การเดินจงกรม

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย SP2517, 23 มกราคม 2009.

  1. SP2517

    SP2517 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2009
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +24
    อยากจะถามผู้รู้ ว่า การเดินจงกรม จำเป็นต้องเดินช้าๆ หรือไม่ หรือเดินตามปกติแต่มีสติรู้ตัวตลอด

    เวลาผมเดินจงกรม ถ้าเดินช้าๆ ความฟุ้งซ่านมาเพียบเลย แต่ถ้าเดินปกติ ไม่ช้าไม่เร็ว จะมีสมาธิในการเดินมากกว่า

    และท่านใดมีวิธีแนะนำในการเดินจงกรมที่ท่านปฎิบัติแล้วได้ผลดีบ้างครับ
     
  2. kurochang

    kurochang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +111
    ผมก็ไม่ได้มีความรู้อะไรมากมายนะคับ แต่เคยอ่านหนังสือของหลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท

    ท่านเกือบจะวิ่งจงกรมเลยนะคับ ก็ท่านพุธ โธ รัวเป็น m16 เลยยล่ะคับ

    สิ่งสำคัญ คือ ทำใจสบายๆ คับ

    โมทนาคับพี่
     
  3. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,608
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,019
    ผมไม่รู้ครับ เเต่เดาว่าเดินตามเราถนัดดีกว่า จริตทุกคนไม่เหมือนกัน เเต่เอาจริงๆ เดินเเบบไม่เร็วไปช้าไปจะดีที่สุดครับ
     
  4. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ความคิดเห็น....เคยฟังพระท่านเทศน์ จงกรมแปลว่าก้าวไป จะเดินเร็วเดินช้า หากสติเกิดเรียกว่าเดินจงกรม สมัยก่อน พระนั่งสมาธิกันมาก หมอชีวก ก็เลยไปถามพระพุทธเจ้าว่าจะทำอย่างไร เพราะพระนั่ง มากๆแล้วท้องอืด พระพุทธเจ้าก้เลยให้ออกกำลังกาย แต่พระจะมาออกกำลังกายก็ไม่เห็นน่าดูเท่าไร จึงให้ เดินจงกรมแทน หากเดิน แล้วจดจ่อ ในอารมณ์ ก็เป็นการทำสมถะก่อน หากเดินแล้วมีสัมมาสติเกิด ขึ้น รู้เท่าทันอารมณ์ ก็เป็นการเดินจงกรมที่เป็นวิปัสนา
     
  5. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    เน้นทางไหนหละครับ ถ้าจะเน้นทางวิปัสสนา คุณก็ต้องเลือกเดินท่าที่
    เดินแล้วเห็นความฝุ้ง เพราะเราจะทำการเห็นทุกข์ (ทุกขา อริสัจจา ปริญญญัง-
    ทุกขเป็นของควรรู้รอบ ) หากเราเห็นฝุ้งก็แปลว่าตามเห็นอยู่ นี่ก็คือ ทำวิปัสสนา

    แต่ถ้าฝุ้งไม่ไหวละ หรือ ไม่หละวันนี้ควรทำเพื่อความสงบ คุณก็เดินในท่า
    ที่เดินแล้วทำให้สงบ ความสงบคือผลของสมถะ

    พอสงบแล้ว จิตมีกำลังแล้ว(มีองค์ธรรมสุขสะสมอยู่) ก็จะสามารถทนการดูฝุ้งได้(อย่างมีสมาธิ)
    [ จะเห็นว่า ความสุขที่ได้จากผลการทำสมถะ จะเป็นบาทหรือเหตุใกล้ให้เกิด สมาธิ ในการตั้ง
    มั่นในการตามดู ตามรู้ทุกข์ ]

    พอฝุ้งมากไปแล้ว ดูไม่ได้ ดูแล้วจิตมันไม่ห่าง เป็นผู้รู้ผู้ดู มันกระโดดไป
    เป็นผู้ร่วมฝุ้งเสียแล้ว แบบนี้ก็ต้องกลับมาทำสมถะ เก็บกำลังให้การวิปัสสนา

