ตั้งสติกำหนดรู้ สัญญา แยกสัญญาออกจากจิตนี่ทำได้ใช่ไหม ?

นี่คุณ ฉัตร อ่านอะไร ไม่รู้จักพินิจพิจารนาให้ละเอียดรอบครอบ
หาเหตุหาผล หาประโยชน์ สู้รบกับกิเลสนี่โดนกิเลสหลอกตายเลยนะ
นี่หวังดี

 

แล้วศาสนาเซน มันมีหรือ ผมเจอศาสนาเชน
แล้วในเมื่อไม่รู้ ก็ถาม จะได้ศึกษาต่อ แล้วจะสอบทานได้ยังไงว่าที่ คุณเสขะ นำมาโพสต์มีพื้นฐานข้อเท็จจริงยังไง ผมไม่รู้ นี่กิเลส แล้วคุณรู้ทุกเรื่องจริงเหรอ ผมจะได้ถาม ดูสิคุณจะโดนกิเลสหลอกตายไหม

 

เอ้าๆ ไม่รู้ แล้วก็คิดไม่เป็น ก็จะบอกให้นะ ZEN
ศาสนามหายานนิกาย เซน จบนะ

แล้วก็อยากรู้ว่าจริงไหม
ค้นสิค้น เทศน์หลวงตาเมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๖ เรื่อง "ศาสนาเซน"
ถ้าข้อมูลไม่จริงก็มาด่ามันเลย เดี๋ยวตามเชียร์

 

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๖
ศาสนาเซน


ใจดีป่าวหละ เอามาให้อ่านถูกใจไม่ถูกใจ ตรึกเอาเอง ไปหละ

 

ok thanks
ยังงง เพิ่งรู้ว่า นิกายเซน เค้าถือเป็นศาสนาแยกจากพุทธ ผมงงเลย ที่อ่านมาตอนเด็กเค้าบอกเป็นนิกายหนึ่งในพุทธศาสนา เลยสับสน แล้วประกอบกับเคยอ่านมาตอนเด็กนานมากบอกว่า ศาสนาเชนใกล้เคียงกับ พุทธมาก ขอบคุณหลายๆๆ

 

พี่เสขะ ละเมอ ตด หรือฮับ

ถึงได้ เปรียบเทียบตัวเอง เป็นพวกภาวนาแนว เซน

เซน หรือ ฌาณ คือ นักเล่นฌาณ เพ่งสมาธิ มุ่งทำอัปปนาสมาธิให้เกิด
[ อยู่กับการงานชีวิตปรกติ จนจิตรวม !! พระงานประขำคือ บริกรรม
ฆราวาส งานประจำ ก็ล้างถ้วย ล้างชาม ชงชา เล่นหมากล้อม ฯลฯ ]

แล้ว พี่เสขะ ทำอัปปนาสมาธิเกิด บ่อยแค่ไหนฮับ ถึงได้ อุปโลคตัวเอง
เป็น นักภาวนาแนวเซน เข้า !!!


ปล.ลิง เซน มุ่ง อัปปนาสมาธิ ที่เกิดจาก สติปัฏฐาน4 ดังนั้น มันเริ่มจาก
"ศีล สมาธิ ปัญญา" อยู่แล้ว ....อย่าเอาไป ปน การเพ่งรูปให้เกิดฌาณ4
แบบฤาษีนะฮับ อันนั้น คนละเรื่อง ....จุดสังเกต คือ การปฏิบัติ
ของเซน จะปฏิบัติไปตาม การทำงานปรกติชีวิตมนุษย์ ตรงนี้จึงเป็นเรื่อง
ศีลในการประกอบชีวิตประจำวัน สมาธิในการทำงานแต่ละวัน ปัญญา
ในการกำจัดกิเลสมีสัมมาอาชีวะ ....มันต่างกับไปนั่ง เพ่งลูกก้งลูกแก้ว
เพ่งรูปารมณ์หน่าฮับ ความเป็นเอง ก็คงจะหมายถึง อสังขาริกัง
ซึ่งมันจะเกิด สภาวะธรรมไม่ได้จงใจให้เกิดฌาณ แต่ความที่ ทำงานไป
ก็อยู่กับ ปัจจุบันไป จิตมันจะได้รับการอบรมไตรลักษณ์ ละสมุทัย จนมัน
รวมเล็กใหญ่ใส่ชิ้นสดขึ้นมา

