กาทู้หายจ้า...หายไปไหนอีกแล้ว

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย priscillaria, 30 มีนาคม 2006.

  1. priscillaria

    priscillaria เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +112
    แปลกจัยจริงๆ กาทูหายอีกแล้ว
    ทั้งหมดก็ 4กาทู้แล้วน้า

    1.พลอย เรื่อง "ทำไมพุทธทาสจึงมีสิทธิ์สอนสัตว์เดียรฉานให้นิพพานได้"
    <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p>แล้วมันผิดกฏหมายไหมคะ </o:p>
    <o:p></o:p>
    <o:p>2.แจน เรื่อง "การที่พุทธทาสให้ร้ายพระพุทธเจ้าว่าโกหกโลก โกหกประชาขน โกหกพระสงฆ์ บาปหนักแค่ไหนคะ!"</o:p>
    <o:p></o:p>
    <o:p>3.น๊ะนา! เรื่อง "[COLOR=fuchsia][FONT=Tahoma]พุทธทาสว่าคนโง่ที่ไม่รู้จักพระนิพพานก็ยังสามารถดื่มกินพระนิพพานได้โดยไ ม่รู้สึกตัว[/FONT][/COLOR]"


    4.บรรพต เรื่อง "ทำไมลูกศิษย์ พ-ทาส ถึงมีคดีหมื่นพระบรมเดชานุภาพกันถ้วนทั้ว แปลกไหมครับ"
    </o:p>

    <o:p></o:p>
    <o:p>ไหนว่าจะแสดงให้ประชาชนทราบว่ามีคอมมานิสต์พระในสังคมไทยไงล่ะ</o:p>
    <o:p>แล้วลบทิ้งทามม่าย...</o:p>
    <o:p>ถ้าเราตอบผิดก็บอกได้นี่น้า</o:p>
    <o:p></o:p>
     
  2. priscillaria

    priscillaria เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +112
    ม่ายฉาย...ม่ายฉาย..ย<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    อันนี้ต่างหากล่ะ<o:p></o:p>
    อันที่คุณบรรพตโพสต์หลังจากที่เราถามตะหาก<o:p></o:p>
    “ทำไมลูกศิษย์ พ-ทาส ถึงมีคดีหมื่นพระบรมเดชานุภาพกันถัวนทั้ว แปลกไหมครับ”<o:p></o:p>
    เรายังตอบเลยว่า คนคนนี้นะหรือ????<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ทาส
    สมาชิก

    อัลบั้มรูปส่วนตัว
    วันที่สมัคร: Jul 2005
    สถานที่: ลายมือพุทธทาส
    ข้อความ: 47
    ได้ให้อนุโมทนา: 0
    ได้รับอนุโมทนา 0 ครั้ง ใน 0 โพส
    พลังการให้คะแนน: 0
    <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    แล้วในกระทู้คุณยังเขียนว่ามีลูกศิษย์มากมาย แล้วเขียนกระทู้โต้ตอบของพระพุทธเจ้า<o:p></o:p>
    เรายังถามไปว่า เพิ่งรู้ว่าคุณก็เป็นลูกศิษย์กะเค้าด้วย<o:p></o:p>
    อันนี้ตาหากล่ะ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
     
  3. priscillaria

    priscillaria เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +112
    กระทู้ที่ถูกลบไป.. ก๊อปไว้
    แต่ไม่ได้ก๊อปคำตอบตัวเองไว้ยกเว้นอันนี้

    25-03-2006, 12:54 PM #1
    น๊ะนา!

    สมาชิก

    อัลบั้มรูปส่วนตัว
    วันที่สมัคร: Jul 2005
    สถานที่: Bicwing
    ข้อความ: 11
    ได้ให้อนุโมทนา: 0
    ได้รับอนุโมทนา 0 ครั้ง ใน 0 โพส
    พลังการให้คะแนน: 0
    พุทธทาสว่าคนโง่ที่ไม่รู้จักพระนิพพานก็ยังสามารถดื่มกินพระนิพพานได้โดยไ ม่รู้สึกตัว


    ---------------------------------------------------------------------- ----------

    สอนอย่างนี้มันจะมั่งสั่วเอ่อเหอเอ้อเจ้อหรือเปล่าคะ


    ทาส
    สมาชิก

    อัลบั้มรูปส่วนตัว
    วันที่สมัคร: Jul 2005
    สถานที่: ลายมือพุทธทาส
    ข้อความ: 47
    ได้ให้อนุโมทนา: 0
    ได้รับอนุโมทนา 0 ครั้ง ใน 0 โพส
    พลังการให้คะแนน: 0 คนที่อยู่ศรีธัญญาพวกนี้สมาธิดี ไม่ฟุ้งซ่านพวกเขาสามารถดื่มกินพระนิพพานในธรรมได้อยู่เสมอ ถ้าตายตอนนั้นก็บรรลุอรหันต์เลย

    พวกสัตว์เดียรฉานก็เหมือนกันถ้าเราฝึกให้มันเชื่องอย่างกะแมวแล้ว มันจะตายตอนไหนมันก็บรรลุอรหันต์ทันทีเลย
    __________________
    พุทธทาส:-สัตว์ป่าจับมาจากในป่า เช่น ป่า ช้างป่า อะไรป่านี่ มันดุร้ายเหลือประมาณ อันตรายเหลือประมาณ; เขาเอามาเข้าคอกเข้าที่ บังคับฝึกหัดไปจนสัตว์เหล่านั้นเชื่องเหมือนกับแมว จนช้างป่านั้นเชื่องเหมือนกับแมว ทำอะไรก็ได้; อย่างนี้ก็เรียกว่า มันนิพพาน

    คัดจาก หนังสือ นิพพานสำหรับทุกคน
    สัตว์เดียรฉานบรรลุพระนิพพานไม่ได้หรอก หนทางเดียวที่จะบรรลุพระนิพพานได้ คือ อริมรรคมีองค์ ๘ เท่านั้น.


    ผจำได้ว่าเราตอบว่า เวลาคนเราเหนื่อยล้า และต้องการพักผ่อน
    บางคนอาจชอบหนังเหม่อนานๆจนอาจเข้าสู่ภวังค์ลึกเหมือนเข้าฌาณจนไม่รู้สึกถึงตัวตน ว่างเปล่า เบาสบาย แต่เป็นเพียงชั่วแว๊ปเดียว
    ซึ่งต่างกับคนที่มีการฝึกหัดมาดีมีจิตบริสทธ์เพราะในขณะที่จิตเข้าฌาณจะมีสติรู้อยู่ตลอด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มีนาคม 2006
  4. priscillaria

    priscillaria เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +112
    พลอย
    อัลบั้มรูปส่วนตัว
    วันที่สมัคร: Sep 2004
    สถานที่: Bicwing
    ข้อความ: 90
    ได้ให้อนุโมทนา: 0
    ได้รับอนุโมทนา 3 ครั้ง ใน 3 โพส
    พลังการให้คะแนน: 28 ทำไมพุทธทาสจึงมีสิทธิ์สอนสัตว์เดียรฉานให้นิพพานได้

    ---------------------------------------------------------------------- ----------

    เช่นสอนว่า ถ้าฝึกช้างป่าวัวป่าให้เชื่ออย่างกับแมวแล้ว ก็เรียกว่ามัน นิพพาน


    แล้วมันผิดกฏหมายไหมคะ

    ---------------------------------------------------------------------- ----------
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย พลอย : 25-03-2006 เมื่อ 12:17 PM.


