ใครศรัทธา หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด มาพูดคุยกันครับ

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย คุณสนุก, 4 พฤศจิกายน 2010.

  1. แคนคูน

    แคนคูน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +28
    เรียนท่านผู้รู้ครับ

    ใช่มวลสารหลวงปู่ทวด2497หรือไม่ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 55.jpg
      55.jpg
      ขนาดไฟล์:
      103.6 KB
      เปิดดู:
      161
  2. คนตลาดพลู

    คนตลาดพลู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    3,439
    ค่าพลัง:
    +12,519
    หลวงปู่ทวดเนื้อครั่งพุทธา หลวงพ่อทองสุข วัดโตนดหลวง

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  3. phattharaphong

    phattharaphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    758
    ค่าพลัง:
    +11,459

    หลวงพ่อทวดหัวมวย เป็นพระสงฆ์ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น หัวมวยนี้เชื่อว่าเป็นก้อนเนื้องอกบริเวณศรีษะของท่าน ซึ่งท่านเป็นพระภิกษุคนละรูปกับหลวงพ่อทวดเหยียบทะเลจืด วัดช้างให้ เนื่องจากคำว่าเรียกว่า พ่อทวด เป็นคำที่ชาวใต้ใช้เรียกพระภิกษุซึ่งบรรลุธรรมชั้นสูง เมื่อท่านละสังขารไปแล้ว ดวงวิญญาณอันศักดิ์สิทธ์ยังคงสถิตย์ในสถานที่ท่านเคยอยู่ เช่น หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด วัดช้างให้ หลวงพ่อทวดนวล วัดตุยง หลวงพ่อทวดฉิม วัดทุ่งพลา หลวงพ่อทวดหนอน เขามะรวด หลวงพ่อทวดไกร วัดลำพระยา หลวงพ่อทวดบุญฤทธ์ วัดศรีมหาโพธิ์ หลวงพ่อทวดเอียด วัดบู หลวงพ่อสีพุฒ วัดกะโผ๊ะ หลวงพ่อทวดพุ่ม วัดไร่ หลวงพ่อทวดหมาน หลวงพ่อทวดสิทธิชัย วัดทรายขาว หลวงพ่อทวดลิ้นดำ ทุ่งเมรุ หลวงพ่อทวดไชยสิทธิ์ หลวงพ่อทวดย่ามใหญ่ หลวงพ่อทวดหัวมวย เป็นต้นครับ
     
  4. puniw

    puniw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    742
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,058
    มายากลหรือจะสู้ปาฏิหาริย์

    นายเฉลิมสวรรค์ ไพบูลย์พันธ์ หรือฟิลิป มายากล นักมายากลชื่อดัง เปิดเผยเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ว่า เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ไปแสดงมายากล ในงาน ททท. งาน "มหัศจรรย์ใต้ฟ้าพระบารมี" ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระหว่างการแสดงนั้น ได้นำกล้องถ่ายรูปยี่ห้อ แคนนอน 7D ซึ่งเพิ่งจะซื้อมาในราคา 65,000 บาท โดยได้วางกล้องเอาไว้หลังเวที หลังจากการแสดงที่ศูนย์ประชุมสิริกิติ์จบ ต้องไปแสดงต่อ ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ด้วยความรีบเร่งจึงลืมหยิบกล้องที่วางไว้หลังเวทีออกไปด้วย

    ฟิลลิป นักมายากล กล่าวต่อว่า ต้นเหตุที่ทำให้ลืมกล้อง เพราะผมสงสารนกที่เสกออกมาแล้วบินขึ้นไปแกาะ บนฉากของเวทีสูงประมาณ 7 เมตร จึงตัดสินใจเดินไปหลังเวทีแล้วเรียกนก นกจำเสียงได้จึงบินลงมาหา ด้วยความดีใจจึงทิ้งกล้องไว้ มารู้อีกทีตอนจะแสดงที่หัวหินแล้ว ขากลับตัวเองได้กล่าวอธิฐานบนกับภาพหลวงพ่อทวดที่ตัวเองติดไว้ในรถ 3ภาพ โดยทีมงานในรถได้ยินกันทั่วหน้า ว่า หากได้กล้องคืน จะไปแสดงมายากลให้ท่านดูถึงที่วัดช้างไห้ จ.ปัตตานี ในคืนนั้นทั้งคืนได้ประสานงานไปยังศูนย์สิริกิติ์แผนกของหายแต่ก็ไร้วี่แวว จึงได้ประสานงานไปยังเจ้าหน้าที่ของ ททท.แต่ก็ไม่มีผลคืบหน้า กลับมาถึงบ้านจุดธูปเทียนบนหลวงพ่อทวดอีกครั้ง และรุ่งเช้าก่อนออกจากบ้านก็ยังจุดธูปเทียนบนบานอีกรอบ

    "กระทั่งเวลาประมาณ 10 โมงจึงได้รับโทรศัพท์มีข่าวมาบอกว่า เจอกล้องถ่ายรูปแล้ว โดยเจ้าหน้าที่ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้เก็บกล้องถ่ายรูปเอาไว้ให้" นายเฉลิมสวรรค์ กล่าว

    นักมายากลชื่อดัง กล่าวว่า ดีใจมากที่ได้กล้องถ่ายรูปคืนมา ดังนั้น เมื่อวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา ตนพร้อมทีมงาน และนักมายากลจาก อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จะเดินทางไปเปิดการแสดงมายากลที่วัดช้างไห้ จ.ปัตตานี เวลา 11.00 น. เพื่อแก้บนโดยก่อนไปได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ของวัด และนายกเทศมนตรีเมืองปัตตานี โดยในการแสดงนั้นมีเด็กนักเรียนและชาวบ้านที่อาศัยอยู่รอบๆ วัดมาดูการแสดงจำนวนมาก

