ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

รูปข้างบนเหมือนทอร์นาโดเล็กๆเลยนะครับ ช่่วงนี้ระวังภัยจากลมพายุกันหน่อยก็ดี

 

ยอดผู้เสียชีวิตจากพายุหิมะกระหน่ำจีนถึง 129 คนแล้ว
ปักกิ่ง 24 ก.พ. - หนังสือพิมพ์ปักกิ่ง นิวส์ ของทางการจีน รายงานว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากพายุหิมะกระหน่ำส่งผลกระทบต่อพื้นที่ส่วนใหญ่ทั่วประเทศจีนในฤดูหนาวนี้มีจำนวนถึง 129 คนแล้ว

สำนักงานกิจการพลเรือนจีน ระบุว่า มีผู้เสียชีวิต 129 คน สูญหาย 4 คน และอีก 1.7 ล้านคนต้องอพยพออกจากบ้านเรือน ก่อนหน้านี้ สื่อของทางการจีนรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิต 107 คนจากพายุหิมะและอุณหภูมิเย็นจัดทั่วมณฑลกว่า 12 แห่งในรอบ 2 เดือนที่ผ่านมา และนับว่ารุนแรงที่สุดในรอบ 50 ปี ทำให้บ้านเรือนพังเสียหาย 485,000 หลัง และก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจประมาณ 151,700 ล้านหยวน (693,000 ล้านบาท) .- สำนักข่าวไทย

อัพเดตเมื่อ 2008-02-24 13:42:10

อิหร่านเตือนจะตอบโต้อย่างเด็ดขาดกับประเทศที่คว่ำบาตรเพิ่มเติมกับอิหร่าน
อิหร่าน 24 ก.พ. - ผู้นำอิหร่านเตือนว่า อาจจะใช้การตอบโต้อย่างเฉียบขาดกับประเทศใดก็ตามที่ดำเนินมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมกับอิหร่านอีก

ท่าทีแข็งกร้าวของประธานาธิบดีมาห์มูด อาห์มาดิเน จัดมีขึ้นหลังทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศหรือ IAEA ได้เปิดเผยรายงานฉบับล่าสุดเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน นายอาห์มาดิเนจัด กล่าวว่า รายงานของ IAEA เป็นการแก้แค้นอิหร่าน ข้อมูลใหม่ ๆ ที่ถูกส่งให้แก่ IAEA ก็ล้วนแต่เป็นข้อมูลเท็จ ผู้นำอิหร่านยังได้เตือนว่าอิหร่านจะตอบโต้อย่างเฉียบขาดต่อประเทศใดก็ตามที่ดำเนินมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่านเพิ่มเติมและอิหร่านจะไม่สนใจมติของสหประชาชาติที่ขาดหลักพื้นฐานทางกฎหมาย
ทั้งนี้ รายงานของ IAEA ระบุว่า คำถามหลายคำถามในอดีตเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์อิหร่านได้รับการคลี่คลายแล้ว แต่อิหร่านยังไม่ยอมหยุดเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียม ขณะที่สมาชิกถาวร 5 ชาติของคณะมนตรีความมั่นคง และเยอรมนีได้เห็นพ้องกับร่างญัตติที่จะลงโทษคว่ำบาตรอิหร่านเป็นรอบที่ 3 แล้ว. -สำนักข่าวไทย

เวเนซุเอลาพิสูจน์กล่องดำและเก็บซากเครื่องบินตก
เมริดา 24 ก.พ. - หน่วยกู้ภัยเวเนซุเอลาเร่งทำงานท่ามกลางสภาพอากาศเย็นจัดบริเวณที่เครื่องบินประสบเหตุชนภูเขาทำให้ผู้ที่อยู่บนเครื่อง 46 คนทั้งหมดเสียชีวิตและเต็มไปด้วยซากไหม้เกรียม

ผู้เชี่ยวชาญ 16 คน ประกอบด้วย ทีมสอบสวนและเจ้าหน้าที่นิติเวชเดินทางมาด้วยเฮลิคอปเตอร์ เพื่อเข้าถึงจุดเกิดเหตุที่ทั้งสูงชันและหมอกหนาทึบ บนเทือกเขาที่ความสูง 4,100 เมตร โดยค้นพบกล่องดำ 2 กล่องซึ่งบันทึกเสียงในห้องนักบินและข้อมูลการบิน ซึ่งจะช่วยหาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ หลังจากที่เครื่องบินเอทีอาร์ 42-300 ของสายการบินซานตา บาร์บารา ผู้โดยสาร 43 คน และพนักงาน 3 คน ประสบอุบัติเหตุชนกับภูเขา ระหว่างเดินทางจากเมืองท่องเที่ยวเมริดามายังกรุงการากัสและหายไปจากจอเรดาร์เมื่อวันศุกร์

เจ้าหน้าที่ต้องใช้ถังออกซิเจนเพื่อช่วยหายใจในการค้นหาบริเวณพื้นที่ที่มีความสูงชันมาก ส่วนปฏิบัติการกู้ภัยและพิสูจน์ศพนั้นอาจต้องใช้เวลา เนื่องจากศพและเศษซากต่างกระเด็นออกเป็นชิ้นๆ จากแรงระเบิด แต่ยืนยันว่าจะดำเนินการอย่างดีที่สุด ด้านประธานาธิบดีฮิวโก ชาเวซ ของเวเนซุเอลา ประกาศไว้อาลัยและเรียกร้องให้ดำเนินการสอบสวนอย่างเต็มที่ . - สำนักข่าวไทย

 

