บทความ...กระดานเล่าสู่กันฟัง

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย nouk, 19 ตุลาคม 2014.

  1. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ปู่เจ้าเขาเขียวได้ตั้งนามเมืองของพระองค์ใหม่ว่า "เมืองมินต์" พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ครองเมือง การปกครองเมืองของพระองค์ก็ได้ใช้ถ้ำเป็นท้องพระโรงว่าราชการ เก็บพระคลังมหาสมบัติ และเป็นที่ประทับของพระองค์และราชวงศ์ คล้ายคลึงกับที่องค์อินอธิราชได้ปฏิบัติมา แต่เป็นคนละสถานที่กัน
     
  2. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ปู่เจ้าเขาเขียวเป็นกษัตริย์ที่มีน้ำพระทัยแตกต่างจากองค์อินอธิราช กล่าวคือพระองค์มีพระทัยดุ เหี้ยมหาญ เด็ดขาด เป็นที่คร้ามเกรงของอริราชศัตรู

    ปู่เจ้าเขาเขียวมีพระมเหสี 4 องค์ มีพระราชโอรสหลายพระองค์ แต่ทรงมีพระราชธิดาเพียงพระองค์เดียวนามว่า "องค์หญิงกวักศิรินภา" ทรงพระศิริโฉมงดงามมาก มีเสน่ห์ทำให้เกิดความรักความเมตตาแก่ผู้ที่ได้พบเห็น กิตติศัพท์ความงดงามขององค์หญิงกวักศิรินภาเป็นที่เลื่องลือไปยังทั่วแคว้นแดนไกล

    แต่องค์หญิงกวักศิรินภา ต้องมาสิ้นพระชนม์ด้วยอุบัติเหตุเมื่อพระชันษาเพียง 15 พรรษา แต่กระนั้นก็ตามนามของ "นางกวัก" ก็ยังเป็นสัญญลักษณ์ของความมีเสน่ห์เมตตามหานิยม มาจนตราบเท่าทุกวันนี้
     
  3. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เมื่อปู่เจ้าเขาเขียวมีพระชนม์ย่างเข้าสู่ปัจฉิมวัย ได้มีน้ำพระทัยใฝ่ทางธรรมมะมากขึ้น จนพระองค์ได้สละราชสมบัติถือศีลภาวนา และผนวชเป็นพราหมณ์ฤาษีจนเสด็จสวรรคต ในส่วนของเมืองมินต์ เมื่อปู่เจ้าเขาเขียวได้สละราชสมบัติแล้ว ไม่ปรากฏว่ามีผู้ใดได้สืบราชสมบัติแทน โอรสและพระราชวงศ์ส่วนหนึ่งได้อพยพเข้าสู่ผืนแผ่นดินใหญ่สร้างบ้านสร้างเมืองขึ้นใหม่ ยังคงมีพลเมืองของเมืองมินต์ส่วนหนึ่งเท่านั้นที่มิได้อพยพไปไหน เป็นอันสิ้นสุดความรุ่งเรืองของเมืองมินต์

    ในช่วงต่อมาอีกไม่นานนัก เขาเขียวก็ประสบเคราะห์กรรม ได้เกิดวาตภัย อุทกภัย โหมกระหน่ำทำลายเขาเขียว จนบ้านเรือนพังพินาศ พลเมืองล้มตายลงหมดสิ้น เขาเขียวกลายเป็นป่าเขาที่รกชัฎ เต็มไปด้วยสิงสาราราสัตว์ เป็นสถานที่รกร้างไร้ผู้คน เป็นสถานที่สงบเหมาะสำหรับบำเพ็ญเพียรของฤาษีชีไพรเท่านั้น....จบค่ะ
     
  4. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ราชาแห่งวังแก้ว องค์อิน
    ราชันย์คู่เมืองมินต์ ปู่เจ้า
    เคยครองผืนแผ่นดิน นามเขา เขียวเฮย
    สองพระองค์ท่านเฝ้า ปกป้องรักษา

    เวลาลุล่วงพ้น นานนัก
    ถึงสองเมืองนี่จัก ล่มแล้ว
    หากแต่คำทายทัก ยังคง อยู่เฮย
    เมืองมินต์อีกวังแก้ว จักฟื้นคืนคง

    เชิญองค์ ปู่เจ้า เขาเขียว
    ธิดา องค์เดียว ชื่อก้อง
    องค์อิน อธิราช เรืองรอง
    คุ้มครอง พลิกคืน ฟื้นเมือง
     
  5. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    นาคิณีกับนาคีเทวี ต่างกันอย่างไรหนอ???

