เพื่อการกุศล เปิดจองรุ่นของขวัญปีใหม่ ลพ.หนุน สุวิชโย วัดพุทธโมกข์อธิฐานจิตสร้างโดยวัดป่าศรีสำราญน.ท้าย

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย rs83, 18 มิถุนายน 2014.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. จิตหนอจิต

    จิตหนอจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +563
    รบกวนคับพี่รุ่ง..จิตหนอจิต..ให้ผมส่งที่อยู่ให้พระอาจารย์ด้วยหรือเปล่าครับผม ..แหะๆ เหนเปนสีเขียวอยู่อ่ะคับ จะได้ส่งให้ท่านอีกทีนึงหรือป่าวครับ
     
  2. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    พรุ่งจัดส่งตอนเช้าครับ​
     
  3. rs83

    rs83 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    8,671
    ค่าพลัง:
    +20,380


    รับทราบค่ะ
    สาธุๆๆ
     
  4. rs83

    rs83 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    8,671
    ค่าพลัง:
    +20,380

    ส่งให้ท่านอ.แล้วค่ะ (เหลืองช่องหน้าค่ะ)
    สาธุๆๆ
     
  5. natatik

    natatik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2012
    โพสต์:
    873
    ค่าพลัง:
    +3,607
    โอนเงินเข้าบัญชี SCB จำนวน 650 บาท 13/3/59 เวลา 19.00 น.

    ที่อยู่จัดส่ง
    กฤชญา เอกอธิคม
    79/16 หมู่ 7 หมู่บ้านธนกาญจน์ เฟสพิเศษ ซอย 2
    ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี 11140
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มีนาคม 2016
  6. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    ยอดที่เหลือทั้งหมดของหุ่นพยนต์​


    หุ่นพยนต์มหาบุญฤทธิ์(น้ำเงิน) 60 ท่าน
    หุ่นพยนต์มหาอิทธฤทธิ์(แดง) 295 ท่าน​
     
  7. rs83

    rs83 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    8,671
    ค่าพลัง:
    +20,380


    รับทราบค่ะ
    สาธุๆๆ
     
  8. rs83

    rs83 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    8,671
    ค่าพลัง:
    +20,380


    รับทราบค่ะ
    สาธุๆๆ
     
  9. rs83

    rs83 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    8,671
    ค่าพลัง:
    +20,380
    มี อ.ท่านหนึ่งฝากมาจอง
    หุ่นพยนต์สีน้ำเงิน ๑๐/แดง ๑๐
     
  10. ต้น อิสระ

    ต้น อิสระ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +52
    โอนเงินครับ

    ดำเนินการเรียบร้อยแล้วครับ ลำดับการจองที่ 27

    [​IMG]
    ที่อยู่จัดส่ง:
    นายอิสระ คงด้วง
    ส่วนปฏิบัติการระบบท่อเขต 8 บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)
    หมู่บ้านไทรทอง ต.ลุ่มสุ่ม อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี 71150

    *** ขอบคุณครับ ***
     
  11. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    ยอดที่เหลือทั้งหมดของหุ่นพยนต์


    หุ่นพยนต์มหาบุญฤทธิ์(น้ำเงิน) 49 ท่าน
    หุ่นพยนต์มหาอิทธฤทธิ์(แดง) 294 ท่าน
     
  12. maxico

    maxico เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    384
    ค่าพลัง:
    +2,938
    สอบถามรายละเอียดการโอนครับ

    ลำดับที่ 17
    จองหุ่นพยนต์ น้ำเงิน 2 และ แดง 2

    อยากทราบว่าต้องโอนแบงค์อะไรครับขอรายละเอียดแบงค์ด้วยครับ และค่าจัดส่งเท่าไหร่ครับ

    ขอบคุณครับ


     
  13. rs83

    rs83 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    8,671
    ค่าพลัง:
    +20,380


    ดูเลขบัญชีที่หน้าแรก ทั้ง2บ/ช ค่ะ
    กระทู้นี้ใช้ทั้ง2บ/ชตลอดค่ะ
    สาธุๆๆ
     
  14. rs83

    rs83 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    8,671
    ค่าพลัง:
    +20,380
    ตอบจากมือถือ ไม่รู้เครื่องเป็นอะไร ตอบคำถามไม่ได้ค่ะ
    อ้างอิงก็ไม่ได้ pm.ก็ตอบไม่ได้ งงงงงง
    ต้องขออภัยทุกท่านด้วยค่ะ
     
  15. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    การชำระเงิน

    ชื่อบัญชี พระสมบรูณ์ ทิพาเสถียร
    ไทยพานิชย์ สาขาเดอะคริสตัลพาร์ค
    404-0841583 ออมทรัพย์


    ชื่อบัญชี พระสมบรูณ์ ทิพาเสถียร
    กสิกรไทย สาขาวานรนิวาส
    151-2550726 ออมทรัพย์
    กรุณาแจ้งธนาคารที่ท่านชำระด้วยค่ะ:cool::cool::cool:
     
  16. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    อ้างอิง:
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Little Dragon อ่านข้อความ
    กราบเรียนถามพระอาจารย์ครับ

    ไม้เท้าวชิระ ต่างจากไม้เท้าบรมครูที่สร้างรุ่นที่แล้ว ( ปี 2558 ) ด้านไหนบ้างครับ ขอบพระคุณครับ

    ไม้เท้าวชิระ ไม้ฟ้าผ่ามวลสาร ชนวนขวานฟ้า ไม้กระเด็นโดนฟ้าผ่า 3-4 ชนิด(เกี่ยวกับสายฟ้าที่เป็นอาวุธของพระอินทร์)มวลสารพระโพธิสัตว์ ผงหลวงพ่อปานวัดบางนมโค ผงหลวงปู่ดู่ ผงสมเด็จโต ผงพระแตกหักที่เผาครูบาศรีวิชัย ผงพระแตกหักหลวงพ่อฤาษี มีอานุภาพครบสูตรแล้วแต่จะอธิฐาน ต่างมากครับ ส่วนไม้เท้าวชิระจะเป็นแบบผสมผสานบารมีไม้เท้าไผ่ยอดตาลกับบารมีพระอินทร์ครับและบารมีแก้วจักรพรรดิ์

    ไม้เท้าบรมครู เป็นไม้มุจรินทร์ ที่เกี่ยวเนื่องกับพระพุทธเจ้า มวลสารต้องกลับไปหาอ่านเองนะเพราะมากมาย ตอนขอบารมีคือพลังงานจากไม้เท้าธารพระกรแก้วไผ่ยอดตาลแบบเต็มๆจริงๆ(เจอกับตัวเอง)
     
  17. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    ส่งของแล้ววันนี้
    ให้กับท่านที่
    ชำระเงินและค่าส่งครบ​



    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]
     
  18. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    [​IMG]




    คฑาไม้ครู หลวงพ่อหนุน สุวิชชโย



    ไม้มณีโคตร จำนวนการสร้าง ๑๐๘ ด้าม บรรจุมวลสารและเกศา
    ไม้ครูนี้คุณชัยวิทย์ตั้งใจจะทำมานานแล้วและได้ค้นคว้าศึกษาการสร้าง อย่างละเอียดและครั้งนี้ได้ตั้งใจทำเป็นอย่างมากครับ
    พระอาจารย์ได้ช่อฟ้าไม้ อุโบสถ์วัดระฆัง สมัยสมเด็จโต ไม้กุฏิพระอาจารย์มั่น และพระอาจารย์เสา และไม้กุฎิหลวงปู่ปาน มวลสารจากหลวงพ่อหนุน ที่บรรจุตะกรุดอันโดงดังของหลวงพ่อหนุน งานนี้ขอบอกว่าจัดเต็มครับ
    เปิดจอง ไม้ครูหลวงพ่อหนุน รุ่น ๑ จำนวนการสร้าง 108 ด้าม ด้ามละ 2,499 บาท เพื่อนำปัจจัยส่วนหนึ่งเป็นค่าสร้างวัตถุมงคล และอีกส่วนหนึ่งถวายวัดพุทธโมกข์ ในการสร้างและพัฒนาถาวรวัตถุในวัดครับ บรรจุมวลสารขั้นเทพครับ ต่อไปจะเป็นตำนานกล่าวขานถึง ของที่เป็นมงคลสูงสุด ประจำตระกูลครับ ไม่ควรปล่อยให้พลาดโอกาส เปิดให้จองจำนวน 80 ด้าม ส่วนที่เหลือถวายหลวงพ่อไว้เพื่อประโยชน์ต่อไปในอนาคตครับ รูปลักษณ์ยังต้องเก็บรายละเอียดและลงอักขระยันต์อีกครับ

    วันนี้พระอาจารย์ไปนำไม้ครูมาจากคุณชัยวิทย์ นำมาก่อน เพื่อนำเข้าพิธีของหลวงปู่สุภา เพื่อความเข้มขลัง พรุ่งนี้พระอาจารย์จะนำไป ขอบารมีศิษย์หลวงพ่อเดิมผู้หลีกเล้นกายปิดตัว เป็นพระลูกวัดแห่งหนึ่ง อายุเกือบร้อยปี อธิฐานจิตไม้ครู ต่อด้วยหลวงพ่อวิชา วัดชอนทุเรียน และไปขอมวลสารหลวงพ่อเดิมไม้โบสถ์สมัยหลวงพ่อเดิม ที่กำลังสร้างรูปหล่อองค์ใหญ่ที่สุด .........
    มีโปรแกรมนำเข้าไปอธิฐานจิต เพิ่มเติมจากครูบาอาจารย์สายในดง อีกหลายท่านครับ


    คุณชัยวิทย์ท่านกล่าวว่า น่าจะให้บูชาอย่างน้อย ด้ามละ 2999 บาท ผมขอพระจารย์ว่าจะหนักไป ขอเป็น 2499 บาท คงจะกำลังดี แต่คุณชัยวิทย์ได้บอกว่า มวลสารที่บรรจุนั้น มีคุณค่ามาก มวลสารแต่ละชนิดกว่าจะได้มายากเย็นยิ่งนักและบางครั้งต้องหาซื้อมาด้วยราคาสูง เกินกว่าราคาที่ตั้งไว้แน่นอน เช่นเหล็กเปียกพระธาตุพนม แผ่นจารย์หลวงปู่สวนที่อธิฐานจิตไว้ให้ แร่ชินตะกั่วเก่า แร่โคตรเศรษฐีและชนวนต่าง นำมาหลอมแล้วรีดเป็นแผ่น แล้วนำมาลงตะกรุด บรรจุปรอทหลวงปู่สวน ซึ่งหลวงปู่ได้อธิฐานจิตไว้ตอนทำเบี้ยแก้ และมวลสารต่างๆที่ยังไม่เปิดเผยจากคุณชัยวิทย์อีกหลายอย่าง ท่านว่าเมื่อทราบทั้งหมดจะเห็นว่า ไม่แพงเลย และการสร้างก็น้อยครับ เพียง 108 ด้าม ไม่มีเสริม ตอกรันหมายเลขครับ


    ผมขออนุญาตรีเควสให้หลวงพ่อวิชา เสกให้ได้นะครับ(ถ้าให้ท่านเสกให้ทุกอย่างเลยจะยิ่งดีมากครับ ทั้งพระกริ่ง ล็อคเก็ต รูปหล่อหลวงปู่ใหญ่ เหรียญทำน้ำมนต์)

    หลวงพ่อฤาษีฯเชิญท่านไปเสกวัตถุมงคลด้วยครับ ปัจจุบันท่านอายุ 66 ปี คิดดูว่าสมัยหลวงพ่อฤาษีฯ เชิญท่านไปเสกด้วย ท่านอายุเท่าไหร่กัน แล้วเชิญท่านไปหลายครั้งด้วยนะครับ ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว

    "เคยได้เฝ้ารับเสด็จในหลวงในการเสด็จที่วัดท่าซุง ซึ่งท่านได้พาศิษย์ที่เป็นเสือเป็นโจรพาไปเข้าเฝ้าเพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณกลับเนื้อกหลับตัวเป็นคนดีของชาติ และท่านยังได้ถวายพระเครื่องซึ่งเป็นพระสมเด็จเนื้อนิลกาฬ (นิลตะโก) ให้กับในหลวง ซึ่งคนที่ไปฝ้ารับเสด็จในวันนั้นยังบอกเล่าให้ฟังอีกว่าพระทุกรูปที่ไปเฝ้ารับเสด็จนั้นก็ถวายพระเครื่องกับในหลวง แต่ในหลวงรับแล้วส่งต่อให้กับข้าราชบริพาน แต่พอในหลวงรับวัตถุมงคลของหลวงพ่อวิชาท่านเก็บวัตถุมงคลนั้นไว้ในกระเป๋าฉลองพระองค์ ของพระองค์เอง"

    หลวงพ่อวิชา นี้ผมตามหามานานตั้งแต่ได้อ่านผู้เข้าร่วมอธิฐานจิตที่วัดท่าซุง แต่ก็ไม่มีโอกาสได้กราบสักครั้ง ตอนไปกราบหลวงปู่สังวาลในป่าอุทัย หลวงพ่อไปสร้างเขื่อนมีป้ายบอก แต่ก็ไม่ได้เข้าไปกราบจนเขื่อนเสร็จ ทราบล่าสุดท่านย้ายไปอยู่แถว อ.ตากฟ้า ซึ้งไม่ไกลจากบ้านผมนัก บ้านผมอยู่แถวตาคลี แต่ก็ไม่ได้ไปสักครั้งกลับบ้านครั้งไรก็ไปแต่วัดท่าซุง คราวหน้าคงได้กราบนมัสการท่านครับ


    ครับ ท่านสร้างเขื่อนอีซ่าใช้งบ 13 ล้าน ออกแบบเองสร้างเอง

    ภายในระยะเวลาไม่ถึง 1 ปีก็สำเร็จครับ ไม่ใช่เงินหลวงสักแดงเดียว

    บารมีท่านสุดยอดครับ

    "ในปี 2549 ในหลวงได้มีพระกระแสรับสั่งให้นิมนต์หลวงพ่อวิชาไปเข้าเฝ้าที่วังไกลกังวลหัวหิน เพื่อให้หลวงพ่อดำเนินการสร้างเขื่อนอีซ่า ที่จ.อุทัย ให้แล้วเสร็จ ซึ่งในขณะนี้ท่านได้สร้างเขื่อน เสร็จแล้ว ใช้งบประมาณทั้งหมด 13 ล้านบาทเศษ ซึ่งเป็นเงินที่ได้จากศรัทธาของท่านเอง ไม่เคยใช้เงินของรัฐแม้เต่บาทเดียว ตอนนี้หลวงพ่อได้กลับไปจำพรรษาที่ สำนักปฏิบัติธรรมบ้านชอนทุเรียน อ.ตากฟ้า จ.นครสวรรค์ ซึ่งตอนนี้ท่านได้คิดค้นยาสมุนไพร รักษาโรคได้ดี เช่นโรคไต โรคภูมิแพ้ เบาหวาน ความดัน หัวใจ ใครที่เป็นโรคปะหลาด หมอปัจจุบันรักษาไม่หาย ก็ลองไปหาท่านดู ท่านมีเมตตาสูงมาก รักษาหายมาหลายรายแล้วด้วย"


    ไม้ครูนี้เป็นของสูง รวมบารมีครูบาอาจารย์ ตั้งแต่สมเด็จองค์ปฐมบรมครู เนื่องจากในชุดนี้มีเหรียญสมเด็จองค์ปฐมทำน้ำมนต์ที่ต้องกราบทูลขอบารมีพระองค์ท่านโดยตรงเพราะองค์อื่นไม่สามรถจะไปเสกท่านได้ จึงได้บารมีของสมเด็จท่าน และบารมีพระทุกๆพระองค์เทพพรหม สงเคราะห์ จึงเป็นของสูงสุด หลวงพ่อพระราชพรหมยานท่านได้สร้างขึ้นไว้เพียงไม่กี่ด้าม ที่ศิษย์พระเดชพระคุณนำมาใช้ในการฝึกมโนฯเต็มกำลัง เป็นที่หมายปองของศิษย์แต่คงไม่มีวาสนาที่ได้ไว้ครอบครองครับ ถือว่าคร้งนี้มีโอกาสสำคัญที่จะได้ครอบครองครับ


    คุณชัยวิทย์ได้ศึกษาการทำไม้ครู ว่าจะต้องมีไม้ช่อฟ้าเป็นมวลสาร และก็ได้ช่อฟ้า ของวัดระฆัง ชื่อวัดก็ดังแล้วครับถือเป็นเคล็ด มาเป็นมวลสารบรรจุ ส่วนอื่นๆก็กำลังถ่ายรูปและยังรอมวลสารอื่นๆที่กำลังรวบรวมครับ


    ม้ที่มาทำนี้ เป็นไม้ที่อยู่ที่วัดครับ ไม่มีใครทราบนอกจากหลวงพ่อ แถวนั้แรงมาก ไม่ค่อยมีใครกล้าผ่านเข้าไป และหลวงพ่อท่านต้องทำพิธีขอตัดมาให้ด้วยองค์ท่านเอง
    ส่วนวันนี้ผมได้รับ อังสะ เกศา และแผ่นจารย์ของหลวงพ่อที่จะมวลเป็นตะกรุดแล้วครับ คงรอมวลสารต่างๆให้ครบก่อนจึงทำพิธีบรรจุ


    บอกได้คำเดียว ว่ามวลสารที่บรรจุ มูลค่าหลายแสนครับ

    หลังจากปิดจองแล้วส่วนที่เหลือพระอาจารย์ท่านกล่าวว่าจะถวายหลวงพ่อ จะไม่มีวางจำหน่ายที่วัด อยากได้ก็คงต้องหาผ้าป่าไปครับ ๕๐,๐๐๐ - ๑๐๐,๐๐๐ บาทจึงจะมอบให้ ๑ ด้าม จะหาการสร้างแบบนี้ไม่อีกแล้ว ชนวนที่บรรจุ ตายแล้วเกิดใหม่อาจจะหาไม่ได้เลย ไม่ใช่เรื่อปั่นกระแสครับ อาธิเช่น เครื่องยาใหญ่ ตามตำหรับหลวงปู่ศุข ที่ต้องใช้เวลาหามวลสารนับสิบปีจึงจะครบ หมดเงินไปหลายแสนบาท ว่านที่หายากมากกว่า ๑๐๘ ชนิด ที่อยู่บนหน้าผาสูงในป่าลึก ใช้เวลาเซาะหายาวนาน เป็นเคล็ดเรียกว่าว่านชั้นสูง เพราะอยู่ตามหน้าผา ส่วนชันโรงที่บรรจุ รวมชันโรงที่หายากมากๆ ครับ และชนวนที่หลอมแล้วรีดเป็นแผ่นลงยันต์ตามตำราเป็นตะกรุด เป็นของหายากทั้งสิ้น

    เป็นวาสนาบารมีผู้ได้ครอบครองครับ จะหาการสร้างเยี่ยงนี้ยากครับ


    ผงสรีระหลวงปู่สี วัดถ้ำเขาบุญนาค พระอาจารย์บูชามาสองพันบาท จริงๆเขาตั้งราคา ๓ พันบาทครับ บูชามาจากวัด พร้อมขอผงธูปอธิฐานมาด้วยครับ

    ผมจำได้คร่าวๆ พระอาจารย์ท่านบอกไว้ยาวมากหลายอย่างอานุภาพสูง
    เช่นแร่ชนิดหนึ่ง ที่ต่างประเทศใช้ดาวเทียมค้นหา ไม่รู้ว่ามีคุณสมบัติอะไร ในบริเวณนั้นมีแร่คล้ายเหล็กไหลเยอะ แต่พวกนั้นไม่เอาไป เอาแร่สีเหลืองใสไปอย่างเดียว พระอาจารย์ได้มา และได้ตากระท้อนหน้าสุเหล่า เป็นของดีในตัว ตามตำราว่า สิ่งนี้กันคุณไสยพวกแขกได้ นับถือคนไปเอามา สิ่งนี้เขาก็รู้ดีและหวงมาก ได้มาจากปัตตานี ครับ

    ยังเหลือรูปอีกห้าสิบกว่ภาพยังไม่ได้ลงครับ รอมวลสารอีกชุด ก็พอแล้วครับ หมดเงินไปเยอะเหมือนกัน ค่าเดินทางค่าผาติกรรมขอมวลสารมาครับ

    มีดินศักดิ์สิทธิ์จากยอดเขาแห่งหนึ่งซึ่ง เรียกว่า ดินสามนาย ที่ โมเสสรับบัญญัติ ๑๐ ประการจากพระเจ้า ที่แห่งนี้เป็นที่หวงแหนใครจะนำออกมายากมาก มีคุณป้องกันคุณไสย พวกแขกได้และอีกหลายอย่างจำไม่หมดครับ

    ส่วนน้ำตาพระพิฆเณศ เป็นการทำขึ้นมาจากตำรา ทำได้ยากยิ่ง อานุภาพสูง แต่การบรรจุต้องระมัดระวังอย่างมาก รอพระอาจารย์มาอธิบายอานุภาพครับ

    แผ่นยันต์กระดาษของจีนนั้น ท่านให้เอามาเผากลางแจ้ง แล้วนำผงไปเป็นมวลสาร จะเป็นการเบิกทางแหวกอุปสรรค์ทั้งปวง

    อิฐพระธาตุพนม แกะเป็นลูกประคำ ได้มายกเส้นครับ อิฐเก่าเดิม

    ตอนนี้โยมชัยวิทย์กำลังเขียนขั้นตอนการทำไม้ครู ถ้าเขียนเสร็จจะนำลงมาให้อ่านกัน

    มวลสารที่มีความสำคัญและที่หายาก เช่นผงไม้งิ้วดำของพญาศรีโคตรที่หลวงปู่ทองทิพย์ ท่านเดินธุดงไปเอามา
    ผงกรุพระธาตุนาดูน
    ผงเบ้าหลอมพระเจ้าองค์ตื้อสมัย พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชพลังไม่ต้องพูดถึง และเป็นผู้ที่ดูแลรักษาจะมอบให้เฉพาะ เพราะมีทั้งโยมและพระไปเอามาต้องเอาไปคืน

    ผงที่บรรจุในมีดโบราณได้จากปู่พรหมเป็นของดีที่หาได้ยากอายุเป็นร้อยปี
    ผงไม้เท้าหลวงตาอ๋อยเป็นไม้เท้าอันทำจากรากไม้สักมีฤทธิ์อำนาจสูงมากๆ
    เหล็กไหลที่กลายเป็นอำพันได้สอบถามท่านผู้รู้ บอกว่าเป็นของหายากมาก มีฤทธิ์ในตัว มีพลังสูง

    พิษพญานาคที่คายออกที่แถวบ้านแพง เป็นของมีคุณป้องกันพิษต่างๆได้
    ผงรอยพระบาทพระมหากัสปะที่ภูวัว มีชาวบ้านไปเอาเทวดาที่รักษาบอกให้เอาไปคืน เป็นที่ท่านเหยียบเพื่อหาแกนโลก ที่จะบรรจุพระอุรังธาตุ
    ผงไม้ช่อระอากันของคุณคน คุณไสยได้ดี

    ผงใบมณีโคตรได้ได้ลาว เป็นของมงคลและหาได้ยาก
    ผงยาใหญ่สามสวนเป็นของฤาษีอายุเป้นพันปีมีคุณดี
    ผงต้นงิ้วดำกลายเป็นหิน ได้มาจากภูเขาควายลาว
    ผงกาฝากแดงไม้มงคลที่หายาก
    ผงไผ่ตันได้จากภูอ่างสอ งูจงอ่างเป็นผู้ดูแลรักษา

    ผงเถาวัลหลงจะพบอยู่ในป่าลึก ด้านเมตตา
    ดินเขาอังคาร เป็นดินที่สมเด็จโตท่านนำมาทำพระ
    เหล็กไหลเปียกชัยวรมัน ได้จากปราสาทตาควายสุดยอดไม่ต้องเสกก็ขังแล้วหลวงปุ่สรวงบ้านละลมท่านบอกไว้ ส่วนมากคนที่ไปเอาจะว่ายบกกันมากครับ

    ผงจันดำ ผงงิ้วดำ เป็นของหายากมาก ส่วนมากจะไม่ใช่ ปู่กลางท่านเคยบอกเอาไว้ถ้าเอาผงสามอย่างมารวมกันจะเป็นยาลืมตายเลย มีสองอย่าง ถือว่าเป็นไม้มงคลที่หายากครับ
    เลือดพญาครุฑ ลาว
    ชิ้นส่วนอุกาบาศที่มีผลึกเขียวคล้ายหยกหายาก เป็นของจากฟ้าเป็นมงคลครับ

    ไม้กาฝากมะยมชี้ทิศตะวันตกอยู่ตรงหน้าผา ตามเคล็ดโบราณเป็กมีคุณมากครับ
    ผงอิธิเจวัดยานาวา เมตตาครับ
    ทองคำที่เปิดช่อฟ้าเก่าวัดอัมพวัน
    เสากุฏิหลวงปู่ปาน โสนันโท วัดบางนมโค
    ตากะท้อนหน้าสุหร่า เป็นความเชื่อของแขกว่าป้องกันของไม่ดีต่างๆ และมีคุณสะท้อนกลับไปหาผู้ที่กระทำไม่ดีกับเราด้วย

    ไม้มะเกลือโดนฟ้าผ่า ลาว หายากมากครับ
    งิ้วแดง
    ผงไม้ด้ามมีดเล็กฟ้าฟื้น เสาร์๕ วัดท่าซุง ของหลวงพ่อหนุน
    กระเบื้องโบสถ์มหาอุดหลวงพ่อเดิมวัดทำนบ มีชาวบ้านแถววัดเคยเอาปืนไปยิงนกที่กราะหลังคาโบสถ์ปืนยิงไม่ออก

    กระเบื้องกุฏิเก่าหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค
    หัวว่าน108ชนิดที่ขึ้นต้นด้วยทองและลงท้ายด้วยทอง
    แร่สามสายพบที่ ปากชม เป็นแร่ที่มีความศักดิ์สิทธื ที่หลวงปู่สรวงท่านบอกไว้ว่าแร่นี้ไม่ต้องเสกก็ดีแล้ว แร่ชนิดนี้มีผู้เอาไปได้มีอยู่สามท่านด้วยกัน คือหลวงพ่อคุณ หลวงปู่สรวงและโยมที่มอบแร่นี้ ท่านได้เล่าว่าจีนได้มาสำรวจและได้นำแร่นี้กลับประเทศแต่บินไม่ขึ้นถึง2ครั้ง พอกลางคืนมีคนนุ่งจุงกะเบนแดงมาบอกให้นำกลับไปคืนที่เดิม

    แร่เป็กเป็นของพกป้องกันตัวสมัยโบราณที่พระราชา ขุนนาง พกเพื่อป้องสิ่งไม่ดี เจออยู่ที่ชายแดนลาว เวียมนาม
    ขื่อไม้วัดอัมพวัน
    ผงไผ่ดำป้องกันและเมตตา
    อุกามณีหลวงพ่อหนุนท่านบอกว่าหมากัดไม่เข้า
    คตปลวก เขมร
    จ้าวน้ำเงิน
    น้ำลายพญานาคโยมที่พบ เจอตรงกลางแม่น้ำโขงที่แห้งหรือตื้น มีผีมาบอกให้ไปเอามา พลังมาก

