บทความ...กระดานเล่าสู่กันฟัง

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย nouk, 19 ตุลาคม 2014.

  1. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    จำได้ครั้งหนึ่งเมื่อตอนอายุ 12 ขวบ แม่ได้ทำผ้าป่าเพื่อไปทอดที่วัดบ้านเกิดแม่
    ที่เชียงใหม่ ชื่อวัดต้นโชคหลวง เป็นวัดประจำตระกูลของแม่ก็ว่าได้ ท่านเจ้าอาวาส
    เคยเป็นเพื่อนเล่นกับแม่มาตั้งแต่เด็กๆ

    หลังจากทอดผ้าป่าเสร็จแล้วก็มีการพาคณะไปเที่ยว สถานที่ไปก็มี
    น้ำตกเจ็ดสาวน้อย น้ำตกแม่กลาง น้ำตกวังบัวบาน ถ้าจำไม่ผิดนะ
    เรายังไปปีนน้ำตกกับหลวงพี่อยู่เลย ขึ้นไปถึงชั้นที่เจ็ด ชอบมากค่ะ
    ไปสันกำแพง ไปกราบพระที่วัดพระบาทตากผ้า วัดพระบาทห้วยต้ม วัดพระธาตุดอยสุเทพ

    มีวัดหนึ่งที่แม่บอกว่าจะไปกราบหลวงปู่แหวน แม่จะไปถามเรื่องอดีตชาติ
    ของลูกๆ แต่ละคน ถามทั้งอดีตและอนาคต
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กรกฎาคม 2015
  2. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ได้ยินแม่คุยกับเพื่อนๆ ที่ไปด้วยกัน พอไปถึงวัด แม่ให้เรารออยู่ด้านนอก
    พอแม่กลับออกมาก็ได้ยินแม่คุยกับเพื่อนๆ ว่ามีลูกที่เคยเป็นทหารมาหลายชาติ
    และตายในสนามรบ เคยทำคุณแก่แผ่นดินมามาก จึงมีบุญมาก
    แล้วหลวงปู่ฯ ท่านก็บอกว่าอย่าให้เป็นทหารอีก
    ซึ่งตอนนั้นเราก็ไม่รู้ว่าเป็นลูกคนไหนของแม่
     
  3. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    จนกระทั่งเราเติบโตเรียนจบมัธยมต้น พ่อไม่ให้เรียนต่อมัธยมปลาย
    ต้องการให้ไปเรียนต่อสายวิชาชีพ พ่อบอกว่าสายวิชาชีพมีทางไปได้หลายทาง
    ซึ่งตอนนั้น อาจารย์ของพ่อได้ฝากเราเข้าไปเรียนพยาบาลที่โรงพยาบาลตำรวจ
    ชื่อของเราอยู่ที่นั่นแล้ว แต่ผิดคาด เพราะปีนั้น พยาบาลได้เปลี่ยนหลักสูตร
    รับนักเรียนที่จบมัธยมปลาย สายวิทย์ วุฒิมัธยมต้นเรียนได้แค่ผู้ช่วยพยาบาล
    จบแล้วเรียนต่อพยาบาลได้ แต่ต้องไปเรียนภาษาอังกฤษเพิ่ม คิดถึงค่าใช้จ่าย
    ในการเรียนและต้องไปอยู่หอพักที่โรงพยาบาล รู้สึกสงสารพ่อค่ะ
    ก็เลยตัดสินใจไม่เรียนดีกว่าพยาบาล ไม่ไปติดต่อเพื่อเข้าสอบ
     
  4. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เปลี่ยนเข็มทิศชีวิตเองค่ะ โดยไปซื้อใบสมัตรสอบเข้าทหาร
    ของโรงเรียนสรรพาวุธ เพราะว่าอยากเป็นทหารเรือ ชอบชุดขาว
    แม่ก็มาขอร้องอีกไม่ให้เรียนทหาร แม่บอกว่าเป็นทหารเดี๋ยวก็ตายอีก
    เราก็งง แม่บอกว่านิสัยเราไม่ยอมใคร ใจกล้าบ้าบิ่น
    ถ้าเป็นทหารแล้วไปออกรบคงจะสู้จนตัวตาย เพราะไม่ยอมให้ใครมาย่ำยี
    อดอีก..........555