    "ผมและทีมงานได้แสดงกันอย่างเต็มที่ รู้สึกมีความสุขมากที่เห็นเด็กๆ และชาวบ้านมีความสุข หลังการแสดง หลายคนเข้ามาจับมือและพูดคุยด้วย พวกเขาบอกว่าในพื้นที่เงียบมานานแล้ว ไม่ค่อยมีคนจากข้างนอกเข้ามา เพราะกลัวเหตุการความไม่สงบ แต่ผมกลับรู้สึกว่าคนที่นั้นอัธยาศัยดีและเป็นมิตร ระหว่างการแสดง เราก็ได้สอดแทรกสอนเด็กๆ ไปว่า มายากล ไม่ใช่สิ่งที่สนุกสนานเท่านั้น แต่มันคือจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ที่สามารถทำได้ด้วยตัวเองจากการเรียนรู้และฝึกฝน" นายเฉลิมสวรรค์ กล่าว:cool:


    Cr : มติชน ออนไลน์
    [​IMG]
     
  5. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    กราบหลวงพ่อทวดค่ะ
    สวัสดีญาติธรรม

    หลังจากกลับจากวัดช้างให้ เมื่อวันที่มีพิธีเททองพระที่วัดช้างให้ และได้รับพระแจก
    กลับมาถึงหาดใหญ่

    แวะไปหาต้นมณฑา ได้มาหนึ่งต้น...(ต้นเล็ก)
    เมื่อเข้าเริ่มพรรษาที่ผ่านมาดอกมณฑาออกดอกแล้วค่ะ...
    เพิ่งเห็นดอกจริงครั้งแรก
     
  6. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    กำลังให้น้องช่วยร่างภาพ
    หลวงพ่อทวดปางธุดงค์ กับ ทรงเรืออยู่ค่ะ...

    จะสร้างถวายให้กับวัดสุวรรณคีรี
    ซึ่งจะมีพิธีพุทธาภิเษก ในช่วงราววันที่ 13 พย.58 นี้
    ซึ่งทางวัดได้สร้างพระ และทำการพุทธาภิเษกในวันดังกล่าว

    พระเกจิอาจารย์ร่วมพุทธาภิเษก
    อ.ผัน
    อ.คลังแสง
    อ.แดง บ้านไร่
    ฯลฯ..

    ส่วนยันต์อักขระ จะให้พระอาจารย์ท่านเขียนให้อีกครั้งค่ะ...
    แล้วจะมาเล่าเรื่องราว อีกครั้งนะคะ...
    ว่าไปที่ไหนบ้าง ก่อนเข้าพิธีที่วัดสุวรรณคีรี.....
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 สิงหาคม 2015
  7. raewat

    raewat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    126
    ค่าพลัง:
    +146
    แชร์ประสบการ์ณก้างปลาติดคอ

    เมื่อ 10 ปีก่อนคุณแม่ทานปลา ก้างติดคอ ก้างยาวประมาณ 2 นิ้ว
    ไปหาหมอ หมอ X-Ray บอกให้นอนโรงพยาบาล เดี๋ยววันรุ่งขึ้นจะเอาออกให้

    คุณแม่นึกถึงหลวงปู่ทวด ทำน้ำมนต์มที่โรงพยาบาลใช้เหรียญแช่ลงไปในน้ำแล้วท่องคาถาหลวงปู่ ดื่มน้ำมนต์ไม่ถึง 1 นาที รู้สึกคันคอ พอเข้าห้องน้ำไอก้างปลาออกมา กลับบ้านได้เลยหมอก็งงเหมือนกัน :)

    ที่บ้านผมพอก้างปลาติดคอก็ขอน้ำมนต์หลวงปู่ครับ ดื่มไปแล้วรู้สึกว่าก้างหายไปเลยครับ แนะนำคนข้างบ้านก็ได้ผลเหมือนกันครับ

    ปรกติที่บ้านอารธนาเหรียญรุ่น 4 ของวัดช้างไห้ทำน้ำมนต์ครับ ข้างบ้านอารธนาเหรียญรุ่นใหม่ก็ได้ผลดีเหมือนกันครับ

    ความศักสิทธิ์อีกอย่างของหลวงปู่ที่เห็นได้ชัดครับ
     
  8. puniw

    puniw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    742
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,058
    ปสก.จากทายาทผู้สร้างหลวงปู่ทวดรุ่นแรก

    นายประยูรเดช คณานุรักษ์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปัตตานี ในฐานะลูกหลานพระจีนสายคณานุรักษ์ บอกว่า นับตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษมาจนถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน ทุกคนล้วนมีความผูกพันกับ “วัดช้างให้" เป็นอย่างมาก ด้วยประการแรกเป็นศาสนสถานที่ตั้งอยู่ใกล้บ้าน และในยุคอดีตปู่ ย่า ตา ยาย ได้ร่วมทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาด้วยการบูรณะวัดแห่งนี้ร่วมกับ “พระอาจารย์ทิม ธัมมธโร” เจ้าอาวาสวัดช้างให้ ในขณะนั้น ที่สำคัญคือ ในการสร้างพระหลวงพ่อทวด เนื้อว่าน รุ่นแรก แห่งวัดช้างให้ เมื่อ พ.ศ.๒๔๙๗ กรรมการฝ่ายฆราวาส มีนายอนันต์ คณานุรักษ์ นายชาติ สิมสิริ นายกวี จิตกุล นายวิศิษฐ์ คณานุรักษ์ นายวิทยา คณานุรักษ์ นายสุนันท์ คณานุรักษ์ และนายจำรูญ คณานุรักษ์ เห็นได้ว่าเกือบทั้งหมดล้วนมาจากครอบครัวตระกูล “คณานุรักษ์”

