บทความ...กระดานเล่าสู่กันฟัง

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย nouk, 19 ตุลาคม 2014.

  1. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    จิตเค้าพิจารณาไป ระลึกไปถึงอารมณ์ที่ครั้งหนึ่งเคยมองเห็นว่าเรามาคนเดียว และไปคนเดียว แม้แต่ร่างกายนี้ก็เอาไปด้วยไม่ได้ ไม่มีอะไรที่เป็นของเราอย่างแท้จริง ทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นบนโลกนี้ล้วนเป็นของโลกทั้งสิ้น
     
  2. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เป็นสภาวะที่เปรียบเสมือนเราแบมือออก ปลดปล่อยทุกสิ่งที่เคยยึดเกาะไว้อย่างแน่นหนา เวลานั้นใจมันเบามาก เบาชนิดที่เรียกว่าเป็นใจว่างๆ ไม่มีอะไรอยู่ในใจเลย ใจว่าง ใจเบา มันช่างต่างจากใจหนักที่เต็มไปด้วยกิเลสตัณหาอย่างเห็นได้ชัดเจนมาก.....
     
  3. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    อ่านเจอมาค่ะ เรื่องธรรมสังเวช

    "ธรรมสังเวช เป็นจุดเริ่มต้นของการภาวนา"

    [​IMG]
     
  4. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    หลายท่านอยากรู้ว่า อะไรเป็นจุดเริ่มต้นการปฏิบัติธรรม และเป็นเหตุให้การภาวนาธรรมทั้งปวงไม่เสื่อมคลายลง ซึ่งหลายท่านเกิดความสงสัยแม้กระทั่งตนเองและธรรมะ ว่าควรจะทำความเพียรอย่างไรที่จะไม่เสื่อมคลายวันนี้ จึงจะได้ตอบคำถามของท่านอีกหลายท่านคราเดียวกัน

    ธรรมทั้งปวง ล้วนมีเหตุและผลในตัว ไม่มีธรรมใดเกิดขึ้นโดยไม่อาศัยปัจจัยเนื่องซึ่งกันและกัน ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นธรรม ฝ่ายอกุศล ก็ต้องมีเหตุปัจจัย หนุนเนื่องด้วยกัน และธรรมที่เป็นกุศลด้วยก็เช่นกัน ก็ต้องมีธรรมที่เป็นเหตุปัจจัยสนับสนุนด้วยเช่นกัน

    ธรรมที่จะทำให้ ธรรมอื่นๆ ไม่ถดถอยลง เรียกว่า ธรรมสังเวช ภาษาทางการเรียกว่า นิพพิทา
     
  5. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ธรรมสังเวช หมายถึง ความสลดใจ นิพพิทา หมายถึง ความหน่าย

    ธรรมสังเวช เป็นเหตุ นิพพิทาเป็นผล

    การพอกพูนธรรมสังเวช เพื่อให้เกิดนิพพิทา จึงเป็นการสมควร
     
  6. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    วิธีการ พอกพูน ธรรมสังเวช

    1.จินตา คือ การพิจารณา พิจารณา รูป และ นาม ขันธ์ 5 พิจารณาอย่างไร พิจารณาว่า มีความเกิด เป็นธรรมดา เป็นต้น
    2.มนตรา คือ การสวดบทพิจารณา เช่น บทพิจารณาสังขาร บทอภิณหปัจจเวก เป็นต้น
    3.อักขรา คือ การศึกษา อักขระของพระธรรม มีเนื้อหา ด้วย ธรรม 2 ประการ คือ น้อมไว้ในใจ กระทำไว้ด้วยเหตุสมควร
    4.สุตา คือ การฟัง สดับพระธรรม คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ด้วยอาการเคารพ
    5.เสวนา คือ การสนทนากับ กัลยาณมิตร
    6.ภาวนา คือ การหมั่นภาวนา ให้รู้แ้จ้ง เห็นตามความเป็นจริง