    ชีวิตหักมุมหลายครั้งหลายครา
     
  5. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ขอนำภาพสวยๆ มาฝากค่ะ เป็นภาพที่เพื่อนคนนั้นส่งมาให้บ่อยๆ พร้อมทั้งบอกว่าอย่ามัวเสียเวลา ให้เร่งศึกษาและปฏิบัติ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 3a.jpg
      3a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      79.7 KB
      เปิดดู:
      78
    • 11a.jpg
      11a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      48.6 KB
      เปิดดู:
      105
    • 2a.jpg
      2a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      60.9 KB
      เปิดดู:
      79
  6. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ปณิธานแห่งการข้ามห้วงโอฆะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    มีผู้ส่งตราสัญลักษณ์เจ้าบาดาลมาให้ค่ะ
    และบอกว่านี่คือสัญลักษณ์แห่งเจ้าบาดาลทั้งหมด
    เป็นสัญลักษณ์ของกษัตริย์นาค เราสามารถไปเยือนบาดาลได้ทุกเวลา
    และยังบอกอีกว่า มีเพียงเรากับอีกผู้หนึ่งเพียงสองคนเท่านั้น
    ที่รู้ความหมายของสัญลักษณ์นี้เป็นอย่างดี....ที่เรารู้มันคือหน้าที่
    (วิชาการแพทย์ของพญานาค ซึ่งเกี่ยวกับการรักษาและเยียวยา)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เค้าส่งภาพนี้มาให้อีก
    และบอกว่าเราคือผู้ที่อยู่ในภาพลำดับที่ 2 (u r #2)
    เราเพิ่งนำภาพนี้กลับมาพิจารณาใหม่อีกครั้ง
    เค้าคนนั้นคือผู้ที่อยู่ในภาพลำดับ 1 นี่เอง
    เป็นลักษณะเดียวกันกับที่เราเห็นในนิมิตสมาธิ

    [​IMG]
     
  9. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    [​IMG]

    เมื่อนำภาพของตราสัญลักษณ์มาแยกองค์ประกอบ จะพบความหมายดังนี้ค่ะ
    ดวงตาทั้ง 3 หมายถึง การมองเห็นอดีต ปัจจุบันและอนาคต
     
  10. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    [​IMG]

    1. เป็นพญานาคกับครุฑรวมกัน อันหมายถึงพงศ์เผ่าวงศ์วานเดียวกัน เพราะมีพระบิดาองค์เดียวกัน

    2. วัชระ เป็นอาวุธของพระโพธิสัตว์หรือเจ้าผู้ครองสวรรค์ นั่นคือ พระอินทร์ค่ะ

    3. นาคเกี้ยว คงจะได้พบเห็นกันมาแล้ว นาคเกี้ยวเป็นวิชาสูงสุดของบาดาล มีเพียงกษัตริย์และเชื้อพระวงศ์เท่านั้นที่จะได้ร่ำเรียนวิชานี้

    4. ดาบหรือคฑาอาญาสิทธิ์ แสดงถึงอำนาจของผู้เป็นใหญ่ สั่งเป็นสั่งตายได้
     
  11. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    อ่านเจอมาค่ะ แบบฟลุ๊กๆ ไม่ตั้งใจ

    สีดวงจิตของพระโพธิสัตว์

    จากหนังสือ ธรรมะผ่าโลก

    สีฟ้า นับเป็นสีพิเศษที่มีการเกิด-ดับอยู่ตลอดเวลาเปรียบเสมือนญาณบารมีของพระโพธิสัตว์ มหาโพธิสัตว์ที่มีเมตตาบารมีอย่างสูงสุด ชอบช่วยเหลือเกื้อกูลต่อเพื่อนมนุษย์ สัตว์ เป็นผู้ที่มีความเสมอภาคเปี่ยมไปด้วยรักเมตตา

    ไม่ค่อยจะได้พบเห็นบ่อยนัก เพราะชอบหลบหลีกเร้นอยู่ในที่ที่มีความสงบ มีความเบื่อหน่ายต่อสภาวะของกิเลศตัณหาและความทะเยอทะยานทั้งหลาย แต่ยังมีความเมตตาช่วยเหลือเก้อกูลผู้ที่กำลังเข้าสู่การปฏิบัติ และชอบที่จะเข้าไปช่วยเหลือมวลมนุษย์ชาติที่ตั้งมั่นอยู่ในบุญกุศล

