เพราะอะไรคะ ที่ทำให้เราต้องฝันถึงสถานที่เดิมๆซ้ำๆนานแรมปี ช่วยแนะนำหน่อยนะคะ

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย ในแสงสว่าง, 30 มีนาคม 2016.

  1. ในแสงสว่าง

    ในแสงสว่าง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2014
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +73
    สวัสดีค่ะ วันนี้ดิฉันมีเรื่องมาเล่าสู่กันฟัง พร้อมขอคำแนะนำค่ะ

    ขอเกริ่นว่าดิฉันเคยฝันแปลกๆบ่อยมาก ก็เคยตั้งกระทู้ถามในส่วนนั้นไปแล้ว แต่ครั้งนี้มันออกจะเกินไปหน่อยตรงที่ว่า เริ่มเมื่อกลางปีที่แล้วดิฉันฝันเห็นสถานที่เดิมๆ จุดเดิมๆ บ่อยมากเฉลี่ยเดือนละประมาณ10กว่าวัน ติดต่อกันมานานปีกว่าๆแล้ว ไม่ว่าจะทำอะไรในฝันดิฉันจะไปอยู่จุดนั้นตลอด(เมื่อก่อนตั้งแต่เด็กก็เคยฝันไปเจอบ้างค่ะ แต่ไม่ได้ติดต่อกันนานแบบนี้ แม้จะเคยฝันว่าไปเที่ยวอาณาจักรนั่นนี่มา แต่มันก็ต่างสถานที่กัน ไม่ได้ย่ำอยู่จุดเดิมๆเช่นนี้ค่ะ)

    เข้าเรื่องเลยนะคะ พอดีว่าจุดที่ดิฉันฝันมันไม่ได้ห่างจากบ้านของดิฉันมากนัก ถ้าเดินลัดเลาะถนนรกๆริมคลองไปก็น่าจะประมาณสักกิโลกว่าๆเห็นจะได้ แต่ส่วนมากมักจะไม่ใช้ทางนั้นเพราะถ้าค่ำๆมันน่ากลัวมากค่ะเพราะคลองมันเป็นป่ารก ชาวบ้านก็ร่ำลือเรื่องคนจมน้ำตายบ่อยด้วย ก็จะใช้ถนนใหญ่แทนซึ่งระยะทางน่าจะประมาณสองสามกิโลเพราะต้องอ้อมค่ะ แต่ที่ผ่านมาถ้าไม่ได้ไปวัดหรือบ้านเพื่อน ดิฉันก็ไม่ได้ผ่านทางนั้นเลยเพราะมันเป็นเส้นทางไปอีกอำเถอหนึ่งซึ่งมีคลองเส้นยาวกั้นอยู่ค่ะ


    ตอนแรกๆดิฉันก็ไม่ได้คิดเอะใจอะไรกับการฝันแบบนี้เพราะคิดเพียงแค่ว่าเราเห็นบ่อยเลยอาจจะเก็บเอามาฝัน แต่มันไม่ใช่เลยค่ะ ดิฉันฝันเห็นตรงนั้นทุกสถานการณ์ไม่ว่าจะไปนอนตรงพื้นที่ว่างดังในรูปที่ดิฉันวงกลมเอาไว้ บ้างก็มีข้าวของเครื่องใช้จากบ้านของตัวเองมาวางไว้บนดิน ทั้งเตียง ทั้งตู้ วางไว้โล่งๆแบบนั้นเลยค่ะ รู้สึกว่าจะหลายครั้งมากๆที่ฝันว่าตัวเองไปนอนบนเตียงท่ามกลางป่ารกๆ ซึ่งปัจจุบันเขาว่าด้านข้างเคยเป็นป่าช้าเก่าซะด้วย เคยคิดหลายครั้งว่า ทำไมไม่ไปนอนที่บ้าน เพราะพื้นที่ตรงนั้นไม่ใช่ที่ของเรา เป็นที่มีเจ้าของค่ะ แค่เขาปล่อยรกเอาไว้เมื่อก่อน แต่ตอนนี้มีคนมาสร้างร้านค้าแล้ว