    แก่นมะขามดดนฟ้าผ่าได้จากวังเก่า พระเจ้าไฃยเชษฐาธิราช ลาว
    ขวานฟ้าหินเป็นอำนาจ ป้องกัน
    แร่พญานาคปู่เขียวกงไกรราช เป็นผลึกสีเงินมีสีเขียวแซม
    ของสำคัญเบ้าหลอมเก่า ของพระพุทธชินราช ตามตำนานพระอินท์สั่งให้พระวิษณุมาเป็นผู้สร้างสุดยอด

    แร่เหล็กไหลพญานาค
    ขี้ตะกัน3000ปี ที่มาโยมคนที่ได้มาเล่าให้ฟังว่า เกิดจากพญานาคม้วนหาง และขี้ตะกันนี้จมลงดินลึกมาก จะอยู่คู่กับแร่สามสาย เพราะที่ตรงนั้นเคยมีภูเขาทองคำ และคนสมัยนั้นเกิดความโลภมาก พญานาคท่านเลยม้วนหางให้จมลงดิน
    ดินจากชนวนกาซ่า เป็นของอาถรรย์มีอายุ1800ปี ได้ทำพิธีล้างสิ่งไม่ดีออกไป สามารถป้องกันของต่างได้ดีมาก

    เหล็กไหลไพลดำหรือเหล็กไหลเจ้าป่าปกป้องคุมครองดี
    เหล็กไหลแม่น้ำโขง
    เพชรหน้าทั่ง
    ไม้เท้าหลวงตากอไผ่ ทำให้แม่อิ๊ด
    ผงสรีราหลวงปู่สี ฉันทสิริ วัดถ้ำเขาบุญนาค
    ผงธูปบูชาหลวงปู่สี

    ผงธูปบูชาหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์
    ผงดอกไม้บูชาแท่นวัชระอานส์
    พระธาตุบุโพ พระสารีริกธาตุ พระธาตุอาโบ
    คำหมากฤาษี
    พระธาตุโลหิต
    น้ำพระพุทธมนต์108วัด น้ำศักดิ์สิทธ์108แห่ง เกิน108
    ผงปะกำช้างหลวง

    ดินจากประเทศอินเดียของสมเด็จพระมหาวีรวงค์
    ไพลดำผู้ที่ดูแลรักษาตามไปเอาถึง 9 ครั้ง โยมที่ให้มาถึงไปเอา แล้วลองใช้ปืนยิงดูไม่ออก
    กระดูกช้างโบราณที่แปรสภาพเป้นเหล็กไหล ผู้ที่เอามาตั้งชื่อว่าเหล็กไหลฟ้าผ่า เพราะที่ตรงนั้นฟ้าจะผ่าลงบ่อยมาก
    เหล็กไหลทรหด หลวงพ่อหนุนท่านบอกว่าเป็นของดี
    แก้วขนเหล็ก สยบผี
    ฮุ่ยันต์จีน เบิกทาง
    เหล็กไหลเศรษฐี มหาลาภ
    คตงิ้วดำ
    รวมน้ำมันว่าน108 มหาเสน่ห์ ตามตำราหายาก

    เขี้ยวหนุมานมีแร่เงินปนอยู่มาก
    อกธรณี 7 สี ส่วนมากที่เจอกันจะมีสีเดี่ยว
    รวมผงอัฐิครูบาอาจารย์สายวัดป่า
    ผงอาวุธโบราณ เจอในปราสาทเก่า
    ผงดินสอพองพิธีโลกเอียง วัดถ้ำเขาวง
    ผงดินสอพองพิธีเป่ายันต์เกราะเพชรวัดท่าขนุนปี54
    ผงดินสอพองเสาร์๕ วัดท่าซุงปี54

    ผงแป้งหลวงปู่บุดา
    เศษชามสังคโลก
    ผงกาฝากคุณ
    ผงหินพระธาตุ
    หอยกลายเป็นหิน
    ลาวา
    แร่ทอง
    อิฐพระธาตุพนม
    ผงไม้มงคลจากลาว
    ข้าวตอกพระร่วง
    ขี้ตะกันเหล็กน้ำพี้โบราณ 100กว่าปี
    ผงไม้ตะเคียนทองอายุร้อยกว่าปี
    ผงไม้มะยม
    ผงไม้แก่นขาม
    ผงไม้มณีโคตร
    ฝักคุณ
    ผงกะลาตาเดี่ยว
    ผงข้าวสารดำ

    ผงข้าวหิน
    ผงดอกตะไคร่
    ผงงาช้างดำกระดูกดำฟันดำ
    ผงพระแตกหัก
    ผงเศษพระประธานเก่ามาก
    ผลึกสายฟ้า
    อกธรณี
    กาฝากหลง

    ผงพระหลวงตาอ๋อย
    ผงไม้พยุง
    ผงไม้สักทอง
    ผงไม้ราชพฤกษ์
    ผงไม้ขนุน
    ผงไม้ทองหลาง
    ผงไม้กรันเกรา
    ผงไม้ทรงบาดาล
    ผงไม้ไผ่สีสุข
    ผงไม้กลายเป็นหิน
    ผงไม้พันชาติ
    ผงดอกไม้บูชาพระ

    ผงไม้เท้าหลวงปู่พา ท่านเป้นพระเก่า ท่านชอบทำไม้ทเท้าถวายครูบาอาจารย์เช่นหลวงปู่มั่น ส่วนอันที่มาบดนี้เจออยู่ในถ้ำ
    ผงพระกรุหลวงปู่ขาว กุดบาก
    ขี้ตะกันแร่โคตรเศษรฐี แม่ชีประทุม
    ผงตะไบผาลไถ มีคุณกลับร้ายกลายเป็นดี
    ผงตะไบมีดสายฟ้ามหาปราบ
    ผงตะไบสมเด็จองค์ปฐม
    ผงตะไบนวะฤทธิ์
    ผงมวลสารที่ใช้บรรจุตะกรุดปืนแตกหลวงพ่อหนุน
    ผงมวลสารของฤาษี
    รวมมวลสารที่ใช้บรรจุมสเด็จองค์ปฐมรุ่นแรก หลวงพ่อหนุน
    ผงจักรพรรดิ์หลวงปู่ดู่ หลวงตาม้า
    ผงยันต์เกราะเพชร


    เกษาสมเด็จเกี่ยว
    เกษาหลวงปู่ดู่
    เกษาหลวงตาม้า
    เกษาหลวงปู่บุญฤทธิ์
    เกษาหลวงปู่สุภา
    เกษาหลวงปู่ศรี มหาวีโร
    เกษาหลวงปู่ธีหลวงปู่วิชัย
    คุณ รุ่งนภา สันตติอนันต์ เป็นผู้บริจาดถวาย

    เกษาแม่ชีประทุม
    เกษาหลวงปู่บุญศรี
    เกาษาหลวงปู่บู่
    เกษาหลวงพ่อหนุน
    เกษาหลวงปู่ขาว
    เกษาแม่ชีเลี้ยน
    เกษาหลวงปู่เนย
    เกษาหลวงปู่บุญหนา

    วันนี้ถือเป็นฤกษ์ดี เพราะนานๆถึงจะเข้าได้ซักที
    ไม้เสากุฏิหลวงปู่มั่น หนองผือ
    ไม้เสากุฏิหลวงปู่เสาร์ อุบล
    ผงทำพระแม่ชีประทุม สีดำ

    เกล็ดพญานาค ได้จากหลวงพี่น้อง ภูอ่างสอ
    กระดูกพญานาค ได้จากโยมที่โคราช เล่าว่าได้มาจากโยมที่ภูเขาควายให้มา
    ครีบพญานาค ได้จากปู่พรหมภูวัว
    เกล็ดแก้วพญานาค ปู่พรหมภูวัว

    ขอเรียนถาม


    ผงทั้งหลายข้างต้นนี้ นำมาบรรจุในวัตถุมงคลใดบ้างครับ

    และ การบรรจุในไม้ครูนั้น แตกต่างจากในการบรรจุวัตถุมงคลอื่นๆ อย่างไรครับ
    มีบ้างอย่างที่ไม่ได้บรรจุในวัตถุมงคลอย่างอื่นเช่น
    ปรอทของหลวงปู่ญาท่านสวนที่จะมีมวลสารที่เป็นตะกั่วเป็นตัวทำให้ปรอทแข็งตัวเป็น เหมือนครีมคือตะกรุดโทน ตะกรุดจักรพรรดิ์ พระปิดตา และตะกรุดต่างๆอีกที่เป็นของหลวงปู่ญาท่านสวนทั้งหมด อันนี้ก็ถือว่าสุดแล้วดั่งแก้วสารพัดนึก ตลอดถึงแร่โคตรเศษรฐีของแม่ชีประทุม เหล็กเปียกพระธาตุพนม
    ชันโรงทุกชนิดทั้งบก ใต้ดิน อากาศ ต้นไม้
    ตะกรุดที่ได้นำมวลสารมาหลอมรวมกันคือ หัวลูกปืนตะกั่วอธิฐานจิตโดยหลวงน้าสายหยุดท่านเป็นศิษย์ของหลวงปู่ดู่
    เหล็กเปียกที่หุ้มยอดพระธาตุพนมปริมาณเท่ากับหัวลูกปืน
    แร่โคตรเศษรฐีของแม่ชีประทุมปริมาณใส่เท่ากับพระโคตรเศษรฐี 7-8 องค์
    ส่วนรายละเอียดอย่างอื่นต้องรอทางโยมชัยวิทย์ จะเขียนมาบอกว่ามีอะไรบ้างแต่ได้ฟังจากโยมชัยวิทย์ก็มากพอดูเลยล่ะ

    ส่วนเรื่องพิธีกรรมนั้น ก็ต้องดูฤกษ์ นิมนต์พระมาสวดชยันโต จะทำพิธีที่ศาลากลางน้ำสวดสมมุติเป็นโบสถ์กั่นสายสินย์ สวดอัญเชิญครูบาอาจารย์มีพระพุทธเจ้าตลอดจนถึงพรหมเทพเทวดา ในการทำพิธีห้ามพูดกับใครทั้งสิ้น จนกว่าพิธีจะเสร็จ อันนี้คราวๆนะ

    ส่วนเกษาของครูบาอาจารย์ทั้งหมดจะบรรจุในไม้ครู
    ล็อกเก็จหลวงพ่อหนุนก็จะมีเฉพาะเกษาของหลวงพ่อหนุนเท่านั้น

    ส่วนบทสวดนั้นบ้างบทก็บอกได้ แต่ส่วนมากบอกไม่ได้ เพราะท่านไม่อนุญาติครับ

    ผงไม้ช่อฟ้าวัดระฆังสมัยสมเด็จโต
    ดินยอดเขาซีนาย เป็นที่โมเศสขึ้นไปรับบัญญัด10ประการ ดินตรงนี้จะมีพลังงานพิเศษที่สามารถป้องกันและแก้ สิ่งไม่ดีด้านของได้ โยมที่ให้มาได้เล่าให้ฟังว่า ลูกศิษย์ของเขาโดนของแขกเข้า 4-5 คน เขาแค่เอานิ้วจิ้มดินยอดเขาซีนายมาแตะที่หน้าผากลูกของเขา ผลออกมาคืออ้วกออกมาหมดเลย โดยที่ไม่ต้องสวดคาถาอะไรเลย

    น้ำตาพระพิฆเนศเป็นสิ่งที่ทำขึ้นมา ไม่มีในตำราพระพุทธศาสนา แต่มีคุณที่สามารถป้องกันพิษ สารพิษต่างๆได้ เช่นรังสีต่างๆจนถึงรังสีนิวเคลีย ชีวภาพ อาวุธเชื้อโรค โยมเล่าว่าลูกศิษย์เขาขอซื้อให้ราคาที่สูงพอควร แต่เขาไม่ขาย เขาทำขึ้นมาแค่นิดเดี่ยวพอเป็นพิธีเท่านั้น เขาเห็นว่าเอาไปทำประโยนช์จึงถวายให้ เล่าว่าน้ำตาพระพิฆเนศเขาตั้งชื่อเอง ผู้ที่มีน้ำตาพระพิฆเนศเขาจะมีรังสีแผ่ออกมาเป็นวงกลมรัศมีประมาณแขนโดยรอบ
    อ่านแล้วต้องใช้วิจารณะญาณด้วยครับ

    หลวงปู่เช้า อตตฺจิตฺโต วัดห้วยลำใย
    อธิฐานจิตไม้ครูให้เป็นพิเศษครับ

    ผงทำพระของสมเด็จโต ได้มาจากเพื่อนพระท่านได้มาจากท่านพระครูวัดบางขุนพรหม ท่านพระครูท่านสะสมผงของสมเด็จโตรวมถึงพระที่แตกหัก เป็นของเก่าของสมเด็จโตเลย ตอนไปเอามาเหลืออยู่ก้นโหลแล้ว ท่านเลยแบ่งมาให้ เป็นผงรวมของสมเด็จโตมี ผงสมเด็จวัดระฆัง บางขุนพรหม เกศไชโย ผสมรวมกันอยู่

    ผงดินศักดิ์สิทธ์วัดพุทธโมกข์ หลวงพ่อหนุนท่านเมตตามอบให้ เป็นที่มีประสบการณ์มาก หลวงพ่อท่านเล่าให้ฟังว่า ที่ตรงที่มีดินนี้อยู่ผู้หญิงจะเดินข้ามไม่ได้เลย ถ้าข้ามเมื่อไหร่เป็นเรื่องทันที จะล้มลงชักทันที มีพระมาขอดินตรงนี้ไปผสมทำพระขุนแผน แล้วลองยิง 3 นัดไม่ออกเลย

    ผงเก่าในองค์พระธาตุเชิงชุม ได้ตอนนำเงินไปถวายหลวงพ่อหนุน หลวงพ่อท่านเล่าว่ามีพระมาขอผงนี้ที่วัดพระธาตุเชิงชุมแต่พระผู้ที่เก็บท่านไม่ให้ ท่านบอกจะให้เฉพาะหลวงพ่อหนุนองค์เดี่ยว เป็นผงเก่าอายุนานมากก็คงหลักร้อยปีขึ้น และก็ผ่านพิธีมามากๆๆๆๆๆๆๆ

    ผู้ที่ได้รับไม้ครูนี้ขอแสดงความยินดีด้วย เพราะท่านจะได้รับสิ่งที่ดีที่สุด เท่าที่คณะจัดสร้างจะทำได้ในตอนนี้ มวลสารหลายอย่างได้รับบริจาดมา ล้วนแต่เป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่ง และมีพลังที่ไม่เสื่อมที่หลวงปู่สรวงท่านรับรอง

    คุณทัศน์วรรณ พิทักษ์สรรค์ ได้บริจาดผงสำคัญที่ใช้บรรจุดาบพระเจ้าพรหม วัดศาลพันท้าย รายละเอียดของผงมีดังนี้
    1.ผงผ่านพิธีปลุกเสกสมเด็จองค์ปฐมรุ่น4-5 วัดท่าซุง
    2.ผงบรรจุพระกริ่งสมปราถนา
    3.ผงเข้าพิธีพระปิดตามหาเศษรฐีรุ่นแรกวัดท่าขนุน
    4.ผงเข้าพิธีวัดเขาวง สระบุรี รวมสายวัดท่าซุง
    5.ผงพระสมเด็จทันใจขี่ไก่ของหลวงพ่อมนัส
    6.ผงเข้าพิธีหลวงพ่อหนุน
    7.ผงตะไบมีด ภ.ป.ร วัดท่าซุง
    8.ผงมีดหลวงพ่อเดิม
    9.ผงพระหลวงพ่อแก้ว วัดเคลือวัล
    10.ผงเพชรจักรพรรดิ์ หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

    ตอนนี้ก็รอมวลสารและเกษาครูบาอาจารย์ จากคุณวุฒิพงษ์ คงมีอะไรดีมาอีกมาก

    เกษาหลวงปู่เหมือน
    เกษาหลวงปู่เคน
    เกษาหลวงปู่ในดง
    เกษาหลวงปู่เภา
    เกษาหลวงปู่ฝั้น
    เกษาหลวงพ่อหนุน
    เกษาพระอาจารย์สมควร
    เกษาหลวงปู่สมดา
    เกษาหลวงปู่เจี๊ยะ
    เกษาหลวงพ่ออิน
    เกษาหลวงปู่ขาว
    เกษาสมเด็จลุ่น

    คุณรุ่งนภา สันตตินันต์ มีใจบุญมากได้บริจาด
    1.ผงดินสอพองหอมผ่านพิธีเสด็จกลับรุ่น2

    วันนี้ได้รับมวลสารจากคุณ วุฒิพงษ์ มีรายการดังนี้
    1.ชนวนฐานพระยืน
    2.ลูกอมผงมวลสารรวม
    3.อิฐโบสถ์เก่าหลวงพ่อเดิม
    4.ชนวนสมเด็จองค์เนื้อเงิน
    5.เกษาหลวงพ่อมหาสิงห์
    6.ผงจินดามณี
    7.ชนวนหล่อหลวงปู่ใหญ่เปิด 3 ภูมิ
    8.ตะกรุดมหามงคลครอบจักรวาล ผ่านพิธีมาหลายพิธี เช่น ครูบาอินสม วัดถ้ำพระพุทธบาทป่าไผ่ วัดท่าขนุน วัดท่าซุง
    9.ใม้กลายเป็นหิน มีหลายชนิด
    10.ชนวนหล่อหลวงปู่ทวดค้ำชูดวง
    11.ชนวนหล่อพระรวมวัดท่าซุง
    12.ชนวนพระขรรค์
    13.ชนวนจตุคาม
    14.แผ่นจารหลายครูบาอาจารย์
    15.ผงพระแตกหักหลวงตามหาบัว
    16.กระดาษเช็ดปากหลวงปู่ศรี มหาวีโร
    17.คฑาพรหม
    ส่วนอย่างอื่นๆที่ยังไม่ได้ลง ต้องให้ทางคุณ วุฒิพงษ์ มาบอกอีกที
    เกศาที่ส่งไปมีประมาณ 30 กว่าพระอาจารย์จะทยอยลงให้ทราบครับ เกศาพระกรรมฐานที่หลวงตามหาบัว รองรับว่าพ้นแล้ว ส่วนชนวน จะตามไปอีกเป็นผง พุทธคุณ ๑๔๐๐ วัด และแป้งเสกจากครูบาอาจารย์นับร้อย กำลังรอจากพระคุณเจ้าส่งมาครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มีนาคม 2016
  19. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    [​IMG]




    คฑาไม้ครู หลวงพ่อหนุน สุวิชชโย​



    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ญานธรรม อ่านข้อความ
    โอ้โห ไม้ครูสร้างอีก 108 องค์ ผมว่าก็หมดครับ
    ใครได้จองไว้ เป็นวาสนาบารมีครับ เกินนี้ปลอมแล้วครับ เพราะไม้ที่มีทำได้เท่านี้ครับ

    เกษาหลวงปู่ญาท่านสวน
    จีวรหลวงปู่เทพโลกอุดร คุณชัยวิทย์ ได้มาจากผู้ที่ร่วมสร้างมีดสายฟ้ามหาปราบไตรภพ ท่านได้เจอกับหลวงปู่โดยไม่คลาดฝัน ตัวท่านเป็นคนสูงใหญ่เหมือนหลวงตาดำ ที่หลวงพ่อจรัญเจอ ก่อนจากเลยขอผ้าจีวร ท่านเลยให้ฉีกเอา พอได้มาเลยเอามาแบ่งให้คุณชัยวิทย์

    มวลสารนี้ได้จากพระที่รู้จักกัน
    ทรายเสกผ่านพิธีมามากๆ ทั้งเสกเดี่ยวและพิธีใหญ่ๆ เช่นออกนิโรธ เป่ายันต์ เสาร์๕
    ผงพระธาตุสามร้อยยอด
    ผงพระธาตุสิวลี
    รวมผงพระ 2000 ชนิด จีวร เส้นเกษา ผ้าห่ม ผ้าเช็ดหน้าพระมัยมุนีพม่าและอย่างอื่นๆ

    ปู่พรหมให้ลูกปะคำ ของพรานบุญอายุมากๆเป็นปะคำที่พรานบุญเป็นคนทำมีอานุภาพที่ไม่ธรรมดาเลย ของเก่าอายุเป็นร้อยๆๆปี ท่านบอกว่าเดียวนี้ก็ยังมีชีวิตอยู่
    ปะคำเหล็กน้ำพี้ของหลวงปู่หมุน วัดบ้านจาน องค์นี้ไม่ธรรมดาอย่างเก่ง หนึ่งไม่มีสอง

    ไม้ครูหลวงพ่อหนุน
    การสร้างไม้ครูนั้น มีการสร้างหลายสำนัก แต่ละสำนักก็จะมีการสร้างแตกต่างกันไป ไม้ครูเชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์ความเป็นมงคลอย่างหนึ่ง

    วัตถุประสงค์ ในการสร้างไม้ครู ก็คือเป็นเครื่องคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายต่างๆ ดั่งคำว่า ศิษย์มีครู ทำให้เกิดอำนาจตะบะเดชะ เป็นเมตตามหานิยมแก่สาธุชนทั้งหลาย คำว่าครูก็จะมีแต่คนเคารพกราบไหว้บูชา นับเป็นนามที่เป็นมหามงคลอย่างยิ่ง นอกจากนี้ยังเป็นที่เกรงกลัวแก่เหล่าอสูรภูติผีปีศาจต่างๆ และยังเป็นเครื่องป้องกันคุณไสยมนต์ดำ และสามารถทำลายล้างสิ่งที่เป็นอาถรรพ์ต่างๆ ได้นอกจากนี้ยังป้องกันเขี้ยวงาสัตว์ทั้งหลายอันมี งู ช้าง เสือ สุนัข กระทั่งสัตว์น้ำ ครึ่งบกครึ่งน้ำ

    การสร้างไม้ครูมีการสร้างหลายลักษณะ หลายขนาด ตามแต่วัตถุประสงค์ของผู้สร้าง บางคณาจารย์ก็จะสร้างในรูปลักษณะของตะกรุด สามารถพกพาติดตัวได้เหมือนเครื่องราง เช่น ตะกรุด ไม้ครู ของหลวงปู่ภู วัดอินทราราม บางขุนพรหม บางคณาจารย์ ก็จะสร้างในลักษณะความเชื่อเรื่องเทพศาสตราวุธแต่ในรูปแบบของไม้คฑา ไม้ตะพต ไม้เท้าคู่กาย

    สำหรับไม้ครูของหลวงพ่อหนุน นั้น สร้างในลักษณะของไม้คฑา โดยการสร้างจากไม้ศักดิ์สิทธ์ และวัตถุอาถรรพ์ต่างๆมากมาย เพื่อให้ไม้คฑาของหลวงพ่อหนุนนั้นทรงอิทธิฤทธิ์ และทรงอานุภาพแห่งความศักดิ์สิทธ์อย่างไม่เคยมีการสร้างมาก่อน

    วิธีการสร้างไม้ครู (ไม้คฑา) ของหลวงพ่อหนุน รูปลักษณะ ความยาวประมาณ 27ซ.ม. โดยการวัดตามโฉลกในการสร้าง ส่วนหัวและส่วนปลายกลึงด้วยไม้มณีโคตร ส่วนตรงกลางเป็นไม้สัก รูปลักษณะของไม้ครู (ไม้คฑา) บนยอดปลายส่วนหัว และส่วนปลายด้าม เป็นรูปดอกบัวตูม ซึ้งดอกบัวเป็นเครื่องหมายแห่งปัญญา เป็นเครื่องหมายแห่งการหลุด พ้น ปัญญาเป็นเสมือนสุดยอดแห่งอาวุธ ซึ่งสามารถฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆไปได้ ปัญญาเป็นเสมือนสุดยอดแห่งอาวุธที่ทรงอานุภาพ สามารถทำลายล้างอาวุธอาวุธของฝ่ายมารนั้นคือกิเลสของมนุษย์ นอกจากนั้นดอกบัวยังมีความหมายแห่งความมั่นคง ความอุดมสมบูรณ์ ความสะอาด และความบริสุทธ์และเป็นเครื่องหมายแห่งความเป็นมงคลสูงสุด

    ที่พิมพ์มาเป็นส่วนของทางคุณชัยวิทย์ที่ส่งมา
    สำหรับสิ่งที่บรรจุและมวลสารศักดิ์สิทธ์ ส่วนนี้เป็นส่วนของทางคุณ ชัยวิทย์ ที่ร่วมอยู่ในไม้ครู
    1.ประเภทพระยันต์ซึ่งลงด้วยแผ่นแร่โคตรเศรษฐีและแร่เหล็กเปียก พระยันต์มีดังนี้
    1.1 พระยันต์เกราะเพชร
    1.2 พระยันต์มหาเดช
    1.3 พระยันต์มหากัน
    1.4 พระยันต์ดั้งพงจักรวาล (แปลว่าบุกฝ่าไปได้ทั้งจักรวาล)
    1.5 พระยันต์บารมี 30 ทัศและยันต์มงกุฏพระพุทธเจ้า
    1.6 พระยันต์อาวุธเทพ
    1.7 พระยันต์จตุโร
    1.8 พระยันต์ตรีสิงเห
    2.ประเภทไม้มงคล
    2.1ไม้มณีโคตร
    2.2ไม้สัก
    2.3ไม้งิ้วดำ
    2.4ไม้ช่อฟ้า
    2.5ไม้กระท้อนตายพราย
    2.6ไม้โพธิ์อินเดีย
    2.7แก่นไม้มะขามฟ้าผ่า
    2.8ไม้มะเกลือฟ้าผ่า
    2.9ต้นไพลดำ
    2.10 ต้นยาใหญ่
    เข้ายากมากๆกว่าจะพิมพ์ส่งได้หลายเที่ยว
    ประเภทว่านเกิน 108 ชนิด อาทิเช่น
    1.ว่านไฟ
    2.ว่านน้ำ
    3.ใบหนาด
    4.ว่านม้าแดง
    5.ว่านม้าล่อ
    6.ว่านม้าเพชร
    7.ว่านม้าหมอก
    8.ว่านพญาหงส์ขาว จำนวน 12 ชนิด
    ประเภทผงและแร่ เขี้ยวงาต่างๆ
    1.ผงตะไบใบมีดสายฟ้ามหาปราบไตรจักร (หลวงปู่ญาท่านสวน)
    2.ผงตะไบเข็มโลกธาตุ
    3.แร่บางไผ่
    4.ผงสารพัดเขี้ยว เช่น เขี้ยวหมี เขี้ยวเสือ เขี้ยวจระเข้
    5.ผงงาช้างขาว
    6.ผงงาช้างดำ
    7.ผงตะไบเหล็กอาถรรพ์ต่างๆ
    8.แร่โคตรเศรษฐี
    ประเภทอื่นๆ
    1.ปรอทเก่าของหลวงปู่ญาท่านสวน
    2.ชันนะโรงเพียงดิน
    3.ชันนะโรงกลางหาว
    4.ชันนะโรงใต้ดิน
    5.ชันนะโรงใต้น้ำ
    6.ขี้ผึ้งอาถรรพ์หน้าโบสถ์
    7.ขี้ผึ้งเทียนชัยงานพุทธาภิเษกสำคัญๆต่างๆ
    8.น้ำมันงาเสก เช่น น้ำมันชาตรี น้ำมันหลวงพ่อปาน
    9.สีผึ้งนารายกลืนจิตของหลวงปู่ญาท่านสวน
    10.สีผึ้งนาคราช
    ผงสมเด็จแพโบสถ์น้ำได้จากแม่อิ๊ด
    ผงพระขี่ไก่หลวงปู่ปานวัดบางนมโคได้จากแม่อิ๊ด
    ผงสมเด็จเกษไชโยรุ่นปี36
    ผงคำข้าว
    ผงหางหมาก
    ผงขวานฟ้า
    ผงจักรพรรดิผสมอิฐสมเด็จพระนเรศวรของหลวงตาม้า
    โยมวุฒิพงษ์รายการที่ส่งพัสดุมา

