ดูจิต ดวงจิตจริงมันดวงเดียว

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Saber, 10 พฤษภาคม 2015.

  1. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ธรรมะนั้น ฟังมาถึงตรงนี้ อาจจะเห็นว่า หลายซับ หลายซ้อน

    อย่าไป ปรารภความซับซ้อน

    ให้เห็นเข้ามาเลยว่า เพราะไม่ทิ้งสัทธรรม ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรมได้

    พอรู้ผ่าน ขณิกสมาธิ รู้ถึงฐานจิตได้ ไม่ไป สารวนกับ ปัญญาพูดได้ จะเริ่มฟังธรรม
    ที่ไม่มีผู้แสดงได้ ซึ่งสภาวะไร้ผู้แสดง ก็คือ สภาวะ ฟังธรรมจาก........... นั่นแหละ

    หลวงปู หลวงตา ท่านจึงกล่าวว่า "........." ไม่เคยหายไปไหน ยังอยู่ ยังส่งมือมาตลอดเวลา
     
  2. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    ตกลง นี่แกกำลัง จะบอกกับจิตยิ้มว่า...ให้คิดเอาเอง....เหมือนที่แก คิดเอาเอง ยังงั้นไช่มั้ย...อิอิ

    นี่แก ยังไม่ละความพยายาม ที่จะ เผยแพร่เชื้อ..มั่ว ของแก อีกเหรอ

    ไปไป๊ ไปอยู่กับ ไอ้ สีทานยาลิงกัง5..นั่นไป...อิอิ
     
  3. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    เรื่องจิต นี้ อภิธรรมยังไม่เคยศึกษาครับ แต่ที่จะเล่าให้ฟัง ก็เป็นประสบการณ์ส่วนตัวครับ ยามที่นั่งสมาธิกรรมฐานโดยหลับตา จนจิตละคำบริกรรม เห็นกายในกาย กายในกายนี้ไม่เรียกว่าจิต ส่วนนามธรรมไม่มีเห็นเป็นรูปธรรมเป็นดวงกลม แต่ที่เรียกเป็นดวง น่าจะเพราะอาการนามธรรมที่เป็นตัวรู้มีลักษณะรู้ได้รอบทิศ จึงอนุมาณได้ว่า ตัวรู้นี่แม้มองไม่เห็นแต่มีลักษณะแผ่ได้รอบทิศเป็นทรงกลม อันตัวรู้นี่ชื่อว่า จิต แต่ยามที่ความรู้ปุจฉาเกิดขึ้น คือ ตัวตั้งคำถามนี่ปรากฏเหนือจุดกึ่งกลางตัวรู้ แลตัวตอบคำถามเองก็ปรากฏเหนือจุดกึ่งกลางตัวรู้ อันนี้ ขอยอมรับว่าลืมไปแล้วว่า ตัวถาม บนข้างซ้ายหรือ ตัวตอบบนข้างขวา ของตัวรู้ และตัวตัดสินใจกับปรากฏ ที่ ตำแหน่งเดียวกับตัวรู้ ผมอาจไม่ละเอียดพอ แต่เท่านี้ เมื่อสมาธิจิตถึงระดับหนึ่ง จะเห็นชัดว่า อนัตตา เพราะตัวถาม ก็อย่างหนึ่ง ตัวตอบก็อย่างหนึ่ง ตัวรู้ก็อย่างหนึ่ง ตัวตัดสินก็อย่างหนึ่ง ตัวรู้นี้ที่ว่ารู้โดยรอบ คือ รู้ซ้อนตัวรู้ก็ได้ รู้ครอบกายในกายก็ได้ รู้ในจิตก็ได้ รู้นอกจิตก็ได้ แต่ในจิต จะมีตัวรู้ตัวถามตัวตอบตัวตัดสิน(น่าจะคือจิตเจตนา) มันไม่ใช่เป็นหนึ่งเดียว ทรงกลมทึบเนื้อเดียว เลยเห็นว่า จิตนั้นสัญญาก็นั่นสังขารก็นั้นวิญญาณก็นั้น แลเวทนา(ตอนนั้นเห็นตัวนี้ไม่ชัด อาจเพราะมันอยู่ในอุเบกขาอันบริสุทธิ์) จึงอาจเขียนว่าในจิตระดับนั้น เห็นนามธรรม คือ จิต วิญญาณ สัญญา เวทนา สังขาร มาประกอบกัน แต่ไม่ใช่อันเดียวกัน ถ้าจิตละเอียดอย่างนั้น จิตคงค่อยเข้าใจได้ว่า ไม่มีตัวเรา ไม่มีของเรา มีแต่เป็นเหตุปัจจัยต่อกัน อิงกัน น่าเสียดายว่า การจะมีจิตละเอียดขนาดนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ สำหรับเรา เราจึงหลงมีตัวตน ยึดถือเอาจิตเป็นใหญ่เป็นตัวเราไปด้วย ท่านที่จะถามเรื่องจิต เมื่อศึกษาปริยัติถึงจุดพอรู้ ก็น่าจะปฏิบัติแล้วเข้าใจได้ดีกว่า บางทีเอาวาทะมาถกกันจะ เป็นวิวาทะได้นะครับ แต่ละระดับก็เข้าใจได้ต่างกัน ตัวอย่างเรื่อง สติ อาจมาถามกันว่า สติอยู่ตรงไหน วางสติยังไง จิตเท่าไหนสติก็เท่านั้นได้นะครับ ไม่ว่าจะกำหนดสติที่กาย หากเกิดกายในกาย เห็นกายในกาย สติก็กำหนดได้อีก หากจิตแผ่กระจายการหยั่งรู้เหนือกว่าการหยั่งรู้ตัวทั่วพร้อม กลายเป็นหยั่งรู้ตัวทั่วพร้อมโดยกว้างขวาง ครอบรัศมีจากกายเนื้อออกไปเป็นพันลี้ ก็ให้มีสติตามนั้นครับ กายในกายนี้หากฝึกฝนมาอาจมีกายภายในดั่งพรหม และพรหมมีกายใหญ่นะครับ อาจครอบจักรวาลหนึ่งได้เลย พิจารณาเห็นกายในกาย มีสติตามนั้นได้ หากเห็นตรงไหนผิด ตักเตือนผมได้ครับ ผมไม่ได้ศึกษาอภิธรรม แถมตอนนี้ไม่มีอาจารย์ครับ ฝึกตามปกติใช้ชีวิตตามปกติครับ หากเห็นว่าผิดหลง ทักได้เลยครับ
     