    หรือการไปทำกิจกรรมบางอย่างกับเพื่อนๆ(ที่ไม่รู้จัก)อย่างเช่นแต่งตัวสวยไปรำบริเวณพื้นที่โล่งๆตรงเมรุเผาศพ ไปพบเจอคนรู้จักเล่นสนุกกัน พูดคุยกัน หรือเจอปองร้ายก็มีค่ะ แม้แต่ไปปูที่นอนอยู่บนสะพานเพื่อรอ(ในฝันว่าเป็นคนรักกัน)ซึ่งเขาว่าเป็นเจ้าชายเผ่าบาดาลที่อยู่ใต้คลองนั่นแหละค่ะ แถมตอนนั้นโดนท่านพ่อของเขาสั่งทหารมายิงจมน้ำหวิดตายอีก แต่ก็ยังดีที่ได้มีโอกาศจมน้ำลงไปเห็นต้นไม้ศักดิ์สิทธ์ที่อยู่ใจกลางเมืองบาดาลของเขาอีก หรือกระทั่งไปนั่งดูพญานาคตัวใหญ่สีดำที่มีความสัมพันธ์กัน ว่ายน้ำอยู่ในคลอง(ในฝันดิฉันเห็นตัวเองเป็นพราหมณ์เพศชาย มีบ้านอยู่ตรงต้นโพธิ์ค่ะ) และอีกหลายเหตุการณ์มากมายในฝัน ที่ยังวนเวียนอยู่ในบริเวณวัดในบรรยากาศหลอนๆ บริเวณสะพาน ลำคลอง ป่าช้าเก่า และพื้นที่นอน ที่ดิฉันคิดว่ามันเป็นบ้านของดิฉันไปซะแล้วเพราะการฝันว่าไปนอนอยู่ตรงนั้นซ้ำๆที่เดิมๆนี่แหละค่ะ

    แต่มันก็ยังเปลี่ยนช่วงเวลาไปมาบ้างค่ะ เป็นยุคปัจจุบันบ้าง อดีตบ้าง สภาพแวดล้อมแบบแฟนตาซีบ้าง หรือบางครั้งดิฉันเองก็มีอิทธิฤทธิ์ จำได้ว่าเคยพิพากษาโดยการใช้ลำแสงอะไรสักอย่าง สวดส่งผีร้ายหลายร้อยตนราบคาบตรงบริเวณป่าช้าเก่าด้วยค่ะ มันดูเวอร์วังอลังการมาก เพราะแสงที่เราเรียกมันฟาดลงมาเหมือนฟ้าผ่า แต่อารมณ์ตอนนั้นก็ไม่ได้เล่นๆมันรู้สึกว่าเรายิ่งใหญ่ และกำลังจะทำบางสิ่งที่ถูกต้องเพื่อผู้คนที่อาศัยอยู่บริเวณนั้นค่ะ

    แม้ว่าที่เล่าไปมันจะสนุกเหมือนเราได้ผจญภัยเวลาที่ฝันว่าตัวเองมีบทบาทต่างๆนาๆ แต่มันก็ไม่ใช่ว่าเราจะฝันดีไปซะทุกครั้งค่ะ หลายครั้งที่เกือบตาย หลายครั้งที่มีเรื่องหลอนๆขนหัวลุก หลายครั้งที่ดิฉันต้องหนีหัวซุกหัวซุนแทบเอาชีวิตไม่รอด ในสถานที่เดิมๆที่ดิฉันวงกลมไว้ในรูปนั่นแหละค่ะ