    สำหรับเรื่องราวความอัศจรรย์จากหลวงพ่อทวดนั้น “ประยูรเดช” เล่าว่า หลายปีก่อนได้เกิดอาการเลือดกำเดาไหลไม่หยุด ต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลใน จ.ปัตตานี แต่ก็ไม่สามารถระงับเลือดได้ จึงถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลที่หาดใหญ่ แม้จะถึงมือแพทย์ที่หาดใหญ่ แต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้น โดยพยาบาลพยายามห้ามเลือดก็ไม่ยอมหยุด จนรู้สึกว่าร่างกายอ่อนเพลียมาก จึงอธิษฐานจิตขอให้หลวงพ่อทวดช่วยด้วย เพราะชีวิตยังมีภาระข้างหน้าอีกมากมาย จะตายในเวลานี้ไม่ได้
    ปรากฏว่า มีภาพใบหน้าพระภิกษุคล้ายกับหลวงพ่อทวด ขนาดบูชา พ.ศ. ๒๕๐๒ ห่มจีวรเป็นผ้าแพรไหมสีเข้ม มาบ้วนน้ำหมากให้ และอีกไม่นานเลือดกำเดาหยุดไหล ร่ายกายก็ฟื้น และลุกขึ้นจากเตียงได้ชนิดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ท่ามกลางความตกตะลึงของหมอ
    ไม่เพียงเท่านั้น ย้อนกลับไปในยุคที่ “ประยูรเดช” ทำหน้าที่ทนายความ ระหว่างเดินทางไปพบลูกความที่ อ.เบตง ในช่วงค่ำ ปรากฏว่า ฝนตกหนัก และเกิดเหตุดินสไลด์ตรงหน้า ทำให้ต้องบังคับพวงมาลัยรถเพื่อหักเลี้ยวหลบดิน และหินที่ร่วงจากหน้าผา จนรถเสียหลักเบรกไม่อยู่ แต่จู่ๆ รถเกิดดับ จอดนิ่งสนิทข้างทาง เมื่อลงจากรถพบว่า ยานพาหนะจอดอยู่ปากเหวลึก ซึ่งขณะนั้นในคอมีเพียง “หลวงพ่อทวด หลังเตารีด” เพียงองค์เดียว

    ปัจจุบัน ประยูรเดช นิมนต์พระหลวงพ่อทวด หลังเตารีด ปี ๒๕๐๕ ติดตัวตลอดเวลา ส่วนพระหลวงพ่อทวด เนื้อว่าน รุ่นแรก ปี ๒๔๙๗ นั้น นอกจากแจกจ่ายให้ญาติพี่น้องในครอบครัวจนหมดแล้ว ในยุคนั้นยังมอบให้เพื่อนฝูงและคนรู้จัก เพื่อให้ได้รับบุญบารมีและความศักดิ์สิทธิ์จากหลวงพ่อทวดไปคุ้มครองโดยทั่วหน้ากัน
    พร้อมกันนี้ ประยูรเดช พูดทิ้งท้ายไว้อย่างน่าคิดว่า “สมัยเด็กจำได้ว่า ผมแขวนพระหลวงพ่อทวด เนื้อว่าน รุ่นแรก แทบทุกพิมพ์ เพราะไปหาพระอาจารย์ทิม ครั้งใดก็จะได้รับมอบพระหลวงพ่อทวดเสมอ บางครั้งพ่อก็นำมาจากวัดใส่ขันหมากมาแจกชาวบ้าน จนกระทั่งโตขึ้นมา พระรุ่นดังกล่าวก็ไปอยู่กับญาติพี่น้องและเพื่อนๆ กันหมด ทั้งนี้หากเราตั้งมั่น และศรัทธาในพระหลวงพ่อทวด วัดช้างให้ ขอให้ตั้งมั่นอยู่ในกรอบของความดี หมั่นสวดมนต์เจริญจิตภาวนา เชื่อว่าไม่ว่าจะแขวนพระหลวงพ่อทวดรุ่นใด ก็จะสัมผัสได้ถึงพุทธคุณ และความศักดิ์สิทธิ์ได้เป็นแน่แท้ เฉกเช่นเดียวกับเมื่อยามเผชิญภาวะคับขัน ผมจะระลึกถึงหลวงพ่อทวดเสมอ เหตุการณ์ร้ายก็ผ่านพ้นไปทุกครั้ง”
    :cool:


    [​IMG]
     
  9. puniw

    puniw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    742
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,058
    โดนยิง 21 นัด

    ขอแชร์ ปสก.เพื่อนในเฟสครับ ชายคนนี้โดนลอบยิง21นัด ไม่เข้า มีเพียงรอยนิดหน่อย สาธุๆๆ :cool:


    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
     
  10. joke7

    joke7 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2012
    โพสต์:
    96
    ค่าพลัง:
    +153
    สวัสดีครับพี่ๆ พอดีเช่าพระมาใหม่รบกวนทุกท่านช่วยดูให้หน่อยนะครับ ว่าเป็นรุ่นไหนกันบ้าง ขอบคุณครับ.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image.jpg
      image.jpg
      ขนาดไฟล์:
      893.4 KB
      เปิดดู:
      149
  11. ล้างใจ

    ล้างใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    7,268
    ค่าพลัง:
    +24,819
    ขอบารมีหลวงพ่อทวด คุ้มครอง ทุกท่าน
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image.jpg
      image.jpg
      ขนาดไฟล์:
      966.2 KB
      เปิดดู:
      2,181
  12. kruoleja

    kruoleja สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2015
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    ลงรูปยังไงครับ
     
  13. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    ขอแทรกธรรมะสำหรับผู้รักหลวงปู่ดู่หลวงปู่ทวดนะครับ

    [​IMG]

    อ่านเพิ่มเติมได้ที่ เตือนรอยธรรมย้ำคำครู;รวมรูปประกอบคำสอนหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญครับ

    เตือนรอยธรรมย้ำคำครู;รวมรูปประกอบคำสอนหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญครับ
     
  14. ชาวพุทธแท้

    ชาวพุทธแท้ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +55
    หลวงพ่อทวด รุ่นเลื่อนสมณศักดิ์ 08 แท้มั้ยท่านผู้รู้ช่วยตอบให้ด้วย ขอบคุณครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. mature_na

    mature_na เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    4,557
    ค่าพลัง:
    +6,760
    ขอแทรกธรรมะสำหรับผู้รักหลวงปู่ดู่หลวงปู่ทวดอีกเป็นช่วงๆนะครับ
    หวังว่าท่านเจ้าของกระทู้และเพื่อนสมาชิกจะได้อิ่มเอมในธรรมร่วมกันครับ



    [​IMG]
    อ่านเพิ่มเติมได้ที่ เตือนรอยธรรมย้ำคำครู;รวมรูปประกอบคำสอนหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญครับ

    เตือนรอยธรรมย้ำคำครู;รวมรูปประกอบคำสอนหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญครับ
     
  16. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    หลังจากกลับจากวัดช้างให้เมื่อวันที่ 20 มิย.58
    (เมื่อพิธีหล่อพระที่วัดช้างให้)
    กลับถึงหาดใหญ่แวะไปเอาต้นมนฑามาปลูกที่บ้านค่ะ..

