ซูกระแท้ว....แซวกระทู้....

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย raming2555, 14 เมษายน 2014.

  1. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,445
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,037
    นี่ไงคะ ท่านพ่อลีพูดถึงบุญที่เกิดกับคนทําบาป แต่ได้บุญกับคนที่ทําบุญแต่ไม่ได้บุญ

    อย่าประมาทความดี
    https://www.youtube.com/watch?v=qY8oU2rxNls

    พระธรรมเทศนาพระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจ­ารย์ (ลี ธมฺมธโร)
    ให้เสียงโดย ภิกขุ กิจฺจวิชฺโช


    ขอให้เจริญในธรรมทุกๆท่านค่ะ

    (ใครเคยไปวัดอโศการามไหมคะ สวยมากๆเลย)
     
  2. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    ตัวผมเองเป็นคนมีความเข้าใจน้อย เข้าใจยาก มีข้อสงสัยอยู่มาก และหากสงสัยแล้วก็ต้องค้นคว้าหาคำตอบ แม้ไม่ได้คำตอบเดี๋ยวนั้นก็ยังคงวนเวียนเฝ้าพิจารณาอยู่ จนกว่าจะได้คำตอบที่ชัดแจ้งสำหรับตนเอง หรือจะกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ต้องสามารถนิยามความหมายของเรื่องนั้นๆ ให้เข้าใจได้อย่างชัดเจนเสียก่อน จึงจะยอมผ่านไป...

    ทาน ในความหมายที่ผมเข้าใจคือ การบริจาคให้กับ คนหรือสัตว์ใดๆ เพื่อบรรเทาความทุกข์ หรือให้เกิดสุข แก่คนและสัตว์นั้น ด้วยเมตตาคือความรัก หรือกรุณาคือสงสาร เมื่อทำลงไปแล้ว เห็นคนและสัตว์พ้นทุกข์ก็ดี เป็นสุขก็ดี จิตใจก็เบิกบานมีความสุข พลอยยินดีกับคนและสัตว์เหล่านั้นไปด้วย นี้เรียกว่า การทำทาน...

    การทำบุญ ในความหมายที่ผมเข้าใจก็คือ การบริจาคทาน ไว้ในพระพุทธศาสนา อันมีพระอริยะสงฆ์ซึ่งเป็นเนื้อนาบุญของโลก เป็นที่ตั้ง ที่หมาย ทานที่ทำลงไปนี้ เป็นไปเพื่อจรรโลงพระพุทธศาสนา ให้สถิตย์ สถาพร เจริญ รุ่งเรือง เป็นไปเพื่อเกื้อกูลต่อพระพุทธศาสนา เช่นนี้ ผมเรียกว่า การทำบุญ

    การสร้างกุศล ในความเข้าใจของผม คือ การทำทาน หรือ การทำบุญ ที่อนุเคราะห์ต่อการขัดเกลากิเลส ตัณหา อาสวะ ให้เบาบางลงไป จนสิ้นไปในที่สุดได้ เป็นอริยะทรัพย์อันจะติดไปยังดวงจิต ดวงวิญญาณ ไปจนกว่าจะพ้นจากทุกข์ทั้งปวง มีการสวดมนต์ภาวนา เจริญสมถะ และวิปัสสนา เป็นต้น เช่นนี้ ผมเรียกว่า การสร้างกุศล


    [​IMG]

    เช่น โยม นำอาหารมาใส่บาตรพระธุดงค์ ที่เดินทางมาเข้าปริวาสโดยพร้อมเพียงกันนี้ คือการทำบุญ เนื่องจากได้เกื้อกูลต่อการปฏิบัติธรรมของพระภิกษุสงฆ์ ให้ไม่ต้องรับความลำบากในการขบฉัน และมีพละกำลังในการเจริญภาวนา...

    พระภิกษุสงฆ์ ได้สร้างกุศล โดยการเจริญภาวนา ขัดเกลากิเลศ เป็นเหตุอันทำลายลงเสียซึ่ง โลภะ โทสะ โมหะ เช่นนี้เป็นต้น


    [​IMG]

    การถวายเก้าอี้สวดมนต์ เพื่ออำนวยความสะดวกต่อพระภิกษุสงฆ์ ในการสวดมนต์ภาวนา จึงเป็นการทำบุญ เนื่องด้วยเป็นสิ่งเกื้อกูลต่อการประพฤติปฏิบัติธรรม ของพระภิกษุสงฆ์ เบาเทาอาการเจ็บปวด ทุกขเวทนา ในการนั่งกดทับเป็นเวลานาน เมื่อไม่เจ็บปวดแล้ว ย่อมทำให้สวดมนต์ได้นานขึ้น โดยมีสมาธิดียิ่งขึ้น นี้จึงเป็นการเกื้อกูลในพระพุทธศาสนา เรียกว่า การทำบุญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มกราคม 2015
  3. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    เรื่องการฝึกสมาธิ สติปัฎฐาน4 นั้น ผมเองยังไม่เก่ง ยังไม่พอจะไปวัดไปวาได้
    ที่เห็นหลายๆคนทำได้ดี ก็มีท่านคมสันต์ ที่ฝึกฝนมา และได้รับการแนะนำจากครูบาอาจารย์ จนประสบความสำเร็จความก้าวหน้า เป็นอย่างดี น่าจะเป็นที่พึ่ง สำหรับคนที่ต้องการฝึกสมาธิได้
    คุณ Nopphakarn ก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่ฝึกสมาธิ ในสายพลัง ได้เป็นอย่างดี ด้วยวาสนาเก่าทำมาดี และสามารถเข้าใจในรายละเอียด แยกแยะข้อสังเกตุแม้เล็กๆน้อยๆก็ไม่อาจหลุดลอดจากการพิจารณาไปได้ อีกทั้งมีครูบาอาจารย์ที่มีกำลังมาก คอยหนุนอยู่เบื้องหลัง เรื่องยากๆก็ดูจะง่ายขึ้นมาอีก
    ส่วนป๋า toplus99 ทำเอากินเอง แนะนำคนอื่นไม่เอาสักเท่าไร คงสักวันหนึ่งเมื่อผ่อนคลายจากอาการบีบคั้น จนได้เข้าป่าไปแล้ว อาจจะได้มีโอกาสแนะนำการเจริญสมถะภาวนาแก่เพื่อนพ้องน้องพี่ทั้งหลายได้...