    ถ้าในเมื่อได้ฝันเห็นบ้านเกิดของตัวเอง แล้วฝันว่าอยู่บ้านดิฉันจะไม่แปลกใจเลยเพราะมันเป็นบ้านของเรา มันเป็นที่ของเรา แต่ทำไมในเมื่อฝันถึงบ้านเกิดแล้ว จะต้องเป็นจุดนั้นซึ่งไม่ใช่ที่บ้านของเรากันคะ อันที่จริงตั้งแต่ตอนเด็กๆมาแล้ว บริเวณนั้นมันเป็นอะไรที่น่ากลัวมากๆเลยนะคะ ไม่คิดแม้แต่จะย่างกายเข้าไปเลย แค่ขับรถผ่านยังกลัว แต่ทำไมต้องฝันเห็นแต่ตรงนั้นดิฉันก็ไม่เข้าใจ หากฝันดีก็เป็นผลพลอยได้ แต่หากวันไหนต้องหนีเอาชีวิตรอดทั้งคืน ตื่นขึ้นมาดิฉันก็ใจห่อเหี่ยว บางครั้งก็อยากร้องไห้ อยู่ๆก็ซึมเศร้าราวกับมันเป็นเรื่องจริงซะอย่างนั้น

    ที่เล่ามาทั้งหมด ใจจริงดิฉันอยากได้คำแนะนำมากๆเลยค่ะ ว่าที่เราฝันบ่อยมันมีอะไรดลใจหรือเปล่าคะ ไม่อยากฟันธงว่ามันคืออดีตของเรา แต่ก็อดคิดไม่ได้จริงๆว่าเราเคยไปนอนตายที่นั่นมากี่รอบแล้ว ถึงฝันไม่จบไม่สิ้นสักที คนใหม่ๆก็เพิ่มเข้ามาเรื่อยๆซะด้วย บอกใครก็ว่าเราเพ้อ แต่จะเรียกแบบนั้นก็ได้ หากฝันแค่ครั้งสองครั้ง แต่นี่มันติดต่อมาเป็นปีแล้วค่ะ นานจนจำได้ทุกซอกมุม ทั้งๆที่ก็กลับบ้านเกิดปีละแค่สองสามครั้งเองค่ะ

    รบกวนด้วยนะคะ หากใครเคยมีเหตุการณ์คล้ายๆกัน หรือมีคำแนะนำดีๆ เชิญแนะนำมาได้เลยค่ะ ตอนนี้กะว่าจะลองหาวิธีดีๆช่วยผ่อนปรนเรื่องที่ฝันร้ายๆลงบ้างน่ะค่ะ
    ขอบคุณค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กรกฎาคม 2016
  2. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    968
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,638
    คงเคยอยู่แถวนั้น / จิตตอนนี้ไปยึดติดจนนำมาสู่ฝัน ปล่อยวางเสียจ้า อะไรจะเกิดก็ปล่อยมันเกิดไป
    ปล.รอท่านผู้มีความเข้าใจมาแนะนำต่อนะคะ ..^_^
    ดิฉันก็มักฝันแต่ถึงบ้านยายที่อยู่ตอนเด็กๆ บ้านที่อยู่ปัจจุบันไม่เคยฝันถึงเลยค่ะ
     