  4. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    เสียดายมีข้อสงสัยจริงๆ แต่คุณคงมาตอบไม่ได้ซะแล้ว(พลีชีพ)

    ที่คุณพูดว่า "ถึงไม่มีจิต ก็มีใจไง" ตกลงจะมั่วไปให้ได้ใช่มั้ย?

    คนตายที่เข้าห้อง"ดับจิต" คือไม่มีจิตแล้ว ยังจะมีใจด้วยหรือ เฮ้อ!!!

    คุณคงต้องอธิบายต่อไปเพราะ ไม่ได้อ่านของคุณ

    โพสที่ผ่านมา ต้องการอ่านเรื่องจิตมีดวงเดียวของหลวงพ่อฤาษีเท่านั้น

    พอดีไปเห็นของคุณเข้าจึงเกิดคำถาม ก็ยังไม่ได้รับคำตอบอยู่ดี

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  5. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    เอกวีร์ที่รัก
    เธอไม่รู้สึกอับอายอิสตรีบ้างหรือ?
    ที่มีจิตใจเป็นอิสตรีในร่างของบุรุษเพศ
    ที่ไม่มีคุณธรรมประจำใจเอาเสียเลย(น่าอายจริงนะ)

    ไม่รู้จริงๆ แกล้งโง่ หรือโง่จริงๆ สงสัยจะโง่จริงๆซะด้วย
    คนทำเฮีย ก็น่าจะมีแต่เอกวีร์อิสตรีที่ร๊ากกกกกคนเดียวนะเอง

    พระบาลีชัด "สจิตตปริโยทปนัง เอตัง พุทธานสาสนัง"
    พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ที่อุบัติขึ้นมาในโลกนี้
    ล้วนสอนเรื่องชำระจิตให้บริสุทธฺ์หมดจดจากเครื่องเศร้าหมอง

