ปุถุชน....คนช่างสงสัย...

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย raming2555, 4 กุมภาพันธ์ 2015.

  1. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,424
    ค่าพลัง:
    +35,040
    การตั้งใจปฏิบัติธรรมไม่ใช่ว่าไม่ดีครับ
    แต่ว่ามันจะเป็นการไปปิดกั้นตัวเราเอง
    ก็คือปิดตัวใจเราอย่างที่เราคาดไม่ถึงครับ...
    ให้เปลี่ยนจากความตั้งใจ มาเป็นการเจริญสติ
    ในชีวิตประจำวันจะวิธีไหนก็ได้ขอเพียงแต่ให้มีฐาน
    อยู่ที่กาย ให้มันต่อเนื่องให้ได้ครับ (ปกติเรามักจะลืม
    ช่วงที่เราทำอะไรเป็นปกติจนคุ้นเคยเป็นเหตุให้การสร้าง
    สติทางธรรมไม่ต่อเนื่อง เช่น เดินไปทำธุระส่วนตัว
    เดินไปทานข้าว ฯลฯ). ก็เพื่อที่จะสร้างตัวสติทางธรรม
    ให้มันเกิดขึ้นครับ สติทางธรรมไม่ใช่สติทางโลกๆอย่างที่
    เรามักจะเข้าใจว่าเรามีสติแต่ก็พูดๆไปทั้งๆที่เราไม่มีสตินะครับ...
    และไม่ใช่สติที่เกิดจากการที่ท่องๆจำๆมาด้วยครับ
    สติทางธรรมมันก็คือ ตัวที่คอยควบคุมความคิด.
    สติทางธรรมมันก็คือ ตัวที่คอยควบคุมพฤิติกรรมของจิต
    ความคุมทั้งความคิดไม่ให้เกิด ควบคุมพฤติกรรมของจิต
    ไม่ให้จิตมันไปรวมกับความคิดที่เกิดจากจิต(ความคิดที่
    เราสามารถเปลี่ยนแปลงได้ เช่น บอกว่า ดินสอสวย หรือดินสอ
    ไม่สวยก็ได้ ทั้งๆที่เป็นดินสอแท่งด้วยกัน) และคอยควบคุมจิต
    ไม่ให้ไปรวมกับขันธ์ ๕ ฝ่ายนามธรรม หรือ วิบากกรรมเก่า
    หรือ ความคิดที่ผุดขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ สุดแล้วแต่จะเรียก
    ซึ่งเป็นฝ่ายนามธรรมเป็นฝ่ายอารมย์ทั้งนั้น ซึ่งมักจะเป็นเรื่องราว
    ในอดีตที่ผ่านมาแล้วทั้งนั้น ที่เราไปรับรู้มาอย่างใดอย่างหนึ่ง
    จากการได้ยิน ได้ฟัง ได้รู้ ได้เห็น ได้สัมผัสทางจิตอย่างใดอย่างหนึ่ง
    และคอยควบคุมกระแสแหย่ต่างๆจากภายนอกที่จะคอยยุคอยแหย่
    ให้เราเป็นโน้นนี่นั้น แสดงอารมย์โน้นนี่นั้น(กรณีบุคคลที่พอมีสัมผัส
    ทางจิตมาบ้างไม่ว่ากรณีใดกรณีหนึ่ง)
    สร้างสติทางธรรมก็เพื่อให้ ตัวจิตคลายจากความคิดที่เกิดจากจิตตรงนี้
    สร้างเพื่อให้ตัวจิตมันตัวเองออกจากขันธ์ ๕ ส่วนนามธรรมตรงนี้
    คลายจากกระแสภายนอกตรงนี้อย่างที่เล่าให้ฟังมา
    ให้มันค่อยๆลด ค่อยละจากตรงนี้ จนจิตเห็นว่า
    เรื่องพวกนี้มันไร้สาระ ไม่มีประโยชน์ ไร้แก่นสาร เป็นสาเหตุของความทุกข์
    เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ ตัวจิตเราถึงจะเริ่มแยกและคลายตัวเองออก
    จากทั้งความคิด ขันธ้ ๕ นามธรรม กระแสภายนอกพวกนี้ได้
    ตัวเราเองก็จะเห็นพวกนี้แยกเป็นส่วนของใครของมันได้เอง
    เราก็จะเข้าใจกิริยาต่างๆที่เกิดจากจิตได้เอง...