    พลอย
    ดูรายละเอียดของ
    ค้นหาโพสเพิ่มเติมของ พลอย

    เมื่อวานนี้, 08:23 AM #2
    ทาส
    สมาชิก

    อัลบั้มรูปส่วนตัว
    วันที่สมัคร: Jul 2005
    สถานที่: ลายมือพุทธทาส
    ข้อความ: 47
    ได้ให้อนุโมทนา: 0
    ได้รับอนุโมทนา 0 ครั้ง ใน 0 โพส
    พลังการให้คะแนน: 0 ก็อาตมะไม่ได้มั่นถือมั่นในกติกาพระธรรมวินัยนี่ ทำไมจะสอนไม่ได้
    __________________
    พุทธทาส:-สัตว์ป่าจับมาจากในป่า เช่น ป่า ช้างป่า อะไรป่านี่ มันดุร้ายเหลือประมาณ อันตรายเหลือประมาณ; เขาเอามาเข้าคอกเข้าที่ บังคับฝึกหัดไปจนสัตว์เหล่านั้นเชื่องเหมือนกับแมว จนช้างป่านั้นเชื่องเหมือนกับแมว ทำอะไรก็ได้; อย่างนี้ก็เรียกว่า มันนิพพาน

    คัดจาก หนังสือ นิพพานสำหรับทุกคน
    สัตว์เดียรฉานบรรลุพระนิพพานไม่ได้หรอก หนทางเดียวที่จะบรรลุพระนิพพานได้ คือ อริมรรคมีองค์ ๘ เท่านั้น <O:p></O:p>



    วันนี้, 07:57 AM #4
    อาตมา
    สมาชิก

    อัลบั้มรูปส่วนตัว
    วันที่สมัคร: Mar 2006
    ข้อความ: 6
    ได้ให้อนุโมทนา: 0
    ได้รับอนุโมทนา 0 ครั้ง ใน 0 โพส
    พลังการให้คะแนน: 0 เมื่อก่อนพรรคคอมมิวนิสต์สายพระ มีนโยบายกำจัดทำลายขอลสองสิ่ง คือ
    สถาบันพระมหากษัตริย์ กับ พระพุทธศาสนา

    ด้านสถาบันพระมหากษัตริย์ เขาจะสอนทำลายประเพณีวัฒนธรรมต่างของไทย โดยเฉพาะพิธีกรรมของพราหมณ์ ในสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่เป็นวัฒธรรมไทยมาแต่โบราณ โดยใช้คำสอนของพระพุทธเจ้ามาสอนบิดเบือนนิดๆ

    ด้านพระพุทธศาสนาเขาใช้พระสูตรทำลายพระสูตร เช่นกาลามาสูตรเป็นต้น ซึ่งก็สอนบิดเบือนอีกเช่นกัน ไม่เชื่อไปดูกาลามาสูตรในพระไตรปิฏกดูสิ อย่าไปดูคำสอนของเดียรถีย์เพียงอย่างเดียว คนที่เขารู้ๆกันอยู๋ส่วนใหญ่เป็นพระอรหันต์กันหมด ไม่สามารถจะออกมาพูดมากได้เพราะพระวินัย ต่างกับฆราวาสอย่างนายบรรพต อ. ที่สามารถพูดได้ เพราะเขาถือแค่ศีลห้าเท่านั้นเอง ไม่มีอาบัติใดๆ ดังนั้นอาจจะดูเหมือนโอ้อวดอยู่บ้าง เพราะเขามีความจำเป็นต้องพูดแทนพระอย่างอาตมานะโยม อมิตตาพุทธ!
    ----------------------------------------
    อย่าบีดเบื่อนคำสอนจะได้ไหม?????
    เราหาคำสอนที่นายเขียนนี้ไม่ได้หรอก

    แต่นี้เป็นความคิดเห็นของเราเอง
    ถ้าผิดก็เราผิดเอง....รับเอง
    เช้านี้เราพยายามหาเห็นผลมาตอบข้อนี้
    แล้วในสมองเราก็เหมือนมีความจำเก่าๆผลุดขึ้นมา
    เหมือนสิ่งที่ลืมไปนานแล้ว
    เป็นเสียงคนบอกว่า จิตของคนเราก็เหมือนลิง หรือสัตว์ป่า
    ไม่อยู่นิ่ง ไม่ชอบถูกกักขัง
    การฝึกจิตก็คล้ายกับการฝึกสัตว์
    ตามรู้จิตให้ได้ตลอดจนจิตเชื่องว่าง่ายเหมาะกับการงาน
    ก็อาจเรียกว่า นิพพานได้
    มันเป็นเพียงการเปรียบเทียบ และท่านก็ได้ทำให้เห็นแล้ว
    ว่าฝึกสัตว์ป่าให้เชื่องได้
    โพสต์นี้ถูกผิดเรารับเอง ยังไงก็ถูกเรียกว่าคนบ้าอยู่แล้ว
    รับอีกข้อก็ไม่หนักหนาอะไร

    -----------------------------
    และตอบคุณอาตมาด้วยว่า

    เป็นพระจริงๆหรอ
    ทำไมร้ายคนอื่นได้ละ แต่มาเขียนว่า
    ไม่สามารถออกมาพูดมากได้เพราะพระวินัย
    แต่เราจำได้กระทู้ไสยศาสตร์กับผู้นำ
    คุณเขียนว่า
    อมิตาพุทธ! ตนที่ไปขับไล่มีหลายกลุ่ม เช่น มาจากพรรคการเมือง50% จากคอมมิวนิสต์ 0.4% จากเจ้าพ่อบ่อนการพนัน เจ้าพ่อหวยเถือน และเจ้าพ่อค้ายาเสพติด 49.5% ที่เหลืออีก 0.1% จากสันติอโศก กับกลุ่มสนธิ

    ถ้าวัดกันตัวต่อตัว โยมจำลอง โยมสนธิ กับ โยมทักษิณมันคนละเรื่องเลยนะโยมเอ๊ย!