    รวมผงแท้แป้งเสก 155 รูป 1 กระปุก
    ว่านเมตตามหาลาภ 49 ชนิด ล้วน 1 กระปุก
    รวมผงพระพร้อมรายชื่อ 1400 ชนิด 1 กระปุก
    ว่านเมตตามหาลาภ.doc (26.5 KB, 0 views)
    ผงแป้งเจิม แป้งเสก แป้งหิน เสกเดี่.doc (48.0 KB, 0 views)
    มวลสาร1400 วัด.doc (60.5 KB, 0 views)
    *ผงชานหมาก 7 พระเกจิ

    กระเบื้องโมเศสที่ใช้หุ้มองค์พระธาตุดอยตุงของเก่าสมัยที่หลวงพ่อฤาษีตลอดถึงครูบาอาจารย์องอื่นๆได้ไป ทำพิธีบวงสรวงอธิฐานจิตตั้งแต่ พ.ศ.2516 ถึง 2554 ถึงบูรณะซ่อมแซมเปลี่ยนรูปทรงเป็น แบบล้านนา
    น้ำทิพย์ที่ใช้ในงานพิธีสำคัญต่างๆและใช้สรงน้ำองค์พระธาตุดอยตุงอธิฐานจิตจากหลวงพ่อเจ้าอาวาสพระพุทธิวงค์วิวัฒน์

    น้ำทิพย์ที่ใช้ในงานพิธีสำคัญต่างๆและใช้สรงน้ำองค์พระธาตุจอมกิตติและได้รับการอธิฐานจิตจากหลวงพ่อเจ้าอาวาสจำชื่อไม่ได้

    กระเบื้องโมเศสที่หุ้มองค์พระ ธาตุดอยตุงนั้นได้รับการอธิฐานจิตตลอดถึงการสวดมนต์ทำวัตเช้าและเย็น สวดพระธรรมจักรทุกวันพระตลอดมา
    เมื่อวานได้คุยกับหลวงพี่เอก วัดเขาแร่ ท่านบอกว่าพระธาตุ 2 พระธาตุนี้คือพระธาตุดอยตุงและพระธาตุจอมกิตตินั้นผ่านพิธีมากๆๆ ตลอดถึงองค์หลวงพ่อฤาษีท่านได้มาบวงสรวงทำพิธี องค์สมเด็จท่านลงมาทำเองตลอดนะ อันนี้สุดยอดมากนะ

    พอตั้งจิตอธิฐานอิฐองค์พระธาตุจอมกิตติคิดว่าไม่ได้แล้ว พอดีได้แวะมากราบหลวงพี่เอกได้คุยเรื่องทำไม้ครู และไปพระธาตุดอยตุงและพระธาตุจอมกิตติ มาท่านเลยเล่าว่าได้ไปพระธาตุจอมกิตติ มาตั้งจิตอยากจะได้มวลสารของพระธาตุจอมกิตติ ท่านเดินสวดอิติปิโส 3 รอบ พอครบอิฐองค์พระธาตุตกลงมาตรงหน้าท่านพอดีเลย มีพลังมากนะ ศักดิ์สิทธ์มากนะ
    ได้อะไรดีๆอีก เดี่ยวหลวงพี่เอกท่านจะส่งให้นะ ถ้ามีอะไรบ้างจะแจ้งให้ทราบอีกที

    กระเบื้องโมเสดสีทองพร้อมด้วยปูนที่หุ้มห่อองค์พระบรมสารีริกธาตุกระดูกไหปราร้า(พระรากขวัญเบื้องซ้าย)ของพระพุทธเจ้าโดยพระมหากัสสะปะเถระเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ได้อัญเชิญมา พระเจ้าอชุตราชเจ้าผู้ครองนครนาคพันธ์โยนก แห่งราชวงค์สิงหนวติ เป็นประธาน ทำพิธีบรรจุ ณ ดอยตุงนี้ แค่พลังของพระบรมธาตุสุดยอดแล้วครับ แล้วผ่านมาอีกเป็นพันๆปี ผ่านพิธีผ่านผู้ที่ทรงคุณพิเศษอีกจำนวนมาก
    เกษาหลวงปุ่ครูบาบุญมา วัดสามัคคีธํรรม ลำปาง

    ผงพระเก่าของคุณแม่บุญเรือน วัดอาวุธ
    ศิลาน้ำของคุณแม่บุญเรือน วัดอาวุธ
    น้ำมนต์ศักด์สิทธ์ของคุณแม่บุญเรือน วัดอาวุธ
    น้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ 381 แห่ง สมเด็จโต วัดอินทรวิหาร

    ส่วนอิฐหน้าจะได้หลายพระธาตุสำคัญๆ จากหลวงพี่เอก
    ชนวนทองล้นเบ้าจากชมรมกุมารทอง ร.ป.ภ.ยมเป็นผู้มอบให้พร้อมทั้ง
    ไม้คานโบสถ์เก่าของวัดกุดเหวียน ลำปาง บดเป็นผงผสม
    ไม้สนหอมอายุเป็นร้อยกว่าปี
    ปูนเสกคุณแม่บุญเรือน วัดอาวุธ ป้องกันโรค

    ข้อมูลผิดไปหน่อย ที่คุณทัศน์วรรณ พิทักษ์รังสรรค์ ได้บริจาคมวลสารมาให้นั้น
    เป็นมวลสารที่ใช้บรรจุพระกริ่งพระเจ้าพรหมมหาราชและดาบพระเจ้าพรหม มีอะไรบ้างรู้สึกว่าจะมีมากๆนะมวลสาร

    วันนี้มีโยมนักบุญมาวัด ได้นำมวลสารสำคัญมาร่วมบุญด้วยคือ
    1.ผงอังคารหลวงปู่คำพัน จันททูโป นครพนม
    2.เกษาหลวงปู่เผย วิริโย วัดถ้ำผาปู่ จ.เลย
    3.เกษาหลวงปู่เสน ปัญญาวโร วัดป่าหนองแซง จ.อุดร
    4.เกษาหลวงปู่จันทา ถาวโร วัดป่าเขาน้อย จ.พิจิตร
    5.เกษาหลวงปู่ประสาร สุมโน วัดป่าหนองไคร้ จ.ยโสธร
    6.เกษาหลวงปู่ถวิล สุจิณโณ วัดป่าสุจิณโณ จ.ขอนแก่น
    7.เกษาหลวงปู่สิงห์ทอง ปภากโร วัดป่าสุนทราราม อ.เลิงนกทา
    8.เกษาหลวงปุ่บุญพิน กตปุญโญ วัดผาเทพนิมิต อ.นิคมน้ำอูน
    9.เกษาหลวงปู่แปลง สุนทโร วัดป่าอุดมสมพร อ.พรรณานิคม
    10.เกษาหลวงปู่ไม อินทสิริ วัดป่าภูเขาหลวง จ.นครราชสีมา
    11.เกษาหลวงปู่พัน ฐิฒธัมโม วัดป่าสันติธรรมบ้านน้ำภู จ.เลย
    12.เกษาหลวงปู่มั่น ถาวโร วัดภูลังกาใต้ อ.บ้านแพง
    13.เกษาหลวงตาแตงอ่อน กัลยาณธัมโม วัดป่าโชคไพศาล อ.วานรนิวาส
    14.เกษาพระอาจารย์กัณหา วัดถ้ำคิ้ว อ.บ้านแพง
    15.เกษาหลวงปู่สมภาร วัดป่าวิเวกพัฒนาราม อ.พรเจริญ
    16.เกษาหลวงปู่วิไล เขมิโย วัดถ้ำพญาช้างเผือก จ.ชัยภูมิ
    17.เกษาหลวงปู่เคน เขมาสโย วัดป่าหนองหว้า อ.สว่างแดนดิน
    18.เกษาหลวงปุ่เคน อิสสโร วัดป่าบ้านพืชผล อ.บ้านแพง
    19.เกษาหลวงปู่แฟ๊บ สุภัทโท วัดป่าดงหวาย อ.บ้านม่วง
    20.เกษาหลวงปู่บุญมา คัมภีรณานธัมโม วัดป่าสีห์พนม อ.สว่างแดนดิน
    21.เกษาหลวงปู่บุญเหลือ วัดป่าวังปลาโด จ.อุดร
    22.เกษาหลวงปู่จันทร์ กิติวัณโณ สำนักสงฆ์หัวภูลังกา
    23.คุณแม่ชีบุญฮู้ พรหมเทพ สำนักแม่ชีภูกระแต อ.อากาศอำนวย
    24.ชานหมากหลวงปู่คำบุ วัดกุดชมพู จ.อุบล
    25.คำหมากหลวงพี่เอก วัดเขาแร่
    26.คำหมากหลวงปู่บุญพิณ วัดผาเทพนิมิต
    27.ที่สีฟันหลวงพ่อไพบูลย์ สำนักสงฆ์นาเยอ
    28.ที่สีฟันหลวงปู่อุทัย สิริธโร วัดป่าเขาใหญ่เจริญธรรม
    29.ที่สีฟันหลวงตาแตงอ่อน วัดป่าโชคไพศาล

    รูที่บรรจุมวลสารใหญ่พอสมควร ขนาดเท่ากับปากกาปกติ ความลึกสุดดอกสว่าน

    ฟอสซิลงาช้างดำที่กลายเป็นหิน มีอายุประมาณ 37 ล้านปี เกิดจากการถูกทับถมด้วยดิน ฟ้า อากาศ เป็นไปโดยธรรมชาติ จึงมีความแข็งแกร่งมากจนกลายเป็นฟอสซิล เมื่อปี พ.ศ.2551 นักโบราณคดีได้ขุดพบชิ้นส่วนฟอสซิล เป็นชิ้นส่วนของหัวกระโหลกช้างมีงา 4 งา แต่เป็นงาสีขาว ไม่ใช่สีดำมีความใหญ่โตมาก ซึ่งปัจจุบันได้ถูกนำไปเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์ที่นครราชสีมา มีผู้ปฏิบัติธรรมท่านหนึ่งที่มีญาณพิเศษหยั่งรู้ ได้เล่าให้ฟังว่า ช้างเผือก 4 งา ที่มีสีดำ มีจริง และนักโบราณคดีก็เคยขุดพบ และได้ประเมิณซากที่ขุดพบว่ามีอายุประมาณ 37 ล้านปี และในสมัยนั้น ยังไม่มีมนุษย์เกิดขึ้นมาในโลก ใครที่ได้พบ หรือได้ครอบครองเป็นเจ้าของถือว่าโชคดีมาก มีคุณประโยชน์มากมายมหาศาล ฟอสซิลงาช้างดำจะมีความแข็งแกร่งมาก ถ้านำเอามาแปรรูป ขัดเงา ทำเป็นหัวแหวน จะสวยงามมาก ไม่แพ้อัญมณีทั่วไป หรือจะแปรรูปเป็นวัตถุมงคลได้ก็จะยิ่งดีมาก โดยเฉพาะการแกะทำเป็นกระพิฆเนตร ถือว่าเป็นสุดยอดของวัตถุมงคล ฟอสซิลงาช้าดำจะมีคลื่นพลังแรงมาก มีฤทธิ์ธานุภาพมาก เคยมียอดนักพลังจิต พลังสมาธิท่านหนึ่ง ให้ความคิดเห็นส่วนตัวว่า ฟอสซิลงาช้างดำ มีพลังพุทธคุณเหนือกว่าเครื่องรางของขลังทั้งหมดที่ได้เคยพบมา เช่น เหล็กไหล ไพรดำ เพชรตาแมว และคดต่างๆ โดยไม่ต้องนำมาปลุกเสก เพราะมันมีดีอยู่ในตัวของมันเองอยู่แล้ว ฟอสซิลงาช้างดำจะเด่นมากที่สุดในเรื่องของ การรักษาโรค ถ้าหากนำมาแกะเป็นลูกประคำสวมใส่ในข้อมือ หรือสวมคอ จะมีพลังดูดธาตุเจ้าเรือนที่ไม่ดีในตัวเราออกไป จะทำให้เรามีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ถ้าเจ็บป่วยตรงไหน ให้ใช้ฟอสซิลงาช้าดำกดตรงจุดนั้น หรือฝนเป็นวงกลมก็จะหยุดปวดได้อย่างน่ามหัศจรรย์ ผู้ที่ชอบฝึกพลังจิต ถ้านำมาใช้พกพาติดตัวจะช่วยเพิ่มพลังมากยิ่งขึ้นอย่างน่ามหัศจรรย์ หรือให้นำมาแช่น้ำดื่มกินเป็นประจำ เพื่อรักษาโรค และยังมีอีกหลากหลายวิธีที่จะนำฟอสซิลงาช้าดำมารักษา คุณวิเศษของฟอสซิลงาช้าดำยังช่วยป้องกันคุณไสย มนต์ดำ ไสยศาสตร์ต่างๆ และป้องกันเขี้ยวงาได้อย่างดี จะนำมาแช่ทำน้ำมนต์ สำหรับใช้ประพรมบ้านที่อยู่อาศัยก็ได้ เพื่อให้อยู่ดีมีสุขนักแล...
    "ช้างเผือก 4 งา งาจะเป็นสีดำ กระดูดก็เป็นสีดำเช่นกัน เป็นช้างครึ่งสัตว์ครึ่งเทพคล้ายพญานาคและมังกร ซึ่งน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก"

    30.มวลสารผงอิบพระธาตุพนมผงเกสรดอกไม้ร้อยแปดและหินปัฐวีธาตุที่อธิฐานจิตโดยหลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ และครูบาอาจารย์สายปฏิบัติเช่นหลวงปู่มา จ.ร้อยเอ็ด หลวงปู่ผ่าน จ.สกลนคร หลวงปู่บุญหนา จ.สกลนคร หลวงปู่บุญพิณ จ.สกลนคร หลวงตาพวง จ.ยโสธร หลวงปู่สรวง จ.ยโสธร พระศาสนดิลก วัดป่าสุธาวาส จ.สกลนคร พระอาจารย์บุญอุ้ม จ.นครพนม พระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต สายหลวงปู่คำพันธ์

    งาช้างดำเป็นเครื่องลางสำคัญมีอานุภาพมหาอำนาจทำให้ผู้คนทั่วไปครั่นคร้ามเกรงขาม เชื่อกันว่ามีเดชานุภาพความศักดิ์สิทธิ์อยู่ในตัว โดยไม่จำเป็นปลุกเสกแต่ประการใด งาช้างดำจึงมีคุณค่าในการเก็บสะสมไว้บูชาเป็นอย่างยิ่ง

    เกษาที่ได้มานั้นจะมีลักษณะจับตัวเป็นก้อนกลม
    จับตัวเป็นก้อนกลมมีพระธาตุเสด็จอยู่ใน
    จับตัวเป็นก้อนแปรสภาพเป็นพระธาตุ

    งาดำ ซึ่งตามโบราณถือว่าเป็นของหาได้ยากไม่ได้เกิดขึ้นได้ง่าย เพราะงาช้างดำ ไม่ได้เกิดขึ้นกับช้างธรรมดา แต่จะเกิดขึ้นกับช้างเผือกเท่านั้น และก็ไม่ใช่ว่าช้างเผือกทุกตัวจะมีงาดำไปหมดตามปกติแค่ช้างเผือกก็หาไม่ง่ายแล้ว และช้างเผือกที่มีงาดำยิ่งหายาก หรือเกิดขึ้นได้ยากมาก เคยได้ยินได้อ่านพบ แต่ในหนังสือนวนิยาย ล่องไพร งาดำคนโบราณถือได้ว่าเป็นของวิเศษหายาก มีดีในตัวทางศาสนาฮินดู ถือว่า ช้างเผือกงาดำเป็นช้างทรงพระนารายณ์ ที่อวตาลลงมา คุณวิเศษเทียบได้เหล็กไหล ผู้ใดได้ครอบครองถือว่าเป็นผู้มีบุญบารมี หรืออีกประการหนึ่งคือเป็นเจ้าของเดิมในอดีต จึงได้ครอบครอง สำหรับงาช้างดำ


    เหล็กน้ำพี้ จากตำราพิชัยสงคราม กล่าวไว้ดังนี้

    1. เหล็กน้ำพี้เป็นของขลัง มีของดีในตัวเองทุกอนูมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง
    2. เหล็กน้ำพี้เป็นของอาถรรพณ์ เร้นลับ และมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ทุกๆ อณู
    3. เหล็กน้ำพี้เป็นเหล็กอาถรรพณ์ ใช้ล้างอาถรรพณ์ได้นับนานาประการ แม้ผู้มีวิชาคงกระพันชาตรีเพียงไร เหล็กน้ำพี้สามารถฟาดฟันได้ทั้งหมด
    4. เหล็กน้ำพี้สามารถป้องกันภูติผีปีศาจได้ วิญญาณ ภูติผี ปีศาจไม่กล้าเข้าใกล้
    5. เหล็กน้ำพี้กันมนต์ดำ วิชาเดรัจฉานวิชา ป้องกันได้

    ผู้ที่นำพกติดตัวจะป้องกันสิ่งเลวร้ายได้ตลอดกาลแล้ว ยังเป็นวัตถุมงคลเมตามหานิยมอยู่ยงคงกระพันชาตรี และ ปกป้องคุ้มครองให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆได้ทั้งปวง

    "หินบดยาฤาษี"
    หินบดยาฤาษี เป็นหินที่มีสรรพคุณ เอนกอนันต์ ไม่ใช่หินที่สร้างโดยฤาษีสมัยโบราณ แต่!!! เป็นการสร้างโดยธรรมชาติ มีพลังมาก ภายในเป็นเนื้อแก้ว หินประเภทนี้ จะออกสีขาว (หายาก) เป็นกายสิทธิ์เคลื่อนที่ หลบซ่อนตัวได้โดยชาวบังบด มีพลังเย็นถึงขีดสุด พลังงานจะออกมาจากแกนใน และมีพลังงานสายฟ้า มีร่องรอยให้เห็นเป็นสีสนิมเหล็ก กระจายทั่วไป คิดว่าคงโดนฟ้าลงมาบ้าง เป็นชิ้นแรก ที่ผมเริ่มค้นคว้า กายสิทธิ์ลึกลับ นอกเหนือตำรา นำไปให้อาจารย์ตรวจสอบแล้วเป็นหินบดยา ลึกลับที่พบแบบมหัศจรรย์ ถ้านำหินบดยาแช่ลงในน้ำ น้ำนั้นจะกลายเป็นน้ำมนต์ไล่สิ่งชั่วร้ายได้ ทำน้ำมนต์อาบ ดื่มกิน น้ำจะเย็นมากกว่าปกติ

    ส่วนเครือเถาวัลย์หลง ตัวผู้ - ตัวเมีย พอจะทราบสรรพคุณกันดี ว่าเป็นยอดมหาเสน่ห์ หากพกติดตัว

    กล็ดแก้วนาคา เป็นกายสิทธิ์ตามธรรมชาติเผ่าพันธ์หนึ่ง มีชีวิต และพลังงาน น่าสนใจ มีเหล่าทวยเทพเทวดาเจ้าป่า เจ้าเขา ดูแลรักษา หายากมาก เพราะมักแฝงตัวในถ้ำสูงชัน และลึก มีความชื้นสูง ไม่ค่อยมีอากาศถ่ายเท เหตุนี้จึงไม่ค่อยมีใครนำมาเผยแพร่บริเวณที่พบจะเป็นแอ่งกะทะใบใหญ่ คล้ายห้องโถง ลักษณะคล้ายพระธาตุพระสีวลี หรือจะเรียกว่า หินพระธาตุ พระสีวลี ก็ไม่ผิด ก่อนจะเป็นเกล็ดแก้วนาคานั้น จะเกิดจากเกล็ดระยิบระยับคล้ายเพชรขาวใสบริสุทธิ์ ที่เป็นเหมือนทางเลื้อยผ่านของพญานาค คดเคี้ยว ท่านจะทิ้งรอยนี้เอาไว้ จากนั้นอานุภาพของรอยพญานาค จะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นตุ่มๆ เม็ดๆ กระจายไปทั่ว ถ้าแถวนั้น มีเชื้อเหล็กไหลแฝงอยู่ก็จะผสมเข้าด้วยกัน และจะก่อตัวคล้ายโหนกหรือเกล็ดพญานาค สีออกโทนน้ำตาลแดง ด้านบน ส่วนด้านล่างจะเป็นเกล็ดที่เกิดจากรอยเลื้อยพญานาคราชและจะโตขึ้นเรื่อยๆ มีขนาดเท่าหัวแม่โป้งมือ จนถึงขนาดกำปั้น ฝังตัวในแอ่งน้ำ อานุภาพคุ้มครองรักษา โชคลาภ ตามอธิษฐาน มีเหล่าทวยเทพชั้นพรหมรักษาดูแล พญานาคเป็นผู้เนรมิต กายสิทธิ์ประเภทนี้
    สีอมน้ำตาล มันวาว จะหลุดออกมาจากผนังถ้ำแล้วฝังตัวติดกับพื้นถ้ำ ส่วนสีขาวปนดำ จะติดผนังถ้ำรอบๆอธิษฐานจิตจับก็จะหลุด แต่ถ้าไม่ขอ จะไม่หลุด บางชิ้นท่านไม่ให้ก็ไม่ยอมหลุด!!!

    แร่พระร่วง ข้าวตอกพระร่วงหรือข้าวพระร่วง ตามตำนานของคนโบราณเล่ากันว่าข้าวตอกพระร่วงเป็นแร่ศักดิ์สิทธิ์ ที่เกิดขึ้นในสมัย พระร่วงแห่งกรุงสุโขทัย พระร่วงท่านเป็นกษัตริย์ที่มีวาจาศักดิ์สิทธิ์ กล่าวคือเปล่งวาจาอะไรออกไปก็จะเป็นไปตามนั้น ในขณะที่ท่านได้ออกผนวชเป็นพระภิกษุสงฆ์ และได้ออกบิณฑบาตรในวันออกพรรษาตักบาตรเทโว เมื่อท่านฉันอาหารเสร็จแล้วข้าวที่เหลือก้นบาตรพร้อมข้าวตอกดอกไม้ท่านได้นำไปโปรยลงบนลานวัดเขาพระบาทใหญ่ แล้วทรงอธิษฐานว่า ขอให้ข้าวตอกดอกไม้นี้กลายเป็นหินชนิดหนึ่งและมีอายุยั่งยืนนานชั่วลูกชั่วหลาน เมื่อใครที่ได้นำไปบูชา ขอให้เจริญด้วยโภคทรัพย์นานาประการ เป็นสิริมงคลแก่ตนเอง และแคล้วคลาดจากภัยอันตรายทั้งปวง...
    แหล่งกำเนิด : บริเวณเขาพระบาทใหญ่ จังหวัดสุโขทัย
    ลักษณะของแร่ข้าวตอกพระร่วง : มีลักษณะความแข็งคล้ายหิน มีรูปทรงตามธรรมชาติเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสหรือสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีสีดำ สีดำปนน้ำตาล สีดำปนลายเงินลายทอง(เชื่อถือกันว่าเป็นสื่อนำโชคลาภ และเงินทอง) เมื่อนำไปเจียรนัยจะมีลักษณะเป็นเงามันสวยงามมาก

    ความเชื่อ :
    หลวงพ่อฤาษีฯท่านได้แจกแร่พระร่วงนี้เมื่อปี ๒๕๑๘ และได้มีประกาศไว้ดังนี้ แร่นี้มีคุณสมบัติเท่าที่ทราบจากพระธุดงค์ที่เคยประสบมาคือ
    1.เมื่อจะใช้ท่านให้อาราธณาพระร่วงแล้วอมไว้ เดินทางตลอดวันไม่กระหายน้ำ
    2.พระธุดงค์อีกคณะหนึ่งแจ้งว่า เมื่อเดินธุดงค์เพื่อนเกิดท้องร่วง ไม่มียาจึงเสี่ยงเอาแร่พระร่วงใส่กาต้มน้ำแล้วเอาน้ำให้ฉัน พระองค์ที่ป่วยหายจากอาการท้องร่วงทันที
    3.เมื่อปี 2516 พระปลัดฉ่อง แห่งอำเภอสรรค์บุรี จังหวัดชัยนาท ได้ทำเป็นแหวนแจก ผู้รับไปจำชื่อไม่ได้ มีโจรเข้าปล้นควายโจรมีปืน เจ้าของคนเดียวมีมีดด้วยความเสียดายควายแม้จะเป็นคนเดียวและอาวุธไม่ดีก็ยอมเสี่ยงเข้าไล่โจร โจรยิงด้วยปืนพกและลูกซอง ปรากฏว่าไม่มีแผล เจ้าตัวยืนยันว่าไม่มีอะไรอื่นเลยมีเพียงแร่พระร่วงเท่านั้น...
    และจากประสบการณ์ของผู้ที่ได้นำแร่นี้ไปบูชา บนหิ้งหรือพกติดตัวจะอยู่ดีกินดีมีความสุขความเจริญรุ่งเรือง ด้วยเงินทองและโชคดี มีโชคลาภ เมตตามหานิยม แคล้วคลาด ปลอดภัยและยังสามารถนำไปฝนกับน้ำมะนาวใช้แก้พิษสัตว์กัดต่อยได้อย่างดีอีกด้วย

    คตพระธาตุ
    ทุกส่วนเป็นคต โดยปกติส่วนมากที่พบจะหลุดกระจัดกระจายไปทั่วถ้ำ การที่จะพบคตพระธาตุไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ของแบบนี้นั้นมี แต่ไม่ค่อยได้กันง่ายนัก จะถูกเก็บซ่อนอย่างดี จากสิ่งที่เรามองไม่เห็นนอกจาก ถึงวาระที่จะมอบให้ ถึงเจอก็มักจะฝังลึกติดแผ่นหิน จนทำให้บริเวณนั้นเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ สังเกตเวลาถ่ายรูปออกมาจะติดดวงธรรมมากมาย ชิ้นนี้ก็ถูกซ่อนอยู่เหมือนกัน มีความวิเศษคล้ายคลื่นทะเลใต้น้ำ แข็ง และเนื้อแน่น รูปทรงคล้ายพระพุทธรูป พลังงานแฝงขั้นอริยะ มีเทพชั้นพรหมดูแลรักษา