สาเหตุของแผ่นดินไหว
โดยพระมหานงค์ สุมัคโล ป.ธ.9

ความจริงเรื่องแผ่นดินไหวนี้ ถ้าผู้ที่ได้ศึกษาประวัติพุทธศาสนาโดยเฉพาะในด้านประวัติของพระพุทธเจ้า จะรู้ได้ทันทีว่าเหตุการณ์แผ่นดินไหวนั้นเป็นเรื่องธรรมดา เป็นเรื่องกฎเกณฑ์ธรรมชาติ และเป็นเรื่องที่ธรรมชาติที่เหนือธรรมดา ในภูมิจาลสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ 23 อัฏฐกนิบาต อังคุตตรนิกาย พระพุทธเจ้าได้ตรัสถึงสาเหตุของแผ่นดินไหวไว้ 8 ประการ คือ

1. ลมกำเริบ แผ่นดินใหญ่นี้ตั้งอยู่บนน้ำ น้ำตั้งอยู่บนลม ลมตั้งอยู่บนอากาศ เมื่อลมพายุพัดแรงจัดย่อมทำให้เกิดน้ำไหว เมื่อน้ำไหวแล้วย่อมทำให้เกิดแผ่นดินไหวตามมา (คือใต้โลกของเรานี้เป็นหินเดือด ๆ พอเดือดมาก ๆ ไอร้อนมารวมตัวกันเกิดเป็นความดันสูง พอความดันได้ที่ก็ผลักพื้นโลกข้างบนให้โยกคลอนได้ เขาใช้คำว่า ลมกำเริบ)

นี้ี้เป็นเรื่องของธรรมชาติ โลกธาตุนี้ประกอบด้วยธาตุ 4 คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม มนุษย์ดำรงอาศัยอยู่บนโลกใบนี้ได้ เพราะโลกนี้มีครบทั้ง 4 ธาตุ จึงทำให้เรามีชีวิตอยู่ได้ ไม่ขาดแคลน ส่วนโลกธาตุอื่น ๆ เช่น ดาวอังคาร เป็นต้น นักวิทยาศาสตร์กำลังหาทางพิสูจน์อยู่ว่า มีน้ำหรือไม่ ถ้ามีน้ำก็แสดงว่ามีสิ่งมีชีวิตอยู่ หรือดวงจันทร์ เป็นต้น เป็นเรื่องที่ทางวิทยาศาสตร์จะต้องหาคำตอบต่อไป แต่ในทางพุทธศาสนาได้แสดงไว้ว่า มนุษย์อิงอาศัยอยู่กับธรรมชาติ ไม่ควรทำลายธรรมชาติ เมื่อธรรมชาติขาดความสมดุล ชีวิตของมนุษย์ก็อยู่ไม่ได้ เช่น คนเจ็บป่วยมักตัวร้อนเพราะธาตุไฟกำเริบ คนตายก็เพราะหมดลมหายใจ เมื่อเสียชีวิตลง ธาตุลมเพิ่มมากขึ้นทำให้ย่อมทำให้ร่างกายพองขึ้นอืด พอเมื่อผ่านกาลเวลาไประยะหนึ่ง ธาตุน้ำแห้งลง (น้ำเหลืองเหือดแห้งไป) ร่างกายก็จะเหลือแต่เพียงร่างกระดูก(คือธาตุดิน) แม้ในท้ายที่สุดถูกเผาทำลายไป ไม่เหลืออะไรให้ยึดถือเป็นแก่นสารว่าตัวเรา ตัวเขา

เมื่อเราเข้าใจเรื่องธรรมชาติอย่างนี้แล้ว เราก็จะอยู่กับธรรมชาติอย่างมีความสุข ไม่ทำลายธรรมชาติให้หมดไป แผ่นดินนี้ตั้งอยู่บนพื้นน้ำ เมื่อเราขุดสระหรือเจาะลงไปใต้ดิน เราก็จะพบน้ำ น้ำนั้นตั้งอยู่บนลม บางครั้งเจอน้ำแล้วลึกลงไปยังเจอก๊าซธรรมชาติต่าง ๆ ที่เป็นพลังงาน ลมนั้นตั้งอยู่บนอากาศ ลมนั้นเป็นสภาพที่เคลื่อนไหวไปมาอยู่ตลอดเวลา เมื่อใดที่ลมพัดแรงก็จะส่งผลให้น้ำหวั่นไหว เกิดคลื่นใต้น้ำ ก่อให้เกิดแผ่นดินไหวตามมาเป็นธรรมดาของโลก

2. ผู้มีฤทธิ์บันดาล ข้อนี้เป็นเพราะอำนาจของผู้มีฤทธิ์ เช่น พระอริยะสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ หรือผู้เจริญสมถะกรรมฐาน เช่น กำลังเจริญปฐวีกสิณ มีการเพ่งแผ่นดินเป็นอารมณ์ หรือเจริญอาโปกสิณ คือการเพ่งน้ำเป็นอารมณ์ เมื่อถึงที่สุดแห่งฌานก็เกิดฤทธิ์ สามารถบันดาลให้เกิดแผ่นดินไหวได้ ให้น้ำกระเพื่อมหวั่นไหว ด้วยอำนาจของฌานสมาบัติ เป็นเรื่องธรรมดาของผู้มีฤทธิ์

3. พระโพธิสัตว์ลงมาจุติ ข้อนี้เป็นเพราะเดชแห่งบุญ นับถอยหลังจากภัทรกัปนี้ไป 4 อสงไขย และอีก 1 แสนกัปพระโพธิ์สัตว์บังเกิดเป็นสุเมธดาบส ได้พบพระพุทธเจ้าพระนามว่าทีปังกร ได้ทำความปรารถนาพระสัพพัญญุตญาณ เมื่อได้รับพุทธพยากรณ์ จึงได้บำเพ็ญมหาบริจาคทาน 5 อย่าง และบำเพ็ญบารมี 30 จนชาติสุดท้ายเกิดเป็นพระเวสสันดร หลังจากสวรรคตได้ไปบังเกิดในสรรค์ชั้นดุสิต หลังจากนั้นบรรลุถึงกาลแก่กล้าแห่งพระโพธิญาณแล้ว เทวดาได้กราบทูลอาราธนาเพื่อมาปฏิสนธิในครรภ์ของพระนางสิริมหามายาผู้เป็นพระมารดา ขณะที่พระโพธิสัตว์กำลังลงมาจุตินั้น ได้เกิดเหตุอัศจรรย์เป็นเหตุให้รู้ว่าผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ คือผู้ที่จะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้านั้นได้มาเกิดในโลกมนุษย์แล้ว แผ่นดินใหญ่ย่อมหวั่นไหวสะเทือนสะท้าน ด้วยอำนาจพุทธบารมี เป็นเรื่องธรรมดาของพระพุทธเจ้า