    เรายังตอบว่า

    เป็นพระจริงหรอป้าวนี่
    ศีล227ข้อมีที่บอกว่า ไม่ให้ว่าร้ายคนอื่นหรือป้าว
    แล้วที่ว่ามานะ...เมคดาต้าหรือป้าว
    ไม่มีประชาชนเลยน้า
    เออ...แล้วอาม่าแถวบ้านที่ไปเดินกะเค้าด้วย
    สงสัยอาม่าจะเป็นหัวหน้าใหญ่ค้ายาเสพติดแน่เลย

    เป็นพระจริงๆหรือ ค่ะ.....บาปนะ


    มาตอนนี้ทำไมพูดไม่ไดแล้วล่ะ
    อารายทำนองนี้อ่ะน่ะ



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มีนาคม 2006
  5. priscillaria

    priscillaria เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +112
    25-03-2006, 12:43 PM #1
    แจน
    สมาชิก

    อัลบั้มรูปส่วนตัว
    วันที่สมัคร: Jul 2005
    สถานที่: บอกหัวใจ I Love you.
    ข้อความ: 11
    ได้ให้อนุโมทนา: 0
    ได้รับอนุโมทนา 0 ครั้ง ใน 0 โพส
    พลังการให้คะแนน: 0 การที่พุทธทาสให้ร้ายพระพุทธเจ้าว่าโกหกโลก โกหกประชาขน โกหกพระสงฆ์ บาปหนักแค่ไหนคะ!

    ---------------------------------------------------------------------- ----------

    แต่ทำไมคณะสงฆ์เค้าไม่เห็นว่าอะไรเลย หรือว่าเมืองไทยไม่มีระเบียบวินัยยังไงก็ได้หรือคะ!


    ผีสมาฝา
    สมาชิก

    อัลบั้มรูปส่วนตัว
    วันที่สมัคร: Jul 2005
    สถานที่: ลายมือพุทธทาส ไม่รับกติกาใดๆทั้งสิ้นจะสอนตามใจตัวกูของกูเท่านั้น
    ข้อความ: 21
    ได้ให้อนุโมทนา: 0
    ได้รับอนุโมทนา 2 ครั้ง ใน 2 โพส
    พลังการให้คะแนน: 0 ที่อยู่ปัจจุบัน เลขที่ 0/0 หมู่ 0
    หมู่บ้านโลกันตนิเวศฯ ถนนแยกทางสามแพร่ง ตรงไปเลี้ยวขวา
    -อินฟีนีตี้องศง C
    __________________

    พุทธทาส:-ภูมิต่างๆ และทางที่กระทำแล้วให้ผลไปสู่ภพภูมิต่างๆ เทวดา พรหม สัตว์นรก เปรต อสุรกาย โลกนี้ โลกอื่น ผลของกรรมที่ไม่ให้ผลในชาตินี้...เป็นเรื่องที่พระพุทธเจ้า ท่านโกหกโลก โกหกประชาชน เพราะต้อง "เอออวย" ไปตามสังคมทั้งนั้น ถ้าใครจะเชื่อพระพุทธเจ้า ใครจะเชื่อพระพระสูตรทั้งหมดที่เกี่ยวกับเรื่องโอปาติกะ เป็นเรื่องโกหกทั้งหมด เมื่อพระพุทธเจ้าท่านสอนเกี่ยวกับเรื่องโอปาติกะนั้นท่านก็โกหกประชาชนและ ภิกษุสงฆ์ทั้งหลาย เพราะท่านจำเป็นต้อง "เอออวย"...เรื่อง ทาน ศีล สมาธิ ฤทธิ์ อภิญญา ชาตินี้ ชาติหน้า ภพต่างๆ ไตรปิฏก ต้องคิดแบบท่านซะก่อน ถึงจะฉลาด....เพราะคำสอนทั้งหมดของพระพุทธเจ้านั้น ....เชื่อไม่ได้



    หนังสือ ธรรมานุกรมธรรมโฆษณ์


    โกหกโลก โกหกประชาชน โกหกพระสงฆ์มันผิดตรงไหนไม่ทราบ พุทธทาส จะสอนผิดไปจากพระพุทธดำรัส ไม่ได้หรือคะ! <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>

    <o:p> </o:p>

    ส่วนอันนี้เราจำได้ว่าก๊อปคำตอบมาจากเว็บอื่น


    ๒๔. โอปปาติกะสัตว์ ไม่มี?
    ปรัศนี: ท่านอาจารย์ถูกเขากล่าวหาว่า ปฏิเสธว่าไม่มีโอปปาติกะสัตว์ นี่มันเป็นอย่างไรกันครับ ท่านอาจารย์เอาเหตุผลที่ไหนมาปฏิเสธครับ?

    พุทธทาส: เราไม่ได้ปฏิเสธว่า ไม่มีโอปปาติกะ หรือสัตว์ที่มีกำเนิดโดยโอปปาติกะ เราบอกว่า มีๆๆๆ มันก็เป็นโอปปาติกะที่มีเดี๋ยวนี้ และมีแน่ คนธรรมดานี่แหละ ถ้าคิดอย่างโจร มันก็เกิดเป็นโจรทันที ถ้าคิดอย่างสาธุชนคนดีมันก็เกิดเป็นสาธุชนคนดีทันที คิดอย่างสัตว์เดรัจฉาน มันก็เป็นสัตว์เดรัจฉานทันที คิดอย่างสัตว์นรกก็เป็นสัตว์นรกทันที คิดอย่างเปรตก็เป็นเปรตทันทีนี่ ทำไมจะว่าไม่มี เรายืนยันอยู่อย่างนี้ มันมียิ่งกว่ามี และเห็นได้รู้สึกได้อย่างวิทยาศาสตร์ ส่วนพวกที่ว่า ไม่รู้อยู่ที่ไหนน่ะ พวกนั้นแหละ หลับตาพูด ไม่ใช่ไม่รู้สึกได้จริงว่ามันมี แล้วไปเกิดเป็นผีเป็นสาง เป็นเทวดา เป็นอะไรแล้วแต่ว่า มีเนื้อตัวที่มองเห็นได้ นั่นนะยิ่งไม่ยืนยันในความมี เรายืนยันความมีว่า อยู่ที่นี้ในหัวใจคน กิริยาอาการของจิตที่เปลี่ยนไปเป็นสภาพอื่น นี้เรียกว่า "โอปปาติกกำเนิด" การเกิดอย่างโอปปาติกะ เราไม่ได้ปฏิเสธแต่เราพูดให้เห็นชัดว่ามี แล้วก็มีอย่างเป็นสันทิฎฐิโก คนนั้นเห็นได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องเชื่อตามผู้อื่น.