    ปรากฏว่าออกดอก ช่วงเข้าพรรษาพอดี ถ่ายภาพเก็บตลอด
    ดอกออกมาตอนแรกก็คิดว่าเป็นสีเหลือง แต่ออกมาสีขาว
    ได้เห็นดอกเพียงวันเดียวดอกก็ร่วง เพราะฝนตกหนัก

    แปลกมากค่ะวันดีตลอดเลย....

    http://palungjit.org/attachments/a.3512748/
    http://palungjit.org/attachments/a.3512755/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_20150620_170855.jpg
      IMG_20150620_170855.jpg
      ขนาดไฟล์:
      138.7 KB
      เปิดดู:
      89
    • IMG_20150620_171204.jpg
      IMG_20150620_171204.jpg
      ขนาดไฟล์:
      181.8 KB
      เปิดดู:
      122
    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      171.4 KB
      เปิดดู:
      113
    • 1-1.jpg
      1-1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      82.4 KB
      เปิดดู:
      174
    • 3.jpg
      3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      80.2 KB
      เปิดดู:
      104
    • 4.jpg
      4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      96 KB
      เปิดดู:
      93
    • 5.jpg
      5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      118.4 KB
      เปิดดู:
      192
  17. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    ได้เห็นดอกบานวันเดียว..
    คือ หลังจากที่ดอกตูมเริ่มจะบาน
    ไม่ได้ถ่ายภาพ 2 วัน ดอกก็บานเลย ได้ถ่ายภาพเก็บไว้ช่วงเช้า
    วันที่ 21 สค.58 ...วันนั้นเป็นวันที่ฝนตกเทลงมาอย่างหนักมากเลยค่ะ..
    ปรากฎว่าดอกร่วง.....
    กลับมาช่วงเย็น (เป็นแบบนี้ค่ะ)

    แต่ตอนนี้ก็เริ่มจะออกดอกใหม่แล้วค่ะประมาณครึ่งเซนติเมตร
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 สิงหาคม 2015
  18. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    มีอยู่ช่วงหนึ่งค่ะต้นเดือนมกราคม 58 ฝันว่าเดินตามสมเด็จหลวงพ่อทวด
    ท่านพาไปชมวัตถุมงคลค่ะ (เคยเล่าไว้ในกระทู้).....

    ค่ะ กำลังจะจัดสร้างผ้ายันต์ของสมเด็จหลวงปู่ทวดถวายให้กับวัดสุวรรณคีรี
    และเมื่อนึกจะทำ สิ่งมงคลของหลวงปู่ พิธีก็มาแล้วค่ะ
    เพราะ...สอบถามพระอาจารย์สายหลวงพ่อทวด และสถานที่เกี่ยวเนื่องกับหลวงปู่ทวด
    ก็ได้รับความเมตตาจากพระอาจารย์ ซึ่งพระคุณเจ้าจะอธิษฐานจิต
    ให้...
    และจะได้เข้าในพิธีพุทธาภิเภษที่วัดสุวรรณคีรีสงขลา ในเดือนพย.นี้ค่ะ

    คิดว่า
    อาทิตย์หน้าคงได้เดินทางไปที่อ.นาทวี และ จ. สงขลาค่ะ
    กราบนมัสการพระอาจารย์ค่ะ ให้ท่านวาดยันต์อักขระบนแบบค่ะ..

    ขอบคุณและอนุโมทนาบุุญน้องเอกค่ะ ที่ร่างแบบให้พี่นะคะ....
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 4.jpg
      4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      227 KB
      เปิดดู:
      97
    • 2.jpg
      2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      142.9 KB
      เปิดดู:
      117
  19. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    กราบสมเด็จหลวงพ่อทวด
    เมื่อวันเสาร์ เดินทางไปสำนักสงฆ์นาเปล วัดศิลาลอย วัดสีหยัง จ.สงขลา มาค่ะ

    กราบหลวงพ่อผ่อง...

    บทความหนังสือพิมพ์นำเรื่องราวหลวงพ่อผ่อง ไว้นาสนใจมากค่ะ

    พ่อท่านผ่อง อิทธิปุญโญ สำนักสงฆ์นาเปล จ.สงขลา ตอน ตาหลวงผ่อง แห่ง นาเปล
    นะโมโพธิสัตโต ราชะมุนี สามีราโม อะนาคะโต อิติปิโสภะคะวา

    “สมาธินี้เป็นของจริง สิ่งที่เราเห็นในระหว่างจิตมีสมาธิ คือ สงบ สว่าง นิมิตหรือการเห็นอะไรต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาก็ดี สิ่งนั้นเป็นเพียงการรับรู้ของจิต เมื่อเหตุการณ์เหล่านั้นเกิดขึ้นแล้วให้เราพิจารณาอย่างมีสติไว้ให้ดี”

    น้ำเสียงสุภาพภายใต้ใบหน้าและแววตาที่จริงจังของพระภิกษุสูงวัย  จับใจความได้ว่าท่านกำลังอธิบายถึงลักษณะของสมาธิและการปรับสภาวะของจิตใจ 

    การรับฟังและการแก้ไขปัญหาที่คาใจของเด็กๆ ช่างถามที่นั่งล้อมวงอยู่หน้ากุฏิ  ทำให้พวกเรามั่นใจว่า  “ตาหลวงผ่อง” ของเด็กๆ หรือ “พ่อท่านผ่อง อิทธิปุญโญ” แห่งสำนักสงฆ์คลองเปล ตำบลชุมพล อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา ยังมีดีอีกหลายอย่างมากกว่าที่ใครๆ คิดครับ
    ว่ากันว่าสำนักสงฆ์นาเปลแห่งนี้เป็นพื้นที่ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ เพราะที่ผ่านมาเคยมีพระสงฆ์เข้ามาพักได้ไม่ทันข้ามคืนก็ต้องรีบย้ายตัวเองออกไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ทราบสาเหตุ นอกจากนี้ในบางคืนก็เคยมีชาวบ้านเห็นดวงไฟกลมโตลอยขึ้นจากพื้นดินภายในสำนักสงฆ์

    แต่ถ้าถามว่าเพราะเหตุใดพ่อท่านผ่องถึงไม่ได้มีความเกรงกลัวต่ออาถรรพ์ดังกล่าวและสามารถอยู่จำพรรษาได้อย่างสงบมาตราบเท่าทุกวันนี้