    เพชรหน้าทั่ง จัดอยู่ในจำพวกกายสิทธิ์คล้ายเหล็กไหล มีความศักดิ์สิทธิ์ในตัวเป็นกายสิทธิ์ที่มีเทพทั้งฝ่ายยักษ์และฝ่ายคนธรรพ์ดูแลรักษา ลักษณะเป็นโลหะผลึก เหลี่ยมคม คล้ายลูกเต๋า มีหลายขนาด เพราะสามารถเติบโตได้นั่นเอง เนื้อสีออกเงินยวง กระแสสีทองเจือสีเหลืองนวลอมขาว มองคล้ายสเตนเลส บางพื้นที่เรียก "เหล็กสายฟ้า" ประกอบด้วยธาตุที่เป็นทองคำและแร่เงินผสมด้วยกัน สีเลยออกเงินอมเทา มีฤทธิ์อำนาจในตัวเอง มีจิตวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์อยู่ภายในโลหะ เป็นของดีจากเมืองลับแล เป็นสิ่งที่มีอานุภาพมาก อริยสงฆฺมักนำมาผสมในพระเครื่อง ผู้ที่บูชาไว้ไม่มีอดอยาก เป็นกายสิทธิ์ช่วยให้ค้าขายดี คุ้มครองป้องกันภัยอันตรายนานาประการ เรียกลาภผล ดูดพิษสัตว์ ฯลฯ เพชรหน้าทั่งสามารถล่องหนหายตัวได้คล้ายพระธาตุ หากปฏิบัติตัวไม่ดี!!! ชิ้นนี้งอกได้และบางจุดเป็นเหลี่ยมเล็กๆหมดแล้ว จะดันดินที่มีสายแร่เงินออกเป็นผงสีเทาและจะเจริญเติบโต จนกว่าสายแร่จะหมดจากก้อนเพชรหน้าทั่ง

    ตาข่ายเพชรพันชั้น เป็นกายสิทธิ์ตระกูลเหล็กไหล ซึ่งกายสิทธิ์ชนิดนี้ค่อนข้างหายากมาก ไม่ได้มีทั่วไปจะเกิดเฉพาะที่เท่านั้น ซึ่งแหล่งกำเนิดมาจากภูเขาทางฝั่งประเทศลาว เล่นหากันแพง หลายพันบาท เป็นกายสิทธิ์ที่รวมแร่หลายชนิดเข้าด้วยกัน จึงมีอิทธิฤทธิ์ เป็นกายสิทธิ์ในตัว ลักษณะ ภายนอกเป็นก้อนแร่สี่เหลี่ยมเล็กๆทั่วทั้งก้อนคล้ายเพชรหน้าทั่ง แต่จะออกโทนดำและเงิน มีแร่ทองแดง แร่เหล็ก และแร่สีเงินยวง ซึ่งอยู่ในตระกูลเหล็กไหล บางที่จะเป็นก้อนกลมๆมันๆไปเลย ซึ่งจะดูยากมากแต่ทั้ง 3 ชิ้นนี้ มองดูง่าย ทับถมกันเป็นชั้นๆ เขาจะโต และงอกคล้ายเหล็กไหลได้ และหลุดออกจากกัน ซึ่งจะมีขั้วการหลุดออก โดยธรรมชาติเองไม่ได้ตัดแต่งอย่างใด สรรพคุณอานุภาพพอกับเหล็กไหลทุกประการ และหายากสุดๆ

    (ไหลเพชรดำ)
    เป็นตระกูลแก้ว ถือว่าเป็นเทพฝ่ายผู้หญิงแตกเผ่าพันธุ์กระจายตกลงมาคู่โลก กับทองคำดำ ซึ่งเป็นฝ่ายชาย ทองคำดำแท้ๆ แม่เหล็กจะดูดติด มีน้ำหนักมาก แม้จะเป็นก้อนเล็ก ๆ ทั้งสองชนิดนี้เป็นแร่ธาตุชั้นเลิศบริสุทธิ์ที่ถูกฤาษีผู้ทรงฤทธิ์ใช้อำนาจเรียกขึ้นมาจากใต้พื้นโลก เพื่อจะสร้างธาตุกายสิทธิ์อันทรงอานุภาพ แร่บางอย่างรวมตัวกันก็กระจัดกระจายไปเป็นเหล็กไหลเผ่าพันธุ์ต่างกัน แต่ทั้งสองชนิดนี้เป็นแร่ที่ไม่ยอมรวมตัวกัน จึงแตกและระเบิด กระจายเป็น 2 ตระกูล คือทองคำดำ และไหลเพชรดำ ดังนั้นทั้งสองชนิดจึงเป็นต้นธาตุของเหล่าตระกูลเหล็กไหล และแก้ว ทั้งปวง ไหลเพชรดำ ลักษณะ จะมีสายแร่สีเงินยวงเป็นเส้นๆ แบนๆ คล้ายแก้วขนเหล็ก แต่ไม่ใช่ จัดอยู่ในเหล็กไหล ดั้งเดิม และจะแทงสลับไปมา งอกได้ราวปาฏิหาริย์ ผู้ที่นิยมกายสิทธิ์ไม่ควรพลาดชิ้นนี้ เพราะถือว่าเป็นแม่ธาตุ ไหลเพชรดำ มีวิธีป้องกันตัวเอง โดยเรียกความชื้น จากอากาศ หรือหยดน้ำภายในถ้ำ มาปกป้องตัวเข็มสีเงินยวงเอาไว้ เป็นแร่ที่มีความมหัศจรรย์ ตอนแรกจะเป็นสีเงินยวงกระจายไปทั่วทั้งก้อน เมื่องอกหรือแทงออกมา จะกลายเป็นสีดำ โดยเอาธาตุน้ำมาคลุมจนแข็งสลับไขว้ไปมา จึงเรียก "ไหลเพชรดำ"

    ไม้กลายเป็นหิน เป็นธาตุกายสิทธิ์ตระกูลเหล็กไหล เชื่อกันว่าเป็นที่สิงสถิตย์ของเทพวิญญาณที่ถูกลงทัณฑ์ เหล่าอสูรเทพที่ดุร้ายเหมือนการ "เข้ากรรม" เสวยกรรมในโลกมนุษย์เพื่อไถ่บาป ๑ พุทธันดร มีตบะเดชะทางด้านอำนาจ แคล้วคลาด ปลอดภัย ความเมตตา และโชคลาภ
    ธาตุกายสิทธิ์ไม้กลายเป็นหินแก่นเหล็กอานุภาพแห่งความคงกระพันและอายุยืนยาว

    "เลือดพญานาค"
    มักจะพบภายในบ่อน้ำ ในถ้ำ หรือตามธารน้ำภายในถ้ำ ลักษณะของภูเขาที่มีธารน้ำไหลภายใน อากาศเย็น และเงียบดูวังเวง และเป็นเรื่องแปลก!!! บริเวณนั้นมักจะเป็นที่อยู่อาศัยของงู มักจะเจอนอนขนดบนโขดหิน ซอกหินหลายแห่ง ลักษณะจะเป็นหินสีออกน้ำตาลแดง (สีเลือดนก) ผิวของหินจะมีร้าวคล้ายสายเลือด ชาวบ้านที่รู้จักเชื่อว่าเป็นเลือดพญานาค ที่คลายออกมา เพื่อให้มนุษย์ได้นำไปรักษาโรค แต่ต้องบอกกล่าวให้ถูกวิธีก่อน มิฉะนั้นอาจจะโดนอาถรรพณ์เข้าก็ได้ เพราะเคยมีคนเอาออกมาจากถ้ำ จ.กาญจนบุรี เป็นถ้ำพญานาค ประสบอาถรรพณ์ร้ายแรงกันมาแล้ว เชื่อว่านำหินนี้มาฝนกับน้ำแล้วดื่ม จะรักษาโรคภัยไข้เจ็บทั้งปวงได้ บางสถานที่เรียกหินฤาษีอีกชื่อหนึ่งก็มี หิน "เลือดพญานาค" จะมีเตโชธาตุสูง คือมีอำนาจในตัว มองดูจ้องดูมีตบะในตัวหิน มีความมัน แต่ไม่แวววาว แม่เหล็กจะดูดติด แรงบ้าง น้อยบ้างแต่ต้องมีแม่เหล็กภายในหิน ซึ่งสามารถนำมาปรับความสมดุลภายในร่างกายได้ โดยการแขวนหรือกำนั่งสมาธิ จึงมีอานุภาพเด่นมากในการรักษา !!!บางคนคิดว่าเป็นเหล็กไหล เป็นเหล็กน้ำพี้ หรือขี้เหล็กไหล แต่ความจริง ไม่ใช่ เพราะว่าเนื้อต้องมีรอยร้าวคล้ายสายเลือด และต้องมีสักชิ้นที่มองดูเหมือนงูจำศีล หรือหัวงู คล้ายเหล็กไหลนาคราช จึงจะเชื่อถือได้ว่า แหล่งที่พบ เป็นที่อาศัยของเหล่าพญานาค และมีวัตถุกายสิทธิ์ชนิดนี้

    ความเชื่อหินเพชรเงินทองนาค
    1. สร้างความมั่นคง ความสำเร็จ ให้กับผู้ครอบครอง
    2. เป็นเกราะเพชรคุ้มครองคุ้มภัยเจ้าของ หรือเกราะเพชรคุ้มครองคุ้มภัยในสถานที่นั้นๆ
    3. เป็นสร้างศิริมงคลแก่ผู้ครอบครอง และสถานที่แห่งนั้น
    4. ให้โชค ให้คุณแก่ผู้เป็นเจ้าของ หรือผู้บูชา

    หมากผลมณีโคตร
    ผลไม้ในตำนาน จากลาว ผลของไม้มณีโคตรมีมากกว่าแสนชนิด ตำนานมากมายจากแดนป่าหิมพานต์ รูปลักษณ์ของผลไม้มณีโคตรจะไม่เหมือนกัน บางคนที่รู้จักเมื่อพบจะเรียกกรุมหาสมบัติมณีโคตรพันเจ็ดร้อยล้านปี เพราะมีตำนานมานั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบเดิม คือ เป็นผลนานาชนิดหลายขนาด หรือนำมาแปรสภาพจากผลมณีโคตรที่เป็นหิน ให้เป็นผงมณีโคตรแล้วนำมาสร้างพระเครื่องต่างๆ สักการะบูชา ก็จะเป็นสิริมหามงคลแก่ตนและครอบครัว สรรพคุณของผลไม้มณีโคตรนั้นมากมาย มีพลังพลานุภาพแห่งความศักดิ์สิทธิ์ ตามธรรมชาติเอง มีดีในตัว เป็นมหานิยม มหาเสน่ห์ มหาลาภ เพิ่มความอุดมสมบูรณ์ แคล้วคลาด คงกระพัน กำบังกาย และเป็นมหาอำนาจ ทำลายพิษร้ายต่างๆ และทำลายล้างศัตรู ปราบศัตรู ป้องกันคุณไสยและคุณคน ป้องกันภูตผีปีศาจ เอาตัวรอดยามคับขันได้ เป็นที่ศรัทธานับถือแก่ผู้พบเห็น เป็นผู้มีสติปัญญาดี สุขภาพดี อายุยืน มีพลังดุจช้างสาร ทั้งนี้คืออานุภาพที่มีมาแต่โบราณกาลนานนับพันปี ของผลไม้แห่งตำนาน ซึ่งนับวันจะลืมเลือน และทรงนี้หาได้ยากยิ่งจริงๆ ทรงคล้ายจานบิน!!!

    แร่โคตรเหล็ก เขาอึมครึม จ.กาญจนบุรี
    เป็นแร่เหล็กไหลในตระกูลเหล็กไหลงอกและเหล็กไหลทรหด ซึ่งมีคุณสมบัติอานุภาพมากชนิดหนึ่ง ตามแต่จะนำไปใช้ทางสายวิชาที่ร่ำเรียนมา บางตำราให้นำมาแช่น้ำ ถ้าดวงดี น้ำจะใส ไม่มีกลิ่น ถ้าดวงตก น้ำจะมีกลิ่น ให้ดื่มกินน้ำนั้น เพราะเหล็กไหลงอก จะมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ในตัวเหล็ก สามารถนำมาแช่น้ำอาบ ดื่มกิน เพราะน้ำจะเย็น กันคุณไสยได้ ทั้งยาเบื่อเหล็กไหลงอกและเหล็กทรหด มีอานุภาพหลักๆ ถึง 6 ข้อ
    1. เป็นเมตตามหานิยม
    2. นำโชคลาภ โภคทรัพย์
    3. แคล้วคลาดขั้นพื้นฐาน
    4. มีพลังผลักดันแก่ผู้ที่มีดวงถึงฆาต ให้เลื่อนออกไปได้ไม่เกิน 7 ปี
    5.อยู่ยงคงกระพัน
    6. ภูติผี ปีศาจ คุณไสย ทั้งมาร ไม่อยากเข้าใกล้ ด้วยมีเตโชธาตุมาก (ธาตุไฟ) และป้องกันสัตว์มีพิษ เช่น ตะขาบ แมงป่อง งู เป็นต้น อานุภาพความศักดิ์สิทธิ์มีทั้งก้อน ไม่ว่าการงอกเองของโคตรเหล็กไหลที่งอกได้ระดับหนึ่ง และแร่ดินแดง ก็มีคุณประโยชน์มากมาย

    "แร่เกาะล้าน"
    แร่เกาะล้าน เป็นเหล็กไหลน้ำรองที่มีอานุภาพคู่กับแร่เหล็กไหลเผ่าพันธุ์ต่างๆมานาน เป็นแร่ที่สร้างชื่อให้ชาวเกาะล้านอย่างภาคภูมิใจ
    แร่เกาะล้านจัดอยู่ในตระกูลของโคตรเหล็กไหลทรหด ที่สามารถงอก และเจริญเติบโตได้ มีอานุภาพเป็นที่ประจักษ์แน่ชัด เด่นในทางดับพิษร้อน กันของมีคม และเขี้ยวงาของสัตว์ไม่ให้ทำอันตรายเราได้ เป็นคงกระพัน แคล้วคลาด เมตตามหานิยม คุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
    (ล่าสุดมีนักยิงปืนชาวญี่ปุ่น เดินทางมาเกาะล้าน ขอพิสูจน์ความอัศจรรย์ของแร่เกาะล้าน โดยการนำแร่เกาะล้านผูกติดที่ขาของไก่ และยิงใส่ไก่ในระยะเผาขน ไม่น่าเชื่อ!!!ว่า นักแม่นปืนชาวญี่ปุ่น ยิงไก่ตัวนั้นไม่ถูกแม้สักนัดเดียว ยิ่งเพิ่มศรัทธาในฤทธิ์ของแร่เกาะล้านเป็นทวีคูณ)

    อุลกมณีหรือสะเก็ดดาว
    ธาตุกายสิทธิ์จากฟากฟ้า
    อุลกมณี เป็นวัตถุที่เกิดจากปรากฏการณ์ธรรมชาติ มีพลังงานสะสมอยู่มหาศาล จึงมีฤทธิ์ในตัวเอง สามารถสลายพลังงานเชิงลบที่ไม่พึงประสงค์ออกโดยอัตโนมัติ และเนื่องจากเป็นวัตถุที่มีสีดำสนิทจึงทำให้สามารถดึงดูดพลังที่ดีดีเข้ามา อุลกมณีมีพลังที่ครอบคลุมหลายรูปแบบ เป็นแหล่งของพลังงานกระตุ้นเตือนจิตสำนึก ก่อให้เกิดความจำที่แม่นยำ การนำอุลกมณีวางไว้ที่จักระ 6 ขณะทำสมาธิจิต จะช่วยเสริมสร้างให้เกิดพลังความรู้แจ้งเห็นจริงในสัจธรรมแห่งธรรมชาติ สามารถต่อเชื่อมกับผู้รู้หรือทวยเทพเบื้องบนได้ อุลกมณีเป็นหินแก้วสีดำชนิดหนึ่งเดินทางมาจากนอกโลก ผ่านกาลเวลาและระยะทางอันแสนยาวนานของจักรวาล บันทึกเรื่องราวของโลกในทุกยุค โลกของเราแตกดับมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ภาพเหตุการณ์ต่างๆที่ได้เกิดขึ้นกับโลก ถูกบันทึกไว้ด้วยเส้นแสงภายในสะเก็ดดาวตกแต่ละชิ้น อุลกมณีชนิดนี้พบเห็นได้ค่อนข้างมากอยู่เหมือนกันมีอายุราว 7 แสนปี ขึ้นไป จึงถือว่ามีพลังงานมหาศาลที่ถูกซึมซับไว้ภายใน มีอานุภาพคล้ายเหล็กไหล หรือเป็นเผ่าพันธุ์ต้นกำเนิดของเหล็กไหล ผู้รู้จึงมักเรียกว่า "เหล็กไหลต่างดาว" บางแห่งนับถือว่ามีอานุภาพมากมาย แบ่งเป็น 2 เพศ คือ เพศผู้ จะคล้าย "ลึงศ์" มีลักษณะยาว เรียกว่า "หำอวกาศ" ดีทางป้องกันภัยพิบัตินานา ส่วนเพศเมียมักจะเป็นก้อนกลมๆ มนๆ เป็นแป้น ดีทางเมตตามหานิยม
    บางชนิดเป็นเหล็ก บางชนิดเป็นแก้วแต่มีสายแร่เหล็กอยู่ภายใน
    อุลกมณีเหล็กไหลจากต่างดาวคู่นี้ เพศเมียและเพศผู้ เป็นประเภทแก้ว แต่มีสายแร่เหล็ก ทั้งเพศเมียและเพศผู้จะเห็นเนื้อในแก้วเป็นเหมือนเนื้อเหล็ก เห็นเป็นสีรุ้งภายใน สิ่งนี้ถือว่าเป็นการบันทึกเรื่องราวการเดินทางของจักรวาลมาไว้ในตัวอุลกมณีจึงจำให้วัตถุประเภทนอกโลกนี้มีพลังงานแม้ชาวต่างชาติก็นิยมนำมาเลี่ยมแขวนติดตัว

    แร่เหล็กไหล 7 สี
    หรือโคตรเหล็กไหลงอกสีปีกแมลงทับ เขาอึมครึม จ. กาญจนบุรี
    เป็นเหล็กไหลธรรมชาติ สีสัน เป็นรุ้ง มีความมันแวววาว สะท้อนแสงดี เห็นเป็นพรายกระจายอยู่ทั่ว แสดงถึงพลังชีวิตที่ดีมาก เนื้อเหล็กเป็นคลื่น แร่เหล็กไหล 7 สีนั้น มีพลังคุ้มครองชีวิตสูง มีอานุภาพมากมายหลายประการ และยังเห็นหินดินแดงที่เรียกกันว่าเป็น "เลือดหมาดำ" มีสรรพคุณป้องกันเขี้ยวงาได้ชงัด

    เพชรหน้าทั่ง เพชรมหามงคล สรรพคุณ 108 ธาตุกายสิทธิ์มีฤทธิ์เป็นรองเฉพาะเหล็กไหล





    คด ก็คือ ธาตุกายสิทธิ์ ของขลังชนิดหนึ่ง ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ คดมีมาช้านานแต่โบราณแล้ว นิยมพกติดตัวเพื่อป้องกันอันตรายโดยเฉพาะเป็นมหาอุด นักรบโบราณต่างไขว่คว้าหาคดอย่างใดอย่างหนึ่งติดตัว เพื่อให้สามารถรอดชีวิตกลับมาจากการศึกสงคราม ถ้าคดไม่ดีจริงไม่มีอานุภาพจริงคงไม่มีผู้แสวงหามาจนทุกวันนี้
    คด นั้นเชื่อกันว่า เกิดขึ้นได้ก็เพราะมีกายสิทธิ์เข้าไปอาศัยอยู่ในพืชหรือสัตว์จนทำให้พืชหรือ สัตว์ที่ตายแล้วอยู่ในดินเป็นเวลานานนับร้อยนับพันปี ผ่านการทับถมของดินและมีสภาพแวดล้อมอุณภูมิพอเหมาะจนเกิดเป็นหินฟอสซิลขึ้น มา แต่คดนั้นเกิดได้เพราะกายสิทธิ์เขาลงไปครองพืชหรือสัตว์นั้นจนเกิดเป็นหิน ขึ้นมาและไม่ได้เกิดเฉพาะพืชหรือสัตว์ที่อยู่ใต้ดินตามที่บางท่านเข้าใจ คดมีอานุภาพมากน้อยตามแต่บารมีของกายสิทธิ์ที่ลงมาครองในคดนั้นนั่นเอง

    ต้นงิ้วดำเป็นต้นไม้ ที่มีเทพรักษา เกิดในป่าลึกโดยเฉพาะป่ามีอาถรรพณ์เร้นลับ เนื้อไม้มีสีดำ แข็งแกร่ง เป็นมัน จึงมักนิยมพลีมาเพื่อแกะเป็นวัตถุมงคลอาถรรพณ์ แต่ก็ไม่ใช่จะพบเจอง่ายๆ โบราณจารย์ว่าหลายร้อยปีทีเดียวถึงจะเกิดสักต้นหนึ่ง จัดเป็นของทนสิทธิ์มหาวิเศษชั้นดีชั้นเลิศชนิดหนึ่ง เมื่อถึงเวลาอันสมควรเทพเทวาที่ดูแลปกปักรักษางิ้วดำ จะพลีต้นยืนตายพรายทิ้งไว้ให้ผู้มีบุญบารมีนำไปสร้างประโยชน์เพื่อพระพุทธศาสนา ซึ่งถ้าหากกลายสภาพเป็นหิน (คต) เมื่อใด ก็จะยิ่งมีพลังอานุภาพแรงกล้าเป็นทวีคูณ พญางิ้วดำมีอานุภาพดีเด่นทางมหาอุด คงกระพัน แคล้วคลาด โชคลาภ เมตตามหานิยม ป้องกันคุณไสย์มนต์ดำ และภูตผีปีศาจ วิญญาณร้ายเกรงกลัวนัก

    ไม้ชองระอา" เพราะไม้ชนิดนี้มีสรรพคุณในตัว เกี่ยวกับการป้องกันและถอนคุณไสย์ ยาเบื่อ ยาสั่ง...คำว่า"ชอง" นั้นคือชื่อของคนกลุ่มหนึ่งเชื้อชาติหนึ่ง เป็นชนกลุ่มน้อย เหมือนกับพวกส่วย พวกยอง พวกลั๊ว แต่คนเผ่าชองนั้นจะมีวิชาไสยศาสตร์ประจำเผ่าคือ วิชาทำคุณไสย์ ยาเบื่อ ยาเมา ยาสั่ง อาศัยอยู่แถบชายแดนแถวจันทร์บุรี ตราด ปราจีนติดต่อเขมร ทำคุณไสย์ใส่คนไทยเป็นประจำ แต่คนไทยแก้ได้ทุกครั้ง

    ขวานหินหรือบางครั้งก็เรียกว่าขวานฟ้า แฝงไปด้วยพลังสุริยันและจันทราเช่นเดียวกัน แต่พลังนั้นค่อนข้างจะหนักหน่วงและรุนแรง เหมาะไปในทางปราบปราม พิทักษ์รักษา

    ขอสับช้างนี้ มีอานุภาพ และอำนาจ ป้องกันเสนียดจัญไร ภูตผีปีศาจ อาถรรพณ์และมนต์ดำ สัตว์ที่ดุร้ายเกรงกลัว พกพาเข้าป่า จะปลอดภัย เพราะให้คุณแห่งเดชะอำนาจแก่ผู้ครอบครอง และยังกวักทรัพย์ เรียกทรัพย์ เหมือนตัวตะขอที่มีลักษณะกวักเข้าหา แขวนหรือวางบูชา จะครอบคลุมทุกสรรพคุณ เป็นวัตถุอาถรรพณ์ที่ไม่ควรมองข้าม เพราะการจัดสร้างนั้นไม่ใช่ทำได้ทั้งปี ได้ทุกวาระ ต้องหาฤกษ์ดิถี และตรงกับวันสำคัญหรือครบรอบของการคล้องช้างในสมัยโบราณเท่านั้น

    แร่เหล็กไหลเขาอึมครึม เป็นเหล็กงอกหรือโคตรทรหด ชอบอยู่ตามถ้ำที่มีความชื้นสูง แสงแดดไม่ร้อนจัด บริเวณนั้นเป็นป่าดงดิบ มีหมอกหนักลอยตัวปกคลุมหนาแน่นบริเวณที่มีเหล็กไหลอาศัยอยู่ เพราะพรายปรอทลักษณะสีเงิน ของเหล็กงอก ออกไปหากินจะกลับเข้ารังในตอนรุ่งเช้า ถ้ารังมีขนาดใหญ่ เขาบริเวณนั้นจะมีเสียงฟ้าคำรามเป็นระยะๆตลอดเวลา เหล็กไหลงอกมีชีวิตที่งอกได้ราวปาฏิหาริย์ เชื่อกันว่าบูชาเหล็กงอกจะทำให้เจริญก้าวหน้า ทรัพย์สินเงินทองงอกเงย จึงเป็นเคล็ดให้บูชาไว้ในสถานที่ประกอบการ ร้านค้าหรือบริเวณที่เก็บเงิน เปรียบดั่งเงินทองงอกงาม เป็นโชคลาภอันมหาศาล นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติดีทางอยู่คง และกันอสรพิษได้ดี

    หินเขี้ยวหนุมาน เป็นต้นกำเนิดธาตุ เพราะมีการงอก การฟู การเจริญเติบโตให้เห็นด้วยตาเปล่าแบบง่ายๆและชัดเจน การที่จะเปลี่ยนหินแร่ให้ใสดังกระจก ควรจะนำหินแร่มาอาบน้ำฝนกลางหาว หรือควรมีน้ำอยู่ใกล้ๆ ชิ้นนี้ด้านหนึ่งมีการฝังติดกับพื้นหรือผนังถ้ำ จนมีลักษณะทับกัน ทำให้เขี้ยวแก้วเอนตัว หลุด แต่ยึดติดกับก้อนอยู่ ไม่หลุดง่ายๆ ส่วนอีกด้านจะแทงและงอกออกมาด้วยเพราะมีพื้นที่โปร่ง ไม่ทึบตัน จึงทำให้เขี้ยวหนุมานเรียงตัวได้งดงาม และจะโตขึ้นเรื่อยๆ ชนิดนี้จะเป็นเขี้ยวแก้วที่มีความยาวพิเศษ บางครั้งก็หลุดมาเองด้วยอายุกระจายออกไปทั่วถ้ำ ผ่านการเวลาจนใส บางแห่งเรียก "ข้าวสารแก้ว" สรรพคุณ ให้ความเจริญงอกงาม มั่งมีโภคทรัพย์ กันคุณไสยต่างๆ และมีพลังงานตามธรรมชาติ

