บทความ...กระดานเล่าสู่กันฟัง

สัญญานเน็ตติดๆ ดับๆ ก็ดีเหมือนกันนะ ทำให้มีสมาธิตั้งมั่นในการพิจารณากาย ได้เห็นอวิชชาตัวเบ้อเริ่ม

ตาหลง หูหลง จมูกหลง ลิันหลง กายหลง ใจหลง ในอดีตทุกข์ระทมตลอด เพราะมีอวิชชาทึ่อายตนะหก ไม่รู้เท่าทัน เสพความหลง เหมือนมนตรา ชื่นมื่นไป กว่าจะถอนตัวถอนใจได้ก็เสียอะไรไปมากมาย

วันนี้ก็ยังคงมีอยู่ อวิชชาเหมือนม่านบังตา บังใจ มองไม่เห็นโทษ แม้จะรู้ว่าในทึ่สุดก็ต้องทุกข์ แต่ก็ยังเชื่อมั่นว่าตนแก้ไขได้ ไม่ยอมละออกจากเหตุนั้นๆ

ได้ฟังธรรมของหลวงปู่หล้าเมื่อเช้า จึงนำอดีตขึ้นมาย้อนทบทวนพิจารณา เห็นอวิชชาจริงๆ ใจเข้าไปเห็นรากเหง้าของกิเลส

ต้องเพิ่มความสำรวมระวังอายตนะหกให้มาก มีสติให้มาก อย่าประมาท อย่าชะล่าใจตนเองว่าแน่ ลองสงบใจแล้วพิจารณาทุกข์ที่เกิดทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ทวนกระแสเข้าไปดูนะ สาวไปเรื่อยๆ มันจะไปสิ้นสุดที่อวิชชา

เห็นทีหลังทุกที ต่อไปต้องเห็นให้ทัน เห็นให้เท่า

 

ขำ...ขำกิเลส จนอดที่จะมาเม้าท์มอยไม่ได้ค่ะ เราก็กำลังทะยานอยากตามตัณหา อิอิ

ทุกวันนี้มองคนเป็นกิเลสไปหมดเลย ไม่ใช่ไปตำหนิเค้านะ แต่มองเห็นในสิ่งที่เค้าแสดงออกมาทางกาย วาจา ใจ เป็นกิเลส บอกกับตัวเองว่า นั่นคือกิเลสนะ ไปยึดมาไว้ไม่ได้หรอก อย่าไปยึดว่าเป็นตัวเป็นตน ว่าเป็นเขาเป็นเรา กิเลสมันกำลังแสดงไปตามเหตุปัจจัยของมัน พอหมดเหตุปัจจัยมันก็เลิกแสดงไปเอง

 

ในอดีตโดนกิเลสทุบซะน่วมเลย 555 วันนี้ชั้นไม่ยอมแกอีกแล้วเจ้ากิเลส
เจ้าอุปาทาน เมินซะเถอะ ชั้นไม่คล้อยตามแกแน่

จิตที่อยู่ในฐานมันก็ไม่ฟุ้งปรุงไปตามเหตุปัจจัยภายนอก นี่เห็นได้ชัดๆ เลย

ได้เห็นอาการใจมันไหลนะ แต่ไหลไปหน่อยนึงแล้วก็กลับมาอยู่ที่เดิม ศีลที่กำกับจิตอยู่ไม่ยอมให้อกุศลเข้ามาครอบงำได้ เยี่ยมจริงๆ

 

สิ่งที่ได้สร้างถวายให้แก่วัดภูเพียงค่ะ (หลายปีมาแล้ว)

 

ประมวลภาพงานปริวาสกรรมที่ผ่านมาค่ะ (25/11/58-4/12/58)

 

ถวายสังฆทานค่ะ

 

อาหารที่จัดทำเพื่อถวายพระและผู้มาปฏิบัติธรรม

 

อาหารและของหวาน (นำมาให้ชมแค่บางส่วน)

 

เอามือแดงๆ มาอวดค่ะ

 

สวดมนต์ข้ามปี คืนวันที่ 31/12/58

ได้สวดบทมหาเมตตาใหญ่ถวายเป็นพุทธบูชา และกล่าวขออโหสิกรรมทั้ง 31 ภูมิ

 

กำหนดการสวดมนต์ข้ามปีที่ผ่านมา และบทกล่าวคำขออโหสิกรรมค่ะ

 

ตี 4 ที่ภูเพียง

 

เทวดาผู้ดูแลพระอุโบสถ วัดภูเพียงค่ะ
ท่านทรงศีลแปด นุ่งห่มชุดขาวพร้อมเครื่องประดับตามตำแหน่ง
(อวดหน่อย...เพราะว่าเจอกันทุกวันตอนที่อยู่วัด)