ปล.2 อ่านให้ดีๆนะฮับ หลวงตาท่านกล่าวว่า "ศาสนาเซน ก็คือ พุทธ"
อย่าอ่านไปแล้วไปจับคำว่า " ข้ามไปด๊อกเตอร์ " แล้วแปลความแบบฮาฮาเฮียๆ
ไปเห็นว่า ไม่มีมรรคผลนิพพานในกลุ่มของ zen

ปล.3 ถ้าเซน ก็คือ พุทธ แล้ว พี่เสขะหากบังเอิญภาวนาแบบเซน แล้ว
จะสลดสังเวชทำเฮียอะไรฮับ !!!

 

ปล. 4 อย่าลืมนะฮับ ป่านนี้แล้ว ก็ยังดูไม่ออกเลยฮับ ว่า พี่เสขะ ใช้อะไรเป็น กรรมฐาน
หรือ ใช้อะไรเป็น วิหารธรรม ฐานแห่งการงานตามปรกติ

กระทู้นี้ ก็ทำท่าเหมือนว่า เข้าใจการใช้ " สัญญา10 " เหมือนจะ เอาส่วนนี้เป็น
กรรมฐาน ฐานแห่งการงานของตน [ ปล.999 สัญญา10 ก็ เซน นั่นแหละ งงเฮียอะไรตรงไหน ]

แต่ เช่นเคย พอกล่าวได้สักโพสสองโพส ก็ " ออกอาการ กระทืบทิ้ง " อีก

มันเลยเหมือน มาสร้างประเด็นเพื่อเหยียดหยาม กรรมฐานชนิดต่างๆ ที่ตนไป
ขนเอามาโพส ไอ้นั่นก็ดี แต่ อันนี้ก็ใช่

พอไปอีกหลายๆเดือน ก็เอาอีก อันนั้นที่ใช่ไม่พูดถึงละ ขอโพสอันใหม่แนวนี้ดี

แต่พอ ไม่กีนาที ก็เอาอีกละ แนวนี้น่าสังเวช แนวโน้นดีกว่า เอามาโพสแบ่งกัน

โอยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย


ตกลง ฝึกแบบไหนฮับ ............................

 

อัดตา กถา อึดชึ !!!!

มาดูกัน

คำสอนหลวงตา " คือธรรมะส่วนละเอียดของพระพุทธเจ้าที่จวนจะบรรลุธรรม จนกระทั่งถึงขั้นบรรลุธรรม "

แก้ว่า " สัญญา10 "
[331] สัญญา 10 (ความกำหนดหมาย, แนวความคิดความเข้าใจ สำหรับใช้กำหนดพิจารณาในการเจริญกรรมฐาน — perception; contemplation; ideas as objects of meditation)
1. อนิจจสัญญา (กำหนดหมายความไม่เที่ยงแห่งสังขาร — contemplation on impermanency)
2. อนัตตสัญญา (กำหนดหมายความเป็นอนัตตาแห่งธรรมทั้งปวง -- contemplation on impersonality)
3. อสุภสัญญา (กำหนดหมายความไม่งามแห่งกาย — contemplation on foulness or loathsomeness)
4. อาทีนวสัญญา (กำหนดหมายโทษทุกข์ของกายอันมีความเจ็บไข้ต่างๆ — contemplation on the disadvantages of the body)
5. ปหานสัญญา (กำหนดหมายเพื่อละอกุศลวิตกและบาปธรรมทั้งหลาย -- contemplation on abandonment or overcoming)
6. วิราคสัญญา (กำหนดหมายวิราคะว่าเป็นธรรมละเอียดประณีต — contemplation on detachment)
7. นิโรธสัญญา (กำหนดหมายนิโรธว่าเป็นธรรมละเอียดประณีต — contemplation on cessation)
8. สัพพโลเก อนภิรตสัญญา (กำหนดหมายความไม่น่าเพลิดเพลินในโลกทั้งปวง — contemplation on the non-delightfulness of the whole world)
9. สัพพสังขาเรสุ อนิฏฐสัญญา (กำหนดหมายความไม่น่าปรารถนาในสังขารทั้งปวง — contemplation on the non-pleasantness of the whole world)
10. อานาปานสติ (สติกำหนดลมหายใจเข้าออก — mindfulness of in- and out-breathing)

 

อัดตา กถา อึดชึ !!!!

