บทความ...กระดานเล่าสู่กันฟัง

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย nouk, 19 ตุลาคม 2014.

  1. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    สาธุ ขอบคุณค่ะ เอาไว้กลับมาจากวัดแล้วจะมาเล่าให้ฟังนะ กายกับจิตมันแยกกันแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเลยนะ เหมือนมันแยกออกเป็นสามส่วน ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ไม่เกี่ยวข้องกัน สามส่วนที่ว่า มีกาย1(ขันธ์5) จิต1 รู้(สติ)1 แบบที่เราเข้าใจนี้ถูกต้องหรือเปล่า
     
  2. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +3,083
    รู้สึกว่า ตำรา จะเรียก ส่วนที่คุณ nouk เขียนว่า สติ ว่า สัมปชัญญะ
     
  3. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ขอบคุณค่ะ เรียกไม่ค่อยถูกเหมือนกัน รู้แค่ว่ามันแยกออกเป็นสามส่วนอย่างเห็นได้ชัด แล้วญาณรู้ล่ะคะ บางทีเวลามีใครมาถามอะไร พอจบคำถามปุ๊บจะเห็นภาพหรือไม่ก็ได้ยินเสียงบอก
     
  4. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +3,083
    ก็เป็นส่วนที่เพิ่มขึ้นมาอีก จากการปฎิบัติ

    ถ้าเดินปัญญาสักรอบ น่าจะเพิ่มมากขึ้น จนมีตลอดเวลาได้

    คราวนี้จะเพิ่มเป็น 4 สนุกมากขึ้นอีก

    และเดินปัญญาอีกสักรอบ แบบญาณเป็นผู้คิด จิตเป็นผู้ดู

    ก็น่าจะเข้าสู่ ปัญญา วิมุตติ


    รออ่านครับ
     
  5. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ขอบคุณมากค่ะสำหรับคำแนะนำ :cool:
     
  6. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เอาลูกแก้วมาให้ดูกัน...ขอเรียกว่าแก้วเสด็จแล้วกันนะ
    (ลูกเดียวค่ะ แต่ไม่แช่น้ำกับแช่น้ำ)

    [​IMG]

    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ตอนนั้นเราไปปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัดภูเพียง และช่วยงานหลวงพี่เนื่องจากทางวัดได้จัดงานปริวาสกรรมขึ้นเป็นเวลา 10 วัน ก่อนหน้านั้นได้ไปปฏิบัติธรรมงานปริวาสกรรมที่จังหวัดลำพูน แล้วหลวงพี่ท่านได้ลูกแก้วจักรพรรดิ์มาจากสหธรรมิกท่านหนึ่ง รวมทั้งหมดประมาณ 7 ลูก ท่านก็เอามาให้เราทั้งหมด

    งานปริวาสกรรมที่ทางวัดภูเพียงจัดขึ้นนั้นมีพระภิกษุจากทั่วประเทศมาร่วมปฏิบัติทั้งหมดเกือบ 200 รูป หลังจากเสร็จงาน ตอนนั้นเรารับหน้าที่ถวายค่าเดินทางให้กับพระภิกษุที่มาร่วมงาน รูปไหนจะออกเดินทางเลยเราก็ถวายซองปัจจัยให้ ทีนี้ มีพระรูปหนึ่งท่านพูดถึงลูกแก้วจักรพรรดิ์ ท่านอยากได้ไว้สวดเพื่อปรับภพภูมิ เราก็เลยบอกว่าเรามีอยู่หากท่านต้องการเราจะถวายให้ พอพระรูปอื่นๆ ได้ยินก็เอ่ยปากขอเหมือนๆ กัน ก็เลยนำลูกแก้วจักรพรรดิ์ทั้งหมดที่มี ถวายให้พระไปรูปละ 1 ลูก หมดค่ะ ไม่เหลือ เราก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะพระท่านต้องการใช้ลูกแก้วในการเจริญกรรมฐานและปรับภพภูมิ
     
  7. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เมื่อพระที่มาร่วมงานปริวาสกรรมเดินทางไปกันหมดแล้ว ก็เหลืองานเก็บอุปกรณ์พวกเสื่อหมอนและผ้าห่มเข้าห้องเก็บของค่ะ และทำความสะอาดบริเวณป่าปริวาส โดยทั้งสองส่วนนี้พระท่านจะทำกันเอง