    เป็นผู้ที่สำรวมระวังกาย วาจายิ่งๆ เป็นผู้ที่ถือสัจธรรมตามแบบอย่างองค์สมเด็จพระชินสีห์มี ศีล ทาน บารมีครบองค์ประกอบของสัจธรรมที่เขาเรียกกันว่าบารมี 30 ทัศ เป็นผู้ให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนคอยดูแลสุขทุกข์ของผู้อื่น ไม่ใส่ใจในทุกข์สุขของตนเอง เปรียบเสมือนคนที่มีสมองเฉื่อยชา ไม่รู้ร้อน ไม่รู้หนาว แต่มีอำนาจ
     
  12. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ที่กล่าวว่าเป็นสีพิเศษนั่นก็ เพราะว่า นักปฏิบัติโดยทั่วไปเมื่อเริ่มฝึกฝนปฏิบัติต่อจิตไปชั่วระยะเวลาหนึ่งแล้วก็ต้องมาเจอเข้ากับสีฟ้านี่คือสีแห่งสัจธรรมทั่งปวงที่มีอยู่ในห้วงของจักรวาล เพราะนี่คือสีของพระอุปันนาระวิถี พระอุปจารวิถีหรือช่องว่างของผู้ปฏิบัติที่กำลังจะก้าวข้ามจากโลกีย์ไปสู่สภาวะของโลกุตตระ
     
  13. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    สีฟ้าจึงเป็นแต่เพียงสีสำหรับผู้ที่มุ่งหวัง ซึ่งมีความตั้งใจที่จะฝึกฝนปฏิบัติต่อจิตกันจริงๆ เท่านั้นจึงจะเจอ เพราะเป็นสีที่อยู่กึ่งกลางระหว่างทางโลกกับทางธรรมที่นักปฏิบัตทุกๆ คนต้องการจะไปให้ถึงกระแสนี้ให้จงได้ จึงนับได้ว่าสีฟ้าเป็นสีที่มีความสดใสงดงามมากที่สุด

    ถ้าเปรียบเทียบไปแล้วเท่ากับว่าเป็นญาณบารมีที่จิตอยู่ในขั้นมหาเทพ มหาพรหม อริยเทพ อริยพรหมที่กำลังปฏิบัติยิ่งๆ ในขั้นของพระอินทร์ พระพรหม พระยม พระกาฬ พระนารายณ์ ซึ่งเราเรียกกันว่า 5 มหาราช ที่ทำหน้าที่ในการช่วยเหลือมนุษย์ สัตว์ ให้พ้นไปจากกองทุกข์
     
  14. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    สามารถที่จะเข้าสู่ห้องอุททกาปิติเจ้า โอกันติกาปิติเจ้า อุเพงคาปิติเจ้า พรรณาปิติเจ้า ถ้าพูดในลักษณะตามหลักของการปฏิบัติเราเรียกจุดนี้ว่า ญาณทัศนะ 16 ที่ใครจะขึ้นหรือลงก็ขึ้นอยู่ ณ จุดนี้เอง

    เสมือนกับเป็นจุดทดสอบหรือเป็นจุดสุดท้ายในการฝึกฝนปฏิบัติต่อจิต ซึ่งเป็นบุญบารมีในขั้นสุดท้ายของนักปฏิบัติทั้งมวลก่อนที่จะเข้าสู่โลกุตรธาตุ ในกระแสแห่งพระนิพพานได้ก็ต้องผ่านจุดนี้ไปก่อน

    ซึ่งในขั้นของมหาโพธิสัตว์สามารถที่จะรู้ทางเข้าสู่กระแสของพระนิพพานได้เป็นอย่างดีแต่ไม่มีสิทธิ์เข้าเพราะพระอินทร์ พระพรหม พระยม พระกาฬ พระนารายณ์ โพธิสัตว์และมหาโพธิสัตว์ได้รับโองการกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอาไว้ว่า จะคอยช่วยเหลือดูแลพระพุทธศาสนาให้เป็นไปตามพุทธทำนาย จึงไม่มีสิทธิที่จะเข้าสู่กระแสนิพพาน
     
  15. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เพราะมีความปรารถนาในพุทธภูมิเหมือนกัน จึงต้องทำหน้าที่ในการสั่งสมบุญบารมีให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น เพื่อที่จะนำบุญบารมีเหล่านั้นมาช่วยเหลือเกื้อกูลต่อมวลมนุษย์สัตว์ผู้ยากไร้ให้รู้แนวทางของความพ้นทุกข์ผู้ที่กำลังปฏิบัติซึ่งกำลังตกอยู่ในสีนี้เปรียบเสมือนพระโพธิสัตว์และมหาโพธิสัตว์ เป็นสีที่เป็นอมตะมีความสดชื่น เยือกเย็น นิ่ง ลุ่มลึกยากที่จะหาสิ่งใดเปรียบได้ มีความปรารถนาให้ถึงซึ่งความเป็นพุทธะให้จงได้

    ปล. อ่านจบแล้วใจห่อเหี่ยวไปเลยนะ
     
  16. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ....ตามครรลอง....

    ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุปัจจัย ธรรมเหล่านั้นย่อมดับไปเป็นธรรมดา เมื่อหมดเหตุปัจจัย

    สรรพสิ่งล้วนเป็นไปตามครรลอง ความหมายของ "ครรลอง" ก็คือเส้นทางหรือแรงเคลื่อน ที่ธรรมนั้นๆ ถูกขับเคลื่อนไปตามกำลังของเหตุปัจจัย

    เหตุถูกต้อง ผลก็ถูกต้อง เหตุเป็นสัมมาทิฏฐิ ผลก็เป็นสัมมาทิฏฐิ
    เหตุผิดเพี้ยน ผลก็ผิดเพี้ยน เหตุเป็นมิจฉาทิฏฐิ ผลก็เป็นมิจฉาทิฏฐิ

    มิจฉาทิฏฐิ ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย แต่เป็นเรื่องที่ก่อให้เกิดอกุศลกรรม อกุศลจิต เกิดวิบากกรรมชั่ว เป็นอุปสรรคในการบรรลุมรรค บรรลุผล
    วนเวียนตายเกิด ตายเกิดอีกนับไม่ถ้วน ตามน้ำหนักเหตุปัจจัยของอกุศลวิบาก
     
  17. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    จ๊ะเอ๋!!! เอาของดีมาฝากกันตอนดึกๆ จ้าาาาาาา.....
    ก็อยากรู้เรื่องความแตกต่างของ "ธรรมดา" ในความเป็นปุถุชนกับความเป็นอริยชน
    ก็เลยค้นหามาอ่าน ไหนๆ ก็จะอ่านแล้วนำมาเผื่อแผ่ด้วยเลยแล้วกันนะ

    (เพราะเราชอบธรรมะ คุยเรื่องเหลวใหลได้ไม่นานก็ต้องเข้าโหมดธรรม)

    จิตอรหันต์ – จิตปุถุชน

    พระราชสังวรญาณ (หลวงพ่อพุธ ฐานิโย)
    วัดป่าสาลวัน อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา
    คัดจากฐานิยปูชา ๒๕๔๑


    พระอรหันต์ก็ยังร้องไห้ได้ การร้องไห้มันเป็นกิริยาของกายต่างหาก ตัวร้องไห้มันก็ร้องไป ตัวที่นิ่งเฉยอยู่มันก็นิ่ง... พระพุทธเจ้าปรินิพพาน พระปุถุชนโศกเศร้าเสียใจ พระอรหันต์ได้ธรรมสังเวช ธรรมสังเวชนี่แหละมันทำให้น้ำตาไหล ไม่ใช่ว่าพอสำเร็จอรหันต์แล้วมันจะไม่มีอะไร มันก็เหมือนกับปุถุชนธรรมดานี่แหละ แต่สิ่งที่ทำให้ท่านเกิดกิเลสเมื่อก่อนนี้มันหมดไป ความตื้นตัน ความปีติต่าง ๆ มันเป็นองค์ประกอบของสมาธิ มันก็ต้องมีอยู่เป็นเรื่องธรรมดา

    “หลวงปู่โกรธเป็นไหม”

    “โกรธเป็น แต่ไม่เอา”

    อันนี้คือคำตอบของหลวงปู่ดูลย์ ก็มันแสดงความรู้สึกขึ้นมาเฉย ๆ ว่า โกรธ แล้วท่านก็ไม่เอา
     
  18. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    หลวงพ่อก็เคยร้องไห้มาแล้ว ไปสวดมนต์ในวัง พอไปถึงแก่งคอย ก็ไปนึกถึงว่าพ่อตายอยู่ตรงนั้น ไหนจะลองกำหนดจิตอุทิศส่วนกุศลให้พ่อสักหน่อย พอกำหนดไปพั๊บ มองไปข้างหน้าสายตามันพร่า แล้วก็เห็นตาแก่คนหนึ่งแบกเด็กน้อยลอยผ่านหน้าไป ทีนี้พอลับสายตาไปจิตก็มานึกว่า พ่อแบกเรามาตั้งแต่เด็ก แล้วมันก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นขึ้นมาทันที คนที่นั่งมาในรถเขาก็ถามว่า หลวงพ่อเป็นอะไร ๆ ก็โบกมือ เฉย ๆ เดี๋ยวก็รู้ พออาการอย่างนั้นมันหายไป ก็เล่าให้เขาฟัง