    เหตุ 6 อย่างนี้เป็น เหตุให้เกิด ธรรมสังเวช ถ้าบุคคลใดเว้นจากเหตุ 6 ประการนี้ ธรรมสังเวช ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในบุคคลนั้น

    ดังนั้นท่านทั้งหลาย ที่ยังขาดธรรมสังเวช ข้อใด หรือ มีข้อใดเกินไป ก็ต้องปรับสมดุลย์ ส่วนใหญ่ ข้อที่ 6 จะมีน้อยกันเกินไป เท่าที่พบและประสบ

    เจริญธรรม

    สาระธรรมะวันนี้ "ธรรมสังเวช เป็นจุดเริ่มต้นของการภาวนา"
     
  7. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    [​IMG]

    ข้อย เป็นหลานย่าโม อยู่เมืองโคราชสุโข ไม่ใหญ่โต แต่ก็พอ ตัว
    พี่ มา จากกรุง อย่าทำมั่ว ซั่ว จะรักกันต้อง วางตัว ให้ดี ก่อนหนา

    ..อย่า..มองกันง่ายไป คนเมืองโคราชหัวใจ รักใครต้องจริง ดังว่า
    ไม่ จริง อย่ามาเว้าเสีย เวลา โปรดไปให้ไกลดีกว่า อย่าทำโมโห

    ..ถ้า จริง จริงจัง จริงใจแน่นอน ต้องไปสาบานเสียก่อน ต่อหน้าย่าโม
    ให้ย่ารู้ หลานสาวนั้นมีแฟนโก้ มีรักจริงใจไม่โอ่ แต่โชว์ความดี

    ..ย่า..ช่วยเป็นพยาน ให้รัก จริงใจของหลาน ชื่นบาน ชั่วนาตาปี
    ถ้า เขา หลอกลวง หลานช้ำฤดี ย่าจง อย่าไว้ชีวี สาปส่งไปเลย

    ...ถ้า จริง จริงจัง จริงใจแน่นอน ต้องไปสาบานเสียก่อน ต่อหน้าย่าโม
    ให้ย่ารู้ หลานสาวนั้นมีแฟนโก้ มีรักจริงใจไม่โอ่ แต่โชว์ความดี

    ..ย่า..ช่วยเป็นพยาน ให้รัก จริงใจของหลาน ชื่นบาน ชั่วนาตาปี
    ถ้า เขา หลอกลวง หลานช้ำฤดี ย่าจง อย่าไว้ชีวี สาปส่งไปเลย
     
  8. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ประวัติท้าวสุรนารี

    [​IMG]

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จวางพวงมาลา ณ.อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี วันที่ 2 พ.ย.2498

    ท้าวสุรนารี มีนามเดิมว่า "โม" (แปลว่า ใหญ่) หรือ "โม้" (ภาษาไทยสำเนียงโคราช) เป็นชาวเมืองนครราชสีมาโดยกำเนิด เกิดเมื่อปีเถาะ พ.ศ. 2314 ในแผ่นดิน พระเจ้าตากสินมหาราช สมัยกรุงธนบุรี มีนิวาสถานอยู่ ณ บ้านตรงกันข้ามกับวัดพระนารายณ์มหาราช (วัดกลางนคร) ทางทิศใต้ของเมืองนครราชสีมา
     
  9. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    นางสาวโม เป็นธิดาของ นายกิ่ม และ นางบุญมา (ในสมัยนั้นยังไม่มีนามสกุล) มีพี่สาวหนึ่งคนชื่อ แป้น ไม่มีสามี จึงอยู่ด้วยกันจนวายชนม์ มีน้องชายหนึ่งคน ไม่ปรากฏชื่อ (ภายหลัง ได้เป็น เจ้าเมืองพนมซร๊อก ต่อมามีการอพยพชาวเมืองพนมซร๊อก มาอยู่ ริมคูเมืองนครราชสีมาด้านใต้ จึงเอาชื่อเมือง พนมซร๊อก มาตั้งชื่อ บ้านพนมศรก ต่อมาเรียกเพี้ยนเป็น บ้านสก อยู่หลังสถานีรถไฟชุมทางถนนจิระ จนทุกวันนี้)