    ส่วนตัวผมเองนั้น ยังไม่เอาไหน ยังไม่อยากแนะนำเรื่องการเจริญภาวนาให้ใครแต่อย่างใด ด้วยเพราะคนที่เขาทำได้จริง ทำได้ดี ยังมีอยู่ดังที่กล่าวไว้ข้างต้นนี้
    ผมรู้เยอะในเรื่องการฝึกผิด ทำผิด เข้าใจผิด เพราะผมทำผิดมามาก อาจจะมากกว่าท่านทั้งหลายที่กล่าวๆมาแล้วรวมๆกันเสียอีก แต่มันก็ดีเหมือนกันนะ ความผิดพลาดทั้งหลายที่เกิดขึ้นกับผม มันทำให้ผมรู้สึกว่า นี่มันหน้าที่ของคนโง่ ที่จะต้องเรียนรู้ เพื่อทำความเข้าใจให้บังเกิด จนเมื่อโอกาสภายภาคหน้ามาถึง ผมจะได้สรุปเนื้อหา วิธีการ ที่ทำให้คนโง่ทั้งหลายแบบเดียวกับผมนี้ ได้เข้าใจได้ง่ายๆ ให้คำจำกัดความและวิธีการที่รวบรัด สั้นๆ ตัดตรงไปให้ถึงคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์ ให้เข้าถึง วัตถุประสงค์ที่แท้จริงของครูบาอาจารย์ที่ท่านต้องการสื่อ สอน...แต่ด้วยความโง่ของเราเอง ที่ไม่เข้าใจ หรือแกล้งจะไม่เข้าใจก็ตามที ...

    สิ่งที่ผมสรุป จนเป็นนิยามตามที่ครูบาอาจารย์อบรมสั่งสอนมานั้น จะเหมาะสำหรับคนโง่ แบบเดียวกับผมนี่แหละ เพราะคนโง่ ย่อมเข้าใจ และเห็นใจ รู้ใจ คนโง่ด้วยกัน ถ้าท่านอ่านแล้ว เข้าใจที่ผมนิยาม ก็แสดงว่าพวกเดียวกันนี่เอง แต่ถ้าท่านที่อ่านแล้วรู้สึกรำคาญที่ผมเขียน ก็ขอให้เข้าใจว่า ท่านเป็นคนฉลาด ที่มีปัญญามาก เพราะคนฉลาด ย่อมรู้มาก รู้ดี อยู่แล้ว การได้มาอ่านอะไร ที่ตนเองรู้ดีอยู่แล้ว ย่อมเกิดความรำคาญ ก็เป็นเรื่องธรรมดานั่นเองครับ...
     
  4. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,445
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,037
    แซวๆ การทําทานก็ได้บุญนี่คะ มีเพื่อนคนนึงระหว่างคุยกันเธอก็บอกว่า"ถ้าเห็นพระมาบินฑบาตร กับคนยากจนที่หิวอาหารมา เขาจะเลือกคนหิวอาหาร" เลยได้แต่ฟังไว้เฉยๆ
     
  5. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    ทำทานในขอบเขตของพระพุทธศาสนาจึงได้บุญ
    ทำทานนอกขอบเขตพระพุทธศาสนา ได้อานิสงส์คือความสุขใจ หากรู้จักทำทานแล้วยังสามารถทำทานให้เป็นกุศลก็ได้ คืออภัยทานนี้เป็นกุศลที่เกิดแก่จิต เป็นต้น แม้กระทำต่อผู้อยู่นอกขอบเขตพระพุทธศาสนาก็เป็นกุศล

    สาธารณะประโยชน์เช่นการสละความสุขส่วนตนช่วยเหลือคนเจ็บ/ตายช่วงซึนามิ หากวางกำลังใจได้ถูกต้องแล้วย่อมเกิดเป็นกุศล คือมีจิตทรงพรหมวิหาร4 มีใจตัดมัจฉริยะคือความตระหนี่ ละทิ้งความสุขสบายส่วนตนลง มีปัญญาเห็นภัยในวัฏฏสงสาร เห็นศพที่ตายลงมีใจสลดปลงธรรมสังเวช
    ทานเช่นนี้แม้อยู่นอกขอบเขตพระพุทธศาสนาก็เกิดเป็นกุศลได้
    ทั้งนี้ก็สุดแต่ท่านทั้งหลายจะพิจารณานะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มกราคม 2015
  6. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    วงบุญพิเศษ...

    มีพี่ท่านนึงมาถามผมถึงเรื่องนี้ บอกว่าหลวงพ่อพูดถึงวงบุญพิเศษ ให้ร่วมทำบุญกันมากๆ จะได้ตามทันคนอื่นเขา ไปอยู่บนสวรรค์จะได้มีรัศมีกายสวยงาม ลุกนั่งก็โก้มาก
    วงบุญของพระศรีอริยะเมตตรัย ใหญ่มาก บริวารก็มีบุญมาก พวกเราอย่าน้อยหน้าเขา เราต้องสร้างให้มากอย่างเขา ทุ่มสุดตัว (คือมีเท่าไรเอามาทำบุญให้หมด)

    วลีสุดยอด..."ทำที่ท่าน ได้ที่เรา"

    ผมก็ไม่ทราบหรอกครับว่า ท่านต้องการเงินทองมากมายไปเพื่ออะไร?

    วงบุญพิเศษ...ช่างสรรหาปั้นคำมาเพื่อให้คนหลงเมาบุญกันดีนักนะครับ
    มาถามผม ผมก็บอกตรงๆว่า ไม่รู้จัก เพราะในพระไตรปิฎก พระผู้มีพระภาคเจ้าไม่เคยสอนเรื่องนี้ครับ...
     