คำหลวงตา " เขาหาได้รู้ไม่ว่า ศาสนธรรมขั้นละเอียดนี้มาจากพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าแสดงศีล สมาธิ ปัญญา เห็นไหม ขึ้นศีล สมาธิ ออกจากสมาธิก็ปัญญา ปัญญานี้ปัญญาขั้นละเอียดเข้าถึงที่ว่าสติปัญญาอัตโนมัติ "

แก้ว่า เซน จะไม่เน้นพิธี รีตรอง ไม่มีการทำวัตร สวดมนต์ เลยเหมือนไม่เอา ภาคศีล
ภาคการทำสมถะ แล้ว พิจารณาลงส่วน ปัญญาสิกขา ไปเลย (กำนหดรู้ตามสัญญา10)
โดยไม่ปรุงแต่งตามความคิดความจำ( แปลว่า เน้นเห็นปัจจบันธรรม ไม่ใช่ ท่องนกแก้วนกขุนทอง ... ต้องไม่ลืมว่า เขาไม่เน้นสวดมนต์ จึงไม่มีการ ท่องจำพุทธวัจน ด้วย เน้นปฏิบัติทันที )

 

อัดตา กถา อึดชึ !!

คำหลวงตา " ไอ้เราไม่รู้เรื่องจะเอาอันนั้นไปปฏิบัติ ทีนี้ใครมาถือศาสนานี้ต้องใช้ปัญญาทั้งนั้นๆ ใช้ถึงวันตายมันก็ไม่ได้ เพราะไม่ใช่ขั้นของปัญญาขั้นนั้น ก.ไก่ ก.กา ยังไม่ได้ ไปฟาดเอาดอกเตอร์ "

แก้ว่า

ไอ้เรา : หมายถึง พี่ไทย ไปลอกวิธีปฏิบัติกลับมา ดันไป เรียนแบบ คนไทย คือ ไปท่อง
จำวิธีปฏิบัติจากเขา ซึ่ง ของเขา ไม่ต้องท่อง ไม่ต้องเรียน ให้ปฏิบัติไปเลย เข้าป่าไปเลย
เน้นวิปัสสนาไปเลย ไม่ต้องเอา คันธุระ

ไอ้เรา : หมายถึง พี่ไทย ดันไป เก็บคำสอนเชน มาเป็น ฝ่ายคันธุระ ศึกษาแบบเรียนตัว
หนังสือ ก.ไก่ ข.ไข่ ไปทำในสิ่งที่เขา ละ วาง ...ไปเอา เทคนิคการเรียนแบบพี่ไทย ไปใช้
กับเซน มะอึงเรียนให้ตาย ก็ไม่รู้เรื่องว่า เขาปฏิบัติยังไง มะอึงจะฟาดด๊อกเตอร์( หมายถึงเรียนแบบพี่ไทย
คือ ท่องว่าเขาเรียนยังไง เพื่อเอาไปสอบด๊อกเตอร์ )



ปล. 999999999 ท่านโพธิธรรม ที่สอน ฌาณ ก็คือ ท่าน ตั๊กม้อ ...... ซึ่ง ประวัติตามที่
เรียนๆกันมาตามตำนาน คงไม่มีใครสงสัยเรื่อง อำนาจฌาณที่เป็นอภิญญา .....ดังนั้น อย่าไป
เข้าใจว่า เชน ไม่มีการทำ สมาธิฌาณส่งฌาณสี่นะฮับ (จริงๆ หากเข้าใจ จะรู้ว่า เล่นกันฌาณ8-9 เลย)

 

รวมตอบพี่เอกวีร์ สามโพสเลยละกัน
ผมก็สับสนตัวเองครับ ก็เลยชวนคุยหลายๆแนวทาง คืออันนั้นก็โดน อันนี้ก็ใช่ ก็แนวๆนั้นหละครับ
ก็เอาเก็บไปคิด ได้หลายแง่มุมดีครับ
จริงๆก็อยากคุยด้วยเหงา แต่ไม่รู้จะยกอะไรมาคุยดี

 

