไม่มีขันธ์หรือ อุปาทิ เหลืออยู่ คือนิพพานของพระอรหันต์ที่สิ้นชีวิตไปแล้ว
    นัยที่4
    อนิมิตตนิพพาน
                                ได้แก่ ภาวะของนิพพานนั้นไม่มีนิมิตเครื่องหมาย ไม่มีรูปร่าง ไม่มีสัญฐานและสีสรรวรรณะใดๆ ซึ่งหมายถึง ผู้เจริญวิปัสสนาที่เน้นหนักไปทาง อนิจลักษณะ คือ พิจารณาเห็นสังขารว่าเป็นของไม่เที่ยงแท้
    อปณิหิตนิพพาน
                                 ได้แก่ ภาวะของนิพพานนั้นไม่มีอารมณ์ อันเป็นที่น่าปรารถนา และไม่มีตัณหาอันเป็นตัวให้เกิด ความต้องการในอารมณ์นั้น หมายถึงผู้ที่เจริญวิปัสสนาที่เน้นหนักไปทาง ทุกข์ลักษณะ คือ พิจารณาเห็นว่าสังขาร   เป็นสิ่งที่ทนได้ยากและทนอยู่ไม่ได้ ต้องเสื่อมไป
    สุญญตนิพพาน
                                  ได้แก่ ภาวะขอนิพพานนั้นสูญสิ้นจากกิเลสและขันธ์5 ไม่มีอะไรเหลืออยู่ให้เห็นเป็นสิ่งผูกมัดกังวล หมายถึงผู้ที่เจริญวิปัสสนาที่เน้นหนักไปทาง อนัตตลักษณะ คือพิจารณาเห็นว่าสังขารเป็นสิ่งไม่มีตัวตน ไม่มีส่วนใดที่ เป็นเรา หรือเป็นของเรา เพราะไม่อยู่ในอำนาจที่จะบังคับบัญชาได้



    3 อุปาทิเสสนิพพาน
                             ได้แก่ นิพพานของพระอรหันต์ที่ยังมีชีวิตอยู่ และได้ทำลายกิเลสหมดสิ้นไปแล้ว ความทุกข์อันเกิดจาก อำนาจแห่งกิเลสนั้น จึงไม่เกิดกับท่าน เว้นเสียแต่ว่า ความทุกข์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของชีวิต คือทุกข์เพราะการ บริหารขันธ์5 เข่นปวดปัสสาวะ ปวดอุจาระ หรือทุกข์เพราะร้อนหนาว และเจ็บป่วยโดยทั่วไป ตลอดจนชราภาพ
    อนุปาทิเสสนิพพาน
                               ได้แก่ นิพพานของผู้ที่ไม่มีขันธ์หรือ อุปาทิ เหลืออยู่ คือนิพพานของพระอรหันต์ที่สิ้นชีวิตไปแล้ว
    นัยที่4
    อนิมิตตนิพพาน
                                ได้แก่ ภาวะของนิพพานนั้นไม่มีนิมิตเครื่องหมาย ไม่มีรูปร่าง ไม่มีสัญฐานและสีสรรวรรณะใดๆ ซึ่งหมายถึง ผู้เจริญวิปัสสนาที่เน้นหนักไปทาง อนิจลักษณะ คือ พิจารณาเห็นสังขารว่าเป็นของไม่เที่ยงแท้
    อปณิหิตนิพพาน
                                 ได้แก่ ภาวะของนิพพานนั้นไม่มีอารมณ์ อันเป็นที่น่าปรารถนา และไม่มีตัณหาอันเป็นตัวให้เกิด ความต้องการในอารมณ์นั้น หมายถึงผู้ที่เจริญวิปัสสนาที่เน้นหนักไปทาง ทุกข์ลักษณะ คือ พิจารณาเห็นว่าสังขาร   เป็นสิ่งที่ทนได้ยากและทนอยู่ไม่ได้ ต้องเสื่อมไป
    สุญญตนิพพาน
                                  ได้แก่ ภาวะขอนิพพานนั้นสูญสิ้นจากกิเลสและขันธ์5 ไม่มีอะไรเหลืออยู่ให้เห็นเป็นสิ่งผูกมัดกังวล หมายถึงผู้ที่เจริญวิปัสสนาที่เน้นหนักไปทาง อนัตตลักษณะ คือพิจารณาเห็นว่าสังขารเป็นสิ่งไม่มีตัวตน ไม่มีส่วนใดที่ เป็นเรา หรือเป็นของเรา เพราะไม่อยู่ในอำนาจที่จะบังคับบัญชาได้

    สรุปคือ ความว่างใด สุญญตาใดเกิดแล้ว แต่ไม่สืบเนื่อง เป็นการเกิดดับ แค่ชั่วครู่ชั่วคราว จะอาศัยปัญญาก็ดี ไม่อาศัยด้วยปัญญาก็ดี ย่อมได้ชื่อว่า เป็นนิพพานชั่วคราว