    นาคิณี ก้อเป็นมเหสีหนอ

    นาคิณี คือมเหสีของพญานาคผู้เป็นจอมนาคหรือกษัตริย์นาคเท่านั้น
    ส่วนนาคเทวีคือบุตรธิดา หรือพระชายาของลูกหลานกษัตริย์นาค
    นาคะเทวี หรือนาคีเทวีนั่นเอง
    ส่วนนาคีใช้กับบริวารนาคที่เป็นสตรี
     
  6. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    วันนี้รู้สึกปลงอนิจจังกับชีวิตตนเองค่ะ (ความเบื่อเป็นเหตุ)

    นั่งหน้าคอมนี่แหละ แชทคุยกับเพื่อนๆ คุยไลน์กับน้องๆ แล้วก้มมองตัวเอง นี่เรากำลังทำอะไรอยู่ รู้สึกเบื่อหน่ายตนเอง พอพิจารณาว่าตื่นเช้ามา เราก็ลุกจากที่นอนเข้าห้องน้ำ ทำธุระส่วนตัวเสร็จออกมาชงกาแฟนำมาวางไว้บนโต๊ะ หยิบโน๊ตบุคมาวางบนเตียงแล้วเปิด แล้วก็ออนเฟส ออนแชทอีกเวปนึง หยิบหมอนหนุนหัวมาพิงหลัง หันทำโน่นทำนี่ไปด้วย จิบกาแฟไปแชทไป ยิ้มไปอย่างมีความสุข

    สัมภาระทุกอย่างจะวางอยู่ข้างๆ เตียงนอน พอหิวก็ลุกจากเตียงไปตักอาหารมานั่งรับประทานไปด้วย แชทไปด้วย ฟังเพลงสลับไปมา นั่งหัวเราะอยู่หน้าคอม พอตกเย็นก็เข้าห้องน้ำอาบน้ำ แล้วมานั่งแชทต่อจนดึก ง่วงก็เก็บโน๊ตบุค จัดเตียงนอนเอาหมอนวางลงเพื่อใช้หนุนนอน แล้วก็สวดมนต์ทำสมาธิจนหลับไป ตื่นมาก็ทำเหมือนเดิมอีก เป็นอย่างนี้ในทุกวัน ถ้าไม่ออกไปไหน

    เห็นวงจรชีวิตในปัจจุบันของตนเองแล้วเกิดความเบื่อหน่าย ถามตัวเองว่าไปทำงานมั้ย คำตอบคือไม่ ไม่ทำแล้ว...เบื่อ เบื่อที่จะมี เบื่อที่จะเป็น แล้วถามตัวเองว่าเราจะอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะตายหรือ สุขภาพก็ดี๊ดี ไม่เคยเจ็บไม่เคยป่วย แล้วเมื่อไหร่เราจะตายล่ะ อีกนานแค่ไหนไม่รู้ ไปบวชดีมั้ย ไม่ได้อีก จะไปเป็นภาระให้พระท่านเปล่าๆ ถ้าเป็นผู้ชายคงจะดี ป่านนี้ไปอยู่ป่าไหนแล้วก็ไม่รู้

    ก็เลยถามองค์แม่ไปในใจว่า จะให้เป็นอยู่อย่างนี้อีกนานมั้ย เบื่อเหลือเกิน อยากกลับบ้าน ได้คำตอบว่า...ถ้าเบื่อก็เร่งความเพียรเข้าซิ จบกิจจะได้กลับบ้าน (มองเห็นอนาคตเลย มีแค่ทางเดียว ทางอื่นไม่มี) :'(
     
  7. apichai53

    apichai53 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    630
    ค่าพลัง:
    +2,261
    ท่าน noulk มีบุญบารมีและกำลังจิตที่น้อยคนจะมี.. การดำรงอยู่ในธาตุขันธ์มนุษย์ จะเป็นประโยชน์ ต่อสิ่งมีชีวิตรอบข้าง และภพถูมิต่างๆ ทุกขณะจิตที่ทรงอยู่ในธรรม ก็แผ่พลังงานแห่งแสงสว่าง พลังแห่งความดี ออกไปรอบข้าง ไปทั่วภพภูมิ (ช่วยลดพลังงานมืดดำที่ปกคลุมโลกไปทั่วอยุ่ณ ขณะนี้)