 

บทความสั้นๆ

เพราะเธอมองว่าโลกแห่งความจริงมันโหดร้ายสำหรับเธอ เธอจึงสร้างโลกแห่งความฝันที่ปรุงแต่งขึ้นมาจากอุปาทานในจิต โดยมีตัณหาเป็นแรงผลักดันให้ติดอยู่ในรัก (ราคะ) แล้วก็คิดไปว่ามันเป็นความสุข มายาแห่งจิตนี้ หากขาดแล้วซึ่งสติสัมปชัญญะ ก็จะถูกมอมเมาไปจนตาย

โลกนี้มีเพียงพลังงาน พลังงานที่เกิดจากการกระทบกันของธาตุต่างๆ ที่มีอยู่ในมวลอากาศ อยู่ในมวลน้ำ อยู่ในมวลดิน อยู่ในมวลไฟ หรือที่เรียกว่า สสารพลังงาน (อิเลคตรอน โปรตรอน) แต่เพราะมีอุปาทาน ความหลง ความไม่รู้ จึงปรุงแต่งขึ้นมาเป็นรูปเป็นร่าง จากสัญญาความยึดมั่นถือมั่น ความผิดหวังต่างๆ ที่จิตเก็บกักไว้ ย้อมไว้ด้วยราคะ แล้วทะยานอยากให้ได้มาครอบครองกลายเป็นกามกิเลส เหตุแห่งทุกข์

เมื่อไหร่หนอดวงตาที่แจ่มใส (ธรรมจักขุ) จะเปิดออกเพื่อเห็นความจริงของสิ่งเหล่านั้น...เมื่อไหร่หนอเธอ

ทุกวันนี้เธอสวดมนต์ภาวนาเพื่ออะไร เพื่อค้นหาจินตนาการและคร่ำครวญหาอดีตกับอนาคตดอกหรือ...

 

ขออนุญาตนำมาตอบในกระทู้นะคะ สำหรับผู้ที่ประสบปัญหาเรื่องคุณไสยมนต์ดำ อันที่จริงเราเองเป็นแค่คนธรรมดาๆ คนหนึ่งนะ ไม่ได้มีวิชาไสยศาสตร์อะไร มีแต่วิชาของพระพุทธเจ้าเท่านั้น ถ้าปรึกษาเรื่องการปฏิบัติธรรมคงพอจะให้คำแนะนำได้บ้างในบางส่วนที่เราเคยปฏิบัติมาแล้ว แต่เรื่องมนต์ดำเนี่ย จนใจจริงๆ ค่ะ อืม...มีแต่พุทธคุณเอาไปสู้เขาก็น่าจะได้นะ 555

แหมๆ พระนามของพระพุทธเจ้า เอ่ยอ้างที่ไหน ก็มีแต่ผู้เกรงกลัวพระบารมีทั้งนั้น เนอะ...

ทีนี้ ก็เลยลองไปหาข้อมูลมาให้ค่ะ สำหรับผู้ที่กำลังมีความทุกข์จากเรื่องคุณไสยมนต์ดำ ถูกเขากระทำหรือถูกของที่ตนกระทำสะท้อนใส่ตัวเอง 555 (ก็มันเห็นอย่างนั้นอ่ะ)

ครั้งหนึ่ง รู้สึกว่าเคยโพสต์ไปแล้วนะเรื่องพุทธคุณแก้คุณไสยมนต์ดำได้ แต่จำไม่ได้ว่าเป็นกระทู้ไหน เป็นคาถาที่สมเด็จองค์ปฐมฯ ทรงให้ไว้ นั่นคือ "พุทโธ อัปปมาโณ ธัมโม อัปปมาโณ สังโฆ อัปปมาโณ" ใช้บริกรรมภาวนาจนจิตมีสมาธิก็จะถอนของออกได้เอง

 