  3. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    ลองอ่านดูก่อนเนาะเผื่อจะหายสงสัยว่าทำไม และจะบอกวิธีแก้ให้ตอนท้ายๆครับ...
    ดวงจิตก็เหมือนตัวเก็บข้อมูลชั้นเลิศเลยครับ.มันเก็บได้ทุกอย่างในอดีตที่ผ่าน
    และแม้แต่ปัจจุบัน และข้อมูลพวกนี้มันก็ขึ้นมาได้ถ้าสถานะการณ์มันเอื้อ ไม่ว่าจะ
    เป็นข้อมูลในอดีตต่างๆที่หลายๆคนเรียกระลึกชาติซึ่งอาจขึ้นมาเฉยๆก็ได้
    หรือฝันหรือนั่งสมาธิหรือแบบนิมิตหรือใช้วิชาพิเศษ ฯลฯ
    หรือข้อมูลในชาติปัจจุบัน จากการระลึก นึกขึ้นได้แบบต่างๆ เช่น ปิ้งแว๊บ อ่อๆ ฯลฯ
    ที่นี้ปัจจัยหนึ่งที่เอื้อต่อการให้จิตมันหวนระลึกได้ก็คือ..เรื่องของกระแสเชื่อมครับ..
    กระแสเชื่อมในที่นี้ก็คือ ความคิดเราที่เคยผ่านเหตุการณ์ สถานที่นั้นๆ อย่างใดอย่างหนึ่ง.
    ทีนี้จิตมันก็จะเก็บมาเป็นข้อมูลในตัวจิต แต่ว่ามันจะยังไม่ขึ้นมาครับ..เช่นเราเคยผ่าน
    ตรงนี้แล้วเราไปคิดอะไรก็ตามเกี่ยวกับสถานที่นั้นๆ ไอ้ตอนที่เราคิดนั้นหละครับ
    จิตมันจะทำหน้าที่เก็บข้อมูลเข้ามาไว้ในตัวจิตอย่างที่เราคาดไม่ถึงครับ..
    ทีนี้พวกข้อมูลพวกนี้ วันหนึ่งวันใด เมือจังหวะได้ มันก็จะย้อนผุดขึ้นมาได้
    ที่เห็นเด่นชัดที่สุดก็คือ มาทางความฝันครับ..ส่วนมาทางสมาธิหรือวิชาพิเศษอื่นๆ
    เป็นอีกกรณีครับ...และพอมันขึ้นมาแม้ว่าเราจะเหมือนๆไม่สนใจ แต่ว่าเราดันไป
    จำได้อีกว่า สภาพแวดล้อมต่างๆ สถานะการณ์ต่างๆมันเป็นอย่างไร
    มันก็เลยไปเพิ่มข้อมูลให้ตัวจิตอีกอย่างที่เราคาดไม่ถึงอีกนั้นหละครับ...
    เพราะฉนั้น ไอ้ที่คาดไม่ถึงจากการที่เราไปคิดเกี่ยวกับสถานการณ์ สถานที่ต่างๆ
    ไปจำรายละเอียดแบบนี้หละครับ ที่มันยังทำให้มันมีข้อมูลอยู่ในจิตของเรา
    ซึ่งก็พร้อมจะแสดงออกมาในรูปต่างๆได้อีกในอนาคตครับ..ที่เล่าให้ฟังมาทั้งหมด
    นี้จะไม่เกิดขึ้นอีกเลย ถ้าหากว่า เราฝัน เราเห็นแล้วเราไม่ใส่ใจ คือไม่เก็บมาคิด
    เก็บมาระลึกขึ้นมา หรือทำเสมือนว่ามันไม่เคยมีเหตุการณแบบนี้บนโลกใบนี้ครับ
    เรื่องพวกนี้เหมือนไม่มีอะไร แต่มันมีอะไรแอบแฝงอยู่แบบคาดไม่ถึงครับ
    คือทำให้เรายึดแบบไม่รู้ตัวได้ บางคนฝันเป็นปีๆ เป็นสิบปีก็มีครับ
    บางคนเอาไปคิดต่อเนื่อง เพื่อหาสาเหตุ หาโน้นนี่นั้น สุดท้ายกลายเป็น
    คนเพี้ยนๆ เอ๋อๆก็มีครับ..ยิ่งถ้าเป็นนักปฏิบัตินะครับ ยิ่งทำให้ความเข้าใจ
    ทางด้านนามธรรมน้อยลงด้วยครับ แถมสัมผัสรับรู้อะไรก็ไปได้ช้า
    ฝึกอะไรก็ช้าด้วยครับ...ที่เล่าให้ฟังก่อนหน้านี้ถือว่า เล่าแบบทั่วไปนะครับ

