เรื่องเด่น นานาเรื่องราวหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

<a href="http://www.uppic.org/share-5D57_5628C447.html"><img src="http://www.uppic.org/image-5D57_5628C447.gif" border="0"></a>
<a href="http://www.uppic.org/share-385B_5628C447.html"><img src="http://www.uppic.org/image-385B_5628C447.gif" border="0"></a>

คุณ paulbylaw ครับถ้าเราอ่านบทสนทนาระหว่างนายนี่กับเฮียวันแล้วและกับท่านอื่นๆจะทราบว่าเขาไม่ต้องการฟังเหตุผล พูดไปยกเหตุผลไปกลายเป็นมองว่าเราไม่ชอบใจที่เขาเห็นไม่เหมือนเราไปซะอีก สังเกตุดูครับถ้าเรื่องไหนเขาจนเหตุผลเขาก้อจะเลี่ยงไปยกเรื่องอื่นมาพูดแทนอย่างที่ยกเรื่องคำสอนหลวงพ่อเกี่ยวกับการห้อยพระเครื่องมา อย่างที่คุณ jj85 ยกมาตรงว่าอาจารเล็กเขาก้อบอกว่า"ท่านเองท่านยังทำการพุทธาภิเษกเหรียญหลายครั้งและพูดเชิงว่า ได้มากกว่าครั้งเดียว" เขาก้อจนแต้ม แก้ไม่ออกได้แต่บอกขอบคุณ

สิ่งที่เขาทำตอนนี้คือต้องการเอาชนะคะคานอย่างเดียวไม่ต้องการฟังเหตุผล และมาเพื่อ รวน กัน อ่านที่เขาเขียนที่คุยกับเฮียวันดูซิครับคือเขาอยากให้เราหยุดพูดก่อนเขาถึงหยุด ถ้าเขาหยุดก่อนคือเขานะแพ้

 

<a href="http://www.uppic.org/share-5D57_5628C447.html"><img src="http://www.uppic.org/image-5D57_5628C447.gif" border="0"></a>
<a href="http://www.uppic.org/share-385B_5628C447.html"><img src="http://www.uppic.org/image-385B_5628C447.gif" border="0"></a>

พูดโดนใจมากคุณ jj85

 

เอาแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวก่อนดีกว่ามั๊งคุณก้อไม่รู้แล้วหลวงพ่อเคยบอกไว้จะมาแก้เกี้ยวทำไมว่ามีที่อื่นๆอีกไหม รู้ว่าต้วเองพูดพลาดไปก้อมาถามมีที่อื่นอีกรึป่าว

 

บางคน(รึป่าว)ไม่ได้อ่านว่าหลวงพ่อเล่าพระพุทธเจ้าท่านสงเคราะห์เรื่องอะไรบ้างครับ

 

ทุกท่านครับหยุกพักรบสักครู่แล้วลองพิจารณาไตร่ตรองดูนะครับ
ที่กระทู้มันร้อนแรงถึงตอนนี้เพราะใคร? เพราะพวกท่านๆทั้งหลายที่โพสทีก็กระแนะกระแหนอีกฝ่ายไป มันถึงไม่จบไม่สิ้น ผมว่าหยุดเถอะครับ ใครจะบอกว่าเข้าพิธีหลายครั้งดีกว่าครั้งเดียว หรือหลายครั้้งเท่ากับครั้งเดียวก็แล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละคนเถอะครับ ก็ขอให้เชื่อตามความคิดของคนๆนั้นต่อไปจนกว่าจะมีข้อเท็จจริงที่เป็นลายลักษณ์อักษร(เช่น ธัมมวิโมกข์)หรือไฟล์เสียงของหลวงพ่อวัดท่าซุงมายืนยัน(ไม่หมายความรวมถึงหลวงพ่อรูปอื่นเพราะกระทู้นี้คือนานาเรื่องราวหลวงพ่อพระราชพรหมยาน)มายืนยัน

เรื่องที่เถียงๆกันอยู่เริ่มจากเจตนาดีของแต่ละฝ่าย แต่พอพิมพ์ตอบโต้กันไปมาคราวนี้ไม่ถูกใจกันก็เริ่มใช้คำกระทบกระเทียบเปรียบเปรยกัน สุดท้ายกลายเป็นแบ่งฝักแบ่งฝ่าย

