กระทู้รวบรวมรายการวัตถุดิบ-อาหารกึ่งสำเร็จรูป รักษาได้นานและราคาถูก

ก่อนอื่นต้องขออภัยล่วงหน้าหากมีท่านที่เคยรวมข้อมูลไว้แล้วนะครับ
เพราะผมเสิชดูและหาในwikiแล้วยังไม่มีครับเลยกะรวมเอาไว้ที่นี่เพื่อให้ท่านอื่นๆได้เริ่มทะยอยซื้อเก็บไว้กัน
แน่นอนคอนเซปเดิมถ้าเกิดภัยพิบัติมีประโยชน์และไม่เกิดภัยพิบัติก็ต้องมีประโยชน์
ถ้าไม่เกิดภัยท่านสามารถทำเป็นสังฆทานถวายพระสงฆ์ได้ครับโดยเฉพาะในสำนักสงฆ์ที่ห่างไกลของพวกนี้ช่วยได้มาก

ขอให้พี่ๆเพื่อนๆน้องๆมาช่วยกันระดมสมองนะขอรับ

เงื่อนไขของลิสต์นี้คือ
1.ต้องราคาไม่แพงนะครับ
2.หาซื้อได้ง่ายหรือมีขายในประเทศ
3.เก็บรักษาไว้ได้นานโดยไม่เน่าเสีย
4.นำมาประกอบอาหารได้ง่าย
5.ควรจะน้ำหนักเบาเคลื่อนย้ายง่าย

เอาเท่าที่นึกออกก่อนโดยรวบรวมจากไอเดียหลายๆท่านที่แนะนำไว้

1.เม็ดแมงลัก หลายๆท่านแนะนำมาโดยเฉพาะพี่มารีน24นะครับ
ข้อดี:ทำให้อิ่มและรอดตายไปได้อีกมื้อ ,พกพาง่าย น้ำหนักเบามากๆ ราคาถูกมากๆ รักษาได้นาน
ข้อเสีย:กินอย่างเดียวท่านอาจขาดสารอาหารตายได้-*- และรสชาติไม่มีรสครับ
ราคา:ถูกมากๆถุงละ10กว่าบาทกินได้เป็นเดือน
วิธทำอาหาร:ใช้ง่ายแค่หยอดน้ำทิ้งไว้แล้วกลืน จบ-*- ถ้าทำให้อร่อยๆ ใส่น้ำแดง,ใส่น้ำกะทิ,กินกับนม/เครื่องดื่ม

2.โปรตีนเกษตร อันนี้อาหารหลักของผมเลย แนะนำซื้อยี่ห้อของ ม.เกษตรนะครับ เพราะจะไม่มีสารเคมีปนเปื้อนมากนัก
ข้อดี:น้ำหนักเบา หาซื้อง่าย ราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับเนื้อสัตว์ เก็บรักษาได้นานตรายเท่าที่ไม่โดนความชื้น ทำให้ร่างกายได้โปรตีนและให้พลังงานสูงพอสมควร
ข้อเสีย:รสชาติไม่ค่อยอร่อย แต่ยังดีกว่าเม็ดแมงลัก lol
ราคา:ประมาณ40-70บาท แล้วแต่ขนาดและยี่ห้อครับ
วิธีทำอาหาร:โอยทำได้สารพัดอย่างเลย แต่เอาแบบง่ายๆก็ ใส่ลงไปในน้ำ บีบน้ำออก ฉีกเป็นฝอย ใส่น้ำมะนาว พริก ข้าวคั่ว ซีอิ้วหรือเกลือ ทำเป็นลาปหรือยำได้ครับ แบบยากๆแล้วแต่จินตนาการ+ความสามารถเฉพาะตัวอิอิอิ