    ส่วนเราก็ทำความสะอาดศาลาปฏิบัติธรรม และเก็บพวกอุปกรณ์สำหรับจัดงานส่วนหนึ่งเข้าไปไว้ในห้องพักของผู้ปฏิบัติธรรม ขณะที่เราเดินไปเดินมาเพื่อเก็บอุปกรณ์ หลวงพี่ท่านก็เดินมาหาแล้วส่งลูกแก้วใสให้ ท่านบอกว่าเอาไป เรางงซิ ก็เลยถามท่านว่าลูกแก้วอะไรรึ ท่านบอกว่าไม่รู้ เห็นมันกลิ้งๆ มาหาท่าน ตอนที่ท่านกำลังกวาดห้องเก็บของ ในห้องเก็บของไม่มีลูกแก้วแน่นอน เพราะห้องนี้เราเดินเข้าเดินออกเพื่อเข้าไปหยิบเสื่อมาถวายพระ ท่านบอกว่ามันกลิ้งมาจากที่ไหนไม่รู้ แต่เห็นมันมาหยุดที่หน้าท่านๆ ก็เลยนำมาให้เรา

    หวานหมูซิ เพราะเราชอบอะไรใสๆ อยู่แล้ว ตอนนั้นสงสัยว่าเป็นลูกแก้วพญานาคหรือเปล่า แต่หลวงพี่ไม่เคยมีลูกแก้ว ท่านเห็นเราชอบลูกแก้วใสจึงได้นำมาให้และเห็นว่าเราเอาลูกแก้วจักรพรรดิ์ถวายให้พระไปหมด ไม่ได้เก็บไว้เลย

    หลังจากนั้น ลูกแก้วลูกนี้เราก็เอาวางไว้ที่ข้างๆ หมอนหนุนหัว รอนิมิต แต่ไม่มีนิมิตใดๆ แค่เพียงสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างแต่ก็ไม่อาจบอกได้ว่าเป็นพลังของอะไร...เท่านั้นเองค่ะ
     
  8. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ช่วงนี้ไม่มีอะไรมาเล่าเลย เพราะว่าไม่ได้ปฏิบัติเหมือนเมื่อก่อน หมายถึงนั่งกรรมฐาน มีแต่สวดมนต์และนอนภาวนา นิมิตสมาธิก็ไม่มี ฝันตื่นมาก็ลืม....

    เวลานอนเห็นแต่ตัวเองเป็นซากศพ :'(
     
  9. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +3,083
    ขอขำสักหน่อย ไม่ยอมปฎิบัติตามฐานะ จิตเดินเองเลย

    แถมนิทานให้สักเรื่อง

    เคยได้ยินคำว่า รู้สักแต่ว่ารู้ เห็นสักแต่ว่าเห็นใช่ป่ะ

    แล้วก็คำว่า ดู รู้ คิด วาง

    ถ้าเรา หยุดแค่ ดู รู้ ไม่คิดไปต่อก็จะไม่มีวิบากไปเพิ่มที่จิต

    ถ้าคิดดี ก็มีวิบากดี ถ้าคิดไม่ดีก็มีวิบากไม่ดี ซึ่งต่อไปก็ต้องไปเอาออกทั้งสองอย่าง

    แต่ถ้าคิดแบบวิปัสสนา กิเลสก็จะจางไปบางส่วน

    ถ้าเข้าใจก็ ปฎิบัติได้ตลอดเวลา

    ถ้าได้วิมุตติแล้ว จะมีดวงวิมุตติล้อมจิตอยู่ วิบากจะเข้าไปไม่ได้แล้ว

    นิทานอ่านเล่นเพลินๆ มีแรงเมื่อไรก็สู้ต่อ
     
  10. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ขอบคุณสำหรับนิทานดีๆ ค่ะ :cool:
     
  11. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    อืม...เมื่อคืนฝันว่าสนทนาธรรม เรื่องกามราคะ ได้พูดถึงภพภูมิพญานาค
    เป็นภพภูมิใช้สำหรับทดสอบกามราคะ ภพภูมินี้จึงเต็มไปด้วยกามราคะ
    แต่ผู้ที่มาจุติยังภพภูมินี้เพื่อทดสอบภูมิธรรม ส่วนใหญ่กลับหลงใหลในกามราคะอย่างรุนแรง
    ไม่สามารถถอดถอนออกมาได้ หลงผิดไปจนกระทั่งพ้นจากภพภูมิ มาจุติยังภูมิของมนุษย์
    ก็ยังนำอุปนิสัยที่ติดกามนั้นติดตัวมาด้วย จึงได้คร่ำครวญถึงแต่ภพภูมิที่ตนจากมา....