ตามที่ผมเข้าใจเจตนารมณ์ของกระทู้นานาเรื่องราวหลวงพ่อพระราชพรหมยานที่อาวรรณตั้งคือต้องการเผยแผ่หลักคำสอนต่างๆทั้งทางโลกและทางธรรม ตลอดจนวัตถุมงคลของหลวงพ่อวัดท่าซุงให้ผู้ที่เคารพหลวงพ่อหรือผู้ที่สนใจมาศึกษาหาความรู้ ไม่น่าจะใช่กระทู้ให้ผู้ที่เคารพหลวงพ่อมาเถียงกันลักษณะหาผู้แพ้ผู้ชนะแบบที่เรียกว่าเอาเป็นเอาตายกันเลยทีเดียว --"

 

วันนี้ผมก็ได้คำตอบแล้วหละครับ

คำว่ายอมรับ ไม่ยอมรับ เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย ใช่ ไม่ใช่ นี่คือคำพูดที่แสดงว่าเราได้พิจารณาแล้วตัดสินใจแสดงความเห็นของตนเอง แล้วหากมีเหตุผลประกอบการตัดสินใจอย่างไรก็อธิบายกันไป ซึ่งเรื่องทำนองนี้หากมองในแง่การพิจารณาคดีอาญา การนิ่ง ไม่ให้การว่ายอมรับหรือปฏิเสธในประเด็นเรื่องใด ทางกฎหมายถือว่าเป็นการปฏิเสธ แต่ในการพิจารณาคดีแพ่งจะแตกต่างกัน การนิ่งไม่ให้การว่ายอมรับหรือปฏิเสธในประเด็นเรื่องใด กฎหมายถือว่าเป็นการยอมรับ แต่ในเรื่องชีวิตประจำวันอันนี้เราไปกะเกณฑ์อย่างนั้นไม่ได้หรอกครับ ว่าเค้าคิดยังไงกันแน่เลยต้องถามไถ่กัน

สุดท้ายนี้ หากพี่ ๆ ท่านใดเห็นว่าผมแสดงความคิดเห็นผิดไปจากที่หลวงพ่อกล่าวไว้อย่างเฉพาะเจาะจง ว่า "วัตถุมงคลรุ่นหลังพระท่านอาจสงเคราะห์เพิ่มให้" ขอให้บอกกล่าวพร้อมแสดงพยานหลักฐานให้ผมทราบด้วยนะครับ ผมจะกล่าวขอโทษที่บิดเบือนคำสอนหลวงพ่อและขอโทษสมาชิกท่านนั้น และที่สำคัญจะกราบขอขมาต่อพระพุทธเจ้าและหลวงพ่อครับ

 

นี่คือคำตอบที่ได้รับจากพี่ท่านนั้นครับ จากคำถามที่ว่า วัตถุมงคลรุ่นหลังอาจมีอานุภาพมากกว่ารุ่นก่อนเพราะพระท่านสงเคราะห์เพิ่มเติมให้

1. เห็นด้วยกับการไม่แบ่งแยกว่ารุ่นหลังดีกว่ารุ่นก่อนหน้าครับ ถึงแม้ว่าจะใช้ตรรกะความคิดแบบปุถุชนว่าปลุกเสกมากครั้งอาจดีกว่าครั้งเดียว แต่หากพิจารณาแบบ พุทโธอัปมาโน ก็ย่อมพิจารณาได้ว่า ต่อให้กี่ครั้งก็เหมือนกัน เพราะเชื่อแน่ว่าผู้ทำที่แท้จริง(พระ และ เทพพรหม) คงไม่มีลำเอียงแบบใจมนุษย์ว่ามากครั้งต้องทำให้ดีกว่าครั้งเดียว และเชื่อว่าพระท่านรู้ว่าภาชนะใดที่น้ำเต็มแล้วย่อมไม่เติมน้ำเพิ่มลงไปให้ล้นออกมาโดยเปล่าประโยชน์ครับ

หากมีจุดประสงค์ว่าไม่ต้องไปต่อคิว หรือ ของหมดก่อนก็ไม่ต้องเสียใจ รอรุ่นหลัง จึงตอบมาแบบนั้นก็น่าโมทนา