4. พระโพธิสัตว์ประสูติ ข้อนี้เป็นเพราะเดชแห่งบุญญาธิการ เมื่อพระมารดาทรงครรภ์ครบทสมาสแล้ว ในวันประสูติ พระมารดาปรารถนาจะไปเยี่ยมกรุงเทวทหะ จึงออกเดินทางพร้อมด้วยบริวาร ถึงลุมพินีวันอันตั้งอยู่ในระหว่างพระนครทั้งสอง ขณะนั้น ได้บังเกิดลมกัมมชวาตประชวรพระครรภ์ นางกำนัลจึงได้ช่วยกันผูกม่านใต้ต้นสาละ พระนางได้ประสูติพระโอรส หลังจากประสูติ พระโพธิ์สัตว์ได้ตรัสเปล่งอาสภิวาจา (คำพูดที่กล้าหาญ องอาจ) ว่า

 

เรื่องภัยพิบัตที่มีความร้ายแรง ไม่เกิดในประเทศไทย อย่างแน่นอน ดังข่าวลือ โดยคนเมืองบัว

............................

 

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ GoonS
เรื่องภัยพิบัตที่มีความร้ายแรง ไม่เกิดในประเทศไทย อย่างแน่นอน ดังข่าวลือโดยคนเมืองบัว
http://palungjit.org/showthread.php?t=109289
เมื่อกี้ไปอ่านเจออ่ะครับ เค้าก็ว่าอย่างเราก็ว่าอย่าง..เฮ้องงเชื่อใครดี
เเต่สงครามผมว่าก็มีโอกาสเกิดนะเพราะสหรัฐก็อยากได้น้ำมันจากอิหร่านจะเเย่อยู่เเล้ว
</TD></TR></TBODY></TABLE>
คำทำนายของ อ.คนเมืองบัว ยังมีต่อครับสงสัยกระทู้ที่คุณ GoonS เอ่ยถึงยังเอามาลงไม่หมดครับ

../...ภัยพิบัติที่เกิดขึ้น ไม่หนักหนาเท่าคำทำนายหรอก ไม่ต้องตกใจถึงขนาดนั้นเพราะว่าภัยพิบัติขนาดนั้นจะเกิดเมื่อหลังพุทธกาลแล้วเมื่ออายุมนุษย์สูงสุดที่ ๑๐ ปีต้องตาย ถึงตอนนั้น พวกเราคงไม่ประมาทกันแล้ว ไปอยู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์กันหมดแล้ว ส่วนที่เหลือเวียนตายเวียนเกิดก็คือมนุษย์ที่ประมาทในช่วงกึ่งพุทธกาลนี้ ไม่ได้มาพบกับศาสนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันและได้ปฏิบัติต่อ ส่วนภัยที่น่าสะพรึงกลัวใหม่ๆ ได้แก่

๑. ภูเขาไฟระเบิดใต้น้ำ ในรอยแตกเดิม ที่มีความเหลื่อมล้ำของพื้นดินถึง ๔๐ เมตร ปากหลุมกว้าง ๑ กิโลเมตร ยาวเป็นพันเมตร ภูเขาไฟใหม่นี้อาจจะระเบิดต่อเนื่องเจ็ดวันเจ็ดคืนจึงดับ ทรัพยากรทางน้ำจะเสียหายมาก อิสลามกับคริสต์อาจจะตายเพิ่มขึ้นอีก เป็นล้านคน

๒. จะเกิดภัยสงครามมากขึ้นทั่วโลกแน่นอน ทุกอย่างจะเป็นไปตามที่หลวงพ่อราชพรหมยานได้บอกไว้แล้วขอบเขตเท่านั้น คริสต์และอิสลามจะตายอย่างละครึ่ง ที่เหลือกลัวความตาย รอดได้ด้วยพุทธานุภาพหรือบุคคลที่เคยประกอบบุญกุศลเนื่องด้วยพุทธศาสนาส่วนใหญ่ จะเป็นบริวารของพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ ที่หลงเหลืออยู่ จะได้แนวทาง แห่งมโนมยิทธิ สายวัดท่าซุงเป็นแนวทางหลักในการปฏิบัติ

ลูกหลานของหลวงพ่อที่ได้มโนฯ จะช่วยกันเผยแพร่งานพระศาสนาอย่างยิ่งยวดไม่มีวันหยุดไม่เหน็ดไม่เหนื่อย(อย่างที่เว็บพลังจิตกำลังทำอยู่นี้ไงครับ) พระพุทธศาสนา จึงจะรุ่งเรือง ถึงขีดสุด ส่วนสายปฏิบัติธรรมอื่นๆ นั้นก็ได้ช่วยกันบ้างพอสมควร แต่เนื่องด้วยว่าหลักคำสอนแต่ละสำนักนั้น ได้ให้ข้อธรรมที่วกวนขาดประเด็นสำคัญในการปฏิบัติ สิ่งใดอธิบายได้ให้เข้าใจง่าย ๆ ก็อธิบายให้วกวนยากเสียเป็นส่วนใหญ่ ไม่ทันการ ต่อการตัดสินใจ เฉพาะหน้า จึงเป็นเหตุให้ ท่านเหล่านั้นปรับสภาพไม่ค่อยทันแก่เหตุการณ์นั่นเอง

