อธิฐานบารมี

มันคือ1ในบารมี10ที่ จำเป็น

แต่ทำไมไม่ใครเคยพูดเรื่องตัวนี้เลย

หรือว่าแต่ละคนมองว่ามันไม่สำคัญกันครับ

 

บารมีนั้นสำคัญหมด และบารมีทุกตัวมันจะเชื่อมโยงถึงกันมากน้อยแล้วแต่ชนิดของบารมี

ส่วนปัญญา/อธิฐานบารมีเป็นบารมีที่แทรกรวมกับบารมีตัวอื่นๆทุกตัว

ปัญญาเป็นประธาน ส่วนอธิฐานบารมีเป็นฐานของบารมีอื่นๆ(ความคิดเห็นส่วนตัว)

โดยบารมีทุกตัวรากฐานคือความตั้งใจมั่นที่จะทำ(อธิษฐานบารมี). อย่างการสร้างทานบารมี เพราะมีความตั้งใจว่าจะให้ทานแม้จะลำบากแค่ไหนก็ไม่ย่อท้อที่จะให้ทาน

หรือศีลบารมี/ขันติบารมี ก็ต้องตั้งใจมั่นแม้ว่าจะถูกตี ทำร้ายก็จะอดทนไม่ล่วงศีลให้ขาดตกไป

ส่วนบารมีอื่นๆก็เช่นกัน

 

อธิฐานก็ศรัทธานั่นแหละ

 

ยังไงครับ ช่วยสอนด้วยครับ

ผมเข้าใจมาตลอดว่า อธิฐานก็คือภาวนา
ผมอาจจะเข้าใจผิดก็ได้ครับ

 

พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ หากปรารถนาซึ่งการอธิษฐานสร้างบารมีแล้ว ก็ยากที่จะสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า คำอธิษฐานเปรียบเหมือนหางเสือ เป็นการระบุเฉพาะเจาะจงลงไปเลยว่า บุญที่ทำในครั้งนั้นๆ เราจะให้อานิสงค์มีผลเช่นไร ก็ให้อธิษฐานไปตามนั้น การมีหางเสือ แทนที่เรือจะแล่นเฉไปมา ทำให้เนิ่นช้า คราวนี้พอติดหางเสือเข้า ทีนีวิ่งตรงอย่างเดียว บารมีเต็มไวขึ้น ยิ่งกว่านั้น ถ้าใส่เครื่องยนต์เทอร์โบเข้าไปด้วยนะ ยิ่งบารมีเต็มไว (เครื่องยนต์เทอร์โบ เปรียบได้กับ ความขยันในการสร้างบารมี หรือพูดง่ายๆ คือ ความเพียรในการสร้างบุญกุศลในชีวิตประจำวัน)

 

รู้สึกลุงต้นละเคยพูดว่า

พระศาสดาเคยตรัสว่า
ต่อให้ผู้ใดสามารถบำเพ็ญอย่างพระเวศสันดร ได้10อสงไขย
ก็เป้นพระพุทะเจ้าไม่ได้ เพราะบารมียังไม่แก่พอ

 

ไม่รู้ผมเข้าใจถูกมั้ยนะ ว่าที่ผมทำใช่อธิษฐานบารมี ก็เมื่อก่อนผมเน้นย้ำอธิษฐานแทบจะตลอดเวลาเลยว่าขอให้ได้สำเร็จพระโพธิญาณฯ ยิ่งตอนทำบุญก็อธิษฐานอย่างหนักแน่น แต่ตอนนี้อธิษฐานเฉพาะตอนทำบุญตลอดทุกครั้ง ไม่รู้ว่าใช่อธิษฐานบารมีโดยตรงมั้ย แต่ก็ฟังพระท่านมาว่าตอนทำบุญให้อธิฐาน และอ่านมาจากพระสูตร ในอดีตชาติของพระโพธิสัตว์ท่านทำบุญก็อธิษฐานตลอดครับ

 

อยากเป็นอะไรก็อธิฐานไปเถอะ


ถ้าถึงเวลา
เดี่ยวแบบทดสอบจะมาเองล่ะ

อยากเป็นอะไร ข้อสอบก็จะมาแบบนั้น
ทำให้ผ่านให้ได้ละ

สู้ๆนะหก
ถ้าจะให้ดี ขอนางแก้วดีๆด้วยนะ
จะได้มีกำลังใจเพิ่มขึ้น

ขอพูดตามเดิม ไม่มีใครสอนหกได้หรอก
หกต้องสอนตัวเอง จะบ้าแค่ใหนก็ได้
แล้วเมื่อเจอคนบ้าแบบเธอ เธอจะสอนได้เอง
นั้นคือตัวเธอนะหก

 