3.เนื้อบุก (แบบที่ขายตามซูเปอร์มาเกตนะครับ)
ข้อดี:ราคาถูก เก็บได้นานแต่อาจจะน้อยกว่าของแห้งเล็กน้อยหากไม่แช่เย็น แต่อย่างต่ำน่าจะประมาณเป็นปีครับ
และอันนี้เด็ด คือเหมือนกินอาหารทิพ กินไปไม่กี่คำจุกครับท่านอิ่มนานด้วย เพราะคุณสมบัติของบุกอย่างรู้ๆคือทำให้ไม่รู้สึกหิว อีกอย่างคือมันมีน้ำเยอะแก้กระหายได้ดีมาก
ข้อเสีย:เหมือนเม็ดแมงลักสารอาหารน้อย ได้แค่กากอาหารไฟเบอร์กับแป้งนิดหน่อย และน้ำหนักพอสมควรเพราะมันมีน้ำด้วยแบบแห้งคุณ kananun บอกว่ามีขายตามร้านขายยาแผงโบราณ ก็เอามาใช้ละลายน้ำกินเอาครับ คิดว่าน่าจะคล้ายๆวุ้นผง
ราคา:20-30บาทต่อถุง ถุงนึงกินได้ประมาณครึ่งถึง1เดือนต่อหนึ่งท่าน
วิธีทำอาหาร:แบบง่ายๆหยิบกินเลยไม่ต้องปรุงไม่ต้องใส่น้ำเพราะมันอยู่ในน้ำ -*- แบบอร่อยหน่อยทำเป็นแกงส้มครับ เนื้อมันจะออกแนวๆกุ้งหรือแมงกระพรุน (ผมเดาเอานะเพราะไม่ได้กินนานแล้วจำไม่ได้) หรืออาหารประเภทแกงครับ รสชาติพอรับประทานได้ หรือจะให้อร่อยกว่านั้นแล้วแต่จินตนาการและความสามารถเฉพาะบุคคลอีกแล้วอิอิ

4.วุ้นผง หรือผงวุ้น แล้วแต่จะเรียก มีขายตามซูเปอร์มาเกต
ข้อดี:อร่อยดีเด็กๆชอบ เบามาก พกพาง่าย เก็บได้นานพอสมควรถ้ายังอยู่ในซอง ราคาไม่แพง และให้กำลังใจครับ โดยเฉพาะเด็กๆถ้าได้กินขนมบ้างจะรู้สึกดีขึ้น ในภาวะที่น่าตื่นตระหนกเช่นนั้น
ข้อเสีย:ไม่มีคุณค่าทางสารอาหาร กินแล้วไม่ค่อยอิ่ม ปรุงยากนิดนึง
ราคา:ซองละ20-50บาท
วิธีทำอาหาร:ต้มน้ำร้อนใส่ภาชนะ เทผงวุ้นลงไป ใส่น้ำตาลหรืออาจจะน้ำผึ้ง เม็ดแมงลัก แล้วแต่ชอบและสะดวก
รอให้เย็นและแข็งตัว เสร็จแล้ว แบบหรูราดวิปปิ้งครีมหรือทานกับไอศตรีมแน่นอนจะไปหาที่ไหนหากเกิดภัย-*-

5.บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หรือมาม่า อาหารยอดนิยมอันดับหนึ่งของคนไทย(ภูมิใจไหมนี่)
ข้อดี:มีทุกที่ๆอารายะธรรมมนุษย์เข้าถึง ถูก เพราะเป็นอาหารคนจน น้ำหนักเบาหวิว เก็บไว้ได้นาน ราคาไม่แพง อร่อยดีอุดมไปด้วยผงชูรส ทุกคนทำรับประทานเป็น หรือว่าใครทำไม่เป็น-.-
ข้อเสีย:ดูดน้ำจากร่างกาย คุณค่าทางอาหารน้อยมากมีแต่แป้งและแป้ง อุดมไปด้วยผงชูรส
ราคา:มีตั้งแต่ห่อละ3บาทยัน100บาท แล้วแต่กำลังทรัพย์ของท่านทั้งหลาย ห่อเมื่อใช้เสร็จเอาไปทำฉนวน หรือเสื่อรองพื้นได้ เอาไปทำวัสดุสะท้อนแสงได้ หรือจะเอาไปทำชุดใส่ก็ยังได้ถ้าท่านกล้า
วิธีทำอาหาร:แบบง่ายกินมันทั้งแบบนั้นแหละกรอบๆดี แบบหรูหราทำกันเป็นอยู่แล้วนะครับสูตรใครสูตรมันอิอิ