ส่วนลัทธิต่างๆ ที่เกิดขึ้นใหม่ๆ อ้างถึงพระศรีอาริยเมตไตรยเมื่อถึงที่สุดแล้วก็จะถึงทางตันที่ไม่สามารถแก้ไขให้พ้นทุกข์ไปได้ ทุกคนก็จะหันมาฝึกมโนมยิทธิสายวัดท่าซุงจนหมดสิ้น เพราะเห็น เข้าใจ ในเหตุ และผล ตลอดสายตั้งแต่ต้น กลาง ปลาย ส่วนการวางแนวทาง ในการปฏิบัตินั้นต้องอาศัยศิษย์วัดท่าซุงในประเทศไทยเป็นหลักในการเผยแพร่ ส่วนความเพ้อฝันของบางคนที่ว่าจะเป็นคนมีเชื้อสายชาวต่างประเทศที่เป็นคนยุโรปนั้นอย่าได้หวังว่าจะมีปัญญาได้ถึงขนาดนั้น เพราะขาดการฝึกปรือ

จากคุณ คนเมืองบัว เมื่อวันที่ 11/5/2548 0:51:37

http://www.konmeungbua.com/webboard/aspboard_Question.asp?GID=4540

หมายเหตุ

แค่คำว่าคริสต์กับอิสลามจะตายอย่างละครึ่ง นี่ยังจะบอกว่าไม่ร้ายแรงอีกหรือครับ สงครามใหญ่แบบนี้มีหรือที่จะไม่ส่งผลกระทบกับประเทศไทย (เพราะมีการใช้ระเบิดนิวเคลียร์คนถึงได้ตายกันมากมายขนาดนั้น) และภูเขาไฟใต้น้ำขนาดมหึมาอย่างนั้น เกิดระเบิดต่อเนื่องกันเจ็ดวันเจ็ดคืนจึงดับ ยังจะเรียกว่าไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงอีกหรือครับ เพราะอย่างน้อยการระเบิดของภูเขาไฟใต้น้ำ มันก็ย่อมจะก่อให้เกิดซุปเปอร์สึนามิขนาดยักษ์ พัดกระหน่ำเข้าไปในประเทศต่างๆ อย่างแน่นอน

 

อภิญญามีสภาพไม่เหมือนกัน
โดยพระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)​

เรื่องของอภิญญา คนส่วนใหญ่เมื่อฟังว่าอภิญญาแล้วก็มักจะคิดว่าท่านที่ได้อภิญญาจะต้องมีความรู้แจ่มใสเหมือนพระพุทธเจ้าเสียทุกอย่าง เป็นการเข้าใจผิดถนัด พระพุทธเจ้าทรงเป็น สัพพัญญู คือมีบารมีเป็นจอมอรหันต์ ย่อมทรงอภิญญาดีเลิศเป็นพิเศษ สำหรับพระสาวกที่ได้มีกำลังไม่เท่ากัน และไม่มีทางจะไปเปรียบเทียบกับพระพุทธเจ้าได้เลย จะเปรียบให้ฟังเอาเพียงทิพย์จักขุญาณอย่างเดียว อย่างอื่นให้เข้าใจว่าเหมือนกัน​

1. ทิพจักขุญาณของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีความสว่างคล้ายพระอาทิตย์ส่องแสงจัด ไม่มีเมฆบัง ไม่มีเผลอ ไม่มีพลาดในการเห็น​

2. ของพระปัจเจกพุทธเจ้า มีความสว่างเหมือนวันเพ็ญพระจันทร์เต็มดวง มองเห็นคนกลางคืนเมื่อเดือนหงายมีสภาพอย่างไร ต่างกับกลางวันอย่างไร พิสูจน์เอาเอง​

3. พระอัครสาวกทั้งสอง มีความสว่างเหมือนแสงตะเกียงดวงใหญ่​

4. ของพระอรหันตสาวก สว่างเหมือนแสงตะเกียงดวงน้อย​

5. ของท่านที่ได้ฌานโลกีย์ สว่างเหมือนอากาศเมื่อพระอาทิตย์ลับแล้ว กำลังมัวตามองดูอะไรก็ไม่เห็นถนัดนัก​

ข้อเปรียบเทียบนี้ยังไม่ละเอียดพอ แต่เกรงว่าลูกหลานจะเบื่อฟัง เอามาเปรียบเทียบเพียงย่อๆ ท่านที่ได้ฌานและอภิญญาไม่ใช่รู้อะไรหมด ยิ่งเป็นฌานโลกีย์ด้วยแล้วยิ่งมีจังหวะพลาดง่ายเหลือเกิน เพราะมีอุปาทานมาก ต้องระวังให้มาก ถ้าไม่ประมาทคิดว่าตัวดีไม่เป็นไร ถ้าประมาทเมื่อไรเจ๊งเมื่อนั้น สำหรับพระอริยะท่านรู้ว่าท่านไม่ดีเสมอ ไม่มีความประมาท เรื่องเจ๊งไม่มี ทีนี้เรามาพูดกันถึงเรื่องที่เล่ามาแล้ว ที่ฉันบอกเห็นอะไร ไปไหน คิดอะไร แล้วหลวงพ่อปานรู้เรื่องที่บอกมา ไม่ใช่ฉันอวดตัวฉัน ที่บอกก็เพื่อให้ทราบว่าหลวงพ่อปานท่านรู้อภิญญา ที่เราเรียกว่าทิพจักขุญาณ แต่ที่แท้แล้วญาณต่างๆ ของอภิญญามีชื่อหลายอย่าง ​

(ประวัติหลวงพ่อปาน โสนันโท)
หน้า 45-46​

ที่มา http://palungjit.org/showthread.php?t=81317​

 

​

เพื่อเป็นการแก้ความสับสนเรื่องภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในช่วงอายุของคนเราในยุคนี้ กับภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นหลังจากพระพุทธศาสนานี้ครบ 5,000 ปีไปแล้ว ว่าเป็นคนละช่วงเวลากัน ผมจึงขออนุญาตนำคำทำนายเรื่องภัยพิบัติทั้งสองช่วงเวลามาให้ได้ศึกษากันดังนี้ครับ

