เรื่องเด่น กานดาวศรี ตุลาธรรมกิจ บทเรียนวิชามรณสติ

ในห้อง 'พุทธศาสนากับคนดัง' ตั้งกระทู้โดย ธิดารัตน์, 9 กันยายน 2010.

  1. ธิดารัตน์

    ธิดารัตน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,939
    ค่าพลัง:
    +4,568
    กานดาวศรี ตุลาธรรมกิจ
    บทเรียนวิชามรณสติ

    [​IMG]

    [​IMG]

    เรานัดสัมภาษณ์คุณฟ่ง-กานดาวศรี ในช่วงเวลาที่เธอเดินทางจากหาดใหญ่ขึ้นมานครปฐม เพื่อรับหน้าที่วิทยากรให้กับโครงการอบรม ‘เผชิญความตายอย่างสงบ’ ของเครือข่ายพุทธิกา
    ในฐานะวิทยากร เธอคือผู้ถ่ายทอดประสบการณ์การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายในบทบาทของพยาบาล ที่อุทิศตนทำงานด้านนี้มากว่า 20 ปี
    นอก จากหน้าที่การงานประจำในหน่วยรังสีรักษา ของโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ คุณฟ่งยังเป็นอาสาสมัครดูแลผู้ป่วยเรื้อรัง โดยเฉพาะจากโรคมะเร็ง ให้จากไปอย่างสงบ เธอใช้เวลาหลังเลิกงาน และวันหยุดมาดูแลผู้ป่วย โดยไม่มีคำว่าเหน็ดเหนื่อย
    เพราะครั้งหนึ่งชีวิตเธอเคยเจอกับ ประสบการณ์เฉียดตาย จึงทำให้รู้ซึ้งถึงคุณค่าของการมีชีวิตอยู่ จากวันนั้นเป็นต้นมา เธอตั้งสัจจะไว้ว่า จะขอทำความดีทั้งในและนอกหน้าที่ โดยเลือกทำความดีทุกวันจากการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายให้สามารถเผชิญกับความ ตายอย่างสงบ ไม่ตื่นตระหนก ทุรนทุรายรวมทั้งทำให้ผู้เป็นญาติมิตรได้ตระหนักถึงความสำคัญของการใช้ชีวิต อย่างมีคุณค่า
    เป็นการเยียวยาของบุคลากรทางการแพทย์คนหนึ่งที่ ไม่ได้อาศัยเพียงแค่ตัวยาแพง ๆ หรือเครื่องมืออุปกรณ์การแพทย์ เทคโนโลยีนำสมัย แต่เป็นการเยียวยาด้วย ความรัก ความเมตตา และความเข้าใจ