    ไม่ว่าจะเป็นกิริยาที่จิตรวมกับความคิด หรือกิริยาที่จิตรวมกับขันธ์ ๕ นามธรรม
    กิริยาที่จิตรวมกับกระแสภายนอกได้ด้วยตัวของเราเองครับ....
    เราถึงจะรู้เท่าทันความคิดต่างๆของเราได้ เราถึงจะรู้เท่าทันพฤติกรรม
    ต่างๆของจิตเราได้ ซึ่งมันส่งผลต่อการแสดงความคิดเห็นต่างๆของเรา ตลอดจนกระทั้ง
    การตัดสินใจรวมทั้งการกระทำของเราในลำดับต่อมาด้วยครับ...
    และที่สำคัญตัวสติทางธรรมนี้ หากเราสร้างไปถึงในระดับที่เราแยกรูปแยกนามได้
    นอกจากจะทำให้เราสามารถเริ่มต้นเดินปัญญาเพื่อลดละกิเลสได้แล้วนั้น
    ยังมีผลโดยตรงต่อความ เข้าใจของเราทางด้านนามธรรมในทุกๆเรื่องครับ
    ไม่ว่า จะสัมผัสโน้นนี่นั้นต่างๆ ไม่ว่าจะความเข้าใจทางด้านทางปฏิบัติต่างๆ
    ที่เป็นนามธรรมต่างๆของเราด้วยครับ
    หรือแม้แต่การรู้เท่าทันอารมย์ต่างๆ กิเลสต่างๆ ซึ่งล้วนเป็นนามธรรมเช่นกัน
    ซึ่งสติทางธรรมเป็นอะไรที่มันสำคัญมากๆ
    ต่อทุกความเข้าต่างๆของเราทางด้านนามธรรม
    เราอย่างลืมว่า กิเลสมันก็เป็นนามธรรม อารมย์มันก็เป็นนามธรรม
    ความคิดต่างๆมันก็เป็นนามธรรม เราจึงไม่ควรประมาทในเรื่องนี้ครับ
    ไม่ใช่ว่าเราไม่เคยเริ่มสร้างสติทางธรรมตรงนี้ให้เกิดขึ้นเลย
    แล้วเราไปหวังว่าเราจะเอาจะรู้แต่ธรรมระดับสูงๆ
    เราจะมีสัมผัสพิศดารล้ำลึกแบบสูงๆ
    เราจะมีความสามารถแบบสูงๆ
    เราจะมีกำลังจิตแบบสูงๆ เราจะกลายเป็นผู้มากบารมี
    ได้รับการยอมรับจากภพภูมิระดับต่างๆ เราจะ
    กลายเป็นผู้สร้างบุญ สร้างกุศลในระดับที่สูงๆ เราจะเป็นผู้มี
    ความสามารถในระดับสูงๆ เราจะเป็นผู้ที่เข้าถึงการหลุดพ้นได้แน่นอน
    มันจะเป็นไปได้ไหมหละครับ ถ้าหากความเข้าใจ หรือเครื่องมือที่จะทำ
    ให้เราเข้าใจในด้านนามธรรมต่างๆเรายังไม่สนใจที่สร้างให้มี เรายังไม่
    สนใจที่จะทำให้มันต่อเนื่อง เราจะเอาอะไรไปเห็นได้ ไปรู้เท่าทันได้
    เอาอะไรไปเป็นฐานที่จะสร้าง ที่จะพัฒนาเรื่องต่างๆเหล่านั้นได้ซึ่งล้วน
    แล้วแต่เป็นนามธรรมทั้งครับ...

    หรือแม้กระทั่งการที่เราจะเดินปัญญาเพื่อลด ละ กิเลส ต่างๆที่ขึ้นในใจเรา
    หรือจากกระแสวิบากหรือกระแสจรต่างๆที่เข้ามา ที่มาหนุนให้เราเกิดกิเลส
    ไม่ว่าด้านใดด้านหนึ่ง เพื่อที่จะให้จิตเรามันคลายตัวเองออกจากกระแสหรือ
    คลายตัวออกจากกิเลสพวกนั้นด้วย เพราะถ้าเราไม่สร้าง ไม่มี หรือมีไม่พอ
    แม้ว่ากำลังสติทางธรรมมันจับได้ แต่กำลังมันก็จะไม่พอที่จะให้จิตคลายตัวได้
    ไม่พอให้จิตตัดหรือทิ้ง กิเลส เรื่องราวต่างๆที่ผุดขึ้นมา หรือเรื่องราวต่างๆที่เข้า
    จากภายนอกทั้งแบบที่เข้ามาเอง หรือแบบที่เราไปดึงมันเข้ามาจากอายตะนะ
    ของเราเองครับ...เราก็อาจจะกลายเป็นบุคคลที่เข้าใจว่าตัวเองมีสติ
    ทั้งๆที่ก็พูดอย่างไม่สติแบบไม่รู้ตัวได้อย่างคาดไม่ถึงครับ...
    ตรงนี้ต้องพึงพิจารณาให้ดีๆครับ
    ปล.ที่เล่าใหัฟังตรงนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญในลำดับแรกๆเลยนะครับ..