ภัยพิบัติที่จะเกิดในช่วงปี พ.ศ. 2,500 เป็นต้นไป

พุทธทำนาย: ถอดความจากศิลาจารึก เชตมหาวิหาร สวนมฤคทายวัน ประเทศอินเดีย

(จากหนังสือ " ศาสนาอยู่ที่ไหน " หน้า ๑๗๓ หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน)

"สาธุ อรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นพระสัพพัญญูรู้แจ้งโลกทั้งในอดีตและในอนาคต ทรงมีเมตตากรุณาแก่สัตว์โลกเป็นล้นพ้นเมื่อครั้งพระองค์ดำรงพระชนม์อยู่ ได้ตรัสแก่พระอานนท์ว่า

ดูก่อนอานนท์ เมื่อศาสนาของของตถาคตล่วงเลยไปถึง กึ่งพุทธกาล สัตว์โลกทั้งหลายที่เกิดในยุคนั้น จะพบแต่ความลำบาก ทุกชาติทุกศาสนา ตามธรรมชาติอันหมุนเวียนของโลก ที่หมุนไปใกล้ความแตกสลาย แผ่นดินแผ่นน้ำจะลุกเป็นไฟ มนุษย์และสัตว์จะได้รับภัยพิบัติสารพัดทั่วทุกทิศ คนในสมัยนั้นจะมีนิสัยโหด ดุจกำเนิดจากสัตว์ป่า อำมหิตจะรบราฆ่าฟันกันเองถึงเลือดนองแผ่นดินแผ่นน้ำ ส่วนเวไนยสัตว์ ผู้ขวนขวายในกุศลตามวจนะของตถาคตก็จะระงับร้อนไม่รุนแรง บ้านเมืองใดมีความเคารพยำเกรงในพระรัตนตรัยและคุณบิดามารดา เหตุร้ายภัยพิบัติจะเบาบาง แต่ก็จะหนีกฎธรรมชาติไม่พ้น

เริ่มแต่พุทธศาสนาล่วงเลย ๒,๕๐๐ ปี เป็นต้นไป ไฟจะรุกรามมาทางทิศตะวันออก ไหม้วัดวาอาราม สมชีพรามณ์จะอดอยากยากเข็ญ ลูกไฟจะตกจากฟ้าเป็นเพลิงผลาญ เหล็กกล้า จะทะยานจากน้ำ มหาสมุทธจะชอกซ้ำ สงครามจากทั่วทิศศึกจะติดเมืองข้าวจะขาดแคลนทั่วแคล้นจะอดอยาก ผีโขมดป่าจะเข้าเมือง พระเสื้อเมือง ทรงเมือง จะหนีเข้าไพร ผู้เป็นใหญ่มีอำนาจ จะเรียกแมลงผีเสื้อเหล็กนับแสนตัว มาปล่อยไข่เป็นไฟผลาญ ยักษ์หินที่ถูกสาบเป็นเวลานาน จะตื่นขึ้นมาอาละวาทโลก ดินฟ้าอากาศจะแปรปรวน ตลิ่งจะพัง แผ่นดินจะถล่มเป็นทะเล โลกมนุษย์จะดิ่งสู่ความหายนะนักปราชญ์จะถูกทำร้ายให้สิ้นสูญ

ในระยะนั้นศาสนาของตถาคตจะเสื่อมลงมาก เพราะพุทธบริษัทไม่ต้องอยู่ในศิลธรรม เชื่อคำคนโกง กล่าวคำเท็จ ไม่เคารพรักธรรมนิยม คนประจบสอพลอได้รับความเชื่อถือในสังคม ผู้ที่มีศิลธรรม ประพฤติดี ประพฤติชอบ กลับไม่มีใคร เคารพยำเกรง พระธรรมจะเริ่งเปล่งรัศมีฉายแสงส่องโลกอีกวาระหนึ่งก็ต่อเมื่อ มี ธรรมิกราชโพธิญาณ บังเกิดขึ้น อยู่ในความอุปถัมภ์ของ พระเถระผู้ทรงธรรมฤทธิ์ ทั้งสองพระองค์สถิตย์ ณ เบื้องต้นตะวันออกของมัชฌิมประเทศ จะเสด็จมาเสริมสร้างศาสนาของตถาคต ให้รุ่งเรืองสืบไปถึง ๕,๐๐๐ พระวัสสา

ดูก่อนอานนท์ เวลานั้นพลโลกเหลือน้อย คำทำนายของตถาคตนี้ ย่อมยังเวไนยสัตว์ให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ผู้ใดรู้แล้วไม่เชื่อ นับว่าเป็นกรรมของสัตว์ ที่ต้องสิ้นสุดไปตามกรรมชั่วของตน ผู้ใดปรารถนารอดพ้นจากภัยพิบัติ ให้รักษาศิล ๕ ประการ เจริญเมตตาภารนา ประกอบสัมมาอาชีพ มีใจสันโดดรู้จักพอ ไม่โป้ปดคตโกง ไม่หลงมัวเมาอำนาจและลาภยศ ตั้งใจปฏิบัติตน ตามคำสอนของตถาคต ให้มั่นคง จึงจะพ้นอันตรายในกึ่งพุทธกาล"

พุทธทำนายนี้ ข้าพเจ้าพบเมื่อปี 2535 และปรากฏอีกครั้งในหนังสือ "ศาสนาอยู่ที่ไหน " หน้า ๑๗๓ หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
โดย อหิงสะกะ / ๒๔ มิถุนายน ๒๕๔๖