    แม้จะอยู่ในที่จำกัด แต่จิตสามารถไปได้ทั่วหมด กำหนดจิตแผ่พลังงานบุญ พลังงงานแห่งแสงสว่าง ไปสู่สรรพสัตว์โดยรอบ และทุกๆสถานที่ ที่จิตระลึกได้..น้อยคนที่จะทำได้ ทุกวันเวลานาทีในธาตุขันธ์มนุษย์ของท่านมีประโยชน์ อย่ามองข้าม อย่าเบื่อตัวเอง เป้าหมายนั้นไปถึงกันอยู่แล้ว แต่ในระหว่างนี้ สรรพสัตว์ภพภูมิต่างๆ เขารออยู่ ทุกเวลานาทีมีค่ามาก

    ขออนูโมทนาสาธุกับท่านด้วย

    (เขียนไปตามที่ใจรู้สึก ผู้เขียนเองก็ไม่มีอะไรมาก ..หากกระทบทั่งก็ขออภัยด้วย)
     
  8. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ เป็นธรรมดาของความเบื่อที่เกิดขึ้น แล้วก็ทรงตัวอยู่ จากนั้นก็ดับไปในที่สุด เราเวียนว่ายตายเกิดกับอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ตลอดเวลา

    การดำรงธาตุขันธ์มนุษย์ ทำได้ก็เพียงแค่นั้นเอง จริงอย่างที่คุณมโนวิญญาณกล่าวมาทุกอย่างค่ะ

    ขออนุโมทนากับทุกบุญกุศลของคุณเช่นกัน สาธุ
     
  9. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    อุบายแก้เบื่อค่ะ ถ่ายรูปลูกแก้ว คริคริ
    จะให้เป็นสีม่วงเข้มให้ได้เลย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ย้อนหลังไป 2 ปี ได้รู้จักน้องผู้หญิงคนหนึ่งทางเฟสบุค ก็ได้พูดคุยสนทนากันทางออนไลน์เกือบทุกวัน ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องสัพเพเหระ แล้วก็เรื่องราวในอดีตชาติของแต่ละคน เมื่อคุยกันไปคุยกันมาทำให้ทราบว่าเรานั้นมีที่มาที่เกี่ยวข้องกัน โดยมีต้นกำเนิดมาจากที่เดียวกัน

    จนอยู่มาวันหนึ่ง น้องก็ขอเส้นผมของเราเพื่อเก็บไว้บูชา เค้าคิดอะไรอยู่ในตอนนั้นก็ไม่รู้เหมือนกันนะ แต่ก็ขะยั้นขะยอขอทุกวันที่ได้พบเจอกันทางออนไลน์ จะเอาไปทำไมมันก็แค่เส้นผมธรรมดานี่แหละ เป็นแค่ธาตุดินไม่มีความวิเศษวิโสอะไรหรอก เค้าก็บอกว่าอยากได้ ไม่ต้องการอะไรจากเราทั้งนั้น ขอแค่เพียงเส้นผมจะเก็บไว้เพื่อระลึกถึง มีประโยคหนึ่งซึ่งเค้าพูดมาแล้วทำให้เราขำมาก นั่นคือ น้องเค้าทำงานที่เกี่ยวข้องกับพวกเทพและที่ทำงานมักจะทำพิธีบวงสรวงเทพบ่อยๆ จะมีพวกร่างทรงมาร่วมงานแล้วก็ร่ายรำกัน เค้ากลัวคนพวกนี้เพราะว่ามีการเล่นของ คุณไสยมนต์ดำ เค้าก็เลยขอเส้นผมของเราเพื่อนำไปคุ้มครองป้องกันภัยจากผี 555