    ๑๘. เทวดา-พรหม-เปรต-สัตว์นรก
    ปรัศนี: บางคนมีความจงรักภักดีต่อศาสนา แต่เป็นคนโง่ไร้สติปัญญา เป็นมิจฉาทิฎฐิ แล้วอธิบายคำว่า "เทวดา" ว่าแก่ กษัตริย์และเศรษฐี คำว่า "พรหม" ได้แก่นักบวชนั่งสมาธิอยู่ในฌานสมาบัติ คำว่า "เปรต" ได้แก่ คนขอทาน และคนรับทุกข์ทรมาน คำว่า "สัตว์นรก" ได้แก่คนที่มีความสุข และคำว่า นรกได้แก่คนมีความทุกข์ไปเสียอย่างนี้ ซึ่งเขาจัดท่านอาจารย์ไว้ในหมู่ผู้มีคำอธิบายอย่างนี้ด้วยคนหนึ่ง นี่ท่านอาจารย์จะว่าอย่างไรครับ?
    พุทธทาส: คนถามเขาฟังไม่ได้ศัพท์ จับมากระเดียด คนที่อธิบายนี้ เขาอธิบายความหมาย คือถ้าไม่มีความสามารถจะเห็น นรก สวรรค์ ต่อตายแล้วได้จริงละก็ ขอให้คำนวณโดยคุณค่า เช่น เทวดานี้ คือคนมีความสุข คนเล่นหัวสนุกสนาน ถ้าจะเรียกว่า เทวดา ก็เทวดาสมมตุ เช่น คนร่ำรวยหรือราชามหากษัตริย์อย่างนี้ ก็เรียกว่า เทวดาสมมติ ให้ดูความหมายของ "เทวดา" ได้จาก สภาวะจิตใจของคนชนิดนี้ คำว่า "พรหม" ในพรหมโลกเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธ แต่เขาอยากให้ดูว่า เมื่อคนอยู่ในญาณสมาบัติ ภาวะจิตใจเหมือนกับผู้อยู่ในพรหมโลก เขาไม่ได้พูดชัดว่า ได้แก่เหมือนคนโง่ๆ คนนี้นะคนที่ถามนี่เป็นคนโง่นะ ฟังผิดๆ ฟังไม่ได้ศัพท์แล้วจับไปกระเดียด ใช้คำว่าได้แก่นะ จึงว่า เทวดาได้แก่กษัตริย์ พรหมได้แก่คนที่เจริญสมาบัติ เปรตได้แก่คนขอทาน ฯลฯ ใช้คำผิดเสีย แล้วใช้คำว่า ได้แก่ ที่จริงผู้พูดผู้อธิบายเรื่องนี้ในเมืองไทยนี้ เขาอธิบายกันมาหลายสิบปีแล้วเหมือนกัน เขาใช้คำว่ามีความหมาย เช่นหรือว่ามีการเป็นอยู่ จะเปรียบกันได้ เช่น "เทวดา" มีความเป็นอยู่ของราชามหากษัตริย์ เปรตมีความเป็นอยู่ของขอทาน ไม่ใช้คำว่า "ได้แก่" อ้ายคนนี้มันโง่เองใช้คำพูดไว้ดีแล้ว กลายเป็นคนพูดผิด นี่คนโง่จะทำลายคนอื่นโดยไม่รู้ตัว และก็ไม่มีประโยชน์อะไร ที่เขาจะจัดผมไว้เป็นคนหนึ่งในหมู่พวกนี้ ก็ตามใจเขาซิ เราจะบังคับเขาได้รึ แต่เราไม่มีคำพูดอย่างนี้ว่า "ได้แก่-ได้แก่" เราก็จะพูดว่า "มันมีความหมายแห่ง" เช่น นรก มีความหมายแห่งความร้อนใจ ความร้อนใจคือคนตกนรก เป็นตัวอย่าง.
    เทวดา คือคนที่ไม่รู้จักเหงื่อ กล่าวมาตามบาลีเลย พอเทวดาเหงื่อออกเมื่อไร จุติจากเทวดาเมื่อนั้น เทวดาเป็นคนที่ไม่เคยพบเหงื่อ ไม่รู้จักเหงื่อ เพราะว่าเขาไม่มีปัญหาเรื่องเรี่ยวแรงที่ความหมายของมัน ไม่ใช่ "ได้แก่" ขอให้ระวังคำพูดให้ดีๆ มีความหมายเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่ใช่ "ได้แก่" ผมก็ได้พูดเพื่อยกตัวอย่างในความหมายเพื่อเป็นสันทิฎฐิกสักนิดหนึ่ง ก็ขอให้ไปเพ่งเล็งจิตในช่วงเวลาที่มีความทุกข์ มีแต่สนุกสนานอย่างเปรตนี้ ถ้ามันหิวๆ อย่างโง่เขลา ซื้อล็อตเตอรี่มาให้หิว ไปดูเวลาหิวนี้มันคือเปรต ความหมายของเปรต จิตไม่สงบเลยไม่ถูกละที่ว่า ผมเป็นคนพวกหนึ่งในพวกนั้น เพราะผมไม่ได้ใช้คำว่า "ได้แก่" ไม่ได้ใช้คำว่า "อยู่นี่" แต่ต้องการให้เปรียบเทียบโดยความหมาย ก็หยั่งทราบด้วยจิตนี้เป็นสันทิฎฐิโก ว่านรกเป็นอย่างไร สวรรค์เป็นอย่างไร เทวดาเป็นอย่างไร พรหมเป็นอย่างไร เอ้า ต่อไป...
     
  6. priscillaria

    priscillaria เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +112
    แล้วเราตอบตรงไหนผิด ถึงต้องเป็นบาปเป็นกรรม
    ถึงต้องลบทิ้ง ช่วยชี้แจ้งหน่อยสิค่ะ
     
  7. priscillaria

    priscillaria เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +112
    ส่วนเจ๊ jasminine ก็ไม่เห็นตอบข้อสงสัยเลย
    กระทู้ของเจ๊เองด้วย
    :::เบื้องหลังการเมืองไทย สิ่งที่หลายคนยังไม่รู้:::
    1. พรรค ปชป มีนายทุนที่มาจาก พวกเจ้าขุนมูลนายเก่า พวกนี้ตอนนี้หากินลำบาก

    ขยายความ: พวกเจ้าขุนมูลนายเก่าพวกนี้ยังคิดว่าตัวเองน่าจะมีพาวเวอร์ผ่านพรรคการเมืองเก่าแก่ที่ฝังรากลึกคือพรรค ปชป พรรคนี้เวลาบริหารประเทศเขาจะละเลยคนชั้นกลาง ชั้นต่ำ สิ่งที่เขาดูแลคือคนรวยและคนที่เลือกพรรคตัวเอง