    ตำตอบนี้ เจ้าเพชร-เพื่อนรุ่นน้อง ให้ข้อมูลว่า

    ๑.เกิดจากคุณธรรมของท่าน และ

    ๒.เกิดจากความผูกพันทางสายเลือดตั้งแต่ครั้งบรรพบุรุษ

    พูดง่ายๆ ก็คือว่า “หลวงพ่อทวด” กับ “พ่อท่านผ่อง” ท่านเป็นเครือญาติเดียวกัน เขาย้ำว่าเรื่องนี้ไม่ได้เป็นเรื่องลึกลับหรือเรื่องที่ต้องปกปิดแต่อย่างใด เพราะชาวบ้านแถวนี้เขาก็รู้กันทั่วอยู่แล้วครับ
    จริงอยู่ถึงในวันนี้ชื่อของพ่อท่านผ่องอาจจะไม่ค่อยเป็นที่คุ้นหูของคนรุ่นใหม่หรือมีชื่อเสียงกระจายออกสู่ภายนอกเหมือนพระเกจิอาจารย์องค์อื่น  แต่ก็ยังมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่รู้จักและจดจำท่านได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่เคารพศรัทธาในบารมีของ “หลวงพ่อทวด” เจ้าของตำนานศักดิ์สิทธิ์บนพื้นที่แห่งนี้ครับ

    พ่อท่านผ่อง อิทธิปุญโญ ถือเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีบทบาทสำคัญในการเชื่อมรอยต่อแห่งความผูกพันระหว่างชาวบ้านกับหลวงพ่อทวดครับ

    ความชัดเจนของเหตุการณ์ชวนมหัศจรรย์ใจ และความถี่ของประสบการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทำให้ท่านมักจะถูกนิมนต์จากชาวบ้านให้ช่วยเป็นสื่อในเวลาที่พวกเขาต้องการพึ่งบารมีจากหลวงพ่อทวด

    แต่ก็มีบางครั้งครับที่ตัวท่านเองก็ได้รับบัญชาในนิมิตเป็นคำสอนหรือคาถาจากหลวงพ่อทวดเพื่อนำมาใช้เจริญศรัทธาแก่บรรดาสาธุชนทั่วไป
    ประเด็นนี้น่าสนใจครับ เพราะเรื่องอะไรก็ตามที่ออกแนวลึกลับประมาณนี้ ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องที่หลายๆ คนให้ความสนใจ และเท่าที่พวกเราเคยนั่งคุยกันเองและเคยตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ ต้องบอกว่าขนาดคนคอเดียวกันยังมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันอยู่บ่อยๆ

    ซึ่งเหตุผลต่างๆ ที่ต่างคนต่างยกมาอ้างนั้น โดยส่วนตัวแล้วผมเองก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเหตุผลใดผิดหรือถูก

    แต่เอาที่แน่ๆ และถูกใจผู้คนทั่วไปก่อนดีกว่าก็คือวัตถุมงคลในรูปหลวงพ่อทวด ที่พ่อท่านผ่องได้สร้างและแจกออกไปนั้น ถือเป็นหลวงพ่อทวดเนื้อว่านยุคใหม่ที่มีประสบการณ์มากเล่าขานกันไม่หวาดไม่ไหว

    จะว่าไปแล้วก็จะไม่ดีได้อย่างไรครับ?  เพราะพ่อท่านผ่องจะบอกกับทุกคนที่ได้รับพระไปว่า ท่านเป็นเพียงแต่ผู้รวบรวมมวลสารตามที่สั่ง ส่วนการเสกเป็นหน้าที่ของหลวงพ่อทวด

    “ท่านเป็นเพียงแต่ผู้รวบรวมมวลสารตามที่สั่ง ?”

    สมองซีกซ้ายกำลังคิดในขณะที่สมองซีกขวากำลังจินตนาการว่าใครหนอเป็นคนสั่งหามวลสาร?
    ากสำนักสงฆ์ต้นเลียบ ซึ่งเป็นสถานที่ฝังรกของพลวงพ่อทวด พวกเราเดินทางบนถนนสายเล็กๆ ที่สองฟากถนนคือแปลงนาที่มีข้าวรอการเก็บเกี่ยว 

    บนไหล่ทางของถนนสายคดเคี้ยวเส้นนี้มีต้นตาลสูงปลูกเรียงเหมือนดังจะเป็นแนวกันชน

    ก่อนจะถึงที่หมายผมเห็นต้นมะเม่าซึ่งเป็นไม้ยืนต้นขนาดสูงพอสมควรขึ้นอยู่เป็นพุ่มๆ  สีสันของดอกและผลที่ห้อยระย้าลงตัดกับสีเขียวของใบ ช่วยขยับจังหวะชีวิตของพวกเราให้คึกคักตามแสงแดดที่ค่อนข้างแรงในวันที่ฟ้าฝนไม่เป็นใจแบบนี้

    มีบันทึกเป็นตำนานไว้ครับว่า สมัยก่อนพื้นที่บริเวณนี้เป็นท้องนาที่มีต้นตาลและต้นมะเม่าขึ้นอยู่เต็มไปหมด ซึ่งเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่นาคือเศรษฐีปาน

    มีอยู่วันหนึ่งนายหูและนางจันทร์สองสามีภรรยา ซึ่งเป็นทาสในเรือนเบี้ยของเศรษฐีปาน  ได้ออกไปเกี่ยวข้าวในที่นาดังกล่าว

    เพื่อความสะดวกในระหว่างการเกี่ยวข้าว ทั้งคู่จึงได้นำผ้ามาผูกขึ้นเป็นเปลนอน ก่อนจะนำปลายผ้าทั้งสองด้านผูกไว้กับต้นมะเม่าสองต้นเพื่อให้ ”เด็กชายปู” ทารกน้อยวัยแบเบาะได้นอนพักผ่อน

    หลังจากเกี่ยวข้าวไปได้ระยะหนึ่ง นางจันทร์จึงได้เดินย้อนกลับมาเพื่อที่จะให้นมลูก
    ภาพของงูจงอางขนาดใหญ่หรือที่คนใต้เรียกกันว่า “งูบองหลา” กำลังขดพันรัดอยู่รอบๆ เปล ทำให้นางจันทร์ตกใจทำอะไรไม่ถูก จึงได้ร้องเรียกให้นายหูมาช่วยกันไล่งู แต่ไม่ว่าจะไล่ด้วยวิธีการอย่างไรก็ไม่สามารถไล่ได้