    หินลาวาภูเขาไฟ
    เป็นลาวาที่ปะทุ และไหลทะลักออกมา จากปล่องภูเขาไฟ เมื่อกระทบกับอุณหภูมิภายนอกระยะเวลาหนึ่ง จนเกิดการเย็นตัวและแข็ง บางจุดจะเห็นเม็ดกรวดเม็ดทราย ชัดเจน มีร่องรอยของความร้อนที่เราเห็นกันแดงๆ เวลาลาวาร้อน และไหลลงมาตามไหล่เขา ตามทาง แต่พอเย็นตัว จะเห็นการไหลเวียนของเนื้อลาวา ที่ผสมแร่ธาตุต่างๆเอาไว้ในตัว ลึกลงไปในใต้ดิน ย่อมมีแร่ธาตุที่วิเศษและบริสุทธิ์อยู่มาก มีพลังเย็นในตัว และนำมาแกะเป็นสิ่งมงคลคุ้มครองตัว ปรับความสมดุล ในร่างกายได้ดีอีกด้วย มีความแข็งเป็นพิเศษ

    คดหอยถือว่าเป็นกายสิทธิ์ในตัวตามธรรมชาติ อานุภาพของคดหอย ดีทางมหาอุด คงกระพัน แคล้วคลาด เมตตา และโชคลาภ นับว่าเป็นของวิเศษดีรอบตัว

    กะลาที่เป็นวัตถุมงคลตามธรรมชาติที่ดี และมีเทพรักษาอยู่ในตัวก็คือ กะลาตาเดียว ซึ่งจะมีลักษณะที่ผิดแผกไปจากธรรมชาติของกะลาทั่วไป ก็คือจะมีปากที่เป็นรูงอกของหน่อหนึ่งรู และก็จะมีตาที่เป็นส่วนบุ๋มลงไปเพียงหนึ่งตาเท่านั้น โดยจะมีเส้นสาแหรกที่เห็นชัดแบ่งกะลาออกเป็นสองส่วน กะลาชนิดนี้เป็นวัตถุมงคลที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ถ้านำมาแกะหรือขัดจะดำ เงา แม้ยังไม่นำมาทำพิธีกรรมทางศาสนาก็ใช้ได้ดีแล้ว
    แต่การที่จะหากะลาตาเดียวสักลูกไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากพอสมควร เพราะว่ากะลามะพร้าวทั่วไปเป็นร้อยเป็นพันลูก จึงจะเจอสักลูกสองลูก ถ้าผู้ใดพบเจอก็นับว่าโชคดีของผู้นั้นทีเดียว ผู้รู้สมัยก่อนจะตัดกะลาเป็นสองส่วน นำส่วนที่มีตาเดียวไว้ใช้ตักข้าวสารหุงกิน เพื่อความอุดมสมบูรณ์ในการทำมาหากินให้กับครอบครัว ไม่มีคำว่าอดอยาก บังเกิดผลสมบูรณ์ทุกอย่าง ในการทำมาหากินประกอบอาชีพทุกๆอาชีพ
    สรรพคุณตำราโบราณ (กะลาตาเดียว)
    เป็นอำนาจทางคงกระพันชาตรี มหาอุดอย่างยอดเยี่ยมที่สุด
    มีอำนาจในทางป้องกันภูตผีปีศาจ ทำลายอำนาจมนต์ดำ ลบล้างกันคุณไสย เสนียดจัญไร ลมเพลมพัดได้ดีที่สุด
    เป็นสื่อนำทรัพย์สินเงินทอง ข้าวปลาอาหาร สิ่งดีๆเข้ามาหาผู้บูชา คำว่า อดอยากเป็นไม่มี คือสามารถหาเงินทองมาได้ตลอดไม่ขัดสน (แต่จะเหลือหรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่อง)
    มีความเจริญในการทำมาหากิน เลือกสวนไร่นา รับราชการ มียศฐาบรรดาศักดิ์ ค้าขายร่ำรวย ทุกอาชีพ
    เป็นเมตตามหานิยม แก่ผู้พบเห็น เข้าหาเจ้านาย หรือเพศตรงข้าม
    ใช้รักษาโรค
    เป็นความเชื่อที่มีมาแต่โบราณกาล ว่ากะลาตาเดียวเป็นทนสิทธิ์ มีฤทธิ์ในตัวตามธรรมชาติ หลวงพ่อน้อย วัดศรีษะทอง จ.นครปฐม เป็นเกจิอาจารย์ชื่อดังผู้บุกเบิกยุคแรกที่นำวัตถุประเภทนี้มาสร้างเครื่องรางจนเห็นสรรพคุณเป็นที่ยอมรับ

    ข้าวสารหิน ของวิเศษจากพระแม่โพสพ
    ข้าวสารหินถูกเรียกว่าเป็นของที่วิเศษ กายสิทธิ์ และทนสิทธิ์มีอานุภาพในเรื่องโชคลาภ เสนห์เมตตามหานิยม แคล้วคลาด ปลอดภัยจากภัยนานาประการไม่มีสิ่งใดมาทำร้ายคุณวิเศษต่างๆนี้ได้ เรียกได้ว่า "ทนสิทธิ์" มีเทพาอารักษ์คอยรักษาอยู่ทั้งในและนอก บางแห่งมีความเชื่อและนับถือว่าเป็นพระธาตุ เรียกว่า "พระธาตุข้าวสารหิน" ข้าวสารหินนั้นเป็นของมีฤทธิ์ในธรรมชาติ ผู้มีฤทธิ์มีคุณวิเศษกำหนดขึ้นมา และมีความเชื่อกันอีกว่า พระแม่ธรณีอธิษฐานให้ข้าวสารหินเป็นของดี ไม่ให้เน่าเปื่อย ให้คงทนถาวร ให้มีพลังและอำนาจจากจักรวาลซึมแทรกอยู่ ให้เป็นที่รวมพลังของ ดิน น้ำ ลม ไฟ จึงบังเกิดเป็นพลังที่เร้นลับ มีอำนาจบันดาลดลให้ผู้ที่ได้ครอบครอง อยู่ดีกินดีมีสุข รวมทั้งปกป้องผองภัยอันตรายต่างๆ

    สมิงเหล็ก

    อานุภาพมากด้วยการป้องกันข้อปาณาติบาตสูง คือแคล้วคลาด คงกระพัน และมีพลังแรงมาก สามารถวัดพลังได้ทั้งเครื่องมือวัดพลังงาน และการจับพลังงานด้วยจิตสัมผัส สมิงเหล็กชนิดนี้ฝังตัวใต้พื้นดิน และทำการพลีขออนุญาตนำเอามาอย่างถูกต้อง จึงมีพลังงานจากเหล่าผู้ดูแลธาตุกายสิทธิ์ติดมาสูงมาก เท่าที่พบสมิงเหล็กที่เป็นลักษณะการเจริญเติบโตใต้พื้นดินจะพบที่ทางภาคใต้ (คนพื้นที่เรียกสมิงกะทิง) เพราะบริเวณนั้นมักจะพบกะทิงใหญ่เป็นฝูงๆ ส่วนชิ้นนี้พบทางภาคอีสาน เป็นสายพันธุ์สมิงเหล็กประเภทเดียวกัน และมีพลังงานชีวิตทุกชิ้นแม้จะมีขนาดเล็กเท่าหัวเข็มหมุดก็ตาม นอกจากสมิงเหล็กจะมีอานุภาพการปกป้องสูงแล้ว ยังทำให้มีทัศนะสัมผัสสิ่งรอบข้างที่เหนือธรรมชาติได้อีกด้วย มีการเตือนภัย รู้เหตุการณ์ล่วงหน้ายามคับขัน

    นี้เป็นข้อมูลของมวลสารบ้างส่วนที่ค้นหามาให้อ่านกันครับ

    งากระเด็น
    ของดีที่มากด้วยฤทธิ์
    งากำจัด - งากำจาย หรืองากระเด็นก็คืองาช้างที่แตกหักในขณะที่ช้างยังมีชีวิตอยู่นั่นเอง แต่คนโบราณจะแยกอานุภาพเป็นส่วนออกไปตามความเชื่อก็คือ งากำจัด ประเภทช้างตกมันกลัดมันเอางาแทงต้นไม้เอง งากำจายหรืองากระเด็นจะเป็นช้างที่เข้าต่อสู้กันเองแสดงความเป็นจ่าโขลง เศษส่วนของชิ้นงาพวกนี้แม้เพียงปลายนิ้วก้อยก็มีพลังอาถรรพ์และอานุภาพเองโดยไม่ต้องผ่านการปลุกเสกแต่อย่างใดเลย เศษงาช้างประเภทนี้จะแตกหักกระเด็นออกมาในขณะที่ช้างยังมีชีวิตอยู่ จึงถือว่าชิ้นส่วนงานั้นมีพลังงานชีวิตที่ดี จึงเรียกกันว่า "งาเป็น" เพราะเนื้องาจะต้องมีน้ำเลี้ยงแห่งชีวิตที่สดชื่น สดใสจะมีเนื้อที่ฉ่ำใส คล้ายสีน้ำผึ้งอ่อนแก่ไม่เท่ากัน ยิ่งผ่านการพกพาและใช้ยิ่งแสดงความฉ่ำออกมา ถึงแม้ว่างาช้างจะมีอายุที่อ่อนแก่ไม่เท่ากันก็ตาม แต่เนื้องาประเภทนี้จะเป็นลักษณะดังกล่าวมานี้ทั้งหมด

    อานุภาพ มากมายถือว่าเป็นทนสิทธิ์ แม้ไม่ผ่านการปลุกเสก เมื่อพกพาก็จะมีอำนาจมีเสน่ห์ในตัว ยิ่งถ้านำไปเข้าพิธีปลุกเสกหลายวาระด้วยแล้วจะยิ่งเพิ่มความเข้มขลังเป็นทวีคูณหลายเท่าตัวมีอำนาจอีกหลายประการทีเดียว

    แร่ปรอทเป็นแร่ที่คนโบราณค้นคว้า จนมาถึงยุคปัจจุบัน เป็นแร่ที่หายาก และเอามายาก ต้องเป็นผู้ที่รู้ในเรื่องแร่ชนิดนี้ดี มีวิธีการล่อหรือดักที่ยุ่งยากซับซ้อน แร่ปรอทเมื่อได้มาแล้วฆ่าเชื่อพิษ จะมีสรรพคุณในการรักษาโรคภัยได้ชะงัดนัก สรรพคุณของแร่ปรอทเป็นที่รู้จักกันดีมาแต่ครั้งโบราณ มีอานุภาพมากมายหลายอย่าง
    เช่นพกพาเข้าป่า กันไข้ป่า ไข้ดง แพ้อากาศ ประเภทที่จับไข้วันเว้นวันให้อมจะบรรเทาลงจนหายในที่สุด มีฤทธิ์ในการดูดพิษสัตว์ เป็นต้น

    ปฐวีธาตุแม่น้ำโขง
    หลวงปู่คำพันธ์ ท่านเก่งมากในการคุมธาตุทั้ง ๔ จนเป็นที่ยอมรับ เมื่อนำปฐวีธาตุ มาเสกเรียกธาตุทีละธาตุจนครบ รวมธาตุเป็นหนึ่งเสกบรรจุในก้อนปฐวีธาตุ สรรพคุณนั้นสุดแท้แต่จะอธิษฐานใช้ ในการอธิษฐานของหลวงปู่คำพันธ์นั้น ท่านจะอธิษฐานว่าให้ป้องกันภัยอันจะเกิดจากธรรมชาติก็ดี ภัยอันเกิดแต่มนุษย์ก็ดี กันได้ทั้งสิ้น กันภัยจากอาวุธยุทโธปกรณ์ทุกชนิดที่มีอยู่ในปัจจุบันและที่จะมีขึ้นในอนาคต ท่านเรียกการอธิษฐานแบบนี้ว่า "เสกครอบ" จะไม่เหมือนกับการปลุกเสกพระเครื่องทั่วไป

    หลวงปู่คำพันธ์ท่านเคยกล่าวกับลูกศิษย์ถึงอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ของปฐวีธาตุว่า คุ้มครอง คุ้มภัย กันฟ้า กันไฟ ปฐวีธาตุแห่งลุ่มแม่น้ำโขงเป็นธาตุเย็น อานุภาพแห่งองค์พระเพชรสามารถป้องกันภัยอันตรายจากรังสีความร้อนที่จะเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน สืบเนื่องจากช่วงปี 2508 บ้านเมืองเต็มไปด้วยผู้แตกแยกทางอุดมการณ์ความคิด (ผกค.) ทำให้เหล่าทหาร ตำรวจและข้าราชการต่างๆ มาขอวัตถุมงคลจากหลวงปู่คำพันธ์ เพื่อเอาไว้ป้องกันตัวยึดเหนี่ยวจิตใจให้เข้มแข็งกล้าหาญ ท่านจึงให้เหล่าทหารและชาวบ้านไปเก็บหินในแม่น้ำโขงมาให้ท่านอธิษฐานจิต ท่านกล่าวว่า ท่านเสกด้วยพระคาถาชินบัญชรเช่นเดียวกับปฐวีธาตุของท่านเจ้าคุณนรฯ แล้วจึงเสกหนุนธาตุครอบลงไป ตั้งเป็นองค์พระปฐวีธาตุ คือธาตุหินแกร่ง ท่านจึงเรียกปฐวีธาตุว่า "พระเพชร"

    โปรดใช้วิจารณะญาณในการอ่านด้วยครับ

    กายสิทธิ์ข้าวสารดำ
    ข้าวสารดำ สามารถแก้คุณไสย เป็นกายสิทธิ์ที่มีฤทธิ์ในตัว มีลักษณะเป็นเม็ดข้าวสารที่มีสีดำสนิท จะหายากกว่าข้าวสารหิน ถ้าใช้มือบีบแรงๆก็จะแตกเป็นผงดำคล้ายถ่าน มีอายุราวสองร้อยล้านปี บางตำนานว่าเกิดจากฤทธิ์อำนาจของพระแม่ธรณีรักษาไว้ เป็นของวิเศษ มีฤทธิ์ตามธรรมชาติ มีพลังเร้นลับที่มีอำนาจสามารถบันดาลให้ผู้ที่มีไว้ในครอบครองอยู่ดีกินดี รวมทั้งปกป้องผองภัยอันตรายต่างๆ


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มีนาคม 2016
  20. ไปคนเดี่ยว

    ไปคนเดี่ยว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    6,419
    ค่าพลัง:
    +18,460
    คฑาไม้ครู หลวงพ่อหนุน สุวิชชโย




    ไม้ครูได้อธิฐานจิตแล้ว 2 วาระ คือ
    1.หลวงพ่อวิชา รติยุโต ตากฟ้า จ.นครสวรรค์
    2.หลวงปู่เช้า อตตจิตโต วัดห้วยลำใย จ.นครสวรรค์
    วาระที่ 3 วัดท่าขนุน
    วาระที่ 4 วัดท่าซุง
    วาระที่ 5 หลวงปู่สุภา
    วาระที่ 6 หลวงปุ่บู่ โลกอุดรหนึ่งเดี่ยวในสกลนคร
    วาระที่ 7.หลวงน้าสายหยุด ศิษย์หลวงปู่ดู่
    วาระที่ 8.หลวงตาม้า วัดถ้ำเมืองนะ
    วาระที่ 9.งานหล่อสมเด็จองค์ปฐม หลวงปู่ปาน หลวงพ่อพระราชพรหมยาน โดยมีท่านเจ้าคุณพระภาวนากิจวิมล เป็นประธาน พร้อมด้วยพระครูสมุห์พิชิต (หลวงพี่โอ) และหลวงพี่ชัยวัฒน์ ณ.วัดพุทธโมกข์ หลวงพ่อหนุน สุวิชชโย
    วาระสุดท้ายเลย วันที่ 17 ม.ค 2556 ครับ

    สอบถามครับ มวลสารทั้งหมดที่ยกมา ได้นำไปรวมทำ พระกริ่ง ล็อเกต แหวน ด้วยหรือปล่าวครับ
    ตอบ รวมครับ ยกเว้นเกษาจะบรรจุในไม้ครู+ปรอท+ชันโรง+ตะกรุด

    รายละเอียดมวลสารจะลงไปเรื่อยๆ ให้อ่านกันครับ

    ที่จริงเฉพาะตะกรุดอย่างเดี่ยวก็ คุ้มแล้วครับเพราะเอามวลสาร 3 ชนิด มาหลอมรวมกันคือ
    1.เหล็กเปียกพระธาตุพนม
    2.แร่โคตรเศษรฐีของแม่ชีประทุม
    3.หัวลูกปืนเนื้อตะกั่ว อธิฐานจิตโดยหลวงน้าสายหยุด

    วัตถุมงคลรุ่นนี้ก็มีชนวนทั้งโลหะของพระกริ่ง นเรศวรอยุ่ด้วย คุณมารุตพงศ์ ดอกแดง บริจาดรวมบุญผสมสร้างสมเด็จองค์ปฐมของหลวงพ่อหนุนและได้ให้ผงอิฐมาด้วย
    ได้นำชนวนมาสร้างรุ่นนี้ด้วยครับ ส่วนผงอิฐได้มา 2 ที่ จากคุณมารุตพงศ์ ดอกแดงและทางศิษย์หลวงตาม้าครับ

    ธาตุกายสิทธิ์ แร่โคตรเศรษฐี

    พอดีเวลาบ่ายของวันหนึ่งประมาณเกือบสองโมงเศษ ได้มีแม่ชีเดินเข้ามาในสำนัก ข้าพเจ้ามองดูรู้ว่าแม่ชีที่เดินเข้ามาในสำนักนี้ คือแม่ชีที่ข้าพเจ้าเชิญให้ออกจากสำนักนี้ไปนานแล้ว แม่ชีนั่งลงกราบข้าพเจ้าพูดพร้อมกับหยิบห่อกระดาษในกระเป๋าหิ้วให้ข้าพเจ้าดู
    เธอเล่าต่อไปว่า"ของสิ่งนี้มีคนเขาฝากมาให้คุณแม่เพื่อสร้างพระมหาวิหาร"
    ข้าพเจ้าจึงได้ถามแม่ชีขึ้นว่า "ใครเป็นผู้ฝาก เป็นหญิงหรือชาย"
    แม่ชีเธอตอบขึ้นว่า "เป็นผู้ชายค่ะ"
    ข้าพเจ้าจึงได้ซักถามเธอต่อไปว่า "ไหนเธอลองเล่ามาให้ฟังซิว่าเรื่องราวเป็นอย่างไรมาตั้งแต่ต้น"

    แม่ชีเล่าว่า "ในคืนนั้นดิฉันได้ปฏิบัติอยู่ในถ้ำประมาณห้าทุ่มเห็นจะได้ เกิดนิมิตเห็นผู้ชายแต่งตัว ทรงเครื่องสวยงามอร่ามแพรวพราว
    ระยับเป็นสีทอง ยืนอยู่ข้างหน้าดิฉัน ชายผู้นั้นได้พูดขึ้นว่า พรุ่งนี้ตอนสองโมงเช้าจงแต่งขันธ์ห้าขึ้น และจงมานั่งตรงนี้ ฉันจะฝากของเธอ เอาไปให้กับแม่ชีปทุมเพื่อร่วมสร้างพระมหาวิหาร ดิฉันรับคำท่าน ท่านก็หายวับไป พอรุ่งเช้าดิฉันจัดแจงแต่งขันธ์ห้า พอได้เวลาที่ท่านสั่ง ดิฉันได้ไปนั่งตามเดิมพร้อมเครื่องบูชาขันธ์ห้า ดิฉันนั่งสมาธิไปจนถึงสิบโมงกว่า จึงคลายออกจากสมาธิพอลืมตาขึ้นก็เห็นของสิ่งนี้วางอยู่ ดิฉันรู้ทันทีว่าของที่วางนี้เป็นของที่ท่านฝากให้คุณแม่ ดิฉันจึงนำมา เพราะตรงที่ดิฉันนั่งปฏิบัตินั้นฉันกวาดเตียนไม่เคยมีอะไรมาก่อน ดิฉันนั่งปฏิบัติมาตั้งสองเดือนกว่าแล้วค่ะ ฉันไม่เห็นมีอะไรเลย "

    ข้าพเจ้าบอกให้แม่ชีแก้ห่อดูของ ข้าพเจ้าเห็นของที่ห่อมามองดูเหมือนก้อนหินที่ที่ขรุขระและมีรอยถูกตัดไป รอยที่ตัดมีแสงไม่เหมือนตะกั่ว ตะกั่วไม่มีแสงจึงทำความแปลกให้ข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้าจึงถามแม่ชีว่า "ของนี้ทำไมจึงมีรอยถูกตัดออกไป "
    เมื่อแม่ชีได้ฟังข้าพเจ้าถามขึ้น แม่ชีมีสีหน้าไม่ค่อยดี
    เธอตอบขึ้นว่า "ดิฉันได้ของแล้วห่อของ รีบเดินทางตั้งใจจะนำของมาให้คุณแม่ตามคำสั่งของท่าน เมื่อเดินมาได้ครึ่งทางได้พบกับชายคนหนึ่งเขาทำงานอยู่แถวนั้นเขาขอดู เขาเห็นฉันหิ้วหนักมาก ฉันจึงให้เขาดู แล้วเขาขอฉัน ฉันจึงให้เขาค่ะ ดิฉันคิดว่าคงไม่เป็นอะไร ของที่เขาขอตัดไปก็นิดเดียวเอง"

    ในที่สุดเธอลาจากไป ข้าพเจ้าได้ให้ปัจจัยเป็นค่าเดินทางกับเธอ ข้าพเจ้ารับของก้อนโคตรเศรษฐีใส่พานมีผ้าขาวปูรองรับ มีดอกมะลิบูชาตั้งไว้ที่หน้าหน้าหลวงปู่ปาน
    ครั้นพอตกกลางคืน ในเวลาเช้ามืดของคืนวันเดียวกันกับวันที่รับของ ในเวลาตอนตีห้าครึ่งพากันออกจากพระกรรมฐาน เพื่ออุทิศส่วนกุศล
    ทำอย่างนี้เป็นประจำตลอดมา เมื่อพากันอุทิศส่วนกุศลจบลง ข้าพเจ้านั่งอยู่ในกลด เห็นว่าเสร็จกิจแล้วจึงหยิบยานัตถุ์ขึ้นมาทำท่าจะนัดยา มุ้งกลดของข้าพเจ้าบางมาก ในทันใดมีความรู้สึกว่ามีคนมายืนใกล้ๆกลดของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงได้ชำเลืองตาดูเห็นคนมายืนอยู่จริงๆ
    ท่านแต่งตัวสวยงาม ยืนชะโงกดูของที่ได้รับมาจากแม่ชีเมื่อตอนบ่ายนั่นเอง ท่าที่ท่านยืนคือขาซ้ายเยื้องไปอยู่หน้า ขาขวาลดลงมาหลัง
    ยืนชะโงกดูของในพานเอามือไพล่หลัง ขาใหญ่มาก ข้าพเจ้าชำเลืองดูเห็นแต่ขา ส่วนหัวเข่ามองไม่เห็นเพราะขาของท่านยาว ไม่สามารถจะเห็นเข่าได้ข้าพเจ้านึกรู้ได้ทันทีว่า ท่านคงตามมาดูของ
    ข้าพเจ้ายกมือขึ้นพนมและพูดกับท่านว่า "ท่านผู้เจริญที่เคารพ ขณะนี้ของที่ท่านส่งมาให้ดิฉัน ดิฉันได้รับแล้วและได้บูชาไว้กับหลวงปู่ปานและหลวงพ่อฤาษีที่ท่านได้ชะโงกดู อยู่นั่นแหละค่ะ ต่อแต่นี้เป็นต้นไปทั้งท่านและดิฉัน จะได้ร่วมสร้างพระมหาวิหารแล้วในเวลา
    อันใกล้นี้ ขอท่านจงปกปักรักษาย่าให้ใครมาแย่งชิงเอาไปนะคะ สำนักนี้มีแต่ผู้หญิงท่านผู้มีตาทิพย์จงช่วยสอดส่องดูแลเอาไว้ให้ดี และขอท่านจงโมทนาในความตั้งใจดีต่อพระพุทธศาสนาในครั้งนี้ด้วยเทอญ"
    ท่านโมทนาเมื่อข้าพเจ้าพูดจบลงท่านหายวับไปฉับพลัน

    นี่ข้าพเจ้าเห็นด้วยตาเปล่า มิได้ห็นด้วยสมาธิ ที่เขียนมาตรงๆอย่างนี้มิได้โอ้อวด ด้วยประการใด เรื่องนี้ได้เกิดขึ้นกับข้าพเจ้าจริงๆ
    เมื่อผู้ใดอ่านท่านจะเชื่อหรือไม่นั้นเป็นเรื่องของท่าน สำหรับข้าพเจ้าขอเอาศีลเป็นพยานเท่านั้น
    ข้าพเจ้า วางของลงที่โต๊ะนั่งของหลวงพ่อนั่ง ข้าพเจ้าก้มลงกราบพระเดชพระคุณหลวงพ่อ เมื่อเงยหน้าขึ้นมาหลวงพ่อพูดกับข้าพเจ้าขึ้นว่า "นี่โยม โยมชีจะเอาของมาทำฉันหรือ เห็นเป็นมันวาววับโยม"
    ท่าน พูดท่านยิ้มมองดูของ ท่านถามข้าพเจ้าว่า "นั่นอะไร"
    ข้าพเจ้า ตอบท่านว่า "ไม่ทราบว่าเป็นอะไรค่ะ โยมปฏิบัติธรรมได้ของสิ่งนี้มาค่ะ หลวงพ่อ โยมนำมาให้หลวงพ่อดู"
    หลวง พ่อมองดูแล้วพูดว่า "ดีนะโยม ของนี้เป็นของพันปีมีค่ามหาศาล"
    "โยมอยากทราบว่าเป็นอะไรเจ้าค่ะหลวงพ่อ"
    หลวงพ่อพูดว่า " ดี.. เอาไปให้ด็อกเตอร์เขาดูบ้างซิ เผื่อเขาจะรู้บ้าง"
    ข้าพเจ้าเห็นคนเข้ามาถวายสังฆทานกันมาก จึงถอยออกมาเดินไปหาด็อกเตอร์เอาของให้ดู
    ด็อกเตอร์พูดว่า "หลวงพ่อว่าเป็นอะไร ก็เป็นเช่นนั้นแหละครับ"
    ข้าพเจ้าลาด็อกเตอร์ออกมานั่ง เมื่อข้าพเจ้านั่งลง หลวงพ่อได้เมตตาสั่งข้าพเจ้าขึ้นว่า
    "โยมที่เอาของให้ดู นั่นนะ ของโยมพันปีเก็บไว้ให้ดีอย่าไปทิ้งเสียล่ะ มีค่ามหาศาล"
    หลังจากนั้นข้าพเจ้าได้กราบลาพระเดชพระคุณหลวงพ่อกลับปากช่อง
    ธาตุกายสิทธิ์ แร่โคตรเศรษฐี