    อธิบายยากมากในเรื่องการติดกามราคะ แต่เราก็เข้าใจอย่างลึกซึ้ง เป็นปัจจัตตังอีกแล้ว
     
  12. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    มีการกระตุ้นที ก็ปฏิบัติตามฐานะที 555 (ขำตัวเอง)

    นิทานสักเรื่องนะ

    วันนี้
    A 13:32 พระเทวีสิ่งหนึ่งสิ่งเกิดขึ้นตั้งอยู่แลดับไปแล้วสิ่งใดเล่าหยั่งซึ่งทุกขเวทนาสาหัสเป็นประมาณให้บังเกิดแก่มนุษย์
    W 13:32 อวิชชา
    A 13:33 ด้วยเหตุใด
    W 13:33 เพราะมีอวิชชาเป็นเหตุจึงมีกิเลส เพราะมีกิเลสจึงมีตัณหา เพราะมีตัณหาจึงมีภพชาติ สาธุการ ท่านคือใครรึ
    A 13:35 ไปแล้วบ่ยุ่แล้ว
    W 13:35 เอ๋า คือไผหนอ
    A 13:35 ข้อยหาวยังบ่หยุด
    W 13:35 ถามแบบบ่ให้ตั้งตัวเบย 55
    A 13:36 นั่นสิข้อยก้องง
    W 13:36 ข้อยปรับโหมดแทบไม่ทัน อิอิ กำลังสำเริงสำราญอยู่ที่แชทลาน.......
    A 13:37 ป้าด คือรุ้ว่ามีผุ้มา
    W 13:37 5555555 ข้อยบ่รู้อ่ะ ออนเฟสทิ้งไว้ ข้อยตอบคำถามผิดอ่ะ
    A 13:43 ป้าดดดดดดดดดด
    W 13:43 555555555 อ่านคำถามเพิ่นบ่เข้าใจเอง ความจริงแล้ว เมื่อเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไปแล้ว ทำไมยังทุกข์อยู่ ก็เพราะความรู้แจ้งในธรรมทั้งปวงยังไม่เกิดขึ้น สภาพทุกข์นั้นจึงเกิดขึ้นได้อีก มันก็อยู่ในเรื่องของอวิชชานั่นแหละ แต่ข้อยตอบห้วนไปหน่อย 555
    A 13:47 บุ๋ย กะถึงว่าเพิ่นบ่ถามต่อ
    W 13:47 5555555555 จบข่าวไปเลยไง
    A 13:48 เพิ่นหนีไปเบย
    W 13:48 รากเหง้าของทุกข์ทั้งปวงมาจากอวิชชา
    A 13:48 จึงข้อยน้อมเข้าหาธรรมมากมันจะเกิดปิติแล้วว่าง ข้อยเข้าใจแล้ว
    W 13:49 สาธุ
    A 13:49 ข้อยต้องทำบางอย่างสาธุค่ะ เจ้สอนข้อยทั้งนั้น
    W 13:50 มันต้องสั่งสมไปเหมือนหยดน้ำลงตุ่ม
    A 13:50 มีผุ้ชายยุ่กับเจ้
    W 13:51 ไผรึ หาาาาาาาาาา คนหรือว่าผี
    A 13:51 ข้อยหาวไม่หยุดเลย
    W 13:51 ข้อยอยู่บ้านผู่เดวเด้อ
    A 13:51 ปู่ฤาษีติ
    W 13:52 ปู่ฤาษีที่ไหนมาอยู่กับข้อย
    A 13:52 จักแล้ว
    W 13:52 มีไผมาส่องข้อยบ่
    A 13:52 ฤาษีเครายาวๆยิ้มให้ข้อย
    W 13:52 ถามโลดซั่น
    A 13:52 คิ้วก้อยาวขาวๆ
    W 13:53 ถามเพิ่นแมะ
    A 13:53 เอ๋า
    W 13:53 มาอยู่กับข้อยตั้งแต่มื้อใด มาอยู่เฮ้ดหยัง
    A 13:53 เพิ่นบ่ได้สื่อเนาะ
    W 13:53 เอ๋า กะถามแมะ
    A 13:55 ข้อยบ่มีสมาธิเนาะทำงานยุ
    W 13:55 บ่มีมาธิแล้วเห็นได้จั่งได๋
    A 13:55 ข้อยกำหนดถามบ่เป็นถ้าท่านจะบอกท่านกะมาบอกให้ได้ยินหรือเห็นเป็นตัวหนังสือเด้
    W 13:56 เจ้ากะกำหนดจิตแมะ
    A 13:56 เจ้ก้อรุ้ว่าข้อยเห็นจากตาองค์แม่เด้
    W 13:56 ข้อยบ่ฮู้อ่ะ แต่ข้อยรู้สึกง่วงเวลานี้ทุกวัน แต่ไม่อยากหลับ
    A 13:57 อ้าว ไปสวรรค์
    W 13:57 จริง มันมีอาการเหมือนเคลิ้มๆ แต่บ่หลับ
    A 13:57 ขึ้นไปสนทนา
    W 13:57 ไผ ข้อยหรอขึ้นไปสนทนา
    A 13:57 จิตออกญาน
    W 13:58 จริงอ่ะ
    A 13:58 เพิ่นมาชวนเจ้ติ
    .................จบ..............
     