    ไหนๆเอกวีร์อิสตรีที่ร๊ากกก
    ที่พยายามโชว์โง่ เพื่อโชว์ภูมิตนเอง
    เมื่อทำเป็นไม่รู้จักคุณลักษณ์ของจิตที่บริสุทธิ์
    ที่เรียกว่า "พระนิพพาน" คือความดับสนิทจากกิเลส ได้รับความบริสุทธิ์ของจิต

    จำไว้นะ พระนิพพานเป็นสภาวะธรรม จึงเป็นคุณลักษณะของ....
    สงสัยอาไร ถามธรรมภูตตรงๆได้
    อย่าทำตัวเป็นอิสตรีที่แอบด่าสอดแทรกตามโพสเลย มันน่าสมเพทจริงๆ

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  6. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,426
    ค่าพลัง:
    +3,207
    ข้อความบางตอนจาก.. ตติยนิพพานสูตรที่ ๓

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรมชาติไม่เกิดแล้ว ไม่ เป็นแล้ว 
    อันปัจจัยกระทำไม่ได้แล้ว ปรุงแต่งไม่ได้แล้ว มีอยู่ 
    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถ้าปัจจัยกระทำไม่ได้แล้วเกิดแล้ว 
    ไม่เป็นแล้ว อันปัจจัยกระทำไม่ได้แล้ว ปรุงแต่งไม่ได้แล้ว 
    จักไม่ได้มีแล้วไซร้ การสลัดออกซึ่งธรรม-ชาติที่เกิดแล้ว เป็นแล้ว
    อันปัจจัยกระทำแล้ว ปรุงแต่งแล้ว จะไม่พึงปรากฏในโลกนี้เลย 

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลายก็เพราะธรรมชาติอันไม่เกิดแล้ว ไม่เป็นแล้ว 
    อันปัจจัยกระทำไม่ได้แล้วปรุงแต่งไม่ได้แล้ว มีอยู่
    ฉะนั้น การสลัดออกซึ่งธรรมชาติที่เกิดแล้ว เป็นแล้ว
    อันปัจจัยกระทำแล้วปรุงแต่งแล้วจึงปรากฏ.

    และ

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อายตนะนั้น...มีอยู่
    ดินน้ำ ไฟ ลม อากาสานัญจายตนะ วิญญาณัญจายตนะ 
    อากิญจัญญายตนะ โลกนี้ โลกหน้า พระจันทร์และ
    พระอาทิตย์ทั้งสอง ย่อมไม่มีในอายตนะนั้น

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่กล่าวซึ่งอายตนะนั้น
    ว่า เป็นการมา เป็นการไป เป็นการตั้งอยู่ เป็นการจุติ 
    เป็นการอุปบัติ อายตนะนั้นหาที่ตั้งอาศัยมิได้
    มิได้เป็นไปหาอารมณ์มิได้ นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์.
    จบปฐมนิพพานสูตรที่ ๑พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย
    อุทาน เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ 723

    ------------------------------
     
  7. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,426
    ค่าพลัง:
    +3,207

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อายตนะนั้น.....มีอยู่ (พุทธวจนะ)

    แล้วจะเรียก อายตนะ ..... นั้นว่าอะไร
    ดูเหมือนจะถกกันว่า อายตนะ...นั้น ใช่จิตไหม
    ใช่ที่ หลวงปู่ดุลย์ แปลว่า จิต คือ พุทธะ
    คือ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน หรือเปล่า

    ใช่เป็นคนละตัวกับที่พระพุทธองค์ตรัสว่า
    จิตบ้าง มโนบ้าง วิญญาณบ้าง
    เกิดดับ ตลอดทั้งวัน กลางคืน

    เป็นคนละสิ่ง หรือ สิ่งเดียวกัน

    ก็เลยสงสัยอะไรเที่ยง หรือ ไม่เที่ยง กันแน่

    เหมือนหลายท่านกำลังสงสัยเรื่องนี้กันนะคะ
     
  8. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    ปัญหาที่มักสงสัยจะคลาย ข้อสงสัยได้
    ถ้าเรา สามารถระงับอำนาจของอวิชชาได้บ้าง