    แต่กรณีของคุณถ้าจะแก้ก็คือ ต้องแก้ด้วยการทำบุญอุทิศส่วนกุศลครับ..
    จะอะไรก็ช่าง ทำบุญกรวดน้ำไปครับ..เจอใคร เจออะไร ก็ทำบุญอุทิศ
    ส่วนกุศลไปครับ พวกๆที่เจอในฝันอะไรนั่นหละครับ..
    เพราะตัวจิตตอนนี้มันไปผูกกับเรื่องที่ฝันเอาไว้หมดแล้วอย่างที่เราคาดไม่ถึงครับ
    มันจะสร้างเป็นความทรงจำที่หนาแน่นให้กับเราอย่างที่เราคาดไม่ถึงอีกนั้นหละครับ
    และมันจะดึงหรือคอยรั้งเราเรื่องเกี่ยวกับการเข้าถึงครูบาร์อาจารย์ พระพุทธฯต่างๆ
    ในระดับๆสูงๆของเราเนื่องจากตัวที่มันสร้างให้ความจำหนาแน่นนี่หละครับ..
    เรื่องเกี่ยวกับที่เรามีความสามารถพิเศษในฝันมันก็ไม่แปลกครับ แต่ว่าเมื่อก่อน
    มันมีมาได้(ในฝันนะ)จากการที่ดวงจิตนี้ในอดีตมันเคยทำบุญทำทานมาครับ..
    เพราะฉนั้นปัจจุบันนี้ก็ปลดล๊อกมันซะพวกความคิดต่างๆหรือบุคคลต่างๆ สถานที่ต่างๆ
    ที่เราเห็นในฝันมันจะได้คลายตัวและออกจากตัวจิตเราไป
    จากกำลังบุญ จากการกรวดน้ำ ที่เราจะทำให้ต่อไปในอนาคตครับ...
    เรื่องต่างๆที่เราคิดว่ามันร้ายๆ ต่อไปก็จะไม่มีและจะไม่ฝันถึงอีกครับ
    ถ้าเราทำบ่อยๆหน่อยนะครับ..แต่ว่า..


    ถ้าทำไปแล้วซักพัก ทิ้งระยะเวลาแค่ซักเดือนแรก
    และเราไม่คิดอะไร เด่วอยู่ดีๆ ตัวเรามันจะอ่อๆ
    รู้ได้เองหละครับ(เพราะจิตดวงนี้มันมีเชื้อเรื่อง
    ทำนองนี้อยู่เรื่องสัมผัสภายในต่างๆ ความรู้สึก
    อะไรทำนองนี้ครับ) ถึงสาเหตุต่างๆที่เราฝันว่าเป็นเพราะอะไร
    และรู้ได้ด้วยตัวเอง โดยที่ไม่ต้องไปถามใครครับ...
    แต่ว่า ต้องไม่เก็บมาคิด มาพูด มาสนใจเลยนะครับ
    ถึงจะเป็นอย่างที่เล่าให้ฟังครับ..

    ปล.และสุดท้าย ทุกสิ่งทุกอย่างที่เห็นในฝัน ในนิมิต
    หรือแม้กระทั่งเห็นได้แบบลืมๆตาเห็นๆ เดินมาให้เห็น
    ตัวเป็นๆ ก็ไม่ต้องไปยึดอะไรทั้งสิ้นครับ..
     
  4. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    ทุกสถานที่มีเรื่องราว และในเรื่องราวเหล่านั้นเราได้สร้างกระแสแรงสั่นสะเทือนให้เกิดขึ้นต่างกรรมต่างวาระ ยิ่งถ้าเรามีบทบาทในสถานที่แห่งนั้นมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเกิดกระบวนการเหนี่ยวนำสั่งสมมากขึ้นเท่านั้น เปรียบเสมือนเราทำนาในที่ดินแปลงหนึ่งซึ่งเรามีกรรมสิทธิ์ถือครอง หว่านแค่เพียงเมล็ดเดียวก็ออกผลออกรวงมากมาย ทำนาตลอดทั้งชีวิตกี่ปี ในแต่ละปีได้ข้าวกี่เมล็ด? บางปีเราอาจปลูกพืชอย่างอื่นหมุนเวียนกันไป เช่น ถั่ว อ้อย ข้าวโพด ฯลฯ ในพืชแต่ละชนิดก็มีเมล็ดพันธุ์ของตนๆเป็นเชื้อมากมายอีก เห็นมั้ยล่ะว่าในพื้นที่แปลงหนึ่งตลอดชั่วอายุไขย เราได้ผูกพันกับข้าว กับถั่ว กับอ้อย กับข้าวโพด เกิดเป็นเรื่องราวต่างๆมากมายต่างกรรมต่างวาระกันไป แล้วในความเป็นจริงคนเราก็ไม่ได้มีกรรมสิทธิ์ถือครองเพียงแค่ที่ดินแปลงเดียวซะด้วย!(อาณาเขต)