ตัวผมอธิฐานขอรัศมีสีทอง1กัป

ถึงต้องมาโดนนั่งด่าทุกวันนี้เพื่อพิสูจตัวเองไง
จะถูกจะผิดก็ห้ามเถียง
ให้กำลังใจนะหก

 

อธิษฐาน แปลว่า ตั้งจิตมั่น

เหมือนกับว่าเราตั้งจิตมั่น ว่าเรามีเป้าหมายอะไร

อย่างเจ้าของกระทู้ ตั้งจิตมั่น เป้าหมายคือรัศมีสีทอง 1กัป

การอธิษฐาน เป็นของดี หลวงพ่อฤาษีฯ ท่านก็ให้อธิฐานเช่นกัน

ถ้าเราไม่อธิษฐาน เหมือนคนที่ ทำบุญ แต่ไม่อธิษฐาน ก็ไม่มีเป้าหมายที่แน่นอน

เหมือนเช่น เศรษฐีท่านนึงในพุทธกาล ถ้าเป็นเศรษฐี แล้วได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้า ก็จะได้บรรลุ เป็นพระอริยเจ้าได้

แต่ท่านไม่ได้อธิษฐานไว้ และท่านก็ไม่ได้เจอพระพุทธเจ้า พอบุญหมดกลายเป็นยาจก ก็ไม่อาจบรรลุธรรมได้แล้ว ต้องสะสมบุญใหม่

ส่วนท่านที่บรรลุเป็นพระอริยเจ้าขั้นสูงสุดแล้ว เวลาท่านทำบุญท่านไม่อธิษฐานแล้ว

เพราะท่านไม่ต้องการอะไรแล้ว ท่านทำก็เพื่อสงเคราะห์ผู้อื่นเท่านั้นครับ

 

ต้องแยกอธิษฐานกับขอพร. ให้ออกก่อนนะครับ

อธิษฐานบารมีหมายถึงการวางใจ/กำลังใจ/การตั้งใจในการทำความดี(ความชั่วเขาไม่นับ) และจุดมุ่งหมายของบารมีทุกตัวคือการยกจิตของตนให้พ้นจากกองทุกข์(ขันธ์ 5 /กายใจ) เช่นพระภูริทัตตั้งใจจะถือศีล แม้จะตายก็ไม่ยอมศีลขาด. ภายหลังโดนพราหม์มาจับไปเล่นกายกรรมก็ไม่ยอมละเมิดศีล. ท่านจึงได้ทั้งศีลบารมีและอธิษฐานบารมี

ส่วนการขอพร คือ ตั้งใจ/วางขอบเขตผลตอบแทนที่ได้เวลาเราทำความดี หากเราเจาะจงสิ่งใดถ้าบุญนั้นส่งผลก็จะเป็นไปตามพรที่เราขอ เช่นขอให้รวย. หล่อ. หรือมีรัศมีออกจากกาย. หากไม่ขอพรเจาะจงเวลาบุญส่งผลก็จะมาในรูปรวมๆ ซึ่งไม่เกี่ยวกับบารมี 10

สรุป อธิษฐานบารมีการตั้งที่จะทำ"ดี"เพื่อพ้นจากจากกองทุกข์.

การขอพรคือ. คือ การต้องการอะไรที่"พิเศษ/แปลก" กว่าปกติ

 

น่าจะเรียก"ตั้งความปราถนา"มากกว่า. ใกล้เคียงกับขอพรนั่นแหละ

 

อธิษฐานน่ะถูกแล้วครับ คนทั่วไปมองว่าการปรารถนาพระโพธิญาณยังเป็นการ "ขอ" แต่เปล่าเลย จะขอใครรึ นี่พระโพธิญาณนะ ทุกอย่างต้องทำเองทั้งหมด จนสำเร็จแล้วใครได้ประโยชน์ ไม่ใช่เหล่าเวไนยสัตว์หรอกหรือ

ดังนั้นตั้งแต่เริ่มต้นปรารถนาจะเป็นพระพุทธเจ้า ให้เข้าใจไว้เลยว่าผู้ปรารถนานั้น ตั้งใจจะ "ให้" และให้โดยส่วนเดียวตลอดแต่ต้นจนจบสาย เพียงแต่ในเส้นทางในระยะเวลาที่บำเพ็ญบารมี ก็ต้องสร้างกำลังใจกันอย่างเข้มข้นแลกด้วยชีวิตกันเป็นปกติ คนทั่วไปยากที่จะเข้าใจเหตุผลในการกระทำ เพราะทุกอย่างเกิดที่ใจ

คนทั่วไปและเหล่าสาวกจึงไม่แตะต้องล่วงเกินพระโพธิสัตว์ด้วยเหตุนี้เช่นกัน