ที่มา http://www.electoday.com/projects/nprotech/buddha/

ภัยพิบัติที่จะเกิดหลังช่วงปี พ.ศ. 5,000 ไปแล้ว

***ไฟบรรลัยกัลป์***

.....ไฟบรรลัยกัลป์ เกิดมาจากผู้ไม่มีศีล ท่านว่า ในขณะนั้นได้เกิดมิคสัญญี คือไม่มีการเคารพสิทธิซึ่งกันและกัน จะรบราฆ่าฟันกันมากพระอาทิตย์ท่านรำคาญเต็มที่ โผล่มาทีละ ๒ ดวง ๓ ดวง ๔ ดวง ตายหมด ทีนี้ถึง ๗ ดวง น้ำในมหาสมุทรก็แห้ง ต้นไม้แห้งกรอบจัด ผลที่สุดเป็นไฟลุก ไฟไม่ได้ไหม้มาจากไหน อาศัยน้ำแห้ง ต้นไม้แห้งกรอบเต็มที่ ความร้อนหนัก ก็เกิดไฟลุกขึ้นก็ล้างกันเสียทีหนึ่ง

ท่านเล่าอีกว่า ...หลังจากกึ่งพุทธกาลไปแล้ว ๔,๐๐๐ ปี จะมีไฟล้างโลกล้างแต่โลกมนุษย์เท่านั้น ไม่ลุกลามไปถึงเทวดา

โลกจะร้างไม่มีต้นหญ้ากอไม้ แม้แต่น้ำในมหาสมุทรก็ไม่มีไปครบ ๑,๐๐๐ ปี

หลังจากนั้นแล้วจะมีฝนใหญ่ตกลงในมนุษยโลกแม่น้ำและมหาสมุทรจะเต็มไปด้วยน้ำ พื้นโลกจะชุ่มชื่น ต้นหญ้าต้นไม้ จะเริ่มงอกงามขึ้นเป็นลำดับ จนโลกทั้งโลกกลายเป็นป่าไม้

หลังจากโลกที่เขียวชอุ่มไปด้วยต้นหญ้าใบไม้นั้นทิ้งระยะนาน ๑ หมื่นปี สัตว์โลกเริ่มเกิดสัตว์และคนที่มาเกิดยุคต้นนั้นไม่ได้อาศัยบิดามารดาเป็นแดนเกิด มาเกิดแบบโอปปาติกะ คือ มาเกิดด้วยอำนาจกรรม คือเป็นตัวตนขึ้น

จะยังไม่มีพระอาทิตย์พระจันทร์ส่องแสง มีแสงสว่างเกิดจากอำนาจบุญของแต่ละบุคคล คือมีแสงสว่างออกจากตัวเองเป็นสำคัญ

เรื่องอาหารนั้น ในระยะแรกยังไม่ต้องการอาหาร มีความอิ่มด้วยธรรมปีติ เพราะแต่ละคนที่มาเกิด ล้วนแล้วแต่มาจากเทวดาหรือพรหมทั้งนั้น ไม่มีสัตว์นรกหรือเปรตเจือปน โลกจึงเต็มไปด้วยความสุข หาความทุกข์ไม่ได้ นอกจากกฎธรรมดา คือความเสื่อมของสังขาร

เรื่องการทะเลาะยื้อแย่งไม่มี คนทุกคนเป็นคนสวยหมด มีผิวขาวเหลือง เนื้อละเอียดทั้งหญิงและชาย มีแต่คนรวย ไม่มีใคนจน มีแต่คนใจบุญ ไม่มีใครใจบาป

เมื่อโลกมีมนุษย์และสัตว์บริบูรณ์ มีดวงจันทร์ มีดวงอาทิตย์ ระยะเวลานับแต่มีสัตว์โลก เกิดในโลก เวลาล่วงมาได้ล้านปี

คนสมัยนั้นมีอายุครองตนเองได้ ๔ หมื่นปี เป็นอายุขัย ท่านว่าตอนนั้น พระศรีอาริย์จะมาตรัสเป็นพระพุทธเจ้า เขตที่ท่านลงมาตรัส สมัยปัจจุบันเรียกว่า เขตเมืองพม่า

พูดถึงไฟบรรลัยกัลป์แล้วน่ากลัวจริงๆ นะ แต่ถ้าคนชั่วมีมาก ก็ควรล้างกันเสียที"

(คัดลอกจากหนังสือหลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษเล่ม ๒ หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี)

ขอเจริญในธรรมนะคะ
<TABLE width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD align=right>

ยาย...กิ๊ก [58.147.80.153][ วันพุธ ที่ 11 มกราคม 2549 เวลา 20:27 น. ]​

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE class=tborder id=post cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>พุทธโกมุท<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_", true); </SCRIPT>
สมาชิก

เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 11:23 AM
วันที่สมัคร: May 2007
อายุ: 33 ปี
ข้อความ: 141 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 3,011 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 2,557 ครั้ง ใน 141 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 278


</TD><TD class=alt1 id=td_post_ style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- icon and title -->เสียงธรรมจากหลวงพ่อ เกี่ยวกับภัยพิบัติ
<HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->คืนที่ไปนอนค้างที่วัดธรรมยาน เนื่องจากมีคนใจบุญเปิดเทปเสียงหลวงพ่อตลอดทั้งคืน ผมก็ได้ฟังตลอด จนหลับ มีช่วงหนึ่งขณะกำลังเคลิ้มๆ หูยังได้ยินเสียงเป็นระยะๆ เสียงเทศน์หลวงพ่อพูดว่า "เรื่องของภัยพิบัติน่ะ อย่าตื่นตระหนก เราระวังไม่ได้ตลอดเวลาหรอก" จากนั้นก็กลับเป็นเทศน์ตามปกติ

เกี่ยวกับเรื่องนี้ผมเข้าใจว่าท่านไม่ได้ปฏิเสธว่าภัยจะไม่เกิด แต่คิดว่าเราแก้ไขอะไรไม่ได้ แล้วก็ระวังอะไรไม่ได้มาก เมื่อถึงเวลาท่านคงช่วยให้เรารอดเองหากเราจะมีประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาต่อไป แต่ถ้าเราไม่ได้มีหน้าที่ หรือมีความสำคัญที่จะช่วยพระพุทธศาสนา หากต้องตายไปกับภัยพิบัติ ก็ไม่เป็นไรขอเข้าสู่พระนิพพานเลยครับ
<!-- / message --><!-- sig -->
____________________________________________________________
พุทธโกมุท : ดอกบัวรองพระบาทของพระพุทธเจ้า เมื่อคราวประสูตร ตรัสรู้ และปรินิพพาน
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

มองเห็นภาพกันหรือยัง !!!