6.น้ำผึ้ง สุดยอดยาและสุดยอดน้ำตาลของโลก
ข้อดี: ถูก หาซื้อง่าย เก็บได้นานมากๆนานเป็นพันๆปี(จากหลักฐานในปีรามิดอียิป เอามาละลายกินได้ต่อ)
เป็นยาหากเป็นน้ำผึ้งธรรมชาติ เป็นตัวผสานในยาแผนโบราณ อร่อย หวานเจี้ยบ พกพาไม่ลำบาก เอาไว้ล่อเหล็กไหลได้ -*-
ข้อเสีย:ไม่เหมาะกับผู้เป็นโรคเบาหวาน ระวังมดกัดหากปิดไม่สนิทหรือทำหกอิอิ ระวังหมีด้วยนะครับ
ราคา:25บาทหลอดเล็ก แบบเป็นขวด มีหลายราคา20-1,000บาท แบบธรรมชาติไม่เสียตังเลยแต่ระวังผึ้งต่อย+บาปด้วยนะครับไปหากันเองในป่า
วิธีทำอาหาร:กินสดๆ ใช้ประกอบอาหาร ใช้ทำยา ใช้ทำเครื่องดื่ม

7.วุ้นว่านหางจระเข้ (งงล่ะสิ)
ถูกหากซื้อในแหล่งที่ขายถูก ให้ไปซื้อที่จังหวัดประจวบนะครับอยู่ตรงแถวสามร้อยยอดน่ะครับจะมีศูนย์ขายของ Tipcoอยู่ กระป๋องใหญ่ๆ(3กิโล)ราคากระป๋องละ40บาท ถูกไหมครับมีแต่เนื้อนะครับน้ำน้อยมากๆ ถ้าซื้อในกทมตามห้างน้ำหนัก3กิโลกรัมคง4-5ร้อยบาทได้ครับ*-* ที่ราคาถูกเพราะเขาทำเป็นลอทใหญ่ส่งญี่ปุ่นนะครับ แล้วเดี๋ยวนี้คนไทยไม่ค่อยทานกัน แต่เป็นของดีในต่างประเทศครับ
ข้อดี : อร่อย เป็นยารักษาโรคภูมิแพ้ ไซนัส หอบหืดได้ครับ และช่วยเพิ่มภูมิต้านทานในร่างกาย รักษาอาการแผลในกระเพาะอาหารได้ ให้พลังงานพอสมควรเพราะมันเชื่อมน้ำตาล เก็บได้นานเป็นปีหากกระป๋องไม่ผุพังไปซะก่อน ทานเสร็จเอากระป๋องมาเป็นภาชนะได้ครับ
ข้อเสีย : หนักมาก3กิโลต่อกระป๋อง*-* แพงหากซื้อไม่ถูกที่ถูกทาง มีคุณค่าทางอาหารน้อยแต่ก็อิ่มดีครับ ไม่เหมาะกับผู้เป็นเบาหวาน แต่เหมาะกับผู้เป็นหอบหืด ภูมิแพ้ ไซนัส
ราคา:40บาทต่อกระป๋อง(3กิโลกรัม) กระป๋องเดี่ยวกินได้ทั้งบ้านราว2อาทิตย์*-*
วิธีทำอาหาร:ไม่ต้องทำ จ้วงกินได้ทันที แบบหรูใส่น้ำแข็ง ทำเป็นลอยแก้วกับผลไม้ชนิดอื่น

8.ข้าวเหนียว/ข้าวสาร
นำไปหุงเป็นอาหารหลักของคนไทย หรือทำของหวานเช่นข้าวเหนียวแดงตามคำแนะนำพี่มารีน24 ให้พลังงานสูง
ข้อดี : อาการหลักของคนไทยและเอเซีย ให้พลังงานเยอะ ประกอบอาหารได้สารพัด เก็บรักษาไม่ยุ่งยากมากแต่ต้องระวังมอดและความชื้น
ข้อเสีย : ถ้าแบกไปเยอะก็หนักหน่อย
ราคา:แล้วแต่ขนาดน้ำหนักและชนิดของข้าวนะครับ ทุกท่านรู้กันอยู่แล้วเพราะทานกันทุกวัน
วิธีทำอาหาร:ไม่ต้องบอกมั้ง แต่วิธีหุงข้าวแบบไม่ใช้หม้อไฟฟ้าต้องบอกหน่อยเผื่อบางคนยังไม่เคยลอง วิธีนึ่งข้าวเหนียว ด้วยหม้อสนาม ขอบคุณข้อมูลคุณน้ำพริกหอมครับ