    เราก็ทำสลับไปแบบนี้ เรียกว่า
    "เจริญ สมถะ และ วิปัสสนา ด้วยปัญญาอันยิ่ง" ( พุทธพจน์ )

    ไม่ต้องเลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่งนะครับ ถ้าจะให้ดี คุณพิจารณาแล้ว
    ว่าวันนี้สมควรทำอย่างไร ก็ให้ทำอย่างนั้น อย่าตั้งความจงใจไว้ว่า วันนี้
    ฉันจะทำอย่างนั้นจะทำอย่างนี้ เราต้องปล่อยให้เกิดตามความเหมาะสม
    ของพื้นจิตขณะนั้น แบบนี้จะพอดี คือ จิตมันจะเป็นกุศลเต็มที่ เขาจะ
    พร้อมรับการอบรมโดยที่เขาพร้อม เราไม่ได้ยัดเยียดให้ จะให้ผลเร็ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มกราคม 2009
  6. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    โมทนากับทุกท่านที่ตอบครับ.....ผมบางครั้งก็วิ่งจงกรมนะ(ตอนออกกำลังกายอ่ะ)......
     
  7. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    เวลาผมมีโอกาสเดินจงกรม ผมจะเดินรู้ความคิด รู้จิตลงไปตรง ๆ เลย

    เดินไปความคิดโผล่ขึ้นมา เผลอไปแล้ว มารู้ทันความคิด ดูความคิด ดูจิต จิตเป็นอย่างไร จิตเกิดอาการอย่างไร ดูที่จิตลงไปตรง ๆ สมมุติว่า..ถ้างงว่าจิตอยู่ที่ไหน ดูอาการของจิตที่ส่งผลมาที่กายแทนเลยก็ได้ เช่น เวลาจิตเกิดลมหายใจจะเปลี่ยนไป เวลาจิตเกิดหงุดหงิดจะหน้านิ่วคิ้วขมวด จิตเกิดตกใจใจหายวูบ ใจสั่น ดูความสัมพันธ์ระหว่างความคิดกับจิตใจ มันวิ่งเข้าไปพัวพันกันได้อย่างไร ดูตามความเป็นจริงในปัจจุบันนั้นด้วยสติ อย่าเดา อย่าเอาความจำเก่า ๆ มาปรุงแต่ง คิดเองเออเอง ต้องฝึกให้เห็นจริง ๆ ตามอาการนั้น ถ้าเห็นภาวะที่จิตเข้าไปหลงความคิดนั้นได้ทันจริง ๆ ปัญญาตัวจริงก็จะเกิดเอง ต่อไปเมื่อเข้าใจอะไร ๆ มากขึ้น ๆ เขาก็จะวางของเขาเอง

    เอ้อ..ลืมบอกไป จะเดินดูความคิดดูจิตเลยทีเดียว จิตต้องตั้งมั่นพอสมควรนะ ไม่งั้นเวลาผัสสะมากระทบก็จะไม่เป็นกลาง ถ้าจิตไม่เป็นกลางพอ เดี๋ยวมันก็หลงความคิดไปอีกครับ หลุดจากความคิดหนึ่งไปเจออีกความคิดหนึ่งอยู่ดี หนีเสือปะจระเข้ครับ เอาสติให้ต่อเนื่อง สมาธิให้มั่น ๆ ไว้ก่อนนะครับพี่น้อง..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มกราคม 2009
  8. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,063
    ค่าพลัง:
    +2,676

    อันนี้วิธีของผมเวลาเดินจงกลม..นะครับและมีอีกหลายๆวิธี (ตอบให้ละเอียดดีกว่าเดี๋ยวโดนอีก)

    เวลาเดินก็เอาจิต(ความรู้สึก) ไปจับที่แผ่นเนื้อหนังที่สัมผัสพื้นดินนั่นแหละครับ สมมติว่าก้าวท้าว(ไหนก่อนก็ได้) แล้วส้นเท้าสัมผัส ก็ให้รู้ที่ส้นเท้า แล้วสัมผัสก็ไหลเรื่อยไปจนถึงปลายเท้า จากนั้นสัมผัสใหม่จะเกิดก็ต่อเมื่อท้าวอีกข้างเริ่มสัมผัสพื้น ทำอยู่อย่างนี้
    ไปเรื่อยๆ ทำไปจนเห็นว่ามีอะไรซักอย่างทีวิ่งไล่สัมผัสนั้นๆ..(เห็นที่นี้คือใจเห็นนะครับ อย่าเข้าใจหมายถึงอย่างอื่น)
    จะวิ่งก็ยังได้เลยครับ มันจะได้เ็ห็นชัด (เห็นอะไรน้อ ??)