    ทั้งคู่จึงตั้งจิตอธิษฐานขออย่าให้งูจงอางตัวนั้นทำร้ายลูกน้อยที่นอนอยู่ในเปล

    สิ้นคำอธิษฐานไม่นานนักงูจงอางตัวนั้นก็ค่อยๆ คลายวงรัดออก ก่อนจะเลื้อยหายเข้าไปในป่า โดยก่อนไปงูจงอางตัวนั้นได้คายเมือกแก้วขนาดใหญ่ไว้บนอกของเด็กชายปู

    ซึ่งในกาลต่อมาก็อย่างที่หลายๆ ท่านทราบนั่นแหละครับ ว่าเด็กชายปูที่นอนหลับอยู่ในเปลก็คือ “หลวงพ่อทวด เหยียบน้ำทะเลจืด” และเมือกใสๆ ที่แข็งตัวเป็นลูกแก้วขนาดใหญ่นั้น ก็คือ “ลูกแก้ว” ของวิเศษคู่บารมีครับ

    จะว่าไปแล้วถึงแม้กาลเวลาจะเวียนเปลี่ยนแต่เรื่องราวยังคงยอกย้อนอยู่ที่เดิม เพราะพื้นที่ของท้องนาบริเวณจุดที่ นายหูและนางจันทร์ได้ผูกเปลในวันนั้นก็คือที่ตั้งของ “สำนักสงฆ์นาเปล” ในวันนี้ครับ

    โดยส่วนตัวแล้วผมเองก็ไม่ได้รู้จักพ่อท่านผ่องมาก่อน จำได้ว่าครั้งแรกที่ผมได้พบท่านคือตอนที่พวกเราจัดพิธีพุทธาภิเษกเหรียญหลวงพ่อทวดขึ้นที่วัดเขาอ้อ จังหวัดพัทลุง ถึงในวันนั้นผมจะไม่ได้พูดคุยอะไรกับท่านเลย แต่ภาพของรอยยิ้มและแววตาที่บ่งบอกถึงความเมตตาตอนที่เข้าไปกราบท่าน ยังคงแจ่มใสอยู่ในใจเสมอครับ

    จนในวันที่พวกเรากำลังนั่งย้อนความทรงจำด้วยภาพของพระเกจิอาจารย์ที่เข้าร่วมงาน ภาพถ่ายของพ่อท่านผ่องที่นั่งยืดตัวตรงขณะทำการปลุกเสกผนวกกับความทรงจำของทุกคนที่เห็นเหมือนกันว่า ในวันนั้นพ่อท่านผ่องได้นั่งเสกในท่านี้แบบนิ่งๆ ไม่มีการโอนเอนหรือไหวตัวตั้งแต่เริ่มต้นจนจบพิธี

    ดังนั้นบทสรุปของภาพถ่ายนี้จึงจบลงที่ว่าเพชรงามแห่งสทิงพระเม็ดนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน

    ที่มา
    http://www.oknation.net/blog/sitthi/2015/06/16/entry-1
     
  20. nuanhadyai@hotmail

    nuanhadyai@hotmail เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    8,545
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +25,204
    พ่อท่านผ่อง อิทธิปุญโญ เป็นพระที่มีรูปร่างสูงโปร่งครับ พื้นเพของท่านก็เป็นคนละแวกใกล้ๆ กับสำนักสงฆ์แห่งนี้ ท่านเกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๐ กันยายน ๒๔๗๖ เป็นบุตรชายคนที่ ๒ ของ  “คุณพ่อเผือก-คุณแม่แจ้น เกตุสุริยง”  ชื่อเดิมของท่านคือ “ผ่อง เกตุสุริยง”

    ท่านเล่าว่าชีวิตในวัยเด็กของท่านก็เหมือนเด็กๆ ทั่วไป แต่เรื่องที่ทำให้โดดเด่นมากกว่าคนอื่น คือท่านได้รับการยกย่องจากผู้ใหญ่และเพื่อนร่วมรุ่นว่าเป็นผู้ที่มีสติปัญญาฉลาดหลักแหลม

    ท่านเล่าว่าเรื่องที่ท่านจดจำและใช้สอนตัวเองมาจนถึงทุกวันนี้คือคำสอนของมารดาในเรื่องของการเป็นผู้ให้

    “ของที่เราให้เขา หรือของที่เขาให้เรา คือของที่ดีที่สุด เพราะมันเป็นเรื่องของสิริมงคล คุณค่าของมันอยู่ตรงการมอบให้กันและกัน”

    เริ่มต้นก็ได้ใจแล้วครับ “คุณค่าของสิ่งของอยู่ตรงการมอบให้กันและกัน” ฟังแล้วชัดเจนมากครับกับนิยามคุณค่าของคำว่าการให้ มิน่าเล่าหลายต่อหลายคนถึงบอกว่าพ่อท่านผ่อง คือพระผู้มีแต่ให้

    พ่อท่านผ่อง อุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่อปี ๒๔๙๖ อายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ณ อุโบสถวัดชุมพล ตำบลชุมพล อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา โดยมีพ่อท่านดำ ติสสโร วัดศิลาลอย เป็นพระอุปัชฌาย์ พ่อท่านจันทร์ วัดหัวถนน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพ่อท่านพวง  เป็นพระอนุสาวนาจารย์

    หลังอุปสมบทท่านได้เข้าจำพรรษาและศึกษาพระธรรมวินัย ณ วัดชุมพล ก่อนที่จะย้ายไปจำพรรษากับพ่อท่านพวง เพื่อปรนนิบัติและศึกษาวิชาอาคม โดยในระหว่างนั้นท่านได้เดินเท้าเพื่อไปขอศึกษาเพิ่มเติมจาก   ”พ่อท่านดำ ติสสโร” วัดศิลาลอย