9.กระยาสาทรแนะนำโดย คุณ ณ เป็นขนมโบราณของไทย
ข้อดี : ถูก อร่อย อิ่ม พลังงานสูง เก็บรักษาไม่ยากแต่ระวังความชื้น เก็บรักษาได้นานพอสมควรประมาณเดือน-สองเดือน
ข้อเสีย : ไม่เหมาะกับผู้เป็นเบาหวานครับ และฟันไม่ดี ระวังติดฟันด้วยนะครับเดี๋ยวฟันผุ
ราคา:ทำเองไม่เสียตัง แบบซื้อมาคงต้องแล้วแต่ที่ล่ะครับถ้าตามห้างก็แพงกว่าปกติ 2-3เท่า
วิธีทำอาหาร:ทานได้เลยครับ วิธีทำกระยาสาทรคร่าวๆ

10.มันแกว แนะนำโดยคุณ mead อาหารหลักของเวียดกงสมัยสงครามเวียดนาม แล้วเวียดกงก็ชนะเมกันมาด้วยมันแกวเนี่ยแหละครับ -*-
ข้อดี: ถูก หาซื้อง่าย เก็บได้นานหลายเดือนหากไม่ปลอกเปลือก หรือจะเอาไปปลูกเป็นต้นก็ได้ (จะขึ้นไหมนะ) ที่สำคัญแก้กระหายน้ำได้เพราะเป็นหัวพืชชนิดอมน้ำ และใช้เป็นอาหารลดความอ้วนได้
ข้อเสีย:ถ้าแบกหลายๆลูกก็หนักหน่อย กับมันไม่ค่อยมีสารอาหารนะครับ
ราคา:หาเองไม่เสียตัง ซื้อเอาผมไม่ทราบแล้วว่าราคาเท่าไหร่ไม่ค่อยได้ทานแต่ไม่แพงอ่ะครับ
วิธีทำอาหาร:ปลอกเปลือกนอก หั่น จิ้มพริกเกลือ เอาเข้าปาก

11.ถั่วเขียว แนะนำโดยคุณ ณ ครับ หนึ่งในอาหารหลักของผมเช่นกัน
ข้อดี: ถูก หาซื้อง่าย เบาหวิว เก็บได้นานหลายเดือนจนถึงปีถ้าเก็บดีๆ หรือจะเอาไปปลูกเป็นต้นก็ได้ แล้วทานเป็นถั่วงอก เพราะมันขึ้นง่ายไม่ต้องอาศัยแสง มีแค่ดินกับน้ำพอ หรือบางทีไม่ต้องใส่ดินใส่น้ำในกระบะเพาะก็ได้
ข้อเสีย:มันมีด้วยเหรอ
ราคา:เอ่อไม่ทราบจริงๆครับ แต่ร้านขายเมล็ดพันธ์พืชน่าจะมีขาย
วิธีทำอาหาร:ใช้หุงรับประทานแทนข้าวได้ ทำเป็นของหวานถั่วเขียวต้มน้ำตาล สามารถทำเป็นผักได้ ทำถั่วงอก แบบมีแต่ราก หรือมีใบด้วยก็ได้
ถั่วเขียวกระเทาะเปลือก ที่เป็นเม็ดเหลืองๆ เล็กๆ คั่วสุกหรือทอดใส่เกลือ เอาไว้เป็นกับข้าว ยามขาดแคลนได้ เค็มๆ มันๆ

เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ทั้งหลายช่วยกันมาลิสต์รายการกันด้วยนะครับ เดี๋ยวผมจะเอามาแปะเพิ่มเรื่อยๆได้เอาไปลง wiki ได้เลย

 