    พอดีเวลาบ่ายของวันหนึ่งประมาณเกือบสองโมงเศษ ได้มีแม่ชีเดินเข้ามาในสำนัก ข้าพเจ้ามองดูรู้ว่าแม่ชีที่เดินเข้ามาในสำนักนี้ คือแม่ชีที่ข้าพเจ้าเชิญให้ออกจากสำนักนี้ไปนานแล้ว แม่ชีนั่งลงกราบข้าพเจ้าพูดพร้อมกับหยิบห่อกระดาษในกระเป๋าหิ้วให้ข้าพเจ้าดู
    เธอเล่าต่อไปว่า"ของสิ่งนี้มีคนเขาฝากมาให้คุณแม่เพื่อสร้างพระมหาวิหาร"
    ข้าพเจ้าจึงได้ถามแม่ชีขึ้นว่า "ใครเป็นผู้ฝาก เป็นหญิงหรือชาย"
    แม่ชีเธอตอบขึ้นว่า "เป็นผู้ชายค่ะ"
    ข้าพเจ้าจึงได้ซักถามเธอต่อไปว่า "ไหนเธอลองเล่ามาให้ฟังซิว่าเรื่องราวเป็นอย่างไรมาตั้งแต่ต้น"

    แม่ชีเล่าว่า "ในคืนนั้นดิฉันได้ปฏิบัติอยู่ในถ้ำประมาณห้าทุ่มเห็นจะได้ เกิดนิมิตเห็นผู้ชายแต่งตัว ทรงเครื่องสวยงามอร่ามแพรวพราว
    ระยับเป็นสีทอง ยืนอยู่ข้างหน้าดิฉัน ชายผู้นั้นได้พูดขึ้นว่า พรุ่งนี้ตอนสองโมงเช้าจงแต่งขันธ์ห้าขึ้น และจงมานั่งตรงนี้ ฉันจะฝากของเธอ เอาไปให้กับแม่ชีปทุมเพื่อร่วมสร้างพระมหาวิหาร ดิฉันรับคำท่าน ท่านก็หายวับไป พอรุ่งเช้าดิฉันจัดแจงแต่งขันธ์ห้า พอได้เวลาที่ท่านสั่ง ดิฉันได้ไปนั่งตามเดิมพร้อมเครื่องบูชาขันธ์ห้า ดิฉันนั่งสมาธิไปจนถึงสิบโมงกว่า จึงคลายออกจากสมาธิพอลืมตาขึ้นก็เห็นของสิ่งนี้วางอยู่ ดิฉันรู้ทันทีว่าของที่วางนี้เป็นของที่ท่านฝากให้คุณแม่ ดิฉันจึงนำมา เพราะตรงที่ดิฉันนั่งปฏิบัตินั้นฉันกวาดเตียนไม่เคยมีอะไรมาก่อน ดิฉันนั่งปฏิบัติมาตั้งสองเดือนกว่าแล้วค่ะ ฉันไม่เห็นมีอะไรเลย "

    ข้าพเจ้าบอกให้แม่ชีแก้ห่อดูของ ข้าพเจ้าเห็นของที่ห่อมามองดูเหมือนก้อนหินที่ที่ขรุขระและมีรอยถูกตัดไป รอยที่ตัดมีแสงไม่เหมือนตะกั่ว ตะกั่วไม่มีแสงจึงทำความแปลกให้ข้าพเจ้า
    ข้าพเจ้าจึงถามแม่ชีว่า "ของนี้ทำไมจึงมีรอยถูกตัดออกไป "
    เมื่อแม่ชีได้ฟังข้าพเจ้าถามขึ้น แม่ชีมีสีหน้าไม่ค่อยดี
    เธอตอบขึ้นว่า "ดิฉันได้ของแล้วห่อของ รีบเดินทางตั้งใจจะนำของมาให้คุณแม่ตามคำสั่งของท่าน เมื่อเดินมาได้ครึ่งทางได้พบกับชายคนหนึ่งเขาทำงานอยู่แถวนั้นเขาขอดู เขาเห็นฉันหิ้วหนักมาก ฉันจึงให้เขาดู แล้วเขาขอฉัน ฉันจึงให้เขาค่ะ ดิฉันคิดว่าคงไม่เป็นอะไร ของที่เขาขอตัดไปก็นิดเดียวเอง"

    ในที่สุดเธอลาจากไป ข้าพเจ้าได้ให้ปัจจัยเป็นค่าเดินทางกับเธอ ข้าพเจ้ารับของก้อนโคตรเศรษฐีใส่พานมีผ้าขาวปูรองรับ มีดอกมะลิบูชาตั้งไว้ที่หน้าหน้าหลวงปู่ปาน
    ครั้นพอตกกลางคืน ในเวลาเช้ามืดของคืนวันเดียวกันกับวันที่รับของ ในเวลาตอนตีห้าครึ่งพากันออกจากพระกรรมฐาน เพื่ออุทิศส่วนกุศล
    ทำอย่างนี้เป็นประจำตลอดมา เมื่อพากันอุทิศส่วนกุศลจบลง ข้าพเจ้านั่งอยู่ในกลด เห็นว่าเสร็จกิจแล้วจึงหยิบยานัตถุ์ขึ้นมาทำท่าจะนัดยา มุ้งกลดของข้าพเจ้าบางมาก ในทันใดมีความรู้สึกว่ามีคนมายืนใกล้ๆกลดของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงได้ชำเลืองตาดูเห็นคนมายืนอยู่จริงๆ
    ท่านแต่งตัวสวยงาม ยืนชะโงกดูของที่ได้รับมาจากแม่ชีเมื่อตอนบ่ายนั่นเอง ท่าที่ท่านยืนคือขาซ้ายเยื้องไปอยู่หน้า ขาขวาลดลงมาหลัง
    ยืนชะโงกดูของในพานเอามือไพล่หลัง ขาใหญ่มาก ข้าพเจ้าชำเลืองดูเห็นแต่ขา ส่วนหัวเข่ามองไม่เห็นเพราะขาของท่านยาว ไม่สามารถจะเห็นเข่าได้ข้าพเจ้านึกรู้ได้ทันทีว่า ท่านคงตามมาดูของ
    ข้าพเจ้ายกมือขึ้นพนมและพูดกับท่านว่า "ท่านผู้เจริญที่เคารพ ขณะนี้ของที่ท่านส่งมาให้ดิฉัน ดิฉันได้รับแล้วและได้บูชาไว้กับหลวงปู่ปานและหลวงพ่อฤาษีที่ท่านได้ชะโงกดู อยู่นั่นแหละค่ะ ต่อแต่นี้เป็นต้นไปทั้งท่านและดิฉัน จะได้ร่วมสร้างพระมหาวิหารแล้วในเวลา
    อันใกล้นี้ ขอท่านจงปกปักรักษาย่าให้ใครมาแย่งชิงเอาไปนะคะ สำนักนี้มีแต่ผู้หญิงท่านผู้มีตาทิพย์จงช่วยสอดส่องดูแลเอาไว้ให้ดี และขอท่านจงโมทนาในความตั้งใจดีต่อพระพุทธศาสนาในครั้งนี้ด้วยเทอญ"
    ท่านโมทนาเมื่อข้าพเจ้าพูดจบลงท่านหายวับไปฉับพลัน

    นี่ข้าพเจ้าเห็นด้วยตาเปล่า มิได้ห็นด้วยสมาธิ ที่เขียนมาตรงๆอย่างนี้มิได้โอ้อวด ด้วยประการใด เรื่องนี้ได้เกิดขึ้นกับข้าพเจ้าจริงๆ
    เมื่อผู้ใดอ่านท่านจะเชื่อหรือไม่นั้นเป็นเรื่องของท่าน สำหรับข้าพเจ้าขอเอาศีลเป็นพยานเท่านั้น
    ข้าพเจ้า วางของลงที่โต๊ะนั่งของหลวงพ่อนั่ง ข้าพเจ้าก้มลงกราบพระเดชพระคุณหลวงพ่อ เมื่อเงยหน้าขึ้นมาหลวงพ่อพูดกับข้าพเจ้าขึ้นว่า "นี่โยม โยมชีจะเอาของมาทำฉันหรือ เห็นเป็นมันวาววับโยม"
    ท่าน พูดท่านยิ้มมองดูของ ท่านถามข้าพเจ้าว่า "นั่นอะไร"
    ข้าพเจ้า ตอบท่านว่า "ไม่ทราบว่าเป็นอะไรค่ะ โยมปฏิบัติธรรมได้ของสิ่งนี้มาค่ะ หลวงพ่อ โยมนำมาให้หลวงพ่อดู"
    หลวง พ่อมองดูแล้วพูดว่า "ดีนะโยม ของนี้เป็นของพันปีมีค่ามหาศาล"
    "โยมอยากทราบว่าเป็นอะไรเจ้าค่ะหลวงพ่อ"
    หลวงพ่อพูดว่า " ดี.. เอาไปให้ด็อกเตอร์เขาดูบ้างซิ เผื่อเขาจะรู้บ้าง"
    ข้าพเจ้าเห็นคนเข้ามาถวายสังฆทานกันมาก จึงถอยออกมาเดินไปหาด็อกเตอร์เอาของให้ดู
    ด็อกเตอร์พูดว่า "หลวงพ่อว่าเป็นอะไร ก็เป็นเช่นนั้นแหละครับ"
    ข้าพเจ้าลาด็อกเตอร์ออกมานั่ง เมื่อข้าพเจ้านั่งลง หลวงพ่อได้เมตตาสั่งข้าพเจ้าขึ้นว่า
    "โยมที่เอาของให้ดู นั่นนะ ของโยมพันปีเก็บไว้ให้ดีอย่าไปทิ้งเสียล่ะ มีค่ามหาศาล"
    หลังจากนั้นข้าพเจ้าได้กราบลาพระเดชพระคุณหลวงพ่อกลับปากช่อง
    ขั้นตอนการสร้างพระโคตรเศรษฐี

    วันหนึ่งนั่งสวดมนต์ พอก้มกราบต้องฟุบลงไปชั่วโมง ช่วงนี้เสวยกรรมหนัก นอนคิดมาคิดไปนึกถึงของ จะเอาไปทำอะไรดี ของสิ่งนี้ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็นเลย คิดว่าจะทำอะไรดี ใจก็นึกถึงท้าวธตรฐว่า "จะให้ของ จะให้ช่วย น่าจะให้ของที่รู้จัก ถ้าเป็นทองคำเราจะได้รู้ นี่เอาก้อนอะไรมาให้ก็ไม่รู้มาให้เรา เรายิ่งโง่ๆอยู่ จะนำไปซื้อขายก็ไม่ได้กลัวเขาไม่รู้จัก เมื่อไม่ได้สร้างก็ไม่ต้องสร้าง ตัดขันธ์ห้าดีกว่า"
    จึงได้วางก้อนของไว้ข้างตัว พิจารณาขันธ์ห้าย้อนไปย้อนมา จับพุทโธบ้าง จับอานาปานุสสติบ้าง นานพอสมควร

    ทันใดก็ได้ยินเสียงข้างหูขวาว่า "ในห่อของนั้นมี ค่ามหาศาลทำไมไม่รีบจัดการขึ้น"
    เสียงพูดนั้นดูหนักหน่วงเหมือนดุ ท่านคงจะเคืองข้าพเจ้า ที่ต่อว่าท่านว่าน่าจะเป็นทองคำ ให้มาแล้วยังโง่มากนัก ข้าพเจ้าตกใจลุกขึ้น เรียกแม่ชีเล็กเข้ามาหา บอกกับแม่ชีเล็กว่า "แม่จะทดลองของดู แม่ชีช่วยไปตามโยมแช่มมาเดี๋ยวนี้ บอกว่ามีธุระด่วน"
    แม่ชีจึงไปตามโยมแช่มมา ข้าพเจ้าจึงบอกโยมแช่มรีบไปหาตะกั่วมาให้ที ข้าพเจ้าทำพิธีตัดของก่อน

    ก่อนตัดก็กราบขอขมาขอทดลอง จึงตัดออกมาก้อนนิดหนึ่งพอสมควร ลองเอาตะกั่วเคี่ยวไฟก่อน ปรากฎว่าตะกั่วละลายเร็ว เทไว้ต่างหากแล้วจึงนำของที่ได้มาต้มเคี่ยวใส่กระทะหลอมดู สิ่งของนี้กว่าจะละลายนานมาก พอละลายออกยิ่งมีรัศมีแวววาวระยิบระยับหลายสี หลายแสง อย่างมหัศจรรย์ยิ่งนัก
    เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้วข้าพเจ้าจึงน้อมจิตถึงท่านเจ้าของขึ้นว่า "ท่านจะให้ทำเป็นอะไรขอให้บอกมา"
    ข้าพเจ้ามีความรู้สึกขึ้นทันทีว่า "ไปทำพระ"
    พอดีคุณสว่างมาจากจันทบุรี จึงได้บอกคุณสว่างขับรถไปกรุงเทพฯ เมื่อถึงกรุงเทพฯให้หาร้านที่เขาพิมพ์พระ เมื่อติดต่อทำพิมพ์พระ ก็เข้าโรงรีดของ

    ในระหว่างที่รีดของอยู่นั้น แสงรัศมีเกิดวาววับแสงสีเกิดขึ้นหลายสี เป็นสิ่งสะดุดใจแก่ผู้รีด
    ผู้รีดคนหนึ่งพูดกับเพื่อนว่า "เฮ้ย นี่ไม่ใช่ตะกั่วนี่หว่า .....เป็นอะไรวะ"
    เพื่อนอีกคนตอบ "กูก็ไม่รู้เหมือนกัน"
    ข้าพเจ้ายืนดูอยู่ใกล้ๆ เมื่อได้ยินเขาพูดข้าพเจ้าจึงนิ่งเสีย หันหน้าไปทางอื่นเพื่อให้เรื่องจบ เมื่อรีดเสร็จแล้วจึงนำของไปเข้าเครื่องพิมพ์ ข้าพเจ้ากราบอารารธนาองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหมด พระอรหันต์ทั้งหมด ครูบาอาจารย์ หลวงปู่ปาน หลวงพ่อพระราชพรหมยาน หลวงพ่อสมเด็จโต พรหมรังสี และครูบาอาจารย์ทั้งหมด ท่านพ่อปู่พระอินทร์ ท่านแม่ย่า ท่านพ่อ ท่านแม่ศรี ท่านท้าวมหาราชทั้งสี่ มีท่านท้าวธตรฐและเทวดาทั้งหมด ขอเชิญท่านมาร่วมในพิธีสร้างพระมหาวิหารโคตรเศรษฐีของข้าพเจ้าในครั้งนี้ ด้วยเถิด ข้าพเจ้ายืนคุมจนกระทั่งเขาทำเสร็จ ได้พระเครื่องจำนวน 285 องค์ ข้าพเจ้าตัดเอามาเพียงเล็กน้อย ไม่กล้าทำมาก เกรงว่าจะไม่มีใครศรัทธาเพราะเป็นเพียงแม่ชี หาคนศรัทธาน้อย

    เมื่อทำเสร็จ ข้าพเจ้านำพระเครื่อง 285 องค์นี้ ไปหาพระเดชพระคุณหลวงพ่อ (ขอข้ามไปบ้างนะครับ)
    เมื่อทุกคนไปกันหมดแล้วเหลือแต่คณะของข้าพเจ้า หลวงพ่อหันมาทางข้าพเจ้าถามว่า "โยมชีมีอะไรจะคุยกับฉันหรือ"
    ข้าพเจ้าตอบว่า "มีเจ้าค่ะหลวงพ่อ"
    หลวงพ่อพูดขึ้นว่า "นั่นเอาอะไรมาด้วยล่ะ เอาผ้าคลุมไว้นั่นน่ะ"
    เมื่อข้าพเจ้าได้ฟังพระเดชพระคุณหลวงพ่อจึงตอบว่า "คือโยมเคยนำของที่ได้จากการปฏิบัติไปให้หลวงพ่อดูครั้งหนึ่งที่บ้านสายลม แล้วเจ้าค่ะ ครั้นต่อมาหลังจากนั้นโยมได้จัดทำเป็นรูปพระขึ้น"
    หลวงพ่อว่า "เออ..ว่ามา"
    ข้าพเจ้ากราบเรียนให้ท่านทราบว่า "พระของโยมทำขึ้นครั้งนี้ไม่เหมือนใคร ทำเป็นสองหน้า หน้าหนึ่งทำเป็นพระทุ่งเศรษฐี อีกหน้าหนึ่งทำเป็นพระศิวลีค่ะหลวงพ่อ"
    หลวงพ่อเมื่อฟังข้าพเจ้าพูดจบลง หลวงพ่อได้เอ่ยขึ้นว่า"ไหนว่าไม่เหมือนของใคร ยกพานมาให้ฉันดูหน่อยซิ"
    ข้าพเจ้ากราบเรียนให้ท่านทราบว่า "โยมทำครั้งนี้ 285 องค์เจ้าค่ะหลวงพ่อ"
    เมื่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อรับพานพระแล้ว หลวงพ่อได้หยิบพระดู ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง และได้กล่าวขึ้นว่า "เออ..เข้าใจ..เข้าใจ ข้างหนี่งเป็นทุ่งเศรษฐี ข้างหนึ่งพระศิวลี เข้าใจจริงๆ เข้าใจจริงๆโยมนี่"
    "นี่นะโยม พระของโยมนี่ ถ้าผู้ใดได้ไปบูชา จะเป็นเศรษฐี โคตรเศรษฐี จนไม่เป็น ดีมากนะโยมนี่ เป็นคนมีปัญญา เอาล่ะนะ ฉันจะบอกให้ พระของโยมที่ทำมาทั้งหมดนี้ ถึงแม้จะไม่มีรูปพระเลย ของๆโยมก็ขลัง เขาสำเร็จอยู่ในตัวเขาแล้ว ให้ใครเอาไปทำอะไรๆ ให้ยิ่งกว่าทำ คำว่าเสื่อมไม่มี ของๆโยมนี้ใช้ได้ทุกอย่างเลยครบหมด เนื้อเกลี้ยงๆก็ขลัง"

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อถามต่อขึ้นว่า "เมื่อขณะที่ทำพระใครคุมอยู่"
    ข้าพเจ้ากราบเรียนพระเดชพระคุณหลวงพ่อขึ้นว่า "โยมขออาราธนาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหมดทุกๆพระองค์ ครูบาอาจารย์ทั้งหมด เทวดาทั้งหมด โยมคุมอยู่ด้วยเจ้าค่ะหลวงพ่อ"
    พระเดชพระคุณได้กล่าวขึ้น "เออ มันฉลาดอย่างนี้ เอาล่ะนะ ฉันจะถามโยมว่า ก่อนที่โยมจะได้ของสิ่งนี้มา โยมทำอย่างไรถึงได้ของ"

    ข้าพเจ้ากราบเรียนพระเดชพระคุณหลวงพ่อขึ้นด้วยความเคารพยิ่งขึ้นว่า "พระเดชพระคุณหลวงพ่อเป็นครูบาอาจารย์ของโยม โยมมีความเคารพเป็นที่สุด โยมขอกราบเรียนด้วยความจริงทุกประการด้วยเคารพเจ้าค่ะ หลังจากออกพรรษาในปี 2530 โยมได้มากราบเรียนพระเดชพระคุณหลวงพ่อ เรื่องคุณวิรัช มั่งเรืองสกุล ได้ถวายที่ดินให้เป็นสำนักปฏิบัติธรรมในปีนั้น พระเดชพระคุณหลวงพ่อได้อนุญาตให้โยมรับที่ดินไว้ จึงได้จัดการก่อสร้าง มีกุฏิ 4 หลัง ไว้เป็นที่พักสำหรับแม่ชีที่อยู่ประจำ มีห้องน้ำห้องส้วมเสร็จ ได้ต่อศาลาไว้ปฏิบัติธรรม ทำวัตรเช้า-เย็น 1 หลัง ห้องน้ำห้องส้วม โรงอาหาร เครื่องต่อใช้ไม่ป่า ต้นกระถินณรงค์เป็นเสา ต่อมาปลวกกินจนเสาขาด หลังคาทั้งหมดมุงด้วยหญ้าคาผุ เวลาฝนตกรั่วต้องเอาผ้าพลาสติกคอยกันกั้นไว้ ฝาศาลาสวดมนต์ใช้ผ้าเหลืองจีวรพระที่ท่านไม่ใช้ ขอมากั้นบังฝน พอลมตีมาลำบากมากทุลักทุเล พระพุทธรูปมี 28 พระองค์ มีโยมกรุงเทพฯ เขามาถวายไว้บูชาอีก 1 องค์ รูปเหมือนหลวงปู่ปานอีก 1 องค์ รูปเหมือนพระเดชพระคุณหลวงพ่ออีก 1 องค์ รวมทั้งหมด 31 องค์ค่ะ"
    โยมเห็นพระพุทธรูปเปียกฝน โยมเกิดสังเวชใจมากที่สุด โยมคิดขึ้นในตอนนั้นว่า จะต้องทำอย่างใดอย่างหนึ่งขึ้น ตั้งแต่ปฏิบัติมายังไม่เคยจะลองทำประโยชน์อะไรให้กับพระศาสนาเด่นชัดขึ้นมา เลย ในคืนนั้นเอง โยมตั้งใจเต็มกำลังการปฏิบัติจะได้ขั้นไหน ตอนไหนก็ตามจะไม่คำนึงถึง ตั้งใจมั่นคงเด็ดเดี่ยว เข้านั่งสมาธิแล้ว เจริญเมตตาไปในทิศทั้งปวง ทั่วโลกธาตุ ถึงหมู่สัตว์ทั้งหลายไม่มีที่ประมาณ จงถึงความสุขด้วยพระพุทธานุภาพ จงถึงความสุขด้วยพระธรรมานุภาพ จงถึงความสุขด้วยพระสังฆานุภาพ ด้วยบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญแต่อดีดถึงปัจจุบัน ขอท่านทั้งหลายจงโมทนาโดยทั่วกัน

    ตั้งจิตระลึกนึกน้อมถึงองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหมด พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหมด พระธรรมคำสอนของพระองค์ที่ข้าพระพุทธเจ้าปฏิบัติตามอยู่ขณะนี้ นึกถึงพระอริยสงฆ์ทั้งหมด ครูบาอาจารย์ทั้งหมด มีหลวงปู่ปาน หลวงพ่อด้วย และสมเด็จโตพรหมรังสี และเทวดาทั้งหมด มีปู่พระอินทร์ ท่านย่า ท่านแม่ ท่านท้าวมหาราชทั้งสี่พระองค์ มีท่านท้าวธตรฐ คือท่านท้าวธตรฐองค์นี้ เมื่อสมัย พ.ศ. 2514 ท่านมาปรากฏให้โยมเห็นค่ะหลวงพ่อ ท่านบอกชื่อท่านให้โยมรู้จัก ท่านชื่อว่าท่านท้าวธตรฐ ถ้าโยมมีอะไรจะให้ท่านช่วยเหลือ ท่านให้โยมนึกถึงชื่อท่าน ตอนก่อนโยมไม่เชื่อเท่าไรนัก ครั้นโยมได้มาพบหลวงพ่อได้ฟังเทปสมาทานหลวงพ่อ และได้ฟังคำสอนของหลวงพ่อ โยมจึงได้เข้าใจ โยมจึงนึกถึงท่านให้ท่านมาช่วยในกิจของพระศาสนา
    โยมเอาจิตน้อมถึงทานบารมี นึกถึงทานที่ให้แล้ว ศีลบารมี นึกถึงศีลที่ได้สมาทานจะรักษาไว้ให้ดี ไม่ทำลายศีลจนตลอดชีวิต ปัญญาบารมี จะทำให้เกิดปัญญารู้แจ้งแห่งขันธ์ห้า ให้เข้าสู่พระนิพพานในชาตินี้ เนกขัมบารมี การถือบวชของข้าพเจ้าบวชครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย คำว่าสึกจะไม่มี จะช่วยกิจของพระศาสนาตลอดชีวิต
    วิริยะ บารมี จะขยันทำจิตให้เข้าถึงพระนิพพาน
    สัจจะ บารมี ข้าพเจ้าขอตั้งจิตจะพูดอย่างไหนทำอย่างนั้นตลอดชีวิต
    อธิษฐานบารมี คำอธิษฐานของข้าพเจ้าที่ตั้งใจมั่นคงครั้งนี้ ข้าพเจ้าจะไม่ถอยออกจนตลอดชีวิต
    ขันติบารมี ข้าพเจ้าจะอดทนในสิ่งจะเกิดขึ้นกับข้าพเจ้าทุกประการ
    เมตตาบารมี ข้าพเจ้าขอทรงเมตตาตลอดทั่วโลกธาตุ แม้แต่ผู้นั้นจะคิดทำร้ายข้าพเจ้าก็ตาม
    อุเบกขา บารมี ข้าพเจ้าจะวางเฉยด้วยประการทั้งปวง จะทำสติให้รู้เท่าทันต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะดีหรือร้ายก็ตามจะไม่หวั่นไหวกับสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น จะทำสติให้รู้ว่านั่นคืออนิจจัง นั่นคืออนัตตา จะทรงกำหนดจิตไม่คลอนแคลนไว้ด้วยความเคารพตลอดชีวิต บารมี 10 ทั้งหมดที่บำเพ็ญมาเพื่อความหลุดพ้นไม่ต้องกลับมาเกิด

    จงมาช่วยข้าพเจ้าด้วยเวลานี้ ข้าพเจ้ามีทุกข์เดือดร้อน
    แต่ทุกข์ของข้าพเจ้าในครั้งนี้ ไม่เหมือนผู้ครองเรือน ขณะนี้ข้าพเจ้ากำลังได้รับความทุกข์ เพราะศาลาที่ประดิษฐานองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและที่ปฏิบัติธรรมของ ข้าพเจ้าชำรุดทรุดโทรม ลมมาก็ต้องหาไม้มาค้ำไว้
    ถ้าการขอครั้งนี้เห็นว่าข้าพเจ้ายังไม่หมดตัณหา และเป็นเรื่องประโยชน์ส่วนตัวของข้าพเจ้า ท่านทั้งหลายไม่ต้องช่วย
    ถ้าการขอของข้าพเจ้าในครั้งนี้ ถ้าท่านทั้งหลายเห็นว่าข้าพเจ้าเป็นผู้บริสุทธิ สะอาดจริงแล้ว ขอท่านทั้งหลายและท้าวธตรฐ จงช่วยข้าพเจ้าโดยด่วนด้วยเจ้าค่ะ
    ครั้นต่อมาโยมเข้านั่งสมาธิและเข้าฌานเต็มกำลัง จากฌานที่ 1 ขึ้นไปถึงฌานที่ 4 ถอยรองลงมาจนถึงฌานที่ 1 หยุดอยู่แค่อุปจารสมาธิ แล้วขอดังเช่นเดิม เข้าฌานต่อไปจนถึงที่สุด แล้วถอยลงมาแค่อุปจารสมาธิ แล้วขออีก ทำอยู่อย่างนี้ประมาณ 10 หรือ 20 วัน โยมไม่ได้นับ ถือว่าท่านให้ก็เอา ท่านไม่ให้ก็แสดงว่าโยมยังดีไม่พอ

    หลวงพ่อเมื่อได้ฟังข้าพเจ้าเล่าเรื่องให่ท่านฟังจบลง ท่านจึงได้เอ่ยขึ้นว่า "โยมรู้ไหมว่า ของที่โยมได้มานั้นเป็นของใคร ฉันจะบอกให้นะโยม ของที่โยมได้มานั้นเป็นของๆท่านผู้สำเร็จท่านทำไว้แล้ว ท่านก็ฝากกับเทวดา เมื่อท่านฝากกับเทวดา ท่านสั่งกับเทวดาไว้ว่า ถ้าผู้ใดมีบุญบารมีเห็นสมควรให้ ก็ขอเทวดาจงให้ของสิ่งนี้เถิด นี่โยมจึงได้มายังไงล่ะโยม"