แต่หากมีจุดประสงค์ว่ารุ่นหลังดีกว่ารุ่นก่อนหน้า ก็คงต้องรอกันที่รุ่นสุดท้าย ดีไม่ดีก็ไม่ได้ทำบุญกับวัดกันพอดี

2.ผมเข้าใจครับ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องธรรมดามากๆที่ใครเขาจะคิดว่าการปลุกเสกมากครั้งย่อมดีกว่าครั้งเดียว ผมจึงกล่าวไปแล้วในโพสก่อนหน้าของผมไงครับ และผมก็เข้าใจด้วยครับว่าเรื่องความเชื่อนี่ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล ไม่จำเป็นต้องมีหลักการ หรือแม้บางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องประกอบด้วยปัญญาด้วยซ้ำไป เรื่องความเชื่อเรื่องพุทธคุณพระเครื่องก็รวมอยู่ในนั้น เอาเป็นว่าหากใครสบายใจจะเก็บจะเชื่ออย่างไรนั้นก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องของปัจเจกบุคคลไปหละครับ บังคับใครไม่ได้ ผมไม่มีความคิดที่ว่าไม่เห็นด้วยหลอกครับ ผมเข้าใจธรรมชาตินี้ดี

3.เมื่อพูดถึงความนิยมนั้นก็ใช่หละครับ ความนิยมของแต่ละคนนั้นก็ขึ้นอยู่กับใครจะนิยมแบบไหน ใครจะเชื่อแบบไหน ส่วนตัวผมเข้าใจตามที่ paulbylaw เข้าใจนั่นหละครับ วัตถุมงคลในสมัยหลวงพ่อก็ดี หลวงพี่นันต์ท่านก็ดี ผมเชื่อของผมว่าเต็มแล้วในทุกรุ่นและทุกครั้งที่ผ่านพิธีมา ไม่จำเป็นต้องทำซ้ำอีก ในขณะเดียวกัน ผมก็เชื่อในเรื่องของ พุทโธอัปมาโน ครับ พุทโธอัปมาโน ย่อมไม่มีประมาณ เหนือความรู้ ความคิด ของปุถุชนคนธรรมดาจะคิด จะอนุมานได้ ฉะนั้นผมจึงเชื่อที่ว่าเต็มแล้ว พระทำให้ทุกอย่างแล้วตามที่หลวงพ่อเคยพูดถึงบ่อยๆนั้น ทั้งในอดีตและปัจจุบัน หรือแม้จะมีในอนาคต พุทโธอัปมาโน ย่อมเหนือซึ่งทุกสิ่งทุกอย่าง ที่ปุถุชนคนธรรมดาจะคิด จะอนุมานไปได้ ฉะนั้นต่อให้จะเพิ่มเติมอะไรที่ว่าเป็นกำไรอะไรนั้นก็คิดว่าคงไม่พ้นไปจากคำว่า พุทโธอัปมาโน นั้นหละครับ ผมจึงไม่ค่อยให้ความสนใจมากนักในคำว่า กำไร อะไรที่พิเศษไปกว่าครั้งก่อนอะไรนั่น เพราะหากเข้าใจคำว่า พุทโธอัปมาโน เสียแล้ว ย่อมเหนือวิสัยในคำว่ากำไร นั้นๆไปด้วยครับ พระของหลวงพ่อ ไม่ว่าจะเก่าหรือใหม่ หรือแม้แต่รุ่นใหม่ที่วัดทำขึ้น ถ้าเราศรัทธาใน พุทโธอัปมาโน เสียแล้ว ก็ถือว่าเท่ากันในทุกรุ่นหละครับ จะต่างกันแต่เพียงว่ารูปลักษณะของพระที่ทำเป็นรูปลักษณะไหนเท่านั้น แต่ถ้าหากใจนั้นยังติดในเรื่องของพิธีที่มากกว่าต้องดีกว่า คำพูดที่ว่ากำไรพิเศษมากกว่า มวลสารเข้มข้นหรือเยอะกว่าต้องดีกว่าอะไรนั่น ก็คงต้องหาไปตามที่ตนเองสบายใจนั้นหละครับ ซึ่งก็ไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดแปลกอะไร เป็นเรื่องปกติธรรมชาติเช่นกันครับ