ข้าวเหนียวแดง นำติดตัวไปสะดวก เหมาะนำพาติดตัวตอนเดินทาง เก็บได้เพราะมันเชื่อมด้วยน้ำตาล มีสารอาหารคาร์ไฮเดรต แป้ง น้ำตาลจะให้พลังงาน ทดแทนให้ร่างกายได้ในระดับหนึ่ง ผมพกพาบ่อยตอนไปรอนแรมในป่า น้ำพริกเผาเอาจิ้มผักหรือคลุมข้าวกิน เกลือป่น ข้าวแห้ง (วิธีการทำยังไม่ทราบ) เคยเห็น ตชด.เขาใช้กัน เป็นซองเอาน้ำร้อนใส่ เหมือนข้าวแชะ

 

เอาวิธีนึ่งข้าวเหนียวโดยไช้หม้อสนามมาฝากครับ เหมาะสำรับท่านที่มีข้าวเหนียว

วิธีนึ่งข้าวเหนียว ด้วยหม้อสนาม

 

บุกผงมีครับ มีขายในร้านขายยาแผนโบราณ นำไปจ้างเขาใส่แคปซูลได้ครับ น้ำหนักเบามากๆ

 

กระยาสาตร เก็บได้นาน มากคุณค่าทางโภชนาการ อร่อย

 

มันแกว...จิ้มน้ำตาล
คนเวียดนามใช้ช่วงที่หลบสงครามอยู่ใต้ดินนานๆครับ

 

มาม่าคับ...ครับ

 

ถั่วเขียว เก็บได้นาน ใช้หุงรับประทานแทนข้าวได้ ทำเป็นของหวานถั่วเขียวต้มน้ำตาล สามารถทำเป็นผักได้ ทำถั่วงอก แบบมีแต่ราก หรือมีใบด้วยก็ได้

ถั่วเขียวกระเทาะเปลือก ที่เป็นเม็ดเหลืองๆ เล็กๆ คั่วสุกหรือทอดใส่เกลือ เอาไว้เป็นกับข้าว ยามขาดแคลนได้ เค็มๆ มันๆ

 

พิจารณาตามท้องถิ่นนั้น ๆ จะได้ของถูกและดีด้วยนะจ๊ะ เช่น
ภาคเหนือก็ อย่างเชียงใหม่ ก็มีข้าวแตน, กาละแม, ขนมปาด (คล้า่ยกาละแม)
กำแพงเพชรมีกล้วยเยอะ ก็เป็นกล้วยตาก, กล้วยฉาบ คือใครอยู่จังหวัดใดที่มี
ของถูก ๆ เก็บได้นานก็มาบอกต่อ ๆ กัน จะได้รู้ไว้ เผื่อถือกะลาไปเคาะตาม
ประตูบ้านได้

 

ถ้าระยะยาว
คิดถึงพวกเชื้อเห็ด นะครับ
ผมเองไม่เคยเพาะเห็ด แต่คิดว่า ถ้าไปอยู่ในที่หลบภัยที่มีแสงน้อย
การปลูกเห็ดไว้ อาจจะกินได้นานกว่า เพราะเห็ดไม่ต้องการแสง แต่ต้องการความชื้น
กับคิดถึงสาหร่ายครับ ดูในช่อง11เห็นบริษัทหนึ่ง นำเชื้อสาหร่ายเพาะในตู้ปลา แล้ว ก็ตักมากินได้ เป็นเม็ดกลมกลม คล้ายวุ้น
เป็นสาหร่ายของตนไทย พวก บลู กรีนครับ
...
ระยะสั้น คงต้องคิดถึงพวกที่เป็นผง ผง เบา และเก็บได้นาน
สาหร่ยผง วุ้นผง บุกผง ลูกเดือยผง
และถ้าพองน้ำได้ด้วย น่าจะดี พวกแมงลัก หรือ ลูกสำรอง
ส่วนโปรตีนหรือวิตามิน น่าจะกินพวกแคปซูลหรือยาเม็ดไปเลย กันการขาดสารอาหารครับ
ที่คิดแบบนี้เพราะว่าประหยัดเนื่อที่ กินง่าย ไม่ต้องหุง
...
ถ้า เราสามารถจำศีล ในช่วงวิกฤต
แบบโยคี ในอินเดียได้ คงดีไม่น้อยนะครับ
จะได้ลดภาระในจุดนี้