    นั่นคือความคิดของเค้านะ ขำมั้ยล่ะ จะเอาผมเราไปป้องกันผีซะแล้ว เห็นเราเป็นอะไรเนี่ย คงต้องเรียกว่าศรัทธา ขอมาหลายครั้งจนเราใจอ่อน ก็เลยนำเส้นผมที่เวลาเราหวีผมแล้วมันร่วงติดหวี เราจะไม่ทิ้งเส้นผม จะเก็บแล้วก็ขมวดๆ ไว้เป็นก้อนกลมๆ ก็เลยส่งไปให้พร้อมกับเหรียญที่ได้มาตอนที่ไปวัดแขก มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับการไปวัดแขกค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    วัดแขกนี่รู้จักตั้งแต่สมัยยังเรียนอยู่ แล้วไปหาพี่สาวที่เรียนอยู่พณิชยการสีลม ก็จะได้เห็นวัดแขกแต่ไม่รู้สึกว่าสนใจ ออกจะแนวๆ กลัวซะด้วยซ้ำไป ด้วยรูปปั้นสีสันต์ต่างๆ ที่เป็นองค์ประกอบของอาคาร ในใจตอนนั้นบอกว่าผีแขก 555

    พี่สาวเล่าให้ฟังว่า เวลามีงานแห่องค์เทพที่ชาวฮินดูนับถือกัน เค้าก็จะปิดถนน มีพวกร่างทรงเอาหอกเอาดาบแทงปาก เดินตามถนน น่ากลัวมาก

    ที่เล่าให้ฟังไม่ใช่แอนตี้อะไรนะ เป็นเรื่องของความศรัทธา แต่เราศรัทธาพระรัตนตรัย ไม่ได้สนใจเรื่องทรงเจ้าเข้าผี เข้าใจตรงกันนะ
     
  12. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ทีนี้ เหตุที่ได้ไปเกิดจากเพื่อนผู้หญิงที่เป็นทนายความ เกิดเรื่องทุกข์ใจและอยากไปไหว้พระแม่ที่วัดแขก แต่ไม่เคยไปๆ ไม่ถูก ก็มาขอให้เราไปเป็นเพื่อนและเรารู้ทางด้วย ก็เลยไปกับเพื่อนนี่แหละ พิธีกรรมอะไรไม่รู้สักอย่างเลย

    พอไปถึงก็ไปซื้อดอกไม้ธูปเทียนและผลไม้ที่ทางวัดจัดไว้ให้ ตอนนั้นถ้าจำไม่ผิดชุดละหกสิบบาทหรือไงเนี่ย ไม่แน่ใจนะ เพราะว่าผ่านมาหลายปีแล้ว พอเข้าไปในโบสถ์วัดแขก ก็ดูและทำตามคนอื่นๆ ที่เค้าทำกัน พอนำผลไม้ไปวาง จะมีพราห์มยืนเจิมหน้าด้วยผงสีแดงให้กับทุกคน แล้วก็ให้ของที่ระลึกเป็นเชือกสีแดงผูกข้อมือ อ้อจุดธูปเทียนด้านนอกนะ มีกระถางธูปใบใหญ่ๆ อยู่ด้านหน้า ผลไม้ในถาดนำไปถวายด้านใน ถวายเสร็จแล้ว พราห์มจะนำออกมาให้เรากลับไปรับประทาน แต่ตอนที่ไปครั้งแรกเราไม่รู้ ไม่ได้นำกลับมา

    ตอนที่เดินออกมาด้านนอกทางด้านซ้ายมือ จะมีช่าวบอกบุญการจัดสร้างซุ้มประตูเงินให้กับเทพหรือไงเนี่ย เราก็ชักจะเลือนๆ เราก็ร่วมทำบุญด้วย เวลานั้นไม่ได้สนใจว่าเป็นศาสนาอะไร แต่สนใจว่าเป็นการทำทาน จึงทำไปหนึ่งร้อยบาท เจ้าหน้าที่ก็ให้เหรียญพระแม่มาหนึ่งเหรียญ เราดูไม่เป็นหรอก ไม่รู้ว่าเป็นพระแม่อะไร แต่ก็นำมาเก็บไว้ที่ห้องพระวางไว้ที่โต๊ะของชั้นเทพ แล้วเหรียญนี้เราก็ให้ไปพร้อมกับเส้นผมแก่น้องคนที่ขอเส้นผมเรามา...จบ
     
  13. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ก็ได้ไปทั้งหมดสามครั้งด้วยกันค่ะที่วัดแขก ไปโดยไปเป็นเพื่อนของเพื่อน โดยส่วนตัวไม่เคยมีความคิดที่จะไปเลย

    เพราะตลอดเวลาเราไม่ได้รู้สึกว่าพระแม่อยู่ที่วัดแขกหรือว่าอยู่ที่ไหน ท่านก็อยู่กับเราตลอดเวลานะ
     