ดีแล้วครับโมทนาบุญด้วย ที่ได้ร่วมบุญกับทางวัด เก็บได้ตามสะดวกใจเลยครับ สบายใจแบบไหนก็เก็บแบบนั้นแล้วกันนะครับ

4.หลวงพี่นันต์ท่านก็กล่าวไว้ชัดในคำอธิบายแล้ว ก็ถือว่าเข้าใจตามที่หลวงพี่ท่านบอกนั่นหละครับ เพื่อความมั่นใจของคณะศิษย์ที่มาในภายหลังหลวงพี่ท่านพิจารณาว่าสิ่งใดที่ดีท่านก็ใส่ลงไป อันนี้คือความงามของหลวงพี่ที่ผมศรัทธาท่านมากก็ส่วนนี้หละครับ

ก็อย่างที่ว่านั่นหละครับ จิตใจคนนั้นไม่เสมอกัน ถ้าเกิดว่าผมจะคิดหรือท่านใดจะคิดว่า พระผงร้อยวัน กับ พระผง 1 ปี ไม่มีความแตกต่างกัน เพราะมวลสารที่ใช้นั้นเป็นแบบเดียวกัน หลายคนเข้าใจว่าน้อยกว่า เบาบางกว่า แต่หากจะคิดว่าไม่ต่าง เพราะศรัทธาเชื่อมั่นใน พุทธอัปมาโน แล้ว การพิจารณาอย่างนี้หลวงพ่อท่านเคยแนะนำไว้ว่าผิดเหรอครับ

เรื่องกำลังใจของแต่ละคนมันวัดกันไม่ได้หลอกครับ ก็อย่างที่บอกไปในหลายๆโพสของผมนั้นหละครับ ใครสบายใจจะเก็บอย่างไรก็เก็บครับ ใครเชื่อมั่นอย่างไรก็เป็นเรื่องของกำลังใจของแต่ละคนครับ

5.เรื่องพระของของพ่อนั่นผมบอกคุณก่อนนะครับ ผมไม่ได้แย้งคุณนะ คือถ้าคุณจะเชื่ออย่างนั้นก็เป็นสิ่งที่ดีแล้ว อย่างที่ผมเคยบอกคุณแล้ว หากคุณพิจารณาได้เช่นนั้นเป็นกุศล ก็ดีแล้ว ก็ทำตามที่คุณสะดวกใจ ส่วนเรื่อง พุทโธอัปมาโณ นั้น หลวงพ่อก็เคยกล่าวไว้ ลูกศิษย์หลวงพ่อเช่นหลวงพี่เล็กก็เคยกล่าวไว้ ผมก็ร่วมยกขึ้นมาเพื่อจะได้ร่วมกันศึกษา พิจารณา สำหรับตัวผม และท่านที่พิจารณาร่วมกันแบบนี้ มันจะไปตีความคลาดเคลื่อนจากหลวงพ่อตรงไหนเหรอครับ หรือคุณจะคิดว่า การตีความแบบ พุทโธอัปมาโณ นั้น มันผิดจากหลวงพ่อท่านสอนอย่างนั้นเลยหรือครับ

ขอบคุณครับในเรื่องบทธรรมของหลวงพ่อที่คุณยกขึ้นมานั้น หลวงพ่อท่านว่าอย่างไร ก็อย่างนั้นหละครับ ส่วนตัวผม ผมพิจารณาตามบทธรรมของหลวงพ่อในเรื่อง พุทโธอัปมาโณ เป็นส่วนช่วยครับ ไม่ได้คำนึงว่าต้องเป็นรุ่นนี้พิเศษกล่าวรุ่นนี้อย่างไร ต้องหารุ่นใดเข้าประกอบเพื่อจะได้เน้นให้ได้อย่างนั้นอย่างนี้ พระของหลวงพ่อเพื่อเป็นที่ระลึกถึงหลวงพ่อ เป็นอนุสสติเป็นหลักครับ ผมห้อยเหรียญของหลวงพ่ออยู่องค์เดียว เพราะหลวงพ่อท่านบอกว่าพระทำให้ทุกอย่างแล้ว ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรผมถือว่าเป็นเรื่อง พุทโธอัปมาโณ และ กฏแห่งกรรม ไปครับ ไม่ห้อยมากองค์ เพื่อเก็งผลพุทธคุณ มันหนัก ครับ