    ปีติมันเกิดจากกายต่างหาก อย่างสมมติว่าเรามีเรื่องขำ เราหัวเราะเสียจนไส้ขดไส้แข็ง เราเมื่อยเกือบตาย เราไม่อยากหัวเราะ แต่มันก็อดไม่ได้ นั่นคือความเป็นเองของร่างกาย อันนี้มันได้หลักมาว่า ภายในตัวของเรานี่สมองเป็นผู้สั่งการ กองบัญชาการในสมอง ที่มันสั่งออกมานี่ ให้ร่างกายมันเตี้ย ให้ร่างกายมันโต ให้ร่างกายมันสูงโย่ง อันนี้เป็นเรื่องของสมองทั้งนั้น คำสั่งของสมองอันนี้หรือจิตดวงนี้ ตามหลักของการสะกดจิตเขาเรียกว่า จิตอิสระ จิตอิสระดวงนี้ จะคอยบังคับดูแล และใช้เครื่องจักรกลไกต่าง ๆ ในร่างกายให้ทำงานให้แก่เราอย่างตรงไปตรงมา

    อาการปีตินี่เป็นอาการที่จิตดื่มรสพระสัทธรรม มันเหมือนกับว่าเราอยากได้อะไรมาก ๆ พอได้สมประสงค์ก็เกิดปีติเหมือนกัน แต่ทีนี้สมมติว่าผู้ที่เป็นพระอรหันต์จริง ๆ นี่ เวลาท่านกำหนดจิตรู้อารมณ์ จิตมันก็ปรุงแต่งเหมือนคนธรรมดา ทีนี้ภายในสมาธิ มันก็เกิดนิมิตขึ้นมา ถ้าท่านรู้เรื่องอดีตชาติ ท่านก็แสดงอาการร้องไห้ ร้องไห้ในสมาธิ แต่ร้องไห้น้ำตาไม่ออก อย่างคนที่จิตยังไม่พ้นกิเลส พอได้นิมิตว่าชาติก่อนเราได้ไปเกิดเป็นอันนั้น ๆ ได้ไปทะเลาะตบต่อยตีกันที่ตรงนั้น พอรู้สึกอย่างนั้นก็ลุกขึ้นมากระโดดขโมงโฉงเฉง ทีนี้ความรู้ของพระอรหันต์นี่ท่านรู้ว่าชาตินั้นท่านเป็นอย่างนั้น ได้ทะเลาะเบาะแว้งกับคนนั้นคนนี้ มันก็แสดงอาการโกรธเคียดขึ้นมา แต่ความโกรธความเคียดกับจิตของท่านมันแยกกันไปคนละส่วน เหมือน ๆ กับบางครั้งที่จิตของเรามีอารมณ์เกิดขึ้น ๆ ๆ แต่มันเป็นกลางเฉย สิ่งรู้เป็นแต่เพียงอารมณ์จิต แล้วตัวเองไม่ได้ไปสวมสอดเข้าในเรื่องนั้น มันแยกเป็นคนละส่วน ทีนี้ผู้ที่รู้ยังไม่ถึงแก่นพอรู้เข้ามาพั๊บ ก็สำคัญว่าตัวเองอยู่ในปัจจุบันนั้น
     
  19. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เช่นอย่างพระองค์หนึ่ง เป็นหัวหน้าพระ ๓๐ รูป อุบาสิกาคนหนึ่งเป็นอุปัฏฐากอยู่ ภายหลังอุบาสิกาฟังเทศน์ฟังธรรม จากพระเหล่านั้นแล้ว ได้สำเร็จโสดาบัน พอสำเร็จโสดาบัน ท่านก็ตรวจสอบดูพระว่าท่านองค์ไหนได้บรรลุคุณธรรมหรือเปล่า ก็รู้ว่ายังไม่บรรลุ ขัดข้องเรื่องอะไร ขัดข้องเรื่องรสอาหาร บางท่านชอบเผ็ดชอบมันอะไรไม่ได้ตามใจ ก็ไปข้องอยู่ที่ตรงนั้น ภายหลังมาเมื่อท่านรู้แล้วว่าองค์ไหนชอบอะไร ทำให้ถูกใจหมด พอนึกขึ้นมาตอนกลางคืนอยากฉันสิ่งนั้น ตื่นเช้าก็มาแล้ว หนัก ๆเข้าพระอาย พากันไปกราบทูลพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็ถามว่าทำไมทิ้งอุบาสิกามาเสียเล่า พระก็ทูลว่าอยู่ด้วยไม่ได้หรอก คิดอะไรก็รู้หมด...อาย พระพุทธเจ้าท่านก็บอกว่า เขาเป็นมารดาของเธอมาหลายภพหลายชาติแล้ว มาชาตินี้แหละ เขาจะช่วยให้ท่านสำเร็จพระนิพพาน กลับไปอยู่กับเขา