 

ดูกระทู้ "ถ้าภัยพิบัติมาถึง"

 

เทมเป้ (Tempeh) ของดีจากจากแดนอิเหนาเรารู้จักถั่วหมักจากแบคทีเรียกันไปแล้ว ทั้งนัตโตะ ถั่วเน่า และคิเนมะ...คราวนี้แสนรักจะมาแนะนำอาหารหมักอร่อยๆ อีกชนิดหนึ่งให้รู้จัก นอกจากอร่อยแล้วยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพของเราอีกด้วยค่ะ

อาหารที่ว่านี้ก็ทำจากถั่วเหลืองเช่นเดียวกันแต่จุลินทรีย์ที่ใช้ในการหมักนั้นเป็นพวกเชื้อราค่ะ ไม่ต้องกลัวนะคะเพราะเชื้อราหลายชนิดที่เดียวที่เราสามารถนำมาใช้ในกระบวนการหมักและไม่ก่อให้เกิดโทษแก่ร่างกายของเราแต่อย่างใดเช่น เต้าเจี้ยวที่เรารับประทานกันอยู่ก็ใช้เชื้อราในการหมักค่ะ

หลายๆท่านอาจจะเคยรับประทาน "เทมเป้ (Tempeh)" กันมาบ้าง เทมเป้สดที่ยังไม่ผ่านกรรมวิธีการปรุงเป็นอาหารนั้นจะมีกลิ่นคล้ายเห็ด สำหรับบางคนอาจจะว่าออกหืนๆ นิดหน่อย แต่ว่าไม่เหม็นค่ะ ลักษณะจะเป็นก้อนคล้ายๆเค้ก หรือเต้าหู้เนื่องจากเส้นใยของเชื้อราจะพันเอาถั่วไว้ด้วยกันทำให้เราสามารถหยิบขึ้นมาเป็นก้อนๆได้

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD colSpan=2 rowSpan=2></TD><TD width=11 height=16></TD></TR><TR><TD background=../main_stuffs/rgt.png></TD></TR><TR><TD width=17 height=11></TD><TD background=../main_stuffs/btm.png></TD><TD width=11 height=11></TD></TR></TBODY></TABLE>

(เทมเป้ที่หมักใช้ได้แล้ว มีทั้งที่ห่อใบตอง และใส่แบบที่ใส่ถุงพลาสติก)

เทมเป้นี้ก็เป็นอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีนอีกชนิดหนึ่ง และนักวิจัยบางกลุ่มยังพบว่าเชื้อ Klebsiella pneumoniae สายพันธุ์ที่ไม่ก่อโรคนั้นมีปะปนอยู่ในเทมเป้ และผลิตวิตามิน B12 ได้อีกด้วย สำหรับแสนรักเองนั้นเคยหม่ำมาสองครั้งค่ะ สมัยเป็นนักเรียนเขาสอนให้ทำเลยต้องรับผิดชอบฝีมือตัวเองไป

ก่อนที่เราจะคุยถึงวิธีการผลิตเทมเป้นั้นเราไปติดตามดูประวัติคร่าวๆของเทมเป้กันก่อนค่ะ เทมเป้มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอินโดนิเซีย ทางเกาะชวา สันนิษฐานว่าอาจจะได้รับอิทธิพลมากจากอาหารหมักประเภทหนึ่งของประเทศจีนซึ่งใช้ถั่วเหลืองเช่นเดียวกันแต่เชื้อราที่ใช้นั้นเป็นกลุ่ม แอสเปอร์จิรัส (Aspergillus)

เมื่อนำเข้ามาที่เกาะชวาแล้วได้มีการปรับเปลี่ยนชนิดของเชื้อราให้เหมาะสมกัยสภาพอากาศของเกาะ จึงได้หันมาใช้เชื้อราในกลุ่ม ไรโซปัส (Rhizopus) ที่มีชื่อว่า Rhizopus oligosporus ซึ่งจะให้เส้นใยที่มีสีขาว เทมเป้ได้แพร่เข้าไปสู่แถบยุโรปโดยชาวฮอลแลนด์ซึ่งเดิมเคยปกครองอินโดนิเซียอยู่ และเริ่มเข้าไปสู่อเมริกาในช่วงปี ค.ศ. 1946