ใช้ชีวิตด้วย "สัจจะ"
ไม่ผิดสัญญาใจตนเอง

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

ทางสายกลาง ดีที่สุด

 

ท่านพุทธทาสกล่าวว่า "ถ้าศีลธรรมไม่กลับมา โลกาจะวินาศ"
ลองไปหาหนังสือที่ท่านเขียน เรื่อง "โลกพระศรีอาริย์อยู่แค่ปลายจมูก"มาอ่านซิครับ
...ด้วยความเคารพ

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>แผ่นดินไหว 7.2 ริกเตอร์ถล่มอิเหนา ทางการเตือนภัยสึนามิแล้ว</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>25 กุมภาพันธ์ 2551 16:30 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle>

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=left border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5></TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=280 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=280> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>บริเวณจุดเกิดแผ่นดินไหวบนเกาะสุมาตรา</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> เอเอฟพี​

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ข้าวเวียดนามทำข้าวไทยราคาพุ่ง US$500/ตัน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>25 กุมภาพันธ์ 2551 15:17 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>ทุ่งนาเขียวขจีในยามที่ฝนฟ้ามาต้องตามฤดูกาล แต่ปีนี้เวียดนามไม่มีข้าวเหลือส่งออกมากมาย อันเนื่องมาจากภัยหนาว ขณะที่ภัยแล้งรออยู่ข้างหน้า [SIZE=+0]</CENTER>[/SIZE]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>
ผู้จัดการรายวัน-- การประกาศทบทวนตัวเลขส่งออกข้าวของเวียดนามปีนี้ได้ทำให้เกิดความโกลาหนขึ้นในตลาดโลกหรืออย่างน้อยที่สุดก็ตลาดในภูมิภาคนี้ มีส่วนสำคัญทำให้ราคาตลาดโลกพุ่งสูงลิ่ว ท่ามกลางความกังวลของประเทศผู้นำเข้า ที่เกรงว่าจะไม่มีข้าวพอในสต๊อก </B>

ตามรายงานของสื่อทางการเวียดนาม ต้นสัปดาห์ที่แล้วราคาข้าวขาว 100% ของไทยพุ่งขึ้นเป็น 500 ดอลลาร์ต่อตัน เป็นครั้งแรกในทศวรรษ แต่ก็ยังมีไม่พอกับความต้องการ และคาดว่าราคาข้าวยังจะสูงขึ้นอีกในไตรมาสที่ 2

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วฟิลิปปินส์ได้เป็นประเทศแรกที่ขอคำมั่นจากเวียดนามว่าจะสามารถสนองได้พอกับความต้องการในประเทศนั้น

รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฟิลิปปินส์ นายอาร์เธอร์ แยป (Arthur Yap) สัปดาห์ที่แล้วประธานาธิบดีกลอเรีย มาคาปากัล อาร์โรโย่ (Gloria Macapagal Arroyo) ได้เป็นผู้ติดต่อเรื่องนี้ด้วยตัวเองไปยังนายกรัฐมนตรีเวียดนามเหวียนเติ๋นยวุ๋ง (Nguyen Tan Dung) เนื่องจากปีนี้ฟิลิปปินส์จะต้องนำเข้าข้าวในชั้นแรกไม่ต่ำกว่า 1.6 ล้านตัน

แต่เจ้าหน้าที่ผู้หนึ่งกล่าวเมื่อต้นเดือนนี้ปริมาณนำเข้าปีนี้อาจจะสูงถึง 2.4 ล้านตัน และที่ผ่านมารัฐบาลได้นำเข้าแล้ว 876,701 ตัน รวมมูลค่า 387 ล้านดอลลาร์ ส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าจากเวียดนาม

องค์การอาหารแห่งฟิลิปปินส์ซึ่งเป็นผู้นำเข้ากำลังจะจัดประกวดราคาซื้อข้าวอีก 500,000 ตันในวันที่ 11 มี.ค.นี้

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left><CENTER>รวมข้าวสีทองดูราวกับทองคำ ปีนี้ราคาข้าวในตลาดโลกพุ่งขึ้นสูงเป็นประวัติการ ราคาข้าว 100% ของไทยพุ่งเป็น 500 ดอลลาร์ต่อตัน [SIZE=+0]</CENTER>[/SIZE]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> ยังไม่ทราบปริมาณข้าวทั้งหมดที่ฟิลิปปินส์ต้องการจากเวียดนามในปีนี้ แต่สมาคมอาหารเวียดนาม (VietFood) เปิดเผยในปลายเดือน ม.ค.ว่า ผู้ส่งออกเวียดนามได้เซ็นจำหน่ายข้าวให้ฟิลิปปินส์ไปจำนวน 300,000 ตัน

สื่อของทางการเวียดนามได้รายงานตัวเลขกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม ระบุว่าในช่วงต้นปีได้เซ็นสัญญาจำหน่ายข้าวให้กับลูกค้าต่างประเทศไปแล้วรวม 1 ล้านตัน ก่อนที่รัฐบาลจะสั่งระงับการทำสัญญาซื้อขายใดๆ สำหรับการส่งมอบในเดือน ก.พ.-มี.ค.ศกนี้ ขณะที่กำลังมีการพิจารณาลดปริมาณส่งออกลงจาก 4.5 ล้านตัน