     
  8. priscillaria

    priscillaria เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +112
    <TABLE class=tborder id=post221469 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="FONT-WEIGHT: normal">วันนี้, 12:03 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="FONT-WEIGHT: normal" align=right> #21 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 width=175>priscillaria<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_221469", true); </SCRIPT>
    สมาชิก
    [​IMG]
    [​IMG] อัลบั้มรูปส่วนตัว
    วันที่สมัคร: Mar 2006
    ข้อความ: 137 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา: 20
    ได้รับอนุโมทนา 55 ครั้ง ใน 38 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 20[​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_221469><!-- message -->ข้อเขียนนี้มานบอกอารัยได้เหมือนกัน<O:p</O:p
    ดูมานจาบอกว่ามีพวกหัวคอมมูนิสต์อยู่จริง <O:p
    พวกนี้ไม่ต้องการให้มีระบอบประชาธิปไตย<O:p
    ดูแต่เริ่มแรกเลย<O:p
    “พรรค ปชป มีนายทุนที่มาจาก พวกเจ้าขุนมูลนายเก่า
    <O:pพวกนี้ตอนนี้หากินลำบาก”, <O:p
    “นักการเมือง ที่มีพวกเจ้าขุนมูลนาย ถือหาง”<O:p
    อดีตพรรค ปชป มีหม่อมเสนีย์เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง<O:p</O:p
    แต่ก่อนนี้พวกเจ้าขุนมูลนาย หมายถึง<O:p</O:p
    ข้าราชการในพระเจ้าอยู่หัวระดับสูง<O:p</O:p
    ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเครือญาติมีความเกี่ยวข้องกัน<O:p</O:p
    อย่างวังหน้า, วังหลัง, ญาติและลูก-หลาน<O:p</O:p
    แล้วที่เขียนนี้ หมายถึงใคร <O:p</O:p
    พระองค์ภาฯ, พระองค์โสม, ฟ้าหญิงสิรินทร, ฮิวโก้ ฯลฯ<O:p</O:p
    คนเขียนและคนนำข้อมูลนี้มาลงรวมถึงพวกที่อนุโมทนาเหล่านี้<O:p</O:p
    มีความประสงค์จะให้ “พวกเจ้าขุนมูลนาย” หมดไปใช่หรือไม่?<O:p</O:p
    เอาแค่เรื่องแรกนี้ก่อนแล้วกัน <O:p</O:p
    มานบ่งชี้อารายให้คนอ่านได้พิจารณาเหมือนกัน<O:p</O:p
    ว่าสังคมนี้ยังมีคนต้องการให้ประชาชนเป็นใหญ่ในแผ่นดิน<O:p</O:p
    แต่ประชาชนคนนั้นจะหย่ายได้ต้องมีทั้งอำนาจเงิน และรัฐ<O:p</O:p
    และลิ่วล้อที่ขุนไว้ลองมือลองTEEN<O:p</O:p
    พวกคุณเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า???<O:p</O:p
    พวกนี้ไม่ต้องการให้มีระบอบประชาธิปไตย<O:p</O:p
    ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข<O:p</O:p
    น่าสงสัยอ่ะจิ....<O:p</O:p
    <!-- / message --></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  9. priscillaria

    priscillaria เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +112
    <TABLE class=tborder id=post221480 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="FONT-WEIGHT: normal">วันนี้, 12:13 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="FONT-WEIGHT: normal" align=right> #22 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 width=175>priscillaria<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_221480", true); </SCRIPT>
    สมาชิก
    [​IMG]
    [​IMG] อัลบั้มรูปส่วนตัว
    วันที่สมัคร: Mar 2006
    ข้อความ: 137 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา: 20
    ได้รับอนุโมทนา 55 ครั้ง ใน 38 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 20[​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_221480><!-- message -->เราเคนดูรายการรายการหนึ่งความจริงมะด้ายตั้งจัยจาดูหรอก
    เปิดผ่านไป แต่สะดุดตรงคุณป้าแต่งตัวเซอๆคนหนึ่ง
    กำลังจากดปุ่มเปลี่ยนช่องมีข้อความขึ้นมาว่า
    หม่องเจ้าหญิง.....จำชื่อมะด้ายอ่ะ .
    (ขออภัยจริงๆ..มีคำว่ารังษีๆอารายนี่แระ)
    เซอเหมือนกะฮิวโก้เลย
    ท่านบอกว่าดูแลงานของนายหลวง
    ดูแลเรื่องช้าง เห็นคนตัดไม้ทำลายป่า
    แต่ช่วยอะไร ไม่ได้เพราะเป็นพวกผู้ใหญ่ในบ้านเมือง
    กับข้าราชการ ถ้าไปยุ่งมากคงจะถูกยิงตาย
    เราเห็นว่าท่านทำตัว "อยู่อย่างพอเพียง"
    ตามคำพูดของนายหลวง
    รายการชื่อ "หนึ่งสมองสองมือ"
    แต่ถูกปลดไปแล้วแระ
    เราไม่ได้ดูอีกเพราะจำไม่ได้ว่าออกวันไหน
    มารู้อีกที่ไม่มีแล้ว
    <!-- / message --></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  10. priscillaria

    priscillaria เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +112
    ช่วยตอบหน่อยได้เล่นอีกแค่1-2วันเอง

    ตอบหน่อยจิ...เจ๊
     
  11. jasminine

    jasminine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    5,385
    ค่าพลัง:
    +22,312
    คุยดีๆ ถกเึถียงกันด้วยเหตุผลล้วนๆ ก็ยินดี
    แต่ถ้าคุยแบบจะเอาชนะ เอาถูกใจไม่ใช้เหตุผล
    แถม หลังๆ ยิ่งหนักขึ้น พูดไปคำด่าอีกสี่คำ
    ทำเหมือนเป็นศัตรูกัน อย่างนี้ไม่อยากคุย
    เข้าใจ๊ ?

    (แล้วมาดูกันซิ ว่าจะมีคำเหน็บคำด่าตามมาอีกมั้ย..)
     
  12. priscillaria

    priscillaria เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +112
    ไม่เข้าใจค่ะ
    ก็โพสต์แล้วลบไป แต่คุณบอกว่า
    เพราะ เราตอบไม่ถูกจะเป็นบาปเป็นกรรม
    แต่ตอนนี้กลับมาบอกว่า
    ต้องลบเพราะเรา"ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล"
    เอาให้แน่สักอันสิ
    หรือจะตอบตรงนี้เลยก้อดีน้า
     
  13. priscillaria

    priscillaria เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +112
    อ่านที่เขียนถึงนายทาสแล้ว เลยต้องไปหามาอ่าน<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    เพราะไม่ได้สนใจอ่านหนงสือธรรมะเท่าไร<o:p></o:p>
    อ่านแล้วอยากหลับทุกที<o:p></o:p>
    นายทาสของคุณ ทาสไหนแน่<o:p></o:p>
    ทาสที่เป็นสมาชิกบอร์ดพลังจิตหรือป้าว<o:p></o:p>
    ถ้าใช้ก็แบนไปสิ<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    แต่ถ้าคุณหมายถึงพุทธทาสก็เขียนมาให้ชัดเจน <o:p></o:p>
    ไม่ใช้เขียนว่า พ.ทาส หรือ นาย ทาส เพราะอาจเป็น<o:p></o:p>
    นายทาส ที่เป็นสามาชิกบอร์ดแห่งนี้ หรือใครก็ไม่รู้ที่ชื่อทาส<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    ถ้าหากเป็นพุทธทาส <o:p></o:p>
    เพื่อความเป็นธรรมของผู้ที่ตายไปแล้วนะ<o:p></o:p>
    เลยต้องไปค้นหาสักหน่อย<o:p></o:p>
    เพราะไม่ค่อยจะได้อ่าน...บอกตรงๆว่า ขี้เกียจอ่าน<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
     