    เมื่อปี พ.ศ. 2339 นางสาวโม เมื่ออายุได้ 25 ปี ได้แต่งงานสมรสกับนายทองคำ พนักงานกรมการเมืองนครราชสีมา ต่อมานายทองคำ ได้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็น "พระภักดีสุริยเดช" ตำแหน่งรองปลัดเมืองนครราชสีมา นางโม จึงได้เป็น คุณนายโม และต่อมา "พระภักดีสุริยเดช" ได้เลื่อนเป็น "พระยาสุริยเดช" ตำแหน่งปลัดเมืองนครราชสีมา คุณนายโมจึงได้เป็น คุณหญิงโม
     
  10. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เครื่องยศพระราชทานแก่ท้าวสุรนารี

    ชาวเมืองนครราชสีมาเรียกท่านทั้งสองเป็นสามัญว่า "คุณหญิงโม" และ "พระยาปลัดทองคำ" ท่านเป็นหมันไม่มีทายาทสืบสายโลหิต ชาวเมืองนครราชสีมาทั้งหลายจึงพากันเรียกแทนตัวคุณหญิงโมว่า แม่ มีผู้มาฝากตัวเป็นลูก-หลานกับคุณหญิงโมอยู่มาก ซึ่งเป็นกำลัง และอำนาจส่งเสริมคุณหญิงโมให้ทำการ ใดๆ ได้สำเร็จเสมอ หนึ่งในลูกหลานคนสำคัญ ที่มีส่วนร่วมกับคุณหญิงโม เข้ากอบกู้เมืองนครราชสีมาจากกองทัพเจ้าอนุวงศ์ เวียงจันทน์ ณ ทุ่งสัมฤทธิ์ คือ นางสาวบุญเหลือ

    ท้าวสุรนารี เป็นคนมีสติปัญญาหลักแหลม เล่นหมากรุกเก่ง มีความชำนาญในการขี่ช้าง ขี่ม้า มีม้าตัวโปรดสีดำ และมักจะพาลูกหลาน ไปทำบุญที่วัดสระแก้วเป็นประจำเสมอท้าวสุรนารี ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อเดือน เมษายน พ.ศ. 2395 ( เดือน 5 ปีชวด จัตวาศก จศ. 1214 ) สิริรวมอายุได้ 81 ปี
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กรกฎาคม 2015
  11. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    [​IMG]

    ภาพพิธีเปิดอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี พ.ศ. 2477

    ทั้งนี้ได้อัญเชิญอัฐิของท่านนำมาบรรจุไว้ที่ฐานรองรับ และประดิษฐานไว้ ณ ที่หน้าประตูชุมพล อนุสาวรีย์หล่อด้วยทองแดงรมดำ สูง 1.85 เมตร หนัก 325 กิโลกรัม ตั้งอยู่บนฐานไพที สี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสองซึ่งบรรจุอัฐิของท่าน แต่งกายด้วยเครื่องยศพระราชทาน แบบโบราณ คือนุ่งผ้ายกทอง ห่มด้วยสไบกรองทองมีตะกรุดพิสมรมงคลสามสายทับสไบ สวมตุ้มหู อยู่ในลักษณะมือขวากุมดาบปลายชี้ลงพื้นมือซ้ายท้าวสะเอว หันหน้าไปทางทิศตะวันตกซึ่งเป็นที่ตั้งกรุงเทพฯ นับเป็นอนุสาวรีย์ของสามัญชนสตรี คนแรกของประเทศ เริ่มก่อสร้างในปี 2476 แล้วเสร็จ และ มีพิธีเปิดอนุสาวรีย์เมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2477