แปลกใจหรือคุณคิดว่าลูกศิษย์หลวงพ่อ ต้องพิจารณาได้แบบคุณเท่านั้น ถ้าคิดบทธรรมของหลวงพ่อบทอื่นเข้าประกอบ ต้องคิดว่าคลาดเคลื่อนเสมอไปเหรอครับ

6.จริงๆนั้นก็ไม่มีท่านใดจะทราบได้นะครับ แม้แต่หลวงพ่อของเราเองก็ไม่ได้เคยบอกไว้ว่าพระท่านนั้นได้สงเคราะห์เรื่องอะไรไว้บ้าง ซึ่งแม้แต่คุณเองก็คิดว่า "อาจ" อยู่ดีใช่ไมหละครับ คำว่าพระท่านทำทุกอย่าง เต็มแล้ว ตามที่คุณเข้าใจ (ซึ่งตอนหลังจะเพิ่มเติมอะไรก็แล้วแต่ลงไป ซึ่งหลวงพ่อท่านเมตตากล่าวไว้ให้กำลังใจศิษย์ ผมเข้าใจอย่างนี้นะ) คำว่าเต็มแล้ว พระทำให้ทุกอย่าง อันนี้หละครับที่ผมตีลงใน พุทโธอัปมาโณ หน้าที่ของพุทธวิสัย ผมไม่อาจไปตีความได้หลอกครับ ผมไม่สามารถตีความได้หลอกครับ ไม่ใช่หน้าที่นะ เอาเป็นว่าในบริบทที่ว่าแล้วแต่คนขอบารมีพระที่คุณกล่าวถึงไป เป็นเรื่องของพุทโธอัปมาโณ ก็ถูกที่คุณกล่าวไว้นั่นหละครับ ถ้าตัวผมเองจะขอให้สมเด็จท่างทรงโปรด ให้วัตถมงคลรุ่นก่อน มีอานุภาพเท่ารุ่นสุดท้าย ก็ย่อมมีความเป็นไปได้ ถ้าในบริบทที่ว่าพระท่านทำให้ทุกอย่าง ผมก็ขอยกพรหลวงพ่อที่กล่าวในข้อนั้น มาอธิษฐานก็คงจะไม่เกินวิสัยที่จะเป็นไปได้ ถ้าเกิดว่าผมมั่นใจว่าเป็นอย่างนั้น(ซึ่งในข้อนี้ผมก็ไม่ทราบได้ว่าใครจะเห็นว่าเป็นเรื่องที่คลาดเคลื่อนอีกหรือไม่ ซึ่งมันก็เป็นความคิดความเห็นของแต่ละคน)

เอาเป็นว่าถ้าคุณจะเชื่อเช่นนั้นก็ย่อมเป็นสิ่งที่ถูกต้องครับ ก็เป็นสิ่งที่ดีแล้ว ส่วนตัวผมก็เชื่อว่า พุทโธอัปมาโณ ย่อมเป็น พุทโธอัปมาโณ พุทธวิสัย ย่อมเป็น พุทธวิสัย หลวงพ่อบอกว่าพระทำให้ทุกอย่าง ก็คือ พระท่านเมตตาสงเคราะห์ให้ทุกอย่างนั่นหละครับ ถ้าผมจะเชื่ออย่างนี้ ก็แปลกใจว่าทำไมต้องมาสนใจผมด้วย

ผมก็ไม่เห็นจำเป็นต้องมีข้อแม้จากคำที่หลวงพ่อท่านเคยกล่าวบ่อยๆว่า พระท่านทำให้ทุกอย่างแล้ว "แต่" ถ้าผมไม่มีคำว่า"แต่"มันก็เป็นสิทธิของผมนะ ผมศรัทธาหลวงพ่อโดยไม่มีคำว่า "แต่" ไม่มีข้อแม้ใดๆ ไม่ไปตั้งค่าสมบัติที่หลวงพ่อทำไว้ ตลอดจนที่หลวงพี่นันต์ท่านทำไว้ มันจะเป็นอะไรไมครับ