    พ่อท่านดำ เป็นพระเกจิอาจารย์ที่ชาวบ้านให้ความเคารพศรัทธามากครับ ในอดีตพ่อท่านดำคือ ๑ ใน ๔ ของพระเกจิอาจารย์ที่ได้รับนิมนต์เข้าร่วมปลุกเสกพระหลวงพ่อทวด ณ วัดช้างไห้ เมื่อปี ๒๔๙๗ ร่วมกับพระอาจารย์ทิม วัดช้างไห้ พระอาจารย์นอง วัดทรายขาวและพระอาจารย์สง วัดพะโคะ

    ท่านเล่าว่าในการเรียนกับพ่อท่านดำนั้น วิชาแรกที่พ่อท่านดำจะสอนเป็นบทแรกเลยคือ “วิปัสสนากรรมฐาน” ซึ่งหากพ่อท่านดำพิจารณาแล้วเห็นว่าพื้นฐานแน่นและหน่วยก้านดีพอที่จะสนับสนุน ท่านก็จะเริ่มถ่ายทอดวิชาอาคมให้

    ส่วนเรื่องสำคัญที่สุดที่พ่อท่านดำเน้นย้ำมากเลยคือเรื่องของ “ความถูกต้อง” ซึ่งความถูกต้องนี้พ่อท่านดำถือว่าเป็นคุณธรรมและจริยธรรมที่สำคัญมาก เพราะไม่ว่าจะเป็นการดำเนินชีวิต การใช้วิชาอาคม ฯลฯ จะต้องเป็นการทำ / การใช้ให้ถูกต้องด้วยคุณธรรม จริยธรรมและความซื่อสัตย์

    “ความถูกต้องจะทำให้เราเกิดความพอดี   ความพอดีจะทำให้ไม่เกิดการแสวงหา  การไม่แสวงหาจะทำให้ไม่เกิดการสะสม   คนเราไม่จำเป็นต้องกินนอนให้พิเศษกว่าคนอื่นหรอก เอาแค่มีชีวิตอยู่และสร้างคุณค่าให้มากกว่าคนอื่นก็พอ”

    ท่านเล่าว่าในเรื่องไสยศาสตร์นั้น โดยส่วนตัวแล้วท่านค่อนข้างชอบเป็นพิเศษ ทั้งนี้อาจเป็นเพราะในสมัยนั้นความเจริญยังมีน้อยกว่าความเชื่อในเรื่องภูตผีปีศาจ ประกอบกับตัวท่านเองก็ได้รับการซึมซับและถ่ายทอดวิชาอาคมมาจากโยมบิดาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก

    ดังนั้นการจะเรียนเพิ่มหรือการจะต่อยอดจึงไม่ใช่เรื่องที่ยากลำบากสำหรับท่าน ด้วยพรสวรรค์ตรงนี้เองทำให้ในเวลาไม่นานนักท่านก็สามารถเรียนรู้วิชาการต่างๆ จากพ่อท่านดำจนครบถ้วน

    ท่านเล่าว่าจากการเรียนรู้และทดสอบด้วยตนเองจนแน่ชัดว่าสิ่งที่ท่านกำลังศึกษาอยู่นี้สามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและชาวบ้านได้จริง ท่านจึงได้ตกผลึกความคิดและมองยาวไปถึงเรื่องการเพิ่มขีดความสามารถให้กับตนเอง

    ซึ่งแน่นอนว่าการจะมีความรู้ความสามารถเพียงพอที่จะให้ผู้อื่นยอมรับได้นั้นย่อมต้องไม่ใช่มีวิชาอาคมเพียงเท่านี้ ดังนั้นท่านจึงได้ตัดสินใจเดินทางข้ามป่าขึ้นเขามุ่งหน้าสู่บ้านควนรู อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา เพื่อมาขอเรียนวิชาจากหลวงลุงของท่านคือ “พ่อท่านสีแก้ว กุลคุโณ” พ่อท่านสีเจ้าอาวาสวัดไทรใหญ่ สุดยอดพระเกจิอาจารย์อีกรูปหนึ่งของชาวสงขลา

    ด้วยปฏิภาณไหวพริบที่ดีเยี่ยมและการที่ท่านมีศักดิ์เป็นหลานชายแท้ๆ ทำให้ท่านได้รับความเมตตาจากพ่อท่านสีแก้วถ่ายทอดอักขระเลขยันต์ตลอดจนวิชาอาคมต่างๆ ให้อย่างไม่ปิดบัง

    ท่านเล่าว่านอกจากครูบาอาจารย์ที่เป็นพระแล้ว ในส่วนของฆราวาสท่านได้เข้าไปขอศึกษาวิชาจาก “ทิดทอง ชาวไสท้อน” ซึ่งเป็นนายหนังตะลุงและมโนราห์ที่มีชื่อเสียงของสงขลา โดยเฉพาะวิชาเมตตามหานิยมที่ค่อนข้างจะเอกอุแบบรับรองผล ก่อนที่จะกลับมาจำพรรษา ณ วัดดีหลวงและสำนักสงฆ์ต้นเลียบตามลำดับ

    “สิ่งสำคัญสำหรับไสยศาสตร์คือความเชื่อ  เราต้องมั่นใจในวิชาที่เรียนมา  เราต้องเชื่อว่าเราทำมันได้  เมื่อเรามีความเชื่อถึงตรงจุดนี้  เราก็จับจุดตรงนี้เอามาทำ”

    ผลจากการพิจารณาอย่างมีสติและถ่องแท้ ทำให้ท่านได้ค้นพบว่าโดยแท้จริงแล้วการมีชื่อเสียงก็ไม่ต่างไปจากเหรียญสองด้านหรือดาบสองคม ที่ย่อมมีทั้งดีและร้าย

    จริงอยู่ถึงชื่อเสียงจะส่งผลให้มีผู้คนชื่นชอบและเต็มที่ต่อการเดินทางมาพบ ในอีกด้านหนึ่งชื่อเสียงก็นำมาซึ่งความวุ่นวายต่างๆ นาๆ

    ดังนั้นในทันทีที่หลวงปู่จำเนียร แห่งสำนักสงฆ์ต้นเลียบได้ถึงแก่มรณภาพ ท่านจึงถือเป็นโอกาสที่เหมาะสมในการหันกลับมาถามตัวเองว่าชีวิตของท่านต้องการอะไรและบวชมาเพื่ออะไร