    การสั่งสมในจิตก็ทำนองเดียวกัน เรื่องราวใดๆในสถานที่แห่งหนึ่งเราปรุ่งแต่งตอบโต้มาก คาดหวังมาก ปรารถนามาก มีบทบาทมาก เราก็ย่อมได้รับผลมากมีสัญญาจิตผูกพันมาก! ใช่เพียงแค่สถานที่เท่านั้นก็หาไม่ แม้แต่กับตัวบุคคลก็เช่นเดียวกัน ยิ่งรักมาก หลงมาก สิเน่หามาก แค้นมาก ก็มีกระแสพลังงานเหนี่ยวนำสั่งสมผูกพันในจิตมากเป็นร้อยเท่าพันทวี

    จึงไม่แปลกเลยที่เมล็ดพันธุ์แห่งอัตตา(ความมีตัวตน) มันจะตามข้ามภพข้ามชาติ เพราะการที่เราปรุงแต่งตอบโต้ต่อเวทนา(ความรู้สึก)ต่างๆอยู่ทุกขณะอย่างไม่มีหยุดยั้ง ดีชั่ว ชอบใจไม่ชอบใจ สุขทุกข์ เราสั่งสมไว้ครบหมด ก็ยิ่งตอกย้ำความมีตัวตนในสถานที่แห่งนั้นในบุคคลนั้นๆมากขึ้นไปเรื่อย

    เพราะสัญญาในจิตที่สั่งสมไว้มีปริมาณมาก มันจึงมาปรากฎเป็นเรื่องราวในความฝัน ในความรู้สึกนึกคิดอยู่เนืองๆ ซ้ำซาก เพื่ออะไร? ก็เพื่อเหนี่ยวนำรบเร้าให้จิตปัจจุบัน เข้าสู่กระบวนการปรุงแต่งตอบโต้อีก เพื่อจะได้เวียนว่ายตายเกิดสร้างกระแสแรงสั่นสะเทือน(ทำกรรม)อยู่ในวิถีทางในสถานที่แห่งนั้นอีก! ซึ่งผู้รู้กล่าวว่ามันหาสาระแก่นสารอะไรมิได้

    วิธีปฎิบัติเพื่อละสัญญาอารมณ์ให้จิตถึงความเป็นอุเบกขาต่อเวทนาต่างๆได้ จึงเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุด เริ่มจากกายานุปัสสนาสติปัฎฐาน โดยมีสติรั้งจิตปัจจุบันให้เป็นไปในกาย ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท่า ปลายเท่าจรดศีรษะ เวทนาใดเกิดขึ้นในส่วนใดของร่างกายล้วนเกิดดับทั้งสิ้น ให้พิจารณาถึงความไม่เที่ยงเป็นทุกข์ไม่ใช่ตัวตน ไร้ซึ้งความปรุงแต่งตอบโต้ใดๆ(ชอบใจไม่ชอบใจ สุขทุกข์) ไร้ซึ้งความกังวลและความยึดมั่นถือมั่นว่านี้ตัวเราอวัยวะของเรา ฯลฯ ในภาคส่วนนี้เป็นของละเอียด ท่านเจ้าของกระทู้ควรขวนขวายเพิ่มเติมจากคำสอนพระพุทธเจ้าและครูบาอาจารย์ที่ทรงคุณความรู้โดยตรงนะครับ ^_^
     
  5. kadomasaitou

    kadomasaitou Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2015
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +31
    เคยฝันเรื่องเดิมๆเหมือนกัน เหมือนกับว่าเรายังมีอะไรที่ติดค้างอยู่
     
  6. น้ำเกลี้ยง

    น้ำเกลี้ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    211
    ค่าพลัง:
    +505
    ผมยังฝันซ้ำๆบ่อยๆเลย ตอนนั้นไปสอบไม่ทัน หลอนอยู่มาเป็นสิบปี --'
     
  7. narata 12

    narata 12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2010
    โพสต์:
    990
    ค่าพลัง:
    +1,462
    เป็นความทรงจำ ที่ฝังอยู่ในจิตใต้สำนึก ครับ
     