ส่วนเรื่องพระของหลวงพ่อที่คุณจะมีอีกกี่องค์ จะร้อยอีกกี่เส้น จะคล้องคออีกกี่เส้น จะมีอีกเท่าไรก็ตาม ก็เป็นเรื่องของคุณ ไม่เกี่ยวกับผม สบายใจได้ครับที่ผมกล่าวไปนั้น ผมกล่าวตามสภาวะของผม ผมไม่ได้ดูรูปคุณมีกี่เส้นกี่องค์หลอกครับ และผมก็ไม่ได้สนใจว่าคุณจะมีในสต๊อกอีกกี่หีบ กี่ลัง อย่าเข้าใจผิดนะ ผมไม่ได้มองตรงนั้นครับ อย่าอนุมานความคิดผมเลยครับ

ก็เอาตามที่คุณสบายใจนั่นหละครับ ผมก็บอกอยู่ตลอดว่าสิ่งที่คุณเข้าใจ มันเป็นสิ่งที่ดีแล้ว ก็แล้วแต่คุณจะสบายใจไงครับ หวังว่าคงจะเข้าใจนะครับ

7.เอ๊า ยังมีต่ออีก ดีนะครับที่ยกคำพูดผมออกมาด้วย จะได้อ่านประกอบกัน ผมจะได้ไม่อ่านย้อนไปมา

เอาไปเอามาเมื่ออ่านข้อความที่คุณเขียน ต่อให้ผมจะตอบ ก็คงจะตอบเหมือนเดิมนั่นหละครับ เพราะต่อให้เขียนใหม่ก็ไม่พ้นที่จะเป็นเนื้อความเดิม ก็คงต้องสรุปกันเล็กน้อย จริงๆนั้น

เอาเป็นว่าเล่าเป็นนิทานแล้วกันนะครับ กาลครั้งหนึ่งมีเด็กสองคน ชื่อ เด็กชายหนึ่ง กับเด็กชายสอง เด็กทั้งสองคนมองไปยังลูกบอลลูกเดียวกัน เด็กชายหนึ่งมองอีกด้านเด็กชายสองมองอีกด้าน เด็กชายหนึ่งต้องการมองว่าลูกบอลคือลูกบอล ต้องเป็นลูกบอลลูกนี้เท่านั้น ในขณะที่เด็กชายสองนอกจากที่จะมองว่าลูกบอลลูกนี้เป็นแต่เพียงลูกบอล ก็คิดเพิ่มต่อไปยังคนที่เป็นเจ้าของบอล ซึ่งเจ้าของบอลนั้นมีความเกี่ยวเนื่องกัน เป็นโค็ชที่สอนแตะบอล ก็คิดไปถึงคำของโค็ช เช่นคำแนะนำว่าลูกบอลควรแตะอย่างไร เพื่อที่จะได้เข้าประตูไปตรงๆ หลบหลีก กฏระเบียบต่างๆ ที่ควรจะรู้ ไม่ได้มองโดยใช้สายตามองแต่ว่า นี่คือลูกบอล ลูกบอลที่วางตรงหน้าเท่านั้น จากนั้นได้พูดออกมาให้เด็กชายหนึ่งฟังถึงความคิดของตน กลายเป็นเด็กชายหนึ่งบอกว่า เด็กชายสอง มองผิด เพราะต้องการให้เด็กชายสอง มองให้เหมือนตนเท่านั้น มองแบบตายตัวว่าต้องมองแบบตัวเองเท่านั้น เด็กชายหนึ่งจึงไปเรียกร้องป่าวประกาศกับเพื่อนๆว่า เด็กชายสองคิดผิด การคิดแบบเด็กชายสองผิด ต้องคิดแบบเด็กชายหนึ่งนี้เท่านั้นถึงจะถูกที่สุด ซึ่งไม่เกิดคาด เด็กชายสามเพื่อนรักเด็กชายหนึ่ง ด้วยความรักเพื่อน(ไม่ว่าจะอคติใดในใจก็ตามในอคติ 4) ก็พากันมากับเด็กชายหนึ่ง กล่าวโทษ ว่าเด็กชายสองนั้นเห็นผิด