    และถ้าอ่านแล้วยังงงๆอยู่ คิดอะไรไม่ออก ในชีวิตประจำวันหายใจเข้า
    และออกให้มันลึกถึงท้องเอาไว้แต่ไม่ต้องไปตามลมหาย ทำเพียงความรู้สึก
    รับรู้ว่ามีลมมันกระทบและหยุดอยู่ที่ปลายจมูกในขณะที่เราหายใจเข้าออกนั้น
    และถ้าเรากำลังเคลื่อนไหวร่างกายหรือถ้าเราเดินอยู่
    ก็หัดนับจำนวนก้าวในขณะที่เรากำลังเดินให้เป็นนิสัยซะ..
    ส่วนทำงานอะไรก็ตั้งใจทำไปให้มันเต็มที่ซะ
    และเรื่องอื่นๆภายนอกทั้งหลาย
    เด่วก็พูดเรื่องคนนั้น เด่วก็พูดเรื่องคนโน้น เรื่องคนนี่
    ไม่ต้องไปคิดแทนคนอื่นๆเค้า ไม่ต้องไปเข้าใจแทนคนอื่นเค้า
    เรื่องอด่ง เรื่องอดีต เรื่องอนาตค อนางอ ทั้งหลายก็งดๆเบาๆลงซะ
    ให้มันน้อยลงเรื่อยๆ ถ้ามันไม่มีประโยชน์อะไรก็ไม่จำเป็นต้องไปสน
    ใจเรื่องภายนอกอะไร.เอาแต่ตัวเราเอง ดูแต่เรื่องเราเองนี้หละครับ
    ..แล้วหัดพิจารณาบ้างว่า อารมย์นี้ อารมย์นั้น
    อารมย์โน้น มันเกินขึ้นตอนไหน มันดับไปตอนไหน มันเกิดขึ้นได้อย่างไร
    มันเกิดขึ้นเพราะสาเหตุอะไร เราถึงจะได้ทั้งสติทางธรรมได้ทั้งปัญญาทางธรรม
    ไปในเวลาเดียวกัน ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนส่งผลต่อการคลายตัวของจิตเรา
    (กิริยาการคลายตัวของจิต คือรู้สึก เบาๆสบายๆโล่งๆบริเวณลิ้นปี่
    หรือกิริยาคลายตัวของจิตแบบที่รู้สึกเย็นๆร่วมด้วยบริเวณ
    ลิ้นปี่หลังจากที่ตัวปัญญาทางธรรมมันตัดเรื่องใดเรื่องหนึ่งได้)
    ได้ทั้งนั้นในเวลาลืมตาปกติในระหว่างวันครับ
     
  2. น้ำเกลี้ยง

    น้ำเกลี้ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    211
    ค่าพลัง:
    +505
    คำถามน้า old ก็ทำให้พวกเราได้เรียนรู้จากคำตอบของครูป๋านพเรานะครับ ผมแอบมาอ่านตลอด แต่ ยังไม่ค่อยกล้าถามรูย เพราะก็จะประมาณว่า ตั้งนานแล้ว ยัง ติด นางไม้ สาวๆ อยู่เลย 555 :mad:
     
  3. ล้อเล่น

    ล้อเล่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    4,924
    ค่าพลัง:
    +18,649
    คุณนพคะ เหมือนกะเราปลดปล่อยเรื่องที่ทำให้เราขุ่นมัวออกไป แล้วเบาสบายใจนิ
     
  4. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,293
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    เข้ามาเล่าค่ะ ที่มีอาการเกร็งที่สมองและความคิดอกุศลบ่อยๆเกี่ยวกับการปรามาสพระรัตนตรัยและบุพการี ผู้มีพระคุณ มีวันนึงเป็นหนักมาก คือเป็นคนที่จะทิ่มแทงทำร้ายตัวเองด้วยความคิดร้ายๆ นึกทบทวนว่าเคยถามบิดาว่าเราสามารถใช้วิธีรู้ทันได้มั้ย ท่านบอกว่าผิดตั้งแต่ต้นแล้ว ต้องแก้ที่ต้น ไม่ใช่แก้ที่ปลาย ช่วงนั้นเลยฟังคำสอนครูอ้อยตลอด ทำให้จิตเบิกบานเป็นสุข และเจริญพรหมวิหารได้ พอมาช่วงนี้อาการเป็นอีก ก้อเลยทำใจให้ว่างเปล่าดูก้อไม่รู้ว่าถูกวิธีรึเปล่านะคะ แต่พอจิตใจว่างเปล่า ก้อปลอดโปร่งดี ข้าน้อยคิดว่า ปัญหาน่าจะมาจากการที่ตัวข้าน้อยไม่รักตัวเอง จึงมักเหยียบย่ำตัวเองให้ตกต่ำ แทนที่จะดึงตัวเองให้พ้นจากหล่ม