    (ต่อไปนี้เรากระทำเอง ไม่มีในตำรา)
    ทีแรกก็คิดไม่ออกว่าให้เดินจงกลมทำไม แล้วพอบอกว่าเวลาเดินผมกำหนดที่ลมหายใจ ปรากฏว่าผิด แล้วพระท่านไม่บอกว่าให้เดินเพื่ออะไร งงอยู่เป็นนาน..
    จนกระทั่ง เดินเหยียบหิน แล้วมันเจ็บคราวนั้นแหละมัน ปิ้ง เลย
    ถ้าส้นเท้ามันด้านรับสัมผัสได้ยากก็กระทืบเท้าให้เจ็บก่อน แล้วเดินค่อยๆเดินแล้วจะรู้สัมผัสได้ชัดเจนขึ้น (อาจจะผิดฉนั้นรับฟังไว้เฉยๆดีกว่า)

    การเดินจงกลมนี้ก็อยู่ในข้อธรรมปฏิบัติในไหนน๊า..จำไม่ได้ ?
    คับคล้ายคับคราว่าจะอยู่หมวดกายในกายอะไรนี่แหละ ไม่แน่ใจ...
    ใครรู้ช่วยตอบด้วยนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มกราคม 2009
  9. พลรัฐ

    พลรัฐ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    610
    ค่าพลัง:
    +1,111
    ....ธรรมทั้งหลาย มีใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน สำเร็จด้วยใจ....ทั้งนั่ง ยืน เดิน นอน
     
  10. บัวใต้น้ำ

    บัวใต้น้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2004
    โพสต์:
    888
    ค่าพลัง:
    +1,937
    พ่อแม่ สอนเราเดินตั้งแต่เด็ก เราก็เดินมาจนถึงโต

    เราก็เดินแบบที่เราเดินเป็นปกติ

    พอคิดจะเดินจงกรม ก็ไม่ต้องไปดัดแปลงการเดินให้มันแปลก หรือเปลี่ยนแปลกไปจากเดิน

    เดินเป็นปกติ แต่ให้มีสติรู้ในการเดิน ไม่หลงเลือนลอยแบบเดิมๆ

    เดินไปใจลอยไปก็ให้รู้ เดินไปหลงคิดเรื่องต่างๆนาๆ ไม่อยู่กับการเดิน ก็ให้รู้

    ถ้าเราไม่ดัดแปลงการเดินของเราแล้ว เวลาเราเดินในชีวิตประจำวัน ก็เป็นการเดินจงกรมไปในตัวทั้งวัน
     
  11. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    นั่นหละผมก็ใช้วิธีนี้นะ.....
     
  12. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    กินแบบแห้งๆ จืดๆ
    ชอบกินแบบ มีน้ำ มีเนื้อ มีกระดูก มีผัก มีปรุง โอ้ย ได้หลายรส...
    กินแต่กระดูก เคี้ยว ยากจริง.....[​IMG][​IMG] [​IMG][​IMG] [​IMG]
     
  13. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,608
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,019
    การเดินจงกรม 1 - Walking meditation 1 Stage


    การเดินจงกรม 2 - Walking meditation 2 Stage


    การเดินจงกรม 3 - Walking meditation 3 Stage


    การเดินจงกรม 4 - Walking meditation 4 Stage


    การเดินจงกรม 5 - Walking meditation 5 Stage


    การเดินจงกรม 6 - Walking meditation 6 Stage
    https://www.youtube.com/watch?v=-BZf4nF8DU8

    พอดีผมไปเจอมา ใครสนใจก็ดูแล้วนำไปปฏิบัติได้เลยครับ อนุโมทนาครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...