ภัยหนาวเย็นที่ไม่ปกติในต้นปีนี้ได้สร้างความเสียหายให้แก่นาข้าวกว่า 600,000 ไร่ หลายท้องที่ในภาคเหนือขาดแคลนข้าวบริโภค ทำให้ต้องส่งข้าวจากภาคใต้ขึ้นไปบรรเทา

ภัยหนาวเย็นซึ่งทางการเวียดนามกล่าวว่านับเป็นครั้งที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 40 ปี ได้ทำให้เกิดหิมะตกลงในเขตเขาภาคเหนือ และ เกิดน้ำค้างแข็งปกคลุมไปทั่วในเขตหุบเขา ภายใต้อุณหภูมิตั้งแต่ -5 จนถึง -15 องศาเซลเซียส ภูมิอากาศหนาวเย็นยังแผ่คลุมลงถึงเขตภาคกลางตอนบนของประเทศ ทำความเสียหายให้แก่พืชอาหารอีกหลายชนิดในพื้นที่เพาะปลูกอีกนับแสนไร่

ฟิลิปปินส์เป็นประเทศผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งก็เช่นเดียวกันกับอีกหลายประเทศที่กำลังเผชิญกับความเสี่ยงที่จะขาดแคลนข้าวอันเป็นอาหารหลักของประชากร ขณะที่ราคาในตลาดโลกพุ่งขึ้นสูงอย่างเป็นประวัติการณ์

ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ดิอินไควเรอร์ (Inquirer) ปัจจุบันฟิลิปปินส์มีข้าวสำรองพอบริโภคได้เพียง 8 วันเท่านั้น ลดลงจาก 30 วันตามมาตรฐาน เนื่องจากการเซ็นสัญญาซื้อข้าวกับผู้ส่งออกรายต่างๆ ล้วนล่าช้าในช่วงต้นปีขณะที่ราคาข้าวในตลาดโลกถีบตัวขึ้นสูง

ฟิลิปปินส์เคยเป็นตลาดใหญ่ของข้าวไทยมาก่อน แต่ในช่วงหลายปีใกล้ๆ นี้ เวียดนามได้ช่วงชิงตลาดใหญ่นี้ไปโดยจำหน่ายข้าวทุกประเภทในราคาต่ำกว่ากว่าข้าวไทย.
</TD></TR></TBODY></TABLE>
ที่มา http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9510000023140

 

ต่างประเทศซื้อข้าวกักตุนแต่ไทยขายเพลิน​

​

ข้าวไทยขายดีญี่ปุ่นซื้อเพิ่ม

<TABLE class=news2006_topic cellSpacing=0 cellPadding=0 width=595 border=0><TBODY><TR><TD class=news2006_graylight height=10>โดย มติชน<SCRIPT language=JavaScript src="/global_js/global_function.js"></SCRIPT> <!--START-->วัน จันทร์ ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2551 08:18 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=595 border=0><TBODY><TR><TD height=10></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=news2006_black cellSpacing=0 cellPadding=0 width=595 border=0><TBODY><TR><TD width=10 rowSpan=4>


</TD><TD width=575><!img001:m:r>นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ เปิดเผยว่า ขณะนี้ญี่ปุ่นได้ห้ามนำเข้าข้าวขาว 100% จากเวียดนาม เนื่องจากพบสารฆ่าแมลงเจือปนในข้าว โดยหันมาสั่งซื้อข้าวจากไทยแทน ประมาณ 120,000 ตัน หรือประมาณ 25 ลำ ลำละ 5,000 ตัน และมีกำหนดนำเข้าภายใน 2 เดือน และคาดว่าปีนี้ญี่ปุ่นจะนำเข้าข้าวจากไทยเพิ่มเป็น 300,000 ตัน เฉพาะข้าวขาว 100% จากเดิมมีการนำเข้าจากไทยไม่ถึง 200,000 ตัน

ความต้องการข้าวไทยมีมากขึ้น เพราะหลายประเทศมีปัญหาเรื่องผลผลิตไม่เพียงพอ นายชูเกียรติกล่าว และว่า ความต้องการซื้อข้าวที่สูงขึ้นทำให้ราคาเพิ่มขึ้นด้วย โดยข้าวหอมมะลิขึ้นเป็นตันละ 700 เหรียญสหรัฐ ข้าวขาว 100% ตันละ 400 เหรียญ เพิ่มขึ้นตันละ 5-10 เหรียญ คาดว่าส่งออกไทยปีนี้ปริมาณน่าจะใกล้เคียงกับปี 2550 หรือเกือบ 9 ล้านตัน ส่วนมูลค่าน่าจะเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 20-30%


ที่มา http://news.sanook.com/economic/economic_237826.php

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

บรรยากาศครึ้มเหมือนฝนจะตกแต่ไม่ตก...บรรยากาศแปลกๆหลายวันแล้ว....

 

เมื่อตอนห้าโมงเย็นฟังข่าวต้นชั่วโมง
มีการคาดการณ์ว่าจะเข้ากระบี่ ภูเก็ต และพังงา
ประมาณทุ่มยี่สิบเป็นต้นไป
ใครได้ยินข่าวนี้กันบ้าง

 

ขอโทษ ตื่นเต้นไปหน่อย
จะเกิดสึนามิ คาดว่าเข้าประเทศไทย
บริเวณเดิมที่เคยโดนสึนามิคราวที่แล้ว
ทั้งเขาหลัก พังงา พีพี กะตะ กะรน
ใครได้ยินข่าวบ้าง

 

ฟังข่าว
เขาบอกว่ายกเลิกประกาศเตือนภัยแล้ว

 

บรรยากาศครึ้มเหมือนฝนจะตกแต่ไม่ตก...บรรยากาศแปลกๆหลายวันแล้ว....
เห็นด้วยครับ
กลัวทักษิณกลับมาเเล้วจะมีการประท้วงอะสิครับ เห็นบางคนทำนายว่าเดือนมกราอาตจจะมีการเสียเลือดเนื้อเพราะเรื่องประท้วงได้ เเต่อาจจะเป็นใกล้ๆนี้ก็ได้