    จะสวดบทขอขมาพระรัตนตรัยไปเรื่อยๆค่ะ แล้วก้อสวดบทอาการะวัตตาสูตร
     
  5. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,293
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    สังเกตว่าจุดอ่อนของตัวเองคือ ท้อง่าย ไม่มีกำลังใจ พอนึกถึงสามีกับลูกๆก้อจะมีแรงมากขึ้น ..
     
  6. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,424
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ๕๕๕๕ หญิงงามพาโชคร้าย ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์

    ขมขืนใจหนัก ชั่วนิจนิรันดร์

    กล่าวโดยตื้อโป๋ยไก่ ๕๕๕
    โห้ยยยยนี่ถ้าเจอ ภูมิระดับเดียวที่อยู่บนโลกสาวๆ
    หน้าคมๆผอมๆตาดำสีเขียวท่าจะรอดยากแหะ
    และเจอพวกที่มีประกายด้วย ประกันได้ว่า รอดยาก ๕๕๕




    เรื่องปกติครับ เหมือนเรากินข้าวซักพักก็อิ่มนั่นหละครับ ..(^_^)


    และขอบคุณเรื่องเล่าคุณ นวลปรางนะครับ...

    ค่อยๆสร้างสติทางธรรมไปก่อนครับ ตัวนี้คือตัวที่คอย

    ควบคุมความคิดต่างๆ ควบคุมพฤติกรรมของจิตเราเอง..

    อีกซักพักจะรู้และเข้าใจอะไรๆมากขึ้นที่เป็นนามธรรม

    และบรรทัดสุดท้ายใน #Rep 965 มาถูกทางแล้วครับ

    ส่วนนี้หละครับ ที่จะช่วยแก้ความคิดฝ่ายอกุศล
    และการแยกไม่ออกระหว่างความคิดฝ่ายกุศล
    และฝ่ายอกุศล
    ต่างๆที่เรามักไม่ค่อยทันเหมือนอดีตที่ผ่านมา
    พวกนี้หละครับเป็นตัวขวางความก้าวหน้า
    ในทางปฏิบัติของเราให้เข้าถึงได้ช้า
    เผลอๆมันมักจะหลอกให้เราหลงตัวเองลึกๆเอาง่ายๆครับ
    ค่อยๆนึกดูว่า วันหนึ่งเราทำอะไรไปบ้าง
    มีเรื่องอะไรมันผุดขึ้นมาบ้าง มันเกิดขึ้นได้อย่างไร
    มันดับไปตอนไหน มันดับไปเพราะอะไร จากพฤิตกรรมในอดีต
    เปรียบเทียบกับปัจจุบันนี้ดู
    แล้วลองสังเกตุจะเข้าใจที่พูดให้ฟังครับ

    การคลายตัวของจิตคือการที่ตัวจิตไม่มีอะไรมาเกาะเลย
    คือตัวจิตมันขยายออกกว้างพ้นร่างกายและไม่เป็นวงกลมครับ
    เราฝึกอะไรมา ก็เพื่อที่เข้าถึงจุดนี้ให้ได้กันนั้นหละครับ
    และเข้าถึงในเวลาปกติด้วยครับ อย่างท่านที่พ้นแล้ว
    คือท่านอยู่สภาวะนี้ได้เกือบทังวันครับ มีแต่ตัวสติทางธรรม
    และปัญญาทางธรรม ทำหน้าที่ความคิด
    ประเด็นนี้ส่วนตัวถึงได้แนะนำทุกๆคนว่า ให้เริ่มต้นให้ได้
    จากหลักวินาทีก่อน ย้ำว่าเริ่มจากวินาทีได้
    ในเวลาปกติก็ถือว่าเก่งมากแล้วครับ...
    เพราะต้องไม่ใช่เกิดจากการ ข่ม บังคับ ใช้สมาธิ หรือกำลังจิต
    ใดๆทั้งสิ้นครับ..