    ราคะจะมีลักษณะเวลาเพ่ง เหมือนกะหูรูดของกางเกงยางยืด หนังยางที่เอาไว้รัดถุงแกง
    ถ้าจะเพ่งกสินก็เลี่ยงที่จะต้องให้เกิดราคะอย่างนี้ไม่ได้
    เลยจำเป้ฯต้องเอาภาพกสินเป็นแค่นิมิต แบบอุคะหะนิมิต มาแบบแว๊บๆๆ
    อาศัยว่าถ้าราคะมันมากาง ครอบ ตาเมื่อไหร่ ภาพหรือแสง จะว๊าบเข้าตาแว๊บนึง
    ถ้าภาวนานานหน่อยบางที่จะมาวาบใส่หน้าหลายครั้ง เช่นภาวนาครึ่ง ชม. มันมาวาบให้ตกใจเล่นแว๊บเดียวหนึ่งครั้ง

    คราวนี้ภาพกสินไปไหน
    เกิดการร้อยรัด เกิดการที่ภาพในลูกตาหนะ ภาพแบบวุ้นในตาหนะ
    มันวนเหมือนเล่นเก้าอี้ดนตรี
    เราต้องนึกภาพมะโนนึกภาพแก้ง หรือแสงสว่างไว้ใน มะโน มะนะสิการ
    แรงเหวี่ยงของราคะจะทำให้บางที่ภาพที่มะโนเอาไว้ มันร้อยรัดทะลุเข้ามาที่ประสาทตาได้แว๊บหนึ่ง

    ตอนมันมืดๆๆๆ กับตอนแสงวาบเข้ามา
    จะมีจังหวะก่อนที่เกิดแสง ช่วงนั้นราคะจะเกิดการคลายตัว
    และหลังจากแสงวาบราคะก็จะคลายตัว
    เหมือนกะราหูอมจันทร์ อมดวงอาทิตย์
     
  9. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ภาษาธรรมนั้น เป็น ภาษานมสิการธรรม เอานัยยะ หรือ รสอรรถทาง ปัจจุบันธรรม

    ภาษาธรรม ที่คนภาวนาไม่เป็น จะไปมุ่งการ บัญญัติ จิตมันจะเคลื่อน


    ตัวอย่างที่ยกมา " อยาตนะนั้นมีอยู่แน่ " ฟังให้เป็น ภาษาปฏิบัติ ผู้รู้จริงก็เงียบกริบ

    ส่วนพวก ปฏิบัติไม่เป็น โยนิโสมนสิการไม่รู้จัก ก็จะ เอ๊อะ แล้วมันเรียกว่าอะไรหละ

    หาอะไรไม่เจอ ก็ด้น เด้า เดาเอา จิต มั้ง !!

    ก็ถ้า อยาตนะนั้นคือจิต พระพุทธองค์จะเว้นการกล่าวทำไม ทำไมไม่กล่าวไปเสีย
    เลยว่า อยาตนะนั้นคือจิต

    อะไรที่ พระพุทธองค์ไม่ได้ทรงบัญญัติ เราก็อย่าไปเพิ่มเติม

    อย่าไปหลงกล พวกลอบเข้ามาทำทีเป็นนับถือพระพุทธศาสนา เอาลัทธิจิตเที่ยง มากระทืบ สัทธรรม

    เดี๋ยวเถอะ พอไปบัญญัติว่า จิตมั้ง จิตรหัสพ่อรหัสแม่ มันไปอยู่ใต้ อุ้งตีน สฟิงค์ จนได้
    เพราะว่า พอบัญญัติแล้วก็อดไม่ได้ที่จะต้อง หาที่ตั้ง จิตเคลื่อนทันที
     
  10. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    ต้องอาศัย ตอนจัวหวะมันปลิ้น เอาด้านในออกด้านนอก
    มันจะกระทำประมานสองครั้ง
    แสงจะวาบเข้ามาแล้วจะปลิ้นเอาความปรกติมาใหม่
    เหมือน ลมวูบเดียวหอบร่มปลิ้น แล้วร่มก็กลับสู่สภาพเดิมใหม่

    มาถึงจุดนี่ต่อให้ผมอธิบายผิด

    เราก็ต้องมาถามแบบที่คุณ sianns ถามหละ
    ก็ใครหละที่กำหนดให้ที่ผมอธิบายหนะผิด ขอชื่อ
    และความผิดหนะมาจากไหน