ขั้นตอนการทำเทมเป้นั้นเริ่มจากเอาถั่วเหลืองมาแช่น้ำประมาณ 16-18 ชั่วโมง จากนั้นก็เอาเปลือกออก แล้วต้องทำให้ถั่วแตกออกเป็นสองซีกด้วยนะคะ โดยอาจจะใช้มือบี้เบาๆ อาจจะเปลี่ยนน้ำซักสองรอบ ที่สำคัญคือต้องเอาเปลือกออกให้หมดค่ะ

จากนั้นก็นำไปต้ม หรือนึ่งประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง แล้วนำถั่วที่ต้มแล้วมาแผ่บนโต๊ะ หรือในถาด ที่รองด้วยใบตอง เพื่อให้ถั่วเย็นลงจนมีอุณหภูมิประมาณ 30-35 องศาเซลเซียส

แล้วใส่ผงเชื้อทำเทมเป้ลงไป โดยต้องโรยให้ทั่วอย่างสม่ำเสมอ มิเช่นนั้นบางส่วนอาจจะเกิดการเน่าเสียได้เนื่องมาจากแบคทีเรียอื่นๆ แล้วห่อด้วยใบตองที่ใช้รองนั้น นำไปบ่มที่อุณหภูมิประมาณ 30-32 องศาเซลเซียส นาน 36-48 ชั่วโมง

ปัจจุบันการทำเทมเป้นั้นไม่ได้ใช้ใบตองห่อ หากแต่นำถุงพลาสติกเข้ามาใช้แทน หากใช้ถุงพลาสติกจะต้องทำการเจาะรูข้างถุงด้วย ทุกๆหนึ่งเซนติเมตร ขนาดของรู้ก็ประมาณ 0.6 มิลลิเมตร เพื่อให้เชื้อ Rhizopus ที่กำลังเจริญบนถั่วนั้นสามารถหายใจได้

อีกทั้งยังเป็นการระบายความร้อนที่เกิดขึ้นระหว่างการหมักอีกด้วยค่ะ โดยส่วนใหญ่จะต้องเกลี่ยถั่วให้มีความหนาประมาณ 3 เซนติเมตร พอเส้นใยของเชื้อราเจริญทั่วทั้งแผ่นดีแล้วก็จะได้เทมเป้ที่มีลักษณะดังในภาพ

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD colSpan=2 rowSpan=2></TD><TD width=11 height=16></TD></TR><TR><TD background=../main_stuffs/rgt.png></TD></TR><TR><TD width=17 height=11></TD><TD background=../main_stuffs/btm.png></TD><TD width=11 height=11></TD></TR></TBODY></TABLE>

(มาดูกันชัดๆ ว่าเทมเป้ที่หมักแล้วหน้าตาเป็นยังไง)



การนำไปรับประทานนั้นสามารถนำไปปรุงอาหารได้หลายแบบ แต่ที่แสนรักเคยทำนั้นก็คือหั่นเป็นชิ้นๆ แล้วนำไปทอดแบบน้ำมันท่วมๆ (deep-fried in oil) แล้วเอามาโรยเกลือ หรือใส่เนยนิดหน่อย หอมอร่อยอย่าบอกใครค่ะ ข้างนอกจะกรุบๆ แต่ข้างในจะนุ่มๆหน่อย เค็มๆ มันๆ ค่ะ



หรือวิธีเดิมเขาก็จะเอาเทมเป้ที่หั่นแล้วไปชุบน้ำเกลือแล้วทอดก็ได้ค่ะ นอกจากนี้แสนรักยังไปหาเมนูน่ารับประทานมาฝากเผื่อว่าใครสนใจจะลองชิมเทมเป้ดูบ้าง อาจจะติดใจเหมือนแสนรักก็ได้ค่ะ