    แต่ของคุณ อีกนิดหนึ่งตัวจิตยังไม่ขยายออกกว้างครับ
    มันแค่ขยายเพิ่มขึ้นมาชนผนังภายในร่างกาย
    หรือกว้างเท่าๆกับกายครับ
    คือมันออกไปเป็นวงกลมกว้างนิดเดียว แต่ก็ถือว่าดีแล้วครับ
    ที่ต้องระวังนะครับ เพราะปกติแล้วกิริยาทางจิตแบบนี้มันจะพอทำ
    ให้เรารู้สึกว่าสบาย และเหมือนเบาได้ และเหมือนกับจะเย็นครับ
    แต่สังเกตุดีๆมันยังไม่เย็นๆสบายๆ โล่งๆ เบาๆ ทั้งตัว
    เหมือนกิริยาที่จิตคลายตัวเองได้ครับ
    อีกหน่อยหนึ่งนะครับ
    ทำตามบรรทัดสุดท้าย ใน#Rep 965
    ที่คุณเขียนเองนั้นหละครับ รออีกซักพักครับ (^_^)

    ปล.พูดแบบตรงๆคงไม่ว่ากันนะครับ
     
  7. วงกรตน้ำ

    วงกรตน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2015
    โพสต์:
    810
    กระทู้เรื่องเด่น:
    12
    ค่าพลัง:
    +2,432
    มีคนกล่าวบอกไว้ว่า การทำให้ผู้อื่นมีความสุขได้ด้วยใจบริสุทธิ์ไม่คิด หวัง ผล รึสิ่งตอบแทน ผู้นั้นย่อมถือว่าเป็นผู้จบปริญญาอย่างแท้จริง แต่คำกล่าวนี้คงจะหมายถึงการดำเนินชีวิตในทางโลก ส่วนทางธรรมคงยังไปไม่พ้นการเกิด

    แต่ก็เป็นสิ่งดีๆที่ควรมีให้กัน และกัน...
     
  8. *ธรรมดา*

    *ธรรมดา* เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +924
  9. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,293
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    รู้สึกว่ากำลังหลง..ไปผิดทาง
     
  10. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,293
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    ดิฉันก้อไม่รู้นะคะ ว่าพวกคุณคุยอะไรกันมาก่อน เพราะไม่ได้ตามอ่านมาตั้งแต่แรก แต่ดิฉันหมายถึงตัวเองที่เผลอตัวเผลอใจมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับคนต่างภพภูมิ ที่ดิฉันบอกว่าเป็นสามี ซึ่งวันนี้เริ่มชัดเจนในความรู้สึกมากขึ้น ว่าถ้าเค้าเป็นคู่เราจริงเป็นกัลยาณมิตรจริง ทำไมไม่สนับสนุนเราในเรื่องเนกขัมมะและพรหมวิหาร๔ หรือจริงๆเป็นตัวเราเองที่หมกมุ่น ดึงเค้าลงมาให้ตกต่ำไปด้วย ถ้าเป็นอย่างนั้น แล้วทำไมเค้าไม่จบความสัมพันธ์ลง ดิฉันขาดความรัก..แต่ดิฉันก้อมั่นใจว่าอยู่ได้โดยไม่มีเซ็กส เผอิญว่าอยู่ต่างภพก้อสื่อกันยาก ถ้าท่านใดสามารถสื่อให้ได้ว่าเค้าจะเอายังไงช่วยบอกด้วยนะคะ เพราะดิฉันก้อต้องการบารมี10เหมือนกัน อยากเลิกกับเค้า อยากคบคนที่มีเป้าหมายเดียวกัน ภูมิธรรมเท่ากัน และมีความสุขร่วมกันโดยไม่มีเซ็กส ดิฉันอาจปากว่าตาขยิบรึเปล่าอันนี้ก้อไม่รู้เหมือนกัน.. ขอบคุณที่อ่านค่ะ ..เข้ามาในนี้หวังความเป็นกัลยาณมิตรเช่นเดียวกับท่านอื่นๆ ไม่ได้เข้ามาเพื่อจุดประสงค์อื่น
     
  11. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,293
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ดิฉันก้อชอบพูดกำกวม คนเลยเข้าใจผิดบ่อย คราวหลังจะพูดให้ตรงประเด็นกว่านี้ค่ะ ^0^
     
  12. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    968
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,638
    ตั่งจิต มุ่งมั่น ทำไป เห็นผล...