    แน่นอนครับในประเด็นที่ว่าเมื่อวัดใดมีพระเกจิอาจารย์ที่มีฝีมือมาอยู่จำพรรษา ญาติโยมมักจะให้ความสนใจและเข้ามาขอรับการสงเคราะห์อย่างมากมาย

    ท่านเล่าว่าชีวิตของท่านในช่วงนั้นเริ่มรับแขกตั้งแต่เปิดกุฏิกว่าจะเสร็จสิ้นหมดคนก็เกือบจะก้าวเข้าสู่วันใหม่ ท่านว่าในระยะแรกๆ ก็ยังรู้สึกอิ่มเอิบกับการได้สงเคราะห์คน แต่พอครั้นวันเวลาได้ผ่านพ้นไปนานเข้าๆ เมื่อท่านได้หวนคิดถึงวันเวลาที่ผ่านมา พร้อมกับหยิบเอาคำว่า “ชื่อเสียง” ขึ้นมาพิจารณาอย่างถ่องแท้

    ชะรอยสวรรค์มีดวงตาทำให้ท่านสามารถค้นพบคำตอบนั้น ซึ่งท่านเองก็ไม่ได้บอกพวกเราว่าคำตอบที่ว่าคืออะไร คงเล่าเพียงว่าท่านได้ตัดสินใจออกจากสำนักสงฆ์ต้นเลียบและปลีกตัวจากการมีชื่อเสียงออกมาดำรงตนอยู่อย่างสันโดษ ณ สำนักสงฆ์นาเปล ซึ่งในขณะนั้นเป็นสำนักสงฆ์ร้าง

    “การได้ใช้ชีวิตอย่างเงียบๆ และตั้งใจปฏิบัติกรรมฐาน ทำให้เรามีสติและมีความสงบ”

    “ คนส่วนมากมักจะมองชีวิตอย่างภาพลวงตา หลงติดในชื่อเสียงและหลงติดว่าสิ่งนั้นคือความจริง ซึ่งแท้จริงแล้วความไม่เที่ยง ความเปลี่ยนแปลง ความไม่มั่นคง นั่นแหละคือชีวิตที่แท้จริง”

    อย่างไรก็ตามครับขึ้นชื่อว่าเป็นหนังชีวิตแล้ว มันต้องดูกันยาวๆ ท่านว่าคนเราถ้าไม่กลัวอะไรเสียอย่าง แม้หนทางข้างหน้าจะคดเคี้ยวและมองเห็นแต่ความทุรกันดาร มันก็ไม่ได้ทำให้ท่านรู้สึกท้อใจหรือหวั่นกลัวแต่อย่างไร

    ท่านเล่าว่าท่านได้เริ่มฟื้นฟูสำนักสงฆ์ร้างเล็กๆ แห่งนี้แบบค่อยเป็นค่อยไป  ซึ่งภายใต้การทำงานและพัฒนาอย่างจริงจังของพ่อท่านผองและกำลังของลูกศิษย์เท่าที่มีอยู่ในขณะนั้น ได้ฉุดให้สำนักสงฆ์นาเปลเริ่มฟื้นคืนชีพขึ้นมาทีละน้อย

    พ่อท่านผ่องยิ้มก่อนเล่าต่ออย่างอารมณ์ดีว่า ยามนั้นในสำนักสงฆ์นอกจากจะมีเสียงนกที่ร้องจิ๊บจ๊าบด้วยความสดใสเข้ามาแทนที่เสียงลมที่เคยพัดโชยแบบเหงาๆ แล้ว ยังมีเสียงหัวเราะของชาวบ้านทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่พากันมาช่วยพัฒนาพื้นที่แห่งตำนานผืนนี้

    ท่านว่าหากมุ่งแต่จะทำการพัฒนาสถานที่เพียงอย่างเดียวโดยที่ไม่ยอมพัฒนาคน ก็จะไม่มีประโยชน์อะไร โดยท่านได้อุปมาว่า

    “แม้ต้นไม้จะเจริญเติบโตแล้วยังมีโอกาสที่จะถูกตัดทำลายด้วยฝีมือของคนอีกเช่นกัน”

    พ่อท่านผ่องย้อนเล่าเรื่องราวในวันวานพร้อมกับรอยยิ้ม ซึ่งท่านกล่าวแบบอารมณ์ดีว่ารอยยิ้มที่จริงใจนี่เองคือวิชาสำคัญในการเรียกคนเข้ามาปฏิบัติธรรมในสำนัก ท่านว่าตัวท่านเองเชื่ออยู่เสมอว่าใจที่ดีของท่าน จะนำไปสู่ใจที่ดีของคนที่เข้ามาหา

    “ถ้าเราสอนเขา บอกเขาด้วยความจริงใจ บอกเขาว่าการคิดดีนำมาซึ่งการทำดี เราเชื่อว่าทุกคนรับรู้ได้ จริงอยู่ว่าการสอนให้คนคิดดี ทำดี จะเห็นผลช้า ไม่ต่างจากการหว่านข้าวในนา แต่เชื่อเถอะว่า ข้าวนานี้สมบูรณ์แน่”

    ลมจากท้องทุ่งพัดมากระทบพวกเราเป็นระยะ

    เสียงใบมะเม่าลู่ลมที่ได้ยินแล้วรู้สึกถึงความไพเราะ

    พ่อท่านผ่อง อิทธิปุญโญ กำลังนั่งอยู่บนเก้าอื้โยกหน้ากุฏิ ท่านให้พรพวกเราก่อนจะขอตัวเข้าไปทำวัตรเย็น

    ระหว่างเดินทางกลับ ผมนั่งคิดถึงเรื่องที่ท่านสอน

    เสียงเจ้าเพชรถามว่าพี่คิดอะไรอยู่?

    ผมยิ้มแต่นิ่งเงียบ เพราะจำได้ว่า “ความเงียบจะทำให้เรามีสติและความสงบ” บางทีนะครับถ้าเราจะละเอียดต่อความรู้สึกสักหน่อย เราก็จะพบว่าความสุขและความสงบที่เราเพียรพยายามค้นหานั้นไม่ได้อยู่ที่ไหนเลย มันอยู่ที่ใจของเรานี่เอง...สวัสดีครับ

    ที่มา
    http://www.oknation.net/blog/sitthi/2015/06/16/entry-1]
     

แชร์หน้านี้

Loading...