ทีนี้ ถ้าไม่มั่นใจว่าตนมีกำลังจิตกล้าแข็งเพียงพอหรือเปล่า คงต้องหาตัวช่วยค่ะ พวกวัตถุมงคลต่างๆ ที่นำมาหักล้างกันได้ ได้แก่ พระเครื่อง มีดหมอ หรือธาตุกายสิทธิ์ต่างๆ (ว่าไปนั่น) ไม่รู้เรื่องหรอกค่ะ แต่ว่าเคยอ่านผ่านตามาเท่านั้นเอง แต่ที่เด็ดสุดเห็นจะไม่มีอะไรเกิน "ยันต์เกราะเพชร" (พระพุทธคุณล้วนๆ) ธรรมะย่อมชนะอธรรม ก็เลยนำความรู้เรื่องยันต์เกราะเพชรมาฝากค่ะ ที่จริงในเวปพลังจิตก็มีกระทู้เรื่องยันต์เกราะเพชรแล้วนะ แต่ไม่รู้ว่าอยู่ห้องไหน ชื่อกระทู้อะไร เอาเป็นว่านำข้อมูลมาลงให้ที่นี่แล้วกันนะ เผื่อว่าใครผ่านมาทางนี้ จะได้นำไปใช้ประโยชน์ได้บ้าง

"พระ"ท่านบอกว่า เป่าทีเดียวทั่วจักรวาล จะอยู่มุมไหนของโลกก็ตาม ถ้าตั้งใจรับด้วยความเคารพ ก็มีผลเช่นเดียวกับคนที่มาเข้าพิธีด้วยตัวเอง…

หลวงพ่อ (พระราชพรหมยานเถระ) จะให้ผู้รับยันต์ สมาทานศีล สมาทานพระกรรมฐาน แล้วดูภาพยันต์ที่ตั้งไว้ในพิธี ตั้งใจจำภาพยันต์ไว้ในใจ แล้วหลับตาภาวนาว่า พุทโธ ไปเรื่อย ๆ จนกว่าหลวงพ่อจะบอกว่าเสร็จพิธี…

ยันต์เกราะเพชร คือ พุทธานุภาพ ขณะที่เราหลับตาภาวนา พระพุทธเจ้าจะเปล่งฉัพพรรณรังสีลงมา ครอบคลุมท่านที่ตั้งใจรับยันต์ หลวงพ่อท่านจะคอยดูอยู่ พอพระท่านบอกว่าเต็มแล้ว หลวงพ่อก็จะบอกให้เลิกภาวนา…

เมื่อยันต์เกราะเพชรเริ่มจับตัว ผู้รับจะมีอาการต่างๆ กัน เช่นร้อนหู ร้อนหน้า ขนลุกขนชัน หนักศีรษะ หรือ คันยุบยิบเหมือนมีตัวไรไต่ บางคนจับไข้ไปเลย อาการเหล่านี้จะทรงอยู่ไม่เกิน ๒-๓ วัน พอยันต์เข้าตัวหมดก็หายไปเอง…

ผู้ที่ถูกไสยศาสตร์มา ไม่ว่าจะเป็นคุณผี-คุณคน หรืออะไรก็ตาม เมื่อเริ่มทำการเป่ายันต์ ท้าวจตุมหาราชและบริวารจะช่วยขับของเหล่านั้นออกให้ คนที่โดนของมาจะทั้งดิ้นทั้งร้อง ต้องปล่อยให้สงบไปเอง เลิกดิ้นเลิกร้องเมื่อไร แปลว่า ของอาถรรพ์สลายตัวหมดแล้ว…!

 

การเป่ายันต์เกราะเพชร เป็นการปลุกเสกวัตถุมงคลไปในตัวด้วย ใครมีวัตถุมงคล ไม่ว่าจะเป็นพระเครื่อง ผ้ายันต์ ตะกรุด หรือ เครื่องรางใด ๆ ก็ตาม เวลาเข้าพิธีให้วางไว้บนตักตัวเอง เสร็จพิธีเป่ายันต์ ก็นำไปใช้ได้เลย…

การรักษายันต์เกราะเพชรให้อยู่กับตัว ผู้รับยันต์ไปต้องมีศีล ๕ บริสุทธิ์ หรืออย่างน้อย ต้องมีศีล ๒ ข้อ คือ ห้ามดื่มเหล้า และ ห้ามลักขโมย ตอนเช้าต้องสวดมนต์ไว้พระ นึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อาราธนาบารมีของท่าน ลงมาเป็นเกราะเพชรคลุมกายเรา ภาวนา "พุทโธ" ให้ใจสบาย แล้วกลืนน้ำลาย ๓ ครั้ง ถ้าทำแบบนี้ได้ทุกวัน อานุภาพของยันต์เกราะเพชรจะคุ้มครองรักษา ให้ท่านมีความปลอดภัยทุกประการ…

ผู้ที่รับยันต์ไปแล้ว ถ้ารักษาไว้ได้จะมีอานุภาพดังนี้
๑.จะไม่ตายโหงอย่างเด็ดขาด
๒.จะไม่ตายด้วยพิษสัตว์ทุกชนิด
๓.ปลอดภัยจากไสยศาสตร์ทุกชนิด
๔.ไสยศาสตร์ทุกประเภท จะสะท้อนกลับไปเอง