    ปล.ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ
     
  13. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,293
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    วันนี้ไปบำบัดจิตใต้สำนึกมาค่ะ ได้เข้าทรานซ์ให้อภัยขออโหสิกรรมพ่อแม่ครูบาอาจารย์และผู้ชายที่ทำไม่ดีกับเราไว้ (เราเคยกราบขอขมาพ่อแม่ครูบาอาจารย์ไปแล้ว) แต่ที่ไปทำวันนี้เพราะใจชอบศาสตร์จิตใต้สำนึกมาก และอยากไป ดูข้อมูลมาปีกว่าแล้ว ก้อลองไปสักที นักบำบัดพูดดีมากๆค่ะ ใส่ข้อมูลที่เป็นบวกให้จิตของเรา และให้คำแนะนำด้านธรรมะด้วย ตอนแรกแอบกลัวนึกว่าจะดุ แต่ทำแล้วเลยรู้ว่าไม่ดุเลยค่ะ ทำให้มีกำลังใจในการปฏิบัติํรรมมากขึ้น มั่นใจมากขึ้น ปมที่ขาดความอบอุ่นขาดความรัก นักบำบัดก็ใส่ข้อมูลให้เราเชื่อมั่นว่าเรามีความรักในตัวเองเยอะมาก และพร้อมจะเป็นผู้ให้ มีเวลาช.ม.เดียวเลยไม่ได้ทำอะไรมาก เดี๋ยวคราวหลังจะไปและกลับมาเล่าอีกค่ะ นักบำบัดบอกว่าให้เราโตได้แล้วถ้าอยากได้ความรักให้หาสามีไปเลย ให้เราปรับปรุงตัวเองใหม่ จะได้ไม่เรียกร้องขอความรักจากพ่อแม่

    เป้าหมายต่อจากนี้
    ทางธรรม
    -เข้าวิมุตติ ครูบาอาจารย์สั่งให้ทำอะไรก้อจะทำ จะไม่ดื้อแพ่ง เพราะความรักของครูบาอาจารย์ที่มีต่อเราบริสุทธิ์มาก
    -ยกจิตให้พ้นโลกียะ ยกภูมิจิตขึ้นพรหมวิหาร๔และทรงไว้เสมอๆ
    ทางโลก
    -เรียนขับรถใหม่
    -เก็บตังค์ไปเรียนกับครูอ้อย

    *เข้ามาบอร์ดนี้เรารู้สึกเหมือนต้องขอความรักจากเพศชายในบอร์ด แต่หลังจากไปมาวันนี้ มันโล่งเลยค่ะ ไม่มีความรู้สึกอย่างนั้นเท่าไหร่แล้ว แต่แอบปลื้มบางท่านที่เก่งๆนะคะ อารมณ์ประมาณเป็นแฟนคลับ ขอให้ชาตินี้เราเก่งอย่างพวกท่านบ้างนะคะ ^_^

    ครั้งหน้าจะไปบำบัดว่าเป็นไบโพลาร์จริงรึเปล่า แต่ครูบาอาจารย์บอกว่าไม่เกี่ยวกัน ที่นอนไม่หลับเพราะคิดทั้งคืน แต่เราชอบรั้นไงคะ ไม่ยอมทำตามครูบาอาจารย์สั่ง
     
  14. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,293
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    นักบำบัดสั่งให้กลับมากอดพ่อ พ่อตกใจนึกว่าลูกเป็นอะไรอีก(เคยป่วยวิปลาสไปช่วงนึง) และแนะนำว่าให้ใช้คำบริกรรมว่า เป็นสุข เวลานั่งสมาธิ
     
  15. TheVisionMind

    TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,824
    ค่าพลัง:
    +2,226
    นวลปรางพยายามหยุดการจินตนาการปรุงแต่งไปตามสิ่งที่ใจชอบ. เพราะผมเคยเป็นมาแล้ว มันจะทำให้จิตตัวเองหลงขาดจากปัจจุบันขณะ กำลังจิตจะขาดพลังในงานปัจจุบันที่อยู่ตรงหน้า

    การอยู่กับปัจจุบัน รู้สึกตัวตลอดจะเป็นคุณค่าในการงานปัจจุบันมาก เว้นเสียแต่ว่าไม่ต้องมีการงานรับผิดชอบก็จะไม่กระทบมาก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มกราคม 2016
  16. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,293
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    เหมือนเป็นคนโรคประสาทค่ะ ตัวทำงาน แต่ใจคิดวกวน คิดตลอด ฟุ้งทั้งวัน
     
  17. TheVisionMind

    TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,824
    ค่าพลัง:
    +2,226
    หาวิธีของตัวเองให้เจอว่าต้องทำอย่างไรจิตตัวเองถึงสงบลงอิ่มนิ่งได้
    แต่ละคนมีวิธีต่างๆกันต้องหาให้เจอก่อน
    เพราะเมื่อจิตอิ่มนิ่งสงบอยู่กับตัว ใจจะเบาไร้ความคิดวุ่นวาย