  14. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    การขัดเกลาราคะ (ชื่อเรื่อง) ตั้งชื่อเรื่องไว้ก่อน แต่เวลาที่พิมพ์ไปไม่รู้ว่าจะตรงกับชื่อเรื่องหรือป่าวนะ

    จะขึ้นต้นตรงไหนดี แต่รู้ว่าต้องลงท้ายยังไง 555

    อืม...ได้เห็นธรรมตอนที่ไปขัดกาต้มน้ำที่พระนำไปใช้ต้มน้ำในป่าปริวาส ท่านใช้ฟืน กาต้มน้ำจึงมีเขม่าควันไฟจับดำ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเราคงโมโหให้พระ 555 ใช้ของไม่คิดถึงคนเก็บล้าง เก็บทำ แต่แปลกที่เวลานั้นเรากลับเห็นว่าช่างมัน เมื่อมันดำไปแล้วก็ขัด ก็ล้างไป

    ใช้ฝอยขัดหม้อกับน้ำยาล้างจานนี่แหละ ตอนแรกพิจารณาว่ามันจะขัดออกหรือเปล่าหนอ เพราะว่าเขม่าควันไฟจับดำหนามาก สังขารก็เริ่มปรุงแต่ง ฟุ้งซ่านไป สติมาบอกว่าฟุ้งแล้วนะ ปรุงแต่งแล้วนะ สัมปชัญญะก็บอกว่าขัดไปก่อนจะได้รู้ว่ามันจะสะอาดเหมืนเดิมหรือไม่ ใช้สติกำกับในการขัด ขัด ดู รู้แค่นั้นพอ

    [​IMG]
     
  15. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เราก็ขัดไปพร้อมกับดูลมหายใจไป พุทโธไป สติจดจ่ออยู่ที่มือที่นิ้ว ขัดเร็วขัดแรงก็เหนื่อยเปล่า เพราะก้นกาต้มน้ำเป็นรอยหยัก ไม่ใช่พื้นเรียบๆ อีกอย่างนึงการทำอะไรเร็วๆ ทำให้ต้องหายใจเร็วๆ แรงๆ หัวใจก็จะสูบฉีดเลือดแรง ทำให้เหนื่อยเร็ว จึงต้องทำด้วยสติและอานาปานสติกำกับไป มันกลายเป็นฌานไปโดยไม่รู้ตัว เพราะว่ากายเบา จิตเบา ตาก็ยังเห็นมือขัดๆ ก้นกาดำๆ นั้นอยู่ มือจรดขัดไปตรงไหน ตรงนั้นก็ขาว ความรู้สึกของเราตอนนั้น เราขัดไปอย่างช้าๆ เพราะตาจะดูทุกจุดที่มันยังมีรอยดำตกค้างอยู่ แล้วก็เอานิ้วกดฝอยขัดหม้อลงไปตรงบริเวณนั้น ค่อยๆ ถูรอยดำๆ นั้นจนมันขาว ไม่มีคนขัดกาน้ำ แต่ว่าตายังเห็นมือขัดๆ อยู่ ไม่รู้สึกถึงกาย เห็นแต่สิ่งของที่ถูกขัด จนเวลาผ่านไป กาต้มน้ำใบนั้นก็กลับมาขาวสะอาดเหมือนใหม่ดังเดิม

    ณ เวลานั้น ขณะที่ขัดไป ก็พิจารณาไปว่าก้นกาน้ำดำๆ นี้ก็เหมือนกิเลสราคะที่ห่อหุ้มหมักหมมเคลือบจิตไว้จนดำ มืดบอด เมื่อทิ้งไว้นานวันมันก็เป็นคราบดำหนา หากเราจะขัดมันก็ต้องใช้สติปัฏฐานสี่นี่แหละ
     
  16. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ใช้ใจร้อนๆ ไปขัดไม่ได้เลย เห็นอารมณ์ของใจร้อนว่ามีเหตุมาจากตัณหา ต้องการให้มันเสร็จเร็วๆ สะอาดเร็วๆ เห็นโทสะเมื่อขัดแล้วไม่ได้ดังใจ แต่เมื่อเราขัดด้วยสติปัฏฐานสี่ คือมีอารมณ์จิตเป็นอารมณ์เดียว (เอกัคตารมณ์) ว่างจากกิเลสตัณหา ขัดไปโดยหน้าที่ ไม่ได้คำนึงถึงผลงานและระยะเวลา ทำไปเรื่อยๆ ตามขั้นตอนของมันอย่างเป็นธรรมชาติ