    [​IMG] ประสบการณ์เฉียดตายเกิดขึ้นกับคุณฟ่งเมื่อ...
    ประมาณ 20 กว่าปีแล้ว ตอนตั้งครรภ์ลูกคนแรกตอนนั้นท้องได้ประมาณ 7 เดือนกว่า เกิดอาการครรภ์เป็นพิษอย่างรุนแรง ถูกส่งเข้ามารักษาที่กรุงเทพฯ เพราะตอนนั้นโรงพยาบาลที่ทำอยู่เป็นโรงพยาบาลขนาดเล็กในต่างจังหวัด ต้องเข้าห้องผ่าตัดด่วน ตอนที่หมอกำลังปั๊มหัวใจ ได้ยินเสียงหมอพยาบาลพูดกันว่า...ช่วยด้วยชีพจรเขาเต้นเร็วมาก หายใจก็เร็ว หาเส้นไม่ได้ ทุกคนต้องมาช่วยตรงนั้น เราได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย เสียงการช่วยเหลือชีวิตเรา ความรู้สึกตอนนั้นสำหรับเราคือไม่อยากตาย คิดว่าถ้าตายแล้วเด็กที่ออกมาใครจะดูแล ใจเราปฏิเสธความตาย ไม่ได้เตรียมตัวไว้เลย เวลานั้นภาพหนึ่งที่เกิดขึ้นคือ เห็นดวงไฟปรากฏขึ้นในความมืด ดวงไฟก็ค่อย ๆ สว่าง จนมองเห็นผู้ชาย 4 คน เดินแบกโลงศพเข้ามา มีผู้เดินนำหน้ามาอีก 1 คน คนที่เดินนำหน้าส่งเสียงบอกว่า “ตามเราไป” ตัวเองก็ต่อรองกับเขาว่าฉันขออยู่ต่อได้ไหม ถ้าให้ชีวิตอยู่ต่อฉันจะขอทำความดีทั้งในและนอกหน้าที่ หลังจากนั้นก็สลบไป ตื่นมาอีกครั้งหนึ่งมีเครื่องช่วยหายใจ แต่พูดไม่ได้ กวักมือเรียกขอปากกากับกระดาษ คือเราไม่อยากจะอยู่เตียงนี้แล้ว ในภาพนั้นเรากลัว ที่เราเห็นเป็นผีไหม เป็นยมทูตไหม หรือเกิดจากออกซิเจนไปเลี้ยงสมองน้อย หรือจิตใจที่ไม่สงบ กระสับกระส่าย แต่ในเมื่อเราปลอดภัย รอดตายมาได้ สัจจะที่เราพูดไว้กับใครบางคน ก็ควรทำตามนั้น และจากนาทีความเป็นความตาย ทำให้เราตระหนักถึงคุณค่าของชีวิต รู้สึกเลยว่าชีวิตที่เหลือคือกำไร เราจะใช้ชีวิตยังไงให้มีคุณค่าและสมศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์


    [​IMG] หลังจากที่ฟื้นขึ้นมา สิ่งแรกที่คิดจะทำคืออะไร
    พอกลับ ไปทำงานก็เริ่มให้ความรักกับคนไข้ทุกคน ไม่เลือกว่าเธอจะร่ำรวยหรือยากจน เราจะฟังมากขึ้น และลดอัตตาตัวตน ไม่ด่วนตัดสิน ฟังให้จบ แล้วก็นึกภาพว่าตอนที่เราทุกข์จริง ๆ เรารู้สึกยังไง ในหลาย ๆ อย่างที่คนไข้เขาพบ บางทีมีปัจจัยทางด้านอื่นประกอบด้วย เช่น ปัจจัยครอบครัว ปัจจัยสังคม ปัจจัยอะไรหลาย ๆ อย่าง นอกจากร่างกายทางกายภาพที่กู่ไม่กลับ ของเรายังกู่กลับเพราะครรภ์เป็นพิษ ไม่ใช่โรคมะเร็ง โรคร้าย โรคอะไร บางอย่างที่มีแต่แย่ไปเรื่อย ๆ บางโรคของคนไข้ไปแล้วกลับมาไม่เหมือนเดิม เช่นเกิดอุบัติเหตุแล้วเกิดมาอยู่ในสภาพที่ต้องอัมพาต อย่างนี้ทุกข์นะ


    [​IMG] บางคนอาจมองว่าวิถีของการทำดีมีได้หลาย ๆ แบบ ทำไมคุณถึงเลือกดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายล่ะคะ
    มัน อยู่ในเนื้องานโดยตรง เราทำได้ทุกวันทั้งในและนอกหน้าที่ การที่เราอยากจะไปทำบุญที่วัด ไปตามสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้า คนชรา เราก็ไปได้ในวันหยุด แต่เราไม่สามารถจะทำได้ทุกวัน แล้วชีวิตคนเป็นชีวิตที่น่าเรียนรู้ ถ้าไม่ทุกข์สุด ๆ จะไม่รู้หรอกว่าเป็นยังไง การเจ็บป่วยนั้นไม่ได้เกิดกับญาติของเรา พ่อแม่ของเรา จะไม่รู้ว่าเขาทุกข์ยังไง