  7. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,445
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,037
    ******************************
    อย่างที่หลวงพ่อสดท่านว่าไงคะ ยิ่งให้ยิ่งได้ การเผยแพร่พระพุทธศาสนาในต่างประเทศ การก่อสร้าง ตั้งวัดในต่างประเทศ ต้องใช้เงินมากมาย แต่ละวัดที่ซื้อทั้งที่ ทั้งฝึกคน ฝึกพระในต่างแดน ต้องใช้เงินมากมาย ใน USA มีประมาณ ๑๕วัด ที่ยุโรป เยอรมันก็มีวัดที่ท่านพูดถึง ซึ่งคนต่างชาติเข้าไปปฎิบัติธรรมกันมากมาย ทุกอย่างต้องใช้เงินทั้งนั้นค่ะ "วงบุญพิเศษเขตบรมโพธิสัตว์" ทําให้นึกถึงสมัยพุทธกาลที่สามีภรรยาคู่หนึ่งมีผ้าอยู่ผืนเดียวผลัดกันใส่เวลามาฟังธรรม จนวันหนึ่งเขาได้ตัดสินใจสละผ้าผืนนั้นถวายพระ ตัดความตระหนี่ พอพระราชาทรงทราบก็เลยให้ทรัพย์ มากมาย จนรวยไปเลย เรื่องวัดที่ว่าถ้าสงสัยต้องเข้าไปสัมผัสค่ะ
    (เคยเข้าไปสัมผัสมาแล้วค่ะแต่กระเป๋ามันแฟบ):'(
     
  8. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    เรื่องการสร้างบุญบารมี ตามคำแนะนำของสมเด็จพระสังฆราช องค์ก่อน ผมเอาไปแปะไว้ที่กระทู้ เก้าอี้สวดมนต์ ในห้องบุญอื่นๆ พระองค์ท่านตรัสไว้ได้ชัดเจนอย่างดีแล้วครับ...

    แม่ต้อยทราบไหมครับว่า พระภิกษุสงฆ์ ท่านเผยแพร่พระศาสนาไปนั้น ท่านไม่ต้องใช้เงินครับ ท่านอาศัยพระธรรมครับ
    สมัยหลวงพ่อเทพ ยังมีชีวิตอยู่ โยมที่สวิส เรี่ยไรเงินกันได้ประมาณ 20 ล้านบาท ซื้อโบสถ์คริสต์ไว้ให้หลวงพ่อสร้างเป็นวัดที่นั่น แต่ท่านปฏิเสธไป...

    แม่ต้อยเคยได้ยินคำว่าบุญฤทธิ์ ของหลวงพ่อพุธไหมล่ะครับ ท่านได้จากการประพฤติปฏิบัติธรรม ศาลาท่านก็สำเร็จได้ ด้วยโยมทั้งหลายที่ศรัทธา ร่วมกันบริจาคและสร้างกันจนเสร็จ

    แม่ต้อยเคยได้ยินมาแล้วนะครับว่า ปัจจัย แปลว่า เครื่องบาดใจ แล้วก็น่าจะได้รับไลน์จากสมาชิกในวัดที่พี่แนะนำให้ผมเข้าไปสัมผัส เจ้าอาวาสท่านนี้กำลังระดมเงินบริจาคคนละบาทจะสร้างซุ้มประตูวัด ตั้งเป้ารับบริจาคให้ได้ 1000 ล้านบาทครับ เงินไม่เข้าเป้าก็จะตัดพ้อต่อว่า คนไปโปรยดอกดาวเรืองน้อยก็ออกมาตัดพ้อต่อว่า ไล่ไม่ให้ไปออกันที่จุดแจกน้ำปานะ อันนี้มีพี่ที่อยู่วัดส่งมาให้อ่านนะครับ แล้วก็จะบอกแม่ต้อยว่า ผมเคยเป็นกรรมการมาตั้งแต่ปี 2530 ผมเข้าไปศึกษาวิธีบริหารจัดการภายในวัดครับ เขาทำได้ดีมาก เนื่องจากใช้นิสิตแพทย์ วิศวะ ฯลฯ ไประดมสมอง โดยมีศรัทธานำพาไปครับ ....

    เป็นพระ ยิ่งจน ยิ่งดีครับ เหมือนคำว่า เสียพี ฤษีผอม เพราะถ้าฤษีอ้วนเมื่อไร ก็รอวันหายนะได้แล้วครับ

    ผมไม่ได้บอกว่าบริจาคทรัพย์ทำบุญเป็นสิ่งไม่ดีนะครับ เพียงแต่ผมไม่เห็นด้วยที่พระจะมาคาดคั้น หลอกล่อ ให้โยมพากันเอาเงินที่หามาได้ด้วยความยากลำบาก ไปถมๆๆๆให้กับพระและวัดที่ถมเท่าไรไม่รู้จักอิ่ม จักพอ เพราะนั่นไม่ใช่เนื้อนาบุญ นั่นเป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยตัณหา ความทะยานอยาก หิวกระหายแต่เงิน โดยไม่สนใจความทุกข์ยากเดือดร้อนของโยม...นั่นไม่ใช่ทำเพื่อพระพุทธศาสนา เพียงแต่อาศัยพระพุทธศาสนามาเป็นเครื่องมือ เครื่องบังหน้า ใช้บุญ ใช้สวรรค์ มาเป็นเครื่องมือหลอกล่อเงินจากบรรดาผู้มักง่าย หวังจะได้สวรรค์สมบัติ ทิพย์สมบัติ ด้วยการแลกซื้อด้วยเงิน นี่ก็ต้องตกเป็นเหยื่อของ บุคคลเหล่านั้นเอง...

    การให้สื่อสถานีโทรทัศน์ดาวเทียม มาพูดเพื่อสะกดจิตให้คนฟังพากันบริจาคเงินมากๆนั้น ผมเองก็เคยได้ยินได้ฟังมามาก แต่ว่าใช้กับผมไม่ได้ผล เพราะผมเชื่อพระพุทธเจ้า ผมไม่สนใจกับการบัญญัติศัพท์ใหม่ๆของบุคคลกลุ่มนี้ครับ ผมไม่ใช่เด็กอนุบาล และผมก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการฝันในฝัน เพราะลำพังแค่ฝันผมก็ไม่ค่อยจะฝันสักเท่าไรแล้ว นานๆมากๆ จะฝันสักครั้งหนึ่ง...