    เออ...มันก็เสร็จเพราะว่าสะอาดใสกิ๊งเหมือนเดิม จิตที่เปื้อนกิเลสราคะก็เช่นเดียวกัน จำต้องขัดเกลาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน โดยไม่ต้องไปคำนึงถึงผลงานและระยะเวลา

    ปล. สติปัฏฐานสี่เป็นเหตุให้เกิดสมาธิ เกิดฌาน เกิดปัญญา:cool:
     
  17. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    "โกกิลาผู้ประหารกิเลส"

    แลแล้วพระอานนท์ก็กล่าวว่า "น้องหญิง! ชีวิตนี้เริ่มต้นด้วยเรื่องที่น่าละอาย ทรงตัวอยู่ด้วยเรื่องที่ยุ่งยากสับสน และจบลงด้วยเรื่องเศร้า อนึ่งชีวิตนี้เริ่มต้นและจบลงด้วยเสียงคร่ำครวญ เมื่อลืมตาขึ้นดูโลกนี้เป็นครั้งแรกเราก็ร้องไห้ และเมื่อจะหลับตาลาโลกเราก็ร้องไห้อีก หรืออย่างน้อยก็เป็นสาเหตุให้คนอื่นหลั่งน้ำตา เด็กร้องไห้พร้อมด้วยกำมือแน่นเป็นสัญญลักษณ์ว่าเขาเกิดมาเพื่อจะหน่วงเหนี่ยวยึดถือ แต่เมื่อจะหลับตานั้นทุกคนแบมือออก เหมือนจะเตือนให้ผู้อยู่เบื้องหลังสำนึก และเป็นพยานว่าเขามิได้เอาอะไรไปเลย

    "น้องหญิง! อาตมาขอเล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟังสักเล็กน้อย อาตมาเกิดแล้วในศากยวงศ์อันมีศักดิ์ ซึ่งเป็นที่เลื่องลือว่าบริสุทธิ์ยิ่งในเรื่องตระกูล อาตมาเป็นอนุชาแห่งพระบรมศาสดา และออกบวชติดตามพระองค์เมื่ออายุได้ ๓๖ ปี ราชกุมารผู้มีอายุถึง ๓๖ ปีที่ยังมีดวงใจผ่องแผ้วไม่เคยผ่านเรื่องรักๆ ใคร่ๆ มาเลยนั้นเป็นบุคคลที่หาได้ยากในโลก หรืออาจจะหาไม่ได้เลยก็ได้ น้องหญิงอย่านึกว่า อาตมาจะเป็นคนวิเศษเลิศลอยกว่าราชกุมารทั้งหลาย อาตมาเคยผ่านความรักมาและประจักษ์ว่า ความรักเป็นความร้าย ความรักเป็นสิ่งทารุณและเป็นเครื่องทำลายความสุขของปวงชน อาตมากลัวต่อความรักนั้น

    ทุกคนต้องการความสมหวังในชีวิตรัก แต่ความรักไม่เคยให้ความสมหวังแก่ใครถึงครึ่งหนึ่งแห่งความต้องการ ยิ่งความรักที่ฉาบทาด้วยความเสน่หาด้วยแล้วจะเป็นพิษแก่จิตใจ ทำให้ทุรนทุรายดิ้นรนไม่รู้จักจบสิ้น ความสุขที่เกิดจากความรักนั้นเหมือนความสบายของคนป่วยที่ได้กินของแสลง เธออย่าพอใจในเรื่องความรักเลย เมื่อหัวใจถูกลูบไล้ด้วยความรัก หัวใจนั้นจะสร้างความหวังขึ้นอย่างเจิดจ้า แต่ทุกครั้งที่เราหวังความผิดหวังก็จะรอเราอยู่
     
  18. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    น้องหญิง! อย่าหวังอะไรให้มากนัก จงมองดูชีวิตอย่างผู้ช่ำชอง อย่าวิตกกังวลอะไรล่วงหน้า ชีวิตนี้เหมือนเกลียวคลื่นซึ่งก่อตัวขึ้นแล้วม้วนเข้าหาฝั่งและแตกกระจายเป็นฟองฝอย จงยืนมองดูชีวิตเหมือนคนผู้ยืนอยู่บนฝั่งมองดูเกลียวคลื่นในมหาสมุทรฉะนั้น