ก็รู้ไปสิ ว่า หิวอารมณ์

หิวปัญญา อยากได้ปัญญา ...... เนี่ยะ สมุทัย นะ

พอกำหนดรู้ทุกข์ได้ ยก ดอกบัว แล้วเม้มปากเลย ฮะเอ่อ


ปล. ไอ้ที่หิวนะ คือ สิ่งที่ติดส่วนขันธ์ มันหิวทุกเรื่องแหละ
แต่ถ้ากำหนดรู้ได้ ท่านตั๊กม้อ ตบหน้าผากเลย

 

ธรรมะ จะแสดง เขาก็ต้อง แสดงตามเหตุ ที่สมควรแสดง

ไม่ใช่ เหงา กลัวตัวตนหายไป หากไม่ได้พูดอะไรสักนิด

แหม !!!

อยู่แบบ ธงไหว ไปเรื่อยๆ ก็ได้

 

.....ใช่ ครับ ส่วนนึง Zen ไม่ใช่ คำกลอนที่ร่าย ขายเป็น เล่ม แน่นอน...(อิอิ ทุกคนคงเคย เพ้อ)...แต่เซน คือ การ ปฎิบัติจริง แยกให้ออก การอ่านกวี กับ ปฎิบัตินะครับ

 

ส่วนตัวคิดว่า เป็นการเจริญสติ รู้ตัว คล้าย สติปัฎฐานสี่ มากกว่าครับ

 

เวลาเกิดอาการครั่นครือหรือกามสัญญากำเริบพร้อมบางทีวิงเวียนให้รู้ว่าโดนคุณไสย์วิธีแก้คือ1.อาบน้ำสระผม2.กินยาของตัวเองยาโรคประจำตัว3.กินข้าวให้อิ่มที่แนะนำเช่น ข้าวมันไก่ ก๋วยจั๊บ ก๋วยเตี๋ยวและก๋วยเตี๋ยวต้มยำ หรือกินข้าวต้มพวกโจ๊กก็ได้ ห้ามสูบบุหรี่ในวันที่มีอาการ ห้ามกินเหล้าวันนั้น และให้เพลาๆเรื่องเหล้า นิพพานเขาไม่กินเหล้า บุหรี่พอได้ ก็ต้องรู้จักแยกแยะว่าเราสนใจธรรมะ เราสนทนาธรรม เราปฏิบัติธรรม เราบรรลุธรรม นั่นควรเพลาๆการกินเหล้าและพยายามอย่าหาข้ออ้างให้เอาธรรมจริงตามทางธรรมและให้เคารพพระรัตนตรัยพร้อมแบ่งเงินทำบุญบ้างทำครั้งละน้อยๆก่อนก็ได้มีเงินมากแล้วค่อยทำหลายๆตังค์ก็ได้

 

เห้ยๆ แก้กามสัญญากำเริบ แก้ๆนะแก้ มันทำให้ใจกำเริบ
วิ่งหนีป่าราบ ไปอาบน้ำ แดรกยา แดรกข้าว วิ่งหอบเงินไปทำบุญ
นี้มัน คันหัวใจดันไปเกาหัวโป้ตรีนนี่หว่า บักฟางว่าน

แก้มาๆ เอาใหม่ๆ พูดมาใหม่ บักฟางว่าน

 

ใช้คำว่าบักหมายความว่าไงวะ ไปไกลๆ ไอ้ไพร่

 

ไม่พอใจงั้นแก้ไขให้ คุณฟางว่าน
ส่วนจะเรียกผมไอ้ไพร่ เรียกได้นะ มันก็ถูกของคุณเลย

 

สัญญา ผมก็ว่ารู้เห็นมาพอประมาณกันแล้ว
จะแยกจากจิตไม่แยกจากจิต
มันก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไรของจิต

ปัญหาของจิตคือจิตไปยึดไปติดไปข้องในสิ่งใด
สิ่งที่จิตไปติดอยู่นั้นมันก็สัญญาเข้าไปปรุงแต่งร่วมด้วยทั้งนั้น
ควรตัดควรฟันเครือเถาวัลย์ที่เกี่ยวพันกับจิตออกไปน่าจะดีกว่า

ปล่อยวางเรื่องราวต่างที่จิตไปติดไปข้อง
ก็เป็นการวางสัญญาไปด้วยในตัว

พอวางเต็มที่แล้วมันก็แยกออกไป
ไม่ได้ถือไว้แล้ว ยังไงก็ต้องแยก