    เรื่องตาพราห์มสละผ้าถวายพระพุทธเจ้านั้น ต้องไปดูเบื้องหลังนะครับว่า กำลังใจของเขาตอนนั้นจะบรรลุธรรม พระพุทธเจ้าจึงเทศน์โปรดไปอย่างนั้น เมื่อเขาวางกำลังใจลงได้แล้ว จึงได้เข้าถึงธรรม แม่ต้อยต้องอย่าลืมว่า ที่ตาพราห์มทำลงไปนั้นไม่ได้ทำเพราะอยากได้สมบัติใดๆจากพระราชา ไม่ได้ต้องการทิพยสมบัติ ไม่ได้ต้องการสวรรค์ หรือวงบุญใดๆ ท่านทำเพราะศรัทธาในพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และไม่มีใครไปหลอกล่อ หรือใช้กลอุบายใดๆ ให้ตาพราห์มนั้นทำ อีกทั้งนางพราห์มก็ไม่ได้รับรู้สิ่งที่ตาพราห์มทำลงไปด้วย....แล้วสุดท้ายทรัพย์ทั้งหลายที่พระราชาพระราชทานให้คือมีผ้าเป็นจำนวนมากนั้น ตาพราห์มแกก็ถวายพระพุทธเจ้าทั้งหมด คือแกไม่สนใจในความร่ำรวย ที่แกอุทานว่า "ชิตังเม ชิตังเม..." นี่คือแกชนะกิเลส ตัณหาในใจตัวเองต่างหากล่ะครับ ถ้าแกทำอย่างนั้นเพราะหวังความร่ำรวย ต้องการทิพย์สมบัติ แกจะตะโกนอย่างนั้นไม่ได้ เพราะว่าแกแพ้ แกแพ้ตัณหา เหมือนลูกศิษย์ของวัดนั้นนั่นเองที่แพ้ เป็นผู้แพ้ต่อตัณหาความทะยานอยาก คืออยากได้ อยากมี อยากเป็น แต่ว่าไม่อยากลงมือทำด้วยตัวเอง...แต่ว่าตาพราห์มนี่แกชนะ แกไม่แพ้นะครับ วัดพวกนี้เองที่เที่ยวหยิบเอาประเด็นที่ตัวเองจะได้ประโยชน์ เอามาพูด เพื่อหวังเงินบริจาค

    บ่องตงว่าผมเสียดายวิธีการบริหารจัดการของวัดนี้นะครับ เพราะเป็นการบริหารจัดการที่ยอดเยี่ยมมาก หากนำมาใช้เพื่อจรรโลงพระพุทธศาสนา จะเป็นคุณต่อพระศาสนาอย่างมหาศาล แต่พอเอามาเพื่อแสวงหาเงินเสียแล้ว จึงเสียเลย...

    เอาวิธีพิจารณาอย่างโง่ๆของผมพกติดตัวไปก็ได้นะครับ เวลาดูรายการทีวีดาวเทียม หรือฟังคำชักชวนให้สร้างบุญแบบแปลกๆ จะได้มีอาวุธติดกายไว้สักอย่างหนึ่ง...

    ฟังแล้วก็ถามตัวเองนะครับว่า คำสอน คำแนะนำ สิ่งที่วัดนี้ๆ ให้ทำลงไปนั้น เมื่อทำไปแล้ว ทุกข์ในปัจจุบันลดลงได้หรือไม่ ทำให้เราเกิดปัญญาทางธรรม มากขึ้นหรือไม่ รัก โลภ โกรธ หลง เราลดลงไหม ?
    เอาง่ายๆเท่านี้ก็พอครับ....

    ตัวอย่างของคนที่บริจาคให้วัดนี้ จนสิ้นเนื้อประดาตัว เป็นหนี้เป็นสิน มีมาให้เห็นอยู่เรื่อยๆ แล้วพอจะมีสักตัวอย่างไหม ที่ปฏิบัติแล้วได้ดวงตาเห็นธรรม...


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กุมภาพันธ์ 2015
  9. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    ถ้าจะบอกว่า ให้นั่งหลับตาแล้วเห็นลูกแก้วพอแล้วนั้น ไปหาคุณนพการ สอนให้ก็ได้ครับ แป๊บเดียว เห็นเหมือนกัน ชัดกว่า ไม่เสียตังค์ด้วย...

    แต่ว่านั่นเป็นนิมิตครับ ไม่ใช่ปัญญา ไม่ใช่ธรรม นิมิตแบบนี้ ฤษีสมัยก่อนทำกันได้เยอะแยะ ก็อาศัยเพียงแต่นิมิตเห็นองค์พระ แล้วเกิดปีติเพียงเล็กๆน้อยๆ ก็ให้เขาทุ่มเทเงินบริจาคมากมายอย่างนั้น มันก็กลอุบาย โดยอาศัยจังหวะที่จิตของคนเริ่มฟูขึ้น ก็ไปให้เขาทุ่มสุดตัว ผลก็หมดตัวเท่านั้นเองแหละครับ...

    ถ้าลองย้อนกลับไปดูคำสอนของหลวงพ่อสด จะเห็นว่า ไม่มีเลยที่หลวงพ่อจะมาสอนเรื่องให้บริจาคเงินเยอะๆ เพื่อซื้อสวรรค์ ซื้อทิพย์สมบัติ ท่านสอนวิชชาธรรมกาย แล้วจบลงด้วยการพิจารณาขันธุ์ 5 ซึ่งดูไปแล้วจะตรงกันข้ามกับวัดที่พี่ต้อยว่าไว้

    เรื่องโมทนาบุญแล้วได้บุญเพียง 10 % ที่วัดนี้เขาก็อุปโลกกันขึ้นมาเอง ไม่มีที่อ้างอิงใดๆ ทำให้พี่ท่านนึงต้องทุ่มหมดตัว มาตลอด 10 ปี จนสุดท้ายบั้นปลาย มาเจอกันเข้า ผมจึงได้ตอบคำถามเรื่องบุญ และข้อสงสัยต่างๆให้ฟัง ซึ่งพี่ท่านนี้บอกว่าตรงกันข้ามกับที่วัดแห่งนี้สอนหมดเลย ....

    คำแนะนำในการเจริญกรรมฐาน ตามที่หลวงปู่ดู่ท่านสอนไว้ก็ดี หลวงพ่อฤษีท่านสอนไว้ก็ดี ผมก็แนะนำพี่ท่านนี้ไปตามนั้น เพียงเวลาไม่ถึง 2 เดือนพี่คนนี้ทำได้ทุกอย่าง ตอนนี้จะให้องค์พระมาอยู่ศูนย์กลางกายก็ได้ จะคลุมกายก็ได้ ย่อ ขยาย ทำได้หมด จะนั่งรถ ลงเรือ ปลูกต้นไม้ พี่เขาทำได้ทุกที่ ทุกเวลา จากที่10ปี บริจาคไปมากมายขนาดซื้อบ้านได้หลังนึง แต่ไม่เคยได้เห็นองค์พระใดๆ มีแต่คำสบประมาทว่าจิตไม่นิ่ง บริจาคน้อยไป

    เมื่อเช้าพี่ท่านนี้ยังไลน์มาถามเรื่องการถวายข้าวพระที่พระนิพพานว่าช่างแตกต่างกับที่หลวงปู่ดู่พาถวาย ผมว่าจะอธิบายเหมือนกันว่า ที่พระนิพพานพระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงฉันอะไรที่เราๆเอาไปถวายหรอกครับ...แล้วครูบาอาจารย์สมัยก่อน ที่ท่านนำถวายข้าวพระพุทธเจ้าบนพระนิพพานนี้ ท่านทำเพื่ออะไร???
     