    ในงานพิธีเปิดนี้ จึงได้มีการสร้างเหรียญไว้เป็นที่ระลึก โดยมี สมเด็จมหาวีรวงศ์ (ติสโส อ้วน) เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และพระคณาจารย์สายพระอาจารย์มั่น - พระอาจารย์เสาร์ ร่วมพิธีปลุกเสกที่ วัดสุทธจินดา ชาวเมืองนครราชสีมารัก และหวงแหนเหรียญรุ่นนี้กันมาก เพราะถือกันว่านี่คือ เหรียญแห่งชัยชนะ เพื่อศรีสง่าแห่งบ้านเมือง และเชิดชูเกียรติ ท้าวสุรนารี วีรสตรีไทยตลอดกาลและทางกรมศิลปากร ได้ขึ้นทะเบียนอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี เป็นโบราณสถานวัตถุแห่งชาติ เมื่อวันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2480
     
  12. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เมื่อ วันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2524 เวลา 14.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงวางพวงมาลา ณ อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ในโอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานบรมราโชวาทมีความตอนหนึ่งว่า

    ....ท้าวสุรนารี เป็นผู้ที่เสียสละเพื่อให้ประเทศชาติได้อยู่รอดปลอดภัย
    ควรที่อนุชนรุ่นหลัง จะได้ระลึกถึงคุณงามความดีของท่าน
    บ้านเมืองทุกวันนี้เป็นสิ่งที่ต้องหวงแหน การหวงแหน คือ ต้องสามัคคี
    รู้จักหน้าที่ ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน ชาวนครราชสีมาได้แสดงพลังต้องการ
    ความเรียบร้อย ความสงบ เป็นปัจจัยสำคัญทำให้ชาติกลับปลอดภัยอีกครั้งหนึ่ง
    แม้ว่าสถานการณ์รอบตัวเราและรอบโลก จะผันผวนและ ล่อแหลมมาก
    แต่ถ้าทุกคนเข้มแข็ง สามัคคี กล้าหาญ และเอื้อเฟื้อต่อกันชาติก็จะมั่นคง...


    ย่าโม กลายเป็นสัญลักษณ์ของชาวโคราชกระทั่งเรียกชื่อจังหวัดนี้ว่า "เมืองย่าโม" แม้โคราชจะเป็นพื้นที่กว้างใหญ่ที่สุดในประเทศ สามารถแยกการปกครองได้เป็นอีกจังหวัดหนึ่ง แต่ชาวโคราชส่วนมากไม่ยินยอมเพราะนั่นหมายถึงการออกจากความเป็นลูกหลานย่าโม
     
  13. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    คงจะได้ยินได้ฟังเรื่องพระมาลัยกันมาบ้างแล้วนะคะ ทีนี้ อยากรู้ล่ะซิ ว่าพระมาลัยเป็นใคร?

    พระมาลัยคือใคร?

    [​IMG]

    ในตำนานกล่าวว่า พระมาลัยเป็นพระอรหันต์จากลังกา เป็นพระที่ได้บรรลุอิทธิวิธี คือสามารถแสดงฤทธิ์ได้ ด้วยอานิสงส์จากการถวายทานและปฏิบัติฌานสมาบัติ พระมาลัยได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้มีฤทธิ์รองลงมาจากพระมหาโมคคัลลานะ ซึ่งได้รับยกย่องในเอตทัคคะในด้านผู้มีฤทธิ์มาก

    เรื่องพระมาลัยเป็นตำนานเล่าขานในประเทศที่นับถือพุทธศาสนาแบบเถรวาททั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยและในประเทศลาว

    ในเรื่องเล่าว่าพระมาลัยได้ลงไปในนรกและได้ไปสอนธรรมโปรดชาวนรก ท่านได้ไปรู้ไปเห็นว่าสัตว์นรกถูกลงโทษตามผลกรรมตามนรกขุมต่างๆ อย่างไรบ้าง
     