  8. ในแสงสว่าง

    ในแสงสว่าง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2014
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +73
    ขอบคุณทุกๆท่านที่เข้ามาช่วยแนะนำมากๆนะคะ

    ตอนนี้ดิฉันได้เข้าใจแล้วหลังจากที่ได้อ่านคอมเมนท์ของทุกท่าน ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันเกิดได้อย่างไรและเพราะอะไร ตอนนี้ก็สบายใจลงเยอะแล้วค่ะ ถึงแม้หลังจากวันที่ตั้งกระทู้ก็จะยังฝันถึงที่เดิมต่ออีกก็ตาม แต่ดิฉันก็คงต้องปล่อยให้มันฝันไปตามเรื่องตามราว คงจะไม่ไปอยากใคร่รู้และเก็บมาคิดมากอีกแล้ว นอกซะจากจะสติแตกเพราะเจอเรื่องร้ายๆอีก(อันนี้คงต้องทำใจเพราะดิฉันเป็นคนกลัวขึ้นสมองมาแต่เด็กค่ะ)

    หลังจากนี้คงต้องหาเวลาทำบุญให้มากๆเพราะพูดตามตรงว่าดิฉันเป็นคนเข้าวัดน้อย อย่างแรกเลยคือไม่มีเพื่อนไปเพราะเป็นวัดต่างถิ่นเลยไม่กล้าไปซะอย่างนั้น อย่างที่สองคือดิฉันไม่มีเวลาเลยนอกซะจากเทศกาลหรือวันหยุดค่ะ แล้วถ้าพร้อมจริงๆดิฉันก็อยากจะไปปฏิบัติธรรมเผื่อจะเข้าใจอะไรมากขึ้น รู้อะไรที่ลึกซึ้งขึ้นและปลดอะไรต่างๆนาๆลงสักที(แต่ใจบางส่วนมันต่อต้าน เพียงแค่ส่วนเล็กๆค่ะ คล้ายกับว่าหากไม่อยากจะยุ่งกับทางนี้เพราะเรื่องที่ประสบมา ก็ไม่ต้องยุ่งมันซะเลย อยู่ในโลกที่ไม่เกี่ยวข้องไปซะดีกว่า) อีกอย่างดิฉันสวดมนต์หรือนั่งสมาธิไม่ได้ ใจมันร้อน เหงื่อออก เสียวสันหลังวูบวาบ มึนหัวบ้างอะไรบ้างจนไม่มีความสบายใจเลยค่ะ อาการอย่างกับไม่ใช่ตัวของตัวเอง กลัวค่ะ แต่ถึงอย่างนั้นมันอาจจะเป็นเพราะว่าดิฉันอยู่คนเดียวท่ามกลางสิ่งแปลกๆในห้อง มันเลยทำให้ดิฉันระแวงก็ได้ค่ะ

    สุดท้ายของคุณอีกครั้งนะคะ
     
  9. น้ำเกลี้ยง

    น้ำเกลี้ยง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    211
    ค่าพลัง:
    +505
    สู้ต่อไปครับ ไม่มีใครสวดไม่ได้หรอก เราทำความดีเนอะ ที่มันมีอาการเพราะมันปรับธาตุ อย่าหยุดสวดแล้วกัน ลองสวดบทจักรพรรดิ์ซิครับ น่าจะเป็นหนักกว่าเดิม :D
     