    แต่ทั้งนี้จิตจะสงบต้องอาศัยกำลังบุญด้วย จึงจะไวและง่าย
    เช่น มีการน้อมบูชาพระพุทธเจ้าเป็นต้น ถ้าน้อมจิตถูกและถึงพระพุทธ
    จิตจะสงบลงคล้ายเหมือนเราเป็นเทวรูปอารักขาพระพุทธรูปเลยฉันนั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มกราคม 2016
  18. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,424
    ค่าพลัง:
    +35,040
    วันนี้วันพระเนาะ มีเรื่องมาเล่าให้ฟังครับ
    ปกติถ้าเราเป็นฆารวาสกำลังใจเราอาจจะไม่พอ
    ถือว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา เพราะมันขึ้นๆลงได้เป็นธรรมดา
    .และ
    กายเนื้อมองเห็นได้ด้วยตาเนื้อครับ....
    แต่ใจตัวเองเป็นฝ่ายนามธรรมครับ
    ต้องสร้างความรู้ตัวหรือเจริญสติเพื่อสร้าง ''ผู้รู้''ตัวใหม่ถึงจะมองเห็นใจเราที่เป็นนามธรรมได้


    ...สติเป็นผู้รู้เป็นธาตุรู้ จิตเป็นผู้รู้แต่เวลานี้มันเกิดอยู่วันหนึ่งไม่รู้กี่เรื่อง
    เด่วก็เรื่องอดีต เรื่องอนาคต เรื่องคนนั้นเรื่องคนนี้
    .เด่วก็อยากไปโน่นอยากไปนี้ เด่วก็อยากได้โน่นอยากได้นี้
    ...ถ้าเราไม่เจริญสติให้มันต่อเนื่องจริงๆ..มันก็ยากที่จะเห็นในสิ่งเหล่านี้ได้ครับ.
    เราจะเข้าใจว่าเรารู้ เราเห็น และเราจะรู้แต่ในภาพรวมครับ


    และไม่ต้องไปสนใจว่าใครจะมองเราอย่างไร จะพูดถึงเราอย่างไรครับ
    ตัวเราเองที่จะรู้ตัวเองดี.. ดูที่ใจตัวเองก็พอครับ
    ควรขัดเกลา อบรมพร่ำสอนตัวเองอยู่ตลอดเวลา
    ว่ากิเลสหยาบ กิเลสละเอียดเป็นอย่างไร
    ดูตรงนี้และไม่ต้องไปดูของคนอื่นครับ


    ทุกวันนี้การเป็นอยู่ของเรามันดีขึ้นไหม
    เราโกรธน้อยลงไหม เรามีน้ำใจให้กับบุคคลอื่นๆเพิ่มขึ้นไหม
    ..พฤติกรรมในระหว่างวันของเรามันดีขึ้นไหม
    .เรายังกล่าวถึงบุคคลอื่นๆในทางไม่ดีอยู่หรือไม่
    เรารู้จักที่จะคิดและกล่าวอะไรที่ไม่ทำบุคคลอื่นๆ
    เดือดร้อนไม่ว่าทางกาย วาจา หรือใจหรือไม่.

    เรายังเอาแต่ใจเราเอง เอาแต่ตัวเราเอง..ไปยุ่งวุ่นวายกับเรื่องคนอื่นๆ
    ไปยุ่งกับคนอื่นๆที่เป็นเชิงอกุศลกรรมอยู่หรือไม่..
    เรารู้จักคิดก่อนที่จะพูดหรือไม่.เรารู้ตัวหรือยังว่าอะไรควรไม่ควรที่จะทำ
    เรารู้จักควบคุมอารมย์ของเราหรือไม่.
    ..เรามีความรับผิดชอบต่อหน้าที่การงานของเราเพิ่มมากขึ้นไหม
    เรามีอิจฉาริษยาน้อยลงไหม
    มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อบุคคลอื่นๆไม่ว่าจะทางใดทางหนึ่งเพิ่มขึ้นหรือไม่ครับ
    ..เรามีเมตตาไม่ว่าทั้งต่อคนและสัตว์เพิ่มขึ้นมากไหม
    .ความยึดมั่นถือมั่นในตัวตน ว่าตัว ว่าตนของเรามันน้อยลงหรือไม่ครับ
    และเรารู้จักชื่นชมบุคคลอื่นๆตามสมควรหรือไม่..

    ทั้งประโยชน์ตน. ประโยชน์ท่าน. ประโยชน์ปัจจุบัน.
    ประโยชน์ในโลกนี้. ประโยชน์ในโลกหน้า
    ประโยชน์ทั้งหลายเหล่านี้เราพยายามทำเอง สร้างเองนะครับ...