  14. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    หลังจากกลับคืนสู่โลกมนุษย์แล้ว พระมาลัยได้รับดอกบัวจากชายยากจนผู้หนึ่ง ซึ่งได้อธิษฐานในขณะถวายดอกบัวว่าขออานิสงส์ของทานนี้จงเป็นปัจจัยให้ตนได้พ้นจากความยากจน

    จากนั้นพระมาลัยได้ขึ้นไปบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์แล้วได้นำดอกบัวที่รับจากชายยากจนผู้นั้นขึ้นไปบูชาพระสถูปจุฬามณี ซึ่งเป็นที่บรรจุพระเกศโมฬีของพระโพธิสัตว์ที่พระองค์ตัดมอบให้แก่ท้าวมหาพรหมเมื่อครั้งที่พระองค์เสด็จออกผนวช
     
  15. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เมื่อตอนที่อยู่บนสวรรค์ พระมาลัยและพระอินทร์เจ้าแห่งสวรรค์ขั้นดาวดึงส์ได้สนทนากันในเรื่องการสร้างบุญกุศลเป็นอเนกประการ และในที่สุดพระมาลัยได้พบกับพระศรีอริยเมตไตรย

    ซึ่งจะลงมาตรัสรู้ในโลกนี้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไป พระศรีอริยเมตไตรยได้ฝากคำของท่านมาถึงชาวโลกมนุษย์ว่าให้สร้างบุญกุศล ทำแต่คุณงามความดีไว้ก็จะได้รับผลจากคำสอนของท่านเมื่อท่านมาสู่โลกนี้ในอนาคต พระมาลัยเมื่อกลับคืนสู่โลกมนุษย์แล้ว ก็ได้นำเรื่องที่ท่านได้พบเห็นในนรกและในสวรรค์ และรวมทั้งคำสอนของพระศรีอริยเมตไตรยมาบอกกล่าวแก่ชาวโลก
     
  16. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ขอออกตัวก่อนนะคะว่าเราไม่ใช่คนโคราช 555 แต่มีความสนใจเรื่องราวประวัติของโคราชค่ะ

    วันนี้ขอนำเสนอเรื่องเพลงโคราช

    [​IMG]

    ประวัติของเพลงโคราชนั้นมีการเล่าขานกันมาว่า มีนายพรานคนหนึ่งชื่อ เพชรน้อย ออกไปล่าสัตว์ ในเขตหนองบุนนาก บ้านหนองบุนนาก อำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา คืนหนึ่งแกไปพบลูกสาวพญานาค ขึ้นมาจากหนองน้ำ มานั่งร้องเพลงคนเดียว พรานเพชรน้อยได้ยินเสียง จึงแอบเข้าไปฟังใกล้ ๆ แกประทับใจ ในความไพเราะ และเนื้อหาของเพลง จึงจำเนื้อและทำนองมาร้องให้คนอื่นฟัง ลักษณะเพลงที่ร้องเป็นเพลงก้อม หรือเพลงคู่สอง


    อีกตำนานหนึ่งเล่าว่า ชาวโคราชได้เพลงโคราชมาจากอินเดีย โดยพระยาเข็มเพชรเป็นผู้นำมาพร้อมๆ กับลิเก และลำตัด โดยให้ลิเกอยู่กรุงเทพฯ ลำตัดอยู่ภาคกลาง และเพลงโคราชอยู่ที่นครราชสีมา เพลงโคราชระยะแรกๆ เป็นแบบเพลงก้อม คนที่เรียนรู้เพลงโคราช จากพระยาเข็มเพชร ชื่อตาจัน บ้านสก อยู่ "ซุมบ้านสก" ติดกับ สถานีรถไฟชุมทางถนนจิระ
     
  17. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ตำนานทั้งสองถึงเม้จะต่างกันในด้านกำเนิดแต่ตรงกันอย่างหนึ่งที่กล่าวว่าเพลงโคราชระยะแรกเล่นแบบเพลงก้อม