  13. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    วันนี้มีสติขึ้นมา หลังจากโดนตำหนิว่าไม่ยอมปฏิบัติตามฐานะ เพราะไม่ได้นั่งกรรมฐานเลย ได้แต่นอนภาวนาอย่างเดียว

    จากการที่ต้องไปอยู่ท่ามกลางรูปนามในห้องแชท ย่อมมีผัสสะเกิดขึ้นและส่งผลกระทบกับขันธ์ห้าแน่นอน เมื่อเกิดวงจรปฏิจจสมุปบาทก็ย่อมก่อกรรมทางกาย วาจาและใจ เป็นกุศลหรืออกุศลก็ขึ้นอยู่กับอุปทานขันธ์ห้าที่ปรุงไปในทางกุศลหรืออกุศลตามสัญญาขันธ์และสังขารขันธ์ที่เกิดขึ้น เกิดสุขเวทนาหรือทุกขเวทนาตามมา ก็ได้เห็นทั้งกุศลและอกุศล แต่เพราะนันทิ (ความเพลิดเพลิน) ทำให้ไหลไปตามอารมณ์ต่างๆ นั้นไปเรื่อยๆ พอเกิดนันทิก็เกิดโมหะ (ความหลง) ยึดว่าเรารู้ เราเห็น แต่เราไม่เข้าไปเป็น เรามีสติ แต่เป็นสติที่เพลิดเพลินไปในกามคุณห้า

    เราก็ดูมัน ดูกระบวนการของมันทั้งหมดที่เกิดขึ้นจริง เป็นปัจจุบันจิต พอเห็นอารมณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว จึงทบทวนย้อนพิจารณากลับไปกลับมา (โยนิโสมนสิการ) ได้เห็นความจริงว่าผัสสะต่างๆ จะเกิดหรือไม่เกิดก็ขึ้นอยู่กับปัญญาที่เข้าไปเห็นความจริงของรูปนาม เห็นว่ารูปไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา นามไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา เมื่อนั้นก็ไม่มีสฬายตนะสืบต่อไปเป็นสันตติ

    พิจารณาต่อไปอีก คราวนี้ได้เห็นว่ากุศลและอกุศลนั้นเกิดขึ้นที่เรานะ ไม่ได้เกิดขึ้นจากใครเลย ก็คือกิเลสนั่นแหละ เป็นกิเลสภายในใจของเราเอง

    เมื่อความจริงปรากฏขึ้นมาว่าสภาวะภายนอกคือรูปนาม รูปนามไม่มีอยู่จริงเป็นเพียงสภาพธรรมเท่านั้น สภาพธรรมก็อยู่ในกฏไตรลักษณ์ พิจารณาว่าไม่มีอะไรเลย การปรุงแต่งจากอุปาทานขันธ์ห้าก็ดับไป....