    ข้าพเจ้า กราบเรียนพระเดชพระคุณหลวงพ่อ "ช่วยเมตตาปลุกเสกพระเครื่องของโยม เพื่อเป็นศิริมงคลด้วยเถิดเจ้าค่ะ"
    พระเดช พระคุณหลวงพ่อได้พูดขึ้นว่า "เสกทำไมอีกเล่าโยม ของเขาดีอยู่แล้วถ้าโยมจะให้ฉันปลุกเสกละก็เอาอย่างนี้ดีกว่า โยมนั่นแหละไปทำขึ้น เพราะอะไรๆโยมก็ทำได้หมดแล้ว จะเอาอะไรอีกเล่า "
    ข้าพเจ้ากราบเรียนถามพระเดชพระคุณหลวงพ่อขึ้นว่า "จะต้องใช้มนต์บทไหนสวดเล่าค่ะหลวงพ่อ"
    หลวง พ่อพูดแกมดุขึ้นว่า "ก็อีตอนได้ของมานั่นแหละสวดบทไหนเล่า"

    ข้าพเจ้ากราบขอขมาหลวงพ่อ จึงได้เข้าใจว่าใช้พลังจิตนี่เอง ไม่โดนดุเอาความโง่ออกไปปัญญาไม่เกิด หมดเวลาหลวงพ่อกลับเข้าที่พัก ท่านโอเดินย้อนกลับมาหาข้าพเจ้า
    ท่านพูดกับข้าพเจ้าขึ้นว่า "โยมชีเอาพระของโยมเก็บไว้ให้อาตมาสัก 10 องค์นะ" ข้าพเจ้าตอบ "
    ได้ค่ะ แต่พระของโยมไม่ใช่ราคาเดียวกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อนะ เพราะโยมจะต้องการสร้างพระมหาวิหาร ต้องให้บูชาองค์ละ 10,000 บาทนะคะท่าน"
    เมื่อท่านโอได้ฟังข้าพเจ้าบอกราคา ท่านโอจึงได้พูดขึ้นว่า "งั้นฉันจอง 2 องค์นะ"
    เวลานี้ท่านโอยังมีชีวิตอยู่ที่วิหาร 100 เมตร ข้าพเจ้าขอย้อนรำลึกนึกถึงความศักดิ์สิทธิ์ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อของเรา ทั้งหลาย หลวงพ่อรู้หมด หลวงพ่อรู้แจ้ง บริสุทธิ์โดยไม่ต้องสงสัย พระเดชพระคุณหลวงพ่อเป็นพระที่ควรกราบไหว้บูชา พระเดชพระคุณหลวงพ่อเป็นเนื้อนาบุญของโลก

    แร่เหล็กไหลเปียก
    เหล็กไหลเปียกเป็นเหล็กไหลอีกชนิดหนึ่งที่หายากและไม่ค่อยพบเห็น เหล็กไหลเปียกจะมีความใกล้เคียงกับเหล็กไหลเงินยวงหรือเหล็กไหลชีปะขาว คือมีผิวพรรณวรรณะเป็นสีเงินยวง แต่สามารถกลับกลอกสีผิวตัวเองได้จากขาวเป็นดำและจากดำเป็นขาว คล้ายโลหะจำพวกเงินที่เมื่อโดนอากาศแล้วจะทำให้สีผิวเปลี่ยน แต่เหล็กไหล เปียกยิ่งอัศจรรย์กว่านั้นเพราะโลหะจำพวกเงินเมื่อเปลี่ยนสีผิวจาก ขาวเงินยวงเป็นสีออกดำแล้วจะไม่สามารถเปลี่ยนกลับมาเป็นสีเดิม ได้เอง ต่างกับเหล็กไหลเปียกที่สามารถเปลี่ยนสีผิวตนเองให้กลับไป กลับมาได้ เหล็กไหลเปียกหรือที่นิยมเรียกกันสั้น ๆ ว่า เหล็กเปียก นี้มีอิทธิฤทธิ์เป็นที่น่าอัศจรรย์คือสามารถเรียกหยดน้ำในอากาศมารวมตัวกันได้ ไม่ว่าเหล็กเปียกจะอยู่ที่ไหนก็จะมีความชุ่มชื้นที่นั่นดุจเดียว กับเหล็กไหลน้ำ เหล็กเปียกมักพบเป็นก้อน มีสัณฐานดั่งก้อนแร่ใต้ดิน

    เท่าที่บันทึกไว้ ครูบาโพนสะเม็กซึ่งเป็นพระอริยเจ้าทางฝังลาวเป็น ผู้ที่ค้นพบเหล็กไหลเปียกจากการนั่งทางในแล้วนิมิตเห็นแร่กายสิทธิ์ ระเภทนี้ ท่านจึงได้นำเอาแร่ชนิดนี้มาหลอมแล้วนำมาเคี่ยวด้วยวิชา อาคมและได้นำเหล็กเปียกมารีดเป็นแผ่น หลังจากนั้นนำไปบรรจุไว้ ที่ยอดฉัตรของพระธาตุพนม ด้วยเชื่อว่ามีอานุภาพทางป้องกันฟ้าผ่า อัคคีภัยและบันดาลความร่มเย็นเป็นสุขได้ฤทธิ์อำนาจจากเหล็กไหลเปียกทำให้หัวไม้ขีดยุ่ย ดินปืนเปียก ไม่อาจจุดระเบิดหรือติดไฟขึ้นมาได้ ซึ่งคล้ายคลึงกับฤทธิ์อำนาจของ เหล็กไหลน้ำ และเหล็กไหลชีปะขาว เพียง แต่มีลักษณะรูปพรรณสัณฐาน ที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ฤทธิ์ของเหล็กเปียกจะก่อให้เกิดความชื้น ขึ้นทุกครั้ง จะเห็นได้จากการที่พระพุทธรูปบางองค์มีนาออกจาก พระเคืยรซึ่งสันนิษฐานได้ว่าเกิดขึ้นจากการนำเอาแร่เหล็กเปียกชนิด นี้หล่อหลอมลงไปในเนื้อธาตุที่ใช้ในการสร้าง ทำให้สามารถเรียก ละอองนั้าในอากาศมารวมตัวกันจนกลายเป็นนาอยู่ภายในเคืยรของ พระพุทธรูป เช่น พระพุทธรูปที่วัดนาอู จังหวัดแม่ฮ่องสอน หรือ พระพุทธรูปที่วัดตูม จังหวัดอยุธยา เป็นต้น

    ขี้เหล็กไหล



    มักจะปรากฏอยู่ในถํ้าหรือบริเวณที่มีเหล็กไหลเหมือนกับมูลหรือการขับถ่ายของเสียจากเหล็กไหลลักษณะเป็นก้อนกลมๆสีออกดำบ้างนํ้าตาลบ้างไม่สามารถยืดได้หดได้แม่เหล็กดูดไม่ติดหากครูบาอาจารย์ผู้ทรงฌาณทำพิธีกรรมให้ถูกต้องเฉกเช่นวัตถุมงคลที่ถูกปลุกเสกก็จะมีอานุภาพตามที่ประสงค์

    เหล็กไหลนาคานับเป็นแร่กายสิทธิ์ในตระกูลเหล็กไหลอีกชนิดหนึ่งเหล็กไหลนาคามีรูปร่างไม่แน่นอนบ้างกลมมนบ้างเรียวยาว มีน้ำหนักเหมือนเหล็ก มีสีเทาอมดำหรือสีเขียวอมดำ ที่น่าแปลกคือ เหล็กไหลนาคาจะมีกระแสแม่เหล็กอ่อนๆ ในตัวเอง เมื่อนำเหล็กไหล นาคาเข้าใกล้เหล็กชิ้นเล็กๆ จะสามารถดูดเหล็กชิ้นเล็กๆติดขึ้นมา อย่างน่าอัศจรรย์



    เหล็กไหลนาคาสามารถกักเก็บพลังงานความร้อนแล้วคาย พลังงานดังกล่าวออกมาได้ เมื่อตั้งเหล็กไหลนาคาทิ้งไว้กลางแสง แดดนาน ๆ เหล็กไหลนาคาจะส่งแสงสีเรืองๆ ออกมาและหากเราตั้ง เหล็กไหลนาคาไว้ในที่เย็น ๆ เพียงพักเดียวเท่านั้นตัวเหล็กก็จะเย็นจัด เมื่อสัมผัสจะหนาวเข้าไปจนถึงกระดูก แสดงให้เห็นว่าเหล็กไหลนาคา เป็นเหล็กที่มีความไวต่ออุณหภูมิเป็นอย่างมาก เพราะสามารถดูดซึม ความร้อนและความเย็นได้อย่างรวดเร็วและยังสามารถแผ่พลังงานที่ สะสมออกมาได้อย่างเหมาะสมอีกด้วย

    เหล็กไหลนาคาไม่ใช่เหล็กไหลทรหดตามที่หลายคนเข้าใจกัน เหล็กไหลนาคามักพบในแถบภาคอีสานและภาคเหนือโดยมากพบตาม ริมแม่น้ำโขง จึงเรียกว่า "เหล็กไหลนาคา" หรือ "ศิลานาคา" เหล็กไหลนาคาเป็นของที่มีคุณหลายด้าน ทั้งเป็นคงกระพัน ป้องกันอันตรายใช้ปรับธาตุในตัวเพื่อรักษาโรค บำบัดความเจ็บป่วย และอาราธนาทำน้ำมนต์รักษาโรคได้ ทั้งยังสามารถกันเรื่องภูตผีปีศาจและอสรพิษ ทั้งปวงได้เป็นอย่างดี ผู้ที่กำองค์เหล็กชนิดนี้บ่อยๆ จะส่งผลให้มี สุขภาพดี สามารถทนร้อนและทนหนาวได้มากกว่าคนธรรมดาทั่วไป

    ไม้หินแก่นเหล็ก

    ไม้หินแก่นเหล็กจัดอยู่ในจำพวกเหล็กกายสิทธิ์บางท่านนับถือ ว่าไม้หินแก่นเหล็กเป็น "เหล็กไหลทรงฤทธิ์" ตามตำรากล่าวว่าไม้หิน แก่นเหล็กคือไม้สักหรือไม้ตะเคียนหรือไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ ซึ่งจมอยู่ ใต้ดินโดยไม่เน่าเปีอยจนกระทั้งเวลาผ่านไปยาวนานนับล้านปีจึงกลับกลายสภาพเป็นกึ่งหินกึ่งเหล็กอย่างเช่น คดไม้สัก ซึ่งมีหลาย ๆ ชิ้น ที่แม่เหล็กสามารถดูดติดได้และถือว่าเป็นแร่กายสิทธิ์ที่เข้าจำพวก เหล็กไหลเช่นกัน เนื่องจากภายในไม้หินแก่นเหล็กจะมีตบะบารมีของเทพอสูร ที่มีฤทธิ์อยู่ อำนาจจากไม้หินแก่นเหล็กจึงดีเด่นทางด้านคงกระพัน ด้านมหาอำนาจ และยังมีอำนาจทางสะกดสัตว์ป่าทุกชนิด


    ไม้หินแก่นเหล็ก


    ในสมัยก่อนพรานป่าที่รู้พระเวทย์จะแสวงหาไม้หินแก่นเหล็กมาทำตะขอ สับช้างหรือเป็นเครื่องรางคู่กาย เมื่อร่ายพระเวทย์หรือคาถาปลุก จะทำให้เกิดอำนาจในทางข่มอาถรรพณ์ของป่าและสามารถสะกด สัตว์ใหญ่ได้อย่างน่าอัศจรรย์ นอกจากนี้ไม้หินแก่นเหล็กยังเป็น ธาตุที่มีความเย็นในตัวเองสูงมาก และยังสามารถแผ่พลังทางด้าน รักษาบำบัดได้ดีเช่นกัน จึงเป็นธาตุอัศจรรย์อีกชนิดหนึ่งที่นิยมนำ มาอาราธนาแล้วแช่ในน้ำเพื่อทำน้ำมนต์รักษาโรค

    โคตรเหล็กไหลย้อยเป็นเหล็กไหลที่คล้ายคลึงกับเหล็กไหลหยด สามารถกล่าวได้ว่าโคตรเหล็กไหลย้อยนั้นเป็นต้นกำเนิดหรือเป็นโคตรเหล็กไหลของเหล็กไหลหยดก็ได้ โดยมากโคตรเหล็กไหลย้อยจะมีขนาดใหญ่ตั้งแต่กำปั้นขึ้นไปมีทั้งสีดำและสีออกน้ำตาลแดง บางชิ้น เมื่อนำมาขัดจะเงาออกสีเงินยวงอย่างน่าประหลาด ซึ่งถือว่าเป็นของขลังตามธรรมชาติที่อยู่ในประเภทเหล็กไหลเช่นกันโคตรเหล็กไหลย้อย และเหล็กไหลหยดมักพบตามพื้นใต้ดินหรือตามซอกผา และมีเจ้าที่เฝ้าหวงแหนอยู่ จึงต้องทำการพลีขอเสียก่อน

    "โคตรเหล็กไหลย้อย" จะมีลักษณะแปลกตาพอๆ กับโคตร เหล็กไหลงอกและโคตรเหล็กไหลทรหด คือมีลักษณะเหมือนน้ำตา เทียนไหลทับถมกันบางชิ้นจะเรียบเป็นแผ่นใหญ่มีลักษณะคล้ายงูเลื้อยไปมา อาจารย์บางท่านจึงเรียกว่า "เหล็กไหลนาคา" หรือบางชิ้นก็เหมือนน้ำตาเทียนที่ละลายแล้วแข็งตัวเป็นเหล็ก จัดเป็นของมีอาถรรพณ์ที่พวกยักษ์ป่าและอสูรต่างนับถือกันว่าเป็นกายสิทธิ์จึงมักติดตามเฝ้าหวงแหน ดังนั้นผู้ที่จะเอาโคตรเหล็กไหลชนิดนี้ได้จึงต้องเป็นผู้ที่มีบุญบารมี นอกจากนยังต้องบวงสรวงทำความพอใจให้แก่ดวงจิตวิญญาณที่เฝ้าดูแลอยู่ด้วย โคตรเหล็กไหลย้อยบางชิ้นมีความน่าอัศจรรย์มาก


    เพราะสามารถทอสีเป็นสีรุ้งหรือทอแสงออกเป็นสีทองก็มี ชาวบ้านจึงมักเรียกว่า "ทองคำดำ" ครูบาอาจารย์ที่มีฌานมีญาณได้ตรวจดูโคตรเหล็กไหลย้อยแล้วพบว่าเป็นสิ่งที่มีอำนาจฌานของฤๅษีประจุอยู่ด้วยจึงมักพลีขอต่อเจ้าที่นำมาใช้เป็นมวลสารในการสร้างพระเครื่อง ส่วนผู้ที่มีวิชามักหาโคตรเหล็กไหลย้อยมาทำเป็นส่วนผสมในการหลอมทำธาตุกายลิทธิ์แต่ทั้งนี้ต้องเป็นผู้ที่มีอาคมบังคับธาตุได้ เพราะหากไม่มีวิชาเล่นแร่แปรธาตุแล้วตัวแร่จะหนีหายสลายเป็นเถ้าธุลีหมด ปัจจุบันมีการนำเอาแร่ชนิดนี้

    มาสร้างเป็นเครื่องรางก็มี เช่นนำเอาแร่ชนิดนี้มาแกะเป็นฤาษีและมา สร้างเป็นพระเนื้อผง ทั้งทำการปลอมแร่ให้เป็นกายสิทธิ์เหล็กไหลเทียบ ที่มีฤทธิ์อำนาจคล้ายคลึงกับเหล็กไหลน้ำหนึ่ง คือดีทั้งทางโชคลาภ ทำมา ค้าขาย และป้องกันอุบัติภัยได้ด้วย อีกทั้งยังสามารถเปลี่ยนสี ในตัวเองให้เป็นสีเขียวปีก แมลงทับหรือ เป็นสีทอง เหลือบ เขียวอม เหลือง ได้อย่างน่าอัศจรรย์

    การพิจารณาโคตรเหล็กไหลย้อยว่าเป็นเนื้อชั้นดีหรือไม่นั้น ให้ดูที่น้ำหนักและผิวพรรณ เพราะหากมีน้ำหนักเบาและพบว่ามีรูพรุนมากอีกทั้งสีผิวไม่เป็นมัน กระด้าง และดูซีดแสดงว่าเป็นเหล็กไหลย้อย ประเภท เหล็กไหลตายซาก ซึ่งจัดอยู่ในประเภทเดียวกันกับขี้เหล็กไหล แต่หากสียง ดำ เงา เป็นมันวาว และเนื้อตันก็ยังจัดว่า เป็นโคตรเหล็กไหล ชั้นดีทีฤทธิ์ในตัวมาก เรียกอีกอย่างว่า "พญาเหล็ก" ซึ่งมีอำนาจทาง มายาล่องหนหายตัวหรือทำให้ศัตรูเห็นเป็นหลายคน ดีทั้งทางแคล้ว คลาดและคงกระพัน แต่ถ้าเป็นพวกเหล็กตายซากจะมีพลังงานในตัวที่อ่อน เพราะเชื้อเหล็กตายเกือบจะหมดอยู่แล้ว ต้องเอาไปปนผสม ทำเป็นพระเครื่องแล้วปลุก เสกให้ดีจึงจะสามารถมีอิทธิฤทธิ์ขึ้นมา

    เหล็กไหลหยดหรือที่บางครั้งก็เรียกว่า "เหล็กหยด" ไม่ถือเป็น โคตรเหล็กไหล และไม่ใช่เหล็กไหลน้ำหนึ่งชั้นยอดเหมือนกลุ่มแรก อย่างเหล็กไหลโกฏิปีหรือเหล็กไหลเจ้าป่าเพราะมีคุณภาพต่ำลงมา จึงไม่สามารถดับพิษไฟได้ แต่จะมีอานุภาพเป็นยอดในทางป้องกันงู เงี้ยวเขี้ยวขอและของมีคม เหล็กไหลหยดจะเสพน้ำผึ้งทำให้กลิ่นและรสหวานของน้ำผึ้งหมดไปบางครั้งอาจทำให้น้ำผึ้งพร่องไปบ้าง

    เหล็กไหลหยดมีทั้งที่เกิดจากการแตกตัวของรังเหล็กไหล ที่อาจถูกความร้อนตามธรรมชาติและที่ได้มาจากการตัดของผู้ที่มีอาคม ซึ่งหลังจากที่ใช้เทียนอาคมลนก็จะได้เหล็กไหลหยดตัวตามธรรมชาติลง มาในบาตรน้ำผึ้งคล้ายกับการตัดเหล็กไหลเจ้าป่า แต่เหล็กไหลหยดที่ เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติแต่ละชิ้นจะมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก

    โดยมากจะ มีขนาดเท่าเมล็ดถั่วเขียว ยาวอย่างมากไม่เกินหนึ่งนิ้วชี้ลักษณะโดยทั่วไปมีรูปร่างแปลก ๆ หลายแบบ เช่น มีสัณฐานกลมโดยธรรมชาติก็มี ที่มี ลักษณะคล้ายพวงองุ่นก็มี หรือบางทีก็หยดตัวคล้ายลักษณะของน้ำตาเทียนและหยดเทียน สีสันของเหล็กไหลหยดมักออกดำด้าน ๆ มีรูพรุน โดยรอบ บางชิ้นออกสีน้ำตาลแดง เหล็กหยดที่มีคุณภาพดีจะมีสีออกดำ เหมือนตังเมข้นๆ บางชิ้นผิวออกสีเงินยวงก็มี ซึ่งนับว่าเป็นเหล็กไหล ที่มีความใกล้เคียงกับเหล็กไหลเจ้าป่ามากที่สุด เหล็กหยดบางท่านอาจ เรียกว่า "เหล็กหลบ" เนื่องจากว่าเหล็กไหลมีอยู่ด้วยกัแหลายชนิด บาง ชนิดอาจมีลักษณะใกล้เคียงกัน ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดความหลากหลาย และสับสนจนเกินไปนักจึงอนุโลมให้จัดรวมอยู่ในประเภทเดียวกันได้

    "เหล็กไหลหยด" หรือ เหล็กหยดนี้ดีทาง คงกระพันหนังเหนียว และกันงูเงี้ยวเขี้ยวขอได้ดี เมื่อนำมาปลุกเสกจะมีอิทธิฤทธิ์ในตัวมาก เป็นพิเศษ นิยมพกทั้งที่เป็นเม็ด ๆ หรือเป็นชิ้นติดตัวเอาไว้เลย พวกภูตผีปีศาจต่างก็เกรงกลัวรัศมีของเหล็กหยดนี้ และยังดีทางแคล้วคลาด ล่องหนอีกด้วย

    โคตรเหล็กไหลงอกเป็นเหล็กไหลชั้นรองลงมา หรือที่เรียก กันว่าเหล็กไหลน้ำรอง ซึ่งต่างกับเหล็กไหลโกฏิปี เหล็กไหลเจ้าป่า และ เหล็กไหลเพลิง อันเป็นเหล็กไหลชั้นหนึ่งหรือเหล็กไหลน้ำหนึ่งที่ มีอิทธิฤทธิ์มากและเป็นกายสิทธิ์ที่ต้องใช้วิชาอาคมในการเชิญหรือในการตัด และผู้ที่จะตัดได้ก็ต้องเป็นผู้ที่มีวิชาเท่านั้น ส่วนเหล็กไหลงอก จัดเป็นพวกโคตรเหล็กไหลที่ไม่ต้องใช้วิชาในการตัด แต่ต้องทำการขอจากเจ้าป่าเจ้าเขา ไม่เช่นนั้นจะโดนอาถรรพณ์ทำร้ายจนทำ ให้ชีวิตวิบัติในทุกๆ ด้าน

    เหล็กไหลงอกหรือโคตรเหล็กไหลงอกถือว่าเป็นโคตรเหล็กไหลชั้นเยี่ยม หรือเป็นโคตรเหล็กไหลชั้นหนึ่งในบรรดาโคตรเหล็กไหล หลายๆ ชนิด แต่ที่ขึ้นชื่อที่สุดคือโคตรเหล็กไหลงอกที่เขาอึมครึมและ เขากะอางค์ รวมทั้งตามถ้ำในเขตชายแดนไทยพม่าและในป่าลึกของพม่าอีกทั้งเหล็กไหลงอกที่เกาะล้านพัทยาและเหล็กไหลงอกที่เมืองลอง จังหวัดแพร่ที่เรียกตามภาษาชาวบ้านว่า"ตับเหล็กเมืองลอง"

    เหล็กไหลงอกนั้นเป็นโคตรเหล็กไหลที่มีลักษณะการงอก ไปมาเหมือนเม็ดไข่ปลาสีดำมนปนเขียว รูปร่างแปลกตา ดูสวยงาม บางชิ้นทอสีเป็นสีรุ้งอย่างน่าอัศจรรย์เหล็กไหลงอกมักพบตามเพดานถ้ำ บางครั้งฝังอยู่ในดินก็มี แม้ว่าเหล็กไหลงอกจะเป็นเหล็กไหลน้ำรอง แต่ก็มีอิทธิอานุภาพที่สูงส่งเช่นกัน เพราะเป็นของที่มีเทพยดารักษา โดยมากมักเป็นญาณของพระฤาษีที่ทรงตบะแก่กล้าและมีดวง วิญญาณเจ้าป่าเจ้าเขามากมายรักษาอยู่ ทั้งเทพ คนธรรพ์และพญานาคก็มี เพราะเหล็กไหลชนิดนี้ถือเป็นกายสิทธิ์สำคัญอย่างหนึ่งที่จะสามารถ ช่วยบรรเทาภัยพิบัติจากแม่ธาตุที่จะเกิดขึ้นบนโลกนี้ได้

    ความน่าอัศจรรย์ของเหล็กไหลงอกคือสามารถงอกหรือขยาย ขนาดตัวเองให้โตขึ้นได้ หาก เป็นองค์เหล็กที่อยู่ตามธรรมชาติแล้วมี การงอกที่เหมือนกับหินงอกหินย้อยทั่วไปก็ดูไม่น่าอัศจรรย์แต่อย่างใด แต่ถ้านำเหล็กไหลงอกหรือโคตรเหล็กไหลงอกนี้มาเลี่ยมใส่ไว้ใน กรอบพลาสติกอย่างมิดชิดแล้วปรากฏว่ายังสามารถขยายขนาด หรืองอกเพิ่มจนดันกรอบให้แตกออกมาได้ย่อมนับเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์ อย่างเหลือเชื่อ แต่ก็เป็นเรื่อง1จริง เพราะมีหลายท่านที่เลี่ยมองค์ เหล็กไหลงอก คล้องคอไว้ แล้วต้อง เอาไปเลี่ยมกรอบใหม่ เนื่องจาก องค์เหล็กขยายขนาดและงอกเพิ่มขึ้นจนดันกรอบเก่าแตก แต่ทั้งนี้ การที่องค์เหล็กไหลงอกจะงอกขยายขนาดได้มากเท่าไรนั้นก็ต้อง ขึ้นอยู่กับการปฏิบ้ติตัวของคนผู้นั้นด้วย หากผู้ที่รับเอาองค์เหล็กไป แล้วหมั่นบูชาสวดมนต์ปฏิบัติกรรมฐาน แผ่เมตตาจิตอุทิศส่วนกุศล ให้แก่โคตรเหล็กไหลงอก องค์เหล็กไหลงอกก็จะงอกขยายขนาด จนเห็นได้ชัด นานวันเข้าก็จะดันจนกรอบแตกเป็นที่น่าอัศจรรย์

    แร่เหล็กไหลส่วนมาก ก็ได้มาจาก ฤาษี ตาปะขาว โยมที่ท่านเป็นนักปฏิบัติสายพญานาค สายฤาษี หลวงปู่หลวงพ่อ ท่านรู้ว่าเราชอบทำพระท่านก็จะให้มา บ้างอย่างก็มาเอง

    ไม้ช่อฟ้าเก่าวัดหงส์รัตนาราม น่าจะเก่ากว่าของวัดระฆัง

    ไม้ช่อฟ้าเก่าโบสถ์วัดระฆังอายุ 100 กว่าปีนำไปแกะเป็นพระสมเด็จ ได้จำนวนไม่มากนัก หลวงพ่อเจ้าอาวาสวัดเจ้าอามได้รับมอบจากหลวงพ่อละมูลอดีตเจ้าอาวาสวัดระฆังเมื่อปี 2518

    ไม้มะยมตายพราย รวมไปถึงไม้ตายพรายตายอื่นๆ ครูบาอาจารย์ถือว่าเป็นของอาถรรพณ์ เพราะยืนตายทั้งๆที่ใบดอกผลเป็นของแปลกตามธรรมชาติ ไม่เน่าตาย ไม่ล้มตายอย่างที่ควรจะเป็น เทียบได้กับศพของคนที่ตายแล้วแห้งไปเฉยๆ