    [​IMG] ธรรมะ บอกเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมดา สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ที่เห็นและอยู่กับเรื่องพวกนี้ตลอด อย่างคุณฟ่งคงมองเป็นเรื่องธรรมดาได้ แต่สำหรับคนทั่วไปล่ะคะ มีวิธีทำยังไงให้เขายอมรับมันได้ง่าย หรือพยายามทำใจว่าเป็นเรื่องธรรมดา
    คิด ว่าเป็นเรื่องยากนะ ที่จะทำให้มองว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่เราจะทำยังไงให้กายป่วยแต่ใจไม่ป่วย คือเวลาที่ดิฉันจะใช้ธรรมะเข้ามาต้องดูบริบทด้วยว่าจะดึงเขายังไง บางทีต้องดึงด้วยเพื่อนที่ป่วยด้วยกัน หรือที่เคยป่วยมาแล้ว มีความคิด positive จะไม่เอาคน negative หรือคนที่มีทุกข์มากเพราะจะไปช่วยโชว์คนอื่นไม่ได้ อย่างบางคนเป็นมะเร็งหลอดอาหาร ไม่ยอมเจาะคอ หมอคุยยังไงก็ไม่ยอม เราเลยเตรียมคนไข้คนหนึ่งที่มี positive thinking เขาเป็นคนไข้ที่ต้องเจาะท้อง พาเขาไปเจอลุงคนที่ไม่ยอมเจาะคอ และให้เขาคุยกันว่าการเจาะมันไม่เจ็บเลย พร้อมบอกเหตุผลว่าที่จำเป็นต้องเจาะเพราะอะไร เพราะเรากินอาหารด้วยวิธีปกติไม่ได้ เอาแต่น้ำเกลือน้ำอาจท่วมปอดมีแต่เกลือแร่อย่างเดียว สารอาหารไม่พอ ต่อไปจะขาดโปรตีน เนื้อเราจะบวมฉุ ชีวิตที่เรามีอยู่ตอนนี้ไม่ควรจะเสียไปจากการขาดอาหารตัวนี้เพราะลำไส้เรา ยังดี เราสามารถทำความดีได้ เป็นตัวอย่างให้คนอื่นได้ เขาก็ยอม


    [​IMG] หากไม่เคยเจอประสบการณ์เฉียดตาย คิดว่าวันนี้ชีวิตจะเป็นอย่างนี้ไหมคะ
    คง ไม่เป็นอย่างนี้หรอก อาจเป็นคนที่อยู่เรื่อย ๆ ไปวัน ๆ เป็นพยาบาลทำหน้าที่เรื่อย ๆ แต่พอเจอเหตุการณ์ตรงนั้นก็พลิกวิกฤตเรา ต้องขอบคุณการเฉียดตาย และขอบคุณคนไข้ทุกคนที่มาให้เราได้ทำความดี มาเป็นครูสอนเรา แต่ละบทสอนไม่เหมือนกันเลย ถึงวันนี้ก็ยังเป็นนักเรียนอยู่ และคงเป็นไปตลอดชีวิต

    [​IMG]


    ขอบคุณที่มา ... http://www.kwanruen.com
     
  2. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    สาธุ ขออนุโมทนาเป็นอย่างสูงครับ

    เว็บทางนิพพาน เว็บไซด์ เผยแพร่ ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น<O:p
    ที่รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน<O:p
    ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่
    www.tangnipparn.com
    <?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p>ขอเชิญแวะเยี่ยมชมและโมทนาบุญเว็บศูนย์พุทธศรัทธา
    [​IMG]</O:p>​
     
  3. pimapinya

    pimapinya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2010
    โพสต์:
    883
    ค่าพลัง:
    +2,044
    ความตายเป็นสิ่งไม่น่ากลัวค่ะ แต่ตอนที่เรายังเป็นมนุษย์อยู่นี่เราได้สร้างอะไรดีๆ ไว้บนโลกนี้หรือเปล่า อันนี้ต่างหากเป็นสิ่งที่น่ากลัว ขออนุโมทนาสาธุค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...