  10. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    968
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,638
    ว่าจะถามในห้องหลุมดำ แต่มาเจอเรื่องนี้พอดี งั้นถามท่านป๋าระมิงค์ในส่วนที่ดิฉันคิดเองเออเองเกี่ยวกับการตักบาตรพระในตอนเช้าค่ะ
    คือปกติเวลาจะตักบาตร ดิฉันจะซื้ออาหารแยกเป็นสองชุด โดยหากพบเจอพระองค์ใด ดิฉันจะยกถุงจรดศรีษะและคิดในใจว่า ขอบุญนี้จงมีแด่องค์พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์เจ้า ครูบาร์อาจารย์ของ...ก็ว่าไป ด้วยว่าดิฉันคิดว่าในเมื่อไม่มีโอกาสได้ตักบาตรกับพระพุทธเจ้า จึงขอคิดว่าองค์สมมุติสงฆ์คือองค์พระพุทธเจ้า ถือว่าเราได้ตักบาตรกับพระพุทธเจ้าได้รึไม่คะ สมควรรึไม่ ส่วนอีกหนึ่งชุด ก็จะเป็นของดวงวิญาณทุกชั้นที่เกี่ยวพันรึอยู่รอบกาย เช่นเทวดา เทพพรหมณ์ เจ้ากรรม...ประมาณนี้ค่ะ ก่อนกลับมากรวดน้ำ ก็ว่ารวมอีกครั้งหนึ่งค่ะ
     
  11. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    ไม่มีใครตอบก็ต้องตอบเอง ถามเองตอบเองก็ได้เหมือนกันนะเรา...

    คือที่ครูบาอาจารย์ท่านนำถวายข้าวพระพุทธเจ้าที่พระนิพพานนั้น แม้ว่าพระผู้มีพระภาคเจ้าไม่ต้องฉันของหยาบเหล่านี้แล้วก็ตาม ท่านทำไปก็เพื่อ
    1. ให้ลูกศิษย์ทั้งหลาย ได้ระลึกถึงพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นพุทธานุสติกรรมฐาน
    2. ให้ลูกศิษย์ทั้งหลาย เอาจิตจับพระนิพพานเป็นอารมณ์ เป็นอุปสมานุสติกรรมฐาน
    3. ให้ลูกศิษย์ทั้งหลาย ได้แสดงความกตัญญูกตเวที คือระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า
    4. สุดท้ายครูบาอาจารย์ท่านจะขอบารมีองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประทานบารมีสงเคราะห์ให้อาหารเหล่านั้น เป็นเสมือนยาป้องกันและรักษาโรคแก่ลูกศิษย์ผู้นำไปบริโภคต่อ

    นี่เป็นสิ่งที่ครูบาอาจารย์ท่านออกเป็นกุศโลบาย เพื่อช่วยเหลือลูกศิษย์ ด้วยเมตตาล้วนๆ ไม่ได้เกี่ยวกับทรัพย์สินเงินทอง จะมีน้ำพริกถ้วยหนึ่งมาถวายก็ได้ จะมีไข่เค็มฟองเดียวมาถวายก็ได้ ได้อานิสสงค์เหมือนๆกัน...
     
  12. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    968
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,638
    ถามเพิ่มเติมอีกซักนิดนะคะ ถ้าเราคิดเช่นนี้ ในกรณีของกำลังบุญจะเป็นเช่นไรคะ? ขึ้นกับสมมุติสงฆ์รึพระสงฆ์รึไม่ ? (แต่โดยส่วนตัวมิได้สนใจประเด็นนี้ค่ะ เพียงแต่ที่คิดแทนสมมุติสงฆ์เป็นองค์พระพุทธเจ้าก็เพราะสมัยนี้มนุษย์นั้นแตกต่างจากสมัยโบราณมาก ความสงสัยเกี่ยวกับทานรึการทำบุญจึงมีตามมาด้วย เผื่อตัดปัญหานี้จึงคิดเพียงตักกับพระพุทธเจ้าดีที่สุด จะเจอพระอริยะรึไม่จึงไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
     
  13. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    ประเด็นนี้เคยมีคนเรียนถามหลวงพ่อฤษีเหมือนกัน
    หลวงพ่อท่านให้ความเห็นว่า สามารถทำได้ แล้วท่านก็ชมว่าคนทำนี่ฉลาดมาก เพราะคนใส่บาตร ได้อานิสสงค์เต็มเปี่ยม คือได้อานิสสงค์ตั้งแต่เริ่มเตรียมของจะใส่บาตร ระหว่างใส่บาตรก็คิดว่านี่เราจะใส่บาตรกับพระพุทธเจ้า เราจะทำนุบำรุงพระศาสนา เพื่อสืบทอดพระศาสนา สำหรับใครที่ได้มโนมยิทธิ ก็เอาจิตจับไว้ที่พระนิพพาน เมื่อทำอย่างนี้แล้ว อานิสสงค์นี่เต็มครบถ้วน แต่ว่าพระสงฆ์รูปนั้น หรือสมมติสงฆ์รูปนั้น ถ้าท่านเป็นพระสุปฎิปันโนก็ดีของท่านอยู่แล้ว คือท่านปฎิบัติดี แต่ถ้าสมมติสงฆ์รูปนั้นประพฤติตนไม่เหมาะสม นั่นก็เรื่องของท่านอีก เพราะว่าเราทำของเราดีที่สุดแล้ว ส่วนถ้าท่านจะทำไม่ดี ท่านก็ต้องรับผลของท่านไป...