    ส่วน ความว่างใด สุญญตาใดเกิดแล้ว แต่สืบเนื่อง ตลอดไปไม่กลับไปเสื่อมอีก อาศัยอยู่โดยส่วนเดียวคือว่างเป็นนิรันดร์ จะอาศัยด้วยปัญญาก็ดี ไม่อาศัยด้วยปัญญาก็ดี ย่อมได้ชื่อว่า เป็นนิพพานถาวร เป็นนิพพานของพระอรหันต์นั่นเอง ครับ
     
  16. tjs

    tjs ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2012
    โพสต์:
    3,650
    ค่าพลัง:
    +20,326
    ==============

    ท่านต่างหากที่มีมานะทิฏฐิ กระผมไม่ได้โต้เถียงหรือโต้แย้ง กระผมเชื่อในคำสอนของพระพุทธเจ้า
    แต่ก็อย่างที่เคยกล่าว ยังมีส่วนน้อยนิดที่ติดสัญญาเก่า ที่ทำให้พระอนาคามีต้องมาจุติเกิดมาเพื่อสงเคราะห์สรรพสัตว์ ตามสัญญาปณิธาณ จึงเป็นแรงกรรมให้ท่านมาเกิดเป็นชาติสุดท้ายของท่าน ก็เท่านั้นกระผมกล่าวไปตามเหตุปัจจัย ว่าด้วยกรรมที่ท่านสร้างไว้เป็นเครื่องหนุนส่ง แม้ท่านพระอนาคามีจะตัดกามราคะได้หมดสิ้นแล้วก็ตาม

    ส่วนพระโพธิสัตว์ทรงอารมณ์พระอนาคามี ส่วนนี้มีมากมายหรือฝ่ายมหาญาณก็มีกล่าวถึงพระอวโลกิเตศวร อวตาลแห่งพุทธจิต ทรงอารมณ์อรหันตพุทธะก็มี อย่างนี้ ผมฟังหูไว้หู เพราะเรื่องหลายเรื่องที่เรายังไม่รู้ก็ยังมีอีกมาก ก็แค่ฟังหูไว้หูครับ มันไม่เกี่ยวกัน ความรู้เหล่านี้ จะผิดหรือถูกเราก็ปล่อยวางไม่ยึดมั่น ก็เท่านั้นครับ ดังที่ผมกล่าวมาแล้วก่อนหน้านี้ครับ สาธุ
     
  17. ประกายพลอย

    ประกายพลอย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2010
    โพสต์:
    616
    ค่าพลัง:
    +452
    ธรรมะ คือความดี สตรีคือศัตรู ผู้ผลาญพร่า พรมจรรย์ สัตบุรุษ

    ธรรมใดที่ก่อเกิดประโยชน์ นั่นละ ธรรมแท้

    ธรรมแท้ ย่อมไม่กลัวไฟ ฉันใด ก็ ฉันเพล เจริญเพล ฟันธง
     
  18. ◎สุริunร์

    ◎สุริunร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,200
  19. ปุณฑ์

    ปุณฑ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    2,760
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,692
    พอดี เน็ตไม่ค่อยดี พิมพ์มาหายหมดเลย
    ไปฟังหลวงปู่ดูลย์ กันเองน้า... ที่หมัดดาวเหนือเอามาแปะ
     
  20. Ron_

    Ron_ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    568
    ค่าพลัง:
    +1,284
    มันไม่มีก็ต้องบอกว่า ไม่มีครับ

    คุณ tjs บอกว่าปล่อยวางไม่ยึดมั่น แต่คุณ tjs เองก็ยังยึดมั่นความเห็นอยู่

    คำว่าทรงอารมณ์พระอนาคามีนี่ ไม่ใช่พระอนาคามีครับ

    คุณกำลังเข้าใจผิดครับ

    ไปอ่านดูเลยว่า มีพระพุทธเจ้าพระองค์ไหนบ้างที่ ไม่แต่งงาน ไม่มีลูก

    ทุกพระองค์แต่งงาน และมีลูก เสมอ เพราะพระโพธิสัตว์ถ้ายังไม่เป็นพระพุทธเจ้าก็ยังละกามราคะไม่ได้ จึงไม่ใช่พระอนาคามีครับ

    แต่พระอนาคามี มาบนโลกได้ในฐานะพรหม เช่น มาเยี่ยมเพื่อนเก่า
    แต่ไม่มาเกิดในโลกมนุษย์นี้อีกแน่นอนครับ

    เรื่องความเข้าใจในคำพูดที่ต่างจากสากลที่คนอื่นเขาใช้กันของคุณ tjs นี่เป็นปัญหาในการสื่อสารจริงๆครับ เหมือนเรียกโต๊ะว่าเก้าอี้ แบบนี้คุยกับใครก็ไม่รู้เรื่องครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...