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD colSpan=2 rowSpan=2></TD><TD width=11 height=16></TD></TR><TR><TD background=../main_stuffs/rgt.png></TD></TR><TR><TD width=17 height=11></TD><TD background=../main_stuffs/btm.png></TD><TD width=11 height=11></TD></TR></TBODY></TABLE>

เทมเป้ทอดคลุกเกลือค่ะ

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD colSpan=2 rowSpan=2></TD><TD width=11 height=16></TD></TR><TR><TD background=../main_stuffs/rgt.png></TD></TR><TR><TD width=17 height=11></TD><TD background=../main_stuffs/btm.png></TD><TD width=11 height=11></TD></TR></TBODY></TABLE>

เอาไปทำบาบีคิวก็ได้

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD colSpan=2 rowSpan=2></TD><TD width=11 height=16></TD></TR><TR><TD background=../main_stuffs/rgt.png></TD></TR><TR><TD width=17 height=11></TD><TD background=../main_stuffs/btm.png></TD><TD width=11 height=11></TD></TR></TBODY></TABLE>





หรือว่าจานนี้ก็น่ากินไม่เบา

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD colSpan=2 rowSpan=2></TD><TD width=11 height=16></TD></TR><TR><TD background=../main_stuffs/rgt.png></TD></TR><TR><TD width=17 height=11></TD><TD background=../main_stuffs/btm.png></TD><TD width=11 height=11></TD></TR></TBODY></TABLE>





http://www.noknoi.com/magazine/series.php?id=1694

 

หิวครับ ดูตอนดึก

 

งาดำคั่วบดละเอียด เมล็ดทานตะวันเป็นซองๆก็ดีนะคะ

 

ถั่วตัด งาตัด มะพร้าวแก้ว กล้วยแผ่นอบกรอบ
ลองซื้อผลไม้แห้งไว้บ้าง ขีดละ ๓๕ เช่นมะม่วง มะเขือเทศ อินทผลัม มะเดื่อฯลฯ ให้วิตะมินและแร่ธาตุ อร่อยกว่ากินวิตะมืนเม็ดค่ะ
ส้มซันคิสตากแห้งทั้งเปลือก หรือเปลือกส้มโอแช่อิ่มมีฟลาโวนอยด์ช่วยบำรุงหลอดเลือดค่ะ

 

อะไรก็ได้ครับ ขอให้มีบ้างแล้ว ก็จะดีไม่ต้องเลือกมากครับ กินเพื่ออยู่ เอ่ะ! เดี่ยวผิด Concept >> พลังจิต พิชิต อาหาร .... 55555""

 

- แป้งข้าวเหนียว-แป้งข้าวจ้าว แป้งสาลี-แป้งมัน แป้งข้าวโพด สาคูเม็ด
- เห็ดตากแห้ง เช่น เห็ดหอม เห็ดหูหนูขาว และเห็ดโคนดอง เป็นต้น
- วุ้นเส้น หมี่ขาว หมี่ซั่ว
- กิมจิ ผักดอง หัวไชโป๊วดอง ฟองเต้าหู้
- ผลไม้แช่อิ่ม (มะม่วง กระท้อน ลูกท้อ ลำไย กล้วย) ทุเรียนกวน กล้วย-สับปะรดกวน และขนมไทยๆใส่ขวดโหลติดไว้ที่บ้าน เอาไว้รับแขกด้วย(ขนมผิง ขนมเกลียว ขนมลูกเต๋า ขนมโก๋ เป็นต้น)
- เกลือผสมไอโอดีน น้ำตาล น้ำตาลปี๊ป น้ำอ้อย

 

มาช่วยกันคิดแชร์ไอเดียอีกครับ

 

กล้วย พืชชนิดนี้ใช้ได้สารพัดประโยชน์

 

อย่าลืม มิโซะ ของชาวญี่ปุ่นด้วยน่ะค่ะ มีหลายแบบหลานรสให้เลือกซื้อ หรือทำเองก็ได้ค่ะ
สามารถเก็บไว้ได้นานและมีประโยชน๋ต่อร่างกายมากด้วยเช่นกันค่ะ

เอามาทำเป็นซุปมิโซะทานกับข้าวสวยร้อน หรือ จะผสมน้ำเป็นซุปราเมงทานง่ายๆค่ะ