    ดังนั้นไม้มะยมตายพราย จึงเป็นของดีที่มีอาถรรพณ์ตามธรรมชาติ คนสมัยก่อนมักนำมาทำเป็นรักยม กุมารทอง และวัตถุอาถรรพณ์ต่างๆ


    มีความเชื่อว่าไม้พวกนี้มีวิญญาณอยู่ภายใน เรียกว่า พวกพรายนั่นเองครับ

    และเมื่อนำมาแกะด้วยอำนาจของพรายในเนื้อไม้ย่อมทำใหของที่ทำขึ้นมีความศักดิ์สิทธ์เป็นอัศจรรย์
    ที่เอามาทำมวลสารนั้นมี
    1.ไม้คุณยืนตายพราย
    2.ไม้มะยมยืนตายพราย
    3.ไม้กระท้อนยืนตายพราย

    เกษาหลวงพ่อหนุนตอนนั้นได้พาแม่อิ๊ด ไปกราบหลวงพ่อหนุนพร้อมถวายแร่โคตรเศษรฐี
    หลวงพ่อหนุนท่านบอกว่าเกษาของท่านนั้น ใครมีพกติดตัวไปไหนพวกผีกลัว พวกคนเล่นของปล่อยของจะไม่กล้าเข้ามาไกล้เลย มันจะเกิดอาการร้อนจนอยู่ไม่ได้
    เกษาของครูบาอาจารย์ที่มีตะบะอันแก่กล้านั้นมักจะเป็นอย่างนี้ เพราะผ่านการฝึกฝนจิตมาอย่างดี(แบบสุดๆๆๆๆ)อย่างที่คนธรรมดาจะทำได้ ทนได้ จึงมีพลังงานพิเศษที่เกิดจากการฟอกจิตมาอย่างดีเยี่ยม แบบมนุษย์กบ บกก็ได้ น้ำก็ได้ อากาศก็ได้

    ผลึกเกล็ดพญานาคมีลักษณะขึ้นเป็นผลึกมีสีเหลือบประกายรุ้งคล้ายเกล็ดของพญานาคตามความเชื่อ มีแร่หลายชนิดปะปนอยู่ ผลึกเกล็ดพญานาคนี้เชื่อว่ามีพลังงานของเหล่าพญานาคช่วยปกปักรักษาอยู่
    เป็นแร่หนึ่งเดียวที่มีสีวาวประกายรุ้งเจ็ดสี เชื่อว่าใครมีไว้ครอบครองจะบัลดาลโชค ความสำเร็จ สามารถใช้ในการปฏิบัติฝึกสมาธิจิต จะเข้าถึงซึ่งพลังงานได้ และเข้าถึงสมาธิได้ เป็นหินเกล็ดพญานาคเจ็ดสีที่หายากและควรแก่การครอบคอง

    กาฝากถือเป็นไม้พันธุ์ชนิดหนึ่งที่จะอาศัยต้นไม้ใหญ่ในการดำรงค์อยู่โดยการแทรกรากเข้าไปดูดกินน้ำเลี้ยงของต้นไม้นั้น โดยส่วนมากกาฝากมักจะเกิดขึ้นเฉพาะในต้นไม้ที่มีเปลือกลายหนา ส่วนต้นที่มีผิวลื่นมักจะไม่เกิดกาฝาก คนโบราณกล่าวขานกันมานานถึงความวิเศษมีคุณในตัวของกาฝากว่าถ้ากาฝากไปจับต้นไม้มงคลต้นใดต้นนั้นมักมีนางไม้อาศัยอยู่ กาฝากนั้น เชื่อว่ามีอิทธิคุณวิเศษเหลือหลายดีเด่นทางด้านเมตตาค้าขาย ร่ำรวยเงินทองมักเป็นที่เสาะหากันมาแต่โบราณแต่กาฝากจะเกิดได้ยากมากอาจมีเพียง 1 ใน 100 ที่จะเกิดกาฝากบนต้นไม้มงคล กาฝากนี้เป็นกาฝากต้นคูณซื่งจะหาได้ยากยิ่งมาก เพราะมักจะไม่เกิดกาฝากบนต้นคูณ โบราณเชื่อว่ากาฝากคูณมีอิทธิคุณทางด้านค้าขายร่ำรวย เป็นมหานิยม ใครบูชาหน้าร้านค้าขายมีแต่คนนิยมชมชอบติดอกติดใจ เป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่ง
    วิธีบูชา บูชาหน้าร้าน จะค้าขายร่ำรวยเงินทอง หนือนำไปแกะเป็นปลัดขิกค้าขายดีนักแล หรือนำไป ทำเป็นเครื่องรางทางด้านเมตตา ค้าขาย รวยกันทั่วหน้า

    คต ตามภาษาคนที่เล่นของ เค้าเรียกแทนสิ่งๆหนึ่งที่ผิดแปลกธรรมชาติ แปลกกันจิงๆ เกิดมาไม่เหมือนชาวบ้าน หาก็ยาก มีความอัศจรรย์ มีความขลัง เปนที่อยากได้ของผู้คนมากมาย คต สามารถเกิดได้กับพืช สัตว์ (รวมทั้งคนด้วย) เกิดมาด้วยความอาถรรพ์ ผู้เฒ่าผู้แก่บอกกันมาว่า เทวดาที่ต้องมาใช้ชีวิตอยู่บนโลกเพื่อฝึกตบะ เมื่อฝึกได้มาพอก้อได้ขอสิงสถิตมายังสิ่งๆหนึ่ง เมื่อสิ่งนั้นถูกรวมกับกายทิพย์ของท่านก้อจะกลายเปงหินไปทันที นี้จะหมายถึงคดที่เปงจำพวกกลายเปนหินคับ ส่วนเขี้ยว เขา เค้าก้อบอกกันมาว่า สัตว์ที่เปงเจ้าของมีตบะที่แรงกล้า อาจจะให้หมายถึงเปงเทวดาก้อได้นะ อวัยวะบางอย่างของมันจะเปงสิ่งที่คุ้มครองเจ้าของของมันให้รอดพ้นจากอันตราย จะเกิดขึ้นกับสัตว์บางตัว คดนั้นหายากจิงๆ หาเจอได้เพียง 1 ใน 1000 คต มีรูปแบบการเกิดที่ต่างกัน ความขลังก้อมีหลากหลาย วิธีหาคดก้อมากมาย อยู่ที่ความพยายามและบุญกรรมที่สะสมกันมาหลายภพหลายชาติ ได้มาครอบครัวก้อหาช่ายว่าจะเที่ยวไปอวดใครๆให้มากนักได้ ทดลอง ทดสอบความขลังก้อไม่ควร และยังต้องปฏิบัติให้ตนอยู่ในหลักธรรมด้วยครับ

    ดักแด้หิน ขนาดใหญ่ใหญ่กว่าดักแด้ในธรรมชาติทั่วไป ขุดได้จากถ้ำโดยพระอาจารย์เขียว เป็นของหายากน่าเล่น พิสูจได้จริง รับประกันมีตัวตนทุกตัวครับ เวลาที่มีเหตุเพศภัยหรือมีโชคจะร้องได้ เหมือนจิ้งหรีด เป็นหิน แต่มีชีวิตครับ และจะร้องเวลาวันพระ ในตอนดึกๆ ร้องครั้งล่ะ 2 สามครั้ง บางตัวก็ร้องเหมือนกบครับ พระอาจารย์ผมท่านการันตีมาเลยว่า ถ้าหมาตัวไหนดุ เอาดักแด้นี้พกติดตัว รับประกันเลยครับ ว่าหมาไม่กัด ถ้ากัดก็ไม่เข้าครับ (ควรใช้วิจารญาน) หรือถ้าโดนแมงป่องตะขาบกัดไห้เอาดักแด้ ฝนผสมน้ำมะนาวทา หายเป็นปริดทิ้ง และยังมีพรรคุณอื่นๆๆ อีกมากมาย
    วัตถุตัวนี้ขอแนะนำว่ามีพุทธคุณและหายากครับ ถ้าจะทำทางเมตตาค้าขายท่านไห้เอาน้ำมันหอมเจิมแต้ม บูชาค้าขาย ถ้าจะเล่นสาวหรือมหาเส่ให้บูชาโดยน้ำผึ้งครับ กินน้ำผึ้งเป็นอาหาร อย่าได้ขาดทุกวันพระ รุ่นตัวนี้เป็นตัวคัดพิเศษขนาดใหญ่ และคัดพิเศษ มีปรอททุกตัว เพราะเมื่อกลายเป็ฯดักแด้หินที่อยู๋ตามโผงถ้ำแล้วด้วยระยะเวลานาน ดักแด้ก็จะฝังตัวอยู่ตามผืนถ้ำทำไห้ปรอท เข้าไปอยู่ในตัวดักแด้ บางตัวจะร้องเหมือนจริงหรีดทุกวันพระ ต้องให้กินน้ำผึ้งถึงจะหยุดร้อง แต่ทุกตัวท่านว่าร้องทุกตัวเพียงแต่ยังไม่ถึงเวลาบางตัวอาจไม่ร้อง รุ่นที่นำมาไห้บูชานี้ ยังไม่ได้คัดว่าร้องหรือไม่ แต่ถ้าเป็นดักแด้ตัวที่ร้อง ซื้อขายกันที่ราคาตัวล่ะ 30000-100000 บาทเลยทีเดียว รุ่นนี้คัดแล้วว่ามีปรอททุกตัว แต่ยังไม่ได้คัดว่าร้องหรือไม่เพราะฉนั้นใครที่จองไว้ก่อนแล้วเอาไปก็แล้วแต่ว่าถ้าท่านมีบุญก็อาจดวงดีได้ตัวร้องไปบูชา แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการบูชา รับประกันมีตัวตนทุกตัว เป็นของปู่ฤาษีท่านรักษาไว้ มีจำนวนจำกัด

    ดักแด้ทุกตัวมีกลิ่นหอมโดยไม่ได้มีการแต้มเติมอ่ะไร จะหอมโดยธรรมชาติ ท่านห้ามเอาน้ำประปาหรือน้ำหอมวิทยาศาสตร์มาแต้ม จะบูชาโดยการแช่น้ำหรือห้อยบูชาก็ได้ถ้าห้อบบูชาไม่ต้องให้น้ำผึ้งหรือน้ำเปล่า เพราะดักแด้จะอยู่กับธาตุคน

    เชือกประกำทำจากหนังควายบิดม้วนเป็นเส้นทำด้วยกรรมวิธีโบราณ ปลุกเสกประจุอาถรรย ทำขึ้นโดยครูหมอประกำโบราณที่เดินทางเข้ามาสุรินทร์สมัยรวมช้างที่จังหวัดสุรินทร์เมื่อ 200 ปีก่อน ใช้ในพิธีกรรมการคล้องช้าง หรือ ที่เรียกว่าจับช้างในสมัยโบราณ ผ่านการคล้องช้างมาแล้วหลายสิบเชือก เป็นของมงคลอาถรรย์ โบราณถือว่าเป็นของศักสิทธิ์ มีแรงอาถรรยแห่งครูประกำ ทำให้สามารถคล้องช้างพันธนาการช้างไว้ไห้อยู่ ไม่ให้หนีไปไหน ท่านว่าถือเป็นของอาถรรย์ มีอายุเกือบ 100 ปี ท่านถือว่าเป็นของอาถรรย์ ปัจจุบัน มีเหลือน้อยมาก ส่วนมากจะนำขึ้นศาลประกำเพื่อบูชาหมด มีเหลือจากครูหมอประกำที่ท่านเก็บไว้ อยู่บ้างจำนวนน้อยจึงได้มาน้อย ท่านถือเป็นของมงคลอาถรรย ยิ่งนักใครผู้ไดมีไว้ครอบครองจะเกิดโชคลาภมีเสน่หา ผู้คนรักหลง เอาติดตัวไปทำมาค้าขึ้นเป็นของค้ำคูณสำหรับครอบครัว มีค่ามากถึงขนาดเจ้าของเดิมที่เลื่อยตัดให้ยังต้องเก็บเอาแม้แต่เศษผง ท่านว่ามีแล้วไม่อดอยากแคล้วคลาดปลอดภัย พกไปไม่ตายโหง มีอำนาจบารมีพ้นคุกพ้นตางราง ถือเป็นเครื่องรางมงคลอาถรรย์ที่หายากยิ่งนักและสมัยนี้ไม่มีการคล้องช้างแล้วจึงนับว่าหายาก ยากที่จะได้มาครอบครอง ถือเป็นเครื่องรางอาถรรย์ที่ให้โชคลาภสุขสมหวังดังปราถหนา

    ฝากกาหลง หายากมากดีทาง เมตตาเป็นมหาเสน่ พกติดตัวค้าขาย มีคนรักชอบหลง มีพุทธคุณในตัว ดังซื้อของต้นไม้นั้น

    คตปลวกนี้เป็นของมงคลหายากเกิดขึ้นในรังปลวกอาถรรย์ รังปลวกจะสร้างด้วยดินแต่กลับผิดแปลกธรรมชาติภายในรังที่สร้างด้วยดินแข็งกลายเป็นหิน โดยปกติคตปลวกจะอยู่ใจกลางรังมีลักษณะเล็กแข็งคลายหิน แต่คตปลวกที่ได้มีนี้ ผมได้มาจากหมอธรรมท่านหนึ่ง ตำบลดงเย็น จังหวัดมุกดาหาร ซึ่งมีการแข็งเป็นหินทั้งรัง คตปลวกนี้ที่มาเดิมทีย้อนไปเมื่อ 7 ปีก่อน เจ้าของที่ดินได้ทำการบุกเบิกที่ดิน แล้วได้จ้างรถแทรกเตอร์มาดันที่ แต่ปรากฏว่าพอมาดันจอมปลวกนี้รถกับดับลงทุกครั้งแล้วได้มีเจ้าที่มาเข้าฝันคนที่ขับรถว่าห้ามทำลายจอมปวกนี้ คนขับรถจึงไม่กล้ามาดันที่อีกเลย หลังจากนั้นได้ว่าจ้างรถคันใหม่มาดัน ปรากฏว่ารถดับอีกเมื่อดันจอมปลวกนั้นหลังจากนั้นได้ทำการขอขมาลาโทษ คนขับรถนั้นจึงได้ดันจอมปลวกได้สำเร็จผลปรากฏว่าภายในรังปลวกนั้น มีลักษณะผิดแปลกคือ แข็งเป็นหินไปหมด ส่วนตรงปลายยอดสุดของจอมปลวกได้เจอทองคำก้อน อยู่ก้อนหนึ่ง เจ้าของที่ได้เชิญเก็บไว้บูชา และพบทองคำส่วนย่อยอีกจำนวนหนึ่ง จากนั้นไม่นานคนที่ขับรถได้เสียชีวิตลงโดยไม่ทราบสาเหตุ และได้มีชาวบ้านมานำตัวคตปลวกนี้ไปบูชากันแต่ผลปรากฏว่าได้เอามาคืนทุกราย หรือได้เอาไปไว้วัดกันทุกรายเพราะบางรายเจ้าของเค้าไม่ได้อนุญาตุแต่มาขโมยเอาไป หลังจากนั้นเจ้าของเชิญหมอธรรม คนที่กระผมได้คตปลวกนี้มา มาทำพิธีขอเชิญไปสร้างวัตถุมงคล และได้ทำการขอขมาแล้วจึงได้นำมา จากนั้นเจ้าของก็ได้ถมที่ดินบริเวรนั้นเพื่อไม่ให้ชาวบ้านมาขุดหรือหาคตปลวกนี้ คตปลวกนี้คาดว่าภายใต้บริเวรนั้นอาจเป็นสายแร่หรืออาจจะมีการนำสมบัติ สมัยคอมมิวนิสมาฝังไว้ ปลวกเลยได้สร้างรังบริเวรนั้นขึ้นมา และมีเจ้าปู่ผู้หนึ่งเป็นผู้รักษา
    ใครที่บูชาไปกรุณาจุดทูปบอกเจ้าที่เจ้าทางเสียก่อนที่จะนำเข้าบ้าน

    เครือสาวหลงกับเครือเขาหลง ไม่ใช่ชนิดเดียวกันน่ะครับ เครื่อเขาหลงเป็นเครือเถาขนาดใหญ่อยู่ในป่าลึก เถาวันใหญ่เมื่อนกหรือสัตว์บินผ่านก็จะพากันหลง งง งวยอยู่ในป่าหาทางออกไม่เจอและต้องตายในที่สุดจึงมีซากของสิ่งมีชีวิตที่หลง งง งวย แม้แต่วิญญานที่ตายไปแล้วก็ยังหาทางออกไม่เจอ ส่วนว่านสาวหลงนี้ เป็นเครือเถาขนาดเล็กที่ขึ้นอยู่ตามพื้นดินเป็นเส้นฝอยไม่มีใบ มักขึ้นอยู่ตามพิ้นที่อาถรรย์ หรือป่าช้า จะขึ้นเป็นบริเวร มีทั้งตัวเมียและตัวผู้ ตัวผู้จะเป็นเส้นสีดำตัวเมียเป็นเส้นสีแดง บริเวรที่ขึ้นจะเต็มไปด้วยแรงอาถรรย์ มีสัตว์น้อยใหญ่ตายเช่นเดียวกับเครือเขาหลง ซึ่งเป็นหลักทางหวงโซ่อาหารอย่างหนึ่งที่ทำไห้สัตว์ที่ผ่านมาเข้ามาหลงและตายจึงย่อยสลายกลายเป็นปุ๋ยให้แก่เครือสาวหลง เมื่อผ่านไปข้ามหรือเหยียบเข้าก็จะเกิดการงวย งง หลงไหล ดังนั้นนับว่าเป็นเครืออีกชนิดที่เข้าใจรวมไปว่าเป็นเครือเขาหลงแต่จริงจริงๆแล้วเป็นเครือเขาหลงอีกประเภท มีคุณวิเศษเหลือหลาย การได้มาไม่ได้มาโดยง่าย เพราะต้องทำพิธีพลีขอขมามา เพื่อไว้ใช้แก่การพกติดตัวเป็นเมตาแก่ผู้อื่น และคุณทางด้านเสน่อย่างเหลือคณา มีอยู่ครั้งนึงเมื่อ 15 ปีก่อนกระผมได้เคยทำการตามหารังนกเขาหลงและได้ข้อมูลมาพอสมควรจริงๆแล้วรังนกเขาหลงนั้น จะเป็นสิ่งของที่หายากไม่แพ้กัน รังจะเป็นรังเปิด รังถักด้วยเครือสาวหลงนี้ทั้งรัง โดยรังนกเขาหลงส่วนมากจะเจอยากจะเจอตามป่าอาถรรย์หรือ ที่ป่าช้าที่มีว่านสาวหลงเท่านั้น ส่วนรังนกเขาหลงที่น่าศึกษาและนำมาบูชาอีกอย่างคือ รังของนกกระปูด หรือ ท่านอีสานเรียก นกกด เป็นนกที่ชอบอาศัยอยู่ในป่าทึบลึกลับมักพบเจอตามป่าช้า รังจะอยู่บริเวรไม้ที่มีพุ่มหนาทึบ ต้องสังเกตการหลายวันจึงจะเห็นรัง และภายในของรังนั้น กระผมได้พิสูจด้วยตัวเองแล้วว่า ภายนอกรังนกกระปูดจะทำด้วยหญ้า แต่ด้านภายใน เต็มไปด้วยเครือสาวหลงนี้ ทั้งตัวผู้และตัวเมีย เป็นที่เห็นเป็นประจักแล้ว และไม่ได้มีเฉพาะรัง ทุกรังนกกระปูด ภายในท้องรังจะมีว่านเครือสาวหลงชนิดนี้อยู่ด้านในทั้งตัวผู้และตัวเมีย บ้างท่านก็ว่านสาเหตุที่นกกระปูดนำมาทำรังเพราะ นกกระปูดเป็นสัตว์ที่มีแรงอาถรรย์จึงได้อาศัยว่านสาวหลงมาทำที่หลับนอนเพื่อเวลาเข้าป่าหรือออกหาอาหารจะได้ไม่หลงป่าและทำไห้คู่ครองที่เข้ามาอยู่ในบริเวรรังหลง งวย งง ไม่ทิ้งคู่กันไป นับว่าเป็นรังเขาหลงประเภทที่ไม่เคยมีบันทึกตามตำราแต่กระผมได้พบและพิสูจโดยบังเอิญด้วยตัวเองมาแล้ว จึงเป็นเรื่องที่น่าพิศวง และน่าเสาะหานำมาบูชายิ่งนัก

    เครือสาวหลง เครือเขาหลง หรือ เครือเถาหลง ของอาถรรพ์..ทางธรรมชาติ ทนสิทธิ์ซึ่งผู้มีวิชาอาคมเท่านั้นถึงไปขอพลีตัดเอามาได้ ว่านสาวหลงนี้จัดอยู่ในประเภท ว่านเสน่ห์ เมตตามหานิยม บ้านเรือนอาศัยร้านค้าขายใด หากนำมาปลูกไว้จะเป็นศิริมงคลแก่บ้านเรือน ว่านนี้นิยมกันมาแต่โบราณ เป็นว่านที่มีสรรพคุณให้ผลถึงกับปิดบังไม่ยอมแพร่งพรายผู้เป็นเจ้าของนั้นหวงแหนยิ่งนัก ผู้มีว่านนี้อยู่ในครอบครองจะทำให้มีเสน่ห์มหานิยม รากต้นและใบของว่านนี้ ในกระบวนพิธีสร้างพระผงพระเครื่องด้านเสน่ห์มหานิยมแล้วจะขาดว่านนี้ไม่ได้ ในจำนวนผงต่าง ๆ ที่นำมาผสมอยู่ในพระเครื่องจะต้องมีผงของว่านสาวหลงนี้ด้วยเสมอไปนอกจากนั้น เพียงแต่ใครมีรากของว่านนี้พกพาติดตัว เดินทางไปยังทิศทางต่าง ๆ ผู้ที่ได้กลิ่น ว่านถึงกับให้งงงวย หลงใหล ยิ่งนำรากของว่านนั้นมาฝนกับน้ำมันจันทน์ น้ำมันเเก้ว หรือ ผสมกับขี้ผึ้งปากด้วยแล้วจะเป็นยอดของขบวนเสน่ห์มหานิยมอีกด้วย นักเลงเจ้าชู้พากันรู้จักมาแต่โบราณกาลและเป็นที่นิยมกันยิ่งนัก สำหรับคาถาที่ใช้เสกกำกับเวลานำออกใช้ โบราณท่านแนะนำไว้ก็หาได้ยุ่งยาก ท่านแนะนำก่อนใช้ให้เสกด้วย “นะโมพุทธายะ” หรือ “อิธะคะมะ” รับรองว่าจะสำเร็จผลตามที่ปรารถนา ยิ่งเสกด้วยมนตรามหาหลงที่ขึ้นต้นว่า “โอมมหาหลง สารพัดที่จะหลง หลงที่กิ่งหลงทั้งก้านหลงทั้งรากหลงทั้งใบ…..” แล้วละก็เรื่องเสน่ห์หาเด็ดขาดทีเดียว


    ผ่านไถ หรือ ผานไถ คือ สิ่งใช่ในการไถนา ทางคติความเชื่อเราเชื่อกันว่าพลิกชะตาชีวิตจากร้ายกลายเป็นดีเหมือน กับการไถนาใบผานไถจะกลับหน้าดินก่อนทำนา ทำให้พืชพันธุ์ธัญญาหารเจริญเติบโตดี

    วันนี้ได้รับมวลสารทางคุณชัยวิทย์ที่ได้ส่งมาให้ พรุ่งนี้จะมาแจ้งให้ทราบอีกทีว่ามีอะไรบ้าง
    1.ผงไม้ตายพรายหลายชนิด
    2.ผงว่านรวมหลายชนิดของปู่คำผัดจากประเทศลาว
    3.เม็ดปัฐวีธาตุอธิฐานจิตโดย หลวงปู่คำพันธ์ หลวงปู่ญาท่านสวน หลวงปู่สรวงเทวดาเล่นดิน
    4.ผงว่านหลายชนิดในประเทศไทย
    5.ผงช่อฟ้าวัดหงส์รันตนาราม
    6.ผงไม้โพธิ์ประเทศอินเดีย
    7.ว่านไฟ
    8.เกษาหลวงปู่ญาท่านสวน
    9.ชันโรงทุกชนิด
    10.ดินกากยายักษ์
    11.ไม้ซ่างแซงอายุร้อยกว่าปี
    12.น้ำมนต์รวมทุกชิดของหลวงปู่ญาท่านสวน
    1.ผงไม้ตายพรายหลายชนิด
    2.ผงว่านรวมหลายชนิดของปู่คำผัดจากประเทศลาว
    3.เม็ดปัฐวีธาตุอธิฐานจิตโดย หลวงปู่คำพันธ์ หลวงปู่ญาท่านสวน หลวงปู่สรวงเทวดาเล่นดิน
    4.ผงว่านหลายชนิดในประเทศไทย
    5.ผงช่อฟ้าวัดหงส์รันตนาราม
    6.ผงไม้โพธิ์ประเทศอินเดีย
    7.ว่านไฟ
    8.เกษาหลวงปู่ญาท่านสวน
    9.ชันโรงทุกชนิด
    10.ดินกากยายักษ์
    11.ไม้ซ่างแซงอายุร้อยกว่าปี
    12.น้ำมนต์รวมทุกชิดของหลวงปู่ญาท่านสวน
    ดินกากยายักษ์ : เป็นผงที่ทานได้ โดยมีประวัติที่ใช้ดินชนิดนี้สมัยจัดทำพระหลวงปู่ทวดรุ่น "หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด" ดินว่านนี้เป็นดินสีดำตามธรรมชาติ อยู่เป็นทางซึ่งจะเข้าใต้ภูเขา ชาวบ้านแถวนั้นเรียกกันว่า กากยายักษ์ หมายถึงกากยายักษ์ในเรื่องรามเกียรติ์ ชาวบ้านเอาดินดำนี้มาตากแห้ง หรือย่างไฟกินแก้โรคผอมเหลืองหรือ
    โรคโลหิตจาง เขาว่าดีนักจึงเป็นที่หวงแหนของชาวบ้าน
    ดินกากยายักษ์เป็นว่านชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นของทนสิทธิ์มีคุณอยู่ในตัวมีถิ่นกำเนิดอยู่แถวๆ
    จังหวัดยะลา ลักษณะเป็นผงสีดำปนน้ำตาล มีกากที่ผสมรวมกันอยู่เป็นก้อน ดูแวววาว
    คล้ายแร่ทรายเงินทรายทอง นิยมนำมาเป็นส่วนผสมในการสร้างวัตถุมงคล ในรูปแบบ
    ต่างๆ เช่นพระหลวงปู่ทวด เนื้อว่านรุ่นแรกปี2497 และพระรุ่นปีต่างๆ เป็นต้น

    ว่านดินกากยายักษ์นี้มีจิตวิญญาณของพวกยักษ์ อสูร ที่เป็นฝ่ายสัมมาทิฐิดูแลรักษาอยู่

    อานุภาพของว่านดินกากยายักษ์นั้นดีทางแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี โชคลาภ ป้องกัน
    คุณไสย์มนต์ดำ

    นอกจากนี้ว่านดินกากยายักษ์ยังเป็นอาหารของเหล็กไหล
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...