  14. priscillaria

    priscillaria เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +112
    <TABLE class=tborder id=post222195 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="FONT-WEIGHT: normal">วันนี้, 12:19 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="FONT-WEIGHT: normal" align=right> #2 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 width=175>บรรพต<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_222195", true); </SCRIPT>
    สมาชิก
    [​IMG]
    [​IMG] อัลบั้มรูปส่วนตัว
    วันที่สมัคร: Jul 2005
    ข้อความ: 72 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา: 0
    ได้รับอนุโมทนา 10 ครั้ง ใน 6 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 17[​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_222195><!-- message -->
    สอนลบหลู่ดูถูกดูหมิ่นปรามาสใส่ร้ายใส่ความพระพุทธเจ้าอย่างเดียรถีย์นายทาสนี่ตอนนี้อยู่โลกันตนรกนะจีที่รัก

    พุทธทาส:-เพราะฉะนั้นเราจึงกล้าวิจารณ์ แม้แต่วิจารณ์พระพุทธเจ้าเอง นี่พูดอย่างนี้บาปหรือไม่บาปก็ไปคิดเอาเองเถอะ

    "อภิธรรมคืออะไร" โดย พุทธทาสภิกขุ <!--MsgFile=1-->


    พุทธทาส:-พระสูตรทั้งหมดที่เกี่ยวกับเรื่องโอปาติกะ เป็นเรื่องโกหกทั้งหมด
    เมื่อพระพุทธเจ้าท่านสอนเกี่ยวกับเรื่องโอปาติกะนั้น
    ท่านก็โกหกประชาชนและภิกษุสงฆ์ทั้งหลาย
    เพราะท่านจำเป็นต้อง "เอออวย"...

    เรื่อง ทาน ศีล สมาธิ ฤทธิ์ อภิญญา ชาตินี้ ชาติหน้า
    ภพต่างๆ ภูมิต่างๆ และทางที่กระทำแล้วให้ผลไปสู่ภพภูมิต่างๆ
    เทวดา พรหม สัตว์นรก เปรต อสุรกาย โลกนี้ โลกอื่น
    ผลของกรรมที่ไม่ให้ผลในชาตินี้ etc...
    เป็นเรื่องที่พระพุทธเจ้า ท่านโกหกโลก โกหกประชาชน
    เพราะต้อง "เอออวย" ไปตามสังคมทั้งนั้น
    ถ้าใครจะเชื่อพระพุทธเจ้า ใครจะเชื่อพระไตรปิฏก
    ต้องคิดแบบท่านซะก่อน ถึงจะฉลาด....
    เพราะคำสอนทั้งหมดของพระพุทธเจ้านั้น ....เชื่อไม่ได้

    หนังสือ ธรรมานุกรมธรรมโฆษณ์ <!--MsgFile=2-->

    พุทธทาส:-ให้โกยอภิธรรมทิ้งไปให้หมด อภิธรรมตามที่รู้กันนั่นแหละ อภิธรรมปิฏก อภิธัมมัตถสังคหะ อภิธรรมอะไรก็ตาม ที่ระบุไปยังอภิธรรมเฟ้อนี้โกยทิ้งไปเสียให้หมด
    พุทธทาส:- บางสูตรก็ตัดออกไปหมดเลย บางสูตรก็ต้องตัดออกไปบางส่วน บางสูตรก็ตัดออกไปราว 40% <!--MsgFile=8-->

    พุทธทาส : คุณเชื่ออรรถและพยัญชนะเพราะอะไร ?
    ส. : ก็เพราะส่วนมากเป็นพระไตรปิฏก เป็นพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า
    พุทธทาส : แล้วคุณเชื่อพระพุทธเจ้าเพราะอะไร ?
    ส. : พระพุทธเจ้าเป็นบรมครูเป็นอาจารย์ครับ
    พุทธทาส : แล้วคุณก็เชื่อ(พระพุทธเจ้า)คนที่เป็นครูของคุณหรือ ? <!--MsgFile=10-->

    พุทธทาส:-สัตว์ป่าจับมาจากในป่า เช่น ป่า ช้างป่า อะไรป่านี่ มันดุร้ายเหลือประมาณ อันตรายเหลือประมาณ; เขาเอามาเข้าคอกเข้าที่ บังคับฝึกหัดไปจนสัตว์เหล่านั้นเชื่องเหมือนกับแมว จนช้างป่านั้นเชื่องเหมือนกับแมว ทำอะไรก็ได้; อย่างนี้ก็เรียกว่า มันนิพพาน
    คัดจาก หนังสือ นิพพานสำหรับทุกคน โดย พุทธทาสภิกขุ </EMBED>

    ยิ่งกว่าอนันตริยกรรม คือคำสอนเดียร์ถีย์นายทาสผู้นี้นี่เอง<EMBED src=""http://www.palungjit.org/club/uploads/Keawnarai_Sonti-Sound.swf width=1 height=1 type=application/x-shockwave-flash></EMBED>

    <!-- / message --><!-- sig -->__________________
    [​IMG]<MAEQUEE> </MAEQUEE>




    <!-- / sig --><!-- edit note --><HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1>แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย บรรพต : วันนี้ เมื่อ 02:37 PM.
    <!-- / edit note --></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  15. priscillaria