    แต่ว่าการตั้งกำลังใจเพื่อกรวดน้ำแล้วอุทิศส่วนกุศลหลังจากใส่บาตรเสร็จแล้วนี่ช้าไปสักหน่อย ทางที่ดีควรจะระลึกถึงการตั้งใจใส่บาตรแล้วอุทิศส่วนกุศลทั้งหมดให้เสร็จก่อนจะนำอาหารไปใส่บาตรพระ เพราะว่าเวลาใส่บาตรจิตอาจมีการพะวงชั่วขณะ และเราก็ไม่รู้ว่าหลังจากใส่บาตรแล้วเราจะมีจิตคิดลังเลสงสัยในสมมติสงฆ์ที่เราใส่หรือไม่ ถ้าเราคิดสงสัยแล้วอุทิศส่วนกุศลเวลากรวดน้ำ มันก็ไม่เต็มกำลังใจของเรา ทางที่ดี เอาตั้งแต่เริ่มต้นจบอาหารใส่บาตรก็อุทิศให้ทุกอย่างทั้งหมดเบ็ดเสร็จเลยจะดีกว่า....

    นี่ยังไม่ว่าเลยไปถึงว่ามรณานุสตินะครับ เพราะถ้าจะว่าไปแล้ว เรานี่อาจจะตายก่อนจะเอาอาหารไปใส่ในบาตรพระ หรือว่าใส่บาตรแล้วเราเกิดตายก่อนจะกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศล นี่ตายแล้วจะเสียดาย เพราะจะมีความกังวลใจ ทางที่ดี อธิษฐานและอุทิศทุกอย่างทั้งหมดก่อนจะเดินไปใส่บาตรพระเลยจะดีกว่านะครับ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กุมภาพันธ์ 2015
  14. toplus99

    toplus99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,621
    ค่าพลัง:
    +13,004
    หลายแนวทางที่ค้นหาเส้นทาง...ผมมันก็คนโง่..แบบระดับเต็มฝีจักรคนหนึ่งเหมือนกัน

    หลายเส้นทางที่พึงพิจาณาตามประสาคนโง่ๆ แต่เส้นทางที่ผ่านล้วนเป็นครูฝึกปรือจิตวิญญาณที่ทรงคุณค่า..
    เหลือคณานับที่พึงเคารพพกราบไหว้..มิลืมเลือน...
    สายไสยเวทย์ ไสยศาสตร์ พลังงานจักรวาล สายฤาษี สายอภิญญา สายตำราอ้างด้นที่ไม่จบสิ้น

    ยามนี้...ผมจะเลือกเอาแนวทางสายพระป่าสายครูบาอาจารย์สายหลวงปู่มั่น
    ที่ท่านมีแนวปฏิปทา ปฏิบัติตามแล้วกระดูกอัฐิเป็นพระธาตุเป็นธงชัยไว้ก่อน

    นอกนั่นค่อยว่ากันอีกที แบกคำภีร์อย่ามาคุยกัน...มันน่าเหนื่อยล้าเต็มที

    ชีวิตนี้มันสั้นนัก..ทำเล่นไป หายใจไม่เข้า..หายใจไม่ออก...ไม่นาน มันก็ตายแล้ว
    ..ตายไว..ไร้ปัญญา ตายขาดทุนยับเยิน..จะโทษใครได้เล่า??


    ต้องโทษว่า"ก็กู..มันดันโง่พอกพูนกิเลสหนาให้ตัวเองนี่..
    ....งั้นก็หลงภพภูมิ เฉี่ยวสัตว์นรก เปรต อสูรกาย ไปมาๆ ต่อไปเหอะมึง@!!!!."
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กุมภาพันธ์ 2015
  15. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,445
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,037
    การสร้างบุญที่ไม่ต้องใช้เงินทอง (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)
    กรรมฐาน คือการทำให้ฐานของกายเป็นที่ตั้งของสติ ซึ่งถ้าท่านทำได้อย่างลึกซึ้งในจิตใจ ท่านจะเห็นความดีในจิต สามารถระลึกชาติคือ การกระทำของตนได้เพราะการเจริญกรรมฐาน ก็เพื่อต้องการให้จิตยึดมั่นในความดีให้จิตไม่แกว่งไปในทางชั่ว

    การเจริญกรรมฐาน ถ้าทำถึงขั้นดันถึงที่ทำดีถึงขั้นจิตท่านจะไม่กลับไปสู่ที่ต่ำ จิตจะไม่ดำ จิตจะงาม จะเกิดแสงสว่างและความสงบ จบด้วยหัวใจ ด้วยมีสติสัมปชัญญะ อยู่ที่จิตตลอดรายการ

    นี่คือกรรมฐานที่เรามาเจริญกัน การเจริญกรรมฐานทำให้จิตของเราเบิกบาน ทำให้จิตไม่หลงทางจะมีจิตเป็นกุศล ได้ผลเป็นอนันต์เป็นหลักฐานสำคัญในชีวิตต่อไปในโอกาสหน้าได้แน่ ขอเจริญพรต่อไปว่ากฎแห่งกรรม ไม่มีทางอื่นช่วยได้กรรมฐานเท่านั้น ช่วยแก้ไขกรรมได้แน่ถ้าท่านทำได้จริง ดังนั้น การเจริญกรรมฐาน จึงเป็นการแก้ไขกรรมไปในตัว สามารถทำให้กฎแห่งกรรมที่ตามสนองเราทุเลาเบาลงได้

    ในส่วนที่เป็นกรรมเก่าก็ยอมรับชดใช้เขาไป ขออโหสิกรรมเขาเสียจะช่วยบรรเทาโทษได้ในส่วน
    ของกรรมใหม่เราก็จะไม่สร้างเวรสร้างกรรมในทางชั่วอีกต่อไป นี่คือ การเจริญกรรมฐาน ทำให้เรามีสติในเมื่อต้องรับผลของกรรม

    ท่านทั้งหลาย คนเรามีเวรกรรมด้วยกันทั้งนั้น แต่เราก็ไม่ทราบจะแก้ได้แค่ไหน ปัญหาชีวิตทั้งหมดเป็นกฎแห่งกรรม แก้ได้ด้วยการเจริญกรรมฐาน การเจริญกรรมฐาน ถ้าใครปฏิบัติได้ถึงขั้นรับรอง