เรื่องราวทั้งหมดมันก็มีอยู่อย่างนี้ หละครับ

อุปมา
ลูกบอลคือพระเครื่อง

สิ่งที่เด็กชายหนึ่งมองคือเรื่องตายตัวที่กล่าวถึง

เรื่องที่เด็กชายสองคิดเพิ่มเติมถึงคำแนะนำของโค็ช ต่างๆนั้น เที่ยบได้กับ เรื่องพุทโธอัปมาโณ พุทธวิสัย และ สมบัติพ่อให้ในส่วนของเรื่องธรรมอื่นๆที่มีความสำคัญ ถือเป็นแก่นสารที่สำคัญที่สุด

สรุป คือ

สิ่งที่เด็กชายหนึ่งมองเห็นลูกบอล คือ ลูกบอล ลูกบอลเท่านั้น ไม่ใช่ความผิดของเด็กชายหนึ่ง เด็กชายหนี่งไม่ได้เห็นผิด เพราะลูกบอลย่อมเป็นลูกบอลนั้น

สิ่งที่เด็กชายสองมองเห็น ที่นอกจากลูกบอล ต้องเป็นลูกบอลเท่านั้นตามที่เด็กชายหนึ่งเห็น เด็กชายสองได้มองผ่านลูกบอลแบบตายตัว มองข้ามไปยัง คำสอนของโค็ชต่างๆ เพื่อที่จะพัฒนาทักษะการแตะบอลของตนเองดีที่สุด เรื่องพิจารณาของเด็กชายสอง ก็ฝากให้ผู้อ่านไปพิจารณาเอาเอง

เด็กชายสาม ผู้อ่านก็ไปพิจารณากันเอาเอง

นิทานทั้งหมดก็มีอยู่แค่นี้หละครับ

8.ถ้าอ่านจากโพสของผมในลำดับต้นๆแล้วน่าจะทราบคำตอบผมนะครับ

จะขอสรุปตอบอีกครั้งแล้วกัน ความเชื่อ ความศรัทธา เป็นเรื่องส่วนบุคคลครับ ถ้าคุณคิดว่าคุณจะเชื่อแบบไหนแล้วคุณสบายใจ คุณก็เชื่อแบบนั้นไปเถอะครับ

ทั้งหมดนี่คือคำตอบของท่านครับ

 

​

​

 

สาธุ....ภาวนาว่าอย่าให้กระทู้พี่วรรณหายไปอีกเลย...

 

สวัสดียามดึกครับพี่วรรณชัย,ท่านพี่วุฒิ,คุณsupatach,คุณtaoreedman,คุณfive304,คุณThis_old_man,คุณpalmcc38,คุณyommatood, คุณizeberry , คุณtossa ,คุณช่างชิต,คุณjj85,คุณ6ThSense,น้องแพน, พี่รุ่ง, พี่กฤต, คุณเพชร,คุณชาตรี ช้างน้อย ,คุณออกพราน,คุณrung847,พี่chopper,คุณระงับ,คุณsylvenus,คุณรัก_ในหลวง ,คุณramo , คุณCobraa ,คุณนิช,คุณpowergen, คุณKRITVEE ,คุณบารมี10 คุณเมฆดำ ,คุณหมาอ้วน และศิษย์วัดท่าซุงผู้มีจิตใจดีงามทุกๆท่าน.(^__^)

 

.



....พี่ๆ น้องๆครับ เดี๋ยวพี่วรรณ ก็ลบกะทู้หรอกครับ....

 

น้อมกราบสมเด็จองค์ปฐม หลวงปู่ปาน หลวงพ่อฤาษี


สวัสดีพี่วรรณ และลูกหลานหลวงพ่อทุกท่านครับ​

 

ขอบพระคุณท่านWannachai001ที่นําเรื่องราวเกี่ยวกับหลวงพ่อมาลง ด้วยความที่รักเคารพและนับถือหลวงพ่อสุดหัวใจ ยิ่งอ่านเรื่องราวที่ท่านเขียนไว้และรูปภาพต่างๆก็มีแต่ความสบายใจชื่นใจและตั้งใจมากขึ้นที่จะทําตามคําสอนของท่านเพื่อจะตามท่านไปให้ได้ สาธุๆๆๆๆๆค่ะ (อีกไม่นานเราก็จะตายจากกันไปแล้ว ขอรักษาและดูใจตัวเองก่อนค่ะ)

 