    ก้อม เป็นภาษาโคราชและภาษาอีสาน แปลว่า สั้น เพลงก้อมหมายถึง เพลงสั้น ๆ ว่าโต้ตอบกล่าวลอย ๆ ทั้งที่มีความหมายลึกซึ้ง หรือไม่มีความหมายเลยก็ได้
     
  18. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เพลงโคราชจะเริ่มเล่นตั้งแต่เมื่อใด ไม่ปรากฏหลักฐานที่แน่ชัด หลักฐานจากคำบอกเล่าต่อ ๆ กันมา มีเพียงว่า สมัยท้าวสุรนารี ( คุณย่าโม ) ยังมีชีวิตอยู่ ( พ.ศ. 2313 ถึง 2395 ) ท่านชอบเพลงโคราชมาก

    เรื่องราวของเพลงโคราชได้ปรากฏหลัดฐานชัดเจน คือในปี พ.ศ. 2456 ที่สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง เสด็จมานครราชสีมาทรงเปิดถนนจอมสุรางค์ยาตร์ และเสด็จไปพิมาย ในโอกาสรับเสด็จครั้งนั้น หมอเพลงชายรุ่นเก่าชื่อเสียงโด่งดังมากชื่อนายหรี่ บ้านสวนข่า ได้มีโอกาสเล่นเพลงโคราชถวาย เพลงที่เล่นใช้เพลงหลัก เช่น กลอนเพลงที่ว่า

    " ข้าพเจ้านายหรี่อยู่บุรีโคราชเป็นนักเลงเพลงหัด บ่าวพระยากำแหง ฯ เจ้าคุณเทศา ท่านตั้งให้เป็นขุนนาง .....ตำแหน่ง "

    ความอีกตอนเอ่ยถึงการรับเสด็จว่า
    " ได้สดับว่าจะรับเสด็จเพื่อเฉลิมพระเดชพระจอมแผ่นดิน โห่สามลา ฮาสามหลั่นเสียงสนั่น....ธานินทร์ "
     
  19. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ( สมเด็จพระพันปีหลวง ทรงเป็นผู้บังคับการพิเศษประจำกรมทหารม้านครราชสีมา จนถึง พ.ศ. 2462 เมื่อเสด็จนครราชสีมา นายหรี่ สวนข่า ก็มีโอกาสเล่นเพลงถวาย ) เพลงโคราชมีโอกาสเล่นถวายหน้าพระที่นั่งในงานชุมนุมลูกเสือครั้งที่ 1 ในนามการแสดงมหรสพของมณฑลนครราชสีมา เกี่ยวกับกำเนิดของเพลงโคราช มีทั้งที่เป็นคำเล่าและตำนานหลักฐานจากคำบอกเล่าของหมอเพลงอีกจำนวนหนึ่งเล่าต่อ ๆ กันมาว่า ในสมัยรัตนโกสินทร์มีสงครามระหว่างไทยกับเขมร เมื่อไทยชนะสงครามเขมรครั้งไร ชาวบ้านจะมีการเฉลิมฉลองชัยชนะ ด้วยการขับร้องและร่ายรำกันในหมู่สกที่เขาเรียกว่า " ซุมบ้านสก " ใกล้ ๆ กับชุมทางรถไฟ ถนนจิระและเริ่มเล่นเพลงโคราชกันที่หมู่บ้านนี้ ท่าทางการรำรุกรำถอย และการป้องหู มีผู้สันนิษฐานว่าประยุกต์มาจากการเล่นเจรียง ที่เป็นเพลงพื้นบ้านของชาวสุรินทร์ผสมผสาน กับเพลงทรงเครื่องของภาคกลาง

    อ้างอิงจากhttp://www.geocities.com/koracha130/pako.htm
     
  20. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 กรกฎาคม 2015

แชร์หน้านี้

Loading...