    อาการอืดๆ เนือยๆ เกิดขึ้น คล้ายๆ คนเลื่อนลอย จะว่าวางเฉยก็ไม่ใช่ อายตนะหกรับผัสสะทั้งหมด แต่เหมือนเลื่อนลอย ไร้การปรุงแต่ง ไม่รับรู้ แต่ขันธ์ห้ายังทำหน้าที่อยู่ ทำแบบไม่มีสัญญา เรียกว่าอย่างนี้ได้หรือเปล่า อธิบายไม่ถูก :'(
     
  14. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    วันนี้ได้พิจารณาอะไรหลายๆ อย่างทำให้เข้าใจคำว่า "ที่สุดแห่งกองทุกข์คือนิพพาน" และ "นิพพานอยู่เหนือฟากตาย" จุดกึ่งกลางระหว่างรูปภพกับอรูปภพ
     
  15. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    มันสงสัย...สงสัยเรื่องกิริยาจิต เพราะว่านั่งกรรมฐานทีไร เห็นตัวเองนั่งกรรมฐานทุกที มีคนบอกว่าเป็นกิริยาจิต เราก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่า กิริยาจิต คืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร มีอะไรเป็นเหตุ แล้วเป็นมิจฉาหรือสัมมากันแน่?

    เพราะว่านั่งทีไร มันไปเห็นโน่นเห็นนี่ โดยที่เราไม่ได้คิดนึก แต่มันดันเกิดปรากฏขึ้นมาให้เห็นเป็นภาพนิมิตซึ่งเหมือนจริงมาก เป็นภาพของปัจจุบัน จนต้องทิ้งร้างการนั่งสมาธิมานานหลายเดือน พอกลับมานั่งอีกก็ได้เห็นอย่างเดิมอีก คือเห็นตัวเองนั่งสมาธิและเห็นสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบๆ ตัวเหมือนเห็นด้วยการลืมตา ก็ต้องไปหาความรู้เพิ่มเติมเรื่อง กิริยาจิต ไปเจอเรื่องมหากิริยาจิตของพระอรหันต์....เอามาฝากเพื่อนๆ แล้วกัน

    (คงต้องเพิ่มความเพียร เพราะพอได้เห็นกิริยาจิตทีไร วิจิกิจฉามาทุกที ทำให้หลงทางไม่พิจารณาไปจนสุดสายของไตรลักษณ์ นี่แหละหนอ...มารตัวเองแท้ๆ)

    จิตชนิดนี้ในทางพระอภิธรรมเรียกว่า มหากิริยาจิต ท่านอาจารย์มั่น เรียกว่าฐีติจิต หลวงปู่ดูลย์ เรียกว่า จิตหนึ่ง หลวงปู่เทศก์เรียกว่าใจ ท่านอาจารย์พุทธทาสเรียกว่า จิตเดิมแท้และหลวงปู่บุดดา เรียกว่าจิตเดียว คือมันเป็นหนึ่งอยู่เช่นนั้นไม่กลับเป็นสองขึ้นมาได้อีก คือ ไม่หลงไปสู่ความเป็นคู่เป็นสุข ทุกข์ดี ชั่วใดๆ อีกต่อไป
     
  16. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
  17. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    มีความรู้สึกว่าการมีขันธ์นี้เป็นทุกข์อย่างยิ่ง วันนี้ (23/5/58) ได้เห็นทุกข์ของการมีขันธ์อีกแล้ว เวลานั่งกระดูกก็ตำเนื้อ กระดูกตรงก้นกบมันแทงเนื้อ รู้สึกเจ็บจึงกำหนดดู เห็นโครงกระดูกที่มีเนื้อหนังห่อหุ้มไว้...........

    ทำไมเมื่อก่อนมองไม่เห็นอย่างนี้ๆ ก็เพราะเมื่อก่อนเราเพิกซึ่งสติ ละเลยในการกำหนดรู้ซึ่งอิริยาบถต่างๆ มัวแต่ไปสนใจแต่สิ่งภายนอกที่อยู่รอบๆ ตัวเอง ละเลยในการมีสติกำกับในทุกๆ อิริยาบถ ไม่ได้กำหนดดูทุกขเวทนาที่เกิดแก่ขันธ์.....การพ้นทุกข์ของขันธ์ก็คือการเปลี่ยนจากอิริยาบถหนึ่งไปอิริยาบถหนึ่ง จึงได้ชื่อว่าอิริยาบถปิดบังทุกขลักษณะ....วันนี้ได้เห็นแล้ว อวิชชาปิดบังทำให้ไม่เห็นความจริงของสิ่งทั้งปวงตามสภาพความเป็นจริง
     
  18. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
    นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
    นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
    สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ทะวารัตตะเยนะ กะตัง สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ขะมามิ ภันเต

    หลายๆ คนยังคงวนเวียนอยู่กับทุกข์ และยังคงค้นหาธรรมเพื่อเข้าถึงความดับทุกข์ ไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีก ความคิดริเริ่มที่ต้องการพ้นทุกข์ ไม่ต้องการเกิดแก่เจ็บตายอีก นับว่าเป็นการตั้งความต้องการหรือที่เรียกว่าตัณหา เป็นการใช้ตัณหาเพื่อละตัณหา