  10. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    ช่วยเสริมนำ้เกลี้ยงเรื่องการสวดมนต์ เรื่องที่มึนๆศรีษะบ้างเรื่องปกติครับ
    เพราะตอนสวดมนต์สมองมันยังวนๆกลับเรื่องที่ผ่านแล้วอยู่ครับ...
    ให้แก้ด้วยการสวดมนต์บทอะไรก็ได้ แต่ไม่ต้องยาว เพียงแต่ว่าท่องจำ
    ในใจให้ได้ครับ..บทคาถาที่ น้ำเกลี้ยงแนะนำถือว่าดีเลยครับ...
    ตอนที่เราสวดมนต์ให้ทำความรู้สึกรับรู้ว่ามีลมหายใจเข้าและลมหายใจ
    ขณะที่มันออก
    หยุดอยู่ที่ปลายจมูกก็พอ..แต่ให้เราดันลมหายใจของเราให้ลึกถึงท้อง
    พูดง่ายๆว่า หายใจเข้าท้องพอง หายใจออกให้ท้องยุบ แรกๆมันจะสลับๆ
    หลงๆกันอยู่เรื่องปกติ แต่ไม่ต้องไปตามลมหายใจนะครับ ให้รู้สึกว่า
    มันหยุดที่ปลายจมูกก็พอ และบดสวดมนต์เราก็ท่องไปเรื่อยๆไม่ต้องไป
    สนใจว่ามันจะสัมพันธ์กับลมหายใจเราหรือไม่...ถ้าสวดแบบในใจแนะนำ
    ว่าเวลาสวดมนต์ ลิ้นกับปากไม่ต้องขยับครับ จะทำให้จิตมีความเป็นทิพย์ได้เร็ว..
    และถ้าลืมตาสวดมนต์ด้วยและทำตานิ่งๆได้ ยิ่งจะดีใหญ่ ถ้าเมื่อยๆก็กระพริบตาได้
    ไม่ต้องเคร่งอะไร เวลาสวดมนต์เอาแค่ให้จิตสงบก็พอ
    จะได้กำลังสมาธิสะสมเอาไว้ดับเรื่องในอดีตในระหว่างวันด้วยครับ


    ถ้าจะให้ดี ก็ควรอุทิศส่วนกุศล
    ก่อนและหลังการสวดมนต์ด้วยครับ...ถ้าทำได้ อาการปวดศรีษะก็จะไม่เกิดครับ
    อาจจะรู้สึกหยุกหยิกๆบ้าง ตามแขนขา เรื่องปกติครับ..ก็เป็นการปรับธาตุร่างกาย
    เราด้วยนั่นหละครับ.ถ้าตาดีหน่อยสวดๆไป อาจจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของ
    อากาศบริเวณรอบๆตัวเราว่ามันมีการเปลี่ยนแปลง ถ้าเห็นเป็นควันแสดงว่า
    ผลของสมาธิกำลังช่วยรักษาร่างกายเราด้วยครับ เอาจนกระทั่งเห็นว่าอากาศ
    รอบๆตัวเรามันใสถือว่าใช้ได้ครับ...บทคาถาที่ว่านี้ เป็นบทคาถาที่สามารถ
    ดึงให้จิตไปถึงเรื่องของบารมี เรื่องบุญฤิทธิ์อะไรได้ เพราะฉนั้นเป็นเรื่องธรรมดา
    ที่จะส่งผลต่อผู้สวดบ้าง เนื่องจากการไปถึงบุญฤิทธิ์นั้น ต้องอาศัยการผลิกให้
    ตัวจิตก้าวเข้าสู่ภายนอก เพื่อให้ตัวจิตเข้าถึงกระแสบุญบารมีต่างๆครับ..

    นอกจากเรื่องเมตตาที่สร้างจากภายในออกไปภายนอกครับ
    และผลกระทบต่างๆที่เกิดกับร่างกายเรานั้น ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพียงแต่เรา
    เพียงแค่ปรับระบบการให้ใจพื้นฐานไว้ตามที่เล่าให้ฟังเท่านั้นเอง..
    ซึ่งเป็นเรื่องปกติสามารถทำได้กันทุกคนครับ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 เมษายน 2016
  11. ubon2555

    ubon2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    3,583
    ค่าพลัง:
    +3,520
    อันนี้เคยเป็นค่ะ. ฝันว่าต่อสู้กับเสือโคร่งตัวใหญ่ในสถานที่เดิมๆ3-4 รอบ และทุกครั้งเราจะใช้มือง้างปากเสือและใช้มีดสั้นแทงเข้าไปในปากของเสือจนตายทุกครั้ง..ซ้ำๆเหมือนดูละครเรื่องเดิมๆค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...