    นั้นคืออายตนะ ชนิดหนึ่ง
    อาศัยจังหวะปลิ้นแหละ ยัดคำถามแบบนี้เข้ามา

    นิวรณืจะเป็นเครื่องกันเครื่องกีดขวาง
    อายตนะจะปลิ้นช้าลง แสงสว่างเสมอด้วยปัญญาไม่มี
     
  11. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    กรณี หนังสือ จิตคือพุทธ

    อันนี้ เขาพิสูจน์กันมาแล้วว่า สุดท้ายเนี่ยะ เขาพบว่า ศิษย์คนหนึ่ง
    จับเอาหนังสือ เซ็น มาให้ หลวงปูดูลย์อ่านออกอากาศ

    ดังนั้น ข้อความในหนังสือ จิตคือพุทธะ นอกจาก สำนักพิมพ์เขาจะฟ้อง
    ร้องลิขสิทธิแล้ว ก็ให้ทราบด้วยว่า เหนือนกว่านั้น " มีคนแปล " จากภาษาจีน

    แล้ว คนแปลคนนั้นใครหละ ......

    สันนิฐานเบื้องต้น คือ ท่านพุทธทาส ซึ่ง ท่านพุทธทาส ท่านสามารถแปลได้หลาย
    แนว แปลแบบตรงสำนวนจีนตรงๆ ก็ได้ หรือ แปลให้เข้าเป็นสำนวนธรรมก็ได้
    หรือ แปลให้กลายเป็นสำนวนคนสายวิทย์ไม่เอาเรื่องภพภูมิเลยก็ได้

    ดังนั้น อย่า จับศัพท์ไปกระเดียด โดยไม่จำเป็น


    อ่านเอาพอลึกซึ้ง เอาพอ ชักชวนให้คนวิทย์ เขามีลู่ทางมาฝึกกรรมฐาน
    เพื่อเข้ามาเห็น ภพภูมิ ก็พอ
     
  12. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    เดี่ญวคนก็จะมากังวลเรื่องจิตเที่ยง จิตสูญไรงี้
    คือผมอธิบายอย่างไรก็ผิด
    ไม่ต้องกลัวผมสามารถจะอธิบายให้จิตเที่ยงก็ได้
    จิตขาดสูญก็ได้
    ผมมีทิฏฐิ แบบ บ้าบอเยอะแยะ

    แต่จุดที่จังหวะผิดหนะ
    เราสามารถยัดเอานิวรณ์ เข้ามาได้
    ผมเคยผ่าตัดต้อกระจก แล้วผังฝืดมันขึ้นมาหลังจากผ่าต่อกระจกออก
    พยาบาลเอาแผ่นกั้น ที่เจาะรูนิดเดียว เอามาให้ผมส่อง
    ภาพที่เห็ฯชัดเจนเพราะเราจดจ่ออยู่กะแค่รูที่เจา
    ไม่ได้ไป กวาดภาพ ผ่านฝังผืดที่ขึ้นมาเกาะกระจกตา
     
  13. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    ถ้าจิตคือพุทธะ ถ้าจริง
    พุทธภูมิ
    ก็คือจิตตะภูมิ

    ราคะ แหละที่ทำให้เกิด พจนานุกรม
    เนียะผมภาวนาก็ไม่ได้ทรงฌานแต่ถ้าให้จังหวะผมบ้าง
    ผมหาจังหวะยัด แจมมันไว้หนะ ให้ราคะ หมุนย้อนก็ได้ ช้าลงก็ได้ หรือหยุดชั่วคราวได้

    คือเราสนใจว่าคำนี้แปลว่างี้
    ต่อให้แปลถูก ก็คือความคิดชนิดหนึ่ง

    มันถูกเพราะเราคิด

    ถ้าโดนแจมเอาไว้ ถูกผิดก็จะ เป็ฯไปตามด้านที่กลับไปมาของอายตนะ
     
  14. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    อายตนะ
    คือการมีของเครื่องบรรจุ

    เวลาจะอธิบายเราก็จะอธิบายถึงมันให้ปราณีตสุด
    คือการมีข้างในกะข้างนอกคู่กัน

    เราต้องใช้ราคะในการผนึก คุณต้องรู้สึกถึงแรงของตัญหา
    ที่จะให้ เครื่องบรรจุ และ การมีข้างในข้างนอก แปลไปทางทิศเดียวกัน
    เหมือนจะกางร่ม ถ้ากางออกมาแล้วมันไม่มีผ้า ของร่มหรือมันเป็ฯพราสติกใส บางที่คนก็ไม่เชื่อว่าคือร่ม