    ท่านจะรู้กฎแห่งกรรมว่ามันมาจากจุดไหนตัวเองมีกรรมอะไร รู้แล้วก็จะยอมรับใช้ทุกข้อหาไม่ปฏิเสธอย่างอาตมา นี่โดนมากับตัวแล้ว

    การเจริญกรรมฐานจึงดีที่สุด เป็นการสร้างบุญที่ไม่ต้องใช้เงินทองแต่ประการใด แต่มีผลกำไรอย่างมหาศาลสุดจะประมาณได้ อยู่ที่ท่านตั้งใจจริงหรือไม่ ขอฝากอีกอย่างว่าเราอย่าสร้างเวรสร้างกรรมกันเลย ถ้าทำกรรมฐานกันอย่างจริงจังแล้ว ปาณาติบาต ก็จะไม่ทำเพราะนักกรรมฐานจะมีเมตตา
    รักชีวิตเขาเหมือนกับชีวิตตน, อทินนาทาน จะไม่อยากได้ของคนอื่น, กาเมสุ-มิจฉาจาร จะไม่สนใจ ไม่มักมากในเรื่องพรรค์นั้น, มุสาวาทจะไม่โกหกหลอกลวงกันอีกต่อไป เพราะเข้าใจว่ามันบาป, สุราเมรัย เครื่องดองของเมาที่จะทำให้เราประมาท เราจะไม่เสพไม่ดื่มจะเลิกไปได้โดยปริยาย เพราะเข้าใจว่ามันจะทำให้เป็นโรคประสาทเกิดชาติหน้าจะปัญญาอ่อน นี่ชัดเจนมากตามกฎแห่งกรรม

    แต่ถ้าทำกรรมฐานเราจะทราบได้ และจะไม่ทำอย่างนั้นจึงเป็นการแก้ไขกรรมในปัจจุบันของตนให้ดีขึ้น
    ท่านสาธุชนทั้งหลายเป้าหมายที่ท่านทำบุญทำกุศล ก็เพราะต้องการความสุขในชีวิตพระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า

    นัตถิ สันติ ปะรัง สุขัง
    สุขอื่น ยิ่งกว่าความสงบไม่มี

    อย่าวุ่นวายกันนะ ใครว่าอะไร นิ่ง อย่าไปโต้ตอบ อย่าไปประกอบกรรมร้าย จงสร้างแต่กรรมดีให้มีปัญญา ยิ้มแย้มแจ่มใสต่อกันด้วยจิตใจเบิกบาน ด้วยน้ำใสใจจริง ทุกสิ่งเกิดขึ้นด้วยความจริงในจิตใจคือกรรมฐาน
    ขอท่านทั้งหลายจงอย่าประมาท ให้เจริญกรรมฐานไปจนชีวิตสิ้นปราณสามารถจะสำเร็จมรรคผลตามที่ตนต้องการ ที่สำคัญ คือ รู้บุญคุณต่อท่านผู้มีบุญคุณอันนี้จะเป็นบุญหนุนนำตัวให้เจริญยศ เจริญฐาน เจริญศักดิ์ศรี หน้าที่การงาน จะทำอะไรถูกธรรมลูกหลานจะได้เป็นใหญ่เป็นโต

    มีชีวิตแจ่มใสในสังคมด้วยกัน

    วันนี้ก็หมดเวลาเท่านี้ ขอส่วนกุศลและปัญญาอันยิ่งใหญ่ดลบันดาลให้ญาติโยมมีสติปัญญาสูง
    โรคภัยไข้เจ็บ จะมีบ้าง ก็ขอให้หายสาบสูญไปด้วยอนัตตา ด้วยอำนาจ ทาน ศีล ภาวนา ที่ท่านได้บำเพ็ญ จงเจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณ ธนสารสมบัติ คิดสิ่งหนึ่งประการใดก็ขอให้สมความมุ่งมาดปรารถนาทุกๆ ท่าน ณ โอกาสนี้เทอญ ขออำนวยพร

    พระธรรมสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)


    เครดิต : หนังสือ "กฎแห่งกรรม บุญกรรมฐานแก้ไขเวรกรรมได้ดีที่สุด หน้า ๔๗-๕๐"
    ส่งเสริมคุณธรรม พัฒนาชีวิต นึกถึงธรรมะ คิดถึงหนังสือธรรมะ

    *****************************
    ขอให้เจริญในธรรมทุกๆท่านค่ะ
     
  16. ถวาย

    ถวาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +4,484
    พอดีได้ตามอ่านบทความแนวทางต่างๆทั้งทางโลกและธรรม พอดีศรัทธาในแนวทางการปฏิบัติหลวงปู่ดู่ครับผม เลยขอเมตตาคุณพี่ชี้แนะ แบบเป็นขั้น เป็นตอน ลำดับ พอดีผมเป็นแบบชอบอ่านสงสัย ว่าถูกหลักขั้นตอนไหมทำแบบนี้ปล่าว ประเภทแบบนี้คับ เลยกลายเป็นสงสัยไปเรื่อยแต่ไม่ได้ทำสักที
    ขอพี่ระมิงค์เมตตาชี้แนะที่เป็นประโยชน์ในการปฏิบัติของหลวงปู่ดู่ ด้วยครับ ตั้งแต่ขั้นต้นถึงปลาย ในการทำ ต้องสวดบริกรรมไตรสรณคม หรือ บทสวดจักรพรรดิ ต้องกำพระหลวงปู่ดู่สวดคาถาเฉพาะ หรือพระองค์ที่ไม่ใช่หลวงปู่อธิฐานจิตอื่นก้อได้เหมือนกัน ครับ
    ขอบพระคุณมากครับ
     
  17. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    กรรมฐานของหลวงปู่ดู่นั้น ผมเรียนมาจากหลวงน้าสายหยุด
    หลวงน้าสายหยุดท่านจะได้รับมอบหมายจากหลวงปู่ให้เป็นผู้สอนกรรมฐาน
    ..........
    เริ่มต้นท่านให้นั่งขัดสมาธิ ตั้งกายให้ตรง ดำรงสติให้มั่น หลับตานึกถึงภาพพระพุทธรูปก็ดี รูปหลวงปู่ดู่ก็ดี แล้วใช้คำบริกรรมว่า
    "พุทธัง สรณัง คัจฉามิ
    ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ
    สังฆัง สรณัง คัจฉามิ"

    เวลาผมนึกในใจ หายใจเข้าผมว่า พุทธัง สรณัง หายใจออกผมว่า คัจฉามิ
    ฯลฯ
    ภาพพระก็แล้วแต่ว่าใครจะกำหนดไว้ที่ตรงไหน บางคนกำหนดที่หน้าผาก บางคนกำหนดที่หน้าอก บางคนกำหนดไว้ที่ช่องท้อง มีบางคนกำหนดไว้ที่กลางกระหม่อม ซึ่งก็ไม่ได้ผิดอะไร ...