    พระทั้งนั้นก็กลับไปอยู่กับอุบาสิกา พอกลับมา ก็ต้องมาสำรวมจิตสำรวมใจ ไม่ให้ยินดียินร้ายในรสอาหาร พิจารณาปัจจเวก ขณะขจัดความชอบหรือไม่ชอบ ทำจิตให้เป็นกลาง แล้วลูกน้องได้สำเร็จพระโสดาบัน อุบาสิกาได้สำเร็จพระสกทาคามีไป ๆ มา ๆ พระทั้งหลายได้สำเร็จพระอรหันต์ อาจารย์ใหญ่ได้เพียงพระโสดาบัน อุบาสิกาก็พิจารณาดูว่าพระเราสำเร็จแล้ว แต่อาจารย์ใหญ่นี่สำเร็จหรือยัง... ยังไม่สำเร็จ อยู่มาวันหนึ่ง ภูมิจิตเริ่มจะก้าวหน้า จะได้บรรลุปุพเพนิวาสานุสติญาณ ไประลึกขึ้นมาได้ว่า ชาติหนึ่ง ภพหนึ่ง อุบาสิกาคนนี้เป็นภรรยาของท่าน ไปคบกับโจร พอท่านไปรู้อย่างนั้นเข้า ท่านก็โกรธขึ้นมาอย่างแรง โกรธชนิดที่ว่า จิตกับอารมณ์แยกกันไม่ออก อุบาสิกาก็ส่งกระแสจิตไปเตือนว่า นึกต่อไปอีกชาติพระคุณเจ้า พอระลึกไปอีกชาติหนึ่ง ไปรู้ว่าชาตินั้นท่านผู้นี้ถูกโจรจับ มันจะฆ่า อุบาสิกานี่ก็เป็นภรรยาของโจร พอโจรมันจะฆ่า ภรรยาก็ขอร้องว่าอย่าไปฆ่าเขา เขาไม่มีความผิด แล้วก็ถูกปลดปล่อยไป ในเมื่อรู้อย่างนั้นก็มานึกถึงบุญคุณเขา ความโกรธมันก็ระงับลง ในที่สุดก็ได้สำเร็จพระอรหันต์
     
  20. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เพราะฉะนั้น เราโกรธด่าตีกันธรรมดา ๆ นี่ไม่สำคัญหรอก โกรธในสมาธินี่มันร้ายแรงที่สุด ดีไม่ดีระงับไม่อยู่กรรมฐานแตก

    เรื่องอสีติมหาสาวก ๘๐ รูปนี่ หลวงพ่อเรียนนักธรรมโทอ่านไป ๆ ๆ ร้องไห้ไป มันเกิดปีติ เช่นอย่างบางท่านนั่งทอหูกอยู่ กำหนดสติรู้เรื่อยไป พอทอหูกจบสำเร็จอรหันต์ก็มี พระเถระบางท่าน นั่งเทศน์สอนลูกศิษย์ พอเอวังลงไปสำเร็จอรหันต์ก็มี เพราะฉะนั้น การเทศน์การแสดงธรรมนี่ เราจึงถือว่าเราไม่ได้สอนคนอื่น แต่เรามานั่งให้คนอื่นสอบไล่เรา แล้วเราก็สอนเราเอง ถ้าไปคิดว่า เทศน์สอนคนอื่นแล้ว หลวงพ่อเทศน์ไม่เป็น ไม่รู้จะเอาอะไรไปสอนเขา เขาเก่งกว่าเราเสียอีก

    http://www.dharma-gateway.com/monk/preach/lp_poot/lp-poot_12.htm
     

แชร์หน้านี้

Loading...