    เพราะมันบังแดดไม่ได้ หรือมันไม่มีผ้ามุงไว้ ก็กันฝนกันลมไม่ได้
    เราต้องอาศัยราคะ เพื่อจะให้มันคือร่ม

    ต้องเห็ฯแรงของตัญหา เราจะเห็ฯราคะเกิดดับแแว๊บนึง
     
  15. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    ไม่น่าไปรีบแบบคุณ sianns เลย
    ด่ากันมาตั้งนาน เมื่อก่อนแรงกว่านี้อีก
    ด่ากันจนคนจับทางได้หมดแล้ว

    ไหนๆก็เคยโกดกัน แค้นกัน
    ก็เถียงกันให้คุ้มไปเลย
     
  16. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    คือจะมาวางกับดักให้ผมพยากรณ์ว่าจิตเที่ยง
    หรือจิตสูญ ไม่มีผลหรอก นั้นคือการปรามาทพระธรรม

    ผมแจมได้ก็แล้วกัน

    จิตตะจะสูยหรือจะเที่ยงตามที่จะกำหนดไวยากรณ์
    ต้องผ่านแรงราคะ จะให้จิตเที่ยงก็ต้องกางร่ม
    จะใมห้จิตสูญก็ต้องกางร่ม

    กับดักแค่นี้ไม่ได้เรื่อง ไม่กดดัน
     
  17. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    อุปปาทานต้องปรกอบจากตัญหาสองอัน
    พยายามจะให้ สองตัญหา แย่งร่มกัน
    ตัญหานึงจะจับด้าม อีกตัญหาหนึ่งจะจับปลายร่ม
    ต่างฝ่ายต่างจะให้อีกฝ่านหนึ่งอยู่นอกร่มให้ได้

    ถ้าเราเอานิโรธ ยัดเข้าระว่างสองตัญหาบ่อยๆ
    ตัญหาจะเป็ฯแค่ตัญหา มันจะประกอบเป็ฯ ภวตัญหา วิภวตัญหา กามตัญหาไม่ได้
    เพราะปัจจัยมันไม่ครบ

    อาศับแว๊บเดียวที่เราเห็นนิโรโธ
    ถามลงไปเลย เป็ฯนีวรณืบรรพ
    ว่าก็ใครหละ กำหนดให้การกระทำนี้ๆๆๆ โน้นๆๆๆ นั้นๆๆๆ
    ผัสสะหนะ นั้นๆถูกหรือผิด
    ใครหละชื่อของเค้าหนะ

    แล้วถูกผิดต่างๆมาจากไหน
    มันจะไปไหน เราไม่รู้เหรอ เรารู้เหรอ
     
  18. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    จิตตะเที่ยง ต้องอาศัยตัญหา
    จิตตะสูญก็ต้องอาศัยตัญหา
    แค่ไม่ให้มันแย่งร่มคันเดียวกัน ก็พอแล้ว

    มันจะเที่ยงมันจะสูญ ก็ไม่ใช่เรื่องอะไรที่จะหาคนมาพยากรณืเพราะต้องอาศัยตัญหาจึงจะพยากรณืได้
    มันเป็ฯ อะนัตตา
    อะนัตตาแปลได้ว่าจะยึดไว้เอง คือจะแย่งร่มจิตตะนี้ไว้เองก็ไม่ได้
    จะยัดให้ว่าคนถือร่มคือเจ้าของร่มก็ไม่ได้

    อนัตตาแปลว่าเอาไว้เองไม่ได้ และหาเจ้าของก็ไม่ได้ ไม่มีใครเป็นเจ้า เป็ฯของได้
    ร่มก็เลยเป็ฯร่มเพราะ
    ราคะ
     
  19. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    จะให้จิตตะเป็นดวงเดียวก็ต้องอาศัยราคะ ร้อยมันเอาไว้รัดมันเอาไว้
    จะให้มันแยกจากกันก็จะไม่ใช่จิตตะ

    จิตตะคือการจดจ่อ
     
  20. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    จะเรียกว่าเจตสิกก็ได้
    คือไม่ได้จดจ่อไว้
     

แชร์หน้านี้

Loading...