 

สำหรับผู้ที่ไม่สะดวกไปรับยันต์เกราะเพชรในพิธีได้ด้วยตนเอง ก็สามารถทำพิธีรับเองที่บ้านได้ค่ะ

วิธีรับยันต์เกราะเพชรด้วยตนเองที่บ้าน
.
สิ่งที่ต้องเตรียมเพื่อไหว้ครู
.
- ธูป ๓ ดอก
- เทียน ๑ เล่ม (หนัก ๑ บาท)
- ดอกไม้สด (ถ้ามี ๓ สี เลือกดอกไม้มา ๓ ชนิดเลย เช่น ดอกบัว ดาวเรือง มะลิ หรือดอกไม้อื่นๆ ที่หาได้)
.
ทำพิธีหน้าหิ้งพระ หรือโต๊ะหมู่บูชาพระ หรือถ้าไม่มีก็หันหน้าไปทางทิศตะวันออก
.
๑. กราบพระรัตนตรัย
.
๒. สวดนะโม ๓ จบ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
.
๓. สวดอิติปิโส ๓ ห้อง
อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสสะธัมมะสาระถิ สัตถาเทวะมนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ.
.
สวากขาโต ภะคะวา ธัมโม สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหีติ.สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
.
อุชุปฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
ญายะปฎิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
สามีจิปฎิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสสะ ยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา
เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเนยโย
อัญชะลีกะระนีโย อะนุตตะรัง ปุญญะเขตตัง โลกัสสาติ.
.
๔. สวดบทไตรสรณคมณ์
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
.
ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
.
ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

 

๕. สวดบทสมาทานศีล ๕ (ถ้าสมาทานศีล ๘ ได้จะดีมาก)
มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
ทุติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ
ตะติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ

ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
อะทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
กาเมสุมิจฉาจารา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
.
๖. สมาทานพระกรรมฐาน
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (๓ จบ)
.
อิมาหัง ภะคะวา อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปริจัจชามิ
.
ข้าแต่สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เจริญ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ขอมอบกายถวายชีวิตแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายขออาราธนาบารมีพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ครูบาอาจารย์ทั้งหลายสืบ ๆ กันมา มีหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค และหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง เป็นที่สุด
.
ขอได้โปรดยกจิตของข้าพเจ้า ขึ้นสู่ภาวะพระกรรมฐาน ทั้ง ๔๐ ทัศ พระปีติทั้ง ๕ และวิปัสสนาญาณทั้ง ๙ ขอพระกรรมฐานทั้ง ๔๐ ทัศ พระปีติทั้ง ๕ และวิปัสสนาญาณทั้ง ๙ จงมาบังเกิดปรากฏในกายทวาร ในวจีทวาร ในมโนทวาร ของข้าพระพุทธเจ้า ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด
.
ขอได้โปรดยกจิตของข้าพเจ้าขึ้นสู่ภาวะแห่งเมฆจิต สามารถกำหนดจิต รู้ภาวการณ์ต่าง ๆ ทั้งเหตุ ผล อดีต อนาคต และปัจจุบัน ได้ทุกขณะจิต ที่ปรารถนาจะรู้ เมื่อรู้แล้วขอให้เห็นภาพนั้นได้ชัดเจนแจ่มใสและพยากรณ์ได้ ตามความเป็นจริงทุกประการ เหตุใดที่จะพึงบังเกิดแก่ข้าพเจ้า ขอให้ข้าพเจ้าได้รู้เหตุนั้นได้โดยมิต้องกำหนดจิตแม้แต่ประการใด ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด
.
๗. ดูภาพยันต์ที่ตั้งไว้ในพิธี ตั้งใจจำภาพยันต์ไว้ในใจ
.
หลับตาภาวนาว่า "พุทโธ" ไปเรื่อย ๆ หากไม่มีภาพยันต์ก็ให้ภาวนา "พุทโธ" ไปอย่างเดียว ให้ภาวนาไปประมาณ 30 นาที เป็นอันเสร็จพิธี

 

ถ้าสนใจที่จะรับยันต์เกราะเพชรที่บ้าน แต่ไม่รู้กำหนดการณ์ว่าทางวัดท่าซุงจะมีพิธีเป่ายันต์ฯ วันไหน ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมไปได้ที่...http://www.watthasung.com/home.php

ปล. ไม่ได้เป็นอะไรกับทางวัดนะคะ แค่นำมาเผยแพร่เพื่อเป็นธรรมทานค่ะ