    "โกกิลาเอย! เมื่อความรักเกิดขึ้น ความละอายและความเกรงกลัวในสิ่งที่ควรกลัวก็พลันสิ้นไป เหมือนก้อนเมฆมหึมา เคลื่อนตัวเข้าบดบังดวงจันทร์ให้อับแสง ธรรมดาสตรีนั้นควรจะยอมตายเพราะความละอาย แต่แทนที่จะเป็นเช่นนั้นความละอายมักจะตายไปก่อนเสมอ เมื่อความใคร่เกิดขึ้นความละอายก็หลบหน้า เพราะเหตุนี้พระบรมศาสดาจึงตรัสว่าความใคร่ทำให้คนมืดบอด อนึ่งโลกมนุษย์ของเรานี้ เต็มไปด้วยชีวิตอันประหลาดพิสดารต่างชนิดและต่างรส ชีวิตของแต่ละคนได้ผ่านมาและผ่านไป ด้วยความระกำลำบากทุกข์ทรมาน ถ้าชีวิตมีความสุขก็เป็นความหวาดเสียวที่จะต้องจากชีวิตอันรื่นรมย์นั้นไป
     
  19. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    "โกกิลาเอย! มนุษย์ทั้งหลายผู้ยังมีอวิชชาเป็นฝ้าบังปัญญาจักษุนั้น เป็นเสมือนทารกน้อยผู้หลงเข้าไปในป่าใหญ่อันรกทึบซึ่งเต็มไปด้วยอันตรายอันน่าหวาดเสียวและว้าเหว่เงียบเหงา มนุษย์ส่วนใหญ่แม้จะร่าเริงแจ่มใสอยู่ในหมู่ญาติและเพื่อนฝูง แต่ใครเล่าจะทราบว่าในส่วนลึกแห่งหัวใจเขาจะว้าเหว่ และเงียบเหงาสักปานใดแทบทุกคนว้าเหว่ไม่แน่ใจว่าจะยึดเอาอะไรเป็นหลักของชีวิตที่แน่นอน เธอปรารถนาจะเป็นอย่างนั้นด้วยหรือ?

    "น้องหญิง! บัดนี้เธอมีธรรมเป็นเกาะที่พึ่งแล้วจงยึดธรรมเป็นที่พึ่งต่อไปเถิด อย่าหวังอย่างอื่นเป็นที่พึ่งเลย โดยเฉพาะความรักความเสน่หาไม่เคยเป็นที่พึ่งจริงจังให้แก่ใครได้ มันเป็นเสมือนตอที่ผุ จะล้มลงทันทีเมื่อถูกคลื่นซัดสาด
     
  20. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    "ธรรมเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตมนุษย์ ไม่ว่าเขาจะอยู่ในเพศใดภาวะใด การกระทำที่นึกขึ้นภายหลังแล้วต้องเสียใจนั้น พระศาสดาทรงสอนให้เว้นเสีย เพราะฉะนั้นแม้จะประสบปัญหาหัวใจ หรือได้รับความทุกข์ยากลำบากสักปานใด ก็ต้องไม่ทิ้งธรรม มนุษย์ที่ยังมีอาสวะอยู่ในใจนั้น ย่อมจะมีวันพลั้งเผลอประพฤติผิดธรรมไปบ้าง เพราะยังมีสติไม่สมบูรณ์ แต่เมื่อได้สติในภายหลังแล้ว ก็ควรตั้งใจประพฤติธรรมสั่งสมความดีกันใหม่ ยิ่งพวกเรานักบวชด้วยแล้วจำเป็นต้องมีอุดมคติ การตายด้วยอุดมคตินั้นมีค่ากว่าการเป็นอยู่โดยไร้อุดมคติ

    "น้องหญิง! ธรรมดาว่าไม้จันทร์นั้น แม้จะแห้งก็ไม่ทิ้งกลิ่น อัศวินก้าวลงสู่สงครามก็ไม่ทิ้งลีลา อ้อยแม้เข้าสู่หีบยนต์แล้วก็ไม่ทิ้งรสหวาน บัณฑิตแม้ประสบทุกข์ก็ไม่ทิ้งธรรม พระศาสดาทรงย้ำว่าพึงสละทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อรักษาธรรม
     

แชร์หน้านี้

Loading...