ต้องการทราบจริงๆหรือครับ "คุณภาณุเดช" ว่าหลวงพ่อมีพูดเอาไว้ที่อื่นอีกไหม หรือแค่ต้องการจับผิดคำพูดผมที่ใช้คำว่า "หลวงพ่อของเราท่านบอกเล่าไว้ให้ทราบอยู่เสมอครับว่าพระท่านได้สงเคราะห์เรื่องอะไรไว้บ้าง" ที่ไปหักล้างคำพูดคุณที่ว่าหลวงพ่อบอกไม่เคยบอกว่าพระท่านสงเคราะห์เรื่องอะไรไว้บ้าง

นอกจากส่วนที่ผมยกมาตรงนั้นนะหรือครับก็ยังมีอานุภาพเหรียญของขวัญวันเกิดไงครับที่ผมยกมาลงสองหน้าที่ผ่านมาไงครับ หนังสือสมบัติพ่อให้ก็ต้องยกคำกล่าวหลวงพ่อมาบอกถึงอานุภาพเหรียญก็คือพระท่านสงเคราะห์ให้เหรียญนี้มีพระพุทธคุณอะไรบ้าง

และยังมีพระพุทธคุณของสมเด็จองค์ปฐมรุ่น 1, 2 และ 3 , มงกุฏเพชร, พระคำข้าวรุ่นปืนแตก ฯ
ซึ่งผมได้ลงไว้ภายในกระทู้นี้และจะนำมาเสนอให้อ่านกันต่อๆไป ไปลองหาอ่านในกระทู้นี้และคอยติดตามอ่านละกันนะครับ

ส่วนเรื่องเหรียญทำน้ำมนต์เทปวิดีโอชุดนี้ผมฟังมาหลายเที่ยวจำ เที่ยวไม่ได้ ก็ได้ยินท่อนที่หลวงพ่อบอก "ชุบทองได้แต่ต้องหุ้มพลาสติก.... สีทองหลุดไม่ได้" หลวงพ่อพูดเท่านี้เองนะครับ ท่านไม่เคยบอกต่อว่าทองลอกหลุดแล้วนี่เหรียญจะเสื่อมอานุภาพไป... ผมเคยเขียนเรื่องนี้ไปแล้วไปหาอ่านได้ในหน้า

http://palungjit.org/threads/นานาเรื่องราวหลวงพ่อพระราชพรหมยาน.538477/page-237#post9740996

ส่วนเรื่องที่ช่วยตักเตือนตอนท้ายก็ขอขอบคุณนะครับแต่เคยอ่านธรรมที่หลวงพ่อสอนไว้และคุณยกมาก่อนหน้านี้ไว้บ้างไหมครับว่า "อัตตนา โจทยัตตานัง จงกล่าวโทษโจทย์ความผิดตัวเองไว้เสมอ" คือหัดดูความชั่วความเลวบัดซบของตัวเองก่อนจะไปดูคนอื่น

 

<a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Doc2015/DSC_0080_3.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Doc2015/DSC_0080_3.jpg" border="0" alt=" photo DSC_0080_3.jpg"/></a>

<a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Doc2015/DSC_0065_4.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Doc2015/DSC_0065_4.jpg" border="0" alt=" photo DSC_0065_4.jpg"/></a>

<a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Doc2015/DSC_0132_2.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Doc2015/DSC_0132_2.jpg" border="0" alt=" photo DSC_0132_2.jpg"/></a>

(จากหนังสือรวมคำสอนธรรมปฏิบัติ เล่ม 1)

 

<a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2015/DSC_0057_1.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2015/DSC_0057_1.jpg" border="0" alt=" photo DSC_0057_1.jpg"/></a>

หลวงพ่อขนมจีน

 

<a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2015/DSC_0010.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2015/DSC_0010.jpg" border="0" alt=" photo DSC_0010.jpg"/></a>
<a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2015/DSC_0015.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2015/DSC_0015.jpg" border="0" alt=" photo DSC_0015.jpg"/></a>
<a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2015/DSC_0018_1.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2015/DSC_0018_1.jpg" border="0" alt=" photo DSC_0018_1.jpg"/></a>

 

พิธีเป่ายันต์เกราะเพชร ในปีพ.ศ. 2531

 

<a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2015/DSC_0052_1.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2015/DSC_0052_1.jpg" border="0" alt=" photo DSC_0052_1.jpg"/></a>

สมเด็จองค์ปฐมปางพระนิพพาน