    ทำไปแบบนี้ครับ ถ้าระหว่างนั้นคิดอะไรขึ้นมาก็ สลัดมันทิ้งไป ให้กำหนดรู้อยู่ที่ลมหายใจเข้า หายใจออก พร้อมคำบริกรรม อย่างนั้นไปเรื่อยๆ....
    จนกระทั่งจิตเห็นรูปพระพุทธรูปหรือหลวงปู่ดู่ ได้อย่างชัดเจนแจ่มใส...
    ท่านให้เริ่มต้นทำแต่เพียงเท่านี้ก่อน....

    .....................................................................
    ข้อสังเกตนะครับ
    หากว่าเป็นการรู้ลมหายใจเข้า หายใจออก จะมีอาการรู้สึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อและร่างกายไปด้วย คือทำไปด้วยความรู้สึกสบายใจ และผ่อนคลาย ที่ถูกคือแบบนี้นะครับ

    ส่วนถ้าหากว่า เป็นการเพ่ง ไม่ว่าจะเพ่งไปที่นิมิต หรือเพ่งไปที่ลมหายใจ คือจะบังคับลมหายใจให้สั้นๆบ้าง หรือบังคับให้ยาวๆบ้าง การใช้ดวงตาพยายามจะไปเพ่งให้เกิดนิมิตบ้าง อย่างนี้จะมีอาการตึงๆที่หน้าผาก ปวดหัวตาบ้าง แน่นหน้าอกบ้าง อึดอัดบ้าง เกิดอาการเครียด แบบนี้คือทำผิดวิธีนะครับ...

    ท่านบอกว่าให้รู้ลมหายใจเข้า หายใจออก เอาจิตจับภาพพระ...

    ท่านไม่ได้บอกให้เพ่งลมหายใจเข้า หายใจออก แล้วเพ่งไปที่องค์พระ...

    นี่เป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจก่อนนะครับ ถ้าเข้าใจผิด แม้ว่าท่านจะสอนถูก เราก็ทำไม่ถูก ความก้าวหน้าใดๆจะไม่มีผลบังเกิดขึ้นกับท่าน....

    อีกประเด็นหนึ่งที่สำคัญคือ...
    เมื่อคุณอ่านโพสนี้จบลงแล้ว ขอให้ปิดเครื่องรับอินเตอร์เนตทุกอย่าง แล้วลงมือปฏิบัติ ตามนี้ทันที...เมื่อลงมือทำอย่างจริงๆและต่อเนื่องไปแล้ว เกิดข้อสงสัยอย่างไรค่อยกลับมาถามใหม่...

    เอาล่ะครับ ปิดเครื่องแล้วลงมือปฏิบัติได้...
     
  18. ราคุเรียวซาย

    ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,940
    ค่าพลัง:
    +8,515
    คืนนี้ กะตื่นตอนเช้าจะท่องบทนี้ละ

    หนูชอบ ท่องบทนี้เพราะ ว่ามันน่าจะกันผีได้ในตัว เป็น ทูอินวัน
     
  19. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,553
    ค่าพลัง:
    +18,998
    [​IMG]

    พระพุทธรูป เป็นเสมือนองค์แทน สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    พ่อแม่ครูบาอาจารย์ก็ให้ความเคารพนอบน้อม แต่ครั้งโบราณมา...

    ผมไม่ชอบให้ใครเอาองค์แทนพระผู้มีพระภาคเจ้า มาดัดแปลงเพื่อใช้หลอกลวงเงินชาวบ้าน ที่หวังความร่ำรวย คือจะหลอกด้วยวิธีอื่นๆก็ว่ากันไปนะ แต่อย่าเอาพระพุทธเจ้ามาตัดต่อเศียรแบบนี้...
    การทำอย่างนี้มันก็ไม่ได้แตกต่างจากที่ฝรั่งเอาเศียรพระพุทธรูปไปเป็นของประดับตกแต่งบ้านเลย...
    เพื่อเงินใช่ไหม...ถึงยอมทำอะไรก็ได้ ทำได้ทุกอย่าง...

    บาปกรรม มีจริง คงจะได้เห็นกัน...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2015
  20. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    968
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,638
    อ่านหนังสือ ดูเฟสบุ๊ค ท่านว่าการละสังขโยชน์10 ผู้ใดทำได้ เข้าถึงคือผู้ปราศจากกิเลส เริ่มต้นด้วยการตั่งพระนิพพาน ไว้แนบจิต เมื่อตายจิตแนบพระนิพพาน บวกกับการละแล้วซึ่งกิเลส จึงถึงซึ่งพระนิพพาน

    ดิฉันเข้าใจในแนวทาง แม้การปฎิบัติจะไม่ค่อยได้เรื่อง แต่ในประโยคนี้ มันทำให้ไม่เข้าใจว่า การนึกถึงพระนิพพาน ไว้แนบจิต อันนี้เข้าข่ายความอยากรึไม่คะ กาาตัดสังขโยชน์ เข้าใจว่า ไม่ยินดียินร้ายในตัวตน ตัวผู้อื่น ไม่ยินดียินร้ายในอารมณ์ที่กระทบ ทั้งภายในและภายนอก ไม่ต้องการทรัพย์ใดๆ ไม่กล่าววาจาอันจะก่อเกิดกรรม ไม่ยินดีในเพศ ....การต้องการถึงพระนิพพานโดยไม่มีซึ่งความสงสัยใดๆ (ดิฉันสงสัยไปแล้ว คงแย่แน่ๆ) เลยขอถามท่านป๋าระมิงค์ ให้ช่วยชี้แนะประเด็นนี้ให้สิ้นสงสัย
    ขอบพระคุณค่ะ

    ปล.มิได้ตั่งใจจาบจ้วงเหล่าพระอาริยะและพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์นะคะ แต่เพราะเป็นผู้โง่เขลา จึงขอบังอาจกราบเรียนถามเพื่อความถ่องแท้ในจิตค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...