    คิดอะไรไม่ออก นั่งๆอยูเฉยๆ หายใจให้เข้าและออกให้ลึกถึงท้องเข้าไว้
    แต่ให้ทำความรู้สึกรับรู้ว่ามีลมกระตอนที่เข้าหยุดอยู่ที่ปลายจมูก
    ทำความรู้สึกว่ามีลมกระทบตอนที่ออกหยุดอยู่ที่ปลายจมูก
    โดยที่ไม่ต้องไปตามลมหายใจเพื่อให้จิตมันเกิดอย่างคาดไม่ถึง

    และถ้ายังคิดอะไรไม่ออกอีก เวลาเดินไปไหน ก็นับก้าวเดินของตัวเองซะ
    ก้าวที่หนึ่ง สอง สาม สี่ห้า เราเดินจากตรงนี้ไปตรงนั้นกี่ก้าว

    คิดอะไรไม่ออกอีก เวลาจะทานอะไร เราดับความอยากเล็กๆน้อย
    เหล่านี้หรือยังแล้วค่อยทาน เวลาเราจะไปไหน เราดับความอยาก
    ที่จะไปหรือยัง แล้วค่อยใช้สติพากายไป...

    และถึงเวลาอยากสวดมนต์ อยากไหว้พระ ทำบุญ ทำทานก็ทำอุทิศส่วนกุศก็ทำไปตามเหตุและปัจจัยไป
    แล้วเอาที่เราทำแบบคิดอะไรไม่ออกทั้งหลายเหล่านั้น
    มันถึงจะมาส่งเสริม สมาธิ ส่งผลความสงบของเราได้
    เราถึงจะเริ่มเห็นผลได้ด้วยตัวของเราเองครับ
    เราถึงจะเริ่มระลึกๆอะไรๆได้ด้วยตัวของเราเองครับ...
    ๒ เดือนเทียบผลได้กับนั่งหลับตาอยู่ ๒ ปี แค่เล่าให้ฟังเฉยๆ
    ตรงนี้ยังไม่มี ไม่ต้องไปหวังผลเรื่องมรรคผลนิพพานอะไร
    ให้เสียเวลา และไม่ต้องไปพูดเรื่องพิเศษๆให้มันมา
    หลอกสร้างความหวังให้เราเล่นๆให้เสียเวลาครับ
    ไม่ต้องจะไปหวังว่า จะรู้จะเข้าใจอะไรที่เป็นนามธรรมต่างๆ
    ไปรู้ธรรมะลึกซึ้งอะไรให้เสียเวลา หรือความสามารถพิเศษ
    ต่างๆอะไรให้เสียเวลาเล่นๆครับ...
    เริ่มต้นอะไรที่ยากๆ ต่อไปมันจะง่าย
    เริ่มต้นจากอะไรที่ง่าย ต่อไปมันจะยากครับ

    ส่วนจะเดินทางอย่างไรก็สุดแล้วแต่ตัวใครตัวมันครับ
    เพราะ สติทางธรรมที่มันต่อเนื่องจริงๆ
    มันไม่มีใครมาสร้างให้เราได้ และเป็นพื้นฐานที่สำคัญของทุกๆเรื่อง
    สติทางธรรมนี้ เราต้องสร้างด้วยตัวของเราเองเท่านั้นครับ

    ปล.แค่เพียงแต่เล่าให้ฟังครับ
     
  19. น้ำเกลี้ยง

    น้ำเกลี้ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    211
    ค่าพลัง:
    +505
    อะไรๆ ต่างมิติ ที่เข้ามาอ้างว่าเป็นนั่นเป็นนี่กับ เรา นี่.... เราจะไปรู้ได้ไงฮะ ขนาดเราเองยังมึนส์ๆ วันๆบางทีก็เผลอไปทั้งวัน ... ระวังไปรับยาช่องแปด บ่อยๆ นะ ฮะ :boo:

    แนะนำ การสร้างกำลังสติ โดยศึกษาวิปัสนาครับ เช่น อยู่ลมหายใจ เป็นต้น คำตอบ มีอยู่ในโพส ป๋านพ somewhere ลองหาอ่านได้

    ปล. ถ้ากันเหนียว หาธงแดง ล.พ ฤ. ท่านมาไว้ก็ดีครับ พวกนั้นไม่ค่อยชอบ สู้ๆครับ


     
  20. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    968
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,638
    โอ๊ยยย!!!! จี๊ดดดด!!! โดนไปกี่ข้อละเนี่ย / ยังไม่มีเลยค่ะ ^_^"
     

แชร์หน้านี้

Loading...