    priscillaria เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +112
    http://www.buddhadasa.com/index.html<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    เรื่องคำสอนของพระพุทธเจ้า<o:p></o:p>
    นี่ท่านจะเห็นได้เองทันทีว่า การถาม เรื่องเกิดทางเนื้อหนัง แล้วตายเข้าโลง แล้วว่า เกิดหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่พระพุทธเจ้า ท่านไม่ยอมพูด ด้วย ที่ว่า ไม่เป็น เงื่อนต้น ของความดับทุกข์นั้น ก็เพราะว่า เมื่อผู้ถามถามอย่างไร ผู้ตอบตอบให้ฟัง ผู้ถามก็เห็นด้วยตนเองไม่ได้ มันจึงได้แต่โง่ลง เป็นครั้งที่สองอีก คือเชื่อตามที่ผู้พูด พูด หรือ ผู้บอก บอก ครั้งยังไม่เข้าใจ ก็ถามอีก ผู้บอกก็บอกอีก คนฟังก็ต้องโง่เชื่อไปตามคำบอกเรื่อยไปๆ ไม่มีที่สิ้นสุด เพราะมันไม่อาจจะเห็นได้ด้วยตาว่า ว่าหลังจากเข้าโลงไปแล้ว มันจะไปเกิด ได้อย่างไร เป็นคนๆเดียวกัน หรือเปล่า แล้วบุญกุศลนั้น มันจะไปถึง จริงหรือเปล่า นี่เป็น เรื่องสำคัญที่สุด ของพุทธศาสนา ว่า มันไม่ได้หมายถึง "ความเกิด" อย่างนั้น ถามไปเท่าไร มันก็เป็นเรื่อง ไกลออกไปทุกที ไกลออกไปทุกที จนไม่มีทาง ที่จะพูดถึง เรื่องดับทุกข์ แล้วผู้ถาม ก็ต้องเชื่อ ตามผู้บอก ซึ่งบอกเรื่อยไป ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีประโยชน์อะไร<o:p></o:p>
    พระพุทธองค์ ตรัสว่า มาพูดถึงเรื่องที่จำเป็น หรือที่สำคัญดีกว่า คือ มาพูดถึง เรื่องที่ว่า เกิดอยู่นี่มันเป็นทุกข์ แล้วทำอย่างไร จึงจะไม่เป็นทุกข์ อย่าไปพูดว่า ตายแล้วเกิดหรือไม่เกิด อันเป็นเรื่อง ข้างหน้าโน้น พูดเดี๋ยวนี้ ที่นี่เลยว่า ที่เกิดอยู่นี่ เป็นทุกข์ หรือ ไม่เป็นทุกข์ ถ้าเป็นทุกข์ ละก็ จะแก้ทุกข์อย่างไร? ท่านทรงชี้ให้เห็นว่า ความยึดมั่น ถือมั่น ว่าตัวกู ว่าของกู นี้มันเป็นทุกข์ พูดกันพักเดียว คนฟังนั้น เขาฟังเข้าใจ ไม่ต้องเชื่อ พระพุทธเจ้า แต่เขาเชื่อตัวเองเท่านั้น พระพุทธเจ้า ท่านก็กำชับว่า อย่าเชื่อตถาคต แม้พระสารีบุตร ก็กล้าปฏิญาณ ต่อหน้า พระพุทธเจ้าว่า ไม่เชื่อพระพุทธเจ้า แต่เชื่อตัวเอง อย่างนี้ ในกรณีของธรรมะ เป็นอันว่า ในกรณีของธรรมะ ในพุทธศาสนานี้แล้ว ต้องเชื่อสิ่งที่เห็นได้ด้วยตนเอง ฉะนั้น พระพุทธเจ้า ท่านสามารถ ที่จะทรงแสดง ให้เขาทราบ เขาเห็นด้วยตนเอง ว่าการยึดมั่น ถือมั่น ว่าตัวกู ว่าของกู นี้มันเป็นทุกข์ และความเกิด นั่นมันเป็น ความเกิด ที่ทำให้เป็นทุกข์ ขึ้นมา ก็ต่อเมื่อ มีความยึดมั่น ถือมั่น ว่าความเกิดของกู นั่นเอง<o:p></o:p>
    เมื่อเห็นว่า ความยึดมั่นถือมั่นว่า ตัวกู-ของกู นี้เป็นความทุกข์แล้ว เสร็จไปขั้นหนึ่งแล้ว ท่านก็อธิบายต่อไปอีก ขั้นหนึ่ง ว่า ความรู้สึกว่า ตัวกู-ของกูนี้ มันเป็นมายา มันไม่ใช่ตัวจริง คือมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อได้ เห็นรูป ได้ฟังเสียง ได้ดมกลิ่น ได้ลิ้มรส ที่เรียกว่า สัมผัส แล้วเกิดเวทนา- แล้วเกิดตัณหา- แล้วเกิดอุปาทาน มันเพิ่งเกิดหยกๆ ตรงนี้ และชั่วครู่ ชั่วขณะเท่านั้น มันเป็นมายาอย่างนี้ โดยที่แท้จริงแล้ว มันไม่มี ตัวกู-หรือตัวเรา ของกู-หรือของเรา นี้มันไม่มี มันเป็นความเข้าใจผิด เป็นความยึดมั่น ถือมั่น ที่เกิดขึ้นมาจาก ความไม่รู้ หรืออวิชชา ในขณะที่เห็นรูป ฟังเสียง ดมกลิ่น ลิ้มรส สัมผัส หรือ คิดนึก ด้วยใจ นั่นเอง ท่านอุตส่าห์ ทรงพร่ำสอน ตรงนี้ จนผู้ฟังนั้น เห็นเองอีก เห็นได้ด้วยตนเอง ว่า มันไม่มีตัวกู มันมีแต่ความสำคัญผิด ว่าตัวกู เกิดขึ้นเป็น egoism อย่างที่อธิบายแล้ว แต่วันก่อนนี้ ขึ้นมาในใจ แล้วไปยึดมั่น ถือมั่น สิ่งนั้นว่า ตัวกู แท้จริงแล้ว ตัวกูไม่มี มีแต่จิต ที่ประกอบด้วย อวิชชา มันก็ต้องรู้สึกว่า ตัวกู เสมอไป ถ้าประกอบด้วย สติปัญญา คือ ว่างแล้วก็ไม่มีตัวกู เสมอไป แล้วอันไหนเป็น ความเท็จ อันไหนเป็น ความจริง ผู้นั้น ก็จะเห็นได้ด้วย ตัวเองทันทีว่า ที่ว่างจากตัวกู นั่นแหละคือความจริง เลยกลายเป็น บุคคลที่เห็นได้ว่า ตัวกูไม่มี เมื่อตัวกู มันไม่มีแล้ว ใครมันจะตาย แล้วใครมันจะเกิด การที่มาถามทีแรกว่า ตายแล้วเกิดไหม? นั้นจึงเป็น ปัญหาที่โง่ที่สุด คือมันไม่เป็นปัญหาเลย มันก็เลยหยุดไปเอง เพราะมันเป็น การตอบเสร็จ ไปเลยในตัวเอง ว่าไม่มีใครตาย ไม่มีใครเกิด ในทำนองที่ เกิดทางเนื้อหนัง ที่ตายเข้าโลง แล้วเกิดอย่างนี้ มันไม่มี มันมีแต่จิต ที่เปลี่ยนแปลงไป ตามสิ่งปรุงแต่งเท่านั้น มีความเกิดขึ้น แห่งความ ยึดมั่น ถือมั่น ว่า ตัวกู-ของกู เท่านั้น พอเรารู้แจ้ง เห็นจริง ในข้อนี้ เราขจัดมันไป เสียได้ สิ่งที่เรียกว่า ตัวกู-ของกู ไม่มี เรื่องก็จบกัน คือ สิ้นสุดกันลง เพียงเท่านั้น สิ่งที่เหลืออยู่ ก็เป็นเพียง จิตที่ว่าง ไม่มีความทุกข์เลย ไม่มีความรู้สึกว่า ตัวกู-ของกู มาวี่แววเลย ปัญหาเรื่อง ตายแล้ว เกิดหรือไม่ ก็เลยเป็นหมัน<o:p></o:p>
    ทุกๆอย่างนั้น เห็นได้ด้วยตนเองหมด ว่าที่พระพุทธเจ้า ท่านเรียกว่า ความเกิด ความแก่ ความตายนั้น มันหมายถึงอะไร? แล้วก็รีบ ขจัดสิ่งเหล่านี้ ออกไปให้หมด จนไม่มีการเกิดขึ้นมาเลย แล้วเรื่องก็สิ้นสุดลง ไม่ต้องพูดถึงชาติโน้น ไม่ต้องพูดถึงชาตินี้ ไม่ต้องพูดถึงชาติที่แล้วมา พูดแต่เรื่องเดี๋ยวนี้ ปัจจุบันอย่างยิ่ง ที่นี่และเดี๋ยวนี้ ที่จะต้องรีบศึกษา ให้เข้าใจ จนไม่มีความรู้สึกว่า เป็นตัวกู-หรือของกู นั่นแหละ แล้วร่างกายนี้ อัตตภาพนี้ ซึ่งประกอบอยู่ ด้วยร่างกาย และจิตใจนี้ จะเป็นของเด็ก หรือ ผู้ใหญ่ ของคนแก่ คนเฒ่า อะไรก็ตาม จะสะอาด ปราศจาก ตัวกู-ว่างจากตัวกู แล้วก็ ไม่มีความทุกข์เลย ในพระบาลี ก็ยังมีพูดถึง ผู้ที่เป็นพระอรหันต์ ตั้งแต่อายุเพียง ๑๕ ปี นี้ก็หมายถึงเป็นเด็ก แต่มีน้อยมาก มีแต่ที่พูดถึง ผู้สูงอายุ ได้เป็นพระอรหันต์นั้น เป็นจำนวนมากที่สุด เพราะว่า สามารถ ผ่านสิ่งต่างๆ มา ประจักษ์ชัด ด้วยตนเอง ทั้งนั้น กล่าวคือ มีความแจ่มแจ้ง ในทางจิต หรือทางวิญญาณ เป็นเรื่องๆ ไปอยู่เป็นประจำ เรียกว่า spritual experience, คือว่า experience อันนี้ไม่ใช่สัมผัส ทางเนื้อ ทางหนัง ทางวัตถุ แต่เป็นสิ่งที่เคย ถูกเข้าแล้ว โดยทางจิตใจ โดยทางวิญญาณ รู้รสมาแล้ว ทางจิตใจ รู้รสมาแล้ว ทางวิญญาณ ในส่วนลึก ว่า มันเป็นอย่างไร ซึ่งคนเรา ตั้งแต่เกิด ขึ้นมาแล้ว กว่าจะตายนี้ มันประสบ กับสิ่งเหล่านี้ นับไม่ถ้วน ถ้าเขาเป็นคนฉลาด สังเกตแล้ว สิ่งเหล่านี้ มันจะมีประโยชน์ มากที่สุด คือ มันจะสอน ให้ทุกคราวไปว่า ไม่มีสิ่ง ที่ควรเรียกว่า ตัวกู หรือ ของกู ทุกคราวไป ไม่เท่าไร เขาจะมีความรู้ มากพอ อย่างที่ว่า พระพุทธเจ้าตรัส สะกิดคำเดียว เขาก็เป็น พระอรหันต์แล้ว คือไม่กี่นาที ที่ได้คุยกับพระพุทธเจ้า ก็กลายเป็น พระอรหันต์ไป นี้เรียกว่า เป็นผลของ สิ่งๆเดียว คือความเข้าใจถูก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ เข้าใจถูก เรื่องความทุกข์ หรือในเรื่องที่ว่า "ความเกิด เป็นตัวความทุกข์" อันเป็นคำ ที่สำคัญ คำแรกที่สุด ที่ท่านทั้งหลาย จะต้องสนใจ และเข้าใจ.<o:p></o:p>
    ธ-มหา-๑ ๓๖/๑๓๙-๑๔๒<o:p></o:p>
    http://www.buddhadasa.com/FAQ/index_FAQ.html<o:p></o:p>
    เรื่องเทวดา เปรต โอปาติกะ เคนเอาบางส่วนมาลงไว้ให้อ่านแล้ว<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
     