    ทุกคนต่างเรียนรู้บทความ ข้อธรรมต่างๆ จากพระสุปฏิปันโนบ้าง จากกัลยาณมิตรบ้าง จากพระไตรปิฎกบ้าง จากพระอภิธรรมบ้าง ฯลฯ เรียกว่าหาเรียนรู้ ศึกษากัน บางท่านก็ได้น้อมมาปฏิบัติแล้ว บางท่านก็พยายามปฏิบัติอยู่ เป็นต้น
     
  19. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เทคนิคในการเข้าถึงธรรมไม่ใช่สิ่งที่ยากอะไรเลย บางคนบอกว่าทำไมจะไม่ยาก ทุกวันนี้ก็สวดมนต์ นั่งสมาธิ ทำบุญใส่บาตร ร่วมสร้างถาวรวัตถุตามที่มีผู้บอกบุญมา ทอดกฐิน ทอดผ้าป่า เป็นประธานบ้าง เข้าร่วมบ้าง ทำอย่างนี้อย่างสม่ำเสมอ ก็รู้ว่าทุกข์เป็นอย่างไร บุญเป็นอย่างไร แต่ก็ยังไม่เห็นธรรม

    พอถามว่าแล้วรักษาศีลห้าในแต่ละวันครบหรือยัง ก็อ้อมๆ แอ้มๆ กันว่า ทำงานอยู่นะ การทำงานก็มีบ้างที่ต้องพูดจาโกหกหรือไม่พูดความจริงทั้งหมด ปกปิดไว้ ใช้กลโกง ต้องเข้าสังคมก็ต้องมีดื่มบ้าง หวังรวยจากโชคลาภลอย บลาๆๆๆ หากไม่สามารถเริ่มที่ศีลได้ จะทำสมาธิ สมาธิที่ได้ก็เป็นมิจฉาสมาธิ เห็นนิมิตแต่ไม่สามารถบังคับกำกับนิมิตได้ หรือไม่ก็หลงนิมิตไปใหญ่โต หลักพื้นฐานเนี่ยสำคัญมากนะ อย่าดูเบา ศีลห้าและกุศลกรรมบถ 10 ปิดประตูอบายฯ นี่หากยังไม่นิพพาน ตายไปยังไงก็ไม่ลงนรก และยังสามารถกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ได้อีก กลับมาสร้างมาทำกุศลหรือทำให้แจ้งนิพพานได้
     
  20. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เวลาที่ถามว่า ธรรมะคืออะไร? ใครๆ ก็ตอบได้ว่า ธรรมะคือธรรมชาติ อ้าวถ้าธรรมะคือธรรมชาติ แล้วทุกวันนี้เราไม่ใช่ธรรมชาติรึ เราผิดจากธรรมชาติรึ มารู้จักธรรมชาติกันดีกว่า ธรรมชาติของสิ่งทั้งปวง
    สามแดนโลกธาตุนี้ สังสารวัฏฏ์นี้ ล้วนคือธรรม เป็นธรรมจักร
    ธรรมะ = ธรรมชาติ
    จักร = ลักษณะที่หมุนวน
    บุญ บาป วิบากกรรมดี วิบากกรรมชั่ว กฏแห่งกรรมฯ ล้วนมีลักษณะหมุนวนเหมือนกงจักร
    ที่กลายเป็นกงจักร เพราะมีการยึดมั่นถือมั่นไว้ (อวิชชาทำให้คิดว่ามีตัวมีตน) เมื่อยังไม่ปล่อยมือออกจากวงล้อแห่งกรรม (ทั้งดีทั้งชั่ว) กงจักรก็พาหมุนวนไปเรื่อยๆ

    การเข้าถึงธรรม ก็คือการเข้าถึงธรรมชาติของกายและจิตตนนั่นเอง ไม่ใช่ไปค้นหาแสวงหาจากที่อื่น เนี่ยโชคดีขนาดไหนแล้ว โชคดีกว่าเทวดา โชคดีกว่าพรหม เพราะเทวดาและพรหมไม่มีกายเนื้อ ไม่มีขันธ์ห้าให้ได้ศึกษาเพื่อถ่ายถอนอวิชชา
     

แชร์หน้านี้

Loading...