  16. priscillaria

    priscillaria เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +112
    อ้าว...ข่มขู่หรือคุณ

    นึกว่าเป็นชาวพุทธมีธรรมะในหัวใจ

    เราเขียนหรือเสนอข้อมูลผิดตรงไหน

    คุณก็แย้งมาจิ

    ผู้ชายหรอป้าว...ท้าตีท้าต่อยกะผู้หญิง..ข่มขู่อีกตะหาก

    ก็บอกแล้วว่ามีเวลาเล่นแค่เดือนเดียว

    พรุ่งนี้ก็คงไม่ไดเล่นแล้ว

     
  17. priscillaria

    priscillaria เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +112
    ชาวพุทธควรมีเหตุผล
    ไม่ใช่ แค่อ่านตัวหนังสือที่ใครก็ไม่รู้พิมพ์ขึ้น
    แล้วต้องเชื่อว่าเป็นจริง
    นี้เป็นความคิดของเรานะ

    เราถึงต้องหาข้อมูลก่อนถึงจะเชื่อข้อความที่คุณโพสต์มา
    แล้วถ้าข้อมูลที่เอามาจากเว็บพุทธทาส
    ที่เค้าเขียนถึงคำสอนของผู้ที่คุณว่าเป็นเดรถีย์
    มันผิดตรงไหนคุณก็ชี้มาได้
    เราเห็นด้วยหรือไม่อย่างไร
    ค่อยมาให้เหตุผลกันอีกครั้ง
    ไม่ใช่ท้าตีท้าต่อย
     
  18. chatyamn

    chatyamn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    664
    ค่าพลัง:
    +4,057
    ทุกอย่างที่เห็นล้วนแต่เป็นสมมุติมันไม่ใช่วิมุติ....ไม่มีอะไรที่เป็นของจริง....ในเอกภพนี้ที่เป็นของจริงก็พระรัตนตรัยเท่านั้น......เมื่อไหร่ที่รู้สึกทุกข์ใจก็ต้องเข้าถึงธรรมชาติ ธรรมะ ไม่มีโกรธแค้นใคร ๆ แม้จะด่าพ่อแม่เรา อิอิ...ถ้าทำได้จริง ๆ ก็จบกิจแล้ว....เขียนขึ้นมาลอย ๆ นะ....ตามความรู้สึก อิอิ